NISSAN SERENA e-POWER C28 รถอเนกประสงค์ MPV หรือรถตู้ประตูสไลส์ไฟฟ้าสองฝั่ง เบาะสามแถว แถวกลางเปิดพื้นที่ใช้สอยเข้าออกจากเบาะแถวที่สาม Nissan เปิดราคาที่ 1,690,000 บาท 

SERENA e-POWER C28   โฉมใหม่ ภายนอก ภายใน เทคโนโลยี e-POWER ไม่ต้องชาร์จ ระบบความปลอดภัยขั้นสูง ภายในมีหลากหลายฟีเจอร์ใช้งาน รับประกัน  5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร รับประกันระบบไฟฟ้า e-POWER 5 ปี รับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง


...







...




...




...

NISSAN SERENA e-POWER C28 ใช้กระจังหน้าแบบ Next Generation V-Motion แถบโครเมียม  กันชนหน้า และหลังออกแบบให้เป็นสเกิร์ตล่างในตัว ไฟหน้าไฟท้าย Full LED ออกแบบได้อย่างกลมกลืนกับดีไซน์ทรงกล่องของตัวรถ ล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว สีทูโทน สปอยเลอร์หลังคา สปอยเลอร์ด้านข้างดีไซน์สปอร์ต ลดสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd.) ส่งผลต่อเสียงรบกวนที่ลดลงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง  





อุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร ออกแบบใหม่ ปุ่มกดต่างๆ บนแผงหน้าปัดคำนึงถึงการใช้งานที่สะดวก เอื้อมถึงได้ง่าย ปลอดภัย หน้าจอแสดงผลแบบ TFT 12.3 นิ้ว ความละเอียดสูง คมชัด พร้อมกราฟิกเคลื่อนไหวแบบ 3 มิติ เลือกการแสดงผลได้ 2 รูปแบบ สามารถเลือกโฮมสกรีนในรูปแบบที่ต้องการได้ ปุ่ม Camera สำหรับระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง หรือ Intelligent Around View Monitoring (IAVM) ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรอบตัวรถครบทุกทิศทาง ระบบอินโฟเทนเมนท์ รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย Apple CarPlay + Android Auto พวงมาลัยหุ้มหนัง สวิตช์ควบคุมหน้าจอแสดงผล บนพวงมาลัย สวิตซ์ควบคุม ระบบช่วยเหลือผู้ขับบนพวงมาลัย สวิตซ์ระบบเครื่องเสียง / ระบบโทรศัพท์ สวิตซ์ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ICC บนพวงมาลัย ปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ แบบสวิตซ์ปุ่มกด Button จอดแบบเข้าเกียร์ N เข็นรถได้ โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ECO / Standard / Sport ฟังก์ชั่น B เพิ่มแรงหน่วง Regenerative Braking EV Mode สำหรับขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน





เบรกมือไฟฟ้า Electric Parking Brake / Auto Brake Hold มาตรวัด Full Digital แบบสี ขนาด 12.3 นิ้ว กุญแจ Smart Keyless Entry ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start คันเร่ง e-Pedal ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ ซ้าย-ขวา-หลัง 3 Zones ระบบฟอกอากาศประจุไอออน Plasma Cluster กรองฝุ่น PM 2.5 สวิตซ์แบบดิจิตอล สำหรับควบคุมระบบปรับอากาศตอนหลัง แยกส่วน กระจกมองหลังแบบกล้องแสดงภาพ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) ที่วางแก้วน้ำรอบคัน 17 ตำแหน่ง ปุ่มกดสำหรับเลือกตำแหน่งเกียร์ เปลี่ยนเกียร์ด้วยการกดปุ่มแทนการโยกคันเกียร์ ดีไซน์เรียบง่ายดูสะอาดตา ใช้งานได้ง่าย มีไฟเรืองแสงช่วยให้เห็นชัดเจน รวมถึง N Hold Mode สามารถเข็นรถได้ง่ายเมื่อจอดซ้อนคัน เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold โหมดหรือรูปแบบการขับขี่ 3 โหมดหลัก ได้แก่ Standard Mode ทั้งความแรงและประหยัด Sport Mode เน้นการตอบสนองรวดเร็ว และ Eco Mode การประหยัดพลังงาน มี ฟังก์ชัน B ที่เพิ่มแรงหน่วง หรือ ช่วยเบรก และเพิ่มการฟื้นฟูพลังงาน หรือ Regenerative รวมถึง EV Mode สามารถปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี่ โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ








ห้องโดยสารที่กว้างขวางมากที่สุดในกลุ่มรถแบบเดียวกัน มีพื้นที่กว้างขวางสำหรับผู้โดยสารทุกคนในที่นั่งทั้ง 3 แถว โดยในที่นั่งแถวที่ 2 เป็นที่นั่งแบบ Captain seat ที่มีพื้นที่วางขามากขึ้น เบาะที่นั่งสามารถปรับได้อิสระ 4 ทิศทาง (เลื่อนหน้า-หลัง ซ้าย-ขวา) และแยกออกจากกันได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ระหว่างที่นั่ง ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก แต่ยังคงมีความเป็นส่วนตัวสูง ส่วนแถวที่ 3 รองรับ 3 ที่นั่ง เบาะมีความหนานั่งสบาย สามารถปรับพนักพิงให้เอนราบได้ รวมถึงปรับเลื่อนได้อย่างอิสระ สามารถเก็บกระเป๋าเดินทาง หรือสัมภาระขนาดใหญ่ทางด้านหลังโดยยังคงมีพื้นที่กว้างขวางนั่งสบายในเบาะที่นั่งแถว 3 แต่ก็พับเบาะนั่งเก็บได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังได้อีกด้วย
กระจกบานใหญ่รอบคันทั้งกระจกหน้า และหน้าต่างด้านข้าง ให้ทัศนวิสัยรอบด้านที่ดี ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ด้านนอกได้เต็มที่  จากกระจกบานใหญ่รอบคัน  หน้าต่างผู้โดยสารตอนหลังเป็นแบบ UV Cut ช่วยลดความร้อน และรังสี UV รวมถึงม่านบังแดดของผู้โดยสารแถวกลาง 

กระจกบานหน้า และหน้าต่างประตูคู่หน้าแบบ Acoustic Glass หนา 2 ชั้น  ลดเสียงรบกวนจากภายนอก ออกแบบให้ตัวรถกว้างและสูง ทำให้ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีพื้นที่กว้างขวาง เก็บของได้มาก โดยไม่ต้องพับเบาะหลัง เมื่อต้องขนสัมภาระขนาดใหญ่ สามารถพับเบาะได้ รวมทั้งยังมีช่องเก็บของขนาดใหญ่ใต้พื้นพร้อมแผ่นปิดเพื่อความเรียบร้อย



ประตูสไลด์อัตโนมัติแบบแฮนด์ฟรีทั้ง 2 ด้าน ควบคุมการเปิด-ปิด ได้จากสวิตช์ควบคุมในตำแหน่งต่างๆ เซนเซอร์แฮนด์ฟรีที่ยื่นเท้าไปที่เซ็นเซอร์บริเวณเสากลาง ประตูรถจะเลื่อนเปิดอัตโนมัติให้ความสะดวกแก่ผู้โดยสารเต็มที่แม้จะถือของเต็มทั้ง 2 มือ หรือ จากสวิตช์ที่บริเวณแถวที่นั่งแถวสาม จากการคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ Nissan Serena e-Power เพิ่มความสะดวก เช่น ที่วางแก้ว 17 จุด ช่องชาร์จ USB ทุกแถวที่นั่ง รวมทั้งหมด 6 จุด (5 USB-C, 1 USB-A) อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย 1 ตำแหน่ง โต๊ะเล็กอเนกประสงค์ในแถวที่ 2 และ 3 สำหรับวางสิ่งของ เช่น กล่องอาหาร หรือ แท็บเล็ตสำหรับเพิ่มความบันเทิงระหว่างการเดินทาง รวมถึงไฟ Ambient Light สร้างบรรยากาศที่บริเวณประตูสไลด์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยก 3 โซน ปรับอุณหภูมิสำหรับแต่ละโซนได้ตามต้องการ ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารในแถวที่ 2 ระบบฟอกอากาศแบบ Plasmacluster ปล่อยอนุภาคขนาดเล็กออกมาเพื่อดักจับแบคทีเรียในอากาศ ฝุ่น และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ช่วยลดฝุ่น PM2.5 ในห้องโดยสาร ฝาท้ายอเนกประสงค์แบบ Dual Back Door หนึ่งเดียวในตลาดรถยนต์ MPV เป็นจุดเด่นของ Nissan Serena e-Power บานประตูน้ำหนักเบา เปิดง่ายทั้งแบบเต็มบาน หรือครึ่งบาน  











Serena e-Power ปรับเบาะที่นั่งภายในรถได้ 13 รูปแบบ โหมดขนกระเป๋า หรือสัมภาระชิ้นยาวอย่างถุงกอล์ฟ โหมดเพิ่มพื้นที่ช่วงขา โดยปรับเลื่อนที่นั่งแถว 2 และ 3 ไปด้านหลัง เพิ่มพื้นที่ขา เช่น โหมด “travel-to-the-sea” ที่บรรจุสัมภาระและอุปกรณ์เพื่อการเที่ยวทะเลได้อย่างจุใจ ด้วยการเลื่อนเบาะแถว 2 และ 3 เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับวางเซิร์ฟบอร์ด อุปกรณ์ดำน้ำ และกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของครอบครัว โหมดปรับเบาะที่นั่งแถว 2 และ 3 ราบ ให้กลายเป็นที่นั่งราบเหมือนห้องนั่งเล่นที่สมาชิกในครอบครัวจะนอนเล่นพักผ่อนกันได้ อย่าง โหมด “Fun-at-the-back” เป็นต้น อิสระในการปรับรูปแบบที่นั่งที่หลากหลายช่วยตอบโจทย์ความต้องการ

เทคโนโลยี e-Power ของ Nissan ที่ติดตั้งใน Serena ใหม่ ประกอบด้วย ชุดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 163 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.77 kWH เครื่องยนต์สันดาปสำหรับสร้างกระแสไฟฟ้า เป็นเครื่องยนต์ใหม่รหัส HR14DDe ความจุ 1,400 ซีซี 3 สูบ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงหัวฉีดไดเร็กอินเจ็กชั่น รองรับน้ำมัน E10 ให้ประสิทธิภาพในการสร้างกระแสไฟฟ้า เทคโนโลยี Mirror Bore Coating ลดแรงเสียดทาน ลดเสียงจากการสั่นสะเทือน เครื่องยนต์เดิน เรียบและเงียบมากขึ้น มีเสียงรบกวนจากภายนอกน้อย ห้องโดยสารเงียบกว่ารถยนต์สันดาปแบบเดิมๆ

เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ความจุ  1.4 ลิตร กำลัง 98 แรงม้า แรงบิด 123 นิวตันเมตร เครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บยังแบตเตอรี่ ไม่ได้รับหน้าที่ส่งแรงบิดไปยังล้อขับเคลื่อน เครื่องยนต์ทำหน้าที่เป้นเจนเนอเรเตอร์ ปั่นกระแสไฟ เพื่อนำไปใช้ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า EM57 ซึ่งมอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหน้า มีการปรับปรุงสมรรถนะเพิ่มเติม กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 1.77 kWh ขับเคลื่อนล้อหน้า เคลมอัตราสิ้นเปลือง 18.2 กิโลเมตรต่อลิตร ขับจริง มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 13.5 กิโลเมตรต่อลิตร (เส้นทางภูเขาบนอุทยานแห่ชาติเขาพลายดำ จังหวัดนครศรีธรรมราช 

ระบบ e-Pedal Step เร่ง และชะลอความเร็วได้ในคันเร่งเดียว ขับขี่ในเมือง หรือในช่วงการจราจรคับคั่งได้สะดวก การขับขี่ด้วย อี-เพดัล สเต็ป ช่วยเพิ่มการฟื้นฟูพลังงานด้วยการชาร์จกระแสไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่ได้ดีมากยิ่งขึ้น




ช่วงล่างด้านหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท  เหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม คอยล์สปริง มีการพัฒนาระบบกันสะเทือน ทั้งชิ้นส่วน เหล็กกันโคลง ให้แข็งแรงขึ้น ช็อกอัพแบบใหม่ ปรับให้นุ่มนวลเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ทรงตัวดีเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วเดินทางที่ 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้จะเป็นมินิเอมพีวีแต่เป็นรถที่มีช่วงล่างใช้ได้ เข้าโค้งได้แม่นยำพอสมควร ระบบต่างๆของแชสซี ทั้งช่วงล่างและพวงมาลัยไฟฟ้า ล้อและยาง ช่วยควบคุมการทรงตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบดิสก์เบรกหน้า - หลัง พร้อมครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ


ทริปพิเศษทดสอบความสบาย สมรรถนะการขับขี่ทางไกล ใน Nissan Serena e-Power รถอเนกประสงค์เอมพีวี ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (โดยใช้เครื่องยนต์เป็นเครื่องปั่นไฟแนวทางเดียวกับ Kicks e-Power) จากคอนเซ็ปต์ “Big. Easy. Fun.”  ของ Nissan  เส้นทางลงใต้ยาวๆ 3 Group จากชุมพร ไปยังจังหวัดสงขลา รวมระยะทางประมาณ 1,200 กิโลเมตร Nissan จัดเชฟบุ๊ค บุญสมิทธิ์ พุกกะนะสุต เชฟ และพิธีกรรายการ Foodwork เพื่อเชื่อมโยงอาหารปักษ์ใต้ ทั้งคาวและหวาน ที่ผูกพันกับการเดินทางและการสำรวจวัฒนธรรมอาหารของแต่ละท้องถิ่น  



ช่วงที่ 1  เส้นทาง ชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 510 กิโลเมตร 

เริ่มต้นเส้นทางจากจุดแรก สนามบินชุมพร มุ่งหน้าทิศตะวันตกสู่จังหวัดระนอง เมืองเล็กชายฝั่งทะเลอันดามัน ที่ได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่ยังคงมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวทั้งภูเขาที่ปกคลุมด้วยป่าเขียวชุ่มชื้นตลอดทั้งปี และทะเลที่สวยงาม เป็นแหล่งแร่ดีบุกที่สำคัญในอดีต




เส้นทางช่วงแรกจากจังหวัดชุมพรไปยังระนอง จะยังคงเป็นไฮเวย์ ทางโค้งกว้างๆ ให้ได้พิสูจน์เรื่องความเร็ว สลับกับทางขึ้นลงเนินเขายาวๆ ให้ได้ทดสอบการใช้งานของระบบขับเคลื่อน e-Power  ฟีเจอร์ e-Pedal Step ช่วยให้ลดหรือเร่งความเร็วทันทีได้ด้วยการใช้คันเร่งอันเดียว 




ไฮไลต์สถานที่สำคัญจุดแรก ได้แก่ น้ำตกปุญญบาล อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี  น้ำตกสายเล็กๆ ที่มองเห็นได้จากทางหลวงแผ่นดินหมายแลข 4 หรือเพชรเกษม ไม่ไกลจากตัวเมืองระนอง เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลทั้งปี ล้อมรอบด้วยป่าเขียวชะอุ่ม ให้ความชุ่มชื้น เย็นสบาย จากน้ำตกปุญญบาลไปยังจุดที่สอง เป็นจุดแวะพักที่บ้านไร่ไออรุณ  จะผ่านภูเขาหญ้า เนินเขาที่คลุมด้วยหญ้าเขียวสดในฤดูฝน และเป็นสีทองในฤดูแล้ง เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยว  เส้นทางในช่วงนี้ยังคงเป็นทางกว้าง สามารถใช้ความเร็วได้ และทางขึ้นลงเนินเขายาวๆ ให้ได้ทดสอบการใช้งานของเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ เช่นเดียวกันกับในช่วงแรก จากนั้นจะตัดเข้าสู่ตอนบนของจังหวัดพังงา ผ่านอำเภอตะกั่วป่า เมืองเล็กในหุบเขาที่ยังคงมีอาคารบ้านเรือนสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส ที่ผสานกลิ่นอายความดั้งเดิม กับเสน่ห์แห่งความทันสมัยของสตรีทอาร์ทที่ตกแต่งตามกำแพงอาคาร   




ในช่วงผ่านใกล้ตัวเมือง และชุมชน บางช่วงต้องขับขี่ผ่านเมืองที่มีถนนแคบ การจราจรค่อนข้างวุ่นวาย  ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ได้สัมผัสการขับขี่ที่คล่องตัว และผ่อนแรงผู้ขับขี่ด้วยอี-เพดัล สเต็ป รวมไปถึงระบบความปลอดภัย เช่นกล้อมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View – IAVM) ระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection - MOV) ระบบเตือนรถในมุมอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) ระบบป้องกันการชนในมุมอับสายตา (Intelligent Blind Spot Intervention – IBSI)  ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชน (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Brake - IEB)ระบบหยุดฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal – ESS) และอื่นๆ  


ช่วงสุดท้ายของเส้นทางนี้ จะเลี้ยวไปทางทิศตะวันออกมุ่งหน้าสู่เขาสก สุดปลายทางที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นถนนกว้าง ค่อนข้างเรียบ เหมาะกับการพิสูจน์สมรรถนะและการเร่งแซงได้อย่างปลอดภัย แต่ท้าทายด้วยเส้นทางคดโค้งขึ้นลงเขา บางช่วงจะมีความชัน  ให้ได้ทดสอบการรีชาร์จไฟของเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับชื่นชมความงามตามธรรมชาติของภูเขาตลอดเส้นทาง

ช่วงที่ 2  เส้นทาง สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช ระยะทาง 280 กิโลเมตร 

 ช่วงที่สอง ออกเดินทางจากสุราษฎร์ธานี มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครศรีธรรมราช ใช้ถนนสาย 401 มุ่งหน้าทางทิศตะวันออก แล้วตัดลงใต้ตามเส้นทางเลียบชายฝั่งอ่าวไทย เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายแรก คือ จุดชมวิวเขาพลายดำ ถนนช่วงนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ถนนเลียบชายทะเลสิชล-ขนอม” เป็นหนึ่งในถนนที่สวยที่สุดฝั่งอ่าวไทย เชื่อมระหว่าง อ.สิชล กับ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ตัดผ่านเขาพลายดำ บางช่วงจะเห็นวิวทะเลอ่าวไทยด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นป่าเขาเขียวชะอุ่ม  






ช่วงแรกของการเดินทาง ถนนเป็นไฮเวย์กว้าง เพื่อทดสอบสมรรถนะและอัตราเร่งของ Serena e-Power ประกอบด้วยชุดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร ออกตัวใช้ได้ ไม่อืด  เร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้าได้ดีแม้จะใช้เกียร์ที่ไม่ได้เน้นอัตราทดเพื่อระเบิดพลังงาน อัตราเร่งแซงได้อย่างทันใจ ไม่รอรอบ เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า 100%   แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุ 1.77 kWH ชุดอินเวอร์เตอร์ เครื่องยนต์ทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์หรือเครื่องปั่นไฟ สำหรับสร้างกระแสไฟฟ้าป้องให้กับแบตเตอรี่ในระบบขับเคลื่อน เป็นเครื่องยนต์เบนซินสันดาปภายในแบบแถวเรียงสามกระบอกสูบ ความจุ 1.4 ลิตร รหัส HR14DDe  ระบบจ่ายเชื้อเพลิง ใช้หัวฉีดไดเร็กอินเจ็กชั่น  พัฒนามาสำหรับเทคโนโลยี e-Power โดยตรง ให้ประสิทธิภาพสูงในการสร้างกระแสไฟฟ้า











เส้นทางเขาพลายดำมีความคดโค้งจากทางลาดยางสองเลนสวนกันที่มีการขับขึ้นลงเนินเขาต่อเนื่อง เหมาะกับการทดสอบการบังคับควบคุม และการใช้งาน อี-เพดัล สเต็ป ที่ช่วยให้การลดความเร็วเมื่อเข้าโค้งหรือลงเนินเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย ราบรื่น  ขณะเดียวกัน ผู้โดยสารภายในรถ ยังคงนั่งสบาย ด้วยเบาะนั่งทั้ง 3 แถวที่ใช้โครงสร้าง Zero Gravity  บานหน้าต่างกว้างที่ให้ความรู้สึกโล่ง โปร่ง ลดอาการมึน เวียนศีรษะ เมารถได้   อีกทั้งยังให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม ชื่นชมกับวิวสองข้างทางได้อย่างเต็มที่ไม่มีอะไรบดบังสายตาแล้ว 




บรรยากาศในห้องโดยสาร ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องนั่งเล่น ด้วยเบาะแถว 2 แบบ Captain Seat สามารถปรับแยกได้อย่างอิสระ พร้อมโต๊ะอเนกประสงค์แบบพับได้ ส่วนแถว 3 สามารถปรับเอนและพับเก็บได้ ภายในยังเพิ่มความสะดวกสบายมากมาย อาทิ ห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่พร้อมช่องเก็บของใต้พื้น ที่วางแก้วมากถึง 17 จุด  ช่องชาร์จ USB-C ทุกแถวที่นั่ง รวมทั้งยังมีช่องชาร์จแบบ A ในที่นั่งแถวหน้า และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย 








จากเขาพลายดำ คณะเดินทางจะมุ่งหน้าสู่คีรีวง หมู่บ้านเล็กๆ ที่ได้ชื่อว่ามีอากาศดีที่สุด มีปริมาณออกซิเจนมากที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในอ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อสัมผัสชีวิตสโลว์ไลฟ์ ใกล้ชิดธรรมชาติ แวะถ่ายภาพที่สะพานคีรีวง จุดเช็คอินที่พลาดไม่ได้ ซึ่งเป็นจุดที่ได้เห็นธรรมชาติที่น่าประทับใจกับสายน้ำที่แล่นกลางผ่านเขาสูงสลับซับซ้อนขนาบทั้งสองด้าน และยอดเขามักซ่อนตัวอยู่ในสายหมอกตลอดเวลา เนื่องจากป่าเขามีความอุดม ชุ่มชื้น อากาศเย็น ช่วงสุดท้ายของทริปจากคีรีวงสู่ตัวจังหวัดนครศรีธรรมราช  





ช่วงที่ 3  เส้นทาง นครศรีธรรมราช-สงขลา ระยะทาง 350 กิโลเมตร 

ช่วงสุดท้ายของการเดินทางทริปนี้ ขับสบายๆ บนเส้นทางไฮเวย์จากนครศรีธรรมราชเข้าสู่จังหวัดพัทลุง สงขลา และสิ้นสุดที่หาดใหญ่

ช่วงเช้า คณะจะเดินทางออกจากนครศรีธรรมราชทางถนนสาย 4015 เพื่อเชื่อมต่อสู่สาย 41 มุ่งหน้าลงใต้สู่จังหวัดพัทลุง  ช่วงนี้สามารถทำความเร็วได้ เนื่องจากเป็นไฮเวย์ตลอด  และสามารถทดลองเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ 3 โหมดหลักได้เต็มที่ ได้แก่ Standard mode ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัด, Sport mode ที่เน้นการตอบสนองรวดเร็ว ขับสนุกสไตล์สปอร์ต Eco Mode ที่เน้นการประหยัดพลังงาน ให้การขับขี่นุ่มนวล โดยมี ฟังก์ชัน B ที่เพิ่มแรงหน่วง หรือ ช่วยเบรก และเพิ่มการฟื้นฟูพลังงาน หรือ Regenerative รวมถึง EV mode ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี่ โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ สัมผัสถึงความเงียบและอีกขั้นของความประหยัด





ทดสอบการใช้ฟีเจอร์  เช่น หน้าจอ TFT 12.3 นิ้ว ความละเอียดสูงให้ภาพคมชัด พร้อมกราฟิกเคลื่อนไหว 3 มิติ สามารถเลือกการแสดงผลหน้าจอตามต้องการและเลือกแสดงผลเป็นภาษาไทยได้    หน้าจอทัชสกรีนพร้อมระบบ NissanConnect ยังรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย รวมทั้งยังมีปุ่ม Camera สำหรับระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitoring : IAVM) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรอบตัวรถครบทุกทิศทาง เพิ่มความปลอดภัย  

ความสะดวกสบายผ่อนคลาย ปรับที่นั่ง 13 แบบ ตอบโจทย์ความต้องการ โหมดขนกระเป๋า โหมดเพิ่มพื้นที่ช่วงขา โหมด "Travel-to-the-sea" และโหมด "Fun-at-the-back" ที่ปรับเบาะแถว 2 และ 3 ราบเป็นห้องนั่งเล่น ขณะเดียวกัน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 3 โซนพร้อมระบบฟอกอากาศ Plasmacluster ที่ช่วยลดฝุ่น PM2.5 ภายในห้องโดยสารยังช่วยให้ทุกการเดินทางในเมืองที่การจราจรหนาแน่นมีความปลอดภัยต่อสุขภาพและสบายมากยิ่งขึ้น




ไฮไลต์เส้นทางในช่วงนี้ ได้แก่ สะพานนางเรียม หรือ สะพานนางเรียมหรือสะพานเอกชัย หรือสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นสะพานข้ามทะเลสาบที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวกว่า 5 กิโลเมตร เชื่อมระหว่าง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง กับ อ.ระโนด จ.สงขลา  สะพานแห่งนี้เป็นจุดชมวิวทะเลน้อย ทะเลสาบน้ำจืดที่ครอบคลุมพื้นที่ 2 ตำบลคือ ตำบลนางตุง และ ตำบลทะเลน้อย ในอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด  ทะเลน้อยเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพมาก เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาชมบัวแดง นกนานาชนิด และควายปลัก   






จากนั้นจะเดินทางสู่จังหวัดสงขลา แวะชมย่านเมืองเก่าสงขลาที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของอาคารบ้านเรือนดั้งเดิมที่เพิ่มลูกเล่นกับสตรีทอาร์ทบนผนัง ไลฟ์สไตล์แบบโมเดิร์นในร้านกาแฟสุดชิค และความทันสมัยของร้านค้าต่างๆ ผสานกับวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น พลาดไม่ได้กับการถ่ายภาพที่โรงสีแดง หับ โห้ หิ้น  โรงสีข้าวเก่าทาสีแดง เป็นสัญลักษณ์ของสงขลา ปัจจุบันเป็นอาคารอนุรักษ์ และพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การค้า การเกษตร และการพัฒนาอุตสาหกรรมของเมืองสงขลา 

ปุ่มกดสำหรับเลือกตำแหน่งเกียร์ ที่ให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ด้วยการกดปุ่มแทนการโยกคันเกียร์ ใช้งานได้ง่าย มีไฟเรืองแสงช่วยให้เห็นชัดเจนแม้อยู่ในที่มืด ปุ่ม N Hold Mode ที่ทำให้สามารถเข็นรถได้ง่ายเมื่อจอด ให้ความสะดวกเมื่อต้องจอดซ้อนคัน รวมถึง เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold ที่เสริมความสะดวกในการใช้งาน





NISSAN SERENA e-POWER ออกแบบมาด้วยความใส่ใจ ตามแบบฉบับญี่ปุ่นในการบริการด้วยหัวใจ ประตูท้ายที่ให้เลือกเปิดแบบเปิดครึ่งบานหรือเต็มบานก็ได้ ซึ่งเมื่อเปิดครึ่งบาน จะประหยัดพื้นที่ เปิดได้แม้จอดชิดผนัง และสามารถหยิบหรือนำของเข้าหรือออกจากท้ายรถได้สะดวกไม่ต้องกลัวของหล่น ซื้อของที่ระลึกจากทุกที่ได้เต็มพิกัด  ปุ่มเปิดประตูที่ติดตั้งใกล้ที่นั่งแถวที่ 3 ให้ความสะดวกแก่ผู้โดยสารด้านหลังสามารถเปิดประตูได้สะดวก ไม่ต้องรอให้คนอื่นเปิดให้ การออกแบบภายในรถที่ทำให้เดินจากด้านหน้าไปด้านหลังได้ให้ความสะดวกสำหรับผู้โดยสารโดยเฉพาะเมื่อต้องดูแลผู้โดยสารที่ไม่ได้นั่งในแถวเดียวกัน  เบาะที่นั่งสามารถปรับเพิ่มระยะห่างระหว่างที่นั่งได้ เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่ผู้โดยสารแต่ละคน รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ช่วยให้ทุกการเดินทางน่าประทับใจมากยิ่งขึ้น 

เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงรอบคัน 360° Nissan Safety Shield ระบบ Active Safety ส่งสัญญาณเตือนป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ และ Passive Safety ปกป้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุ 

เทคโนโลยี 360° Nissan Safety Shield 
ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า  Intelligent Forward Collision Warning (IFCW) ตรวจจับรถยนต์ด้านหน้าได้ 2 คัน รถคันหน้ามีการเบรกที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะเตือนผู้ขับให้ทราบล่วงหน้า แม้จะมองไม่เห็นแต่ผู้ขับจะสามารถเบรกหรือหลบหลีกได้ทัน

ระบบเบรกฉุกเฉินหรือ Intelligent Forward Emergency Braking (IEB) ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนด้านหน้า

ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) แจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถอื่นเข้ามาในจุดอับสายตา ไฟเตือนที่กระจกมองข้างที่ออกแบบใหม่จะสว่างขึ้น และจะกะพริบพร้อมส่งเสียงเตือนหากมีการเปิดไฟเลี้ยว

ระบบ Intelligent Blind Spot Intervention (IBSI) ทำงานเมื่อรถออกนอกช่องทางขณะระบบ BSW กำลังเตือน พวงมาลัยจะขยับเพื่อคุมรถให้กลับเข้าช่องทางเดิม โดยผู้ขับขี่สามารถกดปุ่มเพื่อเปิดระบบ IBSI หลังสตาร์ทรถเพื่อเปิดการใช้งาน

ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย หรือ Rear Cross Traffic Alert (RCTA) ให้ความปลอดภัยเมื่อถอยหลังออกจากช่องจอด โดยจะมีสัญญาณแบบใหม่เตือนบนกระจกมองข้าง พร้อมเสียงเตือน เมื่อพบว่ามีรถหรือคนกำลังเข้ามาใกล้ขณะที่เริ่มถอยหลัง

ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW) จะส่งเสียงเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว

ระบบ Intelligent Lane Intervention (ILI) เมื่อรถออกนอกช่องทางขณะที่ 

ระบบ LDW กำลังเตือน พวงมาลัยจะขยับเพื่อคุมรถให้กลับเข้าช่องทางเดิม โดยผู้ขับขี่สามารถกดปุ่มเพื่อเปิดระบบ ILI หลังสตาร์ทรถเพื่อเปิดการใช้งาน

ระบบ Intelligent Cruise Control (ICC) ล็อกความเร็วอัตโนมัติได้ตั้งแต่ความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป และจะปรับความเร็วตามรถคันหน้าอัตโนมัติ รวมทั้งรักษาระยะห่างจากคันหน้าตามที่ผู้ขับตั้งไว้

ระบบ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) กระจกมองหลังอัจฉริยะ จะแสดงภาพที่ส่งมาจากกล้องที่ติดตั้งบนกระจกบานหลัง ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นด้านหลังตลอดเวลา ไม่ถูกผู้โดยสารหรือสัมภาระขนาดใหญ่ท้ายรถบดบังการมองเห็นสัญญาณหยุดฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน หรือ Emergency Stop Signal (ESS) ไฟเบรกท้ายและไฟเลี้ยวหลังจะกะพริบทันทีเมื่อเหยียบเบรกกะทันหัน

ระบบ High Beam Assist (HBA) เปิดไฟสูงอัตโนมัติ และปรับเป็นไฟต่ำเมื่อพบแสงไฟจากด้านหน้า เพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่กลางคืน

กล้องมองภาพรอบทิศทาง หรือ Intelligent Around View Monitor (IAVM) พร้อมระบบตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหว Moving Object Detection (MOD) ที่ให้มุมมองจากด้านบน เห็นสภาพถนน และการจราจรรอบคัน และเตือนผู้ขับขี่เมื่อตรวจพบวัตถุเคลื่อนที่รอบคันระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้า (Intelligent Driver Alertness – IDA) ที่ติดตามและคอยเตือนให้ผู้ขับขี่หยุดพักเมื่อเริ่มเหนื่อยหรือล้าระบบ Passive Safety ยกระดับความปลอดภัยสูงสุด

ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด ที่ คู่หน้า ด้านข้าง 

ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่ง (บริเวณเบาะนั่งแถวสอง)

เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับเพื่อลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บ

ระบบป้องกันล้อล็อก (Anti-Lock Braking System – ABS)

ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brakeforce Distribution – EBD) 

ระบบช่วยเบรก (Brake Assist - BA)

ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control - VDC)

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System - TCS)

ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาด (Hill Start Assist - HSA)

ระบบเสียงเตือนคนเดินถนน (Vehicle Sound for Pedestrian -VSP)

ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทออกห่างจากรถ (Walk-Away Door Lock) พร้อมระบบปลด ล็อกอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทเข้าใกล้ตัวรถ (Approach Unlock)

สีภายนอก และ รุ่นย่อย
รุ่น Highway Star มีสีตัวถังภายนอกให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่
สีฟ้าเทอร์คอยส์บลู หลังคาดำ
สีขาวปริซึมไวท์ หลังคาดำ
สีขาวปริซึมไวท์
สีดำไดมอนด์แบล็ค
สีเทากันเมทาลิก
สีเงินบริลเลียนท์ ซิลเวอร์.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th  
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https:// www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358