ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2022 Hyundai Ioniq 5 ก็กลายเป็น ขวัญใจของสื่อมวลชนต่างประเทศ ในช่วงเวลาดังกล่าว Ioniq 5 ได้รับรางวัลEV of the Year , 10Best แล ะEditors' Choice ด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว สมรรถนะที่น่าพึงพอใจ ความสามารถในการชาร์จเร็ว DC จาก 10-80% ใน 18 นาที ห้องโดยสารกว้างขวางและใช้งานได้จริง  ระยะทางที่วิ่งได้จริงเฉียดๆ 480 กิโลเมตร (เคลม 530 กิโลเมตร)  สามปีผ่านไป Hyundai Ioniq 5 รุ่นก่อนปรับโฉม ยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่แม้แจะแพงแต่ขับดีจริง   

Ioniq 5 Premium 1,399,000 บาท

Ioniq 5 Exclusive 1,499,000 บาท

Ioniq 5 First Edition 1,829,000 บาท (คันทดสอบ)

ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ นาน 1 ปี

รับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร

รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร

บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

เครดิตชาร์จไฟ มูลค่า 10,000 บาท

โฮมชาร์จเจอร์ รับประกัน 3 ปี 
ไม่มีค่าแรงติดตั้ง พร้อมรับประกันนาน 1 ปี

...





ทุกวันนี้ รถยนต์หลายรุ่นจากแบรนด์เดียวกันถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อเพิ่มทางเลือกและการแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดให้มีความครอบคลุม โดยเฉพาะรถไฟฟ้าจีน ส่วนใหญ่ มักจะมีรูปลักษณ์ที่เหมือนกันหมด แต่ Hyundai ใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป รูปลักษณ์ที่แตกต่างนี้ บวกกับวัตถุประสงค์การใช้งาน  หมายความว่า Hyundai Ioniq 5 แม้จะมีเลข 5 อยู่ในชื่อรุ่น แต่มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างจาก Ioniq 6 ตัวถัง 'streamliner' อย่างชัดเจน รวมถึง Ioniq 9 เจ็ดที่นั่ง ก็มีรูปลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใครไปอีกแบบหนึ่ง  ดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจจาก Pony Coupe ในยุค 1970 แต่ต่างจากแบรนด์รถยนต์อื่นๆ ที่ Hyundai มองอดีตเป็นแนวทางสู่อนาคต Ioniq 5 ไม่ได้ลอกเลียนแบบความหรูหราอลังการของรถไฟฟ้ายุโรป ตรงกันข้าม คุณจะพบกับดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตา เรียบง่ายแต่สวย รูปทรงแบบรถแฮตช์แบ็กขนาดใหญ่ ถูกเน้นด้วยเส้นสายที่คมชัด ด้วยมิติบริเวณที่แสงตกกระทบอย่างเหนือชั้น ให้ความรู้สึกทั้งย้อนยุคและทันสมัยผสมผสายกันอย่างลงตัว

...




...



 Hyundai ยุคใหม่ทุกรุ่นดูสวยงามอลังการ โดยเฉพาะ Ioniq 5 N ที่ผมเคยขับในเกาหลี Ioniq 5 นี่คือผลงานของ ซังยัพ ลี อดีตนักออกแบบของ bentley  ชาวเกาหลี ที่ย้ายกลับมาทำงานให้กับแบรนด์รถยนต์ในบ้านเกิดเมืองนอน  ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Hyundai ส่วน ไซมอน ลูสบี ชาวอังกฤษ ผู้บริหารสตูดิโอออกแบบของ Hyundai รับหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลให้เส้นสายของรถรุ่นใหม่โดนใจลูกค้าที่มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก  เสน่ห์ของ Ioniq 5 ไม่ได้อยู่แค่ภายนอก มันยังเป็นรถอเนกประสงค์กึ่งเอสยูวีผสมกับมินิเอมพีวีอย่างแปลกประหลาด ดูเตี้ยก็จริงแต่กว้างมาก  ตัวถังขนาดใหญ่ทำให้ห้องโดยสารกว้างสุดๆ ฐานล้อยาวเหยียด 3,000 มิลลิเมตร นี่คือศักยภาพของการใช้งานจริง ทำให้ Ioniq 5 คว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีของโลกในปี 2022

...






Ioniq 5 เมื่อมองอย่างตั้งใจจะเห็นว่ามันดูกะทัดรัด แต่จริงๆแล้วใหญ่กว่ารถคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน  ไม่มีกระจังหน้าเพราะเป็นรถไฟฟ้า Hyundai ใช้แถบสีเทา พาดผ่านระหว่างไฟหน้า ไฟหน้า โดยเฉพาะไฟหรี่กลางวัน ถูกจัดเรียงด้วยไฟ LED แบบพิกเซล ทำให้เกิดรูปแบบสี่เหลี่ยมเมื่อเปิดไฟ โดยมีทั้งไฟหรี่ ไฟเลี้ว ไฟสูง ไฟต่ำอยู่ในเลนส์ทรงสี่เหลี่ยมแปลกตา  มีแถบสีตัดกันด้านล่าง ซึ่งทำให้รถดูเหมือนมีหนวด เมื่อมองตรงๆ ทรงเหลี่ยมพร้อมขอบแนวตั้ง  ด้านข้างมีเส้นทแยงมุมที่เป็นจุดสร้างความสมดุลของดีไซน์ภายนอก บั้นท้ายมีไฟ LED แบบพิกเซล ฝาท้ายไฟฟ้า กันชนหลังสีเงิน ความจริงแล้ว Ioniq 5 มีรากฐานมาจากทรงของรถในยุค 1970 ซึ่งเป็นสุนทรียศาสตร์งานออกแบบของ Hyundai โดยนำมาจากรถต้นแบบที่ชื่อว่า 45 ซึ่งต่อมาก็พัฒนามาจากรถต้นแบบอีกรุ่นหนึ่ง นั่นคือ Pony coupe อายุ 47 ปี  โดยภาพรวม Hyundai Ioniq 5 สั้นกว่า BMW 3 Series G20 นิดเดียว แต่ความยาวระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง หรือความยาวฐานล้อ อยู่ที่ 3,000 มิลลิเมตร ทำให้มีพื้นที่ภายในกว้างขวาง ตำแหน่งนั่งสูงกว่ารถแฮตชแบคทั่วๆไป แต่ไม่สูงเท่า SUV  












มิติตัวถัง ยาว 4,655 มิลลิเมตร กว้าง 1,890 มิลลิเมตร สูง 1,605 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหน้า 860 มิลลิเมตรความกว้างช่วงล้อหลัง 795 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร ระดับต่ำสุดจากพื้น 160 มิลลิเมตร น้ำหนักรถโดยประมาณ 1,950 กิโลกรัม ขนาดล้ออัลลอยหน้า - หลัง 20X8.5J ยาง michelin pilot sport EV  255/45R20











ภายใน เมื่อเปรียบเทียบ Hyundai Ioniq 5 กับรถยนต์เบนซินหรือดีเซลที่มีขนาดใกล้เคียงกัน ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดก็คือ คือพื้นที่กว้าง  ผสานกับการควบคุมอุปกรณ์ภายในที่เรียบง่าย ปุ่มแอร์และปุ่มปรับกระจกมองข้างไม่ได้เอาไว้ในจอแบบรถจีน ซึ่งมักจะควบคุมทุกอย่างผ่านหน้าจอสัมผัสกลางและเกิดความยุ่งยากในการปรับตั้งขณะขับเคลื่อน แบตเตอรี่วางอยู่ใต้พื้นรถ ทำให้นั่งสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป ใกล้เคียงกับรถ SUV หรือรถครอสโอเวอร์ มอเตอร์ขับเคลื่อนของ Ioniq 5 ใช้พื้นที่น้อยกว่าเครื่องยนต์และเกียร์  ทำให้มีพื้นที่ว่างบริเวณด้านหน้าห้องโดยสารมากขึ้น การไม่มีอุโมงค์เกียร์ทำให้พื้นที่คนขับและผู้โดยสารตอนหน้าเปิดโล่งโจ้ง  กระจกหลังคาพาโนรามิก พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า พื้นที่ตรงกลางออกแบบให้เป็นคอนโซลเก็บของ สามารถเลื่อนไปข้างหน้าหรือข้างหลังได้  คันเกียร์ ติดตั้งอยู่ที่คอพวงมาลัย เพิ่มพื้นที่ใช้งานบนคอนโซลกลาง เมื่อเลื่อนคอนโซลไปด้านหลัง คนขับสามารถออกจากฝั่งผู้โดยสารได้ค่อนข้างง่าย เพื่อช่วยในการจอดรถในพื้นที่แคบ







เบาะหลัง เลื่อนไปข้างหน้าและข้างหลังได้ เพื่อให้คุณเลือกระหว่างพื้นที่วางขาที่มากขึ้นหรือพื้นที่เก็บสัมภาระที่มากขึ้น พื้นที่เหนือศีรษะดีงาม  เบาะนั่งมีความสบายเหมือนโซฟา รองรับสรีระอย่างแน่นหนาตามแบบฉบับเยอรมัน  เบาะนั่งสบายพอที่จะนั่งได้สามสี่ชั่วโมง สำหรับการขับทางไกล แต่การปรับเบาะที่นั่งก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล ดังนั้น ควรทดลองนั่งและขับด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ พวงมาลัยปรับระยะไกล-ใกล้ ได้ไม่มาก  พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถ 530 ลิตร รูปทรงแบบแฮทช์แบ็กให้พื้นที่กว้างกว่ารถซีดาน  มีถาดเก็บของซ่อนอยู่ใต้พื้นห้องสัมภาระท้ายรถ รวมถึงช่องเก็บของเล็กๆ (ฝากระโปรงหน้า) สำหรับเก็บสัมภาระเพิ่มเติม ซึ่งทั้งสองช่องนี้เหมาะสำหรับเก็บสายชาร์จ  










แผงหน้าปัดแบบจอภาพมาตรวัดเชื่อมต่อกับจอภาพของระบบอินโฟเทนเมนท์ หน้าจอกว้าง 12 นิ้ว สองจอ ติดตั้งอยู่เคียงข้างกัน หน้าจอสำหรับคนขับเป็นจอภาพ TFT มาแทนที่มาตรวัดแบบเดิม ขณะที่หน้าจอตรงกลางเป็นหน้าจอสั่งงานด้วยระบบสัมผัส สำหรับควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถเกือบทั้งหมด มีปุ่มสำหรับฟังก์ชันหลักๆ ใต้หน้าจอ  ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศดิจิตอลแบบสองโซนแยกจากหน้าจอ  หน้าจอสำหรับคนขับโดยรวมถือว่าดี แม้ว่าบางส่วนของหน้าจอจะถูกพวงมาลัยบดบังมุมมอง  ข้อมูลความเร็วก็ใหญ่และอยู่ตรงกลางหน้าจอพอดี หน้าจอสัมผัสตรงกลางชัดเจนและอ่านง่าย แม้ว่าข้อควรระวังทั่วไปเกี่ยวกับการพยายามใช้งานหน้าจอสัมผัสขณะขับขี่นั้นก็เหมือนกับในรถยนต์ทั่วไป – มันไม่ง่ายหรือปลอดภัยเท่ากับปุ่มกดจริง Apple CarPlay และ Android Auto แบบมีสายเท่านั้น  ต้องเสียบโทรศัพท์เข้ากับพอร์ต USB ที่บริเวณที่วางเท้าด้านหน้าตลอดเวลา














หน้าจอคู่ขนาด 12.3 นิ้วของ Ioniq 5 มีขนาดและความละเอียดเท่ากัน แต่แตกต่างกันในด้านฟังก์ชันการใช้งาน จอแสดงผลด้านซ้ายทำหน้าที่เป็นแผงหน้าปัดดิจิทัล แสดงข้อมูลความเร็ว แบตเตอรี่ และระยะทาง รวมถึงข้อมูลรถยนต์ไฟฟ้าที่ปรับแต่งได้มากมาย ซึ่งสลับไปมาระหว่างปุ่มบนพวงมาลัย หน้าจอสัมผัสด้านขวาเป็นที่ตั้งของอินเทอร์เฟซหลักสำหรับอินโฟเทนเมนต์ ซึ่งจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และนอกเหนือจากเมนูเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าบางรายการแล้ว ยังมี UI เหมือนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือรถยนต์ไฮบริดของ Hyundai Motor Group เกือบทุกรุ่น การเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay น่าเสียดายที่รองรับเฉพาะการเชื่อมต่อแบบมีสาย แต่รุ่นปรับโฉม 2025 ที่ยังไม่เข้ามาขาย ทั้งสองระบบเป็นแบบไร้สายเรียบร้อยไปแล้ว!  ต้องใช้บลูทูธ หากต้องการใช้งานแบบไร้สาย Ioniq 5 เทคโนโลยีออนบอร์ด ขับเคลื่อนด้วยการเชื่อมต่อข้อมูลเซลลูลาร์ออนบอร์ด BlueLink+ 








แพลตฟอร์ม สถาปัตยกรรม e-GMP  รองรับรถยนต์ Ioniq รุ่นใหม่ของ Hyundai (รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จาก Kia และ Genesis) มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ  Ioniq 5 มีให้คุณเลือกระหว่างแบตเตอรี่ความจุมาตรฐาน 58 กิโลวัตต์ชั่วโมง หรือแบตเตอรี่ความจุสูง 84  กิโลวัตต์ชั่วโมง ในรุ่นสูงสุดคันทดสอบ เทคโนโลยีพื้นฐานของ Ioniq 5 นั้นพอๆ กับ Porsche Taycan รองรับการชาร์จไฟทั้งแบบ 400 หรือ 800 โวลต์  หมายความว่า จุดชาร์จด่วน DC แรงๆ ระดับ 350 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จไฟ Ionoq 5 จาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ได้ในเวลาเพียง 18 นาทีเท่านั้น มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด225 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร พอฟัดพอเหวี่ยงกับรถเบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับหลัง ชาร์จเต็ม เคลมวิ่งไกล 530 กิโลเมตร ขับจริง ไปได้จนใกล้แบตหมดที่ 458 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วเหลือแบตอีกแค่ 8% ขับเรื่อยๆ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รับประทานไฟ 17.5 กิโลวัตต์ ชั่วโมง ต่อ 100 กิโลเมตร ขับเร็ว 140-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กิน 22.4-25.7  กิโลวัตต์ ชั่วโมง ต่อ 100 กิโลเมตร ปิดแอร์วิ่ง จะได้ระยะทางเพิ่ม 25-30 กิโลเมตร แล้วแต่ความเร็วที่ใช้ ถ้าขับช้าก็ไม่รับประทานไฟ ไฟในแบตหายไปตามความเป็นจริงที่ขึ้นตรงกับความเร็ว แต่ก็ไม่ใช่หล่นวูบๆจนเสียวสันหลังว่าจะไปไม่ถึงสถานีชาร์จ






นอกจากระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Level 2.5 แล้ว คุณยังจะได้รับระบบ Blind Spot View Monitor ของ Hyundai (ที่แสดงภาพจากกล้องที่กระจกมองข้างเมื่อเปิดไฟเลี้ยว ) ระบบแสดงภาพบนกระจกหน้าแบบ Augmented Reality และเบาะนั่งคู่หน้าปรับเอนพร้อมที่วางขาได้เหมือนห้องนั่งเล่น  การไม่มีที่ปัดน้ำฝนหลัง Hyundai อธิบายว่า รถบางรุ่นใช้กล้องมองหลังสร้างภาพแล้วส่งภาพขึ้นไปที่กระจอมองหลัง จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องติดตั้งใบปัดน้ำฝนที่กระจกบานฝาท้าย ดูเป็นแนวคิดที่ดีแต่วิศวกรคงลืมไปว่า ละอองน้ำบนถนนจะปลิวหมุมวนอยู่ด้านหลังและบดบังทัศนวิสัยมุมมองของกระจกบานหลัง  แต่รุ่นปรับโฉม 2025 Hyundai ติดตั้งใบปัดน้ำฝนด้านหลังมาให้แล้ว เพียงแต่รถที่รีวิวยังเป็นโมเดลของปี 2023 นั่นเอง 







หนึ่งในฟีเจอร์น่าใช้ คือ นวัตกรรม 2L Pack ซึ่งย่อมาจาก 'vehicle to load' สามารถใช้ Ioniq 5 เป็นพาวเวอร์แบงค์แบบพกพาได้  เสียบปลั๊ก (ผ่านอะแดปเตอร์ที่พอร์ตชาร์จ) เข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกได้แทบทุกชนิด เช่น เครื่องตัดหญ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หรือแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีปลั๊กไฟแบบสามขาใต้เบาะหลัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดอุปกรณ์นี้ คุณจึงสามารถชาร์จคอมพิวเตอร์หรือตู้เย็นสำหรับตั้งแคมป์ได้ระหว่างเดินทาง






ลองขับออกทางไกล รายละเอียดที่น่าสนใจของ 5  ปรากฏให้เห็นในทันที ด้วยไดนามิกที่เฉียบคม มันใหญ่ แต่คล่องตัว  ให้ความรู้สึกเหมือนรถ EV สำหรับครอบครัว คือ เงียบ นุ่มนวล ไม่มีเสียงรบกวนขณะขับในเมือง และรวดเร็วอย่างเป็นธรรมชาติไม่ใช่เร็วแต่เหมือนหุ่นยนต์แบบรถไฟฟ้าบางรุ่น คือทื่อๆ โคลงและเบรกไม่ค่อยอยู่ เหมือนกับรถ EV ที่มีแรงบิดมหาศาล  โหมด Eco จะลดการตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้าลงมาอีกนิด แต่ออกตัวแล้วยังเร็วกว่ารถน้ำมันหลายรุ่น โหมดสปอร์ตมาตรวัดหน้าปัดจะเปลี่ยนเป็นสีแดง การตอบสนองของคันเร่งราวกับคนเป็นโรคเส้นประสาทกำเริบ นั่นก็คือแตะเป็นพุ่ง  การเร่งแซงด้วยโหมด Eco อัตราเร่ง 0-100 ใน 7.5 วินาที เร็วพอๆกับ MINI Cooper S เครื่องสันดาป 2.0 ลิตร แต่ใหญ่กว่า ขับสบายกว่า เท่พอๆกันและถูกกว่ามาก






พวงมาลัยไฟฟ้า แม้จะดูหน้าตาบ้านๆ แต่ถูกเซ็ตให้ตอบสนองได้อย่างฉับไวในการเปลี่ยนทิศทางที่แม่นยำ โดยเฉพาะในโค้งและตอนทดลองขับด้วยความเร็วสูงสุดก็ยังมีน้ำหนักที่ดี ไม่มีจุดอับที่หลุดออกจากกึ่งกลาง และให้ความลื่นไหลอย่างมากเมื่อคุณหมุนหัวรถออกหลังจากวงเลี้ยวช่วงปลายโค้ง วงเลี้ยวของ Ioniq 5 ก็แคบใช้ได้ ระบบเบรกแบบสะสมพลังงาน ปรับตั้งการตอบสนองได้ที่แป้น Paddle Shift ทุกวันนี้ รถไฟฟ้าตัวหนักแทบทุกรุ่นมีแป้นเบรกนิ่มเกินไป การเบรกให้ความรู้สึกไม่สม่ำเสมอ เมื่อกดเบรกนิดเดียว เนื่องจากการรีเจนเนอเรทีฟ  ioniq 5 แม้จะใช้คาลิปเปอร์ธรรมาสามัญ เบรกก็ยังให้ความรู้สึกที่มั่นคงและแม่นยำอย่างมาก ไม่ว่าจะมีตัวช่วยเบรกแบบรีเจนเนอเรทีฟ หรือปิดทิ้งให้เหลือแต่เบรกติดรถเพียวๆ 

Hyundai Ioniq 5 หนักถึง 1.9 ตัน เน้นความสะดวกสบาย เดินทางไกลในระยะ 400 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร่งแซงแบบไม่ต้องลุ้นเพราะมอเตอร์ถึงแม้จะมีตัวเดียวแต่กำลังในรูปของแรงบิดนั้นเหลือเฟือ แต่ก็ต้องคำนึงถึงน้ำหนักที่เชื่อมโยงกับระบะเบรก เมื่อซัดมาเร็ว มองให้ไกลและผ่อนคันเร่งหรือยกคันเร่งปล่อยให้รถเบรกด้วยรีเจน จะสบายกว่าและ ประหยัดไฟ 

เสียงยาง Pilot Sport EV อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แลกกับการยึดเกาะที่แนบสนิทตามสไตล์รถเกาหลียุคใหม่ วัสดุป้องกันเสียงทำหน้าที่ได้ดี เสียงลมและเสียงยาง ถูกควบคุมได้อย่างยอดเยี่ยมในย่านความเร็วต่ำ เมื่อรวมกับคุณภาพการขับขี่ที่สมดุล คล่องตัวและเร็วเอาเรื่องเมื่อเร่งแบบฉับพลันทันที วิ่งเร็วแล้วไม่ส่ายหรือโคลงจนเกินไปจนทำให้รถโยกเยกไปมาเหมือนรถจีนบางรุ่น ในจุดนี้ถือว่าทำได้ดี

Hyundai Ioniq 5  ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายและคล่องตัว เหมาะกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะการขับในเมือง หรือออกทางไกลในระยะทางที่ไม่เกิน 400 กิโลเมตร เผื่อเอาไว้ก่อน แต่ผมลองปิดแอร์วิ่ง มันก็ทำได้ใกล้ๆ 500 กิโลเมตร แบตไม่หล่นเร็ว ขับช้าก็กินไฟเท่าที่จำเป็น ขับเร็วก็รับประทานไฟมากเป็นเรื่องปกติของรถไฟฟ้า  และยังมีความรู้สึกที่เงียบกว่าในการเร่งความเร็ว เป็นรถสมรรถนะสูง มีความสปอร์ตในระดับที่เหมาะสม ไม่เว่อร์วังเหมือน 5N





Ioniq 5  สวยงามด้วยรูปลักษณ์ ใช้งานได้จริง ภายในกว้าง มีเทคโนโลยีที่ยังไม่อัพเดทเท่ากับรุ่นปรับโฉมที่ Car Play เป็นแบบไร้สายแล้ว (แต่ยังไม่เข้ามาขาย)  การควบคุมรถที่สมดุลอย่างลงตัว ระหว่างความสปอร์ตและความสะดวกสบายสไตล์รถบ้าน  แบตเตอรี่ 84 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำระยะทางที่ไกลที่สุดประมาณ 430-450 กิโลเมตร ใช้ความเร็ว ช้าสลับกับเร็วจี๋เป็นช่วงๆ มันยังเป็นรถที่มีรายการอุปกรณ์ยาวเหยียดที่ครอบคลุมการใช้งานในยานยนต์ยุคใหม่อย่างครบครัน เพียงแต่มีบางจุดยังตามหลังคู่แข่งอยู่บ้าง




Ioniq 5  ไม่ใช่ทางเลือกอันดับต้นๆ จากการถล่มของสงครามราคาในรถยนต์ไฟฟ้าจีน รูปลักษณ์แบบหนังไซไฟ ทันสมัยแต่ยังมีอะไรบางอย่างที่ไม่สมบูรณ์แบบเท่ากับรุ่นปรับโฉม 2025 ที่กำลังขายอยู่ในต่างประเทศโดยยังไม่มีวี่แววว่าจะเข้ามาทำตลาดต่อจากรุ่น 2023 คันทดสอบ โดยภาพรวม Ioniq 5 เป็นรถสองบุคลิก ทั้งสุภาพนุ่มนวลและกระโชกโฮกฮากได้หากจำเป็น เทคโนโลยีและคุณภาพงานประกอบดี ช่วงล่างดี พวงมาลัยเป็นเลิศ ภายในมีพื้นที่มากพอสำหรับครอบครัวขนาดเล็กพร้อมสมาชิกสี่คน สมน้ำสมเนื้อกับราคาที่ดูเหมือนแพง แต่ขับแล้วชอบก็ไม่น่าจะมีผลกับคนที่กำลังเล็งๆอยู่นะครับ. 

Ioniq 5 First Edition 1,829,000 บาท (คันทดสอบ)

ประเภทมอเตอร์
กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 225 แรงม้า 
แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร 
ระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้า 530  กิโลเมตร (WLTP)
ชนิดแบตเตอรี่ ลิเธี่ยม ไอออน
ความจุแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง 84 กิโลวัตต์-ชั่วโมง 
ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง 
อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 7.45 วินาที 
อัตราการใช้ไฟฟ้า 17.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร 
ชนิดเต้ารับ-เต้าเสียบ CC2 Combo / Type 2 (7-pin)
รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC) สูงสุด 105 กิโลวัตต์ 
ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10 - 100% 10.5 ชั่วโมง 
ระยะเวลาในการชาร์จรูปแบบ Fast charging (50 kW) จาก 10 - 80% 1.6 ชั่วโมง)
ระยะเวลาในการชาร์จรูปแบบ Ultra fast charging (350 kW) จาก 10 - 80% 18.00 นาที 

ความยาว 4655 มม. 
ความกว้าง 1890 มม. 
ความสูง 1605 มม. 
ความกว้างช่วงล้อหน้า 860 มม.
ความกว้างช่วงล้อหลัง 795 มม.
ความยาวฐานล้อ 3000 มม.
ระดับต่ำสุดจากพื้น 160 มม. 
น้ำหนักรถโดยประมาณ 1950กก. 

ขนาดล้ออัลลอยหน้า 20X8.5J
ขนาดล้ออัลลอยหลัง 20X8.5J

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th  
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom  
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/