พิษเศรษฐกิจ สงครามราคารถจีนที่กำลังเข้มข้นขึ้นจากนโยบาย EV 3.0  วิถีทางของธุรกิจในโลกยานยนต์ที่เปลี่ยนไป ทำให้คนที่กำลังเล็งรถคันใหม่ช่วงปลายปีมีการปรับตัวอย่างมาก จากที่เคยมีตัวเลือกไม่มาก กลับกลายเป็นเลือกไม่ถูกว่าจะไปรถไฟฟ้าจีน หรือยังคงเลือกใช้รถยนต์ญี่ปุ่นที่ดูจะมีความเชื่อมั่นในระยะยาวที่ดีกว่า Mazda เองก็อยู่ในสภาวะที่ต้องปรับปรุงผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของตนเอง หลังจากการลงทุนเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้แผนงานในการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่เกิดความล่าช้า ทั้งจากเงินทุนและกระแสความเปลี่ยนแปลงพลังงานขับเคลื่อน ที่ทำให้แบรนด์รถญี่ปุ่นดูเหมือนจะล้าหลังและกำลังเป็นฝ่ายไล่ตามแบรนด์จีน ดูเหมือนบริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่นจะคิดช้าทำช้า ไม่ทันกับการรุกตลาดของยานนยนต์ไฟฟ้าจากจีน แต่จุดเด่นของแบรนด์ Mazda ก็คือ แนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบและปรับแต่งไดนามิกที่โดนใจนักขับ บริการหลังการขาย ราคาอะไหล่และราคาขายต่อ นี่คือรถเล็กที่ลากขายมานานแสนนานเกิน 13 ปี มองไปที่ Mazda 2 ซึ่งดูเก่าแล้ว แม้จะมียอดขายที่ลดลงไปตามความสดใหม่ แต่ก็ถือว่ายังพอไปได้ ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดในอุตสาหกรรมยานยนต์ การมีโปรดักซ์ที่ดี ทำให้ Mazda สามารถต่อสู้กับแบรนด์อื่นได้ แต่รถใหม่ที่อยู่ในแผนการทำตลาดก็คงต้องรอกันอีกนิด คุณกำลังจะเห็นราคาของ Mazda 6e รถไฟฟ้าที่ร่วมมือกับแบรนด์จีนอย่าง  ChangAn นำเอาแพลตฟอร์มของ Deepal L07 มาปรับแต่งใหม่ (โดยเฉพาะช่วงล่างที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของ Mazda ยังคงอยู่)  ความสามารถและประสิทธิภาพในการใช้งาน การใส่ใจในรายละเอียดของการขับ กับงานตกแต่งภายในซึ่งใช้วัสดุและรูปแบบที่เหนือกว่ารถคู่แข่ง เป็นจุดเด่นที่ยังคงอยู่ของแบรนด์ Mazda  

...



หลังจากเปิดตัวรถรุ่นปรับปรุงใหม่ 3 รุ่นรวด ในกลุ่ม New Mazda Essential Collection ประกอบด้วย Mazda 2 Essential , Mazda CX-3 Essential และล่าสุด  MAZDA CX-30 Essential ทั้งหมดมีการปรับอุปกรณ์มาตรฐานและชื่อรุ่นย่อยใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมอบทางเลือกที่ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้นให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย กับรุ่นเริ่มต้นใหม่ ที่คุ้มค่าคุ้มราคา มีราคาจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ยังครบครันด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน เพิ่มทางเลือกที่เหมาะสมกับความต้องการด้านการใช้งาน นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นใหม่ทั้ง 3 รุ่นนี้ ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ความเป็นรถ Mazda ด้วยองค์ประกอบหลัก 5 จุด ได้แก่ Artful Design การออกแบบสร้างสรรค์ดุจงานศิลปะชิ้นเอก Car as Art ถ่ายทอดภายใต้คอนเซ็ปต์ KODO: Soul of Motion จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว ความสวยงามต้องตาต้องใจผู้พบเห็น ทั้งดีไซน์ภายนอกและภายใน รวมถึงสีภายนอกอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ที่ผลิตขึ้นด้วยแนวทาง “ทาคุมินูริ” ที่หมายถึง การเพ้นท์สีโดยช่างผู้ชำนาญการ

...




...

Mazda 2 Essential รุ่น XDL SIGNATURE แม้จะลากขายมานานแต่มีความครบ ทั้งระบบส่งกำลัง สมรรถนะ อุปกรณ์รวมถึงระบบความปลอดภัย  เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล เปิดราคา 749,000 บาท ลดลงไปพอสมควรเมื่อเทียบกับราคาตอนเปิดตัวใหม่ๆ ของ Mazda 2 รุ่นท็อป  ให้อัตราเร่งและการตอบสนองด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1.5 ลิตร หลังคาสีดำ ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว สี Black Machining  ดิสก์เบรกหลัง เคลมประหยัดน้ำมันสูงสุด 26.3 กม./ลิตร พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense 

Mazda 2 Essential รุ่น XDL SIGNATURE ถูกส่งลงสู่สมรภูมิตลาดรถเล็กแบบซิตี้คาร์ โดยเปิดตัว และเปิดรับจองในช่วงกลางปีที่ผ่านมา เป็น Mazda 2 รุ่นปรับโฉม 2025 เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ-ดี  (ดีเซล) มาพร้อมกับรูปลักษณ์การออกแบบใหม่ จากภายนอกจนถึงภายในที่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทำให้มันดูดีขึ้น Mazda 2 2025 เวอร์ชั่นปรับโฉม มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์คลีนดีเซล 1.5 ลิตร และเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแฮตช์แบค 5 ประตู 

...




การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของ Mazda 2  Essential รุ่น XDL SIGNATURE   รูปลักษณ์ด้านหน้าออกแบบใหม่ ทั้ง กันชนหน้า กระจังหน้า ไฟหน้า  ไฟท้าย กันชนหลัง ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว มิติตัวถังของ Mazda 2 Hatchback 5 ประตู มีขนาดความกว้าง 1,695 มิลลิเมตร ยาว 4,065 มิลลิเมตร สูง 1,495 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,570 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หน้า 1,495 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หลัง 1,485 มิลลิเมตร ความจุถังเชื้อเพลิง 44 ลิตร พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายขนาด 250 ลิตร สำหรับรุ่น 5 ประตู












หน้าตาที่เปลี่ยนใหม่ของ Mazda 2 ไมเนอร์เชนจ์ Essential  XDL จากไฟหน้าและกระจังหน้ากับกันชนหน้า ทำให้หน้าตาของมันดูอ่อนโยน ไฟหน้า LED มีไฟหรี่กลางวันทรงวงแหวนล้อมกรอบไฟที่เต็มไปด้วยรายละเอียด เป็นชุดไฟพร้อมระบบยกไฟสูงอัตโนมัติ  มีกำลังในการส่องสว่างแรงใช้ได้ โดยเฉพาะไฟสูงนั้นส่องได้ไกลมาก ระบบ Auto High Beam ทำให้การขับบนเส้นทางที่ไม่มีแสงไฟส่องสว่างปลอดภัยมากขึ้น กระจังหน้าใหม่ใช้พลาสติกสีดำเงา ทำเป็นช่องตะแกรงเล็กๆ กันชนหน้ามีช่องรับอากาศด้านล่าง เดินคิ้วพลาสติกสีดำเงาบริเวณขอบทั้งสองข้างของชุดกันชน ทรงไฟท้ายยังเหมือนเดิม ปรับรายละเอียดภายในชุดไฟท้ายในตำแหน่งของหลอดไฟถอยหลังที่เล็กลงรวมถึงตำแหน่งของไฟเลี้ยวในไฟท้ายที่ยาวขึ้น กันชนหลังของใหม่เดินเส้นสีดำที่มุมด้านล่างทั้งสองข้าง  ฝาท้ายและตำแหน่งของไฟเบรกดวงที่สามไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังใช้ของเดิม 

จุดเด่นของ Mazda 2 Essential XDL SIGNATURE
เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1.5 ลิตร ประหยัดน้ำมัน 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร (วิ่งจริงบนเส้นทางภูเขา ประมาณ 19.3 กิโลเมตรต่อลิตร) เชื้อเพลิง 1 ถัง 44 ลิตร ขับเรื่อยๆ ไปไกล 700 กิโลเมตรหรือมากกว่านั้น

ระบบควบคุมการขับขี่ขั้นสูง (GVC Plus)

เทคโนโลยีการเชื่อมต่อสื่อสาร Mazda Connect มาพร้อม Apple CarPlay 

กล้องแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor)

ระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control

ระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE













ห้องโดยสารยกระดับความน่าใช้งานโดยคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง เช่น หนังกลับที่ใช้หุ้มเบาะนั่ง แผงคอนโซลหน้า แผงประตูด้านข้างแบบใหม่ที่ทำให้ดูหรูหรามีราคา เบาะดีไซน์ใหม่ที่ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของ SKYACTIV-Vehicle Architecture ช่วยปรับท่านั่งให้ลงตัว นุ่มสบาย ให้การควบคุมทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีระบบควบคุมขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงหรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล ชิ้นงานและองค์ประกอบหลักของอุปกรณ์ภายในมีรูปแบบคล้ายกับ Mazda 3 การเลือกใช้วัสดุเกรดสูงผสมกับงานดีไซน์รูปทรงของชิ้นงานที่มีความทันสมัย แผงอุปกรณ์ตกแต่งภายในใช้สีและการเคลือบเงาเพื่อความสวยงาม รุ่นท็อปสุด Essential XDL ตกแต่งภายในด้วยโทนสีเทาเดินเส้นตะเข็บด้วยสีแดงแนวสปอร์ต แดชบอร์ดและคอนโซลประดับด้วยหนัง Alcantara ช่องแอร์สีแดง  เบาะใช้หนังสองแบบตัดเย็บอย่างประณีต เบาะคู่หน้ายังใช้การปรับด้วยมือเหมือนเดิม คอนโซลกลางของ Mazda 2 เน้นการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยที่มีความหลากหลาย รูปแบบของคอนโซลเชื่อมโยงต่อการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ระบบการควบคุมและแสดงผลการทำงานของรถขณะขับเคลื่อนอยู่ในตำแหน่งที่ดีบนพื้นฐานการใช้งานของมนุษย์ เป็นศูนย์กลางของการควบคุมขับขี่ จอแสดงข้อมูล Head-up Display ที่นั่งเบาะผู้โดยสารและเบาะคนขับปรับถอยหลังได้ระยะ 260 มิลลิเมตร ความสูงของเบาะนั่งเพิ่มอีก 40 มิลลิเมตร พวงมาลัยแบบ Telescopic ปรับได้ 4 ทิศทาง






ตำแหน่งท่านั่งอยู่ในท่าที่สูงตามขอบด้านบนของแผงหน้าปัดมาตรวัดความเร็วและล้อมรอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆ อย่างสมดุล ที่นั่งผู้โดยสารมีพื้นที่วางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะพอเพียงต่อการเดินทางระยะไกล ที่นั่งด้านหน้าออกแบบให้มีความโอบกระชับและอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยแผงควบคุมที่ให้ความรู้สึกถึงความเร็ว ห้องโดยสารของ Mazda 2 มีการเลือกสีที่เหมาะสมทั้งในส่วนของแผงอุปกรณ์ไฟฟ้า คอนโซลที่พื้นและแผงประตู ความหลากหลายของสีและวัสดุตกแต่งถูกนำมาใช้พร้อมกับการเลือกวัสดุหุ้มเบาะนั่งทำให้เกิดเป็นงานออกแบบที่สวยงามน่าใช้ อุปกรณ์ภายในมีการปรับเปลี่ยนโทนสีเพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างรุ่นก่อนปรับโฉม ช่องแอร์ทรงกลมจากที่เคยใช้พลาสติกสีดำมันแบบเปียโนแบล็กมาเป็นชิ้นงานพลาสติกทรงกลมสีแดงล้อมรอบช่องแอร์ 




หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับแบบ Active Driving Display จัดแสดงข้อมูลที่มีความสำคัญในการขับขี่ รวมถึงความเร็วขณะที่กำลังขับเคลื่อน มาตรวัดทรงกลมขนาดใหญ่วางอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางและหน้าปัดแสดงผลทั้งสองข้าง หน้าจอแสดงข้อมูลขนาด 7 นิ้ว การแสดงผลข้อมูลที่ติดตั้งตรงกลางด้านบนของแผงควบคุม จัดแสดงข้อมูลการทำงานในส่วนต่างๆ ช่วยให้ผู้ขับรับรู้ข้อมูลโดยไม่ต้องละสายตาไปจากถนน และไม่รบกวนสมาธิของการควบคุม




ปุ่มควบคุม Center Commander เป็นการจัดวางตำแหน่งของปุ่มควบคุมให้เป็นจุดศูนย์กลาง สามารถเลือกดูข้อมูลบนจอแสดงผลได้รวดเร็วและง่ายต่อการเข้าถึง ระบบปฏิบัติการด้วยเสียง Voice Commander สามารถสั่งและควบคุมการทำงานต่างๆ ได้ด้วยเสียงเพื่อเปลี่ยนเมนูต่างๆ ระบบ MZD Connect ทำงานผสานกับ Smart Phone ของผู้ใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและการสื่อสารต่างๆ ที่มีระบบการใช้งานเชื่อมโยงกับความปลอดภัย การใช้งานระบบเครื่องเสียงสามารถรับคลื่นวิทยุหลากหลายมากยิ่งขึ้น เล่น CD และเครื่องเล่นแบบพกพา รับฟังคลื่นสถานีวิทยุที่ออกอากาศในระบบดิจิตอลอินเทอร์เน็ตโดยการเชื่อมโยงผ่านสมาร์ทโฟน การใช้งานของระบบสื่อสารแบบไร้สาย Hands free สามารถรับและส่งแสดงข้อความ หรือแม้แต่อ่านข้อความสั้นๆ ล่าสุดบน Twitter และ Facebook ให้รับฟังและโพสต์ข้อความเสียงได้เช่นกัน แอปพลิเคชัน ฟังก์ชันการทำงานอื่นๆ ที่หลากหลาย ระบบสามารถติดตามและแสดงค่าอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 



Mazda 2 ใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม ช่วงล่างออกแบบให้มีน้ำหนักเบาเพื่อลดมวลใต้สปริงที่จะส่งผลไปถึงการตอบสนองที่ว่องไว มีจุดเด่นในด้านของขนาดทั้งโช้คและสปริงที่กะทัดรัดและมีประสิทธิภาพในการซับแรงสั่นสะเทือน แชสซีของ Mazda 2 มีการเพิ่มระยะของแขนและมุมแคสเตอร์ Caster Trail and Caster angle การออกแบบตำแหน่งจุดยึดช่วงล่างด้านหลังใหม่ ใช้ตัวดูดซับแรงสั่นสะเทือนด้านหลังที่สามารถควบคุมแรงเสียดทานจากการทำงานได้อย่างเหมาะสม การปรับรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้ช่วงล่างส่งถ่ายความนิ่มนวลขณะขับเคลื่อน อัตราทดของพวงมาลัยไฟฟ้าถูกปรับให้มีความไวขึ้นเพื่อการตอบสนองที่ดี การติดตั้งชุดบังคับเลี้ยวที่แข็งแกร่งเป็นแกนเดียวกับตัวรถเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกใน Mazda 2 เพิ่มความแม่นยำและการตอบสนองต่อการเปลี่ยนทิศทางที่ดี ระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลังเป็นดิสก์เบรก 


เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.5 ลิตร รหัส S5-DPTS เป็นเครื่องยนต์ดีเซลตัวเล็กแบบแถวเรียง 4 กระบอกสูบ ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 16 วาล์ว ปริมาตรความจุ 1,498 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 76.0 ช่วงชัก 82.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 14.8:1 จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดแรงดันสูงแบบคอมมอนเรล ไดเรคอินเจคชั่น สำหรับระบบอัดอากาศใช้เทอร์โบแบบ Turbocharger Variable Turbine Geometry เป็นเทอร์โบตัวเล็กทำงานในแบบแปรผันไปตามความเร็วรอบ เพื่อการตอบสนองในระดับสูงสุดของอัตราเร่ง พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีก่อนประจุเข้าห้องเผาไหม้ด้วยอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดเล็กจิ๋วที่มีประสิทธิภาพ อากาศหรือไอดีที่ผ่านการลดอุณหภูมิจากอินเตอร์คูลเลอร์ ช่วยทำให้เครื่องยนต์มีการทำงานที่สมบูรณ์สามารถจุดระเบิดคายพลังงานออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


แรงบิดจากเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร เทอร์โบ เทียบเท่าแรงบิดที่ได้รับจากเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร ประหยัดเชื้อเพลิงจากการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้รอบเครื่องไม่สูงเท่าเบนซิน ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ปรับอัตราทดให้มีการทำงานในด้านการส่งกำลังเข้ากับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ เครื่องยนต์มีอัตราส่วนกำลังอัดที่ 14.8:1 ให้กำลังสูงสุด 77 กิโลวัตต์ หรือ 105 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร เหลือเฟือสำหรับรถเล็กน้ำหนักแค่ 1.3 ตัน Mazda แจ้งว่า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นนี้อยู่ที่ประมาณ 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร จากการขับทดสอบของประเทศญี่ปุ่นในรุ่น 2WD เกียร์อัตโนมัติ พร้อมระบบ i-Stop หรือ Auto Start/Stop เมื่อลองขับทดสอบทางไกลก็ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ประมาณ  19.3 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดเอาเรื่อง เติมเชื้อเพลิงดีเซลเต็มถังความจุ 44 ลิตร วิ่งได้ยาว 700 กิโลเมตร ทำให้ไม่ต้องวิ่งเข้าปั๊มกันบ่อยๆ 


เกียร์อัตโนมัติเป็นอีกจุดที่ Mazda ไม่ใช้เกียร์ CVT แต่ใช้เกียร์ออโต้ทอร์คคอนเวอร์เตอร์แบบเฟืองต่างขนาด  เกียร์ออโต้รุ่นเดิมนั่นก็คือ Skyactiv Drive 6 สปีด เป็นชุดส่งกำลังที่มีขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา เมื่อเทียบกับเกียร์ออโต้รุ่นอื่น ให้การตอบสนองด้านการเปลี่ยนอัตราทดที่ครอบคลุมทุกย่านรอบเครื่องยนต์ ให้ความรู้สึกคล้ายเกียร์ธรรมดาเมื่อเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง เกียร์ Skyactiv Drive ยังมีการเปลี่ยนเกียร์ที่นิ่มนวลราบรื่น เร่งรอบไหลลื่นรวดเร็ว เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า ออกแบบมาสำหรับวางลงในห้องเครื่องยนต์ของรถเล็กขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์ Skyactiv Drive 6 Speed ทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมีตัวเลขที่ดีขึ้นมากสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล เป็นเกียร์ที่มีกลไกภายในซับซ้อน เน้นการทำงานที่ราบรื่น นิ่มนวล ชิฟต์เกียร์หรือคิกดาวน์ได้ไว ตอบสนองต่อการขับขี่บนทางแบบขึ้นลงเขาหรือขับในเมืองที่มีการจราจรติดขัด ระบบ i-ELOOP เป็นการนำเอาพลังงานที่สูญเสียไปจากการเบรกกลับคืนมาใช้งานในรูปของกระแสไฟฟ้าส่งไปเก็บในแบตเตอรี่ ระบบประกอบไปด้วยตัวเก็บประจุขนาดใหญ่ Capacitor หรือ Electronic Double Layer Capacitor เป็นงานวิศวกรรมล่าสุดจาก Mazda สามารถลดน้ำหนักได้ 5 กิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักของระบบ ช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง ระบบ i-Stop จะทำการดับเครื่องยนต์ทันทีที่ตัวรถหยุดนิ่งและสตาร์ตเครื่องยนต์ทันทีที่ผู้ขับยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง ช่วยลดการใช้น้ำมันท่ามกลางการขับขี่ในสภาพการจราจรที่ติดขัด รวมถึงยังช่วยลดมลพิษจากเครื่องยนต์เมื่อทำการดับเครื่องทุกครั้งที่รถหยุดนิ่งอยู่กับที่ โดยระบบปรับอากาศยังคงทำงานแบบอัตโนมัติต่อไป




Mazda 2 Essential XDL SIGNATURE  เข้ากับยุคสมัยที่ต้องประหยัด  ยึดหลักอนุรักษนิยมและเดินสายกลางด้วยการเป็นรถเล็กรุ่นเดียวในไทยที่มีเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ มันอยู่ตรงกลางระหว่างความหรูหรากับความประหยัด การทำตัวให้เป็นรถของกลุ่มคนที่รักการขับทำให้ Mazda ต้องลงมือลงแรงหลายจุดเพื่อทำให้มันเป็นรถที่มีประสิทธิภาพ รุ่นแฮตช์แบคมีบั้นท้ายที่ลงตัวมากกว่ารุ่นซีดาน และเข้ากันได้ดีกับโทรศัพท์ iPhone หรือชุดเดินเล่นตามทุ่งหญ้าป่าเขาหรือตามชายหาดของพวกวัยรุ่น สีขาวสว่างกระจ่างตาตกแต่งด้วยชิ้นงานพลาสติกสีดำเงา หน้าตาใหม่ ทำให้มันดูเป็นรถที่ดูอ่อนเยาว์ แต่ถ้าขับเร็วเมื่อไหร่ก็สนุกเมื่อนั้น นั่นเป็นสันดานเดิมของรถที่ออกมาขายเมื่อกว่า 14 ปีก่อน! 



หลังจากวิ่งมุดไปมุดมาในเมืองหลายวันก็ได้เวลาพาออกทางไกลไปยัง อำเภอหนองปรือ ต่อเนื่องศรีสวัสดิ์ ในขณะที่ลมหนาวระลอกแรกหอบเอาฝนกลุ่มใหญ่ที่มีเมฆหนาทึบเข้ามาด้วย เมื่อพาออกทางไกล Mazda 1.5XDL ฟื้นคืนชีพและกระฉับกระเฉงทันตาเห็น  ช่วงล่างหนึบๆ เจอกับทางขึ้น-ลงเนินยาวๆ ผสมกับโค้งที่มีแรงเหวี่ยงเอาเรื่องหากขับมาเร็วๆ แล้วไม่ระวัง ช่วงล่างรับมือกับสภาพถนนที่หลากหลายและเป็นหลุมเป็นบ่อได้ดี เป็นช่วงล่างที่เซตมาหนึบนุ่ม พวงมาลัยแม่นยำ หนักกว่ารุ่น 1.3 เบนซินนิดหน่อย ทำให้ควบคุมทิศทางในย่านความเร็วสูงได้แบบไม่เสียว! เนินเขาเตี้ยๆ กับการลากเกียร์ 2 ห้อตะบึงเพื่อกระตุ้นให้เทอร์โบทำงาน เสียงคำรามจากเครื่องดีเซลตัวจิ๋วขนาด 1.5 ลิตร ดังตามรอบที่ไหลขึ้นไปจนถึง 4,500 รอบต่อนาที ผลักเกียร์ไปที่ตำแหน่ง Manual แล้วชิฟต์เกียร์ผ่านแป้น Paddle Shift จากนั้น Mazda 2 ก็ทะยานขึ้นไปบนภูเขาอย่างว่านอนสอนง่าย มันไม่ใช่รถที่เร็วแต่ขับสนุกจากแรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ไหลออกมาจากเครื่องยนต์ดีเซลตัวจ้อย ความเร็วไหลขึ้นไปตามรอบเครื่องยนต์ในแบบของเครื่องดีเซลเทอร์โบที่มีรอบไม่จัดจ้านอะไรมากมายเท่าเครื่องเบนซิน เทคโนโลยี Skyactiv-D เมื่อขับเรื่อยๆ จะทำให้คุณประหยัด แต่มันเป็นรถที่ขับสนุก จะให้มาวิ่งแบบเต่าคลานคงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องควักเงินเจ็ดแสนบาทเพื่อแลกกับรถเล็กช่วงล่างดีแต่กลับเอามาขับแบบย่องๆ หยอดๆ ถ้าขับไม่เร็วก็เลือกรุ่นเบนซินที่ถูกกว่าอย่าง 1.3 E ราคาห้าแสนนิดๆ แต่ถ้าขับยาวบ่อยๆ ก็ขอให้ไปที่ดีเซล XDL ทีเดียวจบ 




รถเล็กขับดีอย่าง Mazda 2 ต้องเจอกับคู่แข่งสามสูบอย่าง New Honda City รวมถึง Toyota Yaris Ativ ที่ขับสู้ไม่ได้แต่มีความมั่นใจในด้านความคงทนและศูนย์บริการ ส่วน New Almera มักไม่ค่อยจะสนใจในด้านไดนามิกแต่กลับไปเน้นที่ความประหยัดและรูปแบบของการใช้งานอุปกรณ์ สำหรับ Suzuki Swift ก็น่าจะสูสีออกเบียดเมื่อเทียบกับ Mazda 2 ในเรื่องของความสนุกหลังพวงมาลัย แต่อัตราสิ้นเปลืองของ Swift เครื่องเบนซินก็ยังเป็นรอง Mazda 2 เครื่องดีเซลอยู่ดี รวมถึงการยึดเกาะในย่านความเร็วสูงที่ยังตาม Mazda อยู่นิดๆ  โดยภาพรวม Mazda 2 นั้นมีจุดเด่นอยู่ที่รูปแบบของตัวรถกับการควบคุมหลังพวงมาลัย แต่ถ้าคุณไม่สนใจสองสิ่งนั้นก็ยังมีรถเล็กราคาถูกอย่าง MG3 ไฮบริดจอมประหยัด ที่ยืนรอเสียบอยู่ห่างๆ อีกต่างหาก! 




Mazda 2 1.5XDL ทรงตัวได้ดี ถนนสายรอง ทางหลวงชนบทแถบอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ตะกึง มีเส้นทางที่ค่อนข้างคดเคี้ยว  หากไม่ระวังพร้อมจะพาคุณให้ตกถนนได้ตลอดเวลา โช้คอัพกับสปริงทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบช่วยทำให้แชสซีสามารถจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ แม้บางจังหวะจะโคนก็ไม่เคยทำให้รู้สึกว่าจะต้องเหาะข้ามเนินหรือไถลไปแปะกับต้นไม้ข้างทาง ล้อเล็กๆ ทั้งสี่ของมันสัมผัสกับถนนเท่ากันตลอดเวลา อาจมีบางครั้งที่ล้อหลังข้างใดข้างหนึ่งถูกแรงเหวี่ยงในโค้งยกจนลอยขึ้นเล็กน้อย ถ้ามีถนนที่โล่งมากพอคุณสามารถปลดปล่อยแรงบิดจากเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงยาว ทางขึ้นเขา หรือขณะที่กำลังเร่งออกจากปลายโค้งด้วยเกียร์ 3 ยาง Dunlop EC300T 185/60/R16 รับหน้าที่ได้ดีพอใช้ แต่อยากได้ยางสปอร์ตมากกว่ายางลดแรงต้านทานที่เอาแต่ประหยัดและไม่ค่อยจะเข้ากับการขับเร็วจี๋แบบนี้




ในวันทดสอบ มีฝนโปรยปรายลงมาตลอดทาง พร้อมกับกระแสลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดพาเอาเมฆฝนเข้ามาปกคลุม เสียงลมและเสียงยางบดลงไปบนผิวถนนเริ่มดังเข้ามาที่ความเร็ว 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Mazda 2 เป็นรถเล็กที่มีการเก็บเสียงไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้ดีจนทำให้ห้องโดยสารเงียบกริบ เมื่อขับเร็วๆ เครื่องยนต์ดีเซลตัวเล็กมีแรงบิดที่กว้างใช้ได้ เครื่องยนต์ทำงานกระฉับกระเฉงและมีเสียงที่ไม่ดังเท่ากับเครื่องดีเซลในรถกระบะ ความว่องไวของมันส่วนหนึ่งเกิดจากน้ำหนักตัวแค่ 1,210 กิโลกรัม ทำให้เครื่องดีเซลตัวจ้อยไม่ต้องรับภารกรรมแบกน้ำหนักตัวมากจนเกินไป เวลาอัดอย่างเต็มที่ช่วงล่างก็ยังทำหน้าที่ได้ดี พวงมาลัยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อขับเร็ว เป็นชุดบังคับเลี้ยวที่ดีที่สุดในรถเล็กราคา 7.4 แสนบาทที่มีขายในประเทศไทย อีกจุดที่ Mazda 2 รุ่นสูงสุดทำได้ดีก็คืองานตกแต่งห้องโดยสาร เบาะแบบใหม่นุ่มนิ่มนั่งสบายขับได้ทั้งวันโดยไม่มีอาการเมื่อยหลังหรือปวดบั้นเอว เบาะซับแรงสะเทือนได้ดีมาก วัสดุที่ใช้หุ้มเบาะและแผงประตูก็ดูมีราคา ส่วนมาตรวัดและจอมอนิเตอร์กลางยังใช้ของเดิมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร สำหรับเครื่องเสียงติดรถที่ให้มาก็มีซุ่มเสียงที่พอจะไปวัดไปวาได้ถ้าไม่ใช่คนที่ต้องการพลังเบสแบบหลังกระแทกฝาเครื่องเสียงเดิมๆ ติดรถมาจากโรงงานถือว่าพอใช้ได้ หากจะเอาดังหรือกรุ๊งกริ๊งมากกว่านี้ก็ต้องดิ้นรนเสียเงินไปติดเพิ่มเอาเอง กล้องมองรอบคันพร้อมสัญญาณการขับเข้าไปใกล้กับวัตถุกีดขวางใช้งานได้จริงและช่วยทำให้การขับถอยหลังหรือขับออกจากที่คับแคบมีความปลอดภัยมากกว่าเดิม 




ตัวช่วยรักษาเสถียรภาพ G-Vectoring Control หรือ GVC Plus ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างการเร่งความเร็ว เบรก และการเลี้ยวเข้าโค้งเป็นไปอย่างสมดุลราบรื่นและมีความต่อเนื่อง โอกาสที่คุณจะต้องแก้พวงมาลัยในโค้งลดลง หรือพูดง่ายๆ ก็คือโอกาสที่รถจะเสียอาการมีน้อยกว่าเดิมเมื่อขับด้วยความเร็วที่ปกติ ไม่ควรขับแบบบ้าระห่ำคิดหวังแต่จะพึ่งเจ้าอุปกรณ์ชนิดนี้แต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้คำนึงถึงความเป็นจริงของหลักกลศาสตร์ของการเคลื่อนที่ยากที่จะจับความรู้สึกขณะ G-Vectoring Control เริ่มต้นการทำงาน พวงมาลัยไฟฟ้าของ Mazda 2 รุ่นปรับโฉมยังคงคมและแม่นยำเหมือนเดิม การมีพวงมาลัยที่ดีทำให้มันเป็นรถที่ขับสนุกเมื่อบวกกับเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตรเทอร์โบที่แรงใช้ได้เพราะมีวิชาตัวเบา อาการต่างๆ ของพวงมาลัยเมื่อขับเข้าโค้งมีความเป็นกลางและแม่นยำ Dynamic แบบ Mazda พร้อมช่วงล่างที่หนึบแน่นที่แอบมีโอนอ่อนผ่อนคลายในทางขรุขระจะทำให้คุณรู้สึกดี




เครื่องยนต์ยังใช้เทคโนโลยี SkyActiv เต็มรูปแบบ พัฒนาต่อยอดจากเครื่องยนต์ดีเซลใน Mazda CX-5 เช่น การใช้วัสดุภายในเครื่องยนต์แบบใหม่ การออกแบบให้ลูกสูบมีลักษณะที่ตอบสนองต่อการทำงานได้ดีขึ้นด้วยลูกสูบรูปไข่แบบสองชั้น การลดอัตราส่วนกำลังอัด เครื่อง Skyactiv-D 1.5 ตัวนี้รีดกำลังได้ 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที ดูเหมือนแรงม้าจะอนุบาลไปสักนิด แต่เมื่อเห็นตัวเลขแรงบิดแล้วก็ทำให้รู้สึกแปลกใจ เครื่อง SkyActiv D 1.5 มีแรงบิดสูงสุดมากถึง 250 นิวตันเมตร หรือ 25.5 กิโลกรัม-เมตร ที่ 1,500 - 2,500 รอบต่อนาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ สำหรับประสิทธิภาพความสามารถของเกียร์ก็อยู่ในเกณฑ์ดี ตอบสนองต่อการถ่ายเทแรงบิดจากเครื่องยนต์ใช้ได้ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactive Transmission ทำงานไหลลื่นไม่กระตุกกระชากแม้จะกดคันเร่งกันจนสุดแบบฉับพลันทันที แรงบิดสมน้ำสมเนื้อ พอดิบพอดีกับน้ำหนักแค่ตันนิดๆ ทำให้ได้ความรู้สึกของกำลังในการพุ่งทะยาน ความคล่องแคล่วว่องไวทำได้อย่างน่าพึงพอใจโดยเฉพาะในโค้ง 




ราคา 7.4 แสนบาท ของ Mazda 2 รุ่นสูงสุด Essential XDL SIGNATURE เครื่องดีเซล ขนาด 1.5 ลิตร Skyactiv-D แพงขึ้นนิดหน่อยแต่ได้อุปกรณ์ใหม่เพิ่มเข้ามาให้พอสมควรโดยเฉพาะอุปกรณ์ในระบบความปลอดภัย เบาะนั่ง กล้องมองภาพ เป็นรถเล็กราคาแพงแต่ได้เรี่ยวแรงที่จะทำให้คุณชอบเวลาออกทางไกล กดคันเร่งแต่ละครั้งมันจะพุ่งทะยานด้วยการตอบสนองของเครื่องดีเซลที่มอบทั้งอัตราเร่งและความประหยัดไปพร้อมๆ กัน อัตราสิ้นเปลืองของรุ่นดีเซลสำหรับการขับทดสอบอยู่ที่  19 กิโลเมตรต่อลิตร หากรู้จักใช้คันเร่งให้พอดี ไม่บ้าระห่ำมากเกินไปหรือขับแบบประคอง เชื้อเพลิง 1 ถังสามารถทำระยะทางได้เกือบ 800 กิโลเมตร ถ้าให้เลือกแค่คันเดียวระหว่าง Mazda 2 กับรถคู่แข่งอย่าง New City / Swift / New Almera / Yaris Ativ HEV / mirage  ขอเดินไปหยิบกุญแจของ Mazda 2 รุ่นดีเซล XDL  แล้วออกไปมีความสุขกับสมรรถนะที่เหนือกว่า แค่นั้นชีวิตก็แฮปปี้แล้วละครับ.


อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th 
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom 
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/