Mazda BT-50 รุ่นปรับโฉม 2025 เป็นปิคอัพที่มีรูปลักษณ์ส่วนหน้าคล้ายกับเอสยูวี BT-50 รุ่นใหม่ มีการผสมผสานการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งรู้จักกันดีในแนวทางนี้ว่า โคโดะ ดีไซน์ (KODO Design) เป็นการจัดลำดับเส้นสายที่เรียบง่าย ด้วย คอนเซ็ปต์ Less is More สีใหม่ สีแดง Vermilion Latosol Red และสีขาว Geode White Pearl ชุดแต่งรอบคัน เครื่องยนต์มีให้เลือกสองรุ่น นั่นก็คือ ขุมกำลังดีเซลของ Isuzu D-MAX DDI ดีเซล 3.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ ความจุ 2.2 ลิตร จริงๆแล้วหน้าตาของรถกระบะรุ่นปรับโฉมของ Mazda นั้นดูดีเลยทีเดียว ความหล่อแซงเพื่อนรวมสายพันธ์ุอย่าง Isuzu D-MAX ไปไกล ส่วนหน้าที่คล้ายรถเก๋งอเนกประสงค์สวนทางกับการขับขี่ที่เหมือนกับ D-MAX นั่นก็คือ กระด้างและกระเด้งเมื่อลุยทางออฟโรด !
...
Mazda BT-50 มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย
Freestyle Cab 2 ประตู FSC 2.2 XS HI-RACER 6MT 762,000 บาท
Double Cab 4 ประตู DBL 2.2 XT HI-RACER 8AT 992,000 บาท
Double Cab 4 ประตู DBL 3.0 XTR HI-RACER 6AT 1,242,000 บาท
Double Cab 4 ประตู DBL 3.0 XTR 4x4 6AT 1,352,000 บาท (คันทดสอบ)
สีเมทัลลิก เพิ่ม 7,000 บาท และสีขาวมุก เพิ่ม 14,000 บาท
...
...
Mazda BT-50 รุ่นปรับโฉม 2025 โผล่ออกมาหลังจาก Isuzu D-Max เวอร์ชันปรับโฉมถูกเปิดตัวเมื่อประมาณ 12 เดือนก่อน BT-50 รุ่นปรับโฉมประกอบไทย เปิดตัวในช่วงปลายปี 2024 และช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ถือเป็นการเริ่มทำตลาดและเชิญสื่อมวลชนลองขับทดสอบทางไกล สำหรับการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก ได้แก่ ไฟหน้า LED พร้อมชิ้นส่วนภายในกรอบไฟใหม่ รูปแบบของไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running lights (DRL) ที่เป็นเอกลักษณ์ของ CX-5 รุ่นใหม่ล่าสุดถูกนำมาใช้ใน New BT-50 รวมถึงกระจังหน้าและล้อดีไซน์ใหม่กันชนหน้าใหม่มีดีไซน์ของช่องรับอากาศแบบใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์
...
BT-50 คันทดสอบ เป็นรถรุ่นท็อปสุดตัวถังดับเบิ้ลแค็บ 3.0 XTR 4x4 6AT ราคา 1,352,000 บาทสีใหม่ สีแดง Vermilion Latosol Red พร้อมชุดแต่ง กันชนหน้า สไตล์ลิ่งบาร์ กระจกมองข้าง คิ้วตกแต่งชุ้มล้อ มือจับเปิดประตู ล้ออัลลอย 18 นิ้ว สีดำ (Matte Black) ยาง Bridgestone Dueler H/T 265/60R18 110S กระจังหน้าสปอร์ต ไฟหน้าและไฟท้าย LED ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน LED Signature ไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ กระจังหน้า ดีไซน์ใหม่แบบรังผึ้งพร้อมแถบสีแดง กันชนหน้าใหม่ พลาสติกซุ้มล้อ สีดำเงา กันชนหลังใหม่ ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ + สปอร์ตบาร์แบบใหม่ BT-50 2025 ยังมีชิ้นส่วนที่ตกแต่งด้วยสีดำเงาที่กระจังหน้า เป็นองค์ประกอบการออกแบบที่ถูกเปิดตัวไปแล้วในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Mazda 2 และ CX-5 บั้นท้ายมาพร้อมฝาท้ายแบบใหม่ ใช้การออกแบบเป็นสันนูนที่ด้านล่าง รวมถึงไฟท้าย LED ก็ยังปรับใหม่อีกตะหาก Mazda ยังปรับขนาดโลโก้ด้านหน้าและด้านหลังให้ใหญ่ขึ้นอีกด้วย
ภายในมีการปรับรูปแบบอุปกรณ์ให้ลงตัวมากกว่าเดิม เช่น เบาะนั่ง หุ้มด้วยหนัง Maztex สีส้ม Terracotta สลับหนังกลับไมโครไฟเบอร์ที่เลียนแบบหนังกลับ Alcantara วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร สีดำด้าน Matte Black จอมอนิเตอร์กลางสั่งงานด้วยระบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ขนาด 7 นิ้ว ระบบอินโฟเทนเมนต์แบบใหม่พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 9.0 นิ้ว ปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มปรับจูนอยู่ทั้งสองด้านของหน้าจอสัมผัส รวมถึงสวิตช์สัมผัส capacitive ด้านล่าง สามารถปรับการตั้งค่าผ่านหน้าจอ รวมถึงข้อมูลต่างๆ เช่น การบังคับเลี้ยวของรถแบบเรียลไทม์ มุมเอียง แรงดันลมยาง โหมดการขับขี่ โหมดภูมิประเทศขรุขระ และสถานะการล็อกเฟืองท้าย
หน้าจอแผงหน้าปัดขยายขนาดจาก 4.2 นิ้วเป็น 7.0 นิ้ว Android Auto กับ Apple CarPlay แบบไร้สาย ช่องเสียบ USB-C ช่องเสียบ USB ที่อยู่ใกล้กับกระจกมองหลัง ออกแบบให้เหมาะสำหรับกล้องติดรถยนต์ แผงตกแต่งสีดำเงาถูกถอดออกจากคอนโซลกลาง ส่วน แผงประตู ฝาคอนโซล และงานตกแต่งตรงกลางแผงหน้าปัดมีการปรับใหม่ทั้งหมด โทนสีภายใน เปลี่ยนจากสีน้ำตาลเป็นสีดำ เบาะหนังเทียม/หนังกลับสังเคราะห์ Maztex สีดำและสีเทอร์ราคอตต้า พนักพิงศีรษะของเบาะนั่งด้านหน้าปักคำว่า BT-50
ภายในห้องโดยสารดีไซน์ใหม่ เบาะผ้าสีดำ-หนังสีส้ม Terracotta ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ไปจนถึงทุกองค์ประกอบภายในห้องโดยสารที่จัดวางมาอย่างดีเพื่อประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก พร้อมจัดเต็มฟังก์ชั่นใหม่ ตอบรับทุกการใช้งานได้อย่างลงตัว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียง พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android Auto™ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์ และช่องจ่ายไฟ USB-C สำหรับผู้โดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลัง เติมเต็มความสะดวกสบายให้ครบครันตลอดการเดินทาง สำหรับ Android เวอร์ชั่น 10 ขึ้นไป เชื่อมต่อได้ทันที ( เฉพาะรุ่น DBL 3.0 XTR 4x4 6AT)
สมรรถนะความแรงของเครื่องยนต์ใน BT-50 รุ่นปรับโฉม 2025 มาพร้อมระบบหัวฉีดน้ำมัดน้ำมันคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น (Common Rail Direct Injection) ซึ่งทำงางานร่วมกับ VGS เทอร์โบขนาดใหญ่ ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิค ให้ประสิทธิภาพเต็มพลัง ตอบสนองในทุกรอบความเร็ว ทนทาน และประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์มีให้เลือก 2 ขนาด
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร มาพร้อมระบบหัวฉีดน้ำมันแรงดันสูง 250 MPa ฉีด ละอองน้ำมันละเอียด เพื่อการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ตอบสนองอัตราเร่งได้ดี แรงบิดสูงในรอบเครื่องยนต์ต่ำ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับทุกสภาพถนน ยึดเกาะถนนดี และเพิ่มศักยภาพการขับขี่ ให้คุณผ่านทุกอุปสรรค สนุกได้กับทุกเส้นทาง
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบ//นาที ระบบหัวฉีดน้ำมันแรงดันสูง 250 MPa ขับสนุก ประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วงล่างปรับใหม่ กระจายน้ำหนักดี ทำให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น ลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร ทำให้ขับลุยผ่านน้ำไปได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัย
ระบบส่งกำลัง 3 แบบ
ระบบเกียร์ของ BT-50 ถูกพัฒนาให้ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น สามารถส่งพลังของเครื่องยนต์ ได้อย่างนุ่มนวล เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น ตอบสนองรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถควบคุมคุมการกำลังได้ดีในทุกช่วงความเร็ว
เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
เส้นทางทดสอบ จากเกษตรนวมินทร์ มุ่งหน้าพุทธมลฑล ผ่านจังหวัดนครปฐม ราชบุรี ตัดเข้าวังมะนาว แล้วขึ้นสะพานไปทาง อำเภอหนองหญ้าปล้อง เพื่อไปปล่อยพันธุ์ปลานานาชนิดที่เขื่อนแก่งกระจาน แล้วไปบริจากชุดทำงานให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ทำการในเขื่อนแก่งกระจาน-พะเนินทุ่ง BT-50 คันทดสอบ เป็นรถรุ่นท็อปสุดตัวถังดับเบิ้ลแค็บ 3.0 XTR 4x4 6AT วิ่งเรื่อยๆ บนไฮเวย์มีกำลังพอเพียงที่จะเร่งแซง แต่เครื่องดีเซลคอมมอลเรลสี่สูบ ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบ แม้จะมีแรงบิดพอตัวที่ 450 นิวตันเมตร แต่เมื่อเทียบกับเครื่อง 2.8 ลิตรของพี่โตก็จะเห็นได้ถึงความแตกต่างจากแรงบิดของกระบะสามห่วงที่มีให้ใช้ถึง 500 นิวตันเมตร การวิ่งบนทางลาดยางหรือทางปูน ช่วงล่างของ Mazda BT-50 ที่มีการปรับปรุงใหม่ ถือว่าแค่พอรับได้ ไม่ได้ดีเท่ากับสมัยที่อยู่กับ Ford บนผิวถนนที่ไม่มีความสม่ำเสมอ ก็จะเจอกับอาการโคลงตัวซึ่งเป็นฟิลลิ่งที่ติดมาจากรถ D-MAX เพราะใช้ช่วงล่างเหมือนกันโดยที่ Mazda เจ้าแห่งช่วงล่างไม่สามารถเข้าไปล้วงปรับแต่งให้แตกต่างไปจากค่าเดิมของ Isuzu D-MAX นั่นเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะ BT-50 ตอนที่อยู่กับ Ford ช่วงล่าง ดีกว่านี้มาก!
เบาะนั่งสบายใช้ได้ เหมาะกับการเดินทางไกล เบาะคนขับปรับไฟฟ้าได้ค่อนข้างครอบคลุมสรีระ พวงมาลัยหน้าตาแปลกๆ แต่จับกระชับและตอบสนองต่อการเปลี่ยนทิศทางได้ดีพอสมควร รุ่นดับเบิ้ลแค็บสี่ที่นั่งที่ทดสอบ มีขนาดความยาวของรถเทียบชั้นกับ S-Class ได้เลย โดยมีความยาว 5.3 เมตร กว้าง 1.8 เมตร ความสูง 1.7 เมตร น้ำหนัก 2,115 กิโลกรัม บรรทุกได้สูงสุด 985 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังสามารถนั่งเบียดๆได้ 5 คน และลากเทรลเลอร์ได้ 3,500 กิโลกรัม เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร พร้อมกำลัง 190 แรงม้าและแรงบิด 450 นิวตันเมตร (332 ปอนด์-ฟุต) พอจะเร่งแซงรถช้าได้โดยที่ไม่ต้องลุ้นเหมือนเครื่อง 2.2 นั่นดีกว่ามาก
Mazda เปิดตัว BT-50 ที่ผลิตร่วมกับ D-MAX ในปี 2021 หลังจากนั้นก็มีการปรับโฉมใหม่ในช่วงปลายปี 2024 พร้อมปรับแต่งสไตล์ให้ดูเป็นรถเก๋งมากขึ้น ด้วยความหวังที่จะทำให้คนในครอบครัวต่างจังหวัดเชื่อว่ารถกระบะ Mazda เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า SUV เบาะนั่ง 5 ที่นั่ง พื้นที่บรรทุกสัมภาระที่ใหญ่กว่าห้องนั่งเล่น กระจังหน้าสีดำ ล้ออัลลอยด์สีดำ 18 นิ้ว แผงตกแต่งซุ้มล้อสีดำเงา กระจกมองข้างสีดำเงา Mazda มีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน พวงมาลัยและระบบควบคุมทั้งหมดจึงเบากว่าที่คาด ขับไปตามถนนในเมืองไม่แตกต่างไปจาก SUV แต่อาการสั่นสะเทือน สะท้าน กระแทก และกระเด้ง มีให้สัมผัสเมื่อเจอกับถนนไม่เรียบ เมื่อลุยทางฝุ่น ตัวถังไม่โคลงเคลงมากนัก ห้องโดยสารได้รับการปกป้องอย่างดีจากเสียงลมและเสียงยางบดลงไปบนผิวถนนที่สูสีกับคู่แข่ง เครื่องดีเซล 3.0 ลิตร บนเส้นทางหนองหญ้าปล้องที่ค่อนข้างโล่ง เครื่องเสียงดังพอสมควรเวลาเร่ง ซึ่งไม่ได้มีความประณีตอะไรมากนัก แต่ดึงแรงใช้ได้ (เมื่อวิ่งตัวเปล่าไม่มีสัมภาระบรรทุกที่กระบะท้าย) แรงบิดรอบต่ำมากพอที่จะเอาตัวรอดบนเส้นทางออฟโรด ค่อนข้างจะดังเมื่อเร่งเครื่องให้ไปเร็วขึ้น Mazda อ้างว่าประหยัดน้ำมันได้ 12.5 กิโลเมตรต่อลิตร ขับจริงมีเร็วบ้าง อยู่ที่ 11.7 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าพอรับได้
ด้วยโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สลับได้ระหว่างขับหลังและขับสี่ ซึ่งมีทั้ง 4Low และ 4 hi ดิฟเฟอเรนเชียลด้านหลังแบบล็อกได้ พร้อมความลึกในการลุยน้ำ 800 มิลลิเมตร ทำให้ตอบโจทย์ทุกข้อของกระะบะสายออฟโรดตัวจริง พาคุณและครอบครัวออกจากเส้นทางที่ยากลำบาก หรือท่ามกลางสถานการณ์ที่ยุ่งยากได้ โดยไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น คำถาม คือ คุณต้องการนำ BT-50 ไปขับออฟโรดหรือไม่ ล้อแม็กสีดำ ซุ้มล้อสีดำเงา กาบบันไดด้านข้างที่ต้องระวังริ้วรอยเวลาลุย
ภายใน หนังสีน้ำตาล ตกแต่งด้วยหนังกลับสังเคราะห์สีดำ แผงหน้าปัดแบบอนาล็อกครึ่งดิจิตอลครึ่งพร้อมจอแสดงผล TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ในขณะที่ตรงกลางแผงหน้าปัดคือจอแสดงผลอินโฟเทนเมนต์ขนาด 9 นิ้ว ทำงานค่อนข้างช้า อินเทอร์เฟซของ Isuzu ดูเก่าเกินไปเมื่อเทียบกับกระบะไฟฟ้าของจีนที่จัดอินโฟเทนเมนท์แบบเต็มข้อ แผงควบคุมระบบปรับอากาศใช้งานง่าย ห้องโดยสารมีประโยชน์ใช้สอย ซึ่งขัดแย้งกับรูปลักษณ์ภายนอก ให้ความรู้สึกล้าสมัยเมื่อเทียบกับ ริดดารา กระบะจีน หรือแม้แต่ฉลามกระบะปลั๊กอินของ BYD ซึ่งทั้งสองรุ่นมีหน้าจอสัมผัสแบบ iPad มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ระบบแอร์ดูอัลโซน ช่องเก็บของนับไม่ถ้วน พร้อมด้วยรูปลักษณ์ที่ปรับเปลี่ยน ภายในที่ปรับใหม่ จอแสดงผลสำหรับคนขับที่ใหญ่ขึ้น สื่อความบันเทิงที่ยกเครื่องใหม่ และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเพิ่มเข้ามาให้ใช้งาน
BT-50 ยังเหนื่อยกับการไล่ล่ายอดขายที่ตามหลัง Triton / Ranger / D-MAX / Hilux ฟิลลิ่งหลังพวงมาลัยเหมือน D-MAX ทุกอย่าง ทำให้ลูกค้าเก่าไม่ค่อยจะชอบ เพราะติดใจกับช่วงล่างของ Ford มากกกว่า Isuzu ราคา 1.3 ล้าน กับการครอบครองกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อเครื่อง 3 ลิตร เกียร์ออโต้ บวกพื้นที่ใช้สอยและความอึดที่มากกว่ารถเก๋ง แม้หน้าตาจะดูดี แต่สุดท้ายหลายคนเดินไปถอย Ranger หรือ Hilux ที่ดูเหมือนจะเหนือกว่านิดๆละครับ.
MAZDA BT-50 3.0 XTR 4x4 6AT
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว สีดำ (Matte Black)
คิ้วกันชนหน้า, คิ้วตกแต่งกระจังหน้า, คิ้วตกแต่งซุ้มล้อ สีดำเงา
และสไตล์ลิ่งบาร์ สีดำเงา
พื้นปูกระบะ และราวหลังคา
เบาะผ้าสีดำ-หนังสีส้ม Terracotta
เบาะนั่งคนขับ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลัง
Lumbar Support
เพดานหลังคาสีดำ
ระบบปรับอากาศ แบบอัตโนมัติ Dual Zone
กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมท (Remote Engine Start)
ลำโพง 8 ตำแหน่ง
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
ระบบเซ็นเซอร์ ด้านหน้าและด้านหลังรวม 8 จุด
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC แบบ Stop & Go
(Adaptive Cruise Control with Stop & Go)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM
(Advanced Blind Spot Monitoring)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTB (Rear Cross Traffic Brake)
ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning)
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
ระบบช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM
(Pedal Misapplication Mitigation)
ระบบตั้งค่าจำกัดความเร็ว MSL (Manual Speed Limiter)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
ระบบ Electronic Diff-Lock ที่เฟืองท้าย
โหมดการขับขี่แบบ Off Road (Rough Terrain Mode)
วัสดุภายใน
เบาะผ้าสีดำ-หนังสีส้ม Terracotta
เบาะผ้าสีดำ
EXTERIOR COLOR
สีภายนอก
สีแดง เวอร์มิลเลี่ยน ลาโตซอล Vermilion Latosol Red (52F)
สีขาว จีโอด ไวท์ เพิร์ล Geode White Pearl (52G)
สีน้ำเงิน เซลลิ่ง บลู Sailing Blue (52J)
สีเทา คอนกรีต เกรย์ Concrete Gray (47M)
สีขาว ไอซ์ ไวท์ Ice White (A7Y)
WHEEL
ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว สีดำ (Matte Black)
Mazda BT-50 ระบบความปลอดภัย (Active Safety) และ (Passive Safety)
ACTIVE SAFETY
ความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ
HLA (Hill Launch Assist)
ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน
HDC (Hill Descent Control)
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
กล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง
บนจอแสดงผล
Vehicle Tilt & Wheel Angles
ระบบตรวจสอบการเอียงของรถและมุมองศา
ของล้อ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ
เมื่อขับขี่บริเวณพื้นที่ลาดชัน
DSC (Dynamic Stability Control)
ระบบควบคุมเสถียรภาพ และการทรงตัวของรถ
TCS (Traction Control System)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล
PASSIVE SAFETY
ความปลอดภัยเชิงปกป้องเมื่อเกิดเหตุ
ระบบเข็มขัดนิรภัยแบบ Pretensioner
and Load Limiter
เข็มขัดนิรภัยเบาะคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับและ
ผ่อนแรงอัตโนมัติ
ถุงลมนิรภัย
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
ที่ติดตั้งสูงสุดถึง 6 ตำแหน่ง ช่วยมอบความ
ปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
ADVANCED SAFETY TECHNOLOGY
เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง
ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน
ช่วยให้ผู้ขับขี่ปลอดภัยขณะเปลี่ยนเลน ระบบจะส่งสัญญาณ
เตือนที่กระจกมองข้าง หากตรวจพบรถในเลนด้านข้าง
ที่กำลังแซงขึ้นมาจากทางด้านหลัง และอยู่ในจุดที่ผู้ขับ
อาจมองไม่เห็น เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
DAA (Driver Attention Alert)
ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่
ช่วยเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้น หากตรวจพบความผิดปกติ
ของพฤติกรรมการขับขี่ หรือขับขี่ติดต่อกันนาน ระบบจะขึ้น
ข้อความแนะนําให้หยุดพัก
FCW (Forward Collision Warning)
ระบบเตือนการชนด้านหน้า
ระบบจะตรวจจับระยะห่างระหว่างรถของคุณและรถคันหน้า
หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนรถคันหน้า ระบบจะส่งสัญญาณเตือน
AEB (Autonomous Emergency Braking)
ระบบช่วยเบรกรถอัตโนมัติ
ระบบจะช่วยทำการเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อลดโอกาส
ในการชนรถคันหน้า
ACC with Stop & Go (Adaptive Cruise Control with Stop & Go)
ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ แบบ Stop & Go
สามารถปรับลดความเร็วของรถแบบอัตโนมัติและปรับลด
ความเร็วตามรถคันหน้าแบบอัตโนมัติ จนถึงจุดหยุดนิ่ง
เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ และช่วยลดอาการเหนื่อยล้า
จากการขับในบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น รวมถึงระยะทางไกล บนถนนระหว่างเมือง
RCTB (Rear Cross Traffic Braking)
ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
ระบบจะช่วยเบรก หากตรวจพบความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจากรถ ที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาด้านหลัง ช่วยลด
ความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุขณะขับถอยหลังได้ดียิ่งขึ้น
AHB (Auto High Beam)
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ยามค่ำคืน ระบบจะช่วยปรับการทำงานของไฟสูงให้เหมาะสม หากระบบตรวจพบรถคันหน้าหรือขับรถเข้าในบริเวณที่มีแสงสว่างมากพอ
ไฟหน้าจะถูกปรับให้เป็นไฟต่ำอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสม
กับการขับขี่ และลดโอกาสที่การทำงานของไฟสูง
จะไปรบกวนรถคันอื่น
LDW (Lane Departure Warning)
ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน
ระบบจะส่งสัญญาณเตือน เมื่อตรวจพบการเบี่ยงออกนอกเลน โดยไม่ตั้งใจ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
PMM (Pedal Misapplication Mitigation)
ระบบช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด
หากระบบตรวจพบการเหยียบคันเร่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ขณะที่
รถหยุดนิ่งหรือเคลื่อนที่ช้าๆ และตรวจพบสิ่งกีดขวางด้านหน้ารถ ระบบจะช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้รถออกตัวในทันที
ซึ่งจะช่วยลดการเสียหายจากการชน
MSL (Manual Speed Limiter)
ระบบตั้งค่าจำกัดความเร็ว
โดยระบบจะมีหน้าที่จำกัดความเร็วในการขับขี่ ไม่ให้เกินความเร็ว สูงสุดที่ตั้งไว้แม้จะเหยียบคันเร่ง
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/