รถกระบะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เกิดความสมดุลและคุ้มค่าของการขับใช้งาน ความแข็งแกร่งทนทาน ประหยัดน้ำมันและมีพื้นที่ใช้สอยมากพอที่จะประกอบธุรกิจเล็กๆ เพื่อสร้างรายได้ สัดส่วนความสูงที่สามารถลุยฝ่าน้ำท่วมขังจนไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย ช่วงล่างและระบบส่งกำลังที่รองรับการใช้งานในเขตทุรกันดาร ทั้งหมดทั้งปวง ทำให้รถกระบะเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ในการซื้อยานพาหนะคันใหม่ของผู้คนในประเทศไทย ถ้าคุณชอบ D-MAX นั่นหมายความว่าคุณเลือกซื้อบริการหลังการขายระดับ 5 ดาวที่มีความโดดเด่นเหนือกว่าไดนามิกและระบบส่งกำลัง ถ้าคุณเลือก BT-50 นั่นอาจหมายถึงความเป็นคนชอบรถ Mazda ที่ถูกสิงสู่โดย Isuzu ถ้าคุณซื้อ Navara คุณจะได้ทั้งความทนทานและความสามารถในการลุย และถ้าคุณเลือก Hilux REVO คุณอาจเป็นคนง่ายๆ ที่ไม่คิดอะไรมากนอกจากการพกพาความมั่นใจมาอย่างเต็มเปี่ยม ส่วนการเลือก Triton เปรียบเหมือนการใช้ชีวิตอยู่ในชนบทกับรถกระบะที่ใช้งานแล้วทำให้รู้สึกประทับใจ และถ้าคุณเดินไปหยิบกุญแจของ Ranger นั่นหมายถึงการเป็นคนที่พิถีพิถันต่อการขับเคลื่อน รักความสบายยามเดินทาง ชอบรถที่ทรงตัวดีและการปลดปล่อยพลังงานในรูปของแรงบิด เน้นกระบะสำหรับขับเร็วบนไฮเวย์ โดยเฉพาะการขับแบบสมบุกสมบัน ท่ามกลางตัวช่วยนับสิบรายการที่คอยประคับประคอง ทำให้อวัยวะภายใน ขณะขับฝ่าทางออฟโรดยังอยู่เป็นที่เป็นทาง ในตำแหน่งที่ถูกต้อง  

...







...

Ranger Wildtrak (Extra Pack) 2.0L Turbo 4x2 6AT สีขาว (Arctic White) กระบะยกสูงดับเบิ้ลแค็บเจเนอเรชันใหม่ที่ประกอบในประเทศไทย การรอคอยที่ยาวนานถึง 10 ปี กว่าที่ Ford จะเปิดตัวและวางขายรถกระบะที่ได้ชื่อว่าขับได้ดีที่สุดในกลุ่มรถปิกอัพของไทย งานออกแบบรถใหม่ เชื่อมโยงกันระหว่างรถยนต์ 3 รุ่น นั่นก็คือ New Ranger / New Everest / New Raptor ซึ่งทั้งหมดจะมีรายละเอียดปลีกย่อยแยกออกจากกันอย่างชัดเจน เพื่อการทำตลาดที่ครอบคลุมต่อกลุ่มลูกค้า และเพื่อทำให้รถยนต์ทั้งสามโมเดลของ Ford ตรงกับความต้องการของลูกค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอฟริกาใต้ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอีกหลายประเทศที่นำเข้ารถยนต์ทั้งสามรุ่นที่ประกอบในประเทศไทย รถทดสอบเป็น Ranger Wildtrak 2WD รุ่นขับเคลื่อนสองล้อ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร โบเดี่ยวกำลัง 170 แรงม้า กับแรงบิด 405 นิวตันเมตร ดูจะเป็นกระบะเด็กน้อยไปสักนิดเมื่อมองที่เครื่องยนต์ แต่เครื่องดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบชาร์จเจอร์พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ (2.0 Litre Diesel In-line 4 Cylinder 16V VG Turbo with Intercooler) มีประสิทธิภาพมากพอที่จะทำให้เกิดความสนุกบนทางไฮเวย์ข้ามจังหวัด โดยเฉพาะทางขึ้นลงเขาแถวเขาโจด ศรีสวัสดิ์ 

ความเปลี่ยนแปลงใน Ford Ranger Wildtrak (Extra Pack) 2.0L Turbo 4x2 6AT สีขาว (Arctic White)  ราคา 1,104,000 บาท

ล้ออัลลอย ดีไซน์ใหม่ Bead Lock สีดำ ขนาด 18 นิ้ว

สติ๊กเกอร์ ดีไซน์ใหม่

ราคาเพิ่มขึ้น 10,000 บาท

...




...



Wildtrak (Extra Pack) Single Turbo 4x2 เน้นความเป็นกระบะอเมริกัน โดยมีการย่อส่วนใบหน้าที่ดุดันมาจาก Ford F150 กระบะมะกันคันโต เพื่อไม่ให้ Ranger ใหญ่มากจนเกินไปเมื่อถูกวางขายในอาเซียน ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ใหญ่กว่ารถกระบะทั่วไปอยู่พอสมควร เริ่มจากกระจังหน้าสีเทา-ดำทรงรังผึ้ง มีช่องรับอากาศเข้าไประบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ ช่องรับอากาศของระบบไอดีที่แยกออกมาอยู่ด้านบนฝั่งซ้ายของห้องเครื่องยนต์ ออกแบบให้สามารถลุยน้ำได้ลึก 80 เซนติเมตร ท่ออากาศของ New Ranger จึงถูกยกขึ้นสูงจนเกือบจะอยู่ในแนวเดียวกับฝากระโปรงหน้า กันชนหน้ารูปตัว X ที่ต้องใช้ความกล้าหาญและงานวัดขนาดในระดับมิลลิเมตร ในขั้นตอนของการออกแบบ ไฟตัดหมอก LED อยู่ในกรอบพลาสติกสีดำ พลาสติกตกแต่งใต้กันชนหน้าสีเงินที่ทำให้ด้านหน้าดูลงตัวมากยิ่งขึ้น รวมถึงไฟหน้ารูปตัว C ที่ทันสมัย มีไฟ LED พร้อมไฟหรี่กลางวัน LED Day Time Running Light ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ฝากระโปรงหน้ายกสันนูนเพื่อเพิ่มมิติของแสงเงายามตกกระทบ ตราสัญลักษณ์ Ford อยู่ตรงกึ่งกลางกระจังหน้า กระจังหน้ามีช่องพลาสติกแนวนอนคาดกลาง  







มิติตัวถัง มีขนาดความยาว 5,370 มิลลิเมตร กว้าง 1,918 มิลลิเมตร สูง 1,884 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถปรับใหม่เป็น 235 มิลลิเมตร เพื่อทำให้ลุยน้ำได้ลึกถึง 80 เซนติเมตร ความยาวฐานล้อเพิ่มเป็น 3,220 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2,150 กิโลกรัม ด้านข้างบริเวณแก้มข้างติดตั้งพลาสติกตกแต่งสีดำพร้อมตัวอักษร Turbo กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัวกรอบสีดำ มือจับประตูสีเดียวกับตัวถัง แรคหลังคาสีเงิน ชุดแต่งสปอร์ตบาร์สีเทา-ดำ ขอบของกระบะมีราวแรคเพื่อการยึดกับสัมภาระต่างๆ ซุ้มล้อหุ้มพลาสติกสีดำ ล้ออัลลอยลายใหม่สีเทาดำขอบ 18 นิ้ว ห่อรัดด้วยยาง goodyear wrangler territory ht ไซส์ 255/65R18 ฝาท้าย ตำแหน่งไฟเบรกดวงที่สามอยู่ที่แถบของมือจับที่เปิดฝาท้าย ตัวอักษร Ranger และ Wildtrak ไฟท้ายแบบ LED ที่มีรูปทรงสีสันสวยงามเสริมให้ส่วนท้ายดูดีกว่าเดิม จุดที่ใช้งานได้ดีก็คือ กันชนหลังออกแบบให้เป็นที่เหยียบขึ้นไปบนกระบะหรือใช้การเหยียบที่ช่องบันไดด้านข้างที่อยู่ใกล้กับบริเวณใต้ไฟท้าย ฝาท้ายมีกลไกผ่อนแรงเปิด-ปิด ขอบของฝาท้ายออกแบบให้มีช่องที่สามารถติดตั้งเครื่องมือช่างสำหรับการทำงานภาคสนาม ด้านในของกระบะที่ห่อหุ้มด้วยพลาสติกกันกระแทกพวกไลเนอร์ มีช่องเสียบเพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าสองช่องทั้งแบบ 12V และ 230V ที่ต้องติดเครื่องยนต์หากใช้งาน เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตกลางแจ้งแบบแคมป์เต็นท์ เนื่องจากตัวจ่ายกระแสไฟฟ้าใช้งานได้ง่ายกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่หลากหลาย ทั้งหลอดไฟส่องสว่าง หรืออุปกรณ์เตาแคมปิ้งไฟฟ้า





ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง โช้คอัพแบบโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber with Double Wishbone with Coil Spring and Anti-Roll Bar) ช่วงล่างด้านหลังแบบแหนบซ้อน พร้อมโช้คอัพโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber with Leaf Springs) ระบบเบรก ติดตั้งดิสเบรกมาให้ทั้งสี่ล้อ อันนี้ถือว่าดี ระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัยพาวเวอร์แบบช่วยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า (Rack and Pinion with Electronic Power Assisted Steering) เป็นกระบะแบรนด์เดียวในประเทศไทยที่ใช้พวงมาลัยแปรผันน้ำหนักของพวงมาลัยด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า








งานตกแต่งภายในทำออกมาได้ดี มีความน่าใช้  พลาสติกภายในไม่ได้ใช้ของแพง แต่งานออกแบบชิ้นงานและการเลือกใช้โทนสีตกแต่งภายใน สื่อให้เห็นถึงความตั้งใจของ Ford ในการที่จะเอาชนะรถคู่แข่งเจ้าตลาดทั้ง Isuzu D-MAX และ Hilux REVO สำหรับ New Ranger Wildtrak มีฟังก์ชันใช้งานที่เหนือกว่ารถกระบะคู่แข่ง คนของ Ford พยายามปรับความสามารถในด้านการใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งโทรศัพท์ไร้สายและเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา หรือช่องเชื่อมต่อ USB-C ห้องโดยสารภายในของ New Ranger มีการออกแบบให้รองรับการใช้งานที่ครอบคลุมผู้คนยุคใหม่ ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสื่อสาร ซึ่ง Ford แจ้งว่า เป็นระบบฉลาดที่สุดเท่าที่บริษัทฯ เคยผลิตและใส่ในรถกระบะตระกูล Ranger ระบบเชื่อมต่อสั่งงานผ่านจอภาพขนาด 12 นิ้ว วางในแนวตั้งบริเวณคอนโซลกลาง ออกแบบให้เชื่อมต่อการสื่อสารจากที่บ้าน หรือที่ทำงาน เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน










เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง หุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีเหลือง พนักพิงหลังประทับตรา Wildtrak แดชบอร์ดคอนโซลขึ้นรูปด้วยพลาสติกสีเทาดำ แดชบอร์ดตรงหน้าเบาะผู้โดยสารตอนหน้า ออกแบบให้มีช่องเก็บของอยู่ตรงกลาง ด้านบนและล่างเป็นช่องเก็บของแบบมีฝาปิด ช่วยปรับให้ฟังก์ชันการใช้งานในจุดนี้มีความเหนือชั้นกว่ารถคู่แข่ง แดชบอร์ดด้านบนหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีเหลือง พลาสติกตกแต่งคาดกลางแดชบอร์ดสีดำเงามีตราสัญลักษณ์ Wildtrak พวงมาลัยสามก้านหุ้มหนังแท้เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีเหลือง คันเกียร์หน้าตาคล้ายของเดิมเนื่องจากการใช้สวิตช์เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์แบบ +/- อยู่ที่หัวเกียร์เหมือนกับรุ่นที่ผ่านมา ซุ้มคันเกียร์หุ้มหนังแท้เย็บด้วยด้ายสีเหลือง ตำแหน่งของเบรกมือไฟฟ้าและแป้นปรับโหมดการขับเคลื่อน ปุ่มควบคุมการขับขี่ออฟโรดและช่องวางแก้วสองตำแหน่ง แผงประตูออกแบบใหม่ให้มือจับที่เปิดประตูด้านในอยู่ใกล้กับมือมากยิ่งขึ้น ที่เปิดประตูแบบใหม่ใช้แนวคิดย้อนยุคแต่ใช้งานได้ดี แผงประตูหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์พร้อมวัสดุที่ให้ผิวสัมผัสนุ่มนวล






ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC®i 4A เจเนอเรชันใหม่ หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ทำงานเสมือนสมาร์ทโฟน แผงหน้าปัดแบบดิจิทัล TFT แทนแผงหน้าปัดแอนะล็อกแบบเดิม Ford Ranger เจเนอเรชันใหม่ เทคโนโลยีใหม่ที่ตอบสนองการใช้งานของลูกค้า แผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาดใหญ่ 8 นิ้ว แสดงข้อมูลเต็มรูปแบบ เหนือกว่าระบบแอนะล็อกเดิม นอกจากนี้ หน้าจอควบคุมระบบความบันเทิงแบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว เพิ่มความหรูหราทันสมัยภายในห้องโดยสาร ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A ที่ตอบสนองการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบ Electronic Shifter ยังคงใช้การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์แบบเดิมด้วยการกดสัญลักษณ์ +/- บนหัวเกียร์ ซึ่งควรจะเปลี่ยนมาเป็นการผลักคันเกียร์ไปที่ด้านซ้าย หรือขวา เพื่อเข้าสู่โหมดแมนนวลได้แล้ว สำหรับระบบเบรกมือไฟฟ้า ได้รับการติดตั้งในรถกระบะเป็นครั้งแรก

หน้าจอดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว แทนที่ตำแหน่งมาตรวัดแบบเดิม สามารถปรับการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย แสดงภาพเคลื่อนไหวเมื่อสตาร์ตรถและดับเครื่อง แสดงอัตราความเร็วและรอบเครื่องยนต์แบบดิจิทัล ภาพกราฟิกจำลองรถแบบเสมือนจริง ใน Ranger ใหม่ บางรุ่น หรือเปลี่ยนหน้าจอให้แสดงข้อมูลที่ต้องการได้หลากหลาย เช่น ฟังก์ชันของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ รอบเครื่องยนต์ และมาตรวัดพิเศษหรือเลือกแสดงผลข้อมูลต่างๆ บนจอ พร้อมโหมดการขับทั้งบนถนนและแบบออฟโรด หน้าจอแสดงผล แสดงการทำงานด้วยภาพเคลื่อนไหวในธีมต่างๆ ที่เปลี่ยนไปตามโหมดในการขับขี่ที่เลือกใช้

ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A หัวใจสำคัญของเทคโนโลยีที่ติดตั้งใน New Ranger Wildtrak โดย SYNC® 4A เป็นระบบสื่อสารและความบันเทิงในรถ Ford ที่รองรับการเชื่อมต่อบน Apple CarPlay™ และ Android Auto™ มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่นการแสดงผลฟีเจอร์ที่ใช้งานล่าสุดก่อนเพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น หน้าจอสัมผัส 12 นิ้ว เป็นจอที่ใหญ่ที่สุดในเซ็กเมนต์ เลือกการตั้งค่าหน้าจอแบบแยกส่วน ผ่านแป้นสั่งการที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอ แสดงข้อมูลสำคัญ เช่น การเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ และอุปกรณ์อื่นๆ การเลือกใช้หน้าจอแบบแท็บเล็ตขนาดใหญ่ เพื่อแสดงระบบแผนที่นำทางที่เชื่อมต่อกับแอปฯ ได้อย่างชัดเจน และยังเหลือพื้นที่ด้านล่างของจอสำหรับแสดงผลอื่นๆ เช่น ระบบปรับอากาศ และระบบควบคุมความบันเทิงอื่นๆ

โมเด็มที่ติดตั้งมาจากโรงงาน เชื่อมต่อกับรถได้อย่างต่อเนื่องผ่านแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส ในอนาคต สามารถอัปเดตข้อมูลและการทำงานหลายอย่างบนรถได้ ผ่านการเชื่อมต่อไร้สาย เช่น การอัปเดตซอฟต์แวร์ SYNC® 4A การอัปเดตเพื่อยกระดับคุณภาพ ความสามารถในการขับขี่ และความสะดวกสบายบางรายการ โดยไม่จำเป็นต้องนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ ระบบการควบคุมการขับขี่ของ New Ranger ถูกย้ายจากแผงหน้าปัดและคอนโซลกลาง ไปอยู่บนหน้าจอ SYNC แทน ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น การควบคุมอุณหภูมิและระบบความบันเทิง ภายในรถ สั่งการผ่านหน้าจอ SYNC ได้ และยังมีการติดตั้งปุ่มจริงใต้หน้าจอไว้ด้วย เพื่อการใช้งานที่สะดวกและรวดเร็ว จอทัชสกรีนเชื่อมต่อกับกล้อง 360 องศา เพื่อให้จอดรถได้สะดวกขึ้นในพื้นที่แคบ หรือช่วยเหลือผู้ขับในการเดินทางบนสภาพเส้นทางที่มีความสมบุกสมบันเป็นพิเศษ โดยระบบ จะทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้ารถ หลังรถ ภาพรอบรถจากมุมสูง รวมถึงจุดบอดต่างๆ

ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบใหม่และคอมเพรสเซอร์แบบความเร็วแปรผัน ลดการทำงานของเครื่องยนต์ เพิ่มการประหยัดน้ำมัน สามารถควบคุมระบบควบคุมอุณหภูมิภายในรถได้หลายวิธี ทั้งบนหน้าจอ SYNC® 4A หรือปุ่มบริเวณด้านล่างของจอ ระบบเซนเซอร์ภายในห้องโดยสาร มีฟังก์ชันตรวจวัดอุณหภูมิและระดับความชื้น เพื่อปรับโหมดและระดับพัดลมได้อย่างรวดเร็ว พร้อมรักษาอุณหภูมิและความสบายภายในห้องโดยสาร ไม่ว่าอากาศด้านนอกจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ดเรนเจอร์มาพร้อมกับระบบควบคุมแอร์ด้านหลังบริเวณคอนโซล ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังปรับอุณหภูมิได้เองตามต้องการ หรือตั้งค่าให้ระบบปรับอุณหภูมิทำงานอัตโนมัติได้

Ranger Wildtrak 2WD เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 1,996 ซีซี. พร้อมประสิทธิภาพด้านการส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด กำลัง 170 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 405 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที เป็นครั้งแรกที่ New Ranger มีตัวเลือกรุ่น Wildtrak ขับเคลื่อนสองล้อหลัง 4x2 และมีการติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร ที่ทำงานส่งถ่ายแรงบิดได้ดีตั้งแต่รอบต่ำไปจนถึงรอบสูงสุด เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนสองล้อ เมื่อลองขับทั้งในเมืองและออกทางไกลก็ต้องขอบอกว่า แค่เครื่อง 2.0 ลิตร โบเดี่ยว กำลัง 170 แรงม้าก็เหลือรับประทานแล้วละครับถ้าไม่ใช่สายลุยที่จำเป็นจะต้องใช้การตะกุยด้วยล้อทั้งสี่ แค่รุ่นขับสองก็เกินพอต่อการใช้งานแถมยังประหยัดเงินอีกด้วย 


Ranger Wildtrak 2.0 Turbo 2WD เครื่องดีเซลแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบเดี่ยว กำลังลดลงมาเล็กน้อยเมื่อเทียบแรงม้ากับ Ranger Wildtrak โฉมที่แล้ว แรงบิด 405 นิวตันเมตร ช่วงล่างใช้โช้คอัพ Mono Tube ที่มีการทำงานโดยกลไกของวาล์วด้านในแบบสองชั้น โช้คอัพและสปริงที่ปรับใหม่ ทำให้ช่วงล่างของ New Ranger Wildtrak 2WD มีความนิ่มนวลเข้าใกล้กับรถเก๋งขนาดกลาง อาการกระเด้ง โยนตัวหรือสั่นสะเทือนลดลงไปมาก บนเส้นทางจากถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรีไปยังอำเภอหนองปรือ กำลังแรงบิด 405 นิวตันเมตร เหลือเฟือในการทำความเร็ว แม้ตัวจะหนักถึง 2 ตันแต่ก็พอที่จะมีความคล่องแคล่วอยู่บ้าง ขนาดที่ใหญ่ทำให้ต้องระวังในการใช้ความเร็ว  

เครื่องยนต์เทอร์โบเดี่ยวและเกียร์ 6 สปีด ทำงานเนียน เสียงการทำงานที่ลดลงของเครื่องยนต์และการไหลขึ้นๆ-ลงๆ ของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด การเก็บเสียงก็ดี วิ่ง 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมีเสียงลมและเสียงยางดังเบาๆ ต้องวิ่งเร็วจัดถึงจะได้ยินเสียงลมและเสียงบดลงไปบนผิวถนนของยางอย่างชัดเจน พวงมาลัยไฟฟ้าให้ความรู้สึกเบากว่าเดิมนิดๆ แต่ยังคงความแม่นยำและตอบสนองต่อการเลี้ยวในโค้งได้ดี ขนาดที่ใหญ่เต็มช่องทางต้องปรับความรู้สึกกันใหม่หมด การควบคุมเจ้ายักษ์หนักสองตัน เรื่องของระยะเบรกก็ต้องปรับความรู้สึกใหม่ แต่ดิสเบรกสี่ล้อของ Ranger Wildtrak 2.0 Turbo 2WD ให้ความมั่นใจในการหยุดยั้งได้ดีพอสมควร แต่ควรเผื่อระยะเบรกเอาไว้บ้างเพราะมีมวลมากกว่ารถเก๋งเล็ก





การตอบสนองของเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร ถือว่าทำได้ดี แม้จะมีการปรับจูนให้แรงม้าลดลงเพื่อลดตัวเลขการปล่อยมลพิษ แต่แรงบิดของเครื่องยนต์รุ่นนี้มากพอที่จะทำให้ออกตัวหรือวิ่งเร็วได้อย่างกระฉับกระเฉง การเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปจนถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาไป 10.9 วินาที ในรถกระบะคันโตที่มีน้ำหนักตัวมากถึง 2 ตัน ถือว่าเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพใช้ได้ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ยังประจำการอยู่ใน Everest เจเนอเรชันใหม่ ขุมกำลังรุ่นดังกล่าว ออกแบบระบบบายพาสโดยปรับการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อมอบประสิทธิภาพในการใช้งาน กล่าวคือ เทอร์โบชาร์จตัวเดียวโดดๆ ทำงานที่รอบต่ำเพื่อเพิ่มกำลังแรงบิดและการตอบสนอง และส่งกำลังได้เต็มที่เมื่อใช้รอบสูงต่อเนื่อง สำหรับอัตราสิ้นเปลืองบนเส้นทางภูเขา ซึ่งมีการใช้ความเร็วอย่างต่อเนื่องเพื่อจับการตอบสนองของช่วงล่าง ทำได้ 11.7 กิโลเมตรต่อลิตร อยู่ในระดับมาตรฐาน ไม่กินจุแต่ก็ไม่ได้ประหยัดจนทำให้รู้สึกเป็นรถกระบะที่โดดเด่น แต่ที่ดีงามก็คือ ความสามารถในการทรงตัวที่ย่านความเร็วสูง ความสบายที่ผ่องถ่ายผ่านระบบรองรับ และความแม่นยำของพวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดน้ำหนักแปรผัน  





Ranger Wildtrak 2WD ราคา 1,104,000 บาท แพงขึ้นมาอีกหมื่นนึง ถ้าคิดว่าคุ้มก็จัด Wildtrak ยังคงเป็นขวัญใจของสายขับที่กำลังมองหารถกระบะคันใหม่ หากไม่ได้ใช้งานในพื้นที่ทุรกันดารสาหัสสากรรจ์ ต้องใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยล้อทั้งสี่ตลอดทาง วิ่งบนทางออฟโรดบ่อยครั้ง แค่รุ่นขับสองก็เหลือเฟือ แถมยังประหยัดเงินได้อีก 250,000 บาท เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบลูกเดียวโดดๆ ไม่ซับซ้อนมากเท่ากับรุ่น Bi Turbo เกียร์ 6 สปีด ก็ดูแลง่ายกว่า เหนียวใช้ได้ และไม่มีปัญหาเหมือนเกียร์ 10 สปีด จากมิชิแกน ซึ่ง Ford เองก็ควรจะทำรถออกมาให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในการใช้งานระยะยาวมากกว่านี้ ถ้าทำได้ ยอดขายของ Ranger ใหม่ ก็น่าจะดีวันดีคืน อยากให้ Ford แก้ปัญหาจุกๆ จิกๆ ไม่ให้โผล่มากวนใจอีก รับประกันว่าถ้าใช้แล้วเหนียวจริง ก็จะขายดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ละครับ.

ไฟหน้า LED พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ
ไฟหรี่กลางวันและไฟท้าย LED
ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบปรับและพับด้วยไฟฟ้า
ไฟส่องสว่างข้างตัวรถกาบบันไดข้างและบันไดที่เหยียบขึ้น
กระบะท้ายสปอร์ตบาร์และราวหลังคาพื้นปูกระบะท้ายพร้อมช่องเชื่อมต่อปลั๊กไฟ 12-230 โวลต์
ฝากระบะท้ายพร้อมระบบผ่อนแรงเปิด

อุปกรณ์ภายในแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
เบาะหนังและหนังสังเคราะห์ใน New Ranger WildTrak
หน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 12.0 นิ้วเชื่อมต่อ apple carplay android auto แบบไร้สาย
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สายและระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC4ระบบ Ford Pass Connect

กุญแจรีโมต พร้อมปุ่มสตาร์ตอัตโนมัติ
ช่องต่อไฟ 12V และช่องต่อไฟ 230V
หน้าจอแสดงผลมาตรวัดและโหมดขับเคลื่อนรวมถึงข้อมูลต่างๆ ขณะขับเคลื่อน ขนาด 8 นิ้ว
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร

ระบบความปลอดภัยถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ด้านหน้า ด้านข้าง 
ถุงลมบริเวณหัวเข่า
ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง
กล้องมองหลัง
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบเสริมแรงเบรก EBD

ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีเบรกมือไฟฟ้า
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go
ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินเท้า
ระบบเตือนการชนด้านหน้าระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง
ระบบตรวจจับจุดบอด 
ระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอดรถ
กล้องมองรอบคัน 360 องศา
ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง
ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/