G60 หรือ New Series-5 มีให้เลือกทั้งไฟฟ้าล้วนและเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทั้งเบนซินปลั๊ก-อินไฮบริด และดีเซลจอมประหยัดที่เคลมว่าจิบเชื้อเพลิงดีเซลระดับ 18.5 กิโล-ลิตร แพลตฟอร์มสันดาปภายในที่ใช้ร่วมกับโครงสร้างของยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยโครงตัวถังน้ำหนักเบาที่รุดหน้า กับระบบขับเคลื่อนสามทางเลือกที่ได้รับการออกแบบอย่างยืดหยุ่น พ่วงกับแนวคิดในการปรุงแต่ง BMW Series-5 ใหม่ให้ดีกว่าเดิม รุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายในดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ เกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลังเหมือนกับบรรพบุรุษทุกประการ ประสิทธิภาพของระบบส่งกำลังที่เน้นการทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่ดีงาม ค่าการปล่อย CO2 ยังลดลงอีกเล็กน้อย ศักยภาพในการทำความเร็วด้านอัตราเร่งและแรงบิดที่ต่อเนื่อง เครื่องยนต์ดีเซลสี่สูบเรียงมาพร้อมคุณสมบัติด้านความประหยัด ลดมลพิษ และพลังงานในรูปของแรงบิดที่มอบความสมดุลขณะขับเคลื่อน
...
BMW NEW 520d M Sport Pro G60 ราคา : 3,779,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็กเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW ยังคงมุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ดีเซล ใน 5-Series 520d G60 ใหม่ ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นของ New Series-5 2024 ซึ่งถูกทำให้มีความแตกต่างไปจาก 520d รหัส G30 พัฒนาของเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียงสี่สูบ อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ รหัส B47 ซึ่งการมาถึงครั้งล่าสุดของเครื่องยนต์ดีเซลตัวนี้ มีระบบ Mild Hybrid ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ติดตั้งมาให้ใช้งานอีกต่างหาก
520d M Sport Pro G60 รุ่นดีเซล พร้อมระบบไฟฟ้า Mild Hybrid 48V มีกำลังเกือบ 200 แรงม้า และถึงแม้ว่า 5 รุ่นใหม่ รหัส G60 จะหนักกว่า G30 ประมาณ 100 กิโลกรัม แต่วิศวกรของ BMW ก็ลงมือปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบส่งกำลังใหม่หมด ทำให้รถรุ่นใหม่ที่หนักกว่า มีพละกำลังที่เหมาะสมกับขนาดและมวลที่เพิ่มขึ้น เครื่องดีเซล B47 แบบสี่สูบเรียง เทอร์โบ ผสาน Mild Hybrid ให้กำลัง 197 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบระหว่าง 1,500-2,750 รอบต่อนาที 520d G60 เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 7.3 วินาที ช้ากว่า 530e ที่ทำได้ 6.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 233 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ของ New Series-5 520d จะเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังที่ขายในไทย หรือรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ X Drive ในตลาดต่างประเทศ ส่วนตัวเลขปล่อย CO2 อยู่ที่ 142 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร
...
ความราบรื่นของระบบ Auto Start/Stop เนื่องจากไม่มีสตาร์ตเตอร์แบบเดิมๆ อีกต่อไป แต่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า สตาร์ตเตอร์อัลเทอร์เนเตอร์ในตัวที่ทรงพลังกว่า เชื่อมต่อการทำงานกับเทคโนโลยี Mild Hybrid 48 โวลต์ ระบบไฟฟ้า 48 โวลต์ ที่จ่ายไฟหล่อเลี้ยงระบบต่างด้วยชุดแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน 0.48 kWh และไม่เพียงแต่ให้การสตาร์ตเครื่องยนต์ที่นุ่มนวลที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมา (โดยเฉพาะในเครื่องยนต์ดีเซล) แต่ยังให้แรงบิดเพิ่มเติมสำหรับการระเบิดพลังงานในระยะสั้น จากการเร่งความเร็วเพื่อแซงแบบฉับพลันทันที BMW เคลมอัตราสิ้นเปลืองของ 520d ที่ 18.5 กิโลเมตรต่อลิตร แม้จะมีถังน้ำมันที่ค่อนข้างเล็ก ขนาด 60 ลิตร แต่ 520d สามารถวิ่งได้ระยะทางกว่า 750-800 กิโลเมตร จากเชื้อเพลิงหนึ่งถัง ความจุ 63 ลิตร นี่คือที่มาของประสิทธิภาพการบริหารเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ดีเซล B47 ตัวเลขแรงบิด 400 นิวตันเมตรของเครื่องยนต์ ทำให้รถมีพลังงานในการออกตัวอย่างรวดเร็ว ผสานอัตราทดของเกียร์ ZF 8 สปีดที่ปรับแต่งใหม่ เพื่อลดรอบเครื่องยนต์ในโหมดประหยัดขณะใช้ความเร็วเดินทาง
...
...
หน้าตาใหม่หมดคล้ายกับ i5 2024 สำหรับ BMW New 520d M Sport Pro มาพร้อมกับกระจังหน้าที่สืบทอดคุณสมบัติบางอย่างของ BMW รุ่นใหม่ล่าสุด กระจังมีขนาดที่เหมาะสมกับส่วนหน้า เชื่อมโยงไฟหน้าที่เน้นความเฉียบคมของงานดีไซน์ ส่วนหน้าของ 520d เสริมให้รถดูทันสมัยและตรงกับรสนิยมของลูกค้า ทั้งสองด้านของกระจังหน้าคือการตีความใหม่ล่าสุดของ BMW สำหรับไฟหน้าแองเจิลอาย ประกอบด้วยเส้นแนวตั้งที่โค้งเล็กน้อยสองเส้น กันชนหน้าสะท้อนวัสดุและรูปทรงที่ประกอบด้วยเหลี่ยมมุมแบบเดียวกับที่เห็นในส่วนท้าย กระจังหน้าไตคู่พร้อมระบบเปิด-ปิดกระจังแบบอัตโนมัติ ไฟหน้า BMW LED แบบ Adaptive ปรับทิศทางตามการหมุนของพวงมาลัย รวมถึงการทำงานในโหมดอัตโนมัติ ที่ได้รับการปรับใหม่ให้ทำงานได้ครอบคลุมและละเอียดเพิ่มขึ้น ชุดแต่ง M Aerodynamics Package, ชุดแต่งระบบไฟหน้า BMW Individual high-gloss Shadow Line, ชุดแต่งระบบไฟหน้า M Lights Shadow Line และช่วงหน้ารถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แบบ ‘Iconic Glow’ พร้อมไฟส่องสว่างอันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW ซาลูนหรูรุ่นใหม่
BMW New Series-5 520d คันใหม่มาพร้อมล้อขนาดใหญ่ เติมเต็มสัดส่วนของ 5 ได้ค่อนข้างดี กระโปรงหน้ายาว กระจกหลังที่ลาดเอียงเหนือแผง ส่วนหลังที่ดูสวยงามด้วยไฟท้ายแบบใหม่ ล้ออัลลอย M light ขนาด 20 นิ้ว หุ้มด้วยยางสปอร์ตสมรรถนะสูง pirelli p zero หน้า 245/40R20 หลัง 275/35R20 รูปทรงของส่วนท้ายและตำแหน่งของไฟท้ายด้านหลัง กันชนหลังที่มีเหลี่ยมมุมและแกะสลักแนบชิดกับส่วนท้ายอย่างแนบเนียน พร้อม Hofmeister kink อันเลื่องชื่อ ยังคงอยู่ที่กระจกประตูหลังที่บรรจบกับเสา C มีตัวเลข “5” ที่นูนขึ้นมาในการตกแต่งแบบ Shadowline
มิติตัวถังของ BMW New Series-5 520d M Sport Pro มีขนาดความยาว 5,060 มิลลิเมตร กว้าง 1,900 มิลลิเมตร สูง 1,515 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,995 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า-หลัง 1,692-1,716 มิลลิเมตร หนัก 1,850 กิโลกรัม สำนักงานด้านความปลอดภัย European New Car Assessment Program (Euro NCAP) ทดสอบการชนปะทะในมุมต่างๆ ของ BMW 5 Series Saloon เจเนอเรชันที่ 8 และสอบผ่านด้วยการทำคะแนนสูงสุด 5 ดาว
ห้องโดยสารของ G60 นับเป็นการตกแต่งภายในที่สมบูรณ์แบบใกล้เคียงกับภายในของ New Series-7 โดยเฉพาะกับงานดีไซน์แดชบอร์ดคอนโซลแผงประตู ด้วยแถบเรืองแสงคล้ายแก้วคริสตัลที่มีแสงเรืองรองอยู่ภายใน และปรับเปลี่ยนโทนสีได้ถึง 64 สี วัสดุหุ้มเบาะ พวงมาลัยและคอนโซลซุ้มเกียร์ มีการปรับรูปแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยรูปแบบเชิงเหลี่ยมและมุมที่เข้ากันได้ดีบนแผงหน้าปัด แผงประตู เบาะหน้าและหลัง เบาะนั่งแบบสปอร์ตปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ แผงหน้าปัด แผงประตู และแม้แต่พวงมาลัย มีความเชื่อมโยงกันด้วยรูปแบบที่แปลกตา เบาะนั่งทรงสปอร์ตแบบเจาะรูพรุนที่พบในซีรีส์ 3 ในช่วงปลายยุค 80 และต้นยุค 90 ที่จะดูดีไปอีก 30 ปี โดยไม่มีอะไรยุ่งยากมากนัก หนังเทียม Veganza ที่ BMW กำลังผลักดันโดยใส่ลงไปในรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด หนัง Veganza ให้ความรู้สึกหรูหรามากขึ้น และได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่า Sensatec และเหมือนเดิมกับกรรมวิธีการผลิตหนังเทียมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมพร้อมความยั่งยืน!
พวงมาลัยหุ้ม Veganza แต่ก็ยากที่จะบอกว่าไม่ใช่หนังแท้ หากลูกค้าไม่รู้ว่านี่คือหนังเทียม พวงมาลัย M แบบใหม่ ปรับเปลี่ยนดีไซน์จากเดิมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของก้านวง สวิตช์ควบคุมการทำงานของระบบปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์ ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง ตราสัญลักษณ์ M ที่ก้านวงด้านล่างกับดีไซน์แปลกตา แป้น Paddle Shift บางเฉียบ และเปลี่ยนจากสีเงินเป็นสีดำ พลาสติกคุณภาพสูง เบาะหลังของ G60 มีพื้นที่กว้างขวาง เพื่อสร้าวความพึงพอใจและความสบายเมื่อเดินทางไกล เบาะด้านหลังขนาดใหญ่ พื้นที่วางขา ที่วางแขนของเบาะหลัง สามารถใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ด้านหลังได้อย่างง่ายดาย โดยไม่เกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะความเมื่อยล้า หรือเครียดจากเสียงรบกวนภายนอก
BMW 520d M Sport Pro 2024 ใส่จอแสดงผลแบบโค้งขนาดใหญ่ และ BMW รุ่นใหม่ทุกรุ่น ระบบปฏิบัติการณ์ OS 8.5 New Series-5 จะมาพร้อมระบบปฏิบัติการแบบใหม่ BMW operating system 8.5 พื้นผิวเบาะนั่งสุดพิเศษด้วยหนัง Veganza/Alcantara ที่มีการเจาะด้วยสไตล์ที่ไม่เหมือนใครในบริเวณไหล่ และเน้นความโปร่งแสงด้วยสีแดงและสีน้ำเงิน แป้นเหยียบ M ที่พักเท้าคนขับ M และจอแสดงผล M-spec บนจอแสดงข้อมูล ช่วยเพิ่มบรรยากาศแบบสปอร์ต สำหรับลูกค้าเก่าที่ยังยึดติดกับความงดงามในอดีตของ Series-5
หน้าจอทรงโค้งผสมผสานจอภาพมาตรวัด instrument cluster TFT LCD ขนาด 12.3 และจอภาพมอนิเตอร์กลาง 14.9 นิ้ว ระบบปฏิบัติการ BMW OS 8.5 ซึ่งมีการปรับปรุงฟังก์ชันใหม่ให้ใช้งาน การจัดกลุ่มปุ่มทางลัดบางปุ่มในส่วนล่างของหน้าจอ ช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชันของระบบอินโฟเทนเมนต์ การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ระบบนำทาง ระบบควบคุมอุณหภูมิ หน้าจอส่วนแอปฯ และเมนูโทรศัพท์ ฟังก์ชันต่างๆ จะปรากฏที่ส่วนล่างของหน้าจอเสมอ ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิม BMW เรียกว่า "Quick Select" สามารถตั้งค่าแอปฯ ที่ใช้บ่อยที่สุดเป็นทางลัด ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านเมนูแบบเลื่อนลงจากด้านบนของหน้าจอ Apple CarPlay แบบไร้สายทำงานได้อย่างไร้ที่ติ พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงของ BMW ที่ทำงานได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ (ใน i5 M60) ในการทำความเข้าใจกับคำพูดที่เป็นธรรมชาติ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันที่คนขับต้องการ
เข็มขัดนิรภัยสไตล์ M เฉดสี Dark Silver M ตกแต่งด้วยขอบ Aluminium Rhombicle พื้นผิวกระจกคริสตัลแบบ Crafted Clarity บนปุ่มควบคุม ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน กล้องภายในรถ, แพ็กเกจ BMW Connected Package Professional, และระบบ Travel & Comfort ราวแขวนเสื้อแบบโมดูลาร์, ที่วางของขนาดกะทัดรัด และระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistant) ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ กล้องมองภาพรอบทิศทาง เครื่องเสียงสเตอริโอ Hi-Fi จากแบรนด์ Harman Kardon มีซุ่มเสียงเป็นรอง B&W ใน 530e ที่แพงกว่านิดเดียว
ในความเป็นจริง BMW ยังคงลงทุนในเครื่องยนต์ดีเซลต่อไป ควบคู่ไปกับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์เครื่องปลั๊กอินไฮบริด ในยุโรป BMW Group ก็ยังคงนำเสนอเครื่องยนต์ดีเซลในหลายรุ่น รวมถึง 5-Series รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นกับ BMW 520d M Sport Pro G60 มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของขุมกำลังดีเซล B47 อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เป็นที่ต้องการของลูกค้าทั่วโลกที่ขี้เกียจรอการชาร์จไฟเมื่อเดินทางไกล G60 BMW 520d ดูแตกต่างไปจาก G30 รุ่นก่อนอย่างสิ้นเชิงในด้านรูปลักษณ์ภายนอกภายใน การพัฒนาเครื่องยนต์เทอร์โบสี่สูบ B47 ที่คุ้นเคย ซึ่งการจุติมาครั้งล่าสุดนี้ มีระบบไฮบริด 48 โวลต์ ที่ปรับปรุงใหม่ นำข้อดีบางประการมาสู่ความไหลลื่นในการขับขี่ที่ผสมผสานกับความประหยัด
การเลือกใช้ 5-Series G60 รุ่นใหม่ล่าสุด ในรูปแบบรถดีเซล 520d ไม่ทำให้คุณต้องใช้ชีวิตอยู่ในช่องทางด้านซ้ายที่เชื่องช้า ระบบไฟฟ้า Mild Hybrid 48 โวลต์ ทำให้ 520d รุ่นล่าสุด มีกำลังเกือบ 200 แรงม้า และถึงแม้ว่า G60 จะหนักกว่า G30 ที่มาแทนที่ประมาณ 100 กิโลกรัม กำลัง 197 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบระหว่าง 1,500 ถึง 2,750 รอบต่อนาที G60 520d เร่งความเร็วได้ดั่งใจ แม้จะไม่แรงเท่ากับ 530e Plug in Hybrid แต่คุณจะประทับใจกับความราบรื่นบวกสัมผัสที่ดีของรถ 5 รุ่นใหม่ ที่สามารถรีสตาร์ตเครื่องยนต์ได้อย่างเรียบเนียน อาการกระตุกเวลาเครื่องยนต์ติดขึ้นมาเพื่อเคลื่อนตัวน้อยลงมาก เนื่องจากไม่มีสตาร์ตเตอร์แบบเดิม แต่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสตาร์ตเตอร์เจเนอเรเตอร์ที่ทรงพลังกว่า โดยได้รับความอนุเคราะห์จากเทคโนโลยีมายด์ไฮบริด 48 โวลต์ ที่จ่ายไฟโดยชุดแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน 0.48 kWh ไม่เพียงแต่ให้การสตาร์ตเครื่องยนต์ที่นุ่มนวลที่สุดเท่าที่คุณเคยสัมผัสในเครื่องดีเซลของ BMW แต่ยังให้แรงบิดเพิ่มเติมสำหรับการระเบิดพลังงานในช่วงสั้นๆ เพื่อแซงรถช้าได้อย่างว่องไวอีกต่างหาก เสียงเครื่องยนต์ในรอบสูงก็เหมือนกับเครื่องยนต์เบนซิน รวมถึงการเดินเบาที่แทบจะคล้ายกับเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง 95 อาการสั่นสะท้านไม่มีปรากฏให้เห็น
BMW 520d และ 530e G60 ไม่มีท่อไอเสียที่มองเห็นได้อีกต่อไป ท่อไอเสียซ่อนอยู่ใต้กันชนหลัง และไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับ BMW ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่หลีกเลี่ยงเทรนด์ปลายท่อไอเสียปลอมที่ครองวงการอุตสาหกรรมยานยนต์มานานแล้ว 520d M Sport Pro แสดงให้เห็นพลังไดนามิกทั้งหมดของ BMW ตั้งแต่การบังคับเลี้ยวด้วยการผ่องถ่ายน้ำหนักของพวงมาลัยที่น่ารัก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนที่เลือก Series-5 รุ่นดีเซล โหมด Comfort นุ่มนวล และล่องลอยบนถนนลาดยางด้วยล้อขนาด 20 นิ้ว ในขณะที่ในโหมด Sport จะตอบสนองได้รวดเร็วกว่า ฟีลลิ่งของ 520d ให้ความรู้สึกแตกต่างอย่างชัดเจน นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อห้าทศวรรษที่แล้ว รถยนต์ซาลูนหรูสัญชาติเยอรมันคันนี้ได้รับการพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่า ว่ามันคือยานพาหนะที่มอบความสะดวกสบาย ประโยชน์ใช้สอย เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด พร้อมสมรรถนะในการเร่งความเร็วที่เน้นหนักไปทางไดนามิกแบบผ่อนคลาย โดยมีทางเลือกหลักสองทาง ทั้งเบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ ปลั๊กอินไฮบริด และดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบจอมประหยัด ด้วยสไตล์ที่ท้าทาย ทันสมัยสุดๆ แต่ขาดความสง่างามของรุ่นก่อน เส้นสายที่แปลกตาและไม่ค่อยจะต่อเนื่องกันจากกระจังหน้าที่ดูเหมือนฟันของตัวบีเวอร์ แต่ส่วนท้ายที่ลงตัวมีส่วนทำให้รูปลักษณ์ของมันดูหรูหราอย่างไม่เสื่อมคลาย
ในทางวิศวกรรม เราไม่สามารถหนีจากความจริงที่ว่า การจุดระเบิดด้วยการอัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเครื่องยนต์เย็นหรือไม่ได้ใช้งานมานานนั้น เครื่องดีเซลรุ่นใหม่มีประสิทธิภาพดีกว่าเมื่อก่อนมาก และแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวในเรื่องของการปล่อยมลพิษ วิศวกร BMW ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการแยกห้องโดยสารออกจากความกระด้าง และแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ด้วยความราบรื่นของโครงสร้าง ซึ่งพยายามส่งมอบความรู้สึกที่คล้ายกับ Series-7 ในด้านความนิ่มนวล แรงบิด 400 นิวตันเมตร ทำให้ G60 ให้ความรู้สึกที่ว่องไว ชุดบังคับเลี้ยวที่ให้สัมผัสเป็นธรรมชาติ ไดนามิกที่โดดเด่น ช่วยให้รถมีความคล่องตัวอย่างน่าทึ่ง พวงมาลัยอัตราทดน้ำหนักแปรผันให้ความรู้สึกรวดเร็วและเฉียบคม แต่สัมผัสของการเลี้ยวจะไม่ให้ความรู้สึกมากเท่ากับใน G30 และไม่ได้สร้างความมั่นใจเมื่อเข้าโค้งได้มากเท่ากับ 520d รุ่นที่แล้ว! เนื่องจากการเซตค่าสปริงใหม่ที่นุ่มเกินไป
เกียร์อัตโนมัติ ZF 8HP กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญของ BMW ในความเป็นจริง มันคือกลไกที่ซับซ้อนในระบบขับเคลื่อนที่แสดงให้เห็นถึงรสนิยมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ความสะดวกสบายและความประหยัดที่เพิ่มขึ้นจากระบบส่งกำลังอัตโนมัติสมัยใหม่ ทำให้เกียร์ 8 สปีด ถูกปรับปรุงอย่างเข้มข้นตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี เพื่อปรับปรุงการทำงานของเกียร์ ZF8 ให้เหมาะสมกับบุคลิกภาพของ 5 Series อย่างสมบูรณ์แบบ โหมด Sport เกียร์ตอบสนองการทดกำลังเร็วขึ้น ลากรอบคาอยู่ในเกียร์ 4-5 นานขึ้น และมีแพดเดิลชิฟต์ที่หลังพวงมาลัยให้ใช้งาน ไม่ว่าคุณจะกระโชกโฮกฮากกับมันยังไง เกียร์ 8 สปีดลูกนี้ก็ยังคงผ่องถ่ายอัตราทดอย่างนุ่มนวลอยู่ดี
520d 2.0 ลิตร 197 แรงม้า กับอีก 400 นิวตันเมตร เร็วเกินพอสำหรับเจ้าของส่วนใหญ่ที่เริ่มมีอายุและขับช้าลง มันใช้เวลา 7.3 วินาที สำหรับพุ่งออกตัวจาก 0 ไปจนถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วกว่าเดิม 0.2 วินาที อัตราเร่งที่เร็วใช้ได้ทำให้การกำหนดตำแหน่งแซงทำได้ง่าย จุดเด่นของมันก็คืออัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้ในระดับ 13-15 กิโลเมตรต่อลิตร เชื้อเพลิงดีเซลเต็มถังขับได้ไกล 800 กิโลเมตร ความสามารถด้านประสิทธิภาพของ 520d ในด้านการประหยัดนั้นเกิดจากอัตราทดของเกียร์ และน้ำหนักตัวที่เบากว่า i5 การใช้อะลูมิเนียมและแมกนีเซียมที่เพิ่มขึ้น ช่วยลดน้ำหนักได้เช่นกัน
อัตราสิ้นเปลืองในเมืองเฉลี่ย 13 กิโลเมตรต่อลิตร และเมื่อขับออกทางไกลในโหมด Comfort 520d G60 ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ 15 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นการขับแบบผสมเร็วสลับช้า ถือว่าประหยัดพอใช้ เชื้อเพลิงเต็มถัง 60 ลิตร ถ้าขับเรื่อยๆ จะไปได้ไกลใกล้เคียง 800 กิโลเมตร เป็นรถที่นุ่มนวลและเร็ว แม้จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่เล็กที่สุดของแบรนด์ตราใบพัด ภาพลักษณ์และสไตล์ของ G60 ปรับปรุงให้กลายเป็นรถของผู้บริหารระดับสูงมากขึ้น ขับทางไกลได้สบายขึ้น ให้ความรู้สึกเบาจากการเซตช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยวใหม่หมด พลังงาน 400 นิวตันเมตร ออกมาแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ขับได้อย่างนุ่มนวล หน้ารถเกาะหนึบกับผิวถนนได้ดี พวงมาลัยมีน้ำหนักเป็นเลิศเมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น เมื่อขับเร็ว จากน้ำหนักที่เบาสบายมือ สมองกลไฟฟ้าที่ใช้ควบคุมการทำงานของพวงมาลัยจะหน่วง ให้น้ำหนักมากขึ้นอีกนิดเพื่อความแม่นยำ ลดอาการเบาเกินเหตุในย่านความเร็วสูง โดยเฉพาะการขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง แชสซีสอดคล้องกับกำลังของเครื่องยนต์ โดยมีพลังงานสำรองเหลือเฟือสำหรับการเร่งแซงรถช้า
ประตูดูดถูกยกเลิกออกไปเช่นเดียวกับ 530e แต่เครื่องเสียงชั้นดีเข้ามาทดแทนความสบายของคุณขณะขับเดินทางไกล แม้จะใส่แค่ Haman แต่กำลังขับและคุณภาพของลำโพงถือว่าดีพอใช้ ฟังก์ชันต่างๆ ทันสมัย โดยเฉพาะระบบปฏิบัติการณ์ BMW OS 8.5 ที่ใช้เวลาในการเรียนรู้ไม่นาน การควบคุมที่สมบูรณ์แบบของ New Series-5 ทั้งเบนซินและดีเซล ทำให้ G60 5-Series รุ่นใหม่ มีความน่าใช้อยู่เหมือนกัน แม้จะเป็นรถผู้บริหาร แต่การขับรถด้วยตัวเองสร้างความพึงพอใจได้มากกว่านั่งอยู่เบาะหลัง เป็น Series-5 ที่ยกศักยภาพของการควบคุม ความสบาย ด้วยพัฒนาการที่เหนือกว่า ซึ่งเน้นไปที่ความนุ่มนวลขณะขับเคลื่อนเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ ห้องโดยสารที่สวยงามมากกว่ารถคู่แข่ง เครื่องยนต์ดีเซลประหยัดเชื้อเพลิง กำลังแรงบิดมากพอในการที่จะไปถึงยังจุดหมายปลายทาง และไม่เคยทำให้รู้สึกผิดหวังกับประสิทธิภาพการใช้งานเมื่อขับออกทางไกล นับเป็นซาลูนหรูไซส์กลางที่น่าใช้ หากคุณไม่ปันใจให้กับ Audi A6 Avant Quattro Lexus ES300h F Sport หรือ New E-Class E220d AMG Dynamic ที่มีดีมีได้พอๆ กัน มันขึ้นอยู่ที่ความชอบของคุณว่าจะไปทางไหนเท่านั้นเอง.
BMW 520d M Sport Pro สีตัวถัง 5 เฉดสี
สีดำ Black Sapphire metallic
สีขาว Mineral White metallic
สีเทา Brooklyn Grey metallic
สีน้ำเงิน Phytonic Blue metallic,
สีเขียว Cape York Green metallic
เบาะ Veganza สีดำ หรือน้ำตาล Espresso Brown
รายละเอียดด้านเทคนิค 520d MSport Pro
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
ชนิดเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ ดีเซล 4 สูบ
เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,995 ซีซี
กําลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า/4,000 รอบต่อนาที)
แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร/1,500-2,750 รอบต่อนาที
ความเร็วสูงสุด 233 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 7.3 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองนำ้มันเชื้อเพลิง และระดับการปล่อย CO2
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย-อ้างอิงผล ECO Sticker 18.5 กิโลเมตร/ลิตร)
ระดับการปล่อย CO2
เฉลี่ย 142 กรัม/กิโลเมตร
ล้อและยาง
ล้อ ล้ออัลลอย M ขนาด 20 นิ้ว
ลาย Star-spoke แบบสลับสี Jet Black
ขนาดยาง
ล้อหน้า: 8.5 J × 20 / ยาง: 245/40 R 20
ล้อหลัง: 10J × 20 / ยาง: 275/35 R 20
มิติรถยนต์
มิติตัวถัง ยาว 5,060 มิลลิเมตร กว้าง 1,900 มิลลิเมตร สูง 1,515 มิลลิเมตร
ปริมาตรในการบรรจุของ 520 ลิตร
น้ำหนักรถ 1,850 กิโลกรัม
คุณลักษณะเฉพาะ BMW 520d MSport Pro
ระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยี
เกียร์อัตโนมัติแบบ Steptronic พร้อม Gearshift Paddles
ช่วงล่าง M Sport
ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant)
ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติรุ่น Plus (Parking Assistant Plus)
อุปกรณ์ภายนอก
ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive LED)
ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ(High-beam Assistant)
คาลิเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport สีแดงเงา
ระบบเปิด-ปิด บานประตูท้ายอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System)
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ Iconic Glow
กระจกมองข้างพับด้วยไฟฟ้า
พร้อมตัดแสงอัตโนมัติที่กระจกฝั่งคนขับ
สปอยเลอร์หลังดีไซน์ M
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ M Sport
โคมไฟหน้าตกแต่งดีไซน์ M สีดำ (M Lights Shadowline)
ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา
ภายนอกพร้อมชุดตกแต่ง M ด้วยวัสดุสีดำเงา
อุปกรณ์ภายใน
พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M
เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M
เบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์ Sport
เบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับ
ภายในตกแต่งดีไซน์ M Sport
ภายในตกแต่งด้วยสี Dark Silver M ผสมกับอะลูมิเนียมลาย Rhombicle
กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
เพดานหลังคาภายในดีไซน์ M สี Anthracite
อุปกรณ์ภายใน
ชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร (Ambient
Light)
ภายในตกแต่งด้วยผลึกแก้ว 'CraftedClarity'
ม่านบังแดดที่ประตูหลังและกระจกหลัง
ระบบ Travel & Comfort
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน
ระบบกล้องภายในรถ
ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร
BMW Live Cockpit Professional
ระบบเครื่องเสียง HiFi loudspeaker Harman Kardon
ระบบ BMW Connected Drive
ระบบ BMW Connected Package Professional
ระบบเชื่อมต่อ Smartphone
ระบบสั่งงานอัจฉริยะ BMW Natural Interaction
ระบบ eSIM ส่วนบุคคล (Personal eSIM)
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
ความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ถุงลมนิรภัยกลางห้องโดยสาร (บริเวณเบาะคนขับ)
ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง (ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง)
ระบบ Teleservices
ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC)
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist)
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Dynamic BrakingLights)
ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC)
เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash
Sensor)
ความปลอดภัย
ระบบ Active Protection
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness
Assistant)
เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง
ระบบตรวจวัดลมยาง
ชุดปะยางฉุกเฉิน
ชุดตกแต่งพิเศษ
ชุดตกแต่ง M Sport
ชุดตกแต่ง M Sport Pro
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/