การมาถึงของ KIA สร้างความแตกต่างทั้งราคาและสไตล์การขับขี่ รถอย่าง EV5 GT Line Twin Motor มี ไดนามิกที่เฉียบคมใกล้เคียงกับ EV9 แต่มีขนาดตัวถังที่เล็กกว่า ด้วยการออกแบบที่เป็นเอกเทศเน้นความแตกต่างไม่เหมือนใคร



...






...



...



...

ดีไซน์ส่วนหน้าตั้งตรง ไฟหน้าและไฟหรี่กลางวัน LED แก้มข้างมีเหลี่ยมมุมที่โค้งรับกับขอบซุ้มล้อ กันชนหน้าตกแต่งด้วยพลาสติกสีดำและสีเงิน ล้ออัลลอยขอบ 20 นิ้ว สีดำสลับสีเงิน มีแผ่นพลาสติกปิดก้านเพื่อลดแรงต้านอากาศ ยาง Nexen Roadian GTX ไซส์ 255/45R20 100V มือจับที่เปิดประตูแบบซ่อนอยู่ในตัวถังเพื่อลดแรงต้านทานของกระแสอากาศ เป็นอีกจุดของการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ เสาหน้ามีองศาที่สมบูรณ์แบบ เชื่อมต่อกับแนวผืนหลังคาไปจนถึงเสาท้ายขนาดใหญ่ที่มีกระจกบานข้างเสาท้ายคอยช่วยสร้างบรรยากาศที่โปร่งโล่ง กรอบเสาหน้า กรอบกระจกไปจนถึงเสาท้ายตกแต่งด้วยพลาสติกสีดำเงา กรอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวถังช่วยเพิ่มความหรูหรา บั้นท้ายทรงเหลี่ยมพร้อมไฟท้ายเรียวยาวที่เชื่อมต่อกันทั้งสองฝั่ง ไฟท้าย LED แม้จะมีขนาดที่เพรียวบางแต่ให้ความคมชัดทั้งไฟหรี่ ไฟถอยและไฟเบรก สำหรับไฟเบรกดวงที่สามหลอด LED ซ่อนอยู่ใต้กรอบสปอยเลอร์หลังที่ติดตั้งอยู่ด้านบนของฝาท้าย ที่ปัดน้ำฝนกระจกฝาท้ายซ่อนอยู่ภายในสปอยเลอร์หลัง เป็นการออกแบบที่ชาญฉลาดทำให้ใบปัดน้ำฝนไม่ไปบดบังมุมมองของกระจกบานฝาท้ายได้อย่างเฉียบคม






KIA EV5 รถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า มีให้เลือกทั้งมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนสองล้อหน้า และคันทดสอบรุ่น GT Line AWD Twin Motor มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคา 1,849,000 บาท เบาะ 2 แถว 5 ที่นั่ง แพลตฟอร์ม E-GMP หรือ Electric Global Modular Platform สานต่อการทำตัวเป็นยานยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ในยานยนต์พลังงานสะอาดของ KIA มิติตัวถัง KIA EV5 เทียบเคียงกับ Honda CR-V ยาว 4,615 มิลลิเมตร กว้าง 1,875 มิลลิเมตร สูง 1,715 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้อง 175 มิลลิเมตร




ปรัชญาการออกแบบ Bold for Nature ดีไซน์ SUV ไฟหน้า Star Map DRL ไฟท้าย LED Star-Map ทรงของรถ ใช้สไตล์สี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ได้รับแรงบันดาลใจอย่างชัดเจนจาก EV9 SUV สามแถวที่มีขนาดใหญ่กว่าและประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดรถอเนกประสงค์ 6 ที่นั่งของอเมริกาเหนือ การออกแบบตัวถังดูบางลงและล้ำสมัย น้ำหนักตัวที่เบากว่า สอดคล้องกับรากฐานของการใช้พลังงานไฟฟ้าด้วยการคงมวลตัวถังเอาไว้ไม่ให้เกิน 2.1 ตัน ทรงของ EV5 แม้จะเต็มไปด้วยเหลี่ยมมุมแต่ก็ออกแบบได้อย่างลงตัว สัดส่วนที่กะทัดรัดมีขนาดพอๆ กับ Honda CR-V แต่มีประสิทธิภาพสูงกว่าทั้งอัตราเร่งและการทรงตัว












ฝาท้ายไฟฟ้าเปิดออกได้ในมุมที่สูง มีการออกแบบช่องเก็บของเป็นสัดส่วนทำให้ง่ายต่อการจัดวาง เบาะหลังพับได้เปิดพื้นที่ให้กับการขนสัมภาระขนาดใหญ่ได้เหมือนกับรถเอสยูวีไซล์กลางทั่วๆไป KIA EV5 GT Line AWD รถคันทดสอบ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าคู่วางด้านหน้าและด้านหลัง ขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 308 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร ระบบไฟ 400 โวลต์ แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ความจุ 88.1 kWh ตัวเลขสมรรถนะ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.3 วินาที ลองจริงทำได้ 6.5 วินาที ในลักษณะที่วิ่งต้านลมเล็กน้อย ส่วนท็อปสปีดหรือความเร็วสูงสุดยันคันเร่งได้ที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จเต็มวิ่งไกล 475 กิโลเมตร หัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo พร้อมระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก V2L KIA EV5 Long Range / Performance AWD ชาร์จไฟกระแสสลับ AC รองรับ 11 kW ชาร์จไฟกระแสตรง DC รองรับสูงสุด 141 kW





KIA EV5 เลือกใช้แบตเตอรี่แบบ LFP ที่มีโครงสร้างแบบ CPT เพื่อรองรับความหนาแน่นในการกักเก็บประจุไฟฟ้า เพื่อระยะทางวิ่งสูงสุดในขณะที่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่การจัดวางแบตเตอรี่ นอกจากนี้ แบตเตอรี่ LFP ความจุ 88.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ยังมีความทนทานต่อการติดไฟ ไม่มีคุณสมบัติก่อให้เกิดประกายไฟเมื่อเกิดเพลิงไหม้













ภายใน Kia จัดระเบียบชีวิตของคนขับและผู้โดยสารใน EV5 โดยใช้การออกแบบห้องโดยสารที่ล้ำสมัยและเน้นเทคโนโลยี จุดที่ชอบก็คือ แดชบอร์ดคอนโซลที่ทำจากโฟมสังเคราะห์หุ้มด้วยไวนิลเกรดสูง วัสดุดังกล่าวช่วยซับเสียงรบกวนได้ดี และมีอยู่เฉพาะรถหรูราคาแพงฝั่งยุโรปกับ Mazda บางรุ่นที่ใช้วัสดุดังกล่าวทำแดชบอร์ด รูปแบบของงานตกแต่งภายในคล้ายกับ EV3 และ EV9 อุปกรณ์ต่างๆ ออกแบบอย่างเรียบง่าย สวยงามและใช้งานได้ดี จอแสดงผลโค้ง ผสมผสานแผงหน้าปัดสำหรับคนขับขนาด 12.3 นิ้ว ผนวกเข้ากับหน้าจออินโฟเทนเมนต์ คั่นด้วยหน้าจอระบบปรับอากาศขนาด 5 นิ้ว ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ ปุ่มสัมผัสที่ไวต่อการสัมผัสด้านล่างหน้าจออินโฟเทนเมนต์นั้นกดได้ง่ายเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ








วัสดุตกแต่งภายในนั้นเน้นไปที่ความยั่งยืนของธรรมชาติเป็นหลัก! ไม่มีหนังแท้ หรือไม้แท้ๆ แต่ใช้วัสดุสังเคราะห์คุณภาพสูงที่ให้ความรู้สึกพรีเมียมอย่างน่าประหลาด เบาะนั่งนั้นแน่นแต่นุ่มสบาย พร้อมระบบทำความร้อน/เย็นในตัว เบาะนั่งคนขับมีโหมดผ่อนคลาย พร้อมที่วางขาที่ยืดออกได้ ซึ่งเหมาะสำหรับการจอดชาร์จนานๆ ฟังก์ชัน V2L (Vehicle-to-Load) ของ Kia สามารถจ่ายไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้โดยตรงจากรถ ตั้งแต่การตั้งแคมป์ไปจนถึงไฟฟ้าดับฉุกเฉิน Kia ใส่เทคโนโลยีต่างๆ ลงใน EV5 GT-Line และส่วนใหญ่ก็ใช้งานได้ดี Apple CarPlay แบบไร้สาย ทำงานราบรื่น ขึ้นรถมาได้ก็เชื่อมต่ออัตโนมัติทันทีไม่ต้องมานั่งกดเชื่อมต่อ HUD (Head-Up Display) เป็นจุดเสริมเรื่องข้อมูลการขับที่อยู่ตรงหน้าระดับสายตาคนขับซึ่งดี






วัสดุตกแต่งภายในของ EV5 เน้นอนุรักษ์ธรรมชาติ มีการใช้วัสดุสังเคราะห์แทนที่หนังแท้หรือโลหะที่ทำให้เกิดคาร์บอนในขั้นตอนของการผลิต การใช้วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารที่มีความยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งวัสดุรีไซเคิล วัสดุจากธรรมชาติ และวัสดุที่ปราศจากสารเคมีในกลุ่ม BTX เบาะนั่งของ EV5 ใช้วัสดุบุนุ่ม ตัวเบาะออกแบบให้เข้ากับท่านั่งที่ผ่อนคลายและค่อนข้างสูง เบาะปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ โดยเฉพาะเบาะคู่หน้าออกแบบในลักษณะ Bench Seat พร้อมที่วางแขนแบบปรับพับได้ โต๊ะแบบอเนกประสงค์หลังเบาะผู้โดยสารตอนหน้า แผ่นปิดสัมภาระแบบปรับตั้งเป็นโต๊ะได้ รองรับน้ำหนัก 12 กิโลกรัม เมื่อปรับตั้ง เบาะนั่งคนขับมาพร้อมหน่วยบันทึกความจำ เบาะหลังแบบสามที่นั่ง นั่งสองคนดูจะสบายตัวมากกว่า กลางเบาะพนักพิงสามารถดึงออกมาเป็นพนักเท้าแขนกั้นกลางระหว่างผู้โดยสารเบาะด้านหลัง รุ่น EARTH Long Range FWD ยังมาพร้อมกับกระจกหลังคาพาโนรามิกพร้อมม่านบังแดดไฟฟ้าไม่ต้องไปดิ้นรนติดฟิลม์เพิ่มเพราะม่านบังแดดเวลาปิดแล้วไม่มีความร้อนที่แผดลงมาเหมือนกับกระจกหลังคาพาโนรามิกที่ปราศจากม่านบังแดดในรถไฟฟ้าบางรุ่นที่ดูเท่แต่ใช้งานจริงแล้วร้อนตับแลบ













แดชบอร์คคอนโซลทำจากโฟมสังเคราะห์หุ้มด้วยไวนิลสีน้ำตาลอ่อนเพื่อซับเสียงและลดแรงสั่นสะเทือน จอภาพมอนิเตอร์กลางและจอภาพมาตรวัดหลอมรวมอยู่ในจอภาพเดียวแบบพาโนรามา หน้าปัดแบบ Digital Supervision ด้วยจอแสดงผล LCD TFT ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (HUD) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังสังเคราะห์ แบบ 4 ก้าน ปรับระดับ 4 ทิศทาง สวิตช์เกียร์แบบ Column-type Shift by Wire พร้อม Paddle Shift ปรับการทำงานของ Regenerative Brake สวิตซ์ควบคุมโหมดการขับขี่ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระ 2 โซน พร้อมช่องระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้า และไฟส่องสว่าง ไฟเรืองแสง Ambient Light ภายในห้องโดยสาร เรียกว่าให้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในรุ่นรองท็อปแบบจัดเต็ม นั่นรวมถึงกล้องมองภาพรอบคันและเครื่องเสียงติดรถที่ค่อนข้างมีคุณภาพอีกด้วย ระบบมัลติมีเดีย (Infotainment) ประกอบด้วยจอแสดงผล LCD TFT ขนาด 12.3 นิ้วเท่ากับมาตรวัด ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) ระบบสั่งการด้วยเสียง (เชื่อมต่อผ่าน Android Auto™ / Apple Carplay®) ลำโพง 13 ตำแหน่งรอบห้องโดยสาร USB ชาร์เจอร์ ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger)







บอกตรงๆ ว่า EV5 GT-Line ไม่ใช่รถสปอร์ตเอสยูวี แต่ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลและมั่นใจ ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบมอเตอร์คู่ ให้กำลัง 230 กิโลวัตต์ หรือ 308 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร มากเกินพอในการเป็นรถครอบครัวสำหรับเดินทางไกลในระยะ 450 กิโลเมตร มอเตอร์หน้า-หลัง ทำให้รถทำความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ใน 6.3 วินาที รวดเร็วแต่ไม่สุดขั้ว ควบคุมง่ายจากการปรับเซ็ตค่าการตอบสนองของพวงมาลัยไฟฟ้าที่ทำได้ดี แต่ความมหัศจรรย์ที่แท้จริงอยู่ที่การใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งนุ่มนวล เงียบ และมั่นคงมากบนถนนในเมือง EV5 GT Line เมื่อใช้โหมดปกติในย่านความเร็วต่ำทำให้ชีวิตการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้ารื่นรมย์ขึ้นมาก!





ระบบเบรกสร้างพลังงานใหม่ regenerative braking สามารถปรับได้โดยใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift เมื่อตั้งค่าการตอบสนองสูงสุดของ regenerative braking ทำให้แทบจะไม่ต้องใช้เบรก แต่คนนั่งจะรู้สึกไม่สบายตัวจากการหน่วงความเร็วแบบฉับพลันทันที ผมชอบขับแบบใช้เบรกไหลลื่นค่อยเป็นค่อยไปจึงตั้งค่าการตอบสนองของ regenerative braking เอาไว้จนต่ำสุด หรือสามารถ ปิดระบบได้อย่างสมบูรณ์ถ้าไม่ชอบการหน่วงความเร็วที่ปรับได้หลายระดับ สำหรับเส้นทางทดสอบที่เน้นทางราบขับสบายมากกว่าทางภูเขา Paddle Shift ของ EV5 ถูกใช้ผ่านระบบ regenerative braking โดยสามารถปรับการหน่วงความเร็วด้วยระบบรีเจนฯ ได้ถึงสามระดับ ทำให้ช่วยลดความสึกหรอของผ้าเบรกเมื่อขับบนไฮเวย์ที่อุดมไปด้วยรถร่วมทาง พวงมาลัยไฟฟ้าเมื่อใช้ความเร็วสูงก็ยังคงมีน้ำหนักที่เหมาะสม ระบบกันสะเทือนรักษาสมดุลระหว่างความสบายและการควบคุมตัวถังได้ดี ไม่ได้ดีเท่ารถยุโรป แต่ก็ดีกว่ารถจีนหลายแบรนด์เมื่อขับบนทางขรุขระ การใช้ความเร็วคงที่บนทางหลวงข้ามจังหวัดเป็นเรื่องง่ายในการควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ระบบช่วยขับขี่บนทางหลวงของ Kia ซึ่งมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ - ระบบรักษาเลน





ช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบ 5 Link หรือมัลติลิงก์นั่นเอง อย่างที่บอกว่ากระบอกโช้คและสปริงนั้นถูกปรับมาเพื่อเน้นความนุ่มนวลมากกว่าจะไปที่ความหนึบแน่น บางจังหวะช่วงล่างผ่อนสั้นผ่อนยาวได้ดีแต่พวกที่ชอบขับเร็วก็อาจไม่ชอบช่วงล่างสไตล์รถบ้านแบบนี้ ส่วนตัว ผมว่าระบบรองรับของ EV5 GT-Line มุ่งไปสู่ความนุ่มสบาย เหมาะสมกับคาแรกเตอร์ของรถดีอยู่แล้ว รุ่นท็อป มอเตอร์คู่ ขับสี่ ถ้าขับเร็ว จะทำระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร +/- นิดหน่อย EV5 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ชอบให้ขับเรื่อยๆ เพื่อประหยัดกระแสไฟฟ้า มากกว่าจะเอามาชัดเร็วๆ แล้วกินไฟอย่างโหด





การตอบสนองของคันเร่งดี แต่การควบคุมบนผิวถนนที่ไม่เรียบก็ยังมีความนุ่มนวลกับความเงียบ EV5 ให้ความรู้สึกไหลลื่นตามแพลตฟอร์มของ KIA รุ่นที่ใช้ e-GMP เหมือนกับ EV6 และ EV9 ลองกดคันเร่ง มีการหน่วงเวลาก่อนที่ EV5 จะพุ่งออกไปอย่างเร็ว อย่างที่บอกว่าคุณภาพการขับขี่ที่ความเร็วต่ำนั้นเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนเนื่องจากยางล้อขนาด 20 นิ้ว ไม่ใหญ่มากจนเกินไป





คุณต้องเข้าใจความเป็นรถเอสยูวีที่ไม่ชอบวิ่งเข้าโค้งเร็วเกินไป การควบคุมในโค้งเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นและถนนเริ่มคดเคี้ยวหรือขรุขระต้องระวังอาการโยนตัวหากชัดมาเร็วๆแล้วเจอเนินกลางโค้ง พูดง่ายๆ ก็คือ EV5 GT-Line ใช้งานบนพื้นผิวที่ขรุขระและถนนคดเคี้ยวได้ไม่ดีนัก รถถูกออกแบบมาสำหรับการขับขี่ในเมือง หรือขับทางไกลบนไฮเวย์มากกว่า ถ้าขับบนถนนสายรองที่คดเคี้ยวก็ควรจะลดความเร็วแล้วขับแบบเรื่อยๆจะสบายตัวกว่า








ระบบอินโฟเทนเมนต์ CCNC มีเค้าโครงการทำงานที่สมเหตุสมผล เชื่อมต่อทันทีที่ขึ้นรถและง่ายต่อการปรับตั้ง ลองใช้ Apple CarPlay แบบไร้สาย ก็ทำงานได้ดีไม่มีติดๆหลุดๆ หรือต้องมานั่งเชื่อมต่อใหม่เวลาสสตาร์ทเครื่อง พอร์ต USB-C สี่พอร์ต สำหรับชาร์จ รองรับมือถือของผู้โดยสาร อีกจุดที่ชอบก็คือ ระบบเสียงแบรนด์ Harman Kardon ของ GT-Line มีลำโพง 8 ตัวแหน่งรอบๆ ห้องโดยสาร ซึ่งให้ความคมชัดในระดับเดียวกับรถเยอรมันราคา 2 ล้าน คนที่ชอบพื้นที่เก็บของเยอะๆก็น่าจะชอบ EV5 สถาปัตยกรรม e-GMP ของ EV5 ทำให้มีพื้นที่กว้างขวางสำหรับการขนสารพัดสัมภาระ คนที่ชอบ ซันรูฟแบบพาโนรามิก GT-Line สามารถเปิดได้ มีม่านบังแดดแบบเปิดปิดไฟฟ้าเพื่อลดแสงสะท้อนและความร้อนจากแสงแดด





EV5 GT-Line มอเตอร์คู่ ถ้าขับเร็ว 120 -140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะใช้พลังงานไฟฟ้าไปเลี้ยงมอเตอร์ทั้งสองตัวสูงมาก โดยเฉพาะการขับเร็วบนไฮเวย์โล่งๆ แบตเตอรี่ของ EV5 นั้นจุพลังงานได้ 88.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งมากกว่า Tesla Model Y Long Range ประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ แลกมาด้วยข้อเสียคือชุดแบตเตอรี่ LFP นั้นหนักกว่าและมีความหนาแน่นของพลังงานน้อยกว่า บนทางหลวงข้ามจังหวัดจากกรุงเทพฯไปยังปราจีนบุรี EV5 GT-Line ทำค่าเฉลี่ย 25.0kWh/100km ซึ่งให้ระยะทางการเดินทางจริง 336 กิโลเมตร ในย่านความเร็วสูงต่อเนื่อง แต่ถ้าขับไม่เกิน 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะประหยัดไฟได้ดีกว่าขับเร็วแบบเห็นความต่างชัดเจนโดยเฉพาะรถไฟฟ้ามอเตอร์คู่ ระยะทางจริงของ EV5 GT-Line อยู่ต่ำกว่า 430 กิโลเมตร





รถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นที่รับประทานไฟเพราะใช้มอเตอร์คู่ สามารถชดเชยประสิทธิภาพที่สูญเสียไปด้วยระบบชาร์จเร็ว 800 โวลต์ แต่ EV5 มีระบบไฟ 400 โวลต์ ความสามารถสูงสุดในการรองรับไฟกระแสตรงที่ 140 กิโลวัตต์ ชาร์จจาก 10 ไปจนถึง 80 เปอร์เซ็นต์ใช้เวลา 37 นาที เฉลี่ยแล้วได้พลังงาน 94 กิโลวัตต์ ระยะทาง 235 กิโลเมตร เมื่อขับในเมืองที่ย่านความเร็วต่ำแบบประคับประคองคันเร่ง การบริโภคไฟนั้นดีขึ้นเห็นๆ เฉลี่ย 21.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. สำหรับระยะความเร็วต่ำน่าจะไปได้ไกลประมาณ 400 กิโลเมตรอย่างสบายๆ









สื่อมวลชนส่วนใหญ่ที่ทดสอบ EV5 GT Line มักจะใช้ความเร็วสูงต่อเนื่องและอาจไม่ชอบช่วงล่างของรถ KIA ที่ประกอบในจีน แต่ความเห็นส่วนตัวของผม เมื่อใช้ความเร็วปกติ EV5 รุ่นมอเตอร์คู่ก็วิ่งเนียนใช้ได้ ขับเร็วบนทางตรงก็ไม่ได้แสดงอาการน่าหวาดเสียวแต่อย่างใด อาการโคลงในโค้งมีบ้างเพราะเป็นรถเอสยูวียกสูง สัดส่วนความสูงมากกว่ารถซีดานทำให้ไดนามิกในย่านความเร็วสูงเมื่อขับเข้าโค้งก็ต้องใช้ความระมัดระวังลดความเร็วลงมาก่อนถึงหัวโค้ง ความเร็วที่ใช้ทดสอบของสื่อมวลชนสายยานยนต์ ส่วนใหญ่ใช้ความเร็วต่อเนื่อง มีคลานก็เฉพาะตอนอยู่ในเมืองเท่านั้น คนที่ซื้อไปก็ไม่ได้ขับเร็วขนาดนั้น ความเป็นเอสยูวียกสูงที่ถูกคาดหวังเอาไว้ว่าจะต้องเกาะถนนพอๆกับรถเยอรมันหรือด้อยกว่าไม่มาก ทำให้ความสมดุลของช่วงล่างเป็นเรื่องที่ทำให้ออกมาถูกใจนักขับทุกคนได้ยาก สรุป ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงของ EV5 โดยเฉพาะ GT-Line แม้จะมีหลาอย่างที่ดีแต่ก็ยากที่จะเอาชนะรถจีนซึ่งใช้ราคาที่ถูกกว่าหลายแสนเป็นไม้ตาย KIA ต้องพยายามต่อสู้ด้วยสิ่งที่เหนือกว่ารถไฟฟ้าจีน นั่นก็คือความเชี่ยวชาญในด้านความสะดวกสบายของแบรนด์เกาหลี รวมถึงการทำราคาที่สามารถต่อสู้ได้ในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ของประเทศไทย.