ตัวอักษร F ใน Lexus บ่งบอกถึงความไม่ธรรมดาที่มาพร้อมกับราคาชวนสะดุ้ง F-Sport ย่อมาจากพลังงานและความสง่างาม ในอดีตหมายถึง Lexus เครื่อง V6 V8 หรือแม้แต่ V10 (ใน LFA) กับอุปกรณ์ตกแต่งในระดับสูงสุด ซาวนด์แทร็กที่เร้าใจ ความหรูหราที่ทำให้ตกตะลึง ซึ่งแม้แต่เครื่องเสียงก็ยังเหนือชั้นกว่ารถยนต์รุ่นพิเศษที่ใส่เครื่องเสียง hi-end ราคาแพง ปัจจุบัน F-Sport ยังคงมีคาแรกเตอร์เหมือนเดิม นั่นก็คือ ความหรูหรา พลังจากเครื่องยนต์ (ที่เล็กลง) และราคาที่แพงจัดเหมือนเดิม ล่าสุดกับการรีวิว RX 500h F Sport นับเป็น RX รุ่นแรกที่ได้รับการยกระดับศักยภาพด้านไดนามิกแบบเต็มสูบ เครื่องยนต์และช่วงล่างที่ปรับแต่งมาอย่างเรียบง่าย เป็นรถครอสโอเวอร์ที่ถูกอัปเกรดทั้งอุปกรณ์ ฟีลลิ่งหลังพวงมาลัยและความสวยงามของงานตกแต่งภายนอกและภายใน RX 500h รถทดสอบในสัปดาห์นี้ ใช้เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่สูบ เทอร์โบชาร์จ กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ส่วนระบบส่งกำลังแบบ CVT ที่รถไฮบริดของ Toyota และ Lexus ใช้มาโดยตลอดถูกยกเลิกออกไป ที่แปลกก็คือมันมีมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรงที่เพลาล้อหลังพร้อมระบบควบคุมแรงบิดแบบใหม่เอาไว้เร่งความเร็วผสานการทำงานกับเครื่องเบนซิน 2.4 ลิตร
BMW X5 xDrive50e M Sport ราคา 5,399,000 บาท
Lexus RX500h F Sport AWD ราคา 5,500,000 บาท
Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ ราคา 5,990,000 บาท
Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ราคา 5,799,000 บาท
Porsche Cayenne Cayenne E-Hybrid 2024 ราคา 6,590,000 บาท
Range Rover Sport Plug in Hybrid 2024 ราคา 8,599,000 บาท

...



สิ่งที่ Lexus ทำได้ดีมาโดยตลอดก็คือ ความใส่ใจในรายละเอียดพวกงานประกอบ คุณภาพของวัสดุ ความคงทนและการแสดงออกถึงวัฒนธรรมอันละเอียดอ่อนของประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่เปิดตัวในปี 1998 Lexus RX Crossover ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม และ Lexus ก็รักษาฐานลูกค้าเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยใช้การหล่อหลอมยานยนต์กลุ่ม Crossover หรูไซส์กลางด้วยพัฒนาการเชิงรุก เติมบุคลิกที่สง่างาม เข้าถึงได้ง่าย ใช้งานได้ดี และมีชื่อเสียงด้านความแข็งแรงคงทนไม่จุกจิก สำหรับ Lexus RX ในไทย มีสามรุ่นให้เลือกคือ RX350h / RX450h+ /RX500h F Sport แต่ RX500h Direct4 รุ่น F Sport เป็น RX รุ่นแรกที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อยกระดับศักยภาพในการทำความเร็วได้ดีกว่าที่เคยมีมา RX ใหม่ เปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์ม TNGA-K รุ่นฐานล้อยาวพิเศษ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ฐานล้อและพื้นที่ห้องโดยสารเพิ่มขึ้น 60 มิลลิเมตร นอกจากนี้ RX รุ่นที่ 5 ยังเตี้ยและกว้างกว่ารุ่นที่ 4 เล็กน้อย มีหลังคาและแนวขอบตัวถังที่ต่ำลง จุดสะโพกของผู้ขับขี่ที่ต่ำลง และจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง รุ่นที่คล้ายกันมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นที่ถูกแทนที่โดยตรงประมาณ 90 กิโลกรัม เนื่องจากมีการใช้วัสดุทดแทนที่มีน้ำหนักเบา เช่น การใช้อะลูมิเนียมสำหรับฝากระโปรงหน้าและปีกหน้า

...


Lexus RX500h 2024 รถทดสอบในเจเนอเรชันล่าสุดของตระกูล RX สีเทา Cloudburst Gray กับชุดแต่ง F Sport มีราคาค่าตัว 5,500,000 บาท เป็นครอสโอเวอร์ ที่ใช้ความสง่างามของรูปลักษณ์กับความหรูหราของงานตกแต่งภายในเพื่อดึงดูดความสนใจของเศรษฐีไทย RX500 F Sport ตัวสุดในรุ่นที่มีขายในไทยต่อจากรุ่นรองอย่าง RX350h และ RX450h+ สำหรับรุ่นท็อปสุด RX500h ติดตั้งชุดแต่ง F Sport มาพร้อมกับการปรับหน้าตาที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น ด้านหน้าดุขึ้นกว่าเดิม ด้วยกระจังหน้าพลาสติกสีดำเงา F Sport กระจัง Spindle Grille ของ RX500h เต็มไปด้วยรายละเอียด ช่องรับอากาศแบบตะแกรงรังผึ้งพลาสติกสีเทา-ดำครอบคลุมเกือบทั้งหมดจากส่วนหน้าของตัวรถ สปอยเลอร์หน้าขนาดใหญ่ครอบทับส่วนหน้า ชายล่างของสปอยเลอร์หน้ามีชิ้นงานตกแต่งพลาสติกสีเงิน ไฟตัดหมอกอยู่ในกรอบสีดำเงา
...



...

RX500h F Sport มีหน้าที่เต็มไปด้วยเหลี่ยมมุม ออกแบบโดยใช้รูปทรงสมมาตร เชื่อมโยงไฟหน้าและชุดกระจังหน้า ระบบส่องสว่าง ติดตั้งไฟหน้าพร้อมไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running Lights อยู่ในกรอบไฟหน้า ไฟหน้า Bi-LED สามดวง ให้กำลังในการส่องสว่างสูง ฝากระโปรงหน้าเชื่อมโยงกับมุมของกระจัง Spindle Grille โดยยกสันมุมขึ้นเล็กน้อยบริเวณที่ติดกับแก้มข้าง ระบบไฟอัตโนมัติ Adaptive LED เพิ่มแสงสว่างเปิดมุมมองตอนกลางคืนให้กระจ่างตา ด้วยไฟอัตโนมัติเต็มระบบที่มีประสิทธิภาพสูง จากกำลังการส่องสว่างไกล 600 เมตร โดยภาพรวม ด้านหน้าของ Lexus New RX500h F Sport มีให้คุณทั้งความงามที่แปลกตาและความดุดันเมื่ออยู่ในสีเทา ที่มีความสดใสเป็นประกายจากชั้นสีแบบพิเศษในขั้นตอนของการพ่นและเคลือบหนากว่า 4 ชั้น



ด้านข้างของ RX500h F Sport ไล่จากแก้มข้างที่กรุโพงซุ้มล้อด้วยพลาสติกสีเดียวกับตัวถัง เหมือนเอสยูวีหรูจากยุโรป เส้นด้านข้างตัวรถลากจากไฟหน้าทแยงขึ้นบนเล็กน้อยไปจรดกับไฟท้าย เสาหน้าค่อนข้างลาดเอียง เชื่อมต่อกับกระจกและผืนหลังคา Panoramic Roof แล้วค่อยๆ ลดระดับไปจนถึงเสาท้าย กรอบกระจกบังลมกรุด้วยเส้นโลหะสีเทาเข้มเพิ่มความหรู เสาท้ายพร้อมช่องหน้าต่างที่ลดความอึดอัดและเพิ่มทัศนวิสัยมุมมองด้วยการเจาะเสาท้ายพร้อมกับติดตั้งกระจกเพิ่มความโปร่งโล่ง สันหลังคามีโครงแร็กโลหะไว้ยึดกับแร็กเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนสัมภาระ Lexus RX500h F Sportrt ใส่ล้ออัลลอยแบบก้านถี่ลายล่าสุดสีเทาดำเงาแวบขนาด 21 นิ้ว ใหญ่โตสะใจเต็มซุ้มล้อ ยาง PilotSport4 SUV ไซส์ 235/55R20 สำหรับมิติขนาดของตัวรถ มีความกว้าง 1,920 มิลลิเมตร ยาว 4,890 มิลลิเมตร และสูง 1,695 มิลลิเมตร ความยาวดุมล้อหน้าถึงดุมล้อหลัง (ความยาวฐานล้อ) 2,850 มิลลิเมตร ถังเชื้อเพลิงจุ 65 ลิตร น้ำหนักตัวรถ 2,160 กิโลกรัม







บั้นท้ายยังมีเหลี่ยมมุมที่เชื่อมโยงกันตลอดทั่วทั้งคัน ไฟท้ายทรงยาวเชื่อมต่อกันทั้งสองฝั่งแบบล่าสุด หลอด LED ไฟเลี้ยวใช้หลอด LED ในตำแหน่งไฟเลี้ยวที่กะพริบจากด้านในไปด้านนอก LED Sequential เพิ่มมุมมองด้านความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลน ฝาท้ายไฟฟ้าใช้ระบบเปิดฝาท้ายแบบใหม่ Touch Power back door กับระบบเปิดฝาท้ายอัตโนมัติในกุญแจรีโมต เซนเซอร์ที่ติดตั้งจะรับสัญญาณแล้วสั่งให้ฝาท้ายเปิดออกแบบอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกขณะขนของชิ้นโตหรือตัวถังวิ่งลุยโคลนมาจนเลอะเทอะแล้วไม่สามารถเอื้อมมือไปกดเพื่อเปิดฝาท้ายได้ (กุญแจต้องอยู่กับตัว) ฝาท้ายเปิดออกด้วยมุมที่กว้างและสูงมากเป็นพิเศษ รวมถึงเบาะหลังที่มีสวิตช์พับและกางเบาะด้วยการกดปุ่มเพียงแค่ครั้งเดียว สปอยเลอร์หลังคาซ่อนที่ปัดน้ำฝนกระจกบานฝาท้ายได้อย่างแนบเนียน นับเป็นอีกจุดที่ทำได้ดีเพราะมองไม่เห็นที่ปัดน้ำฝนกระจกบานหลังซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้สปอยเลอร์หลังคา สอดรับกับความโค้งของฝาท้ายและกระจกบานหลังที่เน้นระบบอากาศพลศาสตร์ ไฟเบรกดวงที่สามหลอด LED ติดตั้งอยู่ด้านบนกึ่งกลางของกระจกบานฝาท้าย กล้องมองหลังพร้อมเซนเซอร์










Lexus มุ่งที่จะก้าวข้ามมาตรฐานของรถหรูยุโรป ด้วยการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ทั้งหนัง พรม พลาสติก ผ้าและโลหะ รูปลักษณ์ที่ดึงดูดสายตาของดีไซน์ภายนอก และคุณภาพงานประกอบภายในที่ให้ความรู้สึกหนักแน่น RX ใหม่แสดงให้เห็นว่า Lexus ยังคงเดินหน้าต่อไปตามแนวทางของตัวเอง โดยไม่ยึดติดกับความสำเร็จเก่าๆ เห็นได้ชัดในแง่ของความหรูหรา นุ่มนวล หนักแน่นและมั่นคง ชิ้นส่วนภายในที่ดูมีราคา ปรัชญาการออกแบบภายในล่าสุดที่เรียกว่า "Tazuna" มุ่งหวังที่จะให้ผู้ขับขี่ควบคุมทุกอย่างได้ง่ายขึ้น เพื่อให้มือของผู้ขับอยู่บนพวงมาลัยและใช้สายตามองถนนอย่างต่อเนื่อง ไม่มีอุปกรณ์อะไรที่จะดึงความสนใจไปจากการขับ ถือเป็นความตั้งใจที่ดี โดยเฉพาะตำแหน่งคนขับนั้นวางมาให้อย่างแม่นยำไม่มีอะไรที่ขาดหรือมากเกินไป ความสบายของเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำและระบบปรับอุณหภูมิของเบาะคู่หน้า





พวงมาลัย F Sport มีแป้นควบคุมแบบ "touch tracer" บนก้านพวงมาลัย ออกแบบให้ใช้งานได้ดีเหมือนกับ NX รุ่นปัจจุบัน โดยทำงานร่วมกับจอแสดงผล HUD บนกระจกหน้า ปรับตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบเสียง ด้วยปุ่มมัลติฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน





แนวคิดง่ายและเร็ว ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในการควบคุมระบบอินโฟเทนเมนต์บนหน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้วหน้าจอมอนิเตอร์กลางแบบใหม่ของ RX ซึ่งไม่มีการควบคุมฟังก์ชันแยกย่อยหรือมีแป้นควบคุมบนซุ้มเกียร์แบบ RX รุ่นที่ 4 ทุกอย่างถูกควบรวมโดยการใช้นิ้วจิ้มและปัด ทำได้ในระยะที่เอื้อมถึงแต่ควรปรับตั้งระบบต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อนการเคลื่อนตัว ระบบอินโฟเทนเมนต์ล่าสุดของ Lexus มีชื่อว่า Lexus Link Pro พัฒนาขึ้นเพื่อให้เชื่อมต่อมือถือได้ดีขึ้นพร้อมการควบคุมด้วยเสียงแบบใหม่ (ระบบตอบสนองต่อคำสั่ง "สวัสดี Lexus" และทำงานได้ดีจากซอฟต์แวร์จดจำเสียงของบางระบบ) จอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว พร้อมฟังก์ชันระบบปรับอากาศ ปุ่มปรับระดับเสียง เมื่อเปลี่ยนการตั้งค่าบางอย่างอาจเป็นกระบวนการที่ช้าและซับซ้อนจนรู้สึกว่าการทำงานของระบบนั้นด้อยกว่า MBUX ของ Mercedes GLE หรือแม้แต่ OS8.5 ของ BMW X5 LCI



Lexus Link Pro มีระบบเชื่อมต่อเต็มรูปแบบ อัปเดตแบบไร้สายได้โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากสมาร์ทโฟน มีระบบชาร์จสมาร์ทโฟนแบบเหนี่ยวนำที่เหนือกว่ารถเยอรมัน รวมถึงการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย แต่ต้องเชื่อมต่อแบบมีสายเฉพาะกับมือถือ Android











ภายในของ RX500h F Sport ใช้โทนสีแดง-ดำ รายละเอียดต่างๆ เห็นได้ชัดว่า Lexus มีความใส่ใจในงานประกอบและการคัดเลือกวัสดุอย่างมาก การเลือกใช้วัสดุตกแต่งราคาแพงพวกหนังกลับเนื้อนุ่ม ฝาครอบลำโพงแบบใหม่สีดำ ซุ้มเกียร์สุดหรูสีเงินยวงของที่วางแก้วน้ำตัดกับสีดำเงาของพลาสติก ฝาปิดช่องวางแขนตรงกลางที่ออกแบบอย่างชาญฉลาด (บานพับคู่เพื่อให้เปิดได้ทั้งสองด้าน) แดชบอร์ดคอนโซลนอกจากจะสวยแล้วยังทำหน้าที่ป้องกันเสียงแปลกปลอมจากภายนอก


ห้องเก็บสัมภาระที่มีความจุ 600 ลิตรจนถึงหลังคา มีพื้นที่เพียงพอในแถวที่สอง ทำให้ระดับความน่าใช้งานของ RX นั้นหาข้อบกพร่องได้ยาก ยกเว้นราคาที่แพงกว่าคู่แข่งเยอรมันทั้ง X5 50e M Sport แต่ถูกกว่า AMG GLE53 4Matic+

จุดเด่นของ RX500h F Sport ก็คือระบบเสียง Mark Levinson® 21-speaker, 1,800-watt PurePlay Surround Sound 12 channel DSP amplifier ส่วนความสุดนั้น ต้องย้อนเวลากลับไปในปี 2002 Takeshi Yoshida หัวหน้าวิศวกรของ Lexus ได้พบกับ Phil Muzio ผู้บริหารระดับสูงของแบรนด์เครื่องเสียง Mark Levinson แม้ว่าทั้งคู่จะมีความแตกต่างกันพอสมควรในด้านวัฒนธรรมการทำงาน แต่มีบางอย่างที่คล้ายกัน นั่นก็คือทั้ง Lexus และ Mark Levinson ต่างแสวงหาความสมบูรณ์แบบเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ

Muzio กางแบบร่างกับตำแหน่งของการติดตั้งเครื่องเสียงติดรถยนต์ประสิทธิภาพสูงจาก Mark Levinson ให้กับ Yoshida ดูแบบแปลนดังกล่าวยังรวมถึงการออกแบบและติดตั้งระบบเสียงรอบทิศทาง กำลังขับ 450 วัตต์ พร้อมลำโพง 19 ตัวใน LS 460 ซึ่งเป็นข้อเสนอของ Mark Levinson ที่ส่งต่อไปยัง Lexus ซึ่งต่อมา ระบบเสียงดังกล่าว ถูกพัฒนาไปเป็นระบบเสียงรอบทิศทางระดับพรีเมียมที่คิดค้นโดย Mark Levinson สำหรับยานยนต์ Lexus รุ่นพิเศษ

ปัจจุบัน ระบบเสียงรอบทิศทางของ Mark Levinson มีอยู่ในรถยนต์ Lexus F Sport ทุกรุ่น ถือเป็นเทคโนโลยีเสียงขั้นสูงสุดในรถยนต์ แบรนด์ Lexus ขึ้นชื่อในด้านการทำให้ห้องโดยสารโคตรเงียบ โดยมีการนำเสนอว่านี่คือรถที่มีห้องโดยสารเงียบที่สุดในคลาสอยู่เสมอ นี่คือเหตุผลที่เทคโนโลยีเสียงของ Mark Levinson เหมาะกับยานยนต์ของ Lexus ด้วยความละเอียดอ่อนของงานประกอบและความแตกต่าง F Sport ทุกคันจึงติดตั้งระบบเสียงรอบทิศทางระดับพรีเมียมของ Mark Levinson
ระบบเสียงรอบทิศทางระดับพรีเมียม เป็นประสบการณ์หลายสัมผัสที่สร้างขึ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า (ที่จ่ายแพงกว่า) การจัดเรียงลำโพงเพื่อให้ได้เสียงรอบทิศทางแบบ 360 องศา ทุกความซับซ้อนของเครื่องดนตรีและตัวโน้ตจะถูกปลั่งออกมาผ่านแอมป์และลำโพงคุณภาพสูง พร้อมความคมชัดสูงสุด


ลำโพง 21 ตำแหน่ง จัดวางอย่างเหมาะสม กำลังขับ 1,800 วัตต์ สร้างความสมดุลของฮาร์โมนิก โอบล้อมห้องโดยสารด้วยพลังขับของซัฟวูฟเฟอร์ ความคมชัดของทวีตเตอร์ และลำโพงเสียงกลางที่ช่วยสร้างความสมดุลของเสียงดนตรี เทคโนโลยีตัวแปลงสัญญาณลำโพงประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ สร้างแรงดันเสียงที่สูงขึ้น ในระดับของการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ต่ำกว่าเดิม ไดอะแฟรมลำโพงเพิ่มคุณภาพเสียง ลำโพงระบบเสียงรอบทิศทางของ Mark Levinson ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าลำโพงรถยนต์ทั่วไปประมาณ 50%


ความสมบูรณ์แบบในอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่ได้หมายความถึงเครื่องจักรที่หรูหรา มีไดนามิกที่สุดยอดและได้รับการปรับแต่งมากเป็นอย่างดีเท่านั้น Lexus พยายามแสดงให้เห็นว่า รถยนต์ที่สมบูรณ์แบบจะต้องขับเคลื่อนได้อย่างราบรื่น สวยงาม และทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบทุกระบบ ชุดเครื่องเสียงรอบทิศทางระดับพรีเมียมของ Mark Levinson สอดคล้องกับแนวคิดความยั่งยืนของ Lexus มีการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างคุณภาพเสียง ลำโพงได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยี GreenEdge ที่ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสองเท่าด้วยพลังงานเพียงครึ่งเดียว
เทคโนโลยี GreenEdge ช่วยลดพลังงานไฟฟ้าที่จำเป็นในการจ่ายไฟให้กับไดชาร์จ ลดอุณหภูมิการทำงานของระบบเครื่องเสียง ลำโพงน้ำหนักเบาเป็นความแตกต่างที่ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกด้วย

RX500h Direct4 F Sport Performance ถือเป็นรุ่นท็อปจาก 3 รุ่นย่อยใน Lexus RX 2024 ที่จำหน่ายในไทย เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบชาร์จ 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.4 ลิตร มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าและด้านหลัง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งสามารถปรับแรงบิดจาก 70/30 เปอร์เซ็นต์ด้านหน้าไปด้านหลังเป็น 20/80 มอเตอร์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ 288 โวลต์ โดยใช้มอเตอร์ช่วยขับเคลื่อนล้อหลัง รุ่น F Sport Performance ติดตั้งระบบกันสะเทือน แปรผันไฟฟ้า คาลิปเปอร์เบรกหน้า 6 ลูกสูบ ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง ทำให้รุ่น F Sport Performance แตกต่างจากรุ่น RX ทั้งหมด


ระบบส่งกำลังเบนซินแถวเรียงสี่สูบเทอร์โบชาร์จ ผสานระบบไฮบริดทำให้ RX500h F Sport ถือเป็นรถครอสโอเวอร์ที่เร็วที่สุดในบรรดารถรุ่นเดียวกัน เครื่องยนต์ปรับแต่งพิเศษ ทำให้ RX เป็นรถ Lexus ขนาดกลางที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยกำลังขับเคลื่อนรวม 366 แรงม้า และแรงบิดอยู่ที่ 550 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 6.2 วินาที ซึ่งถือว่าไม่ช้า คู่แข่งที่มีราคาถูกกว่าอย่าง BMW X5 xDrive 50e เร่ง 0-100 ใน 5.8 วินาที และ Mercedes-AMG GLE53 เร่ง 0-100 ได้ใน 5.4 วินาที แม้จะมีสมรรถนะแบบรถบ้านติดหรู แต่ RX500h กลับให้ความรู้สึกว่าเร็วกว่าเดิมมาก มอเตอร์ไฟฟ้าตอบสนองได้ดี ระบบ Auto Start Stop ทำงานอย่างนุ่มนวล เมื่อเหยียบคันเร่งเพื่อแซง ระบบจะลดเกียร์ลงทันทีพร้อมกับส่งแรงบิดอย่างรุนแรง แรงพุ่งทะยานนั้นเร็วพอๆ กับ BMW X5 XDrive 50e ส่วน ความมั่นคงของรถนั้นเป็นรองแบรนด์ตราใบพัดอยู่นิดๆ



พลังงานสำหรับมอเตอร์มาจากแบตเตอรี่ขับเคลื่อนนิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ความต้านทานต่ำแบบใหม่ที่อยู่ใต้เบาะหลัง แบตถูกออกแบบมาเพื่อการชาร์จด้วยระบบรีเจนและปล่อยประจุอย่างรวดเร็ว กำลังสูงสุดของ RX 500h อยู่ที่ 366 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร ไม่ใช่ตัวเลขที่จะดึงดูดนักขับเท้าหนักที่ครอบครอง Porsche Cayenne หรือ Range Rover Sport ช่วงล่างแม็กเฟอร์สันสตรัตที่ด้านหน้าและมัลติลิงก์ที่ด้านหลัง ปรับจูนโดยคำนึงถึงความรู้สึกในการบังคับเลี้ยวที่ดีขึ้น ระบบกันสะเทือนใช้คอยล์สปริงเหล็กความสูงคงที่ โช้คอัพช่วงล่างแบบแปรผัน AVS ของ Lexus เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษใน RX500h รุ่น F Sport มาพร้อมระบบบังคับเลี้ยวสี่ล้อ มุมเลี้ยวสวนทางของเพลาล้อหลังเพิ่มได้สูงสุด 4 องศา ระบบเบรกเป็นแบบ 'บายไวร์' อิเล็กทรอนิกส์ จานดิสก์ขนาดใหญ่และคาลิปเปอร์ 6 พอตหน้า




ความรู้สึกในการบังคับเลี้ยวเป็นจุดเด่นที่อยู่ในยานยนต์ของ Lexus พวงมาลัยไฟฟ้าในโหมดสปอร์ต ของ RX500h F Sport มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และมีความแม่นยำใช้ได้ ทำให้ควบคุมทิศทางขณะใช้ความเร็วได้ง่าย ล้อหลังสามารถหมุนได้ 4 องศาในทิศทางตรงข้ามกับล้อหน้าเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เมื่อขับด้วยความเร็วสูง ล้อหลังจะหมุนได้ 4 องศาในทิศทางเดียวกับล้อหน้าเพื่อความเสถียรและความคล่องตัว ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง ช่วงล่าง AVS ยางคุณภาพสูง Pilot Sport 4 SUV ทำให้ RX500h มีการควบคุมที่ยอดเยี่ยมบนทางด่วนหรือบนไฮเวย์ รวมถึงความคล่องตัวบนถนนสายรองที่คับแคบ ระบบเบรก 6 พอตหน้าของ Lexus F Sport มีความนุ่มนวลเป็นพิเศษ ผสมผสานแรงเสียดทานและระบบรีเจนสร้างพลังงานกลับเข้าไปใส่แบตเตอรี่ แป้นเบรกให้ความรู้สึกนุ่ม RX500h เป็นรถหนัก 2,160 กิโลกรัม ที่มีการตอบสนองของระบบห้ามล้อที่มีประสิทธิภาพ Lexus RX500h F Sport Performance ปี 2023 มีองค์ประกอบของการเพิ่มศักยภาพหลายประการ มียางที่เกาะถนน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสมรรถนะ ยาง Michelin Pilot Sport 4 SUV รับหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติ ทั้งการยึดเกาะ ระยะเบรก และการรีดน้ำเมื่อเผชิญกับน้ำฝนที่เจิ่งนองอยู่บนผิวถนน





สิ่งที่ทำให้ RX500h แตกต่างจาก RX รุ่นอื่นก็คือ เทคโนโลยีกระจายแรงบิด DIRECT4 ซึ่งมีอยู่ใน Lexus พลังงานไฟฟ้าอย่าง RZ Electric 450e ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ช่วยเพิ่มความเสถียรของการยึดเกาะและถ่ายเทแรงบิดเสริมของมอเตอร์หลังที่มีความสมดุลขณะเร่งความเร็ว ในความเป็นจริงแล้ว เทคโนโลยีดังกล่าวส่งผลต่อการควบคุมของ RX 500h เมื่อเปรียบเทียบกับ RX450h+ แล้ว 500h ให้ความมั่นคงกว่าเมื่อเข้าโค้งเร็วๆ กันสะเทือนที่ปรับแต่งในแบบสปอร์ต ด้วยรูปแบบของระบบกันสะเทือนอิสระ ช่วยควบคุมการโคลงตัวของตัวรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ RX 500h ไม่ทำให้รู้สึกเสียวสยองขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง การตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาคือความสบายที่มาพร้อมกับความเร็ว ระบบกระจายแรงบิดที่สมดุลช่วยรักษาเสถียรภาพเมื่อกดคันเร่งเต็มเหนี่ยว ยาง Pilot Sport 4 SUV ช่วยลดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ขณะทำความเร็วได้ดีเลยทีเดียว ยางยังรีดน้ำที่ความเร็ว 90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ดีในระดับที่น่าพอใจ รวมถึงแรงยึดเกาะในโค้งที่สร้างความมั่นใจให้กับการควบคุม






ระบบส่งกำลังที่ซับซ้อนทำงานอย่างตรงไปตรงมา เครื่องยนต์เบนซินผสานการทำงานกับระบบไฮบริดและกียร์อัตโนมัติได้อย่างนุ่มนวล รวมถึงการติดหรือดับเครื่องยนต์ในช่วงสั้นๆ ที่ปราศจากอาการกระตุก DIRECT 4 ส่งกำลังแรงขึ้นอย่างราบรื่นเมื่อจำเป็นต้องเร่งแซง บางครั้งการเปลี่ยนเกียร์แทบจะไม่รู้สึกว่าเกียร์มีการเปลี่ยนขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องดีที่การเปลี่ยนเกียร์ให้มีความนุ่มนวล ไร้รอยต่อของแต่ละเกียร์ซึ่งได้รับการปรับแต่งมาอย่างดี RX500h ไม่ค่อยตอบสนองต่อแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ที่อยู่ด้านหลังพวงมาลัย และเสียงที่ดังขึ้นจากระบบส่งกำลังส่งผ่านลำโพงก็ดูแปลก เนื่องจากเป็นเสียงเบสทุ้มลึกที่ต้องการสร้างความเร้าใจให้กับเจ้าของรถ





สิ่งที่ RX 500h โดดเด่นก็คือ การขับขี่ และ F Sport มาพร้อมกับการออกแบบภายนอกที่สปอร์ตมากกว่าทุกรุ่น ความสบายและสงบ ทำให้คู่แข่งจากเยอรมนีบางรุ่นต้องกลับไปคิดใหม่ เสียงลมและเสียงยางบดลงไปบนถนนถูกเก็บเอาไว้หมดในย่านความเร็วต่ำ ถนนที่ขรุขระ RX500h ก็ยังพยายามทำตัวให้นุ่มนวล ระบบกันสะเทือนจัดการกับถนนที่เป็นลอนคลื่นได้ดี เบาะคู่หน้าแบบสปอร์ตนั่งขับนั่งโดยสารได้ทั้งวัน





RX500h F Sport คือยานยนต์ครอสโอเวอร์สุดหรู พร้อมระบบไฮบริดที่คุณสามารถเลือกเกียร์เองได้ เมื่อเปลี่ยนเกียร์สูงก็จะสัมผัสได้ถึงแรงขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยลดมวลของรถได้ในระดับที่ทำให้แปลกใจ RX500h ในโหมด Sport + ตอบสนองเร็วขึ้นและเหมือนมีพลังแฝงในรูปของแรงบิดมากขึ้น Maserati Levante S 2019 ที่ผมเคยขับทดสอบใช้เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร ซึ่งมีความจุมากกว่า แต่ RX 500h เครื่องเบนซินแถวเรียง 2.5 ลิตร พร้อมมอเตอร์หลัง กลับกระโจนไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่สูสีกัน




Lexus ใช้ระบบสังเคราะห์ดิจิทัลเพื่อปรับปรุงและเพิ่มเสียงของเครื่องยนต์ 4 สูบ ต้องตั้งใจฟังเพื่อสังเกตว่าเสียงที่ปลดปล่อยออกมาน่าฟังแค่ไหนเมื่อขับแบบลากรอบ จากรอบต่ำไปยังรอบสูง Lexus พยายามติดตั้งเกียร์อัตโนมัติแบบธรรมดาในรถไฮบริด แต่กลับลืมโหมดแมนนวลแบบล็อกเอาต์ ระบบป้องกันการเปลี่ยนเกียร์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์คอยป้องกันพวกเท้าหนักที่ชอบเล่นเกียร์เอง ทำให้โหมดเกียร์แมนนวล (M) หรือเกียร์แมนนวลแบบพาร์ตไทม์ (D) เกียร์ของ RX ก็จะเปลี่ยนขึ้นทันทีหากกดคันเร่งจนสุดตามรอบเครื่องยนต์ที่โปรแกรมเอาไว้ การเปลี่ยนเกียร์ด้วยแป้น Paddle Shift ทำได้ดี แม้ว่าจะไม่เร็วเหมือนเกียร์ S-Tronic ของ Audi Q7 แต่การเลือกเกียร์เองและจับความรู้สึกว่าระบบส่งกำลังแบบไฮบริดทำงานเต็มที่นั้นสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน






ระบบไฮบริดของ RX500h F Sport ไม่หนักเท่ากับชุดปลั๊กอินไฮบริดที่มีแบตเตอรี่ใหญ่กว่า แต่ RX 500h ก็ไม่ใช่มาตรฐานใหม่ของรถครอสโอเวอร์ขนาดใหญ่ ในด้านความคล่องตัว การควบคุมความสมดุล ซึ่งอาจทำให้หลายคนรู้สึกประหลาดใจเมื่อพิจารณาจากราคาที่ต้องจ่าย และบางคนอาจรู้สึกผิดหวัง แต่สำหรับแฟนๆ และเจ้าของ RX รุ่นเก่า ก็คงจะไม่รู้สึกเช่นนั้น เพราะคุ้นเคยกับความสะดวกสบาย หรูและสง่างาม การควบคุมที่ง่าย เป็นรถขับทางไกลที่ดีมาก ซึ่ง Lexus ก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้แย่ลง






Lexus Driving Signature ชัดเจนว่าเต็มไปด้วยความผ่อนคลายและสบายตัว จากความนุ่มนวล RX500h F Sport ปรับแต่งระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้าให้เปลี่ยนทิศทางได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหันเท่านั้น การควบคุมตัวถังในระดับที่ดี ไม่กระชับ แต่ก็ไม่มีอาการกระด้าง หรือก้าวร้าว พวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดน้ำหนักแปรผัน ให้ความรู้สึกมากกว่าสัมผัสที่เคลื่อนไหวได้ของมัน ทำให้การขับเข้าโค้งสามารถคาดเดาอาการของรถได้ง่าย RX500h มีแชสซี TNGA-K โช้คอัพ AVS ล้อ 21 นิ้วและยางคุณภาพสูง Pilot Sport4 SUV ทำให้เข้าโค้งได้อย่างสมดุล





ฟังดูดีในระดับที่น่าพึงพอใจสำหรับคนมีเงินที่ค่อนข้างเรื่องมากกับการเลือกรถที่เน้นความสบายมากกว่ารถที่มุ่งไปสู่การทำความเร็ว นั่นก็เป็นวิธีที่ยุติธรรมในการอธิบายว่า RX 500h ขับแล้วเป็นยังไง บนถนนที่คดเคี้ยว รถให้ความรู้สึกหนึบนุ่ม เมื่อขับไปเรื่อยๆ ที่ความเร็วต่ำบนทางหลวงชนบทเรียบทะเล ความนุ่มนวลมากจนแทบจะไม่ทำให้รถโคลงเคลงหรือย้วย ช่วงล่าง AVS สามารถดูดซับแรงกระแทกและเก็บรายละเอียดได้เนียนพอๆ กับ BMW X6 ที่ใช้ Adaptive Air Suspension เมื่อขับเร็ว RX จะให้รู้สึกถึงขนาดและน้ำหนักของมันอย่างชัดเจน เนื่องจากมันขยับไปด้านข้างด้วยสปริง โช้คอัพแบบปรับได้ของ Lexus ดูเหมือนจะรับมือกับความหลากหลายของผิวถนนได้ดี ไม่ว่าจะใช้โหมดไหนในการขับเคลื่อน โช้คอัพไฟฟ้า AVS Adaptive Variable Suspension คือดีทั้งขับช้าและขับเร็ว ถ้าไม่เกี่ยงเรื่องราคา 5,500,000 บาท การเป็นลูกค้าของ Lexus Thailand คุณจะได้บริการหลังการขายแบบเฟิร์สคลาสและภาพลักษณ์ที่เป็นเอกเทศ แม้ว่าจะต้องควักแพงกว่าก็ตาม!
มิติและน้ำหนักรถ
ความยาวโดยรวม 4,890 มิลลิเมตร
ความกว้างโดยรวม 1,920 มิลลิเมตร
ความสูงโดยรวม 1,695 มิลลิเมตร
ความยาวฐานล้อหน้า-หลัง 2,850 มิลลิเมตร
ความกว้างฐานล้อ (หน้า) 1,655 มิลลิเมตร
ความกว้างฐานล้อ (หลัง) 1,695 มิลลิเมตร
น้ำหนักตัวถังรถ 2,095-2,160 กิโลกรัม
น้ำหนักรถสุทธิ 2,750 กิโลกรัม
โครงสร้างรถ
ระบบรองรับแบบแปรผัน
ระบบรองรับหน้า MacPherson Strut
ระบบรองรับหลัง Multi Link
ระบบส่งกำลัง 6-Speed
ระบบขับเคลื่อน Direct4 (AWD)
ระบบบังคับเลี้ยว EPS
ระบบเบรค (หน้า) Ventilated Disc (20")
ระบบเบรค (หลัง) Ventilated Disc
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (ล้อ) (เมตร) 5.5
ความจุถังน้ำมัน 65 ลิตร
ยาง 235/50R21 SM F1
เครื่องยนต์
ประเภท 2.4-liter Turbo L-4 16-Valve, DOHC, Chain Drive (T24A-FTS)
ความจุกระบอกสูบ 2,393 ซีซี.
กำลังสูงสุด 270 แรงม้า/ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 460 นิวตันเมตร/ที่ 2,000-3,000 รอบต่อนาที
ระบบเชื้อเพลิง SFI
ค่าออกเทนน้ำมัน 95 or Higher (E10)
มอเตอร์หน้า
ประเภท Permanent Magnet Synchronous Motor
กำลังสูงสุด 64 กิโลวัตต์
แรงบิดสูงสุด 292 นิวตันเมตร
มอเตอร์หลัง
ประเภท Permanent Magnet Synchronous Motor
กำลังสูงสุด 45.9 กิโลวัตต์
แรงบิดสูงสุด 168.5 นิวตันเมตร
กำลังรวมทั้งระบบ 366 แรงม้า
แบตเตอรี่
ประเภท Nickel Metal Hydride Battery
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 288 โวล์ต
จำนวนเซลล์แบตเตอรี่ 240 เซลล์
สมรรถนะ
ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม 6.2 วินาที
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 15.4 กิโลเมตร/ลิตร
ค่าเฉลี่ยมลพิษ CO2 148 กรัม/กิโลเมตร
มาตรฐานการปล่อยมลพิษ EURO 6
อุปกรณ์ภายนอก
กระจกหน้าตัดแสง UV แบบซับเสียง
กระจกตัดแสง UV สำหรับประตูรถด้านหน้าแบบซับเสียงและกันน้ำเกาะ
กระจกตัดแสง UV สำหรับประตูรถด้านหน้าส่วนมุม
กระจกตัดแสง UV สำหรับประตูรถด้านหลัง
หลังคาพาโนรามา
ราวหลังคา
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED
ระบบไฟส่องสว่าง
ไฟส่องสว่างด้านหน้า 3-LED
ไฟหน้าแบบปรับองศาการส่องสว่างในมุมต่ำ พร้อมระบบปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ
ระบบทำความสะอาดไฟหน้า
ไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน
ไฟตัดหมอกหน้า
ไฟส่องมุมหน้ารถ
ระบบปรับองศาของไฟส่องสว่างอัจฉริยะ
อุปกรณ์ภายใน
มาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล 8-inch
หน้าจอัจฉริยะ HUD
พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์
หัวเกียร์แบบหุ้มหนัง
กระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่องสว่าง (ที่นั่งตอนหน้า)
ช่องเก็บของคอนโซลด้านหน้าพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB-C, USB-A และ DC-12 V
ช่องเก็บของคอนโซลกลางและช่องเชื่อมต่อ USB-C ด้านหลัง
ระบบไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร Multi Color
ระบบปรับอากาศพร้อมปุ่มควบคุมอุณหภูมิแบบแยกอิสระสำหรับที่นั่งตอนหน้าและที่นั่งตอนหลังพร้อม
ระบบกรองอากาศ
ระบบ Nano-e
วัสดุหุ้มเบาะ Smooth Leather
ระบบเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8-way
ระบบเบาะดันหลังสำหรับที่นั่งคนขับ 2-way
ปุ่มบันทึกตำแหน่งเบาะ 3 ตำแหน่ง (สำหรับที่นั่งคนขับ)
เบาะนั่งพร้อมระบบปรับอากาศ (เบาะคู่หน้า)
เบาะหลังแบบปรับพับแยก 60:40 แบบไฟฟ้า Switch Fold only
ลายประดับตกแต่งภายในห้องโดยสาร Dark Spin Aluminum
ระบบการทำงาน
พวงมาลัยไฟฟ้าปรับระดับ 4 ทิศทาง
ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย Touch Switch
ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Alll-Speed Adaptive
รูปแบบการขับขี่
ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ
กุญแจแบบการ์ด
จอแสดงผลการสั่งงานแบบ EMV แบบสัมผัส 14-inch
ระบบแผนที่นำทาง
ระบบเชื่อมต่อไร้สาย
ระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงหลังด้วยไฟฟ้า
ระบบชาร์จไฟแบบไร้สาย
ระบบเครื่องเสียง Mark Levinson, 21-Speaker
ระบบความปลอดภัย
ระบบประตูนิรภัยอัจฉริยะ
ระบบเสริมแรงเบรคขณะเข้าโค้ง (ACA)
ระบบควบคุมการทรงตัวของรถ (VSC)
ระบบป้องกันการลื่นไถล (TRC)
ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกไฟฟ้า (EBD)
ระบบช่วยเบรก (BA)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
กระจกมองหลังและกระจกข้างตัดแสงอัตโนมัติ Digital
ระบบช่วยจอด with Auto Parking Assist
ระบบช่วยเบรกขณะถอยจอด
จอแสดงภาพขณะถอยจอดพร้อมกล้องรอบคัน
ระบบเตือนแรงดันลมยาง
ระบบป้องกันก่อนการชน
ระบบติดตามช่องทางวิ่ง
ระบบช่วยเปลี่ยนเลน พร้อมสัญญาณเตือนมุมอับสายตา
สัญญาณเตือนด้านท้าย ขณะถอยหลัง
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS (สำหรับที่นั่งคนขับ)
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS (สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า)
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS บริเวณหัวเข่า (สำหรับที่นั่งคนขับ)
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง (สำหรับที่นั่งตอนหน้า)
ม่านถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับและลดแรงกระชาก (สำหรับที่นั่งตอนหน้า)
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับ (สำหรับที่นั่งตอนหลัง)
แท่นยึดสำหรับติดตั้งที่นั่งเด็กแบบ ISO FIX (สำหรับที่นั่งตอนหลัง)
ระบบป้องกันการโจรกรรมพร้อมสัญญาณเตือนอัตโนมัติ