หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากทดสอบครั้งแรกสั้นๆในสนามปทุมธานีสปีดเวย์ Mitsubishi Motor ก็พาสื่อมวลชนสายยานยนต์บินลงใต้ไปยังจังหวัดภูเก็ตเพื่อขับทดสอบ Mitsubishi XForce บนถนนสาธารณะ โดยใช้เส้นทางหลักจากตัวเมืองภูเก็ตมุ่งหน้าไปยังอ่าวนางที่จังหวัดกระบี่ การขับทดสอบรถครอสโอเวอร์ที่กำลังทำตลาดในไทยอย่างเข้มข้นเพราะต้องเจอกับรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่มีต้นทุนถูกกว่า XForce มียอดจองนับตั้งแต่เปิดตัวมาจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 3,000 คัน สำหรับรุ่นที่คนจองเยอะที่สุดก็คือ Xforce HEV ULTIMATE X รุ่นท็อปสุด ราคา 1,089,000 บาท ดูเหมือนจะแพง แต่พอเห็นของที่ใส่มาให้และได้ทดลองขับบนถนนปกติ ราคาล้านเดียวพอได้ขับทางไกลผสมกับเส้นทางวิบาก ก็ถือว่าไม่แพงมากนัก เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้รับหลังจากจ่ายไปล้านนึง โดยเฉพาะโหมดขับเคลื่อนบางโหมดที่สามารถลุยทางวิบากซึ่งเต็มไปด้วยขี้โคลนขี้เลนเละเทะ บนสนามทดสอบที่จำลองสถานการณ์โหดๆหากต้องขับผ่านเส้นทางที่ถูกฝนกระหน่ำจนทำให้เปลี่ยนไปในทางที่เลวร้าย! สภาพเส้นทางแบบนั้นมีอยู่ทั่วไปหมดในช่วงฤดูฝน ไม่เว้นแม้แต่ในเขตชานเมืองที่อาจต้องวิ่งฝ่าน้ำท่วมขังหรือดินโคลนที่ปกคลุมผิวถนน
...
...
มาดูที่ขุมกำลังกันก่อน Mitsubishi XForce HEV ใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกับ Xpander HEV รถมินิเอมพีวีรุ่นขายดีของ Mitsu โดยมีการปรับจูนใหม่เพื่อให้ Xforce มีความอเนกประสงค์ ขับง่าย มีสมรรถนะที่ดีพอตัว เหมาะสมกับรูปแบบรถยนต์ครอบครัวขนาดเล็กที่ใช้ขับทั้งในและนอกเมือง ขุมกำลัง HEV e:Motion 1.6 Hybrid เป็นเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่สูบ รหัส 4A92 ขนาด 1.6 ลิตร ปริมาตรความจุ 1,590 ซีซี. ระบบวาว์ลแปรผัน MIVEC กำลัง 107 แรงม้า แรงบิด 134 นิวตันเมตร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า มีกำลัง 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน ขนาดเล็ก ความจุ 1.1 กิโลวัตต์-ชั่วโมง เกียร์อัตโนมัติ 2-Speed Transaxale ขับเคลื่อนล้อหน้า เคลมอัตราสิ้นเปลือง 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร
...
...
หน้าตาของ Xforce เห็นกันมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่ตอนเปิดตัว Mitsubishi ใช้การออกแบบที่โฉบเฉี่ยวทันสมัย คล้ายรถครอสโอเวอร์ของฝั่งยุโรปมากกว่าจะเป็นรถญี่ปุ่น กระจังมีรูปทรงที่กลมกลืนและเชื่อมโยงกันชนหน้า ไฟหน้า LED ไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Runninglight ชุดกระจังพลาสติกสีดำ ตัดขอบสี่เหลี่ยมด้วยโครเมี่ยมสีเงิน กันชนหน้าเล่นเหลี่ยมมุมกับกระจังเพื่อสร้างมิติของความลึก! ไฟตัดหมอก LED ติดตั้งอยู่ที่ชายล่างบริเวณมุมทั้งสองข้างของกันชน ขอบฝากระโปรงหน้ามีตัวอักษร Xforce
ซุ้มล้อด้วยพลาสติกกันกระแทกสีดำ บังโคลนหน้า-หลังที่ยกขอบให้นูนขึ้นมา เส้นด้านข้างของตัวรถอยู่ชายล่างของบานประตู เชื่อมโยงกับพลาสติกกันกระแทกที่ติดตั้งอยู่บริเวณส่วนล่างของประตูทั้งหน้า-หลัง มือจับที่เปิดประตูสีเดียวกับตัวถัง เสาอากาศครีบปลาฉลาม สัญลักษณ์ Hybrid EV ที่ส่วนบนของบานประตูหน้า ล้ออัลลอยลายกงจักรสีดำสลับเงิน ขนาดขอบ 18 นิ้ว ยาง bridgestone alenza ไซล์ 225/50R18 95V มิติตัวถัง ยาว 4,390 มิลลิเมตร กว้าง 1,810 มิลลิเมตร สูง 1,660 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,650 มิลลิเมตร นำ้หนัก 1,245 กิโลกรัม ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 183 มิลลิเมตร ความจุถังเชื้อเพลิง 42 ลิตร ตัวเลขความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถไม่ได้มากมายอะไรตามสไตล์ครอสโอเวอร์ที่ไม่สูงเท่าเอสยูวี แต่พอลุยทางดินโคลนแล้วไปได้เพราะโหมดขับเคลื่อนคอยจัดการกับการทรงตัวของรถและแรงบิดที่เหมาะสม พอเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ก็ทำให้รู้สึกประหลาดใจอยู่เหมือนกัน
บั้นท้ายคือจุดที่ลงตัว ออกแบบได้อย่างสวยงาม ไฟท้ายสีเทาใส หลอด LED มีดีไซน์ขอบตวัดลงด้านล่างที่แปลกตา ฝาท้ายรุ่นสูงสุด มาพร้อมระบบไฟฟ้า + เซนเซอร์ กันชนหลังออกแบบสอดรับกับทรงของฝาท้าย เพื่อเพิ่มมิติความคมชัดและลึกของทั้งฝาท้ายและกันชนที่เชื่อมต่อกัน ไม่มีส่วนไหนที่ดูขาด หรือเกิน สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของ Mitsubishi Xforce โดยเฉพาะองศาความลาดเอียงของเสาหน้า กับเสาท้ายขนาดใหญ่บนสีตัวถังแบบทูโทนที่ทำให้รถดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น พื้นที่เก็บสัมภาระใต้ฝาท้ายมีพอเพียง ถ้าพับเบาะหลังก็จะเพิ่มขึ้นอีกเพียบ
มาดูที่ราคาค่าตัวกันก่อน
Xforce HEV IGNITE ราคา 899,000 บาท
Xforce HEV ULTIMATE ราคา 1,039,000 บาท
Xforce HEV ULTIMATE X ราคา 1,089,000 บาท
อุปกรณ์Xforce HEV ULTIMATE X
ชุดตกแต่งกันชนหน้า
ชุดตกแต่งกันชนหลัง
ชุดตกแต่งด้านข้างประตู
ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว สีทูโทน
ยาง Bridgestone ALENZA ขนาด 225/50 R18
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อม Auto Brake Hold
ไฟหน้า LED
ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
ไฟท้าย LED โคมสีรมดำ Smoke Chrome
ฝาท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบเปิด-ปิด ฝาท้าย โดยไม่ต้องใช้มือ Kicks Sensor
ภายในห้องโดยสาร สีดำ Black / สีน้ำตาล Mocha
วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร White Melange Fabric
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง แบบลดความร้อน Anti-Temperature Rise
เบาะนั่งด้านหลัง แยกอิสระ 60 : 40
เบาะนั่งด้านหลัง ปรับเอนได้ 8 ระดับ
มาตรวัด Full Digital ขนาด 8 นิ้ว
หน้าจอกลาง Touchscreen ขนาด 12.3 นิ้ว
รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย Wireless
ระบบเสียงรอบทิศทาง YAMAHA Premium Sound
ลำโพง 8 ตำแหน่ง
ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย Wireless Charger
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone
ระบบปรับสมดุลอากาศ Nanoe X
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
กล่องเก็บของสามารถแช่เครื่องดื่มเย็น Cool Box
ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light
ระบบเบรก ABS / EBD / BA
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC
ระบบ Active Yaw Control
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ DIAMOND SENSE
ระบบเตือนมุมอับสายตา BSW
ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA
ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCM
ระบบไฟสูงอัตโนมัติ AHB
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
ระบบเตือนเมื่อรถด้านหน้าเคลื่อนที่ LCDN
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
ระบบเตือนแรงดันลมยาง TPMS
สีตัวถังภายนอก
สีขาวมุก White Diamond
สีเงิน Blade Silver Metallic
สีเทา Graphite Grey Metallic
สีดำ Jet Black Mica
สีเหลือง Energetic Yellow
สีแดง Red Metallic
MITSUBISHI e:MOTION ระบบขับเคลื่อนไฮบริด Generationล่าสุด มีการปรับให้เครื่องยนต์ไฮบริดตอบสนองได้ดี โดยเฉพาะอัตราเร่งถือว่าใช้ได้ รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวแม้บางช่วงจะลองทดสอบการทรงตัวที่ความเร็วสูงแต่อัตราสิ้นเปลืองยังทำได้ระดับ 20 กิโลเมตรต่อลิตร Mitsubishi เคลมตัวเลขประหยัดน้ำมันของ Xforce เฉลี่ยอยู่ที่ 24.4 กิโลเมตร/ลิตร เมื่อลองขับบนถนนจริง แบบใช้ความเร็วตามกฏหมายกำหนด ทำได้ 23.2 กิโลเมตรต่อลิตร บนเส้นทางที่อุดมไปด้วยโค้งหลังจากข้ามสะพานเชื่อมเกาะภูเก็ตกับแผ่นดินใหญ่ ผมลองเปลี่ยนโหมดการขับขี่ที่มีมาให้ถึง 7 รูปแบบ หรือ 7 Drive Mode พร้อมระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ค่อยๆ ไล่มาทีละโหมดที่เหมาะกับทางเรียบ ซึ่งมีทั้งโหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดอีวี และโหมดถนนลื่น ก็เลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะขับเคลื่อน ช่วงล่างและระบบกันสะเทือนให้สัมผัสที่ใช้ได้ ขับทางไกลแล้วไม่กระแทกสะเทือนหรือโคลง สมดุลของรถ โดยเฉพาะช่วงล่าง มีติดกลิ่น RallyART ระบบบังคับเลี้ยวพวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดน้ำหนักแปรผัน แม้จะไม่คมมากในโค้งเท่ากับคู่ต่อสู่ แต่ถือว่าทำออกมาได้ดี ช่วงล่างและการเลือกยางติดรถปรับให้เหมาะสมกับสภาพถนนในประเทศไทย ในจุดนี้ถือว่าโอเคเลย
Mitsubishi Xforce HEV เทคโนโลยีความปลอดภัย ไดมอนด์ เซนส์ (Diamond Sense)
กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM)
ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว (Moving Object Detection: MOD)
ถุงลม 6 ตำแหน่ง
มาดูห้องโดยสารของ Xforce พื้นที่เก็บของมีอยู่ทั่วไปหมด เบาะปรับไฟฟ้าของคนขับนั่งสบายจากหนังและวัสดุซับที่ทำให้รู้สึกนุ่มก้น รุ่นท็อป อัลทิเมท เอ็กซ์ (Ultimate X) ยังมาพร้อมระบบเสียง Dynamic Sound Yamaha Premium ลำโพง 8 คงต้องเลือกเพลงเล่น เพราะเพลงยุคใหม่ร้องใน System นี้แล้วยังฟังไม่ได้เรื่องได้ราว ต้องเลือกเพลงที่บันทึกมาดี เนื่องจากลำโพง Yamaha มีเสียงเฉพาะตัวในแบบท่ีเป็นธรรมชาติ เครื่องเป่าและเครื่องดีดที่ไม่เสียบปลั๊ก จะมีความคมชัดมากกว่าลำโพงติดรถราคา 1 ล้านบาท ทั่วไป ระบบเสียงรอบทิศทาง YAMAHA Premium Sound มีการยึดแผงประตูและคอนโซลเพื่อลดแรงสั่นสะเทือนจากลำโพงซึ่งทำออกมาได้ค่อนข้างดี การติดตั้งชุดลำโพงที่มีกำลังขับสูง ทำให้แผงประตู คอนโซล และชิ้นส่วนอื่นๆ ถูกปรับให้ต้องรองรับพลังเบสที่ออกมาจากลำโพงและอาจสร้าง resonance หรือเสียงรบกวนซึ่งกลายเป็นแรงสั่นสะเทือนที่ไม่พึงประสงค์เมื่อเล่นเพลงดังๆ ทวิตเตอร์คู่หน้า อยู่ในเสา A ส่วนชายล่างของบานประตูทั้งสี่ก็มีลำโพง Yamaha ฝังอยู่เพื่อสร้างมิติ ความชัดและลึกของดนตรี dynamic sound yamaha premium มาพร้อมโปรแกรมการปรับแต่งเสียง 4 แบบ เพื่อให้มีความสมดุลกับประเภทของเพลงที่เล่น เมื่อลองฟังดู ก็ต้องบอกว่า ลำโพงที่ให้เสียงเป็นธรรมชาติของ Yamaha ใน Xforce เหมาะกับเพลงคลาสสิก เพลง Jazz หรือดนตรีบรรเลงที่ใช้เครื่องดนตรีธรรมชาติมากที่สุด ส่วนเพลงวัยวุ่นสมัยใหม่ dynamic sound yamaha premium ไม่สามารถบ่งบอกตัวตนที่แท้จริงออกมาได้ว่าเป็นชุดลำโพงที่มีคุณภาพขนาดไหน
ตำแหน่งภายในห้องโดยสาร สีดำ Black / สีน้ำตาล Mocha วัสดุตกแต่งภายใน White Melange Fabric เบาะหุ้มหนังลดความร้อน Anti-Temperature Rise เบาะนั่งด้านหลัง แยกอิสระ 60 : 40 เบาะนั่งด้านหลัง ปรับเอนได้ 8 ระดับ มาตรวัด Full Digital ขนาด 8 นิ้ว หน้าจอกลาง Touchscreen ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย
ลำโพง 8 ตำแหน่ง ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย Wireless Charger ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone ระบบปรับสมดุลอากาศ Nanoe X ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
กล่องเก็บของสามารถแช่เครื่องดื่มเย็น Cool Box ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ห้องโดยสารสีทูโทน แดชบอร์ดคอนโซลใช้ผ้าสีเทามาหุ้มกับพลาสติกที่มีโทนสีตัดกัน เบาะปรับไฟฟ้าหุ้มหนัง ตัวเบาะนั่งสบาย การปรับเบาะค่อนข้างครอบคลุมต่อสรีระของคนขับ ตำแหน่งการใช้อุปกรณ์ โดยเฉพาะจอภาพมอนิเตอร์กลางกับคันเกียร์ที่จับหรือแตะได้อย่างถนัดมือ พื้นที่ของเบาะคู่หน้ามีพอเพียง เบาะหลังปรับได้แบบ 40:20:40 หรือปรับเอนได้ 8 ระดับเพื่อเอนหลังสบายๆเวลาเดินทางไกล เบาะหลังมีพื้นที่วางเท้ามากพอ การออกแบบแนวของหลังคาและความสูงทำให้นั่งเบาะหลังแล้วไม่อึดอัด แต่นั่งสองคนสบายตัวกว่านั่งเบียดกันไปถึงสามคน Mitsubishi แจ้งว่า หนังสังเคราะห์ที่ใช้หุ้มเบาะเป็นแบบ Heat Guard ช่วยป้องกันและสะท้อนความร้อนจากแสงแดด ไม่มีหลังคาพาโนรามิกไฟฟ้า
พวงมาลัยทรงสามก้านแบบใหม่ของ Mitsubishi Motor หุ้มหนังรอบวงเพิ่มความกระชับ พวงมาลัยมีขนาดกำลังพอดี มีหน้าตาคล้ายๆกับพวงมาลัยของ Xpender ก้านวง มีสวิชท์สั่งงานต่างๆ ติดตั้งอยู่เต็มไปหมด ก้านวงด้านขวา เป็นสวิชท์สั่งงานของระบบ Adaptive Cruise Control ส่วนด้านซ้ายใช้ควบคุมและปรับตั้งจอภาพมาตรวัด ปุ่มควบคุมระดับเสียงของลำโพง ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์ ปุ่มเลือกฟังก์ชันของระบบอินโฟเทนเมนท์
หน้าจอมอนิเตอร์กลาง ขนาด 12.3 นิ้ว สั่งงานด้วยระบบสัมผัส มีความคมชัดและมีลูกเล่นแพรวพราว ใช้แสดงผลได้อย่างหลากหลาย ควบรวมกับระบบอินโฟเทนเมนท์ การเชื่อมต่อ การปรับตั้งค่าต่างๆของตัวรถและการเลือกดูข้อมูลสำคัญของระบบขับเคลื่อน รวมถึงการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับอุปกรณ์ไฟฟ้าพกพาต่างๆ จอแสดงผลกลาง ออกแบบให้เป็นแบบมัลติวิกเจ็ต จอภาพแบ่งออกเป็นสามส่วนเพื่อแสดงข้อมูลต่างๆ พร้อมกันบนหน้าจอเดียว จุดที่ชอบคือการแสดงมาตรวัดที่คล้ายกับมาตรวัดอากาศยาน เช่น ระดับความสูง มุมเอียง และทิศทาง ระบบอินโฟเทนเมนท์ รองรับ apple carplay + android auto รวมถึง Weblink ระบบฟอกอากาศ Nanoe - X ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light ที่คอนโซล แผงประตูด้านหน้า
Mitsubishi จูนเครื่องยนต์ใหม่หมด ให้ตอบสนองได้สอดคล้องกับ 7 โหมดขับเคลื่อนหลัก เพื่อส่งถ่ายความเป็นไฮบริดอีโมชัน HEV e:Motion 1.6 Hybrid เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่กระบอกสูบ รหัส 4A92 ความจุ 1.6 ลิตร 1,590 ซีซี. ระบบวาว์ลแปรผัน MIVEC กำลังสูงสุด 107 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 134 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดเล็กความจุแค่ 1.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง เกียร์อัตโนมัติ 2-Speed Transaxale ขับเคลื่อนล้อหน้า โหมดการขับขี่หรือ Drive Mode มีให้เลือกเช่น Normal / Wet / Gravel / Mud / Tarmac ช่วงล่างด้านหน้า แมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพ เหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชันบีมคานแข็ง ระบบเบรก ด้านหน้าและ หลังใช้ดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อ
DRIVE MODE โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ
CHARGE MODE : โหมดการชาร์จพลังไฟฟ้าขณะขับขี่ที่จะสามารถชาร์จไฟฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น
EV PRIORITY MODE : โหมดพลังงานไฟฟ้าที่จะเป็นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 100%
NORMAL MODE : โหมดขับขี่ธรรมดา สำหรับการขับขี่ในสภาพถนนทั่วไปในชีวิตประจำวัน
WET MODE : โหมดถนนเปียกลื่น สำหรับการขับขี่บนสภาพถนนที่มีความลื่นสูง เช่น ขณะฝนตก
GRAVEL MODE : โหมดถนนลูกรัง สำหรับการขับขี่บนสภาพถนนขรุขระหรือถนนลูกรัง
AYC ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง อีกโหมดที่ช่วยทำให้รถมีความเสถียร ก็คือ AYC ระบบควบคุมการทำงานของล้อด้านในและด้านนอกขณะเข้าโค้ง ให้ทำงานสัมพันธ์กันและรักษาสมดุลของตัวรถทำให้สามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ระบบจะช่วยดึงรถกลับเข้ามาอยู่ในเส้นทางหากเริ่มมีอาการเสียหลัก
โดยภาพรวมหลังจากขับทดสอบ Xforce รุ่นท็อป HEV ULTIMATE X ราคา 1,089,000 บาท มี พื้นที่ภายในเพียงพอต่อการใช้งาน เบาะหลังปรับได้เหมาะกับการเดินทางไกล เบาะหลังที่ปรับได้ และไม่ตั้งชันจนเกินไป ทำให้ผู้โดยสารที่เบาะหลังสามารถเอนหลังพักผ่อนได้เมื่อขับออกทางไกล จอภาพมาตรวัดและจอมอนิเตอร์กลาง ดูทันสมัยจากการออกแบบ มีกราฟิคที่คมชัด อ่านค่าง่ายและสั่งงานได้เร็วด้วยการสัมผัส เบาะไฟฟ้าคนขับ ฝาท้ายไฟฟ้า และเครื่องเสียง dynamic sound yamaha premium sound system กับระบบความปลอดภัยและระบบช่วยขับอีกนับสิบรายการ ระบบขับเคลื่อนไฮบริดทำงานไหลลื่น เกียร์ CVT มีอาการย้วยไม่มาก ดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ครอสโอเวอร์รุ่นนี้ยังเกาะถนนใช้ได้ และมีโหมดสำหรับขับท่ามกลางสายฝนที่ทำงานได้ดี หรือขับบนทางฝุ่น ทางลูกรัง หรือทางที่มีโคลนเลน พร้อมโหมดรองรับให้ฟันฝ่าทางที่ยากลำบากได้ ในจุดนี้ ต้องยอมรับว่าเหนือกว่าคู่แข่งทุกแบรนด์ การเคลมอัตราสิ้นเปลือง 24 กิโลเมตรต่อลิตรนั้น เมื่อลองขับจริงก็ทำได้ใกล้เคียงกับตัวเลขโรงงาน
สรุป ..... ถ้าไม่สะดวกชาร์จไฟ ชอบรถไฮบริดยุคใหม่ที่เน้นความประหยัด มีสมาชิกในบ้าน 4 คน Xforce ทั้งสามรุ่นสามระดับราคาถือว่ามีความน่าใช้จากสมรรถนะ อุปกรณ์และความเชื่อมั่นในแบรนด์ญี่ปุ่นที่อยู่กับคนไทยมานาน....
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358