Omoda & JAECOO ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและสร้าง SUV เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ในเครือใน Chery Group นั่นเอง และ Chery ก็เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสี่ของจีนที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่คนที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการยานยนต์ก็จะรู้จักเป็นอย่างดีว่าแบรนด์จีนยี่ห้อนี้ทำรถออกมาขายนานแล้ว Chery Group เติบโตและมีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องพอๆกับ BMW เคยทำเอาไว้ โดยมีการตั้งเป้าหมายขายรถยนต์ทั้งในเอเซีย โอเชียเนีย ยุโรปและ แอฟริกา หากไม่โดนสงครามกีดกันทางการค้าจากฝั่งตะวันตกก็น่าจะวางขายทั่วโลกไปแล้ว 

...

1 กันยายน 2566 OMODA และ JAECOO สองแบรนด์รถยนต์น้องใหม่จากจีน จัดการประชุมแนะนำแบรนด์กับสื่อมวลชนสายยานยนต์ เพื่อการเข้าสู่ตลาดประเทศไทย มีผมและคุณเต้ย นิธิ ท้วมประถม ต่อสายตรงวีดีโอออนไลน์คุยกับผู้บริหาร โดย ชี่เจี๋ย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ OMODA Thailand และ JAECOO Thailand เข้าร่วมการประชุมกับสื่อยานยนต์ การพูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งแรกนั้น เน้นไปที่แนวคิดของแบรนด์ OMODA และ JAECOO ซึ่งใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เป็นนวัตกรรมระบบขับเคลื่อนพลังงานสะอาด เป็นการอภิปรายเชิงลึกด้านแนวคิดและความเป็นมาของแบรนด์ มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสื่อในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายยานยนต์ทั้งไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริด

ทุกวันนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์จีนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดโลกและมีช่องทางการค้าที่เปิดกว้างต่อแบรนด์ใหม่ที่กำลังวางขายรถรุ่นใหม่ ซึ่งเน้นบุคลิกภาพเป็นอิสระ มีทัศนคติของแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่กำลังเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน ค่ายรถจีน OMODA และ JAECOO ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์น้องใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมๆกับกระแสความเปลี่ยนแปลงในด้านพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนยานพาหนะในยุคใหม่ และประเทศไทยก็เป็นตลาดเชิงกลยุทธ์ที่มีความสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การวิจัยเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการของลูกค้า การพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคต ผู้บริหารของ  OMODA และ JAECOO เผยถึงแผนการเปิดตัวรถยนต์ในประเทศไทยหลายรุ่น หลังจากการพูดคุยในวันนั้น OMODA และ JAECOO ก็เริ่มทำตลาดด้วยยานยนต์พลังงานสะอาดหลากหลายรุ่น รุ่นที่ขายดีอย่าง JAECOO 6 รถเอสยูวีไฟฟ้าที่มีหน้าตาคล้ายกับ Suzuki Jimny ก็เป็นรถไฟฟ้าที่ใช้งานได้ดี ล่าสุดกับการแนะนำและเชิญสื่อมวลชนขับทดสอบทางไกลกับ JAECOO 7 SHS รถครอสโอเวอร์พลังงานผสม เครื่องยนต์บวกมอเตอร์ไฟฟ้า PHEV ที่แบรนด์เคลมว่า เชื้อเพลิง 60 ลิตรในถังกับแบตเตอรี่ที่ชาร์จมาเต็ม สามารถขับเคลื่อน 7SHS ได้ไกลถึง 1,300 กิโลเมตร และถ้าเป็นความจริง นี่จะเป็นรถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกที่วิ่งได้ไกลสุดในไทยเลยทีเดียว 

...

...

JAECOO หรือ เจคู่ เป็นแบรนด์ที่เกิดจากการร่วมทุน ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ สำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งขับในเมืองหรือขับขี่ทางไกล มีให้เลือกทั้งรถไฟฟ้า 100% และรถยนต์พลังงานผสมปลั๊กอินไฮบริด JAECOO มาจากการผสมผสานระหว่าง "Jaeger" ของเยอรมนี แปลว่า นักล่า และ "Cool" ของอังกฤษ ที่แปลว่าความเท่ เมื่อผสานรวมกันจะหมายถึงความสง่างามและดุดันอยู่ร่วมกัน ทั้งสไตล์และคุณภาพ เห็นได้จากการออกแบบผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่แตกต่างไปจากแบรนด์จีนทั่วไป แม้จะมีภายในที่คล้ายกัน แต่รูปลักษณ์ของ JAECOO 7 แหวกแนวออกไปจากหน้าตาท่าทางที่ค่อนข้างจะซ้ำซากและจำเจของรถจีน 

...

ความต้องการที่จะนำพาโลโก้นี้ไปสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์พรีเมียมที่ได้รับการยอมรับ มักจะเต็มไปด้วยความล้มเหลวมากมายก่ายกองนับไม่ถ้วน Infiniti, Jaguar กำลังย่ำแย่เต็มทน, Alfa Romeo, Maserati, Genesis ต้องดิ้นรนสุดชีวิต  Porsche BMW Mercedes ขายไม่ดี และ Lexus ลดไลน์ผลิตภัณฑ์ในยุโรป เนื่องจากยอดขายหด การท้าทายวิศวกรรมเยอรมันของแบรนด์ใหม่จากจีน ด้วยการผลิตรถอเนกประสงค์ที่มีรูปลักษณ์เฉียบคมและเรียบง่าย เหมือนกับการพยายามตะโกนต่อต้านสโมสร Liverpool FC จากใจกลาง The Kop คุณจะถูกรุมล้อมด้วยจำนวนคนที่มากกว่าทันที แต่ผู้ผลิตรถยนต์จีนโดยเฉพาะ Chery Group นั้นมีสายป่านยาวเหยียด และไม่ได้โผล่มาพร้อมของราคาถูกคุณภาพต่ำ ลองดูตัวเลขยอดขาย และการให้คะแนนด้านความพึงพอใจของลูกค้าต่อแบรนด์จีนอย่าง MG หรืองานบริการหลังการขายของ GWM ซึ่งเป็นฝีไม้ลายมือของผู้บริหารไทยที่ลาออกไปอยู่ Geery ตลาดรถยนต์ในไทยยังเปิดกว้างสำหรับรถจีนราคาไม่แพง ขับพอใช้ได้และมีการตกแต่งภายในมาเป็นอย่างดี (อยู่เสมอ) สงครามราคากำลังกำจัดแบรนด์อ่อนแอให้ล้มหายตายจากอย่างรวดเร็ว แม้แต่จีนด้วยกันเองยังต่อสู้กันราวกับเป็นคู่แข่งที่มีความสำคัญทางธุรกิจ 

ความท้าทายของ JAECOO คือ.....เสริมสร้างการรับรู้แบรนด์ในตลาด นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด Audi, BMW และ Mercedes รู้ดีว่าลูกค้าช่วงนี้ใช้จ่ายน้อยลงและส่วนหนึ่งก็หันไปซื้อรถยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ลดลงและอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีราคาถูกกว่า แต่ การเลือกรถโดยเฉพาะในไทยนั้น ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร รถยนต์ที่ใช้ก็มักจะบ่งบอกถึงสถานะและไลฟ์สไตล์ รวมถึงเงินในกระเป๋าหรือในบัญชีธนาคารของเจ้าของอย่างชัดเจนอยู่แล้ว แม้รถหรูจะขายไม่ดีในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหาแต่ถ้าให้เลือก คนไทยก็ยังชอบของหรูหราอยู่ดี

JAECOO 7 SHS มี 2 รุ่นย่อย

JAECOO 7 SHS Dynamic - ราคา 899,000
JAECOO 7 SHS Max – ราคา 999,000 บาท

Chery Group เล็งตลาดไทยเช่นเดียวกับแบรนด์จีนเจ้าอื่นๆ การส่ง JAECOO 7 ซึ่งเป็นรถ SUV กะทัดรัด เสริมทัพกับ JAECOO 6  ที่ทำตลาดไปก่อนหน้านี้และไปไดัดี เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.6 ลิตร  143 แรงม้า แรงบิด 215 นิวตันเมตร บวกมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ทำให้มีกำลังเหลือเฟือ มากเกินพอสำหรับการใช้งานปกติในชีวิตประจำวัน แรงบิดทั้งเครื่องและมอเตอร์ทำให้ JAECOO 7 SHS เร่งเร็วทันใจ ทรงของรถมีรูปลักษณคล้ายกับ Range Rover Evoque ในบางจุด โดยเฉพาะด้านหลังที่มีเค้าโครงความคลาสสิกของรถอังกฤษ พร้อมเส้นสายเหลี่ยมมุมที่คล้ายกันมาก การออกแบบของ JAECOO 7 เน้นเส้นตรงที่มั่นคงล้อมรอบตัวถังรถ รูปลักษณ์ของ 7 SHS ดูคล้ายกับรถอเนกประสงค์ของอังกฤษอย่าง Range Rover โดยเฉพาะมุมมองด้านข้างที่มีแนวหลังคาค่อยๆลาดเอียงลงไปที่ส่วนท้าย ไฟหน้าอยู่ต่ำกว่าไฟหรี่ LED Daytime Running Light กระจังหน้าทรงตั้งมีซี่กระจังในรูปแบบคลาสสิก ฝากระโปรงหน้ามีเหลี่ยมมุมที่สอดรับกับชุดไฟหน้าซึ่งเป็นสไตล์การออกแบบยานยนต์ยุคใหม่ที่ดีไซน์เนอร์ฝั่งตะวันตกนิยมใช้แนวเส้นสันนูนของฝากระโปรงสอดรับกับชุดไฟ 

มิติตัวถัง มีขนาดความยาว 4,500 มิลลิเมตร กว้าง 1,865 มิลลิเมตร สูง 1,680 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2670 มิลลิเมตร ความจุห้องเก็บสัมภาระ 580 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังจะเพิ่มเป็น 1,265 ลิตร ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ออกแบบมาให้เข้ากับตัวรถ ส่วน กระจกมองข้างมาพร้อมระบบไล่ฝ้า เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในขณะที่อากาศไม่ดี ฝาท้ายไฟฟ้า ไฟท้ายออกแบบได้อย่างลงตัว เชื่อมโยงกันทั้งสองฝั่งด้วยหลอดเรืองแสง LED และตราสัญลักษณ์ตัวอักษร JAECOO 

JAECOO 7 SHS รถ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ขับเคลื่อนได้สองระบบ ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ เป็นรถที่เน้นความประหยัดอย่างมาก แทบจะไม่ให้เครื่องได้กินเชื้อเพลิงตามใจชอบ ทุกอย่างของระบบขับเคลื่อนออกแบบมาเพื่อทำให้กินพลังงานต่ำ เพิ่มระยะทางการขับเคลื่อนให้ไกลกว่า PHEV ทุกรุ่นในสารบบ ซึ่งก็เคลมาไกลถึงพันกว่ากิโลเมตรเลยทีเดียว เครื่องเบนซินเทอร์โบกับมอเตอร์ มีอัตราเร่งฉับไวใช้ได้ แซงรถช้าได้ดี  อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรอยู่ที่ 8.6 วินาที ถือว่าไม่ช้า ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง รวมถึงแบตเตอรี่ และความปลอดภัยในการขับขี่บนถนนเปียก การขับในทางโค้ง ระบบเบรก และระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้า ถือว่าทำออกมาได้ดี แต่การสื่อสารระหว่างพวงมาลัย ล้อ ยาง ช่วงล่างนั้น มากไปนิด จาการปรับเซ็ตค่าาสปริงและโช้คอัพที่แข็งกว่ารถจีนส่วนใหญ่ทำให้บางครั้งมีแรงสั่นสะเทือนเบาๆมาที่พวงมาลัยเมื่อขับบนผิวถนนที่ไม่เรียบ 

อัตราการใช้น้ำมัน ของ JAECOO 7 SHS เมื่อขับทดสอบทางไกลไปเขาใหญ่ เป็นการขับแบบผสมสลับไปมา เดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า มีเร่งแซงและใช้ความเร็วสูงต่อเนื่องในบางจังหวะ อัตราสิ้นเปลืองเมื่อขับเร็ว อยู่ที่ 23.7 กิโลเมตรต่อลิตร และเมื่อลองขับแบบไหลไปเรื่อยๆในเมือง ที่ความเร็ว 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองดีขึ้นมาอยู่ที่ 27.5 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ความเร็ว 70 -80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นไม่เหมาะกับการวิ่งบนไฮเวย์ เนื่องจากจะไปอยู่รวมกับฝูงรถบรรทุกที่ใช้ความเร็วในย่านนั้นพอดี จากการทดสอบการขับขี่ด้วยน้ำมันเต็มถังและพลังงานแบตเตอรี่ที่ 25% โดยเป็นการขับขี่ที่ใช้พลังงานจากเครื่องยนต์เป็นหลักเกือบ 100% ตลอดเส้นทาง 200 กิโลเมตร ในเวลากว่า 2 ชั่วโมง ประสิทธิภาพด้านความประหยัดถือว่าทำออกมาได้ดี แต่ถ้าจะวิ่งให้ถึง 1,300 กิโลเมตร ก็ต้องใช้คันเร่งแบบค่อยเป็นค่อยไป ถ้าขับเร็วแบบสื่อทดสอบ เชื้อเพลิง 60 ลิตรในถังบวกไฟเต็มแบตฯไปไกลถึง 1,000 กิโลเมตรก็ถือว่าชนะเลิศแล้วละครับ 

จากการขับขี่ JAECOO 7 SHS ในสนามแข่ง 8-Speed มีนักแข่งชื่อดังอย่าง ท็อป ธนาตย์ เสถียรถิระกุล และ แจ็ค เลมวาร์ด สองนักแข่งรถที่มีชื่อเสียงระดับท็อปของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยและเอเซีย ขับโชว์สื่อเพื่อแสดงให้เห็นถึงอัตราเร่งที่ตอบสนองฉับไว เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ เกาะถนนดี การควบคุม แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่แบบ Slalom หรือบนพื้นถนนเปียก ความเป็นรถยนต์ Plug-in Hybrid จากระบบผสม (Combine Consumption) ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวไกล 100 กิโลเมตร การทดสอบขับขี่บนเส้นทางลาดชันขึ้นไปที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ด้วยโหมด EV (Electric Vehicle) ตลอดเส้นทาง 80 กิโลเมตร ด้วยโหมดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) เครื่องยนต์ 1.5TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5 ระบบซูเปอร์อิเล็กทริกไฮบริด DHT เชื่อมการทำงานระหว่าง EV และ HEV ให้เป็นไปอย่างราบรื่น ไร้รอยต่อ ปราศจากอาการกระตุกกระชาก การตัดต่อพลังงานขับเคลื่อนของทั้งสองระบบทำออกมาใช้ได้ ทำให้การขับขี่ Plug-in Hybrid มีความคุ้มค่าในด้านประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง ค่าใช้จ่ายและระยะทางการขับ ในระยะยาว ถ้าศูนย์บริการดีไม่มีปัญหาเรื่องรอชิ้นส่วนอะไหล่ให้ลูกค้าต้องเสียอารมณ์ ก็คาดว่าน่าจะไปได้ดีในตลาดรถยนต์ PHEV ของไทย ยอดขายอาจไม่เปรี้ยงตามสภาพเศรษฐกิจขาลง แต่ขายได้เรื่อยๆ ถือว่าดีสำหรับยุคนี้ที่อะไรก็ขายแทบไม่ออก 

หากคุณกำลังคิดจะซื้อ JAECOO 7 ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องการขับใช้งาน เจ้า 7 จากเมืองจีน เป็นรถเอสยูวีครอสโอเวอร์ที่ขับง่าย ไม่มีข้อบกพร่องสำคัญใดๆ สไตล์และฟิลลิ่งการขับออกมาในลักษณะที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่ารถวัยรุ่น 7 SHS ควบคุมตัวถังได้อย่างมั่นคง แต่ช่วงล่างแข็งๆ ไม่สามารถรับมือกับผิวถนนท่ีไม่เรียบ การกระแทกจากหลุมบ่อและเนินชะลอความเร็วที่ความเร็วต่ำนั้นค่อนข้างจะสะเทือนเล็กน้อย เนื่องจากรถคันนี้มีความสปอร์ตพอๆ กับตัวถังที่คล้ายรถหรูอังกฤษ ระบบกันสะเทือนของรถที่ขายในไทยจึงถูกปรับให้เหมาะสมกับการขับเร็วของคนไทยส่วนใหญ่ หากปรับให้นิ่มลงเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าวก็อาจเหมือนกับรถจีนทั่วไป นั่นก็คือ ย้วยๆ โคลงๆ ที่ความเร็วสูง JAECOO 7 มีโช้คและสปริงที่ค่อนข้างแข็ง อาจตึงตังบ้างเมื่อขับผ่านถนนที่ไม่เรียบ แต่ถ้าเจอทางลาดยางดีๆละก็วิ่งเนียนใช้ได้เลยทีเดียว

เกียร์ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ได้ดี เร่งเครื่องก็ลดเกียร์ตามทันทีเมื่อกดคันเร่ง โหมด Eco, Normal และ Sport มีเมนูย่อยบนหน้าจอขนาดใหญ่อย่างน้อยหนึ่งเมนูที่สามารถตัดออกจากเมนูย่อยได้ ไม่มีใครเดาได้ว่าทำไมปุ่มเลือกโหมดจึงมีพื้นที่ว่างบนคอนโซลกลางมากขนาดนี้ ถ้ามีที่วางแก้วเพิ่ม หรือปุ่มควบคุมการทำงานของแอร์น่าจะดีกว่านี้มาก รวมถึงปุ่มปรับกระจกมองข้างที่คิดแบบวิศวกรจีน นั่นก็คือ การควบรวมทุกอย่างเอาไว้บนจอภาพ ซึ่งต้องปรับตั้งให้เสร็จก่อนการเคลื่อนตัว หากขับไป ปรับไป อาจทำให้สมาธิของการควบคุมลดลง พวงมาลัยไฟฟ้าในชุดบังคับเลี้ยวยังคลุมเครือนี่เป็นอีกจุดที่ควรปรับให้ดีกว่านี้เมื่อเทียบกับคู่แข่งซึ่งพวงมาลัยค่อนข้างจะมั่นคงมากกว่า

ห้องโดยสารมาพร้อม Smart Cockpit รองรับคำสั่งเสียง ระบบจดจำผู้ขับขี่ และจออินเตอร์เฟซตอบสนองฉับไว เสริมระบบความปลอดภัย ADAS ครบชุด เช่น กล้อง 540 องศา และ Adaptive Cruise Control ที่ทำให้การขับขี่รถ Plug-in Hybrid มีความคุ้มค่า ทั้งในด้านค่าใช้จ่ายและระยะทางการขับ สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนได้ถึง 106 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) พร้อมเทคโนโลยี Regenerative Braking หรือระบบเบรกสะสมพลังงานไฟฟ้า สามารถดูดกลืนพลังงานจากการเหยียบเบรกผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าและส่งกลับไปยังแบตเตอรี่ของรถยนต์ เป็นอีกจุดเด่นในการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถขับขี่รวมได้ไกลถึง 1,300 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ด้วยน้ำมันเพียงหนึ่งถัง (60 ลิตร) และการชาร์จแบตเตอรี่เพียงครั้งเดียว

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.6 ลิตรไม่โดดเด่นอะไร เฉลี่ยแล้วทำได้ประมาณ  24-27 กิโลเมตรต่อลิตรแต่ระบบไฮบริดแบบปลั๊กอินนั้นน่าประทับใจมาก สามารถขับด้วยไฟฟ้าเพียวๆ ได้ระยะทาง 80-90  กิโลเมตร นสภาพความเป็นจริงที่ไม่ต้องคลานเป็นเต่า โดยที่เครื่องยนต์ยังคงหลับไหล เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ระบบจะดูเหมือนไฮบริดแบบ Toyota ที่สามารถรักษาระดับประจุในแบตเตอรี่ให้เพียงพอเพื่อช่วยเหลือสำหรับเร่งแซงได้อย่างสม่ำเสมอ แทนที่จะกลายเป็นภาระที่ไร้ประโยชน์ในการหอบหิ้วน้ำหนักของแบตฯในขณะที่ไฟหมด! เหมือนรถ PHEV ส่วนใหญ่ ที่เวลาใช้โหมดวิ่งไปชาร์จไปแล้วรับประทานน้ำมันมากจนทำให้ตกใจ! กำลังในรูปของแรงม้าแรงบิด เพียงพอที่จะให้ 7 สามารถขับเร็วบนไฮเวย์ได้ การเปลี่ยนจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นเครื่องยนต์เบนซินก็ราบรื่นไร้รอยต่อ จุดนี้ถือว่าทำได้ดี ...

ภายในมีตัวเลือกการตกแต่งหรือสีเบาะที่แตกต่างกันสำหรับสเปกที่ต่างกัน แต่ประตูที่เปลี่ยนไป คันเกียร์แบบใหม่เหมือน Mercedes-Benz เกียร์แบบนี้ ทำให้ 7 กลายเป็นรถที่แปลกแหวกแนวไปจากรถจีนแบรนด์อื่น! แนวคิดนี้เป็นไปตามนี้ JAECOO 7 เป็น SUV ที่มีความดุดัน สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งภายในรถจึงมีที่จับประตูที่ดูแข็งแกร่ง หัวสกรูที่เปิดออกได้ และปุ่มปรับกระจก ทั้งหมดนี้ดูเป็น Land Rover Defender อย่างแท้จริงเลยทีเดียว (ว่ากันไปนั่น) เหมือนกับนั่งอยู่ในกล่องเครื่องมือของวิศวกรจีนที่กำลังร้อนวิชา ระบบอินโฟเทนเมนท์ของ JAECOO 7 เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่เน้นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ชอบฟังเพลงอิเล็กทรอนิกส์และนั่งเล่นสมาร์ทโฟนได้ทั้งวันโดยไม่คิดจะทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน 

JAECOO 7 มีสวิตช์กระจกไฟฟ้าแบบโยกแต่ไม่มีสัญลักษณ์กำกับ การควบคุมไฟและกระจกมองข้างจะหายไปทั้งหมดและปรากฏขึ้นในเมนูย่อยแบบหน้าจอสัมผัสแทน ปุ่มลัดที่มีประโยชน์ปรากฏบนคอนโซลกลาง ชิ้นส่วนหลัก คันเเกียร์ที่ประดิษฐ์ขึ้นจำลองมาจากคันเกียร์ที่ก้านพวงมาลัยของ Benz  ยุคใหม่ การเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์เดินหน้าเป็นเกียร์ถอยหลัง ต้องระวังไปเขี่ยก้านปัดน้ำฝนที่อยู่อีกฝั่ง อย่างไม่ตั้งใจ แต่ใช้ไปสักพักคุณจะชอบมากกว่าคันเกียร์แบบสวิทช์ทรงกลมที่ดูไม่เหมือนกับเกียร์ของรถยนต์ 

คุณภาพของวัสดุไม่สมดุลกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่จัดวางได้ดี เบาะนั่งมีความนุ่มนวล ช่องแอร์อันสง่างามและบริเวณที่สัมผัสนุ่มสบาย แดชบอร์ดบางส่วนทำจากโฟมสังเคราะห์ที่แพงกว่าพลาสติกฉีดขึ้นรูป เก็บเสียงได้ดีและเมื่อกดลงไปแล้วก็นิ่มมือมากกว่า บริเวณที่จับประตูและบด้านล่างของห้องโดยสารไม่ได้หรูหราเท่าไรนัก แต่ให้ความรู้สึกถึงความสม่ำเสมอ

หน้าจอกลางขนาดใหญ่ กลายเป็นแรงบันดาลใจที่คล้ายจอ Tesla จอแสดงผลขนาดใหญ่ 14.25 นิ้ว ใช้เวลาในการโหลดรวดเร็ว จอภาพคมชัดใช้ได้ อินเทอร์เฟซคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วสำหรับคนยุคใหม่ที่ใช้แท็บเล็ต แต่แน่นอนว่าหน้าจอขนาดใหญ่เหล่านี้ใช้งานยากขณะขับรถ เมื่อกฎหมายเข้ามาแทนที่การแข่งขันด้านพิกเซล แผงหน้าปัดแบบนี้จะดูเหมือนทางตันที่แปลกประหลาดในประวัติศาสตร์ของรถยนต์ ควรแยกปุ่มปรับที่สำคัญมากกว่ายัดเอาทุกๆอย่างไปรวมไว้ในจอ

การออกแบบทำให้ JAECOO 7 มีพื้นที่ใช้งานค่อนข้างกว้าง พื้นที่วางขาสำหรับผู้ใหญ่ในแถวที่สองและพื้นที่เรียบทำให้ผู้โดยสารตรงกลางไม่ต้องอึดอัด สัดส่วนที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมทำให้มีพื้นที่กระจกที่เหมาะสม แต่แนวหลังคาที่เทลาดลงไปยังส่วนท้ายเหมือน BMW X2 , Audi Q3 Sportback ต้องเสียสละมุมมองเพื่อ 'สไตล์' ที่สวยงามและทันสมัย พื้นที่เก็บสัมภาระ 500 ลิตร เมื่อพับเบาะแยกแบบ 60/40 จะเพิ่มเป็น 1,423 ลิตร ต้องเสียพื้นที่ไปประมาณ 80 ลิตร เนื่องจากแบตเตอรี่ไฮบริดกินพื้นที่ไปบ้าง พื้นที่เก็บสัมภาระถือว่าพอเพียง

JAECOO 7 SHS รุ่นที่ถูกที่สุดคือ Dynamic ราคา 899,000 ส่วนรุ่น Max ราคา 999,000 บาท คุณจะได้หลังคากระจกแบบพาโนรามิค พร้อมส่วนหน้าเปิดได้ ไฟ LED อัตโนมัติ กระจกสองชั้นที่ด้านหน้า เบาะหนังเทียมปรับอุณหภูมิได้พร้อมระบบปรับไฟฟ้า วิทยุดิจิตอล แทนชาร์จโทรศัพท์ไร้สายแบบทำความเย็นเพื่อไม่ให้เครื่องร้อนเกินไปขณะชาร์จ ระบบความปลอดภัยและการช่วยเหลือผู้ขับกว่า 20 รายการ คุณจะเบื่อหน่ายกับการปิดการใช้งานบางระบบที่แทรกแซงเกินความจำเป็น แต่มีไว้ก็ดีกว่าไม่มีนะครับ เซ็นเซอร์ที่จอดด้านหน้าและด้านหลังพร้อมระบบกล้องมองรอบทิศทาง 560 องศา (บอกมาแบบนั้นจริงๆ) รวมอยู่ในรถ นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบเข้าและสตาร์ทรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจ ฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า การได้ของทั้งหมดในราคาต่ำกว่า 1 ล้าน โดยเฉพาะการขับทางไกลระดับ 1 พันกิโลเมตร ถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจในช่วงวิกฤตค่าครองชีพที่อาจไม่มีวันสิ้นสุด JAECOO 7 เป็นรถที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบมากนัก แต่ขับเดินทางไกลได้ดี ขับในเมืองก็คล่องตัวใช้ได้ นอกจากการยึดเกาะถนนแล้ว 'Super Hybrid' มีของเล่นแถมมาด้วย เช่น ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกบังลม กระจกหลังสีชา ระบบเสียง Hi-Fi ของ Sony พร้อมลำโพงอีกสองตัว เบาะหลังปรับอุณหภูมิได้และพวงมาลัยปรับอุณหภูมิได้ ระบบฟอกอากาศ (ซึ่งถือว่าคุณภาพอากาศในกรุงเทพฯบางช่วงเวลานั้นเหมาะสมกับการมีระบบนี้มาก) และเบาะหน้าระบายอากาศ 

ระบบความปลอดภัย JAECOO 7 SHS มาพร้อมโครงสร้างที่ผ่านการทดสอบการชนปะทะ ทำคะแนน 5 ดาวจากการทดสอบของสถาบัน EURO NCAP  ระบบความปลอดภัยก่อนการชน เช่นการขับขี่บนถนนเปียก  การขับแบบสลาลม ระบบเบรคที่สามารถตอบสนองได้เร็ว แม้เหยียบเบรคอย่างรุนแนง รถก็หยุดนิ่งได้อย่างมั่นคง JAECOO 7 SHS ยังมีความปลอดภัยเสริมเมื่อเกิดการชนปะทะ ด้วยระบบตัดพลังงานฉุกเฉินภายใน 2 มิลลิวินาที การปกป้องแบตเตอรี่ไฮบริดในทุกสภาพอากาศ การลุยน้ำลึก 450 มม. ทั้งหมดอยู่ในระบบส่งกำลังซูเปอร์อิเล็กทริกไฮบริด DHT ที่ให้กำลังสูงสุด 347 แรงม้า

ทดลองขับ JAECOO 7 SHS สามารถสอบถามรายละเอียด หรือนัดทดลองขับได้ที่ ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ โทร. 02-020-8888 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.omodajaecoo.co.th