การขับ Audi TT ทุกครั้ง เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่ เพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างของรถเล็กพลังสูง ปกติ ผมเป็นคนที่ชอบความย้อนแย้ง ชอบขับรถเปิดหลังคา นิยมและบูชารถสปอร์ตคันเล็กที่คล่องแคล่วอย่าง MX-5 SLC MINI JCW GR86 BRZ ลามไปถึงรถคูเป้เยอรมันอย่าง M2 S-Class Carbiolet สุดหรู  หรือแม้แต่ AMG SL Roadster ที่งดงามและดุดันกว่าเดิม เมื่อคุณอยู่หลังพวงมาลัย Audi TT เหมือนกับการเปิดโลกทัศน์ของการเดินทางด้วยรถสปอร์ตคันเล็ก สมาธิเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการควบคุมรถทดสอบที่ไม่ใช่รถตัวเอง แต่สิ่งเดียวที่ผมชอบก็คือ เสียงท่อไอเสียที่ดังมาจากส่วนท้ายของรถ ไล่จาก 2.0 ลิตร ใน TT รุ่นมาตรฐานที่ส่งเสียงครางอย่างสุภาพ รวมถึวการยกระดับพลังงานใน TTS ที่เปล่งเสียงระเบิดปะทุดังลั่นเมื่อยกคันเร่ง และที่สุดของการคำรามอย่างกึกก้องในเครื่อง 5 สูบ ที่เกรี้ยวกราด เมื่อรอบเครื่องกวาดผ่าน 6,000 รอบต่อนาที  มันเป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่สมบูรณ์แบบ ด้วยรถทดสอบ TT icon black เวอร์ชันสุดท้ายจากสายการผลิตที่ดูเหมือนจะออกขายมานานเกินไปแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนอยากได้ TT อยู่เหมือนเดิม ผมเพ่งสมาธิไปที่การควบคุมตลอดเส้นทางทดสอบที่ค้อนข้างคดเคี้ยวแถบหนองหญ้าปล้องโดยมุ่งหน้าตรงไปยังอำเภอปราณบุรี  มันเป็นเช้าวันอาทิตย์ที่เงียบสงบ ผมรู้ตัวดีว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้ขับทดสอบ Audi TT อย่างจริงจัง หลังจากนี้ TT คงเหลือเพียงแค่ชื่อและตำนานที่มันสร้างเอาไว้ตลอด 27 ปีของอายุโมเดล 

...




TT นับเป็นรถสปอร์ตเยอรมันที่เคยรุ่งโรจน์และเหนือกาลเวลา แต่ในที่สุดก็ต้องพบกับสัจธรรมแห่งการเปลี่ยนแปลง TT ได้เดินทางมาจนถึงจุดสิ้นสุดแล้ว และสายการผลิต Audi TT  ได้ยุติลงในปี 2023 หลังจากสร้างความประทับใจให้กับเจ้าของมานานถึง 27 ปี กับรถทั้งสามเจนเนอเรชัน ด้วยดีไซน์ สมรรถนะ และความพึงพอใจที่ได้ครอบครองยานยนต์คันเล็กของแบรนด์สี่ห่วง  ข่าวการจากไปของ TT กลายเป็นเรื่องเศร้าของคนที่ชอบรถสปอร์ต เหมือนกับการโบกมืออำลาวงการของ Porsche 718 และ BMW Z4  รวมถึง GT-R R35 ที่ค่อยๆ ปิดฉากของตัวเองลงอย่างเงียบเชียบ......


...



Audi Tradition ซึ่งเป็นคอลเลกชันรถยนต์สำคัญในประวัติศาสตร์อันยาวนานของ Audi Germany ระบุว่า TT คันสุดท้าย ออกจากสายการผลิตเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2523 ณ โรงงานในเมืองเจอร์ ประเทศฮังการี นับเป็นการปิดฉากการผลิตที่ยาวนานถึงสามเจเนอเรชัน เป็นเวลากว่า 25 ปี ที่ TT ออกมาโลดแล่นอยู่บนถนนสาธารณะทั่วโลก Audi ผลิตรถสปอร์ตรุ่นนี้ไปแล้วถึง 662,762 คัน และ TT คันสุดท้ายที่ออกจากสายการผลิตก็ถูกส่งมอบให้กับบ้านอันอบอุ่นของแบรนด์สี่ห่วง ในฐานะส่วนหนึ่งของคอลเลกชัน Audi Tradition.....

...



...

สำหรับคนที่ยังไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น เอาเป็นว่า การมาถึงของเอสยูวี ทำให้รถสปอร์ต Audi TT หมดหนทางที่จะไปต่อ ปี 2023 รถสปอร์ตสุดฮอตของแบรนด์สี่ห่วงได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดของอายุโมเดล การยกเลิกสายการผลิตไปพร้อมๆกับรถรุ่นพี่อย่าง Porsche 718 ทำให้นักขับหลายคนต้องเศร้าเสียใจกับการจากไปของรถคูเป้ที่ทุกวันนี้ เริ่มหายากขึ้นทุกที แต่....ยังพอมีความเป็นไปได้ ที่ชื่อรุ่น TT อาจหวนกลับมาอีกครั้งในอนาคต และถ้ามันกลับมา ก็น่าจะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าตามกระแสนิยมที่กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์โลกในปัจจุบัน 




ทำไม Audi TT ถึงถูกยกเลิกสายการผลิต ? ดูเหมือนจะเป็นแค่การลดทอนความอ้วนของแบรนด์ Audi แต่จริงๆแล้ว เมื่อมองดูตัวเลขผลประกอบการ รถอย่าง  TT ก็มียอดขายไม่ค่อยจะดีเท่าที่ควร (ยกเว้นในไทย) ปัจจุบัน Audi และ Volkswagen Group กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ด้วยงบประมาณมหาศาล ทำให้การพัฒนาส่วนใหญ่ของ Audi มุ่งตรงไปสู่การปรับปรุงแบตเตอรี่และเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ในสายตาของผู้บริหารแบรนด์สี่ห่วง อะไรที่ไม่ทำกำไรก็ต้องตัดออกไป และรถสปอร์ตที่ขายได้น้อยอย่าง TT จึงไม่คุ้มค่าทางการเงินที่จะได้อยู่ต่อ นั่นเป็นเรื่องที่เจ็บปวด.....หากมองยอดขายโดยรวม Audi ขาย TT ได้นิดเดียวเมื่อเทียบกับ Q3  A4 และ A5 แม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าอย่าง E-Tron GT ก็ยังขายในอเมริกาได้มากกว่า 2,424 คัน ซึ่งมากกว่ายอดขายของ TT ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาถึงสามเท่า นั่นไม่ใช่เรื่องยากที่จะอธิบายว่า ทำไม Audi ถึงต้องยุติสายการผลิตรถสปอร์ตที่กลายเป็นตำนานรุ่นนี้  





TT เป็นรถสปอร์ตที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งกำลังใกล้สูญพันธุ์ในตลาดรถยนต์ที่อุดมไปด้วยยานยนต์พลังงานใหม่สไตล์เอสยูวี Audi ไม่ใช่แบรนด์เดียวที่เลิกผลิตรถสปอร์ตและรถรุ่นอื่นๆ ที่มีช่วงล่างต่ำเตี้ย มีประตูแค่ 2 บาน และขายได้น้อย Nissan หยุดสายการผลิตของรถอมตะอย่าง GT-R R35 ก่อนที่จะประสบกับปัญหาขาดทุน BMW เองก็จะเลิกผลิต Z4 หลังจากเจเนอเรชั่นที่สี่ (G29) มียอดขายแค่พอไปได้ Ford เลิกขายม้าป่า Mustang ตำนานจอมพยศ และแม้แต่ Chevy ก็ยังกลบฝังรถของแบรนด์ตัวเอง ที่พุ่งออกตัวจากสัญญาณไฟเขียวได้โคตรจะเร้าใจ รถสปอร์ตบ้าพลังอย่าง Camaro จะสาบสูญไปจากโลกใบนี้ เหลือเพียงตำนานที่เล่าขานกันในร้านหมูกะทะ  หลังจากปี 2025 เราจะอยู่ในโลกที่กำลังป่วยไข้และเต็มไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกจากจีนและอเมริกา ซึ่งบางแบรนด์ไม่สนใจแม้แต่จะทำบริการหลังการขายให้ดี เมื่อรถยนต์อย่าง GT-R Camaro Z4 Mustang SLC และ  TT ตายจากไป แน่นอนว่ารถอเนกประสงค์ SUV รุ่นใหม่ก็จะถูกเปิดตัวและทำหน้าที่กวักมือเรียกลูกค้าต่อไป ในความเป็นจริง TT รุ่นสุดท้าย ถือเป็นรถที่สมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อเทียบกับ TT ทั้งสามเจเนอเรชัน โฉมปัจจุบันยังคงพอหาซื้อได้ทั้งป้ายแดงและมือสองสภาพดี แต่จะให้ดีกว่านี้ก็ควรจะมีรุ่นใหม่ออกมาพร้อมเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ขับแล้วได้อารมณ์มากกว่ารถสปอร์ตที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งเอาแต่ส่งเสียงวิ้ดๆ น่ารำคาญ

สิ่งที่จะกลายเป็น Audi TT เริ่มต้นจากแนวคิดที่นักออกแบบชาวอเมริกันร่างแบบไว้นานนมแล้ว นิตยสาร Metropolis เคยรายงานว่า แบบร่างของ TT ในอนาคต ถูกวาดลงบนกระดาษเมื่อปี 1994 ดีไซน์เนอร์ ซึ่งเป็นคนคิดค้นและจินตนาการรถสปอร์ตในอนาคตที่ต่อมาจะกลายเป็นรถ Audi ก็คือ Freeman Thomas ซึ่งในขณะนั้น ทำงานอยู่ที่ศูนย์ออกแบบของ Volkswagen Group ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ภายใต้การนำของ Peter Schreyer หัวหน้าทีมฝ่ายออกแบบในเวลานั้น สำหรับผู้ช่วยหรือมือขวาของ Thomas ก็คือ J Mays อดีตดีไซน์เนอร์ของ BMW ผู้มีส่วนร่วมในการออกแบบ Audi 100 C4, Volkswagen Golf Mk3 และ Volkswagen Polo



ทีมงานของ Schreyer ได้รับมอบหมายภารกิจในการสร้างสรรค์รถสปอร์ตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยดีไซน์ที่สดใหม่และล้ำสมัย ส่วน Thomas ได้ดึงเอาอดีตมาสร้างสรรค์เพื่อทำให้มันกลายเป็นอนาคตที่รุดหน้า การออกแบบรูปทรงของ Audi TT ได้รับอิทธิพลมาจากรถแข่งในทีม Auto Union ช่วงทศวรรษที่ 1930 รวมถึงยังมีการนำบางจุดของรถแข่ง Porsche ในช่วงทศวรรษที่ 1950 มาอยู่ใน TT เจนเนอเรชันที่ 1 อีกด้วย 




ดีไซน์ภายนอกก็เพียงพอแล้วที่จะโดนใจผู้คนในยุค 1995 แต่งานตกแต่งภายในที่แปลกแหวกแนว เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ TT รุ่นแรก การออกแบบภายใน โดยทีมงานสไตล์อเวนเจอร์ส  ประกอบด้วยยอดฝีมือคนรุ่นใหม่อย่าง Hartmut Warkuss, Martin Smith, Romulus Rost, และ Peter Schreyer โดย Romulus Rost แจ้งว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากถุงมือเบสบอลที่มีการโชว์รอยตะเข็บของหนังที่ใช้เย็บบนถุงมืออย่างจงใจ Rost จึงต้องการถ่ายทอดแรงบันดาลใจนั้นลงในเบาะรถยนต์ นี่คือเหตุผลที่คุณจะพบกับ TT ที่มีเบาะนั่งสุดวิเศษ พร้อมการเย็บเดินตะเข็บที่ดูเหมือนถุงมือเบสบอล นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชิ้นงานตกแต่งที่แหวกแนว ทีมดีไซน์ยังพยายามสร้างห้องโดยสารที่เน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะร่วมสมัย ทั้งสถาปัตยกรรม แฟชั่น และดนตรีในยุค 90


Audi ได้นำเสนอผลงานการออกแบบ ด้วยรถต้นแบบ TT Concept ที่งาน IAA ในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต เมื่อเดือนกันยายน ปี 1995  บนแท่นจัดแสดง ผู้ชมต่างตกตะลึงกับทรงของรถสปอร์ตคันเล็กที่มีหลังคาโค้งราวกับโฟล์คเต่า  แนวคิดของ Freeman Thomas , J Mays และทีมออกแบบ ได้จุดประกายให้เกิดรถยนต์ที่มีสุนทรียศาสตร์เหนือกาลเวลา TT มีทั้งศิลปะและความสปอร์ต เพียงไม่กี่เดือนต่อมา Audi ตัดสินใจนำรถต้นแบบเข้าสู่สายการผลิต และ TT ก็กลายเป็นตัวอย่างที่หาได้ยากของรถยนต์ที่ผลิตออกมาจำหน่ายจริง ซึ่งยังคงรักษาแนวคิดอนุรักษ์นิยมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น 


เดือนธันวาคม ปี 1995 Audi  ตัดสินใจผลิต Audi TT Coupé ออกขาย Torsten Wenzel นักออกแบบภายนอกของ Audi ผู้ซึ่งช่วยนำรถรุ่นทดลองนี้เข้าสู่การผลิตเล่าว่า “สำหรับเรา คำชมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการนำรถต้นแบบที่ใช้ทดสอบขึ้นสู่สายการผลิตให้ได้ แม้ว่าเราจะต้องปรับเปลี่ยนรายละเอียดหลายอย่าง เนื่องจากข้อกำหนดทางเทคนิคของรถต้นแบบ เช่นสัดส่วน และอุปกรณ์บางอย่างไม่สามารถผลิตออกมาจริงๆ ได้” สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการผสมผสานกระจกหลัง  ทำให้รูปลักษณ์ของรถดูยาวขึ้น เพิ่มความคล่องตัวให้กับทรงของรถสปอร์ต สำหรับ Wenzel แล้ว Audi TT ยังคงเป็นงานประติมากรรมแห่งการขับขี่ ด้วยพื้นผิวและเส้นสายคุณภาพสูง  เขากล่าวว่า ตัวถังของ Audi TT ดูเหมือนจะทำจากโลหะชิ้นเดียว  ด้านหน้าของรถไม่มีส่วนยื่นของกันชน เน้นย้ำถึงรูปทรงที่ทันสมัยและมีความชัดเจนในตัวตนมากกว่ารถคูเป้ในยุคเดียวกัน 


Audi TT รุ่นแรก เปิดตัวในปี 1998 ความแปลกแหวกแนวของรูปลักษณ์ ทำให้มันกลายเป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นแบบนั้น ดีไซน์และสีสันอันสดใส ได้รับแรงบันดาลใจจาก Bauhaus  ดูโดดเด่นไม่เหมือนใครบนท้องถนน ตัวถังเรียบหรู บึกบึน มีสไตล์ และใส่อารมณ์สปอร์ตอย่างเต็มรูปแบบ  ชื่อรุ่นก็โดดเด่นไม่แพ้กัน "TT" ย่อมาจาก "Tourist Trophy"  ได้มาจากการแข่งขันรถยนต์ Auto Union/NSU ในสมัยก่อน บนเกาะ Isle of Man แต่ความหมายของชื่อรุ่น ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้มันยอดเยี่ยม ชื่อ TT ฟังดูดีและติดหูอย่างรวดเร็ว "Audi TT Quattro" ฟังดูเจ๋งมากตอนที่เปิดตัวครั้งแรก แม้แต่เด็กวัยรุ่นยุคใหม่ที่ไม่มีความรู้เรื่องรถยนต์เลยก็ยังพอจะรู้จัก Audi TT Quattro

ดีไซน์ดั้งเดิมของมันนั้นถือว่ายอดเยี่ยม ทำให้กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบรถสปอร์ต ทรงของ TT ดูนุ่มนวลและโค้งมน  ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนรถสปอร์ตจาก BMW, Ford, Honda และ Chevy รูปลักษณ์ที่โค้งมน สอดรับกันทั่วทั้งคัน ทำให้บางครั้งมันได้รับฉายาว่ารถพญาเกย์ เนื่องจากไม่ได้ดูดุดันเท่าคู่แข่งนั่นเอง


การขับขี่ Audi TT รุ่นดั้งเดิมก็ไม่ใช่รถที่ขับยากในสมัยนั้น  แต่กลับด้อยกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในยุคนั้นอย่าง Porsche Boxster และ BMW Z3 รถสปอร์ต TT รุ่นแรก ถูกสร้างบนแชสซี Mark IV ของ Volkswagen Group (ซึ่งเป็นแชสซีของ VW Golf และ Jetta )  ลักษณะขับเคลื่อนล้อหน้าของมัน ทำให้ไม่เป็นที่ต้องการเท่ารถสปอร์ตรุ่นอื่นของเยอรมันที่ใช้การขับเคลื่อนล้อหลัง แต่ในความแปลกแยกนั้น TT กลับเป็นรถที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว รถรุ่นหลังๆ เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความสนุก สไตล์ และการยึดเกาะ ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro

 

ปี 2006 Audi สานต่อความสำเร็จของ TT รุ่นแรกด้วยรถเจนเนอเรชันที่ 2 รุ่นต่อยอดที่เน้นความโฉบเฉี่ยวและสปอร์ตมากยิ่งขึ้น TT รุ่นที่สอง ไม่ได้มีเสน่ห์แบบรุ่นแรก แต่มีความดุดันกร้าวร้าวมากขึ้น ตัวถังยังคงความเรียบง่ายแบบ TT รุ่นแรกเอาไว้อย่างเหนียวแน่น  การควบคุมรถถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น มีตัวเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทรงพลังกว่าเดิม  มีทั้ง TTS และ TT RS  ซึ่งเครื่องยนต์ 5 สูบของมัน  พิสูจน์ให้เห็นว่า TT สามารถเป็นรถสปอร์ตที่ทัดเทียมกับรถที่ดีที่สุดในตลาดได้อย่างสบายๆ โดยเฉพาะฟิลลิ่งหลังพวงมาลัยบนเส้นทางภูเขา 

การเปิดตัว TT เจเนอเรชั่นที่สอง ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อตามมา ดูเหมือน TT รุ่นใหม่จะสูญเสียดีไซน์อันโด่งดังไปกับความทันสมัยของรถเจนฯ 2 แต่ Audi ได้เพิ่มการผสมผสานระหว่างอะลูมิเนียมและเหล็ก ทำให้มีการกระจายน้ำหนักที่เกือบสมบูรณ์แบบที่ 50-50 Audi ยังลงมือพัฒนา TT ในด้านที่ถือเป็นหัวใจของรถ นั่นก็คือ ระบบส่งกำลัง TT เจนฯสอง มีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้หลากหลายมากขึ้น รวมถึงความสามารถในการติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเป็นครั้งแรก Audi เรียกมันว่ารถสปอร์ตดีเซลรุ่นแรกของโลก

เครื่องยนต์ที่เล็กที่สุดในTT เจนเนอเรชันที่ 2 คือเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ ความจุ  1.8 ลิตร  กำลัง 158 แรงม้า นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ 2.0 ลิตร  กำลัง 197 แรงม้า และ 207 แรงม้า ตามลำดับ โดยมีแรงบิดตั้งแต่ 280 นิวตันเมตร (207 ปอนด์-ฟุต) ถึง 350 นิวตันเมตร (258 ปอนด์-ฟุต) นอกจากนี้  ยังมีเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ 2.0 ลิตร จูนเพิ่มจนได้กำลัง 268 แรงม้า ประจำการอยู่ใน TTS  สำหรับราชาของรถสปอร์ตรุ่นเล็กก็คือ Audi TT RS ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของ Audi TT RS เปิดตัวครั้งแรกในปี 2009  มีความโดดเด่นในฐานะ Audi RS รุ่นแรกที่ผลิตนอกโรงงาน Audi Sport GmbH ในเมืองเนคคาร์ซุล์ม  เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ของ Audi ด้วยเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงแบบ 5 สูบ อัดอากาศด้วยเทอร์โบ


เครื่องยนต์เบนซิน 5 สูบสไตล์สปอร์ต มีประวัติยาวนาน และตำนานที่โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้นเครื่องยนต์ 5 สูบ เทอร์โบชาร์จ ความจุ 2.1 ลิตร ใน Audi Quattro รุ่นแรก ซึ่งเปิดตัวในปี 1980 ให้กำลังอันน่าประทับใจถึง 147 กิโลวัตต์ (200 แรงม้า) ตามด้วย Sport Quattro ปี 1984 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันแรลลี่ชิงแชมป์โลก WRC  ให้กำลังมหาศาลถึง 225 กิโลวัตต์ (306 แรงม้า) เป็นเวลากว่า 25 ปี ที่เทอร์โบชาร์จเจอร์และ quattro ถือเป็นสูตรสำเร็จอันทรงพลังของ Audi TT








สำหรับ TT รุ่นที่สามโฉมปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นรุ่นสุดท้าย เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014  ยังคงเป็นรถขนาดเล็กที่ดูดี  สิ่งที่ขาดหายไปในด้านการออกแบบ TT รุ่นที่สามก็ชดเชยด้วยพละกำลังและสมรรถนะในการขับเคลื่อน Audi TT RS รุ่นปัจจุบัน เป็นรถที่เปี่ยมไปด้วศักยภาพด้านการทำความเร็วและการยึดเกาะที่สมดุล เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 5 สูบแถวเรียง สร้างเสียงกระหึ่มอันน่าตื่นตะลึงและได้รับรางวัลเครื่องยนต์เบนซินความจุไม่เกิน 2.5 ลิตร ที่ดีที่สุดในโลกติดต่อกันถึง 6 ปี ซ้อน! (Engine of The Year)  หากยังคิดว่า TT RS  เป็นรถของพญาเกย์ ก็คงเป็นรถชาวสีม่วงที่เท่สุดๆไปเลย






เหมือนกับ RS 4 และ RS 6 Audi เจ้า TT RS ถูกพัฒนาโดยวิศวกรและช่างเครื่องยนต์ ให้เป็นยานยนต์ขับเคลื่อนที่ไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง เกียร์ธรรมดา 6 สปีดแบบใหม่ ถ่ายทอดพลังอันมหาศาลของเครื่องยนต์ 5 สูบ ช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยว การเลือกขนาดล้อและยางที่เหมาะสม ปลดปล่อยศักยภาพสูงสุดของ TT RS ให้ควบคุมง่ายและแม่นยำด้วยคันเกียร์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งมีระยะการเปลี่ยนเกียร์ที่สั้นมาก ประสิทธิภาพของระบบเกียร์ คือ อัตราทด การกระจายแรงบิดไปตามอัตราทดเกียร์ที่แคบแบบสปอร์ต สร้างความเร้าใจในการขับเคลื่อนด้วยตัวเลขราคาที่ไม่แพงจนเกินไป ในช่วงที่ TT RS พุ่งทะยานสูงสุด มันจะมีกำลังสูงถึง 394 แรงม้า  พร้อมแรงบิด 480 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 4.6 วินาที และนั่นเป็นตัวเลขที่เร็วกว่า Audi R8 4.2 V8 นิดหน่อย!! 




TT Coupe 45TFSI Quattro Icon Black รุ่นสุดท้าย ราคา 3,599,000 บาท ใส่ชุดแต่ง S Line Black Edition ล้อ Audi Soport 19 นิ้ว ยาง 245/35R19 bridgestone potenza s001 เกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีด S-Tronic  กับ Virtual Cockpit  MMI ของ Audi เป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน Audi TT 45TFSI Quattro Final Icon Black รุ่นสุดท้าย เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร TFSI ทำความเร็ว 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.2 วินาที สำหรับรุ่นคูเป้ และ 5.4 วินาที สำหรับรุ่นเปิดประทุน นั่นเร็วพอสมควรสำหรับรถโปรดักชั่นคาร์จากโรงงานที่ไม่ได้มีการโมดิฟายเพิ่มเติม หากคุณต้องการ TT ที่เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รุ่น RS คือทางเลือกที่ต้องจ่ายแพงขึ้น TT RS คูเป้ ทำความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.7 วินาที และ TT RS Roadster เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.5 วินาที

 






ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางภูเขา หรือถนนที่คดเคี้ยวอุดมไปด้วยโค้งหน้าตาแปลกๆ Audi TT ไล่กวดเพื่อตามคู่แข่งได้อย่างมาดมั่น  และเมื่อฝนตกลงมา สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รถสปอร์ตขับหลังต้องลดความเร็ว แต่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ของ Audi กลับยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมเมื่อขับท่ามกลางสายฝน ไดนามิกส์ของมัน พิสูจน์ให้เห็นว่าทำไมลูกค้าหลายคนถึงหลงรัก TT มากกว่า Porsche 718 Boxster และ Cayman จริงๆแล้ว 718 ทั้งสองรุ่นก็มีฟิลลิ่งที่ขับสนุกกว่า มีไดนามิกส์ที่เหนือกว่า TT อย่างชัดเจน แต่ราคาค่าตัวของมันนั้น สามารถถอย TT ได้ถึงสองคัน เอาเข้าจริงๆ  TT  สามารถทิ้งห่าง 718 บนถนนเปียกท่ามกลางสายฝนได้อย่างไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีของรถรุ่นพี่ที่มีราคาสูงกว่ามาก!  









TT ทุกเวอร์ชัน ขับสนุกสุดยอด พวงมาลัยคมกริบ ตอบสนองทันทีตั้งแต่การบังคับเลี้ยวเบาๆในย่านความเร็วต่ำ เหมือนกับรถ Audi Quattro ส่วนใหญ่ มีอาการ understeer เล็กน้อยเมื่อออกตัวแรงๆ แต่ควบคุมง่าย ไม่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดแม้ตำแหน่งท่านั่งค่อนข้างโอบล้อมมากกว่ารถสปอร์ตรุ่นอื่นของแบรนด์เยอรมัน ด้วยขนาดที่กำลังดีทำให้มันเป็นรถที่มีความคล่องตัวสูง สปอร์ตสมัยใหม่หลายรุ่นมีขนาดใหญ่และหนักมาก จนน่ากลัวว่าจะเบรกไม่อยู่  แต่ TT  ทั้งเล็กและเบา เบรกเดิมอาจไม่สาแก่ใจสำหรับคนที่ชอบไปเร็ว ก็ลงเบรกให้ใหญ่ขึ้นได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบห้ามล้อ โดยรวม การขับ TT ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังขับรถแมลง  แทรกตัวเข้าไปในช่องว่างเล็กๆ ของการจราจรได้อย่างว่องไว มันอาจจะไม่ได้คมกริบแบบ Porsche 718 แต่มันก็ขับสนุกสุดๆ บนถนนคดเคี้ยวที่อุดมไปด้วยโค้ง 






ตำแหน่งการขับขี่ก็แทบจะสมบูรณ์แบบ  นั่งสบายและปรับเบาะลงต่ำได้เหมือนรถแข่ง ทัศนวิสัยด้านหน้าโอเค ส่วนภายใน ต้องยอมรับว่า Audi เป็นหนึ่งในผู้ผลิตห้องโดยสารที่ดีที่สุดมานานหลายทศวรรษ และ TT เจเนอเรชั่นที่สามก็เป็นหนึ่งในนั้น  คุณภาพของวัสดุ งานประกอบ ที่เจ๋งก็คือ TT ไม่มีหน้าจออินโฟเทนเมนต์ส่วนกลางที่บดบังทัศนวิสัยเหนือแผงหน้าปัด จอกลางที่ชอบดึงความสนใจของคนขับจนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือจอภาพรบกวนสายตาของผู้ขับ ข้อมูลระบบนำทางหรือสื่อทั้งหมดถูกรวมไว้ในหน้าจอมาตรวัด “Virtual Cockpit”  การมีโหมดควบคุมระบบดิจิทัลทั้งหมดของรถแล้วรวมอยู่ในหน้าจอเดียว  สามารถควบคุมได้ด้วยปุ่มเพียงสองปุ่ม ดูวุ่นวายในตอนแรก หลังจากนั้นเจ้าของรถส่วนใหญ่ก็จะชินและชอบกับความง่ายของการเชื่อมต่อต่างๆ ถึงแม้ Apple car play  ยังต้องใช้การเชื่อมต่อด้วยสาย USB ก็ตาม!




แทนที่จะใช้หน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบเดิมบนแผงหน้าปัด กลับมีช่องระบายอากาศเพียงสามช่อง ซึ่งความยอดเยี่ยมนี้สมควรได้รับการเลียนแบบจากผู้ผลิตรถยนต์ทุกราย ระบบปรับอากาศติดตั้งอยู่ตรงกลางช่องระบายอากาศ บนจอเล็กๆ เป็นชุดควบคุมอุณหภูมิในรถยนต์ยุคใหม่ที่ใช้งานง่าย  เมื่อรวมกับคุณภาพการประกอบและวัสดุที่ยอดเยี่ยม  TT จึงสมควรที่จะอยู่เคียงข้างคุณไปอีกนาน 

 






ความพิเศษของ Audi TT หมายความว่ามันเป็นรถที่สร้างความแตกต่างในวงการรถคูเป้  โดยภาพรวม อายุสองทศวรรษครึ่งของ Audi TT เป็นเพียงจุดเล็กๆ น้อยๆในหน้าประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมยานยนต์  TT มีส่วนทำให้ช่วงเวลานั้นมีความหมายสำหรับนักขับ พูดง่ายๆ คือ มันสร้างผลกระทบสำหรับคนที่ใฝ่ฝันถึงการครอบครองรถสปอร์ต  นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษที่ Audi จะไม่มีรถสปอร์ตออกมาขาย จริงๆแล้ว แบรนด์สี่ห่วงไม่ได้เปิดตัวรถสองประตูมานานแล้ว.  

อาคม รวมสุวรรณ
EMail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcomhttps://
www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/