X7 และ GLS มีบางอย่างที่เหมือนกัน นั่นก็คือ ขนาด ความสามาถในการใช้งาน อุปกรณ์หรูหราทันสมัย และราคาที่ใกล้เคียงกัน มองไปที่ X7 รุ่น xDRIVE 40d รถอเนกประสงค์ของแบรนด์ตราใบพัด มีราคาของรุ่นประกอบในประเทศอยู่ที่ 6,599,000 บาท ส่วน GLS450d CKD AMG Dynamic รุ่นประกอบไทย มีราคา 6,980,000 บาท แพงกว่า X7 381,000 บาท ทั้งสองคัน เป็นเอสยูวีฟูลไซส์ใหญ่ยักษ์ เครื่องดีเซล 3.0 ลิตร 6 สูบเรียง ขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมความยาวตัวถังกว่า 5.3 เมตร เบาะนั่ง 7 ตำแหน่ง แต่นั่ง 6 คนกำลังดี เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 สูบเทอร์โบ เน้นแรงบิด เกียร์ 9 สปีด กับระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม

...

ไม่ว่าคุณจะส่งทายาทตัวน้อยๆ ไปโรงเรียน หรือขนย้ายลังไวน์จำนวนมากกลับบ้าน รถเอสยูวีคันโตเท่าบ้านอย่าง Mercedes-Benz GLS รุ่นปรับโฉมประจำปี 2024 -2025 ก็มีพื้นที่และความประณีตสำหรับรับหน้าที่ดังกล่าว GLS450d มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียง เทอร์โบชาร์จแบบ Two Stage Turbo 367 แรงม้า กับแชสซีที่จูนมาสำหรับการวิ่งอย่างราบรื่น ความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดเป็นคุณลักษณะที่ดี แต่ลูกค้าในไทยมักจะขับไปไอคอนสยาม หรือเอ็มควอเทียร์ มากกว่าจะเอาไปลุยป่าฝ่าดง แต่ GLS สามารถรับมือกับอุปสรรคได้มากกว่าเจ้าของส่วนใหญ่จะกล้านำลงไปลุย ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ยกสูงขึ้นเพื่อให้มีระยะห่างจากพื้นมากขึ้น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ชาญฉลาดเพื่อช่วยให้การควบคุมรถบนเส้นทางออฟโรดดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง การป้องกันใต้ท้องรถเพื่อปกป้องชิ้นส่วนที่ละเอียดอ่อน เมื่อขับผ่านโขดหินและร่องบนท้องถนน ความคล่องตัวและการขับขี่ที่สะดวกสบายของ GLS คือคุณลักษณะที่น่าพึงพอใจ การควบคุมตัวถังและความคล่องแคล่วใกล้เคียงกับ BMW X7 และถือว่าดีที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งสายหรูค่าตัวแพงอย่าง Range Rover L460

...

สำหรับเศรษฐีที่รักการผจญภัย แทนที่จะขับอยู่แต่ในเมือง กลับมีคำถามว่า คนที่ควักเงินเกือบ 7 ล้านบาท เพื่อแลกกับรถยนต์ 7 ที่นั่งคันใหญ่ยักษ์นั้น ชอบการใช้ชีวิตแบบไหนกันแน่ หรือการเลือกซื้อรถรุ่นนี้ทำให้คุณต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตกันใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เข้ากับการจ่ายเงินจำนวนมาก เพื่อแลกกับเอสยูวีสายพันธุ์แท้จากเยอรมนี ถ้าคุณต้องการขับลุยฝ่าทางวิบากท่ามกลางความหรูและอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่มีความทันสมัย New GLS รุ่นประกอบในประเทศ คือคำตอบที่ดีพอๆ กับการซื้อ BMW X7 ยักษ์ใหญ่ตราใบพัดที่แสนสุภาพ GLS รุ่นปรับโฉมของ Mercedes-Benz มีอะไรที่มากกว่านั้น นอกเหนือจากขนาดและความสวยงาม มันยังเป็นรถคันใหญ่ที่วิ่งได้เร็วอย่างน่าตกใจ อัตราสิ้นเปลืองในเครื่องดีเซล 6 สูบเรียงตัวใหม่ กับชุดทดกำลังซึ่งเป็นเกียร์ 9 สปีด เครื่องยนต์ทำอัตราสิ้นเปลืองแบบประหยัดจนงง เพราะตัวหนัก 2.4 ตัน แต่ไม่กินน้ำมัน เชื้อเพลิง 1 ถัง 85 ลิตร ไปได้ไกลเฉียดๆ 800 กิโลเมตร แรงบิดมาในรอบต่ำมากถึง 750 นิวตันเมตร แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ทำให้รถมีความคล่องแคล่ว ช่วงล่างถุงลมปรับระดับได้ทำให้ Mercedes รุ่นนี้มีความนิ่มนวลนั่งสบาย ระบบรองรับที่ปรับเซตระดับความสูงได้ เพื่อเอาไว้ขับชิลๆ บนไฮเวย์ หรือบุกตะลุยบนทางออฟโรดในแบบที่แม้แต่รถอย่าง X7 ยังกล้าๆ กลัวๆ เป็นการผสมผสานกันระหว่างยานยนต์ระดับสูงกับตัวลุยสุดขั้ว โดยอาศัยความจัดเจนด้านวิศวกรรมยานยนต์ GLS450d AMG รุ่นประกอบในประเทศ คือคำตอบว่าทุกวันนี้เศรษฐีเค้าเดินทางกันยังไง!

...

...

การเลือก GLS นอกจากพื้นที่โดยสาร 7 ที่นั่ง ความปลอดภัยและสบาย ถือเป็นรถที่มีความหรูหรา พร้อมประสิทธิภาพที่สูสีกับรถคู่แข่ง ซึ่งก็มีแค่ X7 เท่านั้นที่ราคาเกือบจะเท่ากัน (BMW X7 ถูกกว่าเล็กน้อย) ซึ่ง Mercedes-Benz บรรยายสรรพคุณว่านี่คือเอสยูวีรุ่นเรือธง ที่มีความสมบูรณ์แบบ จากระบบขับเคลื่อนและของเล่นไฮเทค พร้อมความสบายหลังพวงมาลัยจนแทบจะหลับ ไม่ว่าจะขับหรือนั่ง คุณจะรับรู้ได้ถึงความสบายใน GLS ปัญหาเรื่องของน้ำหนักตัวในเอสยูวีฟูลไซส์ยุคใหม่ที่มีน้ำหนักมากขึ้นเพราะความซับซ้อนของระบบขับเคลื่อนและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกกับระบบความปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกติดตั้งเข้าไปมากจนทำให้น้ำหนักตัวของมันพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากกฎเกณฑ์ใหม่ในด้านความปลอดภัยและการปล่อยมลพิษ อีกส่วนหนึ่งเกิดจากความต้องการในด้านของพื้นที่กับความสบายของคนขับและผู้โดยสาร ปัญหาดังกล่าว แม้จะไม่สามารถลดน้ำหนักส่วนเกินได้ตามใจชอบ แต่ประสิทธิภาพด้านการถ่ายเทพลังงานของเครื่องดีเซล 6 สูบเรียงรุ่นใหม่ พร้อม Mild Hybrid 48V กลับทำให้ GLS รุ่นปรับโฉม เป็นรถที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมไม่เป็นสองรองใครเมื่อเทียบกับรถคู่แข่ง

Mercedes-Benz ปรับปรุงสไตล์ของ GLS เวอร์ชันปรับโฉมประจำปี 2024 ออกแบบกระจังหน้าใหม่ กันชนหน้าใหม่ ไฟท้าย LED ใหม่ พวงมาลัยใหม่ และโทนสีภายในที่สดใหม่ ระบบส่งกำลังดีเซลแถวเรียงหกสูบของ GLS450d มี Mild Hybrid 48V เพิ่มกำลังเป็น 367 แรงม้า แพ็กเกจ Off-Road Engineering ซึ่งเพิ่มการป้องกันใต้ท้องรถ และระบบกันสะเทือนแบบถุงลมที่ได้รับการปรับปรุง สามารถยกรถขึ้นอีก 1.2 นิ้ว เพื่อให้มีระยะห่างจากพื้นที่เหมาะสมสำหรับการลุยทางวิบาก งานออกแบบตามปรัชญา Sensual Purity ความหรูหราและแข็งแกร่ง ตัวถังภายนอกตกแต่งแบบ AMG Exterior Bodystyling ไฟหน้า MULTIBEAM LED ส่องพื้นถนนข้างหน้ารถได้โดยอัตโนมัติ มีระดับความเข้มของแสงที่สว่างและเหมาะสมกับทุกสภาพแวดล้อม ผสานการทำงานร่วมกับระบบไฟสูง Multi Beam LED มอบความปลอดภัยขณะขับขี่ได้อย่างมั่นใจในทุกเส้นทาง ล้ออัลลอยสปอร์ตจาก AMG ขนาด 22 นิ้ว ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (AIRMATIC) ระบบควบคุมระดับอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ ระบบช่วยปิดประตูแบบ Power closing door ระบบเปิด-ปิด บานประตูท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ (HANDS-FREE ACCESS) หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า และระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO

ไฟหน้า Multibeam LED เวอร์ชันล่าสุดใน New GLS ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ตอนกลางคืนบนถนนที่ปราศจากแสงไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หลักการทำงานของระบบฯ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของไฟหน้าแบบ Multibeam LED ทำหน้าที่ควบคุมหลอดไฟแบบ LED จำนวน 112 หลอด ทำงานด้วยการปรับระดับความสว่างอย่างเป็นอิสระแยกจากกัน โดยมีระบบเซนเซอร์คอยตรวจจับความเคลื่อนไหวด้านหน้า เพื่อคำนวณระดับความสว่างแบบอัตโนมัติ Multibeam LED ของ Mercedes-Benz เป็นระบบส่องสว่างที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ ตรวจจับทางโค้งมุมอับสายตาในระยะทางที่ไกลมากกว่าเดิม (กำลังส่องสว่างไกลประมาณ 650 เมตร) Multibeam LED ปรับให้แสงมีความสว่างเต็มพื้นที่ ยกหรือลดไฟสูงอัตโนมัติ ส่องไฟไปยังพื้นที่ด้านข้างทั้งสองฝั่ง (ซ้ายและขวา) หรือเบี่ยงเบนลำแสงขณะขับเข้าไปใกล้กับรถคันข้างหน้าเพื่อไม่ทำให้แสงไฟไปแยงตารถคันอื่นๆ ระบบ ULTRA RANGE Highbeam ปรับความยาวของลำแสงไฟหน้าให้ส่องได้ไกลกว่า 150 เมตร โดยอัตโนมัติ หากไม่พบรถยนต์ที่วิ่งสวนทางมา และจะทำงานทันทีที่รถมีความเร็วสูงกว่า 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อมีรถสวนมาหรือวิ่งเข้าไปใกล้ท้ายรถคันข้างหน้า ลำแสงจะถูกเบี่ยงเบนไม่ให้ไปแยงตารถคันอื่นแต่ยังคงเพิ่มระดับของการส่องสว่างด้านข้างเพื่อทำให้คนขับมองเห็นในจุดที่เป็นมุมอับได้ดี

ด้านข้างตัวถังทรงกล่องมีความยาวระดับ 5 เมตรกลางๆ ถ้าเข้าห้างนี่เป็นเรื่อง เพราะหาที่จอดยาก ต้องจอดที่พิเศษจากขนาดความยาวของรถ เสาหน้าถูกรีดจนเรียวเล็กและมีองศาของการลาดเอียงกลมกลืนไปกับแนวผืนหลังคา แรคติดรถใช้วัสดุอัลลอยสีเงิน มีความแข็งแรงใช้ได้ กาบบันไดด้านข้างใช้วัสดุโลหะสีเงินกับปุ่มยางกันลื่นทำออกมาในลักษณะที่ช่วยเพิ่มความหรูหราและใช้งานได้ดีทำให้ไม่ต้องตะกายขึ้นไปในห้องโดยสารจากขนาดความสูงน้องๆ ช้างพลาย กรอบกระจกทุกบานเดินเส้นโลหะสีเงินเพื่อยกระดับความหรูหราของตัวถัง มือจับที่เปิดประตูแบบทูโทนสีเดียวกับตัวถังสลับสีเงิน เสาท้ายมีรูปทรงที่แปลกประหลาดและมีขนาดความหนามากกว่าเสาทุกต้นบนรถ Mercedes-Benz new GLS450d AMG ใส่ล้ออะลูมิเนียมลาย 13 ก้าน สีเงินสลับดำ ของ AMG ขอบ 22 นิ้ว ห่อรัดด้วยยาง Michelin รุ่น Pilot Sport 4 SUV ยางล้อหน้าไซส์ 285/45R22 114Y ยางล้อหลังขนาด 315/40R22 117Y มิติตัวถัง มีขนาดความยาว 5,207 มิลลิเมตร กว้าง 2,006 มิลลิเมตร สูง 1,850 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,135 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,668 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,691 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้อง 200 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2,415 กิโลกรัม ความจุถังเชื้อเพลิง 85 ลิตร

ท้ายใหญ่และมีความโค้งมนเล็กน้อยบริเวณตัวถังส่วนท้ายที่อยู่ในแนวเสาท้ายและไฟท้าย บั้นท้ายของ GLS ใหม่ ออกแบบคล้ายๆ กับส่วนท้ายของ Mercedes-Benz GLC รุ่นตัวถังมาตรฐาน แต่ส่วนท้ายของ GLS นั้นมีขนาดที่ใหญ่โตกว่ามาก ไฟท้าย LED แบบใหม่ เดินเส้นเชื่อมต่อกันด้วยเส้นโครเมียมสีเงิน กันชนหลังโค้งเล็กน้อยเพื่อสอดรับกับฝาท้ายขนาดใหญ่ที่ใช้ระบบไฟฟ้าในการเปิด-ปิด ท่อระบายไอเสียทรงเหลี่ยมออกแบบได้อย่างสวยงามพร้อมชิ้นงานโลหะปิดคลุมอยู่ตรงส่วนล่างของกันชนหลัง ใต้กันชนยังติดตั้งเซนเซอร์เพื่อใช้เท้ากวาดให้ฝาท้ายเปิดออกขณะขนสัมภาระแล้วไม่มีมือข้างไหนที่ว่างพอจะเอื้อมไปกดเปิดฝาท้ายได้ ไฟเบรกดวงที่ 3 หลอด LED ติดตั้งอยู่ด้านบนสุดบริเวณกึ่งกลางของสปอยเลอร์หลังคา น่าแปลกใจที่ GLS นั้นไม่มีเสาอากาศทรงครีบปลาฉลามซึ่งก็ทำให้หลังคาด้านหลังดูโล่งตาดีเหมือนกัน

Mercedes-Benz GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic รุ่นปรับโฉม 2024 ประกอบในประเทศ ราคา 6,980,000 บาท เอสยูวีขนาด Full-size จาก Mercedes-Benz เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนภายใต้คอนเซปต์ “COMMITTED TO GREATNESS” ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 6 สูบเรียง 2,989 ซีซี 2-stage turbocharger รหัส OM656 มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated starter generator) แบตเตอรี่ 48V electrical system มอเตอร์กำลังสูงถึง 15 กิโลวัตต์ กำลังแรงม้าสูงสุดรวม 367 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ที่ 1,350-2,800 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC) อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.1 วินาที

เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ OM656 ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายควบคุมการปล่อยมลพิษในอนาคต (RDE – Real Driving Emissions) ส่วนประกอบทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยมลพิษอย่างมีประสิทธิภาพ ติดตั้งโดยตรงบนเครื่องยนต์ ด้วยเทคโนโลยีแบบบูรณาการ ผสมผสานกระบวนการเผาไหม้แบบใหม่ การหมุนเวียนไอเสียแบบไดนามิกหลายทิศทาง และการบำบัดไอเสียหลังเครื่องยนต์ นับเป็นครั้งแรกที่เครื่องยนต์ผสานการทำงานกับระบบควบคุมการยกวาล์วแปรผัน ทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลง ปล่อยมลพิษต่ำ การบำบัดก๊าซไอเสีย มีการสูญเสียความร้อนต่ำและมีสภาวะการทำงานที่เอื้ออำนวย

OM656 เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียงใหม่ ก้าวสุดท้ายในเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงดีเซลของ Mercedes-Benz มีส่วนสนับสนุนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศของโลก นี่คือเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ ที่เปลี่ยนแปลงจากเครื่องยนต์ดีเซล V6 3.0 ลิตร มาเป็นแถวเรียง 6 สูบเทอร์โบ ประจำการอยู่ใน CLS400d GLS450d G-Class G400d และ S-Class S350d AMG Premium V223 รุ่นใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์ OM656 แบ่งออกเป็นสองระดับความแรง สองคลาสเอาต์พุต เช่น Mercedes-Benz S 350 d มีกำลัง 210 กิโลวัตต์ (286 แรงม้า) แรงบิดเหลือเฟือที่ 600 นิวตันเมตร แต่ GLS450d มีกำลังมากถึง 367 แรงม้า แรงบิดพุ่งขึ้นเป็น 750 นิวตันเมตร แม้ตัวจะหนักถึง 2.4 ตัน แต่ GLS450d ก็รับประทานเชื้อเพลิงเท่าที่จำเป็น (อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวม: 5.1 ลิตร/100 กม. ปล่อย CO2 134 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร) OM656 เป็นแนวทางการปรับปรุงเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงดีเซลที่ครบถ้วน ประกอบด้วยกระบวนการเผาไหม้แบบสเตปโบลว์ใหม่ล่าสุด การหมุนเวียนก๊าซไอเสียหลายทางแบบไดนามิกส์ และระบบควบคุมการปล่อยไอเสียที่ติดตั้งอยู่ใกล้เครื่องยนต์เพื่อควบคุมอุณหภูมิ ตัวเลขการบริโภคเชื้อเพลิงที่ลดลง ปล่อยมลพิษต่ำ โครงสร้างของระบบไอเสียหุ้มฉนวนป้องกัน ระบบควบคุมการปล่อยไอเสีย พ่วงด้วยระบบ Mild Hybrid 48V จึงมีการสูญเสียความร้อนเพียงเล็กน้อย และมีสภาวะของการทำงานในอุดมคติ หมายความว่ามันจะทำงานได้ดีในอุณหภูมิที่ถูกปรับตั้งมาจากโรงงานอย่างเหมาะสม OM656 ถูกปรับปรุงให้มีกำลังในรูปของแรงบิดมากขึ้น เพื่อประจำการอยู่ในยานพาหนะขนาดกลางและขนาดใหญ่ของ Mercedes-Benz 

แม้ว่าแรงม้าและแรงบิดจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ V6 รุ่นก่อน แต่เครื่องยนต์ OM656 ใช้เชื้อเพลิงลดลงถึง 6% เป็นคุณลักษณะพิเศษของเครื่องยนต์ระดับแนวหน้าในตระกูลดีเซลตราดาว ได้แก่ กระบวนการเผาไหม้แบบสเตปโบลว์ เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบสองขั้นตอน (2-Stage Turbo) และการใช้ระบบควบคุมการยกวาล์วแบบแปรผัน CAMTRONIC เป็นครั้งแรก การออกแบบภายใน มีการผสมผสานระหว่างบล็อกเครื่องยนต์อะลูมิเนียมและลูกสูบเหล็ก ตลอดจนการเคลือบสารหล่อลื่นพิเศษ NANOSLIDE® บริเวณผนังกระบอกสูบ ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้ดีกว่ากระบอกสูบของเครื่องดีเซลแบบ V6 รุ่นที่ผ่านมา

เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 สูบ 2 Stage Turbo ได้รับการออกแบบเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายการปล่อยมลพิษในอนาคต (RDE - Real Driving Emissions) ส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ถูกปรับปรุงเพื่อลดการปล่อยมลพิษอย่างมีประสิทธิภาพ ชุดควบคุมก๊าซไอเสียได้รับการติดตั้งอยู่ใกล้กับเครื่องยนต์โดยตรง เทคโนโลยีแบบบูรณาการ ควบรวมกระบวนการเผาไหม้แบบใหม่ การหมุนเวียนก๊าซไอเสียหลายช่องทางแบบไดนามิกส์ และอุปกรณ์บำบัดก๊าซไอเสียที่ติดตั้งอยู่ใกล้เครื่องยนต์ ร่วมกับการควบคุมระบบวาล์วแปรผัน ทำให้อัตราสิ้นเปลืองลดลง เทคโนโลยีควบคุมการปล่อยไอเสียที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ตัวเลขค่าการปล่อย Co2 ของเครื่องยนต์ OM 656 ต่ำกว่าขีดจำกัดการปล่อยมลพิษทั้งหมด ดีกว่ามาตรฐานการปล่อยมลพิษ Euro 6d-TEMP ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แม้ในสถานการณ์ที่มีการใช้ความเร็วอย่างต่อเนื่อง ผ่านตัวแปลงลดก๊าซ Co2 เช่นตัวเร่งปฏิกิริยาแบบเลือกเพิ่มเติม (SCR) ตัวเร่งปฏิกิริยาก๊าซที่ก่อมลภาวะโดยใช้สารแอมโมเนีย (ASC) ในท่อไอเสีย

Two Stage Turbo (เทอร์โบสองตัวประกบอยู่ใกล้ๆ กัน) ช่วยทำให้น้ำหนักลดลง 10 กิโลกรัม เครื่องยนต์ใหม่รหัส OM656 แบบดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป 4 วาล์วต่อสูบ มีปริมาตรความจุ 2,925 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 82.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5:1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ Common rail Direct injection ให้กำลังสูงสุด 210 กิโลวัตต์ หรือ 287 แรงม้า แรงบิดสูงสุดมากถึง 750 นิวตัน-เมตร มีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองดีเยี่ยมถึง 12 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อขับที่ความเร็ว 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ดีเซลตัวใหม่ใช้เชื้อเพลิงน้อยลง 6% มีคุณสมบัติพิเศษของเครื่องยนต์ระดับสูงในตระกูลดีเซลตราดาว เช่น กระบวนการเผาไหม้ที่สมบูรณ์แบบ เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ two-stage turbocharging ควบคุมระบบวาล์วแปรผันด้วย CAMTRONIC การออกแบบประกอบด้วยการรวมกันของบล็อกเครื่องยนต์อะลูมิเนียมและลูกสูบเหล็ก รวมทั้งการเคลือบสารหล่อลื่น NANOSLIDE® ที่ผนังกระบอกสูบ ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic automatic transmission พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-wheel Gearshift Paddles)

โหมดขับเคลื่อน ECO พร้อมฟังก์ชั่น coasting ช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง เมื่อยกเท้าออกจากคันเร่ง คลัตช์ของเกียร์ 9-G Tronic จะยกเลิกการเชื่อมต่อกับชุดส่งกำลังทำให้ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ลดลงมาอยู่ในระดับเดินเบา แม้ขณะใช้ความเร็วสูง เป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยลดอัตราสิ้นเปลือง และลดมลพิษได้ดี การลดความเร็ว หากคนขับไม่แตะเบรก แรงต้านทานที่เกิดจากกระแสอากาศ จะค่อยๆ ลดความเร็วของรถลงเอง ฟังก์ชั่น coasting ใช้พลังงานจลน์ในระยะทางที่กำหนด มันจะค่อยๆ ลดความเร็วลงช้าๆ เป็นระยะทางที่ยาวมาก ส่งผลให้ประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อย CO2 คลัตช์ของเกียร์ 9-G Tronic จะทำการเชื่อมต่อทันทีที่คนขับเหยียบคันเร่งหรือแป้นเบรกอีกครั้งอย่างรวดเร็วและปราศจากอาการกระตุกกระชาก

ความแตกต่างจากเดิม ทั้งในแง่มุมของวิศวกรรมระบบขับเคลื่อนและการออกแบบ ก็เพื่อปรับปรุงให้ GLS รุ่นใหม่ สามารถเรียกร้องความสนใจให้กับมหาเศรษฐีที่ชอบเดินทาง คุณอาจดูเท่และมีสไตล์ใน G-Class หรือ Cayenne Coupe แต่คุณจะสบายสุดๆ เมื่ออยู่ใน GLS ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกนับร้อยรายการ Mercedes-Benz ต้องการให้ GLS เป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวีที่มีพื้นที่ใช้สอยมากสุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ฐานล้อที่ยาวเหยียดทำให้เบาะแถวที่สองและสามมีพื้นที่เหลือเฟือ การโดยสารแบบ 5 ที่นั่งโดยพับเบาะแถวหลังสุด คุณจะได้พื้นที่ขนสัมภาระมากพอที่จะใส่ฮิปโปตัวอ้วนๆ ได้เลยทีเดียว ทรงของมันดูโด่งๆ แต่ไม่สูงเพราะโหมด Comfort ปรับระดับความสูงไม่มากเท่ากับโหมด off Road เสาหลังหนาและใหญ่ เป็นจุดที่ยังออกแบบไม่ค่อยลงตัวแต่วัตถุประสงค์ของเสาท้ายกับแนวกระจกฝาท้ายก็คือการมีพื้นที่เก็บของมากพอแม้จะมีผู้โดยสารเต็มคันก็ยังมีที่พอสำหรับการใส่กระเป๋าเดินทาง

ห้องโดยสาร AMG interior package ถอดแบบความลักชัวรี่มาจาก S-Class หน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอเชื่อมต่อกัน พร้อมจอแสดงผลแบบ Head-up display ให้การแสดงผลที่คมชัดในทุกสภาพแสง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa เบาะหนังติดตั้งระบบนวด MULTI CONTOUR SEAT ช่วยให้ค้นหาตำแหน่งการนั่งได้อย่างเหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์ ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าขณะเดินทาง ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย ระบบฟอกอากาศ ENERGIZING AIR CONTROL with ENERGIZING Package แอร์อัตโนมัติ THERMOTRONIC 5 โซน ระบบปรับสมดุลอากาศแบบ AIR BALANCE package ฯลฯ

ความบันเทิงระดับไฮเอนด์ ระบบปฏิบัติการ MBUX หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 11.6 นิ้ว จำนวน 2 จอที่ด้านหลังเบาะผู้โดยสารตอนหน้า หูฟังแบบไร้สาย 2 ชุด แท็บเล็ตบริเวณเบาะโดยสารตอนหลัง ท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร้รอยต่อ รับชมภาพยนตร์ความละเอียดสูง ฟังเพลง ด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® 3D surround sound system ลำโพงคุณภาพสูง 13 ตัว รอบห้องโดยสาร กำลังขับ 590 วัตต์ เทคโนโลยี Dolby Atmos® ให้ความรื่นรมย์ราวกับนั่งฟังเพลงในสตูดิโอระดับเฟิร์สคลาส สามารถปรับให้เหมาะสมกับผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลัง

เบาะนั่งทุกตำแหน่งปรับไฟฟ้า เบาะคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าจัดวางมาดีพร้อมการปรับที่ครอบคลุมสรีระจะยกให้สูงหรือกดให้ต่ำก็ทำได้ทั้งนั้น ปุ่มปรับเบาะมีปุ่มบันทึกท่านั่งของแต่ละคนได้สามแบบ เบาะหุ้มหนังสีเทาดำนั่งสบายขับ เป็นงานดีไซน์ที่ให้ความผ่อนคลายเมื่อขับทางไกล ท่านั่งที่สูงสอดรับกับการมองเห็นรอบตัว สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3 (2nd, 3rd seat row) ปรับพับด้วยระบบไฟฟ้าแค่กดปุ่มพับเพียงครั้งเดียว มันก็จะค่อยๆ พับเก็บแบบเงียบเชียบ ห้องโดยสารออกแบบให้มีความกว้างคือสไตล์และมาตรฐานของเอสยูวีไซส์โตจากเยอรมนี GLS450d AMG Dynamic ตกแต่งอย่างหรูมาตรฐานเดียวกับ S-Class ระยะฐานล้อถูกปรับให้ยาวขึ้นไปอีก 60 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ GLS โฉมที่แล้ว ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารมากขึ้นสำหรับการวางขาไม่ว่าจะเป็นเบาะแถวที่ 2 และ 3 โดยเฉพาะที่นั่งแถว 2 สามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมปุ่มบันทึกตำแหน่งที่นั่ง เบาะแถว 2 ปรับเลื่อนเบาะถอยหลังได้ 10 เซนติเมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับวางขา พนักพิงปรับเอนได้มากกว่าเดิม ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 เป็นที่นั่งแบบ full-size ซึ่ง Mercedes-Benz แจ้งว่า เบาะแถว 3 สามารถรองรับผู้โดยสารที่มีส่วนสูง 194 เซนติเมตร พร้อมระบบ EASY-ENTRY ออกแบบเป็นพิเศษให้เบาะและพนักพิงของที่นั่งแถว 2 สามารถพับขึ้นด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อให้เข้าสู่ที่นั่งแถวที่ 3 สะดวกขึ้น นักออกแบบของแบรนด์ตราดาวยังเพิ่มการพับเบาะที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 ได้อย่างอิสระ เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย เพิ่มพื้นที่ความจุสำหรับเก็บสัมภาระเมื่อพับเบาะแถวที่ 3 มากถึง 2,400 ลิตร ใหญ่ยักษ์ตามรูปแบบของยานยนต์อเนกประสงค์ขนาดฟูลไซส์

แดชบอร์ดขนาดใหญ่มีจอภาพมาตรวัดและจอแสดงผลข้อมูลต่างๆ เชื่อมต่อกัน จอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Digital widescreen cockpit หน้าจอแสดงผลแบบพาโนรามา สาแก่ใจทุกครั้งที่มอง เนื่องจากขนาดความยาวและความคมชัดของจอภาพ ใช้งานได้ดีในวันที่แสงแดดจัดด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่พิเศษ 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ เชื่อมต่อกัน จอมอนิเตอร์กลาง ทำงานเชื่อมโยงกับการปรับตั้งค่าต่างๆ เป็นมอนิเตอร์ของกล้องมองรอบคัน ระบบนำทางด้วยดาวเทียม ระบบสื่อสารและบันเทิง MBUX แบบใหม่ล่าสุด การแจ้งข้อมูลต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะสั่งงานด้วยการสัมผัสที่สัญลักษณ์บนจอภาพ หรือสั่งงานด้วยเสียง ระบบนำทางด้วยดาวเทียมแจ้งสภาพการจราจรล่าสุดแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการขับฝ่าเข้าไปในถนนที่มีรถติดหนักหน่วง หน้าจอแสดงข้อมูลของผู้โดยสารตอนหลัง ด้วยจอภาพมอนิเตอร์คล้าย iPad เป็นสื่อความบันเทิงและการแสดงข้อมูลต่างๆ สำหรับผู้โดยสารที่เบาะแถวกลาง 2 จอ 

จอภาพมาตรวัด TFT LCD ตรงหน้าคนขับ สามารถเปลี่ยนรูปแบบแสดงผลของหน้าจออย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเรียกดูข้อมูลขององศา ความสูงและการปรับระดับด้วยระบบ Air Suspension นำระบบนำทางด้วยดาวเทียมมาใส่ไว้ข้างๆ หรือขยายเต็มจอภาพ การทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 Matic จอกลางสั่งงานได้สองระบบ ทั้งระบบสัมผัสสำหรับหน้าจอแสดงผลข้อมูลส่วนกลางและระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาอังกฤษ

พวงมาลัย AMG สปอร์ตสามก้านมาพร้อมสวิตช์มัลติฟังก์ชันเหมือนเดิม และที่ขาดไม่ได้ก็คือแป้นเปลี่ยนเกียร์ สวิตช์มัลติฟังก์ชันที่ก้านวงทางขวามือเป็นที่อยู่ของ Adaptive Cruise Control ปุ่มเลือกปรับจอภาพมาตรวัดและปุ่มระบบสัมผัสที่ใช้กดสั่งงานในการตั้งค่าหรือเรียกดูข้อมูลต่างๆ ส่วนสวิตช์ที่ก้านวงพวงมาลัยทางฝั่งซ้ายเป็นปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ ปุ่มระบบสั่งงานด้วยเสียง ปุ่มเลือกโหมดในระบบให้ความบันเทิง แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift มีขนาดเล็กแต่ใช้งานได้ดีจากตำแหน่งที่วางมาพอดิบพอดีกับการใช้นิ้วชี้กดเพื่อเปลี่ยนอัตราทดด้วยตัวของคนขับ

ฟังก์ชันปรับโหมดการขับเคลื่อน 5 รูปแบบ เริ่มจาก ECO เน้นไปเรื่อยๆ และคงความประหยัดเชื้อเพลิง โหมด Comfort เป็นโหมดเริ่มต้นเมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ มีการตอบสนองของระบบขับเคลื่อนที่ค่อนข้างเป็นกลาง คันเร่งไฟฟ้าในโหมดนี้ ตอบสนองได้ดีกว่าโหมด ECO รวมถึงการทำงานของระบบเกียร์ 9-G ที่ว่องไวและไหลลื่นขึ้นไปสู่อัตราทดสูงอย่างรวดเร็ว โหมด Sport ทุกสิ่งทุกอย่างของการเทแรงบิดจะเปิดออกจนหมด คุณสามารถล้วงเข้าไปปรับตั้งได้แม้กระทั่งระดับการทำงานของระบบช่วยทรงตัวและรักษาเสถียรภาพ ESP ส่วนโหมด Individual เป็นโหมดที่คนขับสามารถปรับการตอบสนองแบบแยกย่อยของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง พวงมาลัยไฟฟ้า และระบบควบคุมการทรงตัว ESP โหมดสุดท้ายที่เอาไว้ลุยก็คือโหมด off road ช่วงล่างจะยกระดับความสูงจาก 200 มิลลิเมตร ขึ้นไปอีก 30 มิลลิเมตร แบบอัตโนมัติ เพื่อยกใต้ท้องรถให้พ้นจากสภาพเส้นทางวิบากซึ่งอาจจะต้องเผชิญกับเนินดิน หลุมหรือบ่อโคลน ระบบตั้งค่ารถยนต์ (Pre-installation for Vehicle Set-Up) และระบบสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารด้วยโทรศัพท์มือถือ (Remote Engine Start) กับ Remote Door Lock/Unlock สามารถล็อกรถได้จากทุกที่ หมดกังวลเรื่องความปลอดภัย มั่นใจได้ว่าเอสยูวีราคาแสนแพงของคุณจะอยู่ในการควบคุมตลอดเวลาเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทางกับความสบายในแบบที่ควบคุมได้ด้วยระบบ Remote Engine Start สั่งสตาร์ตรถยนต์และเปิดระบบปรับอากาศได้ก่อนจะถึงตัวรถ ติดเครื่องยนต์และออกเดินทางไปกับความเย็นสบายในแบบที่คอนโทรลได้เอง

เมื่อเดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่ กับเรื่องตำแหน่งที่จอดรถ ระบบ Parked Vehicle Locator จะเข้ามาจัดการให้เอง โดยแสดงตำแหน่งของรถยนต์ภายในรัศมี 1.5 กิโลเมตร เพื่อให้คุณค้นหารถยนต์ที่จอดไว้แต่ดันงงว่ามันอยู่ตรงไหน รวมไปถึง Vehicle Tracker ระบบที่ติดตามตำแหน่งรถยนต์ผ่าน GPS เรียกได้ว่าโจรขโมยรถจะถูกจับกุมอย่างรวดเร็ว หลังจากขับออกไปไม่นาน ระบบ Geofencing ฟังก์ชันจำกัดพื้นที่การขับขี่ เพื่อทำให้รถปลอดภัยและอยู่ในการควบคุมของเจ้าของตลอดเวลา ระบบสั่งการด้วยเสียง Hey Mercedes อันนี้เป็นลูกเล่นใหม่ในระบบ MBux มาพร้อมความทันสมัยด้วยโปรแกรมการสั่งงานด้วยเสียงภาษาอังกฤษ อีกระดับของความสะดวกสบาย ด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียงซึ่งสามารถประมวลผลประโยคที่ใกล้เคียงกับคำสั่งทั่วไปได้ เมื่อพูดว่า Hey Mercedes แต่ต้องพูดให้ชัดถ้อยชัดคำ สำเนียงถูกต้อง แล้วตามด้วยคำสั่งเช่น I'm cold หรือ ฉันหนาว!! ฟังก์ชันสั่งงานด้วยเสียงทำงานเหมือนกับตัว AI จะล้วงเข้าไปทำการปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เหมาะสมพร้อม ระบบสามารถจดจำและเรียนรู้การสั่งงานของเจ้าของ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างคนขับกับรถ

Mercedes-Benz GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic ติดตั้งเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยตามมาตรฐานของ Mercedes-Benz เช่น ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistance Plus Package) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) ระบบเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ พร้อมกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Parking with reversing camera) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop) นอกจากนี้ยังมีการติดตั้ง Transparent bonnet ที่จะช่วยให้ผู้ขับสามารถมองเห็นภาพจริงในจุดอับสายตาบริเวณหน้ารถและใต้ท้องรถ พร้อมให้ทุกการขับขี่แบบ Off-Road ไปสู่จุดหมายอย่างสะดวกและปลอดภัย

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full time แบบ 4 MATIC ทำงานอย่างสอดคล้องโดยการกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถและการทรงตัวบนถนนที่เปียกลื่น รวมถึงการขับขี่บนทางแบบ OFF-ROAD ช่วงล่าง AIRMATIC เป็นครั้งแรกที่จะได้พบกับฟังก์ชันเตรียมรถเข้าสู่เครื่องล้างรถอัตโนมัติ โดยจะทำงานอย่างสอดคล้องร่วมกับระบบ AIRMATIC เมื่อสั่งงานผ่านหน้าจอ Media Display แต่รถราคาระดับนี้ เจ้าของในประเทศไทยส่วนใหญ่มักจะล้างในร้านรับจ้างล้างรถหรูราคาแพง มากกว่าจะเสี่ยงเอาเข้าไปปั่นในเครื่องล้างที่อาจทำให้เกิดริ้วรอยบนตัวถัง

โครงสร้างโมโนค็อกที่แข็งแรงประกอบเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม การออกแบบแชสซี บวกกับระบบขับเคลื่อนซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ทำให้ GLS คล่องตัวทั้งในและนอกเมือง ความแข็งแกร่งยังทำให้การควบคุมไดนามิกส์ของตัวถังมีความเที่ยงตรงแม่นยำ พวงมาลัยไฟฟ้าควบคุมน้ำหนักด้วยเซนเซอร์ที่ตรวจจับการทำงานของคันเร่ง ความเร็วและโหมดที่ใช้ในการขับเคลื่อน ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมทำให้ลุยทางออฟโรดได้ด้วยความสบายเนื้อสบายตัว อาการโคลงมีไม่มากเมื่อขับผ่านผิวถนนที่ขรุขระ เกียร์ 9-G ฉลาดปราดเปรื่องและทำงานด้วยความลื่นไหลไร้รอยต่อ เกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อระบบ 4 Matic ต่อเชื่อมแรงบิดจากเครื่องยนต์ส่งตรงไปยังเพลาหน้าด้วยชุด Transfer Case ที่รับแรงบิดได้อย่างแม่นยำต่อเนื่องและรวดเร็ว เพลากลางเชื่อมต่อกับเฟืองท้ายที่มีความแข็งแรง กลไกไฟฟ้าในระบบ 4 Matic ในยามปกติจะเทแรงบิดไปที่ล้อหลังมากกว่าปกติ ส่วนใหญ่เมื่อขับบนถนนเรียบๆ ที่แห้งสนิท แรงบิดจะถ่ายไปที่ล้อหลัง 100% เพื่อลดการกินน้ำมันโดยไม่จำเป็น และเมื่อขับออกจากทางเรียบๆ เข้าสู่ทางแบบออฟโรด แรงบิดจะเฉลี่ยไปที่ล้อทั้งสี่โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องปรับโหมดไปที่ Off Road ให้เสียเวลา ส่วนโหมด Off Road ความสูงของตัวรถจะถูกยกขึ้นเองแบบอัตโนมัติ รวมถึงการเฉลี่ยแรงบิดลงไปยังล้อทั้งสี่ ตามสภาพการณ์ของการขับเคลื่อนบนเส้นทางวิบาก

ทุกวันนี้รถเอสยูวีคันโตและรถครอสโอเวอร์ยกสูง มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รถแบบนี้ ขายดีในยุโรป อเมริกา จีน รวมถึงออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ก็ยังนิยมรถยนต์แนวนี้มากกว่ารถเก๋ง ถ้าเป็นในอเมริกา รถประเภทนี้ โดยเฉพาะรุ่นที่มีขนาดใหญ่ จะขายดีสุด จนมีอัตราส่วนมากกว่าครึ่งของรถยนต์ทั้งหมดที่ขายในทวีปอเมริกาเหนือ และไม่ใช่แค่ในยุโรปกับอเมริกาที่ขายดี เมืองที่เติบโตอย่าง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ดูไบ ลูกค้าคนรวยมักชอบความใหญ่โตที่มาพร้อมกับความปลอดภัย พื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ขนทั้งคนกับสัมภาระได้มากกว่ารถเก๋งคันโต เอสยูวีอย่าง GLS สามารถวิ่งบนสภาพถนนที่ย่ำแย่โดยที่คนในรถทั้งหมดยังสบายเนื้อสบายตัวเป็นปกติ ไม่มีอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทาง นี่ยังไม่นับในเรื่องของความพึงพอใจหลังจากจ่ายเงิน 6.9 ล้านบาท เพื่อแลกกับความอเนกประสงค์ ที่มาพร้อมความบึกบึน รถรุ่นเรือธงในกลุ่มยานยนต์อเนกประสงค์ฟูลไซส์อย่าง Mercedes-Benz GLS เปรียบได้กับ S-Class ที่ยกสูงแต่ยังคล่องตัว ปราดเปรียวและทรงพลัง ถ้านึกถึงความหรูก็ให้ไปที่ Bentley Bentayga และถ้าต้องการความถึกทนก็ให้มองไปที่ Land Cruiser แต่ถ้าต้องการความสบาย GLS จัดให้ได้ในแบบที่ใช้แทบไม่หมด

OM656 ยังเป็นเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ที่ทำงานในรอบต่ำและสูงเงียบขึ้น มีแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานที่ลดลง ให้ความสะดวกสบายในรถรุ่นเรือธงอย่าง Mercedes-Benz New S-Class S350d AMG Premium Mercedes-Benz GLS450d AMG Dynamic หรือแม้แต่ G-Class G450d เมื่อขับใช้งานระยะทางไกล การเร่งเครื่องด้วยความเร็วรอบเครื่องที่สูงขึ้น ในเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไปจะทำให้เกิดเสียงและแรงสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสาร แต่เครื่อง OM656 ถูกปรับแต่งให้มีเสียงและแรงสั่นสะเทือนน้อยลง (มาก เมื่อเทียบกับเครื่องดีเซลในอดีต) เพื่อลดเสียงรบกวนที่อาจเข้ามาในห้องโดยสาร แท่นยึดเครื่องยนต์ของเครื่องยนต์ดีเซลแบบไฮดรอลิกปรับระดับการทำงานอัตโนมัติ จะควบคุมแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องทั้งในรอบต่ำไปจนถึงรอบสูงสุด ควบรวมกับวัสดุป้องกันเสียงแปลกปลอมจากภายนอกที่ห่อหุ้มอยู่รอบๆ ห้องโดยสารและแชสซี ที่ความเร็วต่ำกว่า 5 กม./ชม. เครื่องยนต์ OM656 ถูกตั้งค่าให้เพิ่มนุ่มนวลในการทำงาน เพื่อลดการสั่นสะเทือนไปยังเฟรมแบบขั้นบันไดที่ความเร็วรอบเครื่องต่ำ เมื่อความเร็วรอบเครื่องยนต์สูงขึ้น แท่นยึดเครื่องยนต์แบบใหม่จะปรับตัวเองแบบอัตโนมัติให้แข็งขึ้น ส่งผลดีต่อความสบายและมาพร้อมกับไดนามิกส์ที่ดีในการขับขี่

Mild Hybrid ระบบไฟฟ้า 48V ทำให้ OM656 แยกระบบไฟออกเป็นสองชุด เพื่อความเสถียรในการใช้พลังงานไฟฟ้าหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ต่างๆ และไม่ต้องใช้อุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยสายพาน เช่น ปั๊มน้ำและคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศ โดยแทนที่ด้วย 'Integrated Starter-Alternator' (ISG) การติดตั้งระบบ Mild Hybrid ช่วยลดทั้งขนาดเครื่องยนต์และความซับซ้อนของเครื่อง ในส่วนของการใช้งานระบบไฟส่องสว่าง จอภาพมาตรวัด จอภาพมอนิเตอร์กลางและชุดควบคุมต่างๆ ที่ต้องการกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงการทำงาน OM656 ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 12V เหมือนเดิม ISG Integrated Starter-Alternator ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นมอเตอร์ไฮบริด เพื่อให้เครื่องยนต์มีกำลังเพิ่มขึ้น (เล็กน้อย) 15kW/220Nm ทันทีเมื่อสตาร์ตเครื่อง ช่วยอำนวยความสะดวกในการนำพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียบกลับมาใช้ใหม่ และช่วยให้ระบบ Auto Strart/Stop ทำงานขณะจอดรอการเคลื่อนตัวเพื่อลดมลพิษ การใช้ระบบ Mild Hybrid 48V ยังช่วยให้วิศวกรสามารถติดตั้งเทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้าเสริม (eZV) ที่สามารถหมุนได้สูงถึง 70,000 รอบต่อนาที ภายในระยะเวลาเพียงแค่กะพริบตาหรือแค่ 0.3 วินาที เพื่อให้การตอบสนองของคันเร่งแบบฉับพลันทันทีและไม่มีอาการเทอร์โบแล็ก เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร กับเครื่องแถวเรียง inline-six เครื่องแถวเรียงแบบใหม่ มีกำลังที่สูงกว่า 55 กิโลวัตต์ แรงบิดเพิ่มขึ้นประมาณ 20 นิวตันเมตร ปล่อย CO2 น้อยลง 15% บล็อกเครื่องยนต์ที่หล่อขึ้นรูปด้วยอะลูมิเนียมทั้งหมด โดยใช้ลูกสูบเหล็ก เพื่อประโยชน์ในการส่งกำลัง และประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีขึ้น จากความแตกต่างของการขยายตัวทางความร้อน การนำโลหะเหล็กมาใช้เป็นลูกสูบ แต่บล็อกเครื่องยนต์เป็นอะลูมิเนียม วิศวกรสามารถลดแรงเสียดทานภายในได้ถึงครึ่งหนึ่ง ในขณะที่ประสิทธิภาพทางอุณหพลศาสตร์มีค่าที่เหนือกว่าเครื่องยนต์รุ่นเก่ามาก

9G-TRONIC ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9G‑TRONIC พร้อมทอร์กคอนเวอร์เตอร์ที่ปรับปรุงใหม่ ได้รับการดัดแปลงเป็นพิเศษ เพื่อตอบสนองความต้องการในการขับที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นซาลูนหรูอย่าง New S-Class หรือแม้แต่เอสยูวีใหญ่ยักษ์อย่าง GLS450d นักพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้แอปพลิเคชันเฉพาะ เพื่อลดเวลาในการเปลี่ยนและตอบสนองของเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อัตราทดเกียร์ที่กว้าง ไม่เพียงทำให้การขับเคลื่อนเงียบและสบายขึ้น โดยเฉพาะที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำ แต่ยังช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเกียร์หนึ่งเมื่อออกตัว คันเร่งไฟฟ้าออกแบบให้ตอบสนองต่อองศาของการกดด้วยฝ่าเท้าได้อย่างรวดเร็ว คุณจะรู้สึกประทับใจกับแรงบิดของเครื่องยนต์และความนวลของเกียร์ 9-G โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องออกตัวอย่างรวดเร็วจากสัญญาณไฟจราจร รถคันใหญ่ที่ประจำการด้วยเครื่องยนต์รุ่นนี้แม้จะมีน้ำหนักตัวบานเบอะ แต่ให้ความคล่องตัวอย่างเห็นได้ชัด ในระหว่างการวิ่งระยะสั้นในเมืองภายใต้ภาระการจราจรที่คับคั่ง

New Transfer Case ชุดถ่ายเทแรงบิดไปที่เพลาขับหน้าแบบใหม่ ติดตั้งหน้าแปลนเข้ากับระบบเกียร์ 9G-TRONIC โดยตรง ออกแบบมาเพื่อส่งถ่ายแรงบิด 40% ไปยังเพลาหน้าและ 60% ไปยังเพลาล้อหลัง การกำหนดค่านี้ ทำให้การควบคุมบนท้องถนนมีความเสถียรและคล่องตัวสูงสุด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบถาวร 4Matic ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการยึดเกาะในระดับสูงสุด ชุดเกียร์ทดรอบต่ำในเอสยูวีอย่าง GLS450d เมื่อขับบนเส้นทางออฟโรด new transfer case จะช่วยเพิ่มแรงบิดที่ล้อขับเคลื่อนได้มากยิ่งขึ้น

DYNAMIC SELECT พร้อมให้ใช้งานได้ถึงห้าโหมดสำหรับ GLS450d ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ช่วยให้ปรับคุณลักษณะการขับเคลื่อนของรถได้ตามความต้องการในไม่กี่วินาทีด้วยการกดปุ่มสั่งงาน ระบบจะปรับเปลี่ยนคุณลักษณะและการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง 9-G ระบบกันสะเทือน Adaptive Air Suspension (Air Matic) และชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้า โดยทำงานขึ้นตรงต่อโหมดที่ถูกเลือก เช่น ECO Comfort Sport Sport + Individual นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบใหม่ ตัวอย่างเช่น ระบบช่วยเบรกแบบแอกทีฟ สามารถป้องกันการชนที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือบรรเทาผลกระทบที่ตามมา และช่วยเหลือผู้ขับระหว่าง ทำการเบรกฉุกเฉิน หากจำเป็น ระบบจะเบรกโดยอัตโนมัติ หากคนขับไม่ดำเนินการ หรือไม่มีการตอบสนองใดๆ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์หรืออันตรายที่เซนเซอร์ตรวจพบ

เพลาหน้าแบบใหม่ของ GLS ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง โดยสามารถรักษาสมรรถนะทางวิบากและความสามารถแบบออฟโรดของรุ่นก่อนไว้ได้ (บางส่วน) ส่วนประกอบของระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกสองชั้น ติดตั้งโดยตรงกับเฟรมแบบขั้นบันได โดยไม่มีการใช้เฟรมแยกย่อย จุดยึดของปีกนกล่างบนเฟรมติดตั้งในรูปตัว Z และอยู่ในตำแหน่งสูงที่สุด การจัดวางตำแหน่งของปีกนกในลักษณะดังกล่าว นี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความสามารถในการขับด้วยความเร็วสูงบนไฮเวย์ ยาง Michelin รุ่น Pilot Sport 4 SUV รับหน้าที่ซึ่งกลายเป็นภารกรรมอันหนักหน่วงแสนสาหัสได้ดี ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักมหาศาล 2.4 ตันเฉลี่ยลงไปที่ล้อยางแต่ละข้าง ลายดอกยางกึ่งเรียบที่พอจะลุยทางขรุขระหรือการเบรกที่รุนแรงได้ ยึดเกาะกับผิวถนนทั้งลาดยางและทางปูนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ การเก็บเสียงก็สมราคาค่าตัว ถ้าไม่เปิดเพลงฟังแล้ววิ่งด้วยความเร็วต่ำในเมืองนี่เงียบสนิทเอาเรื่อง หากคุณมีเงินเยอะและมีรถเต็มบ้าน แต่ยังอยากได้เอสยูวีดีๆ สักคันโดยที่ไม่เกี่ยงกับค่าดูแล GLS450d AMG Premium CKD รุ่นประกอบในประเทศไทย คือคำตอบที่ดี คันทดสอบในภาพ ราคา 6,980,000 บาท มาพร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการ และถึงแม้จะมีบางอย่างที่ไม่ต้องการ แต่ Mercedes ก็ยังไม่ลืมที่จะใส่มาให้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่รถครอบครัวคันโตราคาประหยัด ใน GLS จิตวิญญาณของคุณจะถูกดึงดูดความสนใจด้วยออปชันที่แจ่มแจ๋ว พร้อมระบบขับเคลื่อนซึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุด ระบบรองรับที่แสนสบาย มันเป็นรถที่มาพร้อมความสบาย แรงแต่ประหยัด ไม่ว่าคุณจะต้องการให้มันประหยัดหรือไม่ก็ตาม.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th 
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom 
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/