รถยนต์ไฟฟ้าแฮทช์แบ็กสุดแรง เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องตลกสำหรับแฟนพันธุ์แท้รถยนต์สันดาป เมื่อเวลาผ่านไป Hyundai Ioniq 5N ได้พิสูจน์ว่า แม้ว่ารถยนต์จะเปลี่ยนจากเครื่องยนต์เบนซินมาเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ถ้าอยู่ในมือของวิศวกรที่มีความรู้ความเข้าใจด้านไดนามิก ก็ไม่ได้หมายความว่ารถคันนั้นจะสูญเสียความสนุกสนานไปแต่อย่างใด MINI John Cooper Works Electric รุ่นใหม่ สามารถทำซ้ำ ด้วยการพิสูจน์ทฤษฎีแห่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี ด้วยการมีกำลังมากกว่า MINI ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ แถมยังให้อารมณ์รถสันดาปชัดเจนการการเซ็ตสารพัดองคาพยบใหม่หมด
...
MINI JCW Electric ประกอบที่โรงงานในประเทศจีน (นำเข้า) ราคา 2,199,000 บาท
Mini John Cooper Works Electric มอเตอร์เดี่ยวขับหน้า กำลัง 227 แรงม้า เมื่อเปิดใช้งานฟังก์ชัน Boost เพิ่มกำลังขับเคลื่อนอีก 27 แรงม้า รวมทั้งหมดเป็น 258 แรงม้า สำหรับการแซงบนถนนที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด John Cooper Works Electric เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโม ใน 5.9 วินาที เร็วกว่าคู่แข่งอย่าง Abarth 500e มากกว่าหนึ่งวินาที เร็วกว่า GR86 และ BRZ เกือบ 2 วินาที Cooper Electric ซึ่งมีตราสัญลักษณ์ JCW ปรับแต่งให้มีความดุดันอย่างเหมาะสม สำหรับรุ่นสมรรถนะสูง MINI เพิ่มระดับเสียงแปลกๆเมื่อกดคันเร่ง (แทนที่จะเป็นเสียงเครื่องยนต์จำลองแบบ 5N)
...
...
...
มีการเพิ่มรายละเอียดใหม่เพื่อให้แตกต่างจาก Cooper SE ทั่วไป ชุดแต่ง JCW พร้อมสเกิร์ตข้างสีดำ แอโรเบลดบนเสา C สปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ ขอบสีดำเงาและแผ่นสะท้อนแสงแนวตั้งสีแดงที่มุมทั้งสี่ ลวดลายธงตาหมากรุกบริเวณรอบป้ายทะเบียนด้านหลัง ทั้งหมด เป็นรายละเอียดที่สวยงาม ล้ออัลลอยด์ John Cooper Works ขนาด 18 นิ้ว ลายใหม่เน้นลู่ลม ซ่อนคาลิปเปอร์เบรกสีแดง พร้อมโลโก้ JCW เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ยางสปอร์ตประสิทธิภาพสูง Michelin Pilot Sport 5 225/40ZR1892Y มันยังมาพร้อมหลังคาและฝาครอบกระจกมองข้างสีแดง การเลือกไล่เฉดสีแดงกับดำเก๋ไก๋ตามสไตล์ของ John Cooper Works ที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของ BMW Group
MINI JCW Electric สามประตู มีมิติตัวถังยาว 3,858 มิลลิเมตร กว้าง 1,756 มิลลิเมตร สูง 1,460 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,526 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้อง 124 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,655 กิโลกรัม
JCW Electric ติดตั้งแบตเตอรี่ความจุ 54kWh พร้อมการชาร์จด่วน ด้วยไฟกระแสตรง DC สูงสุด 95kW นั่นดูเหมือนจะน้อยเกินไปและไม่ใช่ความเร็วของการชาร์จไฟในรถไฟฟ้าที่ล้ำสมัย แต่ความจุที่ค่อนข้างกะทัดรัด ทำให้สามารถชาร์จจาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ได้ ในเวลาประมาณ 30 นาที สิ่งสำคัญคือแบตเตอรี่ติดตั้งไว้ต่ำในแชสซี ช่วยให้ JCW ไฟฟ้า รับมือกับความสมดุลและความคล่องตัว เป็นไดนามิกสไตล์รถสันดาปที่สร้างแบรนด์ MINI ให้เป็นตำนานมานานกว่า 60 ปีแล้ว
เพื่อสร้างความแตกต่าง John Cooper Works Electric จึงมีการตั้งค่าแชสซีที่ไม่เหมือน MINI E มีอัตราสปริงและโช้คอัพที่ปรับแต่งเป็นพิเศษ ล้อใหม่ ขอบขนาด 18 นิ้ว หุ้มด้วยยางสมรรถนะสูง Pilot Sport 5 อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลต่อระยะทางมากนัก ซึ่งอยู่ที่ 320 กิโลเมตร ตัวเลขดังกล่าว แทบจะเท่ากับ Cooper SE เวอร์ชันมาตรฐาน นอกจากล้อแล้ว การออกแบบภายนอกยังสะท้อนถึงความเป็น John Cooper Works ตัวถังสปอร์ต ไฮไลท์สีแดง การตกแต่งสีเข้ม ส่วนหน้าที่อ่อนวัยเหมือนเดิม สปอยเลอร์หลังมีขนาดใหญ่ขึ้น มีแผ่นกันลมทั้งสองด้าน นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกสีหลังคาไล่ระดับที่กลมกลืนกับหลังคาลอยแบบดั้งเดิมได้อย่างลงตัว ล้อขนาด 18 นิ้ว ปรับให้เหมาะกับหลักอากาศพลศาสตร์ในสีดำ พร้อมแถบสีแดง คาลิปเปอร์เบรกสีแดง Chili Red โลโก้ JCW สีขาวและหลังคาสีแดง Chili Red ส่วนหลังคาสีดำถึงแดงหลายโทนเฉพาะของ John Cooper Works มีให้เลือกเป็นอุปกรณ์เสริม ฝาท้ายรถยังตกแต่งด้วยสติกเกอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งถือว่าสำคัญมากเมื่อท่อไอเสียสองท่อที่ติดตั้งตรงกลางซึ่งเคยใช้แยกแยะรถ MINI ความเร็วสูงมาโดยตลอดนั้นไม่มีอยู่อีกต่อไป
ภายใน แผงหน้าปัดแบบหุ้มเบาะที่หรูหรามีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีการตกแต่งที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเบาะนั่ง ประตู และแม้แต่สายรัดผ้าบนพวงมาลัย อินเทอร์เฟซหน้าจอสัมผัสแบบลอยตรงกลางนั้นรวมเอาคุณสมบัติทั่วไปของ MINI รุ่นใหม่ทั้งหมดไว้ด้วยกัน แต่มาพร้อมกับองค์ประกอบเฉพาะของ JCW บางส่วน รวมถึงตัวนับกำลังและแรงบิด รวมถึงจอแสดงผลการขับขี่ประสิทธิภาพ เช่น มาตรวัด G และมาตรวัดความเร่ง
ภายในโทนสีดำและแดง โดยมีสีสองสีถักเป็นเส้นบนแผงหน้าปัดและแถบผ้าบนพวงมาลัย เบาะนั่งด้านหน้าแบบสปอร์ต หน้าจอสัมผัส OLED แบบวงกลมที่บรรจุฟังก์ชันการใช้งานนับร้อยรายการ เป็นภายในของ MINI ยุคใหม่ที่ดูทันสมัยแต่ยังคงกลิ่นไอคลาสสิคของ MINI ในยุคแรกเอาไว้ ผ้าที่สั่งทอเป็นพิเศษสำหรับเบาะนั่งแบบสปอร์ต แผงแดชบอร์ดหุ้มด้วยผ้าสีแดงและดำที่มีลวดลายพิเศษ พวงมาลัยสปอร์ตจับกระชับมือ แป้น Boost ที่ด้านซ้ายและแถบผ้าที่แปลกตาตรงกึ่งกลางด้านล่างของพวงมาลัย หน้าจอสัมผัส OLED ขนาด 9.5 นิ้ว รวมถึงจอแสดงผลการขับขี่สมรรถนะสูงที่ประกอบด้วยมาตรวัด G-Force และมาตรวัดความเร่ง MINI John Cooper Works Electric ถือเป็นตัวแรงพลังไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก แบบ 3 ประตู มาพร้อมช่วงล่างที่ผ่านการปรับจูนมาในสไตล์ JCW ให้ความรู้สึก “Go-Kart feeling”
ห้องโดยสารโทนสีแดง-ดำ เอกลักษณ์ของ MINI JCW พวงมาลัยสปอร์ต JCW สีดำที่ประดับด้วยตะเข็บสีแดงและหุ้มผ้าที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาเพื่อให้จับถนัดมือ เบาะสปอร์ต JCW ให้การรองรับที่มั่นคงระหว่างการขับขี่แบบสุดตัว ตกแต่งด้วยตะเข็บสีแดง ตัดกับหนังเทียมสีดำเช่นเดียวกับผิวหน้า ของคอนโซล นอกจากนี้ ระบบ MINI Experience Modes ในรุ่นนี้ ยังมีโหมด Go-Kart ที่เพิ่มเข้ามาสำหรับรถยนต์ ตระกูล JCW โดยเฉพาะเพื่อเติมกลิ่นอายของมอเตอร์สปอร์ตให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยโหมดนี้จะตั้งค่าพวงมาลัย ให้ไวมากขึ้น คันเร่งตอบสนองเร็วขึ้น และแสดงข้อมูลเพิ่มเติมบนหน้าจอ OLED ทรงกลมด้านหน้า ทั้งแรงบิด กำลังเครื่องยนต์ และแรง G แบบเรียลไทม์
ภายในเบาะนั่งตกแต่งด้วยหนังสังเคราะห์ มีผ้าถักด้วยใยสังเคราะห์ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ แบบเดียวกับที่พบใน Cooper E ตกแต่งบนแผงหน้าปัดและบานประตู หน้าจอ OLED แบบวงกลมขนาด 9.4 นิ้วตรงกลางแผงหน้าปัดซึ่งให้การควบคุมอินโฟเทนเมนต์ ซึ่งก็เหมือนกับสิ่งที่คุณจะได้รับใน Cooper E ซึ่งเราชอบหน้าจอสัมผัสที่ตอบสนองได้ดี แต่เค้าโครงอาจจะทำให้สับสนได้ และเราชอบระบบควบคุมแบบกายภาพสำหรับเครื่องปรับอากาศมากกว่าภายใน มีจอแสดงผลข้อมูลความบันเทิง OLED แบบวงกลมสุดเท่บนแดชบอร์ดแบบเรียบง่ายพร้อมสวิตช์ทางกายภาพเพียงไม่กี่ตัว เบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนังเทียมพร้อมผ้าทอที่ไหล่ ลวดลายการถักทอแบบเดียวกันยังทอดยาวไปตามความกว้างของแผงหน้าปัดและแผงประตู เพิ่มความน่ารักจัดจ้านด้วยการใช้สีแดงเพิ่มเติมอีกสองสามจุด โดยเฉพาะที่พวงมาลัย ไฟส่องสว่างรอบห้องโดยสารแบบใหม่ที่แผงหลังคาก็ยังทำให้รถดูทันสมัยขึ้นอีกตะหาก
จอแสดงผลบนกระจกบังลม หลังคากระจกไฟฟ้า Panoramic Roof พร้อมม่านบังแดดที่ทำให้ไม่ต้องไปเสียงเงินติดฟิลม์เพิ่ม ระบบชาร์จไร้สาย ระบบช่วยปรับไฟสูง เบาะนั่งด้านหน้าปรับอุณหภูมิได้ และแพ็คเกจกระจกมองข้าง ระบบเสียง Harmon Kardon เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว กล้องรอบทิศทาง 4 ตัว ทำให้ MINI John Cooper Works Electric ระบุช่องสำหรับการจอดรถในที่ว่างได้แม่นยำยิ่งขึ้น ระบบจะเริ่มการจอดรถโดยอัตโนมัติในพื้นที่ที่มีพื้นที่จำกัด ขณะเดียวกัน ฟังก์ชันจอดรถระยะไกลซึ่งรวมอยู่ในตัวเลือก Parking Assistant Plus จะทำให้สามารถจอดรถได้โดยใช้สมาร์ทโฟน เนื่องจากไม่มีประตูหลัง ทำให้พื้นที่ด้านหลังค่อนข้างคับแคบ ประตูท้ายรถมีพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดเล็ก 210 ลิตร เมื่อพับพนักพิงหลังแบบ 60:40 ลงแล้ว จะมีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มเป็น 725 ลิตร
MINI JCW Hatch พลังไฟฟ้า เร่ง 0-100 ใน 5.9 วินาที มีมอเตอร์ไฟฟ้า 258 แรงม้าที่ทำให้รถพุ่งออกตัวอย่างรวดเร็ว สัมผัสของช่วงล่างส่งถ่ายความกระชับในโค้งมุมแคบและขับสนุกเหมือนเดิม แน่นอนว่ารุ่น EV หนักกว่ารุ่นเครื่องยนต์สันดาปภาย ซึ่งต้องใช้เวลาตะกายจาก 0-100 ใน 6.4 วินาที โดยมีน้ำหนัก 1,425 กิโลกรัม ทำให้ JCW EV รุ่นสามประตูหนักกว่าถึง 230 กิโลกรัม น้ำหนักมาจากชุดแบตเตอรี่ 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ติดตั้งตรงกลาง (ใช้งานได้ 49.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง) ให้ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จไฟมาเต็มไกลประมาณ 370 กิโลเมตร กำลังขับเคลื่อนเต็มที่ 258 แรงม้า (มากกว่า Cooper Electric SE ทั่วไป 43 แรงม้า) พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตร สามารถทำได้เพียงช่วงสั้นๆ ผ่านฟังก์ชัน 'Electric Boost'
MINI John Cooper Works Electric ชาร์จได้โดยใช้ไฟกระแสสลับ 11 กิโลวัตต์และไฟกระแสตรงสูงสุด 95 กิโลวัตต์ ใน สถานีชาร์จด่วน DC แบตเตอรี่ของทั้งสองรุ่นสามารถชาร์จจาก 10 ถึง 80% ได้ในเวลาไม่ถึง 30 นาที แบตเตอรี่แรงดันไฟสูง ถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อการชาร์จล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดเวลาในการชาร์จ สามารถปรับการชาร์จให้เหมาะสมกับตารางเวลาได้ ตั้งเวลาเริ่มชาร์จ กำหนดเวลาชาร์จที่ใช้งานได้ และกำหนดความจุแบตเตอรี่เป้าหมายตามเวลาออกเดินทาง ส่วนแอพ MINI ใช้ดูภาพรวมสถานะของรถยนต์และกระบวนการชาร์จ รวมถึงสถานะแบตเตอรี่ แผนที่เส้นทางที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับการชาร์จ ประวัติการชาร์จ สามารถสั่งให้เครื่องปรับอากาศในห้องโดยสารทำงานตามเวลาออกเดินทางที่กำหนดได้
MINI John Cooper Works Electric มีโหมดขับเคลื่อนให้เลือกถึง 7 โหมด และโหมดต่างๆจะปรับแต่งแสงไฟภายในห้องโดยสารแตกต่างกันไปตามสไตล์ของแต่ละโหมด ผมใช้เส้นทางรังสิต-องค์รักษ์ มุ่งหน้าไปทางจังหวัดนครนายก ไปจนถึงชายขอบของเขาใหญ่ในฝั่งปราจีนบุรี โดยลองขับประคองความเร็วไม่มีการแวะชาร์จทั้งไปและกลับ เมื่อถนนโล่งก็ลองเปิด Adaptive Cruise Control ใช้ความเร็ว 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Cooper JCW EV ที่ความเร็วต่ำกินไฟน้อยลงไปมากจากความเร็ว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งแค่ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงดูจะขัดแย้งกับความเป็น JCW แต่ไม่อยากมีปัญหาขากลับเรื่องไฟไม่พอ เพราะแบตเตอรี่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ลองขับแบบเมามันกระชากพรวดปรากฏว่ากระแสไฟในแบตหล่นวูบจนต้องกลับมาขับแบบหวานเย็นเพราะระยะทางไปกลับเฉียดๆ 250 กิโลเมตร หากซัดแบบไม่ลืมหูลืมตาน่าจะไม่รอดไฟหมดก่อนกลับถึงบ้านแน่ๆ
มอเตอร์หน้า ขับหน้า ทำให้สันดานทอร์คสเตียร์ยังคงอยู่เหมือนเดิมเมื่อกดคันเร่งจนสุดในช่วงออกตัว อาการดึงที่พวงมาลัยน้อยกว่ารุ่นสันดาป แต่พุ่งทะยานเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด จุดที่ชอบก็คือ แม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ MINI ยังไม่ทิ้งอารมณ์ของรถสันดาปในเรื่องของระบบรองรับ ฟิลลิ่งพวงมาลัย การตอบสนองของคันเร่ง เสียอย่างเดียวมันไม่มีเสียงเครื่องยนต์ที่คอยช่วยเสริมสร้างบรรยากาศความเร้าใจเวลาขับเร็ว พวงมาลัยเซ็ตมาดี ไม่สับสนในโค้ง แม่นเป็นจับวาง ขยับนิดเดียวก็เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วทำให้ต้องระวังเวลาจะเปลี่ยนช่องทางที่ความเร็วสูง อย่างที่บอกว่า ถ้ามีแบตฯเต็ม จุดหมายอยู่ไม่ไกลและถนนโล่ง อาจสนุกได้ทุกเมื่อที่กดคันเร่ง แต่ถ้าเอาออกมาขับทางไกลแล้วสถานีชาร์จไฟในที่ที่จะไปนั้นหายาก หรือไม่มีเลย ต้องใช้ระยะทางไปกลับ 250 กิโลเมตร ควรจะประคองคันเร่งขับไปเรื่อยๆ ดีกว่าซัดจัดหนักแล้วแบตฯหมดกลางทาง
ช่วงล่างของ John Cooper Works Electric ที่ต้องรับมือกับกำลัง 258 แรงม้า มีการปรับจูนให้สอดคล้องกับแรงบิดที่ปราศจากอาการรอรอบของมอเตอร์ เพื่อส่งถ่ายความมั่นใจในการทำความเร็ว ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช็กอัพและกันโครง ชิ้นส่วนบางชิ้นของช่วงล่างด้านหน้าหล่อขึ้นรูปด้วยอะลูมิเนียม เพื่อลดน้ำหนักใต้สปริง ส่วนช่วงล่างหลังเป็นแบบมัลติลิงก์พร้อมชิ้นส่วนอัลลอยด์เหมือนช่วงล่างด้านหน้า สปริงมีค่าความแข็งมากกว่า MINI Cooper SE เนื่องจากต้องรับมือกับแรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ปลดปล่อยออกมาจากมอเตอร์ขับเคลื่อนด้านหน้า ชุดบังคับเลี้ยวใช้พวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันน้ำหนักไปตามโหมดของการขับเคลื่อนและความเร็ว พวงมาลัยแรคแอนพีเนียนติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า แปรผันน้ำหนักกับกลไก Servotronic function สำหรับโปรแกรมควบคุมการทรงตัวพร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเบรก เช่น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก Hydraulic 2-circuit brake system with anti-lock brakes (ABS), ระบบกระจายแรงเบรก Electronic brake force distribution (EBD) and Cornering Brake Control (CBC), ระบบควบคุมการทรงตัว Dynamic Stability Control (DSC) with brake assistant
ประวัติศาสตร์ความเป็นมา และตำนานในสนามแข่งที่ JCW สามารถเอาชนะรถคันโตพลังสูงได้อย่างราบคาบก่อนที่จะถูกตัดสิทธ์ลงทำการแข่งขัน เนื่องจากไฟสปอร์ตไลท์ผิดกฎ!!! ปี 2025 กับ MINI John Cooper Works ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ภายใต้ร่มธงของ BMW เจ้า JCW EV คือรถทดสอบที่ผมอยากขับมากที่สุดอีกคันหนึ่ง นับเป็นรถเล็กในดวงใจของใครหลายคน รวมถึงบรรดาแฟนคลับของ MINI ที่เฝ้ารอ John Cooper Works โดยไม่สนใจ MINI รุ่นอื่น ความพิเศษของมันนอกจากสี Rebel Green ซึ่งเป็นเบอร์สีเฉพาะสำหรับ JCW ทรงที่ค่อนข้างอวบอ้วนและสั้นกระชับจากฐานล้อสไตล์โกคาร์ท หากคุณไม่ใช่คนที่บ้ารถ MINI ก็ไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างรถ MINI ทั้งสองเวอร์ชั่น ที่มีทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ประจำการอยู่ใต้ฝากระโปรง
John Cooper Works ไฟฟ้า เป็นรถเล็กบ้าพลังที่ชอบยั่วยุให้ลงคันเร่งอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา คล้ายเด็กเล็กจอมเกเรที่พร้อมอาละวาดไปทั่ว เสียงคล้ายยานเอเลี่ยนจะโผล่มาทุกครั้งเมื่อกดคันเร่ง เป็นเสียงที่วิศวกรคิดว่าดีแล้วและยัดใส่มาให้ แต่มันก็แค่สร้างความครื้นเครงแบบแปลกๆ คล้ายกับเสียงยานอวกาศกำลังจะระเบิดตัวเอง แป้น Boost ทำให้ JCW EV เป็นรถสปอร์ตคันเล็กที่เสฟติดการระเบิดพลังงาน มอบความต่อเนื่องของกำลังในรูปแรงบิด ไม่ว่าคุณจะต้องการหรือไม่ เจ้า JCW จะจัดให้อย่างเต็มที่เมื่อคันเร่งถูกกดจนมิด John Cooper Works รุ่นเก่า เครื่องสันดาป เป็นรถเล็กที่ดีมากทำให้ความคาดหวังทั้งหมดทั้งปวงตกอยู่กับเจ้า JCW คันใหม่ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อขับทางไกลมันก็ทำได้ดี สามารถที่จะสานต่ออารมณ์ดิบของ JCW ในอดีตได้อย่างหมดจด ยกเว้นซาวด์แทรคเท่านั้นที่แปลกหูไปหน่อยและจริงๆแล้วก็ควรจะเป็นเสียงเครื่องยนต์จำลองแบบ Ioniq 5N ไปเลยก็หมดเรื่อง แต่ไดนามิกเมื่อขับเร็ว ในจุดนี้ถือว่าสอบผ่านแบบไร้ข้อกังขา รวมถึงราคาที่ถูกกว่ารุ่นเครื่องสันดาปเป็นล้าน!
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/