การขับรถเปิดประทุนไม่ใช่แค่การเดินทางจากจุดหนึ่งไปยีงอีกจุดหนึ่งเท่านั้น เมื่อไม่มีหลังคามาคอยกั้น นั่นจะเป็นประสบการณ์ที่ช่วยกระตุ้นทุกประสาทสัมผัส ปลุกเร้าความรู้สึก เมื่อเปิดหลังคา ลมและกลิ่นต่างๆ จะเข้ามาให้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นไอดินหลังฝนตก กลิ่นฟางที่โดนแสงแดด กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกเส้นทาง ซึ่งในบางครั้งก็จะได้กลิ่นปลาหมึกตากแห้ง กลิ่นต้มยำทำแกง กลิ่นเปลือกกุ้งเน่าและกลิ่นหมาตาย มันแล้วแต่เส้นทางที่คุณกำลังขับผ่านและทำการเปิดหลังคาวิ่ง ประเทศไทยมีเวลาสำหรับรถเปิดหลังคาสั้นมากๆ แต่ละปีที่ลมหนาวโชยมา พวกที่มีรถเปิดหลังคาถึงกับครางออกมาด้วยความสุขสมหวัง ถ้าคุณเลือกเส้นทางให้เหมาะสมกับการขับรถเล่น เมื่อไร้หลังคา ทัศนียภาพรอบตัวจะไม่มีสิ่งกีดขวางอีกต่อไป มนต์เสน่ห์พิเศษบางอย่างที่แฝงอยู่ในรถเปิดประทุนนั้นยากที่จะอธิบายว่า ทำไมการขับรถเปิดประทุนถึงทำให้เจ้าของมีความสุข?
การขับรถเปิดประทุน ให้ความรู้สึกอิสระ ท้องฟ้าที่เปิดโล่งด้านบนไร้การบดบังจากหลังคาที่เคยชินมาตั้งแต่เด็กๆ ความรู้สึกนี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ด้วยขนาดของรถเปิดหลังคาที่ยิ่งเล็กเท่าไหร่ คุณก็จะรู้สึกมากยิ่งขึ้นเท่านั้น การขับ S500 Carbiolet นั้นแตกต่างจาก MINI Convertible ทั้งขนาดและน้ำหนัก ใน S เปิดหลังคา ดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยโลหะที่แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยความสบาย ส่วน MINI Cooper S Convertible ทุกอย่างที่กะทัดรัดของมันส่งถ่ายอารมณ์ของรถโรสเตอร์ในอดีตมากกว่าจะเป็นรถแฮตชแบคเล็กๆ ที่ถูกนำมาหั่นหลังคา ในโลกแห่งความเป็นจริง มนุษย์ถูกรายล้อมไปด้วยภาระผูกพันและความรับผิดชอบต่างๆ นาๆมากมายจนบางครั้ง ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ การขับรถเปิดประทุน เป็นช่วงเวลาที่เหมือนการปลดปล่อยปัญหาและความเครียดที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน
...
รถเปิดประทุน เชื่อมต่อกับโลกภายนอกด้วย กระแสลม กลิ่นของธรรมชาติ เสียงรอบข้าง ทัศนียภาพ ที่ประสาทสัมผัสจะช่วยให้ยึดเหนี่ยวตัวเองอยู่ในช่วงเวลานั้น การมีสติ เป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพจิตที่ดี เพราะช่วยให้เราอยู่กับปัจจุบัน ไม่ถูกครอบงำด้วยความกังวลหรือความคิดเชิงลบ การขับรถเปิดประทุนกลายเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อตัวตนระหว่างอดีตกับปัจจุบันให้มีความสมบูรณ์
MINI เปิดประทุนคันแรกของโลก เป็นผลงานของ David McMullan ผู้จัดการฝ่ายขายของ Lambretta Trojan of Croydon และ Jeffrey Smith หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมและการออกแบบ Engineering and design ของ Lambretta ทั้งสองคน ร่วมมือกันทำในสิ่งที่ตัวเองคลั่งไคล้ นั่นก็คือ การสร้างรถเปิดหลังคาเท่ๆสักคัน ด้วยมิตรภาพและความร่วมมือที่ยาวนาน รวมถึงวิสัยทัศน์หรือความชอบที่เหมือนกัน นั่นก็คือ การเปลี่ยน MINI รุ่นใหม่ให้กลายเป็นรถเปิดประทุน ในปี 1962 รถ MINI รุ่นใหม่ยังหายาก David และ Jeffrey จึงมีเงินซื้อได้เพียง MINI รุ่นแรกสุดของปี 1959 ที่ใช้งานมาแล้วถึงสามปี สำหรับการทดลองในครั้งแรก รถ MINI คันนี้ จดทะเบียนหมายเลข AFO 887 ทั้งสองคนรวมถึงทีมช่าง ทำการดัดแปลงในช่วงดึก เนื่องจากทั้งคู่ต้องทำงานประจำที่ Lambretta เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว
แต่ละวันตั้งแต่เช้าจดเย็นของ David และ Jeffrey เต็มไปด้วยการทำงานที่ Lambretta พอตกค่ำ ทั้งคู่ก็ยังอดหลับอดนอนกับการตัดหลังคาและดามแชสซี เพื่อดัดแปลงรถ MINI ให้กลายเป็นรถเปิดหลังคา การทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ ในโรงซ่อมที่เมืองสตรูด รัฐเคนต์ แม้จะมีตารางงานที่ยุ่งเหยิงทั้งวัน David ก็ยังหาเวลาไปเยี่ยมภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกอยู่ที่โรงพยาบาล หลายครั้งที่เดวิดถูกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำหนิเรื่องมือที่สกปรกเลอะเทอะน้ำมันเครื่อง จารบี บางวันก็มีชิ้นส่วนรถมินิเข้าไปในห้องผู้ป่วยด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่พอใจ
...
เดือนสิงหาคม ปี 1962 Sean ลูกชายคนแรกของ David ก็ถือกำเนิดขึ้น เพียงไม่กี่นาทีหลังคลอด David และ Jeffrey มุ่งหน้าไปยังเมืองสตรูดเพื่อขับรถทดสอบที่เป็น "ลูกรัก" ของพวกเขา นั่นก็คือรถ MINI AFO 887 ที่ดัดแปลงเป็นรถเปิดประทุนแล้ว การออกสู่ท้องถนนเป็นครั้งแรกด้วยเจ้าตัวเล็กเปิดหลังคาทำให้ทั้งคู่รู้สึกตื่นเต้น
ในที่สุด David และ Jeffrey ก็ออกจาก Lambretta Trojan และทำการก่อตั้งบริษัท Crayford ด้วยเงินลงทุนร่วมกันแค่ 20 ปอนด์ บริษัทใหม่แห่งนี้ มีเพียงกล่องเครื่องมือคนละกล่อง หลังจากนั้น รถ Mini เปิดประทุนคันแรกของพวกเขาซึ่งถูกพ่นด้วยสีฟ้าอ่อน ได้ถูกเปิดตัวต่อสื่อมวลชนทั่วประเทศอังกฤษ ในวันที่ 3 มิถุนายน 1962 หน้ายานยนต์ของหนังสือพิมพ์ Daily Mail ลงตีพิมพ์ว่า การเปิดตัวประสบความสำเร็จอย่างงดงาม MINI Convertible ดึงดูดเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายรถเปิดหลังคา ตามด้วยการสั่งซื้อจำนวนมาก ราคาในการดัดแปลงรถ MINI ให้กลายเป็น รถเปิดประทุนแบบ Convertible ถูกตั้งไว้ที่ 690 ปอนด์ สำหรับการลงมือลงแรงกับรถ MINI ใหม่ สำหรับการดัดแปลง MINI ที่ใช้งานแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 129 ปอนด์
...
ความสำเร็จของบริษัท Crayford กิดขึ้นเมื่อ MGM นำรถ Crayford Mini Cooper รุ่นใหม่ มาใช้ในภาพยนตร์ขาวดำเรื่อง “Night Must Fall” นำแสดงโดย Susan Hampshire และ Albert Finney ดารานำทั้งสองคน ขับรถ Crayford MINI คันนี้ตลอดทั้งเรื่อง เมื่อภาพยนตร์ออกฉาย ภรรยาของ David ดูหนังเรื่องนี้ถึงสามรอบภายในบ่ายวันเดียว
บริษัท Crayford แนะนำรถรุ่นต่างๆ โดยอิงจากรถยนต์ Austin และ Morris ต่อมา มีการผลิตรถเปิดประทุน Clubman รุ่น Mk.1 ในช่วงแรกนั้นหลังคาออกแบบให้เปิดโล่งได้ทั้งหมด มีกระจกข้างด้านหลังที่ดึงออกมาได้เหมือนกับรถ Morgan นอกจากนั้นยังมีการดัดแปลงที่เรียกว่า sunshine โดยมีด้านข้างยึดด้วยไม้แบบตายตัว บริษัท Crayford ได้สร้างรถ MINI Clubman เปิดประทุน สำหรับชายหาด (แบบพิเศษ) มีด้านข้างคล้ายรถจี๊ปสำหรับกรรมการผู้จัดการของ Bristol Street Motors เพื่อใช้ที่วิลล่าส่วนตัวในสเปน
ปัจจุบัน รถ Crayford Mini รุ่นแรก หายากมากๆ และมีราคาแพงลิบ โดยยังคงเหลืออยู่เพียง 15 คันเท่านั้น เนื่องจากความต้องการสูงมาก จึงมีของปลอมออกมาปะปน
...
ปี ค.ศ. 1965 Alec Issigoni (ผู้ออกแบบ Mini รุ่นแรก) ลงมือดัดแปลง MINI ให้เป็นรถเปิดประทุนสองที่นั่ง ซึ่ง Alec ก็ใช้เป็นรถส่วนตัวอยู่ช่วงหนึ่งแต่ไม่ได้มีการขึ้นไลน์ผลิตอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ดังนั้น MINI Convertible คันแรกของโรงงาน จึงถือเป็น MINI เปิดประทุน คันที่สองที่เคยถูกสร้างขึ้น! ปัจจุบัน MINI เปิดหลังคารุ่นประวัติศาตร์ ทะเบียน 627 HUE อยู่ในความครอบครองของ Mr. Maruyama เศรษฐีเบอร์ต้นๆ ที่ชอบสะสมรถเก่าในประเทศญี่ปุ่น
MINI Convertible ที่ถูกผลิตออกขายอย่างเป็นทางการ ปรากฏตัวครั้งแรกที่งาน NEC Motor Show เมื่อปี 1992 มีสีตัวถังสองสี ได้แก่ Nightfire Red หรือ Caribbean Blue เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร แผงหน้าปัดวอลนัทสุดหรู และเบาะนั่งแบบสปอร์ต Cobra
MINI Convertible เจเนอเรชันที่ 4 โฉมล่าสุดประจำปี 2025 มีสไตล์ที่คล้ายคลึงกับโฉมที่แล้ว แต่มีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้ทันสมัยขึ้นโดยเฉพาะส่วนหน้า ไฟหน้า กระจังหน้า กันชน ล้อ ไฟท้าย Union Flag ไฟหรี่ LED Daytime Running Light ที่คล้ายของเดิม หลังคาผ้าใบสีดำลายธงยูเนี่ยนแจ็คสีเทา ล้อลายใหม่ หน้าจอระบบนำทางแบบดาวเทียม OLED แบบใหม่ การรีเฟรชเพิ่มเติมของ Convertible ปี 2025 มีการปรับแต่งสไตล์และชุดอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมนับสิบจุด แต่หลังคาผ้าเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้านั้นยังเหมือนเดิม (เนื่องจากของเดิมใช้งานได้ดีอยู่แล้วจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง) พวกมันใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับการปรับปรุงจากแพลตฟอร์มเดิม (ตรงข้ามกับแพลตฟอร์มไฟฟ้า JO1 ใหม่ ที่พัฒนาร่วมกับ Great Wall Motors ของจีน) MINI กำลังพิจารณาผลิตรุ่นเปิดประทุนไฟฟ้าอยู่ แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีการตัดสินใจใดจากผู้บริหารระดับสูงใน BMW แต่ในอนาคต กระแสของรถไฟฟ้าที่เริ่มเข้ามาแทนที่รถสันดาป อาจทำให้ MINI ตัดสินใจเพิ่มรุ่นเปิดหลังคาขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์
MINI Cooper S Convertible 2025 ราคา 3,199,000 บาท ใช้เวลาเปิดหลังคาแค่แวบเดียวเท่านั้น หลังคาผ้าขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าของ MINI จะเปิดออกเพื่อทำให้คุณได้สัมผัสกับอากาศเย็นที่แสนจะสดชื่น หลังคาผ้าพับเก็บ หรือกางออกเพื่อปิดคลุมภายในเวลา 18 วินาที เบาะด้านหลังใน MINI Cooper S Convertible นั้นแน่นอนว่า เหมาะกับเด็กมากกว่าจะให้คนตัวโตๆ ลงไปนั่ง เนื่องจากพื้นที่อันคับแคบของเบาะหลัง จึงเหมาะกับการใช้เป็นที่วางของมากกว่าจะลงไปนั่ง นอกจากคุณนั้นตัวเล็กจริงๆ เท่านั้นถึงจะนั่งได้แต่ก็ยังอึดอัดอยู่ดี แต่จริงๆแล้ว เบาะหลังของมันก็ยังกว้างกว่า Audi TT Coupe นิดนึง เพราะถ้าเอาเบาะหลังของ Cooper S Convertible ไปเทียบกับ TT เปิดหลังคา รถสี่ห่วงคันเล็กเปิดประทุนได้นั้นมีแค่สองที่นั่งแบบ Roadster ครับ ....
Cooper S เปิดประทุน มีระดับการตัดแต่งที่ได้รับการปรับปรุงโดย MINI เข้ามาเติมเต็มไลน์อัปที่ครบครัน การกำหนดสไตล์ภายนอกและภายใน Cooper S Convertibleมาพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ล่าสุด ขนาด 18 นิ้ว สีดำเงา กล้องมองรอบคัน ระบบช่วยจอด ระบบนำทางดาวเทียม และที่ไม่มีในรุ่นที่แล้ว แต่กลับมาในรุ่นนี้ก็คือ ระบบเสียง Harman Kardon ที่เคยมีอยู่ใน Cooper S Convertible ที่ผมเอามาทดสอบเมื่อ 5 ปีก่อน ตัวถังสีเหลือง ชิ้นส่วนตกแต่งภายนอกสีทอง และสีดำเงา การเพิ่มเส้นสายสีทอง Dark Gold ไว้บนกระจังหน้า ที่จับประตูสีดำ โลโก้ Cooper S แบบใหม่ บริเวณฝากระโปรงหลัง กรอบไฟเลี้ยว ฝาถังน้ำมัน โลโก้ MINI บนกระโปรงหน้า ฝากระโปรงท้าย ตัวอักษรบอกรุ่น กรอบไฟหน้า ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขอบ 18 นิ้ว แผงตัวถังเดียวที่ยกมาจากรุ่นที่แล้ว คือ บานประตู กระจังหน้าปรับใหม่ ไฟหน้า LED ทรงกลมยังอยู่ ปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างตัวถัง ทำให้ไฟท้ายแนวตั้งยังอยู่เหมือนเดิม มีลวดลายธงชาติอังกฤษและลวดลายนี้ยังปรากฏบนหลังคาผ้าใบ การพับเก็บบางส่วนจะทำให้ได้หลังคาซันรูฟด้วยการเปิดเพียงครึ่งเดียวที่ส่วนหน้าเหนือเบาะคู่หน้า หรือพับเก็บทั้งหมดแล้วกลายร่างเป็นรถเปิดประทุน
ไฟหน้า Adaptive LED ประสิทธิภาพสูง ไฟหน้าพร้อมระบบเบี่ยงเบนลำแสงอัตโนมัติ ให้กำลังในการส่องสว่างไกล มองเห็นได้อย่างชัดเจนในที่มืด ระบบ Adaptive LED เปิดมุมมองที่ปลอดภัยในตอนกลางคืน และไม่ควรเอารถไปติดฟิลม์หน้า เพื่อการมองที่ชัดเจนในตอนกลางคืน สำหรับรถรุ่นใหม่ ยังคงมีไฟหรี่และไฟเลี้ยวที่ทันสมัย รวมถึงไฟสัญญาณ LED และส่วนแทรกเฉพาะรุ่น ไฟหน้า LED กับไฟท้าย LED สไตล์ Union Jack ยางสปอร์ตของเกาหลี hankook ventus s1 evo3 ที่ให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะดี ขนาด 215/40 R18 ทั้งสี่ล้อ หลังคาผ้าใบ ใช้เวลาในการเปิดปิด 18 วินาที ถือว่ากางออกและพับเก็บได้เร็วกว่าเดิม แต่การพับเก็บยังคงเห็นชิ้นหลังคาผ้าที่ถูกพับอยู่ส่วนท้าย ไม่ได้พับเก็บหายไปในตัวถังเหมือนรถเปิดหลังคายี่ห้ออื่น หลังคายังสามารถพับเก็บขณะที่วิ่งด้วยความเร็วต่ำไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
MINI Cooper S Convertible 2025 มีขนาดความกว้าง 1,744 มิลลิเมตร ยาว 3,878 มิลลิเมตร และสูง 1,431 มิลลิเมตร ฐานล้อแนวรถโกคาร์ทวัดจากดุมล้อหน้าไปถึงดุมล้อหลัง 2,495 มิลลิเมตร ระยะห่างระหว่างล้อหน้า 1,485 มิลลิเมตร หลัง 1,485 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้อง 115 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,380 กิโลกรัม ตัวหนักกว่า Cooper S เปิดหลังคารุ่นที่แล้ว 10 กิโลกรัม จากน้ำหนักของโลหะที่ใช้ในการเสริมดามแชสซีให้มีความแข็งแรงทนทานต่อการบิดตัว อุปกรณ์ใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาโดยเฉพาะระบบช่วยขับและระบบความปลอดภัย ทำให้ตัวอ้วนขึ้นอีก 10 กิโลเลยทีเดียว เนื่องจากการทำตัวเป็นรถรุ่นเปิดประทุนที่ไม่มีหลังคา กระจังหน้าหกเหลี่ยมแบบใหม่ล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีทอง รูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์และเป็นที่จดจำของ MINI LCI คือ ไฟหน้าที่เหมือนดวงตากลมโต การเพิ่มช่องรับอากาศด้านหน้า เพื่อตอบสนองต่อความต้องการระบายความร้อนด้วยอากาศที่เพิ่มขึ้น รุ่น Cooper S และ John Cooper Works ยังรวมช่องอากาศเข้าคู่หนึ่งที่มีขอบพลาสติกสีดำมันวาวทางด้านซ้ายและด้านขวาของช่องไอดีส่วนกลาง สัญลักษณ์ MINI ปรับเปลี่ยนใหม่โดยใช้สีทองตัดกับตัวถังสีเหลือง
การปรับปรุงทางวิศวกรรมนั้นดีขึ้นแทบทุกจุดเมื่อเทียบกับรุ่นแฮทช์แบ็ก ทำให้ Mini Convertible มีความประณีตในหลายๆ ด้าน โครงเหล็กรูปตัว V อยู่ใต้ตัวถังด้านหน้า เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้างและป้องกันการบิดตัว เครื่องยนต์ 2 ลิตร เทอร์โบ มีการปรับแต่งเพื่อลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนขณะทำงานได้ดีขึ้น
กันชนหน้า-หลัง ใหม่เอี่ยม พร้อมรายละเอียดของการตกแต่งทำให้ MINI เปิดประทุนรุ่นใหม่ ดูกว้างขึ้น เพื่อเน้นความสปอร์ตของรถรุ่นเปิดประทุน กันชนด้านหลังใช้พลาสติกสีดำตัดกับสีเหลืองของตัวกันชนหลัง ระบบไอเสีย ท่อไอเสียคู่ที่เคยเป็นเอกลักษณ์นั้นหายไปแล้ว คุณต้องก้มลงไปดูถึงจะเห็นท่อที่ถูกซ่อนเอาไว้ ตามกฎข้อบังคับของยุโรป ดีไซน์ของ MINI Cooper S Convertible ออกแบบด้านข้างและซุ้มล้อได้กลมกลืนดี ล้อใหม่ขนาด 18” ล้างยากไปนิดจากความถี่ของก้านวง MINI เปิดประทุนรุ่นใหม่ ยังมาพร้อมหลังคาผ้าความหนาสองชั้นที่มีความทนทาน ฝาครอบกระจกมองข้างสีดำ กรอบกระจกบานหน้าสีดำ เป็นคุณลักษณะเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ภายใต้ร่มเงาของ BMW Group ด้วยเทคโนโลยีการพ่นสีที่เป็นนวัตกรรมใหม่
เครื่องยนต์เบนซิน MINI TwinPower Turbo เป็นเครื่องเบนซินแถวเรียง 4 สูบ วางตามขวาง ขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุ 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบแปรผัน มาพร้อมกับสัญชาตญาณการตอบสนองที่ปรับให้มีความตึงไม้ตึงมือมากยิ่งขึ้น แรงบิดที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ขับสนุก กำลังขับเคลื่อนในรูปของแรงม้า จากการพัฒนาและนำเอาเทคโนโลยี TwinPower Turbo มาใช้งาน ใช้เทอร์โบแปรผัน Twinscroll ตัวเดียว เครื่องขนาด 1,998 ซีซี กำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์ เมื่อเปิดใช้ฟังก์ชันโอเวอร์บูสต์ สำหรับ MINI Cooper S Convertible LCI ให้พลังงานขับเคลื่อน 204 แรงม้า สำหรับขุมกำลัง 4 กระบอกสูบ แถวเรียง อัดอากาศด้วยเทอร์โบแปรผันแบบ twin scroll turbocharger สร้างแรงบิด 280 นิวตัน-เมตร ที่รอบของเครื่องยนต์เท่ากัน (เพิ่มแรงบิดสูงสุดเป็น 300 นิวตัน-เมตรด้วยโอเวอร์บูสต์) ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ปรับอัตราทดใหม่ เพื่อให้เข้ากับย่านของแรงบิดที่ผ่องถ่ายออกมาจากเครื่องยนต์ ขุมกำลัง 2 ลิตรเทอร์โบยังคงเอกลักษณ์และการขับขี่สไตล์โกคาร์ทเหมือนกับรุ่นหลังคาแข็งทุกประการ แถมด้วยเสียงท่อท้ายที่เร้าใจ พอใช้ได้แต่ฟังดูแล้วเหมือนจะเงียบกว่าเดิม
เทคโนโลยีระบบอัดอากาศ เกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ขับเคลื่อนล้อหน้า 7 สปีด เชื่อมโยงการทำงานกับระบบ Auto Start/Stop ลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในสภาพการจราจรที่แออัด รวมถึงความใส่ใจในสภาพอากาศและช่วยในเรื่องการลดค่ามลพิษ เป็นความพยายามในการลดมลพิษก่อนเข้าสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ เทคโนโลยีที่ผสานกันทั้งสองแบรนด์ (BMW+MINI) ในด้านสมรรถภาพและประสิทธิภาพที่ผสานกันอย่างลงตัว ท่ามกลางดีไซน์แบบใหม่ของ MINI LCI ที่ปรับปรุงความสามารถของหลักการเทอร์โมไดนามิก หรือการเปลี่ยนความร้อนเป็นพลังงาน พร้อมกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบยิงตรง หรือที่เรียกกันว่า ระบบหัวฉีดแบบไดเรค อินเจกชั่น ซึ่งสร้างแรงดันสูงสุดในชุดหัวฉีดไฟฟ้ามากถึง 2,000 บาร์ ศักยภาพการจ่ายเชื้อเพลิงที่มีความแม่นยำ และมีประสิทธิภาพที่ดีในการจุดระเบิด เพื่อคายพลังงานออกมาในรูปของแรงบิดมากถึง 300 นิวตันเมตร ประหยัดเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นจากการปรับอัตราทดของชุดส่งกำลังอีกด้วย
MINI Cooper S Convertible 2025 ติดตั้งระบบกันสะเทือนปรับแต่งใหม่ ให้การควบคุมคล่องตัวแบบรถเล็กเหมือนเดิม ดูเหมือนโช้คและสปริงจะไม่แข็งเท่าเดิมอีกตะหาก ระบบบังคับเลี้ยว EPAS ที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ เหล็กกันโคลงที่โหลดไว้บนเพลา รองรับแรงเหวี่ยง ปรับสมดุลที่ดีในการเข้าโค้ง การปรับจูนพวงมาลัยและระบบควบคุมเสถียรภาพใหม่ทั้งหมด รองรับการขับในทุกสถานการณ์ ด้วยแพ็คเกจ Driving Assistant Plus ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และกล้องรอบทิศทาง 4 ตัว ทำให้ระบบช่วยจอดสามารถตรวจจับที่จอดรถโดยอัตโนมัติแม้ในพื้นที่จำกัด ติดตั้งระบบ Panorama View ช่วยให้มองเห็นพื้นที่โดยรอบได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มเติมด้วยระบบ Remote 3D View ที่ช่วยให้สามารถถ่ายโอนภาพไปยังอุปกรณ์พกพาได้แบบง่ายดาย
ภายใน แผงหน้าปัดแบบหุ้มเบาะที่หรูหรามีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีการตกแต่งที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเบาะนั่ง ประตู และแม้แต่สายรัดผ้าบนพวงมาลัย อินเทอร์เฟซหน้าจอสัมผัสแบบลอยตรงกลาง รวมคุณสมบัติของ MINI รุ่นใหม่ทั้งหมดไว้ด้วยกัน จอแสดงผล มาตรวัด G มาตรวัดความเร่ง ภายในใหม่หมด เบาะหนังสังเคราะห์สีเทา ตัวเบาะรองด้วยวัสดุที่ให้ความนุ่ม เบาะแบบสปอร์ตสามารถปรับให้ท่านั่งขับต่ำเตี้ยติดพื้นได้ เบาะคนนั่งและคนขับยังเปลี่ยนมาใช้การปรับเบาะด้วยไฟฟ้า ผ่านอมเตอร์ปรับเบาะสำหรับการเลื่อนเดินหน้า ถอยหลัง หรือยกขึ้นล พวงมาลัยแบบใหม่นั้นปรับได้สี่ทิศทาง ตำแหน่งของการนั่งใน MINI Cooper S Convertible สำหรับคนที่มีรูปร่างปกตินั่นจะดูกระชับรัดกุม เบาะออกแบบให้โอบรัดแผ่นหลัง ทำให้รู้สึกถึงความกระชับยามนั่ง การออกแบบใหม่ในบางจุดโดยยังคงการจัดวางแบบเดิม ทำให้ห้องโดยสารของ Cooper S Convertible กว้างขึ้นนิดเดียวแทบจะไม่รู้สึกว่ากว้างกว่าเดิม ทรงของตัวรถที่สั้นและมีฐานล้อไม่ยาวเกินไป ทำให้ความรู้สึกไม่ว่าจะขับช้าหรือขับเร็ว ล้วนแล้วแต่ตอบสนองออกมาในแนวว่องไว มันคล่องตัวและเกาะถนนมากจนทำให้เผลอใช้ความเร็วบ่อยครั้ง
ภายในโทนสีเทา เบาะเดินตะเข็บด้วยด้ายสีฟ้า แผงแดชบอร์ดคอนโซลถักเป็นเส้น ลามไปจนถึงแผงหน้าปัดและแถบผ้าบนพวงมาลัย หน้าจอสัมผัส OLED แบบวงกลม มีฟังก์ชันการใช้งานนับร้อยรายการ เป็นภายในของ MINI ยุคใหม่ที่ดูทันสมัยแต่ยังคงกลิ่นไอคลาสสิคของ MINI ในยุคแรกเอาไว้ ผ้าที่สั่งทอเป็นพิเศษสำหรับประดับประดาบนคอนโซล แผงแดชบอร์ดหุ้มด้วยผ้าสีเทา แผงประตูเทาสลับดำที่มีลวดลายพิเศษ พวงมาลัยสปอร์ตจับกระชับมือ หน้าจอสัมผัส OLED ขนาด 9.5 นิ้ว ผสานรวมจอแสดงผลการขับขี่ ด้วยมาตรวัด G-Force และมาตรวัดความเร่ง
พวงมาลัยสปอร์ตสีดำที่ประดับด้วยตะเข็บสีขาว และหุ้มผ้าที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ร่องกริ้บตรงกลาง เพื่อให้จับถนัดมือ เบาะให้การรองรับที่มั่นคงระหว่างการขับ ตกแต่งด้วยตะเข็บสีขาว ตัดกับหนังเทียมสีเทา เช่นเดียวกับผิวหน้าของคอนโซล ระบบ MINI Experience Modes มีโหมด Go-Kart เพื่อเติมกลิ่นอายของมอเตอร์สปอร์ตให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยโหมดนี้จะตั้งค่าพวงมาลัย ให้ไวมากขึ้น คันเร่งตอบสนองเร็วขึ้น และแสดงข้อมูลเพิ่มเติมบนหน้าจอ OLED ทรงกลมด้านหน้า ทั้งแรงบิด กำลังเครื่องยนต์ และแรง G แบบเรียลไทม์ ด้วยสีดำเข็มมาตรวัดสีแดงที่จัดจ้าน
หนังสังเคราะห์ มีผ้าถักด้วยใยสังเคราะห์ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ แบบเดียวกับที่พบใน Cooper E และ Cooper JCW ตกแต่งบนแผงหน้าปัดและบานประตู หน้าจอ OLED แบบวงกลมขนาด 9.4 นิ้วตรงกลางแผงหน้าปัดซึ่งให้การควบคุมอินโฟเทนเมนต์ ซึ่งก็เหมือนกับสิ่งที่คุณจะได้รับใน Cooper E ซึ่งเราชอบหน้าจอสัมผัสที่ตอบสนองได้ดี แต่เค้าโครงอาจจะทำให้สับสนได้ และเราชอบระบบควบคุมแบบกายภาพสำหรับเครื่องปรับอากาศมากกว่าภายใน มีจอแสดงผลข้อมูลความบันเทิง OLED แบบวงกลมสุดเท่บนแดชบอร์ดแบบเรียบง่ายพร้อมสวิตช์ทางกายภาพเพียงไม่กี่ตัว ลวดลายการถักทอแบบเดียวกันยังทอดยาวไปตามความกว้างของแผงหน้าปัดและแผงประตู เพิ่มความน่ารักจัดจ้านด้วยการใช้สีแดงเพิ่มเติมอีกสองสามจุด โดยเฉพาะที่พวงมาลัย ไฟส่องสว่างรอบห้องโดยสารแบบใหม่ที่แผงใกล้กระจกมองหลังก็ยังทำให้ดูทันสมัย
การออกแบบแผงจอกลางผสานรวมหน้าปัด ใช้จอแสดงผลมาตรวัดเทคโนโลยี OLED ปัจจุบันกลายเป็นจอภาพ มาตรฐานใน MINI ใหม่ทุกรุ่น ผสมผสานกับรูปแบบ ที่ให้ความรู้สึกทันสมัย จอกลางที่กำหนดค่าได้อย่างหลากหลาย อุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ MINI ทุกรุ่นในรุ่นปี 2025 ให้บรรยากาศภายในใหม่และมีรูปแบบที่ร่วมสมัย พวงมาลัยออกแบบใหม่ยังมาพร้อมกับปุ่มมัลติฟังก์ชัน ปุ่มต่างๆ ที่ติดตั้งออกแบบให้มีพื้นผิวเรียบ การออกแบบก้านวงในพวงมาลัยแบบสปอร์ตที่หุ้มด้วยหนัง MINI Convertible ติดตั้งระบบความปลอดภัยใหม่ ด้วยระบบ Driving Assistant เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ ควบรวม Lane Departure Warning ซึ่งสามารถแจ้งเตือนคนขับผ่านการสั่นสะเทือนของพวงมาลัย ผู้ขับยังได้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแอ็กทีฟ ซึ่งขณะนี้สามารถทำงานได้แบบ Stop&Go
ปุ่มปรับโหมดขับเคลื่อน รวมอยู่กับสวิตช์สตาร์ทเครื่องยนต์ และสวิชท์คันเกียร์ ทั้งหมด รวมกลุ่มกันอยู่ในบริเวณคอนโซลกลาง กุญแจแบบ Keyless ให้สำหรับ MINI Cooper S รุ่นใหม่ทุกโมเดล ปุ่มปรับอุณหภูมิของห้องโดยสารอยู่ในจอภาพ ที่เพิ่มเติมคือการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ นั้นปรับมาให้มีความสะดวกรวดเร็ว โดยเฉพาะจอภาพมอนิเตอร์ที่สามารถกดสั่งงานบนหน้าจอด้วยระบบสัมผัส ทำให้การใช้งานระบบนำทางด้วยดาวเทียมมีความสะดวกมากยิ่งขึ้นจากความรวดเร็วและง่ายในการเข้าออกเมนูหลักไปยังเมนูแยกย่อย
MINI เปิดประทุน มาพร้อมโหมด ‘Experience’ ครบชุด 7 โหมด ไล่จาก Green, Core และ Go-Kart ซึ่งจะปรับการตอบสนองของคันเร่งและเพิ่มความรู้สึกในการบังคับเลี้ยว มีเสียง ‘woo-hoo’ ดังขึ้นพอให้รับรู้เมื่อเปิดใช้งาน แต่ถ้ารำคาญก็สามารถปิดได้
บิดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยสวิตช์ตรงคอนโซลกลางใต้จอภาพ OLED เครื่องยนต์ 2 ลิตร MINI TwinPower Turbo ติดขึ้นมาอย่างสุภาพ โยกคันเกียร์หน้าตาคล้ายก้านเล็กๆ ไปที่ตำแหน่ง D หลังคาที่ยังคงปิดสนิทแน่น โดยใช้เส้นทางมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกของกรุงเทพมหานคร บนเส้นทาง บางบัวทองสุพรรณบุรี ไปยังเลาขวัญและหนองปรือ จนไปถึงศรีสวัสดิ์ กำลังที่ส่งถ่ายออกมาจากเครื่องยนต์ผ่านระบบเกียร์ในโหมด Core การทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์มีค่าการตอบสนองในระดับกลางๆ คันเร่งออกปนวยืดหยุ่นไม่ได้ไวแบบบู๊ล้างผลาญเหมือนโหมด Gokart ส่วนหนึ่งเกิดจากผลพลอยได้ของการใช้ชุดส่งกำลังเกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีด เกียร์ทวินคลัตช์ลูกใหม่ที่ใส่เข้ามาในรุ่น Cooper S เครื่องยนต์เบนซินเพื่อความรวดเร็วในการเปลี่ยนอัตราทด ช่วยทำให้การเร่งแซงรถช้า หรือการขับขึ้นภูเขาสูงชัน Cooper S เครื่องเบนซิน 2 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบแปรผันแบบ Twin Scroll วางตามขวางขับเคลื่อนล้อหน้าระบบอัดอากาศเทอร์โบเดี่ยวลูกเดียวโดดๆ กับฟังก์ชัน Overboost ทำงานไร้ที่ติ มีอัตราสิ้นเปลืองที่น่าพอใจ ใช้งานได้ดีในชีวิตประจำวัน ทั้งการขับในเมืองหรือขับท่องเที่ยวทางไกล
Adaptive LED และเครื่องเสียง Harman Kordon ที่เคยถูกเอาออกไปในรุ่นที่แล้ว พอมาถึงรุ่นใหม่ เจ้าอุปกรณ์สองสิ่งนั้นก็กลับมาติดตั้งให้อีก นั่นทำให้รู้สึกว่าดีกว่ารุ่นที่แล้วซึ่งออปชันน้อยไปหน่อย สำหรับคนชอบ MINI ส่วนใหญ่ มีความใฝ่ฝันกับการขับรถเปิดประทุนที่แปะตราสัญลักษณ์ MINI โครงสร้างหลัก ของรถรุ่นนี้ แตกต่างจากรุ่นหลังคาแข็งตรงแชสซี มีการดามเสริมเพิ่มความแข็งแรง เพื่อป้องกันการบิดตัวเนื่องจากเป็นรถหลังคาผ้าใบ แม้จะมีน้ำหนักตัวถึง 1,370 แต่ความรู้สึกที่ถ่ายเทออกมากลับว่องไวเกินคาด ตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 ที่ 7.1 วินาที ไม่ใช่ประเด็นหลักของคนที่เลือกซื้อ MINI รุ่นนี้ กลไกไฟฟ้าของหลังคาและฟิลลิ่งการขับเมื่อพับหลังคาเก็บ แชสซีที่ขัดเกลามาเป็นอย่างดี ทำให้ Cooper S เปิดประทุนรุ่นใหม่ นุ่มนวลกว่าเดิมนิดๆ อาการกระด้างน้อยลง นั่งสบายขึ้น ตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่ผมเคยทดสอบ MINI เปิดหลังคาทั้งสามโมเดล สำหรับรถรุ่นใหม่นั้นมีพัฒนาการของช่วงล่างดีขึ้นมาก ไม่แข็งกระด้างเหมือนในอดีต ขับสบายบนทางปูน อาจเป็นเพราะยางที่เข้ามาช่วยเอาไว้ ผมชอบยางเกาหลี hankook ventus s1 evo3 มากกว่า P7 เนื่องจากเคยเอา P7 ใน MINI Convertible ปี 2018 ไปตกหลุมบนเส้นร้างหลังเขื่อนศรี ( ทางหลวงชนบท 3199) แล้วยางอิตาลีแก้มปวมเป็นลูกมะกรูด
เกียร์ขับหน้า 7 สปีด ไหลลื่นในโหมดปกติและเป็นอัตราทดไวขึ้นในโหมดโกคาร์ท โหมดสูงสุด เครื่องยนต์ 2 ลิตร เทอร์โบ ออกแนวดุดัน สามารถซัดหนักๆ ได้ถ้าถนนโล่งพอ ในจังหวะที่คันเร่งถูกกด แรงดึงหรือแรงพุ่งทะยานนั้นมีความมั่นคง อาการทอร์คสเตียร์ หรืออาการดึงที่พวงมาลัยเมื่อลงคันเร่งจนสุดแทบจะหายไปแล้ว เกิดจากน้ำหนักรถที่มากกว่ารุ่นหลังคาแข็ง พร้อมการปรับเซตการตอบสนองของพวงมาลัยไฟฟ้ากับช่วงล่างหน้าใหม่ การเปลี่ยนทิศทางในย่านความเร็วสูงก็ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แต่รถฐานล้อสั้น อย่ารีบกระตุกพวงมาลัย ขับแบบค่อยเป็นค่อยไป จะดีกว่าเพราะเป็นรถไร้หลังคาแบบกินลมชมวิวขับชิลไปเรื่อย
Cooper S Convertible 2025 วิ่งเนียน ระบบส่งกำลังทัังเครื่องและเกียร์พัฒนามาดีมากแล้ว ช่วงล่างโดนใจคนสูงวัย ทำให้บุคลิกของรถมีความเป็นผู้ใหญ่ เครื่อง 2 ลิตร MINI TwinPower Turbo ในรอบกลางๆ ผลักดันเจ้า Cooper S ไร้หลังคา พุ่งลิ่วๆ ไปตามทางลาดยางแถบองคต-ห้วยแม่ตะกึง แรงยึดเกาะที่ปรับมาใหม่ออกแนวนุ่มหนึบและมีความกระด้างน้อยลงไปมาก เหมาะสมกับแรงบิด 300 นิวตันเมตร ทำให้ควบคุมง่าย พวงมาลัยไฟฟ้าเซอร์โววาล์วที่แปรผันน้ำหนักไปตามโหมดการขับ เมื่อลดความเร็วลงมาขับเรื่อยๆ Green Mode หรือโหมดประหยัด ช่วยทำให้อัตราสิ้นเปลืองดีขึ้นจากการบริหารเชื้อเพลิงของเครื่อง 2 ลิตร ที่ปรับปรุงใหม่หลายจุด
การขับที่ความเร็วต่ำแบบไร้หลังคา MINI เปิดประทุน รุ่นใหม่ มีเสียงลมเมื่อปิดหลังคาเนื่องจากเป็นหลังคาผ้า การเก็บเสียงจึงสู้รุ่นหลังคาแข็งไม่ได้ เสียงเครื่องยนต์จะได้ยินมากขึ้นเมื่อพับหลังคาลง รวมถึงเสียงวิ้ดจากการทำงานของระบบอัดอากาศ Cooper S Convertible ขยับเดินและก้าวไปไกล เมื่อเทียบกับรถรุ่นแรกเมื่อกว่า 60 ปีก่อน หลังคาผ้าใบความหนาสองชั้น สกรีนธงชาติอังกฤษ สีขาวสว่างสดใสเข้ากันได้ดีกับหลังคาผ้าสีดำ การพับเก็บหรือกางออกใช้เวลา 18 วินาที สามารถขับที่ย่านความเร็วต่ำเพื่อพับเก็บ หรือกางออกในวันที่มีอากาศดี โหมดสูงสุด เมื่อขับเร็วดันไม่เหมาะกับการขับแบบเปิดหลังคา และแม้จะปิดหลังคา เสียงลมปะทะกับตัวถังพร้อมเสียงยางบดไปบนผิวถนนก็จะดังให้ได้ยินอย่างชัดเจน แม้จะวิ่งที่ความเร็วต่ำก็ยังได้ยิน การขับไปเรื่อยๆ ใช้ความเร็วต่ำไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พับหลังคาเก็บเพื่อดื่มด่ำกับของเล่นราคา 3 ล้าน ในช่วงลมหนาวมาเยือนตอนเช้าแบบนี้ สร้างความรู้สึกโรแมนติกที่มีความแตกต่าง ไดนามิกของมันให้ความสมดุที่ดี ไม่ว่าจะหักเข้าโค้ง หรือซัดทางตรงมาเร็วจี๋ รวมถึงการเบรก MINI Cooper S Convertible ทำทุกอย่างได้ดีสำหรับรถเปิดหลังคาคันเล็ก อัตราเร่งจาก 0-100 ใน 7.1 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดสามารถทะยานไปได้ถึง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นรถเล็กที่มีความเร็วปลายใช้ได้
ความโรแมนติกเมื่อขับเปิดหลังคากินลมชมวิวริมทะเลในช่วงที่อากาศดี ช่วงล่างกับความแข็งขืนเมื่อเจอกับถนนไม่เรียบ แต่การปรับตั้งค่าของโช้คและสปริงใหม่ ทำให้ขับได้สบายขึ้น พวงมาลัยไฟฟ้าทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม เกียร์ดี และมีแป้น Paddle Shift มาให้แล้ว การถ่ายเทน้ำหนักในโค้งอยู่ในเกณฑ์ดี ฐานล้อที่สั้นกว่าปกติและความว่องไวในการตอบสนองของระบบบังคับเลี้ยวทำให้ต้องระวังเรื่องเปลี่ยนทิศทางเมื่อขับเร็ว เครื่องยนต์ 2 ลิตรเทอร์โบ เบ่งบานพลังงานในรูปของแรงฉุดลากได้ดี จากการปรับคันเร่งไฟฟ้าใหม่ ที่ออกแนวไวจัดในโหมดสูงสุด เป็น MINI ไร้หลังคาอีกคันที่ขับได้สนุกโดยเฉพาะตอนเปิดหลังคา การพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ใครต่อใครพากันหลงรักรถประเภทนี้มากยิ่งขึ้น มันแพงกว่า Mazda MX-5 RF แต่ถูกกว่า Audi TT Roadster หลายแสน รวมถึงยังถูกกว่า BMW Z4 30i ถึงเกือบ 1 ล้านบาท ชอบแบบไหน มีกำลังเท่าไหร่ ที่ว่ามา เปิดหลังคาและขับสนุกทั้งหมดละครับ.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/