การใช้ชื่อ Everest ในรถเอสยูวีรุ่นขายดี เพื่อสื่อให้เห็นถึงความแข็งแกร่งดั่งภูเขาหินแกรนิตสีดำที่สูงที่สุดในโลก เป็นสไตล์ในการนำเสนอรถยนต์อเนกประสงค์ Generation ที่ 1 ซึ่งต่อเนื่องมาจนถึง Ford Everest Generation ที่ 3 เครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ของ Ford ที่มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศอังกฤษ การยกระดับขุมกำลังโดยขยับจากเครื่องยนต์ดีเซลสี่สูบเรียง Bi Turbo ความจุ 2.0 ลิตร ดูจะเป็นเรื่องที่มีความเหมาะสม เพราะเครื่อง V6 ที่มีความจุมากกว่า ทำให้รถมีแรงบิดที่เหมาะสมกับขนาดและน้ำหนักมากกว่าเครื่อง 2.0 Bi Turbo 

Everest 2.0L Turbo Trend 4x2 6AT

1,397,000 บาท

Everest 2.0L Turbo Sport 4x2 6AT

1,527,000 บาท

Everest 2.0L Turbo Sport 4x2 6AT (Special Edition)

1,619,000 บาท

Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x2 10AT

1,767,000 บาท

Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT

1,917,000 บาท

Everest 2.0L Bi-Turbo Wildtrak 4x4 10AT

1,942,000 บาท

Everest 3.0L V6 Turbo Platinum 4WD 10AT

2,284,000 บาท

...


Everest Platinum V6 3.0L Turbo 10A/T 2,284,000 บาท

GWM Tank 500 HEV PRO 4WD 2,049,000 บาท

GWM TANK 500 DIESEL  1,679,000 บาท

GWM TANK 300 HEV ULTRA AWD 1,449,000 บาท

GWM TANK 300 Diesel ULTRA 4WD 1,299,000 บาท

Toyota Fortuner GR Sport 2.8 4WD AT 1,899,000 บาท 

Isuzu MU-X RS 4WD 3.0 A/T  1,759,000 บาท 

Mitsubishi Pajero Sport 2.4D GT-Premium 4WD (Elite Edition) 1,679,000 บาท (เฉพาะสีขาว WHITE DIAMOND เพิ่ม 20,000 บาท)





...


Ford Everest Platinum V6 3.0L Turbo 10A/T ค่าตัว 2,284,000 บาท  เครื่องดีเซล V6 3.0 ลิตร เทอร์โบ 250 แรงม้า ได้ม้าเพิ่มมาอีก 40 ตัว เมื่อเทียบกับ Everest Wildtrak 2.0 4x4 10AT ส่วนแรงบิด จาก 500 นิวตันเมตร ได้มาอีก 100 นิวตันเมตร เป็น 600 นิวตันเมตร ออกตัวเร็วๆ ดึงเอาเรื่อง เร็วทันอกทันใจกว่าเดิม Everest Platinum V6 เป็นรถ PPV-SUV มาพร้อมกับรูปลักษณ์เอสยูวีอเมริกัน ถูกใจคนไทยตั้งแต่รถเจนแรก จนมาถึงเจนล่าสุดก็ยังมีการออกแบบภายนอกและภายในที่ลงตัว หน้าตาเกลา มาให้แตกต่างไปจาก Everest รุ่นอื่น ด้วยชุดแต่ง Platinum ที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่า Everest Wildtrak ระบบส่งกำลังใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวในออสเตรเลียแล้วก็มาต่อที่ประเทศไทย ตามคำเรียกร้องของลูกค้าซึ่งอยากได้ความแตกต่าง เครื่องสหกรดีเซล V6 3.0 ลิตร กับเกียร์มิชิแกน 10 สปีด จูนมาให้มีความสมดุลในการส่งถ่ายกำลัง ฟีลลิ่งของเกียร์ดูจะไหลลื่นขึ้นกว่าเดิมเมื่ออยู่ในเครื่อง V6 จุดที่มีความน่าสนใจของเครื่องยนต์ V6 ดีเซลเทอร์โบก็คือ มันเดินเรียบ มีแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานในรอบเดินเบาไม่มาก เสียงเครื่องก็เงียบกว่าดีเซล Bi Turbo 2.0 ลิตรอย่างเห็นได้ชัด

...



...

นอกจากเครื่องยนต์ที่จูนให้ตอบสนองได้ดีขึ้นแล้ว ก็ยังได้อานิสงส์จากความแข็งแกร่งของแชสซีที่อ้างอิงกับรถออฟโรดภายใต้แบรนด์ Ford ซึ่งจำหน่ายอยู่ในสหรัฐอเมริกามาช้านานแล้ว มิติตัวถังของ Everest รุ่น Platinum V6 มีความกว้าง 1,923 มิลลิเมตร ยาว 4,914 มิลลิเมตร และสูงถึง 1,842 มิลลิเมตร ความสูงของตัวรถเน้นที่ความสมบุกสมบันในการลุยฝ่าเส้นทางออฟโรด






กระจังหน้าใหม่ทำจากพลาสติกสีเงินมีชิ้นงานกระจังสีดำอยู่ด้านใน ซุ้มล้อสีเดียวกับตัวถังที่ทำให้ดูคล้ายกับรถสเตชั่นแวกอนคันโตมากกว่าจะเป็นออฟโรดอเนกประสงค์สายลุย, ช่องระบายอากาศด้านข้างติดตั้งสัญลักษณ์ V6 เพื่อบ่งบอกถึงความสุด, ฝาครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวถัง กันชนหน้าแบ่งออกเป็นสองส่วน ปิดทับส่วนหน้าของรถทั้งหมด ส่วนล่างของกันชนหน้ามีชิ้นงานกันกระแทกทำจากพลาสติกสีเงิน ออกแบบให้มีช่องรับอากาศตรงกึ่งกลาง ไฟตัดหมอก LED ที่มุมด้านข้างของกันชนหน้า มีตำแหน่งของการติดตั้งที่ต่ำลงมา ช่วยเสริมให้มุมมองด้านหน้าของรถดูดุดัน รุ่น Platinum V6 3.0L มีอุปกรณ์ทั้งภายนอกและภายในที่ให้มาครบๆ ราวหลังคาแบบยกสูงสีเงิน รองรับการบรรทุกสัมภาระ 100 กิโลกรัม ขณะรถเคลื่อนที่ หลังคากระจก Panoramic Moonroof ไฟหน้าแบบ Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ และระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้า Matrix ทำงานอัตโนมัติแบบ Adaptive LED ระบบไฟอัตโนมัติที่ตอบสนองต่อแสงบนถนนรอบตัว ทำงานเร็วและมีกำลังในการส่องสว่างสูง ยกไฟสูงหรือเบี่ยงเบนลำแสงไม่ให้ไปรบกวนรถที่แล่นสวนมาหรือรถที่อยู่ด้านหน้า ไฟหรี่กลางวันและไฟเลี้ยวหลอด LED ไฟหน้ายังมีระบบ Active cornering light ไฟส่องสว่างด้านข้างทำงานตามองศาของพวงมาลัย เปิดมุมมองด้านข้างเมื่อต้องการจะเลี้ยวในที่มืด ทำงานควบคู่ไปกับไฟหน้าเวลาขับขี่ตอนกลางคืน ฝากระโปรงหน้าหนักอึ้งปราศจากโช้คผ่อนแรงเปิด 




ด้านข้างตัวถังมีความยาว 4,914 มิลลิเมตร สูง 1,842 มิลลิเมตร การเข้าออกจากห้องโดยสารต้องยกตัวเองขึ้นไปโดยเหยียบไปที่กาบบันไดด้านข้าง ใช้มือจับที่ด้านในของเสาเอ เสาหน้ามีองศาของความเอนลาดที่ลงตัว เสาท้ายที่สอดรับกับผืนหลังคา แรคหลังคาที่ติดตั้งมาให้เพื่อความสะดวกในการขนสัมภาระ กระจกบังลมบานหน้าและบานข้างมีขนาดใหญ่ กรอบกระจกมองข้างติดตั้งเลนส์ไฟเลี้ยว เพื่อเพิ่มความปลอดภัย มุมด้านบนของแก้มข้างติดตั้งแถบพลาสติกสีดำ สัญลักษณ์ V6 ซุ้มล้อทั้งหน้าและหลังมีขอบซุ้มล้อสีเดียวกับตัวถัง ทำให้ต้องระวังหากจะเอาไปลุยหนักๆ บานประตูทั้งสี่ใหญ่โตทำให้การเข้าออกจากห้องโดยสารมีความสะดวกใช้ได้ กาบบันไดข้างติดตั้งที่เหยียบเพื่อก้าวเข้าไปในห้องโดยสารทำจากพลาสติก จุดที่ทำให้รถ PPV SUV เครื่อง V6 คันนี้ดูดีก็คือล้ออัลลอยลายใหม่ สีเงินสลับสีดำ เป็นล้อขอบ 21 นิ้วที่เข้ามาแทนล้อ 20 นิ้ว ผลิตขึ้นรูปจากอะลูมิเนียมอัลลอย ล้อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 21 นิ้ว ห่อรัดด้วยยางกึ่งออฟโรดของ Goodyear รุ่น Wrangler Territory HT ไซส์ 275/45R21 110Y







ฝาท้ายขนาดใหญ่ เปิดออกได้กว้างขวางพร้อมกลไกเปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้า ไฟท้ายเชื่อมต่อกันทั้งซ้ายและขวาด้วยชิ้นงานพลาสติกสีดำกับตัวอักษร Platinum ไฟท้ายทรงยาวหลอด LED เข้ากับสัดส่วนบั้นท้ายจากการออกแบบ เชื่อมโยงมุมมองส่วนท้ายให้มีความลงตัว ไฟท้ายของ Everest Platinum V6 รุ่นใหม่ใช้หลอดไฟแบบผสม ซึ่งมีทั้งหลอดไฟท้ายแบบ LED และหลอดไฟแบบธรรมดาอยู่ภายใน ขอบด้านบนของกันชนหลัง มีพลาสติกกันกระแทกสีดำคอยป้องกันริ้วรอย เมื่อต้องยกสัมภาระเข้าออกจากห้องเก็บของส่วนท้าย กันชนหลังมีการดีไซน์แบบสองชิ้นเหมือนกันกับกันชนหน้า พร้อมพลาสติกกันกระแทกสีดำ และแผ่นพลาสติกสะท้อนแสงมัลติรีเฟกเตอร์สำหรับความปลอดภัยเมื่อจอดรถในที่มืด กล้องมองหลังติดมาให้พร้อมติดตั้งเซนเซอร์ถอยหลังแจ้งเตือนด้วยสัญญาณเสียงเมื่อถอยเข้าไปใกล้กับวัตถุกีดขวาง ด้านบนของฝาท้ายบริเวณกึ่งกลางกระจกบานฝาท้ายเป็นที่อยู่ของไฟเบรกดวงที่ 3 ซึ่งติดตั้งเอาไว้ในตำแหน่งที่สูง เพื่อทำให้รถคันหลังมองเห็นไฟเบรกอย่างชัดเจน 







ห้องโดยสารของ Ford Everest Platinum V6  รุ่นเกือบจะท็อปสุดของ Ford  มีการประดังความหรูหรา ใส่อุปกรณ์ตกแต่ง Platinum เพื่อความเรียบหรูเน้นการใช้งานจริง ลดสีสันไม่ให้ฉูดฉาดและไปเหมือนกับ Everest Wildtrak ด้วยการตัดเย็บที่ใช้ด้ายสีขาวตัดกับเบาะสังเคราะห์โทนสีดำ เบาะ พวงมาลัย แผงประตู เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาวตัดกับไวนิลสีเทาหรือหนังสังเคราะห์สีดำ ภายในแบบ 7 ที่นั่งมีมิติที่กว้างขวาง โดยเฉพาะโซนของเบาะคู่หน้าและเบาะแถวกลาง ส่วนเบาะแถวที่สามปรับพับด้วยไฟฟ้าให้ความสะดวกโดยที่ไม่ต้องออกแรง แต่พื้นที่เบาะแถวสามเหมาะกับเด็กมากกว่าจะให้คนตัวสูงลงไปนั่ง พลาสติกตกแต่งภายในมีผิวสัมผัสและรายละเอียดของชิ้นงานแตกต่างกันออกไป ตามแนวทางของงานตกแต่งห้องโดยสารยุคใหม่ของ Ford ห้องโดยสารเน้นสีดำเย็บตะเข็บด้วยด้ายสีขาวตามเอกลักษณ์ของ Everest รุ่น Platinum ที่เน้นความเคร่งขรึม โลโก้ซิกเนเจอร์ Platinum ที่พนักพิงหลังของเบาะคู่หน้า








แดชบอร์ดมีขนาดใหญ่ทำจากพลาสติกคอนโซลกลางตกแต่งด้วยพลาสติกปั๊มขึ้นรูป โดยใช้รูปทรงที่เต็มไปด้วยเหลี่ยมมุมเพื่อเน้นความแข็งแกร่งที่เชื่อมโยงสอดรับกันทั่วทั้งคัน แดชบอร์ดคอนโซลสีเทาดำเพื่อลดการสะท้อนแสง เฉพาะเบาะคนขับและคนนั่งหน้าปรับด้วยไฟฟ้า 8 ตำแหน่ง เบาะผู้โดยสารตอนกลางแบบ 3 ที่นั่งออกแบบให้มีพื้นที่ของการนั่งยาวๆ ด้วยพื้นที่ของการวางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะที่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งไม่อึดอัด ซึ่งเป็นสไตล์การออกแบบภายในจาก Ford เบาะแถวกลางยังสามารถเลื่อนหรือพับได้เพื่อเปิดพื้นที่ให้กับเบาะผู้โดยสารแถวหลังสุด ซึ่งมีเบาะอีก 2 ที่นั่งเผื่อมาไว้ให้สำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกร่วมเดินทางหลายคน เบาะแถวสุดท้ายมีพื้นที่ไม่มากนักสำหรับการวางเท้า คนที่มีรูปร่างสูงโย่งจึงไม่เหมาะที่จะนั่งโดยสารในตำแหน่งแถวหลังสุด เบาะแถวหลังจึงเหมาะกับเด็กๆ ที่มีรูปร่างเล็กมากกว่าจะให้คนที่มีเรือนร่างอวบอ้วนหรือสูงโย่งเข้าไปนั่ง เบาะแถวหลังสุดหรือแถวที่ 3 เมื่อปรับพับราบลงกับพื้นด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ







พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาว ไม่มีแป้น Paddle Shift  แต่ใช้การกดปุ่มข้างคันเกียร์แทน พวงมาลัยหุ้มหนังตกแต่งด้วยพลาสติกสีดำเงา มีสวิตช์สั่งงานมัลติฟังก์ชันมาให้เพียบเหมือนเดิม พวงมาลัยมีขนาดพอดีออกแบบให้จับได้ถนัดมือ ปรับตั้งได้ 4 ทิศทางทั้งใกล้-ไกลและสูง-ต่ำ สวิตช์มัลติฟังก์ชันใช้สำหรับการปรับตั้งค่าต่างๆ เช่น ระบบปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Cruise control สวิตช์เลือกดูข้อมูลการขับขี่ผ่านจอ Multi information display ที่ด้านขวาและซ้าย ปรับความดังของลำโพง ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์ในระบบบลูทูธ ปุ่มระบบสั่งงานด้วยเสียง











อุปกรณ์ภายในจัดเต็มตามราคาค่าตัวในกลุ่ม New Everest V6 กระจกหลังคาไฟฟ้า Panoramic Roof พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย หน้าจอภาพมาตรวัดบนหน้าปัดแบบสีขนาด 12.4 นิ้ว หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว รองรับ Wireless Apple Carplay และ Android Auto SYNC® 4A ภาษาไทย พร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth ช่องต่อ USB 4 ตำแหน่ง ลำโพง B&O 12 ตำแหน่ง พร้อมซัฟวูฟเฟอร์ ระบบปรับอากาศดูอัลโซน กล้องมองภาพรอบคัน กล้องในโหมดออฟโรด ที่ทำออกมาให้สะดวกในการใช้งานก็คือ Wireless Apple Carplay หรือเชื่อมต่อผ่าน USB ที่มีมาให้ทั้ง Type A และ C



เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแบบ V6 ความจุ 3.0 ลิตร รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล B20 ขึ้นไป ปริมาตรความจุ 2,993 ซีซี กระบอกสูบ 84.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 90.0 มิลลิเมตร ลำดับการจุดระเบิด 1-4 2-5 3-6 อัตราส่วนกำลังอัด 16.0-1 เพลาลูกเบี้ยวแบบคู่ Dual Overhead cam กำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter เบรกมือไฟฟ้า มาตรฐานมลพิษ EURO-5
Ford Everest รุ่น Platinum V6 3.0 Turbo 10A/T 4WD มีการปรับแต่งระบบรองรับและจุดยึดยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์ใหม่ คอม้าอัลลอยพร้อมข้อต่ออะลูมิเนียม ช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกคู่ดับเบิลวิชโบน ส่วนช่วงล่างด้านหลังยังเป็นแบบคอยล์สปริง พร้อมกลไกวัตต์ลิงก์หรือเหล็กยึดค้ำที่ติดตั้งอยู่กับกระปุกของเฟืองท้าย 




กดปุ่มสตาร์ต เครื่องยนต์ดีเซลรูปตัววี กำลัง 250 ม้า ติดขึ้นมาพร้อมเสียงเครื่องที่ดังลอดเข้ามาให้ได้ยินเบาๆ แรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์นิ่งสนิทไร้แรงกระพือ ออกตัวไหลมาเรื่อยๆ จากพระรามสองจนมาถึงปราณบุรี ในย่านความเร็วต่ำเมื่อขับ ในเมืองจากทางด่วนย่านดินแดงมาจนถึงชะอำ แรงบิด 600 นิวตันเมตร เหลือเฟือสำหรับการใช้งานบนไฮเวย์ทุกเส้นในประเทศไทย การเร่งแซง ดูจากแรงบิดที่มากเกินความต้องการ ซึ่งไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง ออกตัวเร็วๆ มีเสียงยางฟรีทิ้งพอให้ได้ยินว่านี่คือของแรง



เครื่องยนต์แรงใช้ได้ กดเต็มตอนออกตัวก็ดึงหลังติดเบาะพร้อมอาการฟรีทิ้งของแรงบิด 600 นิวตันเมตร ความเร็วไหลไปที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงบิดรอบกลางๆ ถึงปลายก็ยังดึงใช้ได้แต่ออกมาในลักษณะที่ราบเรียบไม่กระโชกโฮกฮาก เหมาะสมกับการทำความเร็วต่อเนื่องเมื่อวิ่งบนไฮเวย์ การทำงานของเกียร์ 10 สปีด ในตำแหน่งเกียร์ 8-9-10 ที่ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงเมื่อวิ่งด้วยความเร็วคงที่ เครื่อง V6 มีเสียงการทำงานที่เบามาก รวมถึงการเก็บเสียงจนทำให้แปลกใจ 

พวงมาลัยไฟฟ้า ให้ความรู้สึกที่เบาสบายมือ พอทะยานขึ้นทางด่วนแล้วใช้ความเร็วต่อเนื่อง พวงมาลัยไฟฟ้าให้ความมั่นใจได้ดีเหมือนกับ Everest รุ่นใหม่ทุกเวอร์ชัน แม่นยำและเปลี่ยนทิศทางได้อย่างธรรมชาติ Ford เป็นแบรนด์ที่ติดตั้งพวงมาลัยไฟฟ้าในรถ Ranger และ Everest ล่าสุด Mitsubishi Triton รุ่นท็อปสุดก็มีการเปลี่ยนชุดบังคับเลี้ยวให้เป็นแบบไฟฟ้าด้วยเหมือนกัน! การเซตค่าความหน่วงของพวงมาลัยใน Everest V6 เมื่อขับเร็วก็เป็นไปในแบบคล่องตัว น้ำหนักเบาและให้ระยะการหมุนที่แม่นยำ ขับในเมืองช่วยทำให้การเลี้ยวเปลี่ยนช่องทางหรือกลับลำยูเทิร์นมีความคล่องตัว ห้องโดยสารไม่มีเสียงแปลกปลอมเสียดสีกันของชิ้นงานที่ใช้ตกแต่ง เก็บเสียงได้ดี มีแค่เสียงยาง 21 นิ้วเท่านั้นที่ได้ยินเบาๆ เมื่อความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การเดินเบาของเครื่อง V6 3.0 ลิตร เทอร์โบ ทำได้ดีเท่ากับแบรนด์ยุโรปเลยทีเดียว แรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์ไม่มาก เป็นอีกจุดที่ทำออกมาได้ดี







เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ไหลลื่น บางจังหวะก็กระโดดข้ามเกียร์แบบเนียนๆ ไม่มีอาการกระตุกกระชาก ลองคาอยู่ในโหมด D แล้วปล่อยให้สมองกลเกียร์ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนเกียร์ด้วยซอฟต์แวร์ของมันเอง การไต่อัตราทดจากเกียร์ออกตัวที่เกียร์ 1 ลากยาวไปจนถึงเกียร์ 8 ใช้เวลาเพียงแค่แวบเดียว การปรับอัตราทดให้ครอบคลุมกับกำลังของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะแรงบิดรอบต่ำทำได้ดี เกียร์ใหม่ทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในเมืองลดลงและมีความประหยัดเมื่อขับทางไกลด้วยความเร็วคงที่ อัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้ทั้งในและนอกเมืองอยู่ที่ 8.5 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับคันเร่งไฟฟ้าปรับมาดี และให้สัมผัสที่ชัดเจนมากกว่าเดิม กดคันเร่งลงไปเครื่องดีเซล V6 เทอร์โบ ปั่นรอบเทแรงบิดทันที มีอาการเทอร์โบแลคน้อย เมื่อเทอร์โบบูสต์ติดมันก็พุ่งออกไปด้วยความมั่นคงไหลลื่นต่อเนื่อง การตอบสนองของเครื่องและเกียร์ดีขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อต้องการเร่งความเร็วเพื่อแซง ต้องยกประโยชน์ให้กับเครื่องยนต์และชุดส่งกำลัง รวมถึงช่วงล่างที่เซตมาทำให้มั่นใจ การออกตัวจากสัญญาณไฟค่อนข้างว่องไวแม้ตัวจะโตและมีน้ำหนัก 2.2 ตัน การทำงานที่แม่นยำของพวงมาลัยไฟฟ้ากับช่วงล่างหน้าหลังประกอบขึ้นเป็นความมั่นคง บนทางลูกรัง เมื่อกดคันเร่งเต็มๆ แรงบิด 600 นิวตันเมตร ปั่นให้ล้อหลังในโหมด 2H ให้ฟรีทิ้งเป็นทางยาว ระบบรักษาเสถียรภาพจะเข้ามาจัดการกับแรงบิดเพื่อปรับให้รถเกิดความสมดุลและปลอดภัย 





เนื่องจากเครื่องมีน้ำหนักมากขึ้น ช่วงล่างหน้าแบบอิสระดับเบิลวิชโบนปีกนกคู่ที่มีการปรับค่ายืดและยุบของสปริงใหม่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงเส้นเขื่อง เพื่อลดอาการเต้นของช่วงล่างด้านหน้า รวมถึงยังลดอาการหน้ายุบเมื่อต้องลงเบรกหนักๆ อีกด้วย ส่วนช่วงล่างด้านหลังยังเป็นแบบคอยล์สปริง พร้อมกลไกวัตต์ลิงก์หรือเหล็กยึดค้ำที่ติดตั้งอยู่กับกระปุกของเฟืองท้าย ออกแบบใหม่และดูแล้วน่าจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม ช่วยลดอาการโคลงตัวบริเวณส่วนท้าย เพื่อทำให้บั้นท้ายของ Everest Wildtrak มีความเสถียร ส่วนระบบเบรกจัดดิสก์เบรกหน้า-หลังมาให้เพื่อความมั่นใจ ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน ส่วนดิสก์เบรกหลังเป็นจานเบรกแบบปกติ พร้อมตัวช่วยเบรกที่ป้องกันไม่ให้เสียอาการขณะใช้เบรกหนัก






Everest Platinum V6 4WD 10AT  เป็น SUV 7 ที่นั่งปอดใหญ่ใจพองโต เหมาะกับการขับทางไกล เบาะนั่งและช่วงล่างเน้นความสบายเนื้อสบายตัวหนึบๆแน่นๆ ขับบนทางไม่เรียบก็ไม่กระแทกกระเทือนจนเกินไป เครื่องยนต์ดีเซล V6 3.0 ลิตร โบเดี่ยว ขับแบบไม่ได้เน้นเอาตัวเลขสวยๆ มาโชว์ ทำได้ 8.5-9.2 กิโลเมตรต่อลิตร  ทุกแง่มุม มันเป็นรถอเนกประสงค์ที่ขับได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับเจ้าตลาดอย่าง Toyota Fortuner GR Sport หรือแม้แต่ Isuzu MU-X ก็ยังเป็นรองทั้งการทรงตัว ความสบายในการขับทางไกล รวมไปถึงระบบส่งกำลังและอุปกรณ์ภายใน ความนุ่มนวลของช่วงล่าง พวงมาลัยไฟฟ้าแม่นยำพอใช้ได้ Everest ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอะไร ก็เป็นรถครอบครัวคันโตที่พยายามทำทุกอย่างให้ออกมาดูดี การนำเครื่องยนต์ V6 เข้ามาขาย เหมือนกับเป็นการชิมลางดูการตอบสนองของลูกค้า แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น Everest ยังคงยืนหนึ่งรถ PPV SUV ที่ขับได้ดีสุด เหลืออย่างเดียวที่ Ford ต้องทำให้ลูกค้าท่ีอยากได้เชื่อมั่นมากกว่านี้ก็คือ ความเสถียรของระบบส่งกำลังซึ่งกลายปัญหาเรื่องจุกจิกกวนใจลูกค้าที่ใช้งานซึ่งเมื่อเทียบกับตัวเลขยอดขายแล้วก็ไม่ได้เป็นกันทุกคัน แค่เครื่องไม่เหนียวคงกระพันเท่าพี่โตเท่านั้นเองละครับ

Ford Everest Platinum V6 4WD 10AT
มิติ (Dimension)
กว้าง 1923 มิลลิเมตร 
ยาว 4914 มิลลิเมตร 
สูง 1842 มิลลิเมตร
ระยะช่วงล้อ (Wheelbase) 2900 มิลลิเมตร
ความกว้างช่วงล้อหน้า/หลง (Front Track / Rear Track) 1620 / 1620 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดจากพื้น (Ground Clearance) 227 มิลลิเมตร
ความสามารถในการลุยน้ำ (Water Wading) 800 มิลลิเมตร 

เครื่องยนต์และระบบส่งกําลัง (Powertrain)
แบบเครื่องยนต์ (Engine Type) ดีเซล 3.0 ลิตร 6 สูบ 24 วาล์ว เทอร์โบชาร์จเจอร์ 
ความจุกระบอกสูบ (Displacement) 2,993 ซีซี 
กําลังสูงสุด (Maximum Power) 250 แรงม้า (184 กิโลวัตต์) 3,250 รอบต่อนาที 
แรงบิดสูงสุด (Maximum Torque) 600 นิวตันเมตร / 1,750-2,250 รอบต่อนาที 

ระบบเกียร์ (Transmission) เกียร์อตโนมัติ 10 สปีด แบบ e-Shifter (10-Speed Automatic Transmission with e-Shifter) 

ระบบขับเคลื่อน (Drivetrain) ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD Terrain Management System พร้อมระบบเลือกโหมดการขับ 6 โหมด

(4WD Terrain Management System with 6 Selectable Drive Modes : Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery,Mud/Ruts, Sand)

แชสซีและระบบกันสะเทือน (Chassis & Suspension)

ระบบกันสะเทือนหน้า (Front Suspension) อิสระปีกนก 2 ช้นพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง (Double Wishbone with Coil Spring and Anti-Roll Bar) 

ระบบกันสะเทือนหลัง (Rear Suspension) คอยล์สปริงพร้อมวัตต์ลิงก์และเหล็กกันโคลง (Coil Spring with Watt's Link and Anti-Roll Bar)

ระบบเบรกหน้า / หลัง (Front / Rear Brake) ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน / ดิสก์เบรก (Front / Rear Ventilated Discs)

ระบบบังคับเลี้ยว (Steering System) พาวเวอร์แบบช่วยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า

(Rack and Pinion with Electronic Power Assisted Steering)

เฟืองท้าย (Differential) ดิฟล็อกหลังแบบไฟฟ้า (Electronic Locking Rear Differential)

ความจุถังเชื้อเพลิง (Fuel Tank Capacity) 80 ลิตร 

มาตรฐานไอเสีย (Emission Level) มาตรฐานยูโร 5 (เติมน้ำยา DPF/Adblue®)

ชนิดเชื้อเพลิง (Fuel Type) ไบโอดีเซลที่มีส่วนผสมไม่เกิน 20% (B20) (Biodiesel B20)

ล้อและยาง (Wheels &Tires) อัลลอย 21" พร้อมยางขนาด 275/45 R21 (21" Alloy Wheels with 275/45 R21 Tires) 

ล้อและยางอะไหล่ (Spare Wheel &Tire) อัลลอย 21" (21" Alloy Wheel)


ภายนอก (Exterior)

ไฟหน้า พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ (Headlamps with Auto On/Off) แบบ Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ และระบบป้องกันไฟแยงตา (Matrix LED with Adaptive Front Lighting System and Adaptive Glare-Free)

ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูป C-Clamp (C-Clamp LED Daytime Running Lights)

ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED (LED Fog Lamps) 

ไฟท้าย LED (LED Tail Lamps) แบบ LED Signature (LED Signature)

ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ (Puddle Lamps)

ระบบไฟส่องสว่างแบบแบ่งโซน (Zone Lighting) 

ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ (Rain Sensing Wipers) 

หลังคา Panoramic Moonroof (Panoramic Moonroof)

ราวหลังคา (Roof Rails) สีเงินโครเมียมแบบยกสูง (Extended Chrome)

บันไดข้าง (Side Steps) สีดําพร้อมชุดตกแต่งสีเงิน (Black with Bright Garnish)

กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว (Power Adjustable & Foldable Side Mirrors with Turning Indicators) 

ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า (Power Liftgate) 

มือจับประตูภายนอก / กระจกมองข้าง (Door Handles / Side Mirrors) สีเดียวกับตัวรถ (Body color) 

ตกแต่งภายนอก (Exterior Style) แบบ Platinum (Platinum Exterior)
โลโก้ติดฝากระโปรงหน้า (Hood Lettering) ตัวอักษร PLATINUM สีโครเมียม (PLATINUM with Chrome)
หลังคาสีดํา (Black Painted Roof) 

ภายในและความสะดวกสบาย (Interior & Convenience Features)
หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัด (Information Display on Cluster) จอสีขนาด 12.4 นิว (12.4" Color Display)
กุญแจรีโมตอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ตรถอัตโนมัติ (Keyless Entry with Push Start Button)
ระบบเปิด-ปิดกระจกสัมผัสเดียว (One Touch Up / Down Power Windows) ทุกบาน (All)
ช่องต่อ USB ที่กระจกมองหลง (Windscreen Mount USB)
กระจกมองหลงแบบปรับลดแสง (Dimming Rear View Mirror) แบบอัตโนมัติ (Auto Dimming)
ระบบปรบอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา (Dual Zone Climate Control Air Conditioning)
ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมสวิตช์ควบคุม (Second Row Air Conditioning with Control Switch)
เบาะหนัง และ หนังสังเคราะห์สีดํา (Black Leather and Synthetic Leather Seat)

โลโก้ซิกเนเจอร์ Platinum (Black with Platinum Plate Embossed)
เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า (Power Adjustable at Driver Seat) 10 ทิศทาง พร้อมระบบปรับอากาศและระบบบันทึกตำแหน่งเบาะที่นั่ง (10-Way with Ventilated and Memory Seat)
เบาะนั่งด้านผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า (Passenger Seat) 10 ทิศทาง พร้อมระบบปรับอากาศ (10-Way with Ventilated Seat) 
เบาะแถวที่ 2 ปรับเอนและสามารถเลื่อนตำแหน่งหน้า-หลังได้ (Second Row Seat with Reclining and Sliding Function)
เบาะแถวที่ 3 พับได้ (Third Row Fold Seat) พับไฟฟ้า (Power Fold)
ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร (Ambient Lighting) S
แผงบังแดดคู่หน้า (Sunvisor) แบบปรับระยะพร้อมกระจกและไฟส่องสว่างด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า (Driver and Passenger with Illuminated Mirror and Slide on Rod)
ไฟอ่านแผนที่และไฟส่องสว่างภายในรถ (Map Reading Lamps / Room Courtesy Lamps)

ช่องเก็บแว่นตา (Sunglass Holder) 
ช่องต่อไฟ 12V (12V Power Sockets) 3 ตําแหน่ง บริเวณที่วางแขน, เบาะแถวที่ 3 และที่เก็บสัมภาระ (3 Sockets at Console Armrest, Third Row Seat, and Cargo)
ช่องต่อไฟ 230V (400W) (AC 230V (400W) Inverter) 1 ตําแหน่ง เบาะแถวที่ 2 (1 Socket at Second Row Seat)
แท่นชาร์จไร้สาย (Wireless Charger) 
ชุดแต่งภายใน (Interior Style)
ภายในตกแต่งแบบ Platinum (Platinum Interior)

ระบบเครื่องเสียงและการเชื่อมต่อ (Audio and Connectivity)
หน้าจอแสดงผล (Multi-function Display) จอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว (12" Multi-Touch Screen)
รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto™ (Wireless Apple CarPlay® and Android Auto™ Support) 
SYNC® 4A ภาษาไทยพร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth (SYNC® 4A with Bluetooth) พร้อมระบบส่ังงานด้วยเสียง (With Voice Control)
ระบบ FordPass Connect (FordPass Connect) 
ช่องต่อ USB (USB Ports) 4 ตําแหน่ง บริเวณคอนโซลหน้า (x2) และเบาะแถวที่ 2 (x2) (4 Ports at Front Console (x2) and Second Row Seat (x2))
ลําโพง (Speakers)
ระบบเสียง Bang & Olufsen® พร้อมลําโพง 12 ตัว (Bang & Olufsen® Sound System with 12 Speakers)
ระบบนําทาง (Navigation) 

ระบบความปลอดภัย (Safety)
ถุงลมนิรภัย (Airbags)
ถุงลมนิรภัย 7 จุด คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านถุงลมนิรภัย / และถุงลมบริเวณหัวเข่าตําแหน่งคนขับ
(7 Airbags: Front Dual Airbags / Front Side Airbags / Side Curtain Airbags / and Driver Knee Airbag)
ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance) 
สัญญาณเตือนระยะจอด (Parking Sensor) ด้านหน้าและหลัง (Front & Rear)
กล้องมองหลังขณะถอยจอด (Rear View Camera) พร้อมกล้องมองรอบคัน 360 องศา (360 Degree Camera) 
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และกระจายแรงเบรก EBD (ABS & EBD) 
เบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) 
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control (ESP with Traction Control System) พร้อม Electric Brake Booster (With Electric Brake Booster)
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM (Hill Launch Assist & Roll Over Mitigation) 

ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) 
จุดยึดสําหรับเบาะนั่งเด็ก (ISOFIX)
สัญญาณกันขโมย และระบบกุญแจนิรภัย (Security Alarm System and Immobilizer)
เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขันสูง (Advanced Driver Assist Technology)
กล้องมองรอบคัน 360 องศา (360 Degree Camera)
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง
(Adaptive Cruise Control with Stop-and-Go and Lane Centering) 
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High-Beam Headlamps)
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (Automatic Emergency Braking with Pedestrian Detection) S
ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning with Brake Support) 
ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน (Post-Impact Braking)
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning)
ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (Blind Spot Information System with Cross-Traffic Alert and Braking) ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง (Reverse Brake Assist)ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive Steer Assist)ระบบตรวจเช็กลมยาง (Tire Pressure Monitoring System) Sระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist)

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/