การต่อสู้กับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีน ซึ่งเข้ามารุกตลาดด้วยภาษีที่ได้เปรียบ ทำให้แบรนด์ญี่ปุ่นเก่าแก่อย่าง Mazda ซึ่งต้องปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ทำให้ต้องพบกับความยากลำบากในการขายรถใหม่มากยิ่งขึ้น จริงๆแล้ว Mazda มีผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่น่าใช้ให้เลือกมากมายหลายรุ่น เริ่มจากแมว 9 ชีวิต Mazda 2 ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเบนซิน 1.3 ลิตร หรือ ดีเซลเทอร์โบ 1.5 ลิตร ออกมาขาย 10 ปีแล้วก็ยังพอขายได้ ตามด้วย Mazda 3 และ CX-30 แฮตช์แบ็ก ซีดาน ครอสโอเวอร์ทรงสวย ถัดมาสำหรับท่านที่ชอบรถอเนกประสงค์คันเล็กกะทัดรัดก็คงต้องมองไปที่ Mazda CX-3 ครอสโอเวอร์ตัวจ้อยที่ลากขายมานาน พอลดราคาก็ช่วยให้ขายได้คล่องขึ้น เบาะหลังเล็กแต่ขับสนุกและได้รับความนิยมจากความลงตัวของเรือนร่างบวกประสิทธิภาพของการใช้งาน กระแสรถยนต์อเนกประสงค์ ทำให้ Mazda Sales Thailand ต้องส่ง CX-5 รุ่นปรับโฉมออกมาทำตลาด แม้จะล่าช้าไม่ค่อยทันใจลูกค้าเก่าที่อยากได้ CX-50 แต่รุ่นปรับโฉม CX-5 ถูกเปิดตัวเข้ามาขัดตราทัพด้วยดีไซน์ที่ปรับปรุงใหม่หลายจุด การ ลงลึกในรายละเอียดของอุปกรณ์ภายนอกใหม่ เพื่อปรับให้รถรุ่นใหม่ถูกใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น CX-5 รุ่นปรับโฉมที่โผล่ออกมาในช่วงปลายปี 2024 เป็นเอสยูวีขนาดกลางที่ใช้แนวคิดรถครอบครัวอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ (รุ่น 2.2 XDL AWD) ให้ความรู้สึกหนักแน่นและคล่องตัว

...






...



...
มิติตัวถัง มีขนาดความยาว 4,550 มิลลิเมตร กว้าง 1,840 มิลลิเมตร สูง 1,680 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 193 มิลลิเมตร ล้ออัลลอยลายใหม่ขอบ 19 นิ้ว ยาง TOYO PROXES R36C ไซล์ 225/55R19
Mazda CX-5 รุ่นปรับโฉม 2024 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ราคาปรับลดลงจากรุ่นปัจจุบัน ตั้งแต่ 100,000 บาท จนถึง 250,000 บาท
CX-5 2.0 S 6AT : 1,219,000 บาท
CX-5 2.0 SP 6AT : 1,299,000 บาท
CX-5 2.2 XDL 6AT AWD : 1,669,000 บาท (คันทดสอบ)
CX-5 2.2 XDL 6AT AWD รุ่นปรับโฉม 2024 เครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D 2.2 ลิตร ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่ GVC-Plus อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 15.9 กม./ลิตร (ขับจริง 13.2 กิโลเมตรต่อลิตร) ช่วงเปิดตัว ดอกเบี้ย 1.99% แถมประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Ultimate Service (MUS) โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี (รับประกันคุณภาพรถนาน 5 ปี /ค่าบำรุงรักษารถตามระยะ 5 ปี (ฟรี ค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว) / บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี) เฉพาะลูกค้า Mazda Family รับเพิ่มบัตรน้ำมัน 30,000 บาท

...









ความเปลี่ยนแปลงใหม่ ใน Mazda CX-5 2.2 XDL Diesel AWD
กระจังหน้าใหม่
กันชนหน้าใหม่
กันชนหลังใหม่
ไฟหน้าและไฟท้ายใหม่
ล้ออัลลอย 19 นิ้ว ใหม่
ตกแต่งภายนอกแบบ Exclusive Package
ชายล่างกันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ
ชายล่างกันชนหลังสีเดียวกับตัวรถ
ชายล่างขอบประตูสีเดียวกับตัวรถ
คิ้วซุ้มล้อสีเดียวกับตัวรถ
ปลายท่อไอเสียคู่ ขนาดใหญ่
อัพเกรดระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay เป็นแบบไร้สาย
เพิ่มแป้นเปลี่ยนเกียร์ Sport Paddle Shift
เพิ่มระบบ Hand Free Power Lift Gate (ฝาท้ายเปิด – ปิดโดยไม่ต้องใช้มือ)
เพิ่มระบบ Cruising Traffic Support
อัพเกรดระบบ Mazda Radar Cruise Control เป็นแบบมี Stop & Go
เพิ่มระบบขับขี่แบบ Off-road พร้อมสวิตช์ Mi-DriveMazda




CX-5 รุ่นปรับโฉม 2024 เป็นการส่งมอบครอสโอเวอร์-เอสยูวีที่มีความสมบูรณ์แบบ การเพิ่มทั้งเทคโนโลยีและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแลระะความปลอดภัยให้ครบครันยิ่งขึ้น มีความอเนกประสงค์ของการใช้งาน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน มาพร้อมดีไซน์ภายนอกใหม่ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟซึ่งเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน ราคาปรับใหม่ทำให้เข้าถึงและเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ New Mazda CX-5 เริ่มจากการออกแบบภายนอกที่สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยผสมผสานระหว่างภาพลักษณ์ความสปอร์ตและความหรูหราอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้าดีไซน์ใหม่โปรเจคเตอร์แบบ LED เปิด-ปิด และปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ ไฟท้ายใหม่แบบ LED Signature กระจังหน้าแบบใหม่ กันชนหน้าและกันชนหลังแบบใหม่ ชุดตกแต่งคิ้วข้างประตูใหม่ ล้ออัลลอยและท่อไอเสียดีไซน์ใหม่











ภายใน เลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยมในทุกจุดสัมผัส เบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาล ใช้วัสดุตกแต่งภายในแบบ Real Wood และสีเงินซาตินโครม หรือเบาะหนัง Nappa* สีแดง Deep Red ตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาลเข้ม หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า เทคโนโลยีเชื่อมต่อ Wireless Apple CarPlay® Android AutoTM*แบบไร้สาย แสดงผลบนหน้าจอสี Center Display ทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander ปุ่มควบคุมจัดวางในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก ระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง ลำโพง 10 ตำแหน่ง รุ่นเริ่มต้นมีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ติดตั้งระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ Off-Road (Off-Road Traction Assist) ช่วงล่างปรับปรุงใหม่ เพื่อเพิ่มความนุ่ม เสริมคานด้านล่างของห้องโดยสารตอนหลัง เปลี่ยนสปริงและโช๊คใหม่













ตำแหน่งของเบาะคนขับมอบท่านั่งที่พอดิบพอดีสำหรับการควบคุม การจัดวางพวงมาลัย แป้นคันเร่งและแป้นเบรกถูกคิดคำนวณมาเป็นอย่างดี มาตรวัดของ CX-5 2.2 XDL ผสมผสานระหว่างจอภาพและมาตรวัดแบบคลาสสิก คอนโซลติดตั้งจอมอนิเตอร์ระบบสัมผัส ขนาดความกว้างของหน้าจอยังคงเล็กเหมือนเดิม ปุ่มควบคุมที่ลอกเลียนแบบระบบ MMI ของ Audi ใช้งานง่าย ช่องแอร์และชุดควบคุมอุณหภูมิก็ยังคล้ายกับรถยุโรปรวมถึงโทนสีดำสลับน้ำตาลของภายในรุ่นดีเซล XDL ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ เสียงเครื่องดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร ติดขึ้นมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน มาตรการป้องกันเสียงแปลกปลอมจากภายนอก รวมถึงเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลใรรอบเดินเบาเมื่อจอดนิ่งๆ อยู่กับที่ ภายในห้องโดยสารได้ยินเสียงเครื่องเบาๆ เป็นอีกจุดที่ทำได้ตามมาตรฐานของรถดีเซลญี่ปุ่น แต่ถ้าเร่งรอบสูงเมื่อไหร่ เสียงเครื่องก็จะได้ยินอย่างชัดเจนและดังกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน










ซันรูฟไฟฟ้า ไม่ได้เป็นแบบ Panoramic Roof ส่วนเบาะหลังมีพื้นที่กว้างใช้ได้ นั่งสบายในตำแหน่งสองคน แต่ถ้านั่งสามคนเดินทางไกลจะอึดอัดกว่า เบาะหลังมีพนักเท้าแขนตรงกลาง ที่วางแก้วน้ำ ช่องแอร์ของผู้โดยสารตอนหลัง ช่องใส่เอกสาหลังเบาะคู่หน้า พื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะมีมาให้อย่างพอเพียงตามรูปแบบของเอสยูวีไซล์กลาง เครื่องเสียง Bose คมชัดใช้ได้ แต่เสียงเบสแห้งไปนิด ถ้าเพิ่มซับวูฟเฟอร์ได้จะดีกว่านี้ จุดที่ชอบก็คือ ปุ่มควบคุมระบบ MZD CONNECT ที่คอนโซลกลางตรงตําแหน่งใกล้มือผู้ขับ ออกแบบให้ใช้งานง่าย หมุนหาฟังก์ชันที่ปรากฏขึ้นบนจอ CENTER DISPLAY ไม่ต้องเอื้อมมือไปแตะหน้าจอเพื่อสั่งงาน หน้าจอสีแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงไฮเอนด์ BOSE พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play


เครื่องดีเซลแถวเรียง 4 สูบ SKYACTIV-D ขนาด 2.2 ลิตร เทคโนโลยีสกายแอคทีฟคลีนดีเซล ระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น กำลังถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD ระบบวาล์วไอเสียแปรผัน VVT เคลมประหยัดน้ำมัน 15.9 กิโลเมตร/ลิตร มาตรฐานการปล่อยไอเสียระดับ Euro5


เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบแบบ two stage turbocharger ใช้เทอร์โบสองตัวประกบติดกันเพื่ออัดอากาศเข้าท่อร่วมไอดี เครื่องดีเซลตัวเดียวกับ CX-5 รุ่นที่แล้วแต่มีการปรับจูน ECU ที่ใช้ควบคุมเพื่อทำให้มันตอบสนองได้ดีขึ้น ปริมาตรความจุ 2,191 ซีซี พอดิบพอดีกับขนาดและน้ำหนักเมื่อมองดูตัวเลขของแรงม้าและแรงบิดที่มีความสมน้ำสมเนื้อกับเรือนร่าง




กำลัง 190 แรงม้า กับแรงบิด 450 นิวตันเมตร โผล่ออกมาทันทีในรอบเครื่องยนต์แค่ 1,350-2,000 รอบต่อนาที การไต่ระดับความเร็วขึ้นทางเนินบนเส้นทางภูเขา ด้วยแรงบิดที่ดีทำให้การขับขึ้นทางลาดชันใช้คันเร่งไม่มาก ไม่ต้องกดกันจนสุด CX-5 2.2 XDL มีไดนามิกส์ที่ผสมกับความสนุก เครื่องยนต์ รับมือกับการเร่งความเร็วเรียกแรงบิดได้ดี เครื่องยนต์ดีเซล SkyActiv-D เป็นเครื่องยนต์จุดระเบิดด้วยการอัดอากาศที่อุณหภูมิสูง หัวฉีดจะพ่นละอองเชื้อเพลิงแรงดันสูงเข้าไปปะทะกับอากาศที่มีทั้งความดันและอุณหภูมิที่สูง เกิดการสันดาปอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามเครื่องยนต์ดีเซลสมัยใหม่ทั่วไปยังคงมีมลพิษบางชนิดที่ปะปนออกมาขณะที่ระบายทิ้งในท่อไอเสีย มลพิษดังกล่าวได้แก่ คาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์และคราบเขม่า วิศวกรของ Mazda ได้ทำการคิดค้นกรรมวิธีในการกำจัดมลพิษ ด้วยการลดอัตราส่วนกำลังอัดลงให้มีความสมมาตร จนได้มาตรฐานมลพิษ EURO-5





จังหวะของการฉีดเชื้อเพลิงจากหัวฉีดในเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไปจะอยู่หลังจากสูบเคลื่อนที่มาจากศูนย์ตายบนเล็กน้อย ความล่าช้าดังกล่าวช่วยเข้ามาลดความรุนแรงของการสันดาปเนื่องจากใช้อัตราส่วนกำลังอัดที่สูงมาก ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน ความล่าช้าของจังหวะนั้นทำให้เกิดมลพิษ แล้วต่อเนื่องไปถึงค่าการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ กลายเป็นที่มาของการใช้เชื้อเพลิงที่ไม่ค่อยมีความคุ้มค่า การลดอัตราส่วนกำลังอัดของเครื่องยนต์ดีเซลใน CX-5 SkyActiv-D ขจัดปัญหาเครื่องยนต์สตาร์ตติดยากจากอากาศที่ปลายจังหวะของการอัดมีอุณหภูมิ และความดันลดลง รอบเดินเบาของเครื่องยนต์ดีเซล SkyActiv-D มีความนิ่งและมั่นคงด้วยยางแท่นเครื่องที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ รวมถึงการใช้หัวเทียนแบบเซรามิกที่มีความแข็งแกร่งทนทาน หัวเทียน Ceramic Grow Plugs จะช่วยสร้างการจุดระเบิดขณะสตาร์ตเครื่องยนต์ในอุณหภูมิต่ำ รวมถึงการนำเอาระบบวาล์วแปรผันแบบต่อเนื่องเข้ามผนวกในเครื่องยนต์ดีเซล SkyActiv-D กลไกของวาล์วแบบแปรผันจะทำหน้าที่ปรับระยะของการยกตัว Lift ของวาล์วไอเสีย ขั้นตอนนี้ทำให้ไอเสียสามารถไหลออกจากห้องเผาไหม้ได้มากหรือน้อย เร็วหรือช้าได้ด้วยการทำงานของระบบวาล์วแบบนี้ การกักเก็บไอเสียไว้จะช่วยทำให้เครื่องยนต์เข้าสู่อุณหภูมิของการทำงานที่มีความสมบูรณ์ได้อย่างรวดเร็ว




อัตราส่วนกำลังอัดที่ลดลงเหลือ 14.0:1 รวมถึงการปรับจังหวะของการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงให้เร็วขึ้น ช่วยให้เกิดการเผาไหม้ที่มีความสมบูรณ์ เทคโนโลยีหัวฉีดเชื้อเพลิงสมัยใหม่ใน CX-5 รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลนั้น ใช้หัวฉีดแบบ Piezo เข้ามารับหน้าที่นี้แทนหัวฉีดแบบเก่า ปลายของหัวฉีด Piezo มีรูมากถึง 10 รู วางตำแหน่งอยู่รอบๆ หัวฉีดในแบบ 360 องศา รอบทิศทาง ด้วยแรงอัดที่แปรผันไปตามจังหวะของการโหลดในระดับ 2,000 บาร์ หัวฉีดไฟฟ้าแบบยิงตรงของเครื่องยนต์ดีเซล SkyActiv-D จะเริ่มทำงานตั้งแต่ปลายจังหวะของการอัด ขณะที่ลูกสูบเลื่อนขึ้นไปสู่ศูนย์ตายบน ในวัฏจักรของการเผาไหม้ หัวฉีดของ SkyActiv-D สามารถฉีดเชื้อเพลิงดีเซลในปริมาณที่มีความแตกต่างกันตามค่าของการคำนวณมาก ถึง 9 ครั้ง โดยแบ่งออกเป็นการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงหลักๆ ได้ 3 แบบคือ
1-Pre-injection หรือการฉีดเชื้อเพลิงแบบล่วงหน้า
2-Main-injection หรือการฉีดเชื้อเพลิงในขั้นตอนปกติ
3-Post-injection หรือการฉีดเชื้อเพลิงหลังจากจังหวะของการฉีดจ่ายแบบปกติ






เนื่องจากมีอัตราส่วนกำลังอัดที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป ทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลงอีก 20% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ดีเซลของคู่แข่ง เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นล่าสุดของ Mazda เป็นแบบแถวเรียง 4 กระบอกสูบ 16 วาล์ว 4 วาล์วต่อสูบ ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮตแคมชาร์ป (DOHC) ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 2,191 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 86.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 94.2 มิลลิเมตร ระบบอัดอากาศของเครื่อง SkyActiv-D 2.2 ลิตร วางเทอร์โบชาร์จเจอร์ 2 วงจรหรือเทอร์โบคู่แบบ two- stage turbocharger ให้การตอบสนองที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงขณะทำงานตั้งแต่รอบต่ำไปจนถึงรอบสูงสุด เครื่องยนต์ SkyActiv-D ผ่านข้อกำหนดมาตรฐานไอเสียในระดับ EURO-5 โดยไม่มีความจำเป็นต้องเติมสารเร่งปฏิกิริยาเพื่อลด CO2





เทอร์โบแบบ Two-stage Turbocharger คอยเสริมสมรรถนะในด้านแรงบิด ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษ ในเครื่องดีเซล SkyActiv-D ใช้เทอร์โบชาร์จสองตัวที่มีขนาดแตกต่างกัน ตัวหนึ่งจะมีขนาดเล็กและอีกตัวจะใหญ่กว่า เทอร์โบคู่ชุดนี้ทำงานตามสภาวะของการขับขี่ เทอร์โบตัวเล็กทำหน้าที่ป้อนอากาศเข้าไปยังห้องเผาไหม้ในรอบต่ำถึงปานกลาง เพื่อป้องกันปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นกับรถยนต์ติดเทอร์โบเมื่อออกตัวเต็มกำลังในรอบต่ำ ขนาดที่เล็กของเทอร์โบตัวแรกทำให้มันสามารถบูสอากาศปริมาณมากๆ ที่รอบต่ำได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันอาการ Turbo Lag เนื่องจากแรงดันของก๊าซไอเสียไม่พอเพียงต่อความต้องการที่จะไปหมุนกลีบเทอร์ไบน์ในช่วงความเร็วของรอบเครื่องยนต์ต่ำ ส่วนเทอร์โบตัวที่สองที่มีขนาดโตกว่าเล็กน้อยเข้ามารับหน้าที่อัดอากาศตั้งแต่รอบปานกลางต่อเนื่องไปจนถึงรอบสูงสุด เป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่สามารถลากรอบทะลุ 5,200 รอบได้อย่างรวดเร็ว ส่งถ่ายพลศาสตร์ของกำลังแรงม้าที่แปรเปลี่ยนมาเป็นแรงบิดและ มอบความสนุกให้กับการเร่งความเร็วอย่างฉับพลันทันที ผลที่ได้รับจากเทอร์โบคู่ต่างขนาดคือความสมบูรณ์ของจังหวะการเผาไหม้ มีอากาศเข้าท่อร่วมไอดีที่เพียงพอต่อการเผาไหม้ก๊าซพิษไนโตรเจนออกไซด์ ทำให้เขม่าลดลงมากกว่าเครื่องดีเซลแบบเก่า





เกียร์ออโต้ 6 สปีด Skyactiv transmission เป็นเกียร์อัตโนมัติแบบฟันเฟืองทอร์คคอนเวอร์เตอร์ที่ปรับอัตราทดให้ครอบคลุมการใช้งาน แถมยังช่วยลดรอบเครื่องยนต์เมื่อวิ่งที่ย่านความเร็วเดินทางทำให้เกิดความประหยัด แม้จะไม่มีสวิตช์ Sport เหมือนรุ่นเบนซินแต่เกียร์ก็ฉลาดหลักแหลมมากพอที่จะปรับความสมดุลของอัตราทดให้เข้ากับสภาพเส้นทาง ผมลองทดสอบการตอบสนองของเกียร์โดยผลักคันเกียร์มาทางขวาเพื่อเข้าสู่โหมดแมนนวลสำหรับการปรับอัตราทดด้วยตัวคนขับเอง เกียร์ทำงานได้รวดเร็วเมื่อชิฟขึ้น-ลง มันตอบสนองได้อย่างว่องไวในการเลือกอัตราทดที่มีความเหมาะสมกับเส้นทางภูเขาและให้ความรู้สึกที่ดีกว่าเกียร์ CVT เป็นชุดส่งกำลังที่น่าชื่นชมและเป็นอุปกรณ์ในระบบส่งกำลังของ Mazda ที่มีการปรับจูน ECU ใหม่ ช่วยทำให้ CX-5 ขับสนุก




Mazda เป็นแบรนด์รถยนต์ที่เน้นหนักในประสิทธิภาพของชุดบังคับเลี้ยวและการทำงานของระบบรองรับ ช่วงล่างด้านหน้าของ CX-5 เป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพแก๊ส พร้อมเหล็กกันโคลงที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับความเสถียรเมื่อใช้ความเร็ว ส่วนช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบอิสระมัลติลิ้งค์ โช้คอัพและกันโคลงเส้นเขื่อง ระบบรองรับของ CX-5 ผ่านการคำนวณค่าและปรับตั้งใหม่ จุดยึดและมุมต่างๆ ของช่วงล่างใน New CX-5 แม้จะถูกปรับให้นิ่มลงก็ยังคงสอดคล้องกับความเป็นไดนามิก แชสซีส์และช่วงล่าง SkyAciv Chassis มอบความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนขับและรถตามเอกลักษณ์ที่ Mazda ยึดถือ ด้วยคุณสมบัติของการออกแบบในเชิงเรขาคณิต เพื่อนำเอาส่วนที่ดีที่สุดของระบบรองรับมาปรับใช้ใน CX-5 ก่อให้เกิดการตอบสนองที่เป็นกลางของตัวรถในทุกๆ ย่านความเร็ว โช้คและสปริงใหม่ ให้ความรู้สึกแข็งขึ้นกว่าเดิม เหมาะสมหรับการใช้ความเร็วสูงบนทางตรงยาว ส่วนทางที่มีความขรุขระ ทางลูกรัง ความแข็งของช่วงล่างท่ีเพิ่มขึ้นอีกนิดไม่ส่งผลกระทบด้านความไม่สบายตัวเมื่อขับบนทางลูกรัง




ระบบควบคุมการทรงตัวและรักษาเสถียรภาพของรถ G-Vectoring Control เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยทำให้อาการโคลงตัวขณะบังคับพวงมาลัยลัดเลาะไปตามโค้งลดลง ทำงานในย่านความเร็วต่ำและช่วยทำให้อาการวิงเวียนศีรษะมึนงงจากแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางหรือแรง G ที่เกิดขึ้นขณะขับเข้าโค้งน้อยลง ช่วยทำให้ขับหรือนั่งได้สบายเนื้อสบายตัวมากกว่าเดิม g-vectoring control จาก Mazda ปรุงแต่งให้ล้อแต่ละข้างมีความเสถียรด้วยการให้ความสำคัญกับการรับน้ำหนักในแนวดิ่งของยางแต่ละเส้น เมื่อผู้ขับเริ่มบังคับพวงมาลัยเพื่อทำการหักเลี้ยวเข้าสู่ทางโค้ง GVC หรือ G-Vectoring Control ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมแรงบิดจะเข้ามาทำการควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์เพื่อลดแรง G ที่เกิดขึ้นในขณะชะลอความเร็ว ทำให้การรับน้ำหนักถูกผ่องถ่ายไปที่ล้อหน้า เป็นการเพิ่มสัมผัสของหน้ายางกับผิวถนนช่วยให้ล้อหน้ายึดเกาะกับถนนได้ดียิ่งขึ้น รถจะตอบสนองต่อการเลี้ยวได้ดีขึ้นขณะขับเข้าโค้ง








เมื่อรักษาองศาของพวงมาลัยขณะอยู่ในโค้ง GVC หรือ G-Vectoring Control จะทำการคืนแรงบิดของเครื่องยนต์ทันที ทำให้เกิดการถ่ายเทน้ำหนักที่ถูกต้อง ช่วยทำให้รถมีความมั่นคงมากขึ้น ระดับของการควบคุมนั้นมีความซับซ้อนอย่างมาก ระยะเวลาในการตอบสนองต่อการบังคับพวงมาลัยของผู้ขับนั้นสั้นเกินกว่าที่สายตาของมนุษย์จะสามารถสังเกตได้ ทำให้แรงจีที่เกิดขึ้นจากการชะลอความเร็วอยู่ที่ประมาณ 0.01G หรือต่ำกว่านั้น คุณลักษณะอีกอย่างหนึ่งของ G-Vectoring Control คือการเพิ่มเติมความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติขณะขับเข้าสู่ทางโค้ง โดยระบบจะตอบสนองการควบคุมแรงบิดของล้ออย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำมากกว่าการควบคุมโดยปราศจาก G-Vectoring Control ลดอาการโคลงตัวในโค้งได้ดีขึ้น





CX-5 รุ่นดีเซล XDL จัดเต็มอุปกรณ์และสภาพการขับเคลื่อนที่เหมาะสม เป็นการอัพเกรด CX-5 เจน 2 ที่คุ้มค่าแม้จะมีราคาค่าตัวแพงกว่าเดิม เครื่องยนต์มีแรงบิดดี เกียร์ดีใช้ได้และให้อารมณ์สปอร์ตแตกต่างจากเกียร์ CVT พวงมาลัยเบาลง ช่วงล่างนิ่มนวลขึ้น จูนมาสำหรับผู้หญิงที่ชอบขับรถแต่ผู้ชายก็ได้อารมณ์เดิมๆ ครบถ้วน เก็บเสียงดีมาก เงียบกริบมีแค่เสียงยาง Toyo ในล้อขอบ 19 เท่านั้น เสียงลมปะทะกับตัวถังแทบจะไม่ได้ยิน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงบนทางท้านรกเส้นนี้ เจ้า CX-5 ดีเซลทำได้ 12.5 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าประหยัดใช้ได้ ส่วนจุดด้อยก็คือ ไม่มีแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift รวมถึงราคาค่าตัวที่ลดลงมาค่อนข้างมาก
New Mazda CX-5 ระบบความปลอดภัย i-Activsense
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-Keep Assist System)
ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go (Mazda Radar Cruise Control with Stop & Go)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support)
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ แบบ Advance หรือ Advance SCBS (Advanced Smart City Brake Support)
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse)
ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า (Windshield Active Driving Display) ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ระบบเบรกมือไฟฟ้าระบบ Auto Hold
ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Light
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า พร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า
มาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อค พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่
กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ช่อง USB สำหรับชาร์จไฟด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลังอีก 2 ช่อง
ประตูท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี Hand Free Power Lift Gate
ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS
ระบบถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
ระบบแสดงภาพ 360 ̊ รอบทิศทาง
สีภายนอก 7 สี
สีขาว สโนเฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
สีดำ เจ็ท แบล็ค (Jet Black)
สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู (Deep Crystal Blue)
สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
สีเทา โพลี เมทัล เกรย์ (Polymetal Gray) สีใหม่
สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz) สีใหม่
ระบบไฟหน้า Adaptive LED projector
ระบบปรับลำแสงอิสระซ้าย – ขวา ป้องกันการแยงตา
ระบบเปิด – ปิด ไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
ระบบปรับระดับสูง – ต่ำ อัตโนมัติ
ไฟส่องสว่างมุมด้านข้าง Cornering Lights
ไฟ Daytime Running Lights แบบ LED Signature
ไฟท้ายแบบ LED Signature
ไฟส่องป้ายทะเบียนแบบ LED
หลังคา Sunroof เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensor
กระจกมองข้างปรับ และพับด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
วัสดุตกแต่งเสา B-Pillar สีดำ Piano Black
สปอยเลอร์หลัง
เสาอากาศแบบครีบฉลาม Shark Fin
ท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ต พร้อมปลายท่อโครเมียม
ฝาท้ายเปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า Power Tailgate พร้อมระบบ Hand-free
ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว
ยางขนาด 225/55 R19
ล้ออะไหล่แบบชั่วคราว
เซนเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 ตำแหน่ง
เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start/Stop Button
ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ
พวงมาลัย Multifunction หุ้มด้วยหนัง ปรับได้ 4 ทิศทาง
หัวเกียร์หุ้มด้วยหนัง ตกแต่งด้วยสีเงิน Satin Chrome
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa สีน้ำตาลแดง Deep Red
ระบบระบายอากาศเบาะนั่งคู่หน้า Seat Ventilation
เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
สวิตช์ดันหลังไฟฟ้า Lumbar Support
หน่วยความจำตำแหน่งเบาะนั่ง Memory Seat 2 ตำแหน่ง
เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง
เบาะนั่งด้านหลัง พับอิสระ 40 : 20 : 40
เบาะนั่งด้านหลัง ปรับเอนได้
สลักดึงพับเบาะนั่งจากด้านหลัง
วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร แบบ Real Wood
วัสดุตกแต่งสวิตซ์กระจกหน้าต่าง สีเงิน Satin Chrome
วัสดุตกแต่งพนักวางแขนบนแผงประตู หนังน้ำตาลแดง Deep Red
วัสดุตกแต่งกล่องเก็บของคอนโซลกลาง หนังน้ำตาลแดง Deep Red
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี บนกระจกหน้า Active Head-up Display
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนมาตรวัดแบบสี MID
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
กระจกมองหลังแบบไร้กรอบ Frameless ปรับลดแสงอัตโนมัติ
กระจกหน้าต่างไฟฟ้า ขึ้น-ลงอัตโนมัติ 4 บาน
ระบบป้องกันการหนีบ Protection JAM หน้าต่าง 4 บาน
แผงบังแดดคู่หน้า พร้อมกระจก และ ไฟส่องสว่าง
ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ LED
ไฟส่องสว่าง Downlight บริเวณคอนโซลกลาง
ไฟส่องสว่างที่วางเท้า ด้านหน้า – ด้านหลัง
ช่องชาร์จไฟ 12V 3 ตำแหน่ง
ช่องชาร์จไฟ USB 2.1 A 2 ตำแหน่ง ที่พนักวางแขนด้านหลัง
แผงกั้นสัมภาระด้านท้าย
ปุ่มควบคุมการพับเบาะจากที่เก็บสัมภาระ
หน้าจอ Center Display ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว
ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto
ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
ระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition
ระบบนำทาง Navigation System
เครื่องเสียงวิทยุ AM/FM
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
ระบบ Auto Brake Hold
ปุ่มควบคุม Center Command
ช่องเชื่อมต่อ AUX
ช่องใส่ SD Card
ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง
ระบบเสียงรอบทิศทาง BOSE® Surrond Sound
ลำโพง 10 ตำแหน่ง พร้อมโปรแกรม AudioPilot2 และ CenterPoint2
ระบบล็อกและปลกล็อคประตูอัตโนมัติ Auto Door Lock