C-Class และ E-Class มักจะทำยอดขายได้ดีในตลาดโลก แต่โมเดล GLC ก็ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ Mercedes-Benz และบางที...อาจเป็นโมเดลที่สำคัญที่สุดของแบรนด์ตราดาวด้วยซ้ำ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? เนื่องจากนับตั้งแต่เปิดตัวและวางขายเป็นครั้งแรกในปี 2015 GLC ทำยอดขายติดอันดับต้นๆ ของ Mercedes-Benz อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งกลายเป็นสินค้าขายดีระดับโลกของค่ายดาวสามแฉก สำหรับการมาถึงของ GLC เจเนอเรชันที่สอง ซึ่ง Mercedes-Benz ออกตัวว่า รถที่ดีอยู่แล้วนั้นยากที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้นไปอีก เมื่อมองดูจากรูปลักษณ์ภายนอก การออกแบบใหม่นั้นมีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ดูเหมือนดีไซเนอร์ของแบรนด์ตราดาวพยายามนำเอาความปราดเปรียวของ C-Class W206 มายกสูงพร้อมกับเปลี่ยนช่วงล่างให้แน่นขึ้น GLC รุ่นใหม่นั้นแคบลง 21 มิลลิเมตร แต่ขนาดความยาวของตัวถังมากกว่าเดิมและเตี้ยลงอีกนิดหน่อย มีพื้นที่เก็บสัมภาระใต้กระโปรงหลังเพิ่มขึ้นอีก 70 ลิตร ชัดเจนว่า ด้วยสไตล์ที่ทันสมัยของ New GLC ซึ่งเกิดจากการปรับปรุงให้ดูดีกว่ารุ่นก่อน พร้อมสัมผัสที่หรูหราและซับซ้อนยิ่งขึ้นของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกกับงานตกแต่งภายใน ซึ่งจะทำให้มันขายได้ดีเหมือนเดิม ตราบเท่าที่รถไฟฟ้าของจีนจะไม่กระหน่ำลดราคากันแบบวันเว้นวัน! 

...


Mercedes-Benz New GLC 220d 4MATIC Avantgarde : 3,720,000 บาท (คันทดสอบ)
Mercedes-Benz New GLC 350e 4MATIC AMG Dynamic : 4,180,000 บาท

ชุดอุปกรณ์ Avantgarde ใน New GLC 220d 4Matic
ลักษณะสําคัญของชุดอุปกรณ์:

ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต แบบ 10 ก้านคู่ ขนาด 19"
ตกแต่งรอบคันแบบ AVANTGARDE
ไฟหน้าแบบ LED High Performance สมรรถนะสูง
ช่วงล่างแบบ Comfort suspension

...

...

Mercedes-Benz New GLC 220d รุ่นอุปกรณ์ตกแต่ง Avantgarde หรือรุ่นรองท็อป เป็นรถ SUV สำหรับครอบครัวขนาดเล็กที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ และมักจะถูกตั้งแสดงในโชว์รูมเคียงข้าง New C-Class ในจักรวาลคู่ขนานของ Mercedes โมเดล GLC ถือเป็นรถเอสยูวีไซส์กะทัดรัด ช่วงล่างนุ่มนวลกว่า BMW X3 เล็กน้อย โดยภาพรวม รถเจนสองดูโอเคและไม่มีอะไรที่ไร้สาระเกินไป มันขับได้ดีและมีพื้นที่เพียงพอสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกสี่คน นอกจากนี้ยังมี MBUX แบบใหม่ เอาไว้ต่อกรกับ OS9 ของ BMW อีกด้วย ทุกวันนี้ บริษัทรถแข่งกันยัดทุกอย่างที่มีเข้าไปไว้ในจอภาพ ทำให้จอมอนิเตอร์กลาง สั่งงานด้วยระบบสัมผัส กลายเป็นอุปกรณ์ที่ดึงดูดสายตาทันทีที่คุณเข้าไปนั่ง ส่วนควบคุมเครื่องปรับอากาศจะอยู่ที่มุมของจอภาพและใช้งานได้ง่าย การออกแบบกราฟิกค่อนข้างคมชัดและใช้งานได้สะดวกดี GLC ใหม่ประจำปี 2024 แทบจะไม่มีปุ่มให้กดแล้ว และระบบควบคุมแบบสัมผัสก็ยังคงใช้งานได้ไม่เร็วและปลอดภัยเท่ากับปุ่มกดแบบเดิมๆ แนวคิดของ Mercedes ก็คือให้ลูกค้าใช้การควบคุมด้วยเสียงแทนที่ปุ่มรกรุงรังในอดีต หรือปรับตั้งทั้งหมดก่อนที่จะเคลื่อนตัว!  

...

ไฟหน้าของ GLC 220d ใช้ระบบส่องสว่างแบบ LED High Performance ไฟหรี่กลางวันหรือ LED Daytime Running Light รวมถึงไฟต่ำและไฟสูงแบบ Dynamic Projector ที่ให้ความสว่างและมีความคมชัดสูง ไม่มีระบบไฟอัตโนมัติหรือ Multi Beam LED กันชนหน้า Avantgarde ออกแบบให้มีช่องรับอากาศด้านล่างใต้กระจังหน้าและช่องรับอากาศบริเวณมุมของสปอยเลอร์ ล้อมกรอบด้วยงานโครเมียมสีเงินที่ส่งเสริมให้รูปทรงด้านหน้าของโมเดล GLC รุ่นพระรองมีความหรูหราสมควรกับระดับของราคาค่าตัว ฝากระโปรงหน้ายกสันนูนขึ้นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มแสงเงา เสาหน้าหรือเสา A pillar วางองศาที่มีความลาดเอียงเพื่อลดแรงต้านของกระแสอากาศ ส่วนทรงของตัวรถด้านข้างเน้นความไหลลื่นของเส้นสาย กระจกมองข้างติดตั้งกรอบไฟเลี้ยวตามสมัยนิยม เส้นด้านข้างตัวรถลากจากแก้มหน้าผ่านแนวบานประตูหน้า-หลังไปจนถึงใต้มือจับที่เปิดประตูบานหลัง 

กรอบกระจกบานประตูทั้งสี่หุ้มเดินเส้นด้วยงานโลหะพวกอะลูมิเนียมอัลลอยสีเงิน ซุ้มล้อมีชิ้นงานพลาสติกกันกระแทกบุเอาไว้ในรูปแบบและสไตล์ของรถออฟโรดที่เน้นการลุย ล้ออัลลอยใน GLC 220d 4Matic ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต แบบ 10 ก้านคู่ ขนาด 19" ยาง Continental Ecocontact 6 Q MO ยางหน้า-หลัง ไซส์ 235/55R19 W XL เหมาะกับการวิ่งใช้งานทั้งทางเรียบและทางฝุ่นพอหอมปากหอมคอ ถ้าคิดจะลุยหนักแบบไม่เสียดายช่วงล่างก็ต้องจัดยางออฟโรดเต็มรูปแบบเพื่อการตะกุยดินที่ดีกว่านี้ แก้มยางที่สูงทำให้เวลาขับไม่ต้องกังวลว่าจะไปตกหลุมจนล้อดุ้งยางแหก อาจไม่หล่อหรือเต็มเหมือนล้อ 21-22 นิ้ว แต่ขับแล้วสบายใจรูดได้ทุกสภาพถนน

บั้นท้ายใหม่ ไฟท้ายออกแบบได้สมส่วนและมีความสวยงามกลมกลืนไปกับฝาท้ายไฟฟ้า งานดีไซน์ไฟท้าย LED ทรงยาวรีที่เชื่อมต่อกันทั้งสองฝั่งด้วยเส้นพลาสติกสีดำ บั้นท้ายของ GLC 2024 อวบอ้วนกลมมนด้วยดีไซน์ที่ลื่นไหล ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า รูปแบบของไฟท้ายมีความคล้ายคลึงกับไฟท้ายของ Macan ซึ่งเป็นรถ SUV จากแบรนด์ Porsche ไฟท้ายทรงยาวแบบใหม่ ใช้หลอดไฟแบบ LED เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการส่องสว่างและมุมมองที่ให้ความปลอดภัยสำหรับรถคันข้างหลัง กระจกบานฝาท้ายมีใบปัดน้ำฝนติดมาให้ รวมถึงไฟเบรกดวงที่สามที่ติดตั้งอยู่ด้านบนบริเวณกึ่งกลางของกระจกบานฝาท้าย สิ่งที่ช่วยทำให้บั้นท้ายของ Mercedes Benz GLC 220d Avantgarde ดูดีขึ้นก็คือกันชนหลังและท่อระบายไอเสีย (แบบปลอมๆ) ที่ใช้โลหะสีเงินล้อมกรอบ นอกจากงานโลหะสีเงินที่ทำให้ดูแพงขึ้นแล้ว ยังมีชิ้นงานกรุปิดทับท่อระบายไอเสียและหม้อพักท้ายซึ่งใช้แผ่นโลหะสีเงินตัดกับพลาสติกสีดำปิดทับส่วนล่างทั้งหมดเพื่อเพิ่มความสวยงาม ภาพลักษณ์ที่สื่อออกมาของ GLC 220d รุ่น Avantgarde ให้ความหรูหรา ออกมาคนละแนวกับแบบสปอร์ตของ GLC รุ่นพิเศษที่ตกแต่งด้วยชิ้นส่วนของ AMG จากงานโลหะสีเงินที่มีความโดดเด่นมากกว่าชิ้นงานตกแต่งสีดำ

รูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวของ Mercedes-Benz New GLC มีขนาดความยาว 4,716 มิลลิเมตร กว้าง 1,890 มิลลิเมตร ความกว้างตัวถังวัดจากมุมกระจกมองข้าง 2,096 มิลลิเมตร สัดส่วนความสูง 1,640 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,888 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 148 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,627 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,640 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงก์หน้า 843 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงก์หลัง 985 มิลลิเมตร พื้นที่เก็บสัมภาระท้าย 620 ลิตร ถึง 1,680 ลิตร น้ำหนัก 1,925 กิโลกรัม ความจุถังเชื้อเพลิง 62 ลิตร 

เข้ามาดูห้องโดยสารใหม่ของ GLC 220d 2024 คุณจะพบกับรูปแบบงานตกแต่งคล้ายกับ New C-Class W206 มีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บางอย่าง ตัดออปชันที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อทำราคา (ไม่มี Panoramic Roof) ภายในไล่จากแดชบอร์ดคอนโซลใหม่ เบาะหนังสีน้ำตาลปรับไฟฟ้านุ่มนิ่มนั่งสบาย ภายในมีโทนสีของงานตกแต่งที่ค่อนข้างฉูดฉาดกว่า GLC รุ่นที่ผ่านมา Mercedes-Benz ใช้รูปแบบภายในที่ลงตัวของ C-Class W206 มาปรับใช้กับโมเดล GLC ใหม่ด้วยการแปลงทรงของแดชบอร์ดคอนโซลและอุปกรณ์บางชิ้นที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและความสวยงาม เบาะหนังสีน้ำตาล แผงประตูหุ้มหนังสีน้ำตาลสลับสีดำ ปุ่มและสวิตช์สำหรับสั่งงานแทบจะไม่เหลือในรถรุ่นใหม่ ด้วยงานออกแบบและตกแต่งห้องโดยสารที่อ้างอิงความทันสมัย ทำให้ทุกอย่างย้ายไปอยู่ในจอมอนิเตอร์กลางทั้งหมด การปรับรุ่นแยกย่อยสำหรับการตกแต่งภายในที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง Avantgarde กับ AMG Line ผนวกเข้ากับการใช้งานผ่านผิวสัมผัสของวัสดุ เช่น หนังเทียม อะลูมิเนียม พลาสติกเกรดดี ลายไม้สีเทา รายละเอียดต่างๆ ทำอย่างพิถีพิถันเชื่อมโยงบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบใหม่สไตล์ Mercedes-Benz ได้ดี 

เบาะใหม่แบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนังสีน้ำตาลปรับไฟฟ้า สามารถปรับตั้งเบาะสำหรับท่าขับที่เข้ากับเรือนร่างได้อย่างพอดิบพอดี หากชอบขับแบบมองเห็นได้รอบตัวก็ต้องยกเบาะให้สูงเข้าไว้โดยเฉพาะคนตัวเล็ก ขนาดของตัวถังที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนักแต่ก็ไม่ได้เล็กจนรู้สึกเสียดายเงิน GLC 220d เป็นออฟโรดสายพันธุ์หรูตัวถังขนาดกลางนั่งสบาย เบาะหลังมีพื้นที่มากพอสำหรับคนตัวโต การพับเบาะหลังจะเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระจาก 640 ลิตร เป็น 1,925 ลิตร มากพอที่จะยัดกระเป๋าใบใหญ่ ถุงกอล์ฟ หรือแม้แต่จักรยานได้อย่างสบายๆ

แดชบอร์ดและคอนโซลกลางมีขนาดใหญ่ ใช้รูปแบบของแดชบอร์ดใน C-Class W206 มาปรับให้เข้ากับพื้นที่ภายในของ New GLC แผงคอนโซลแบบชิ้นเดียววางช่องระบายอากาศทรงกลมสไตล์ C-Class พนักเท้าแขนเชื่อมกับอุโมงค์เพลากลางแบ่งเขตแดนของพื้นที่ระหว่างคนขับกับผู้โดยสารตอนหน้าอย่างชัดเจนและออกมาในแนวสปอร์ตมากยิ่งขึ้น เส้นสายลวดลายของภายในที่มีความชัดเจนในตัวตนบนความหรูหรามีระดับ จอแสดงผลส่วนกลางขนาด 11.9 นิ้ว สั่งงานด้วยระบบสัมผัส เป็นนวัตกรรมที่มาพร้อมกับ MBUX แบบใหม่เน้นการสัมผัสสั่งงานที่หน้าจอหรือสั่งงานด้วยเสียง เชื่อมต่อ apple carplay android auto แบบไร้สาย เลือกดูข้อมูลและปรับตั้งการใช้งานของระบบต่างๆ ช่องเสียบ USB Type C คอนโซลกลางประดับประดางานลายไม้สีเทาเข้มล้อมกรอบด้วยไฟตกแต่งภายใน ambient light 64 เฉดสี

ช่องแอร์ทรงกลม 3 วง ย้ายขึ้นไปอยู่ด้านบนเหนือจอมอนิเตอร์กลาง แผงควบคุมอุณหภูมิดิจิทัลแบบแยกโซนที่ใช้งานได้ง่ายพร้อมระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสารเพื่อป้องกัน PM 2.5 ก็โดนย้ายไปอยู่ในจอเช่นเดียวกัน MBUX สื่อสารกับโลกภายนอกด้วยอินเทอร์เน็ตและการเชื่อมต่อกับมือถือแบบไร้สาย ตำแหน่งศูนย์กลางของการแสดงผลมีแผงควบคุมระบบปรับอากาศซึ่งจะแสดงผลที่หน้าจอสำหรับการปรับตั้งระบบแอร์ในห้องโดยสาร ฟังก์ชันอันหลากหลายของการปรับตั้งที่ทำออกมาให้มีความน่าใช้งานผสมกับความง่ายในการเข้า-ออกจากเมนู จอภาพมอนิเตอร์ขนาด 11.9 นิ้ว ของ GLC 220d มีระบบนำทางด้วยดาวเทียมที่คมชัดและละเอียดใช้ได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งออปชันที่ถูกเพิ่มเข้ามาให้ใช้งานหลัง

พวงมาลัย Avantgarde ทรงสามก้าน มีแป้นเปลี่ยนเกียร์เล็กๆ ติดมาให้ที่ด้านหลังของพวงมาลัยในตำแหน่งที่จะใช้นิ้วกดได้ถนัด ปุ่มควบคุมจอ MID ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ ปุ่มปรับเปลี่ยนการแสดงผลของจอภาพมาตรวัดที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างหลากหลาย GLC ใหม่แม้จะแคบลงแต่มีห้องโดยสารกว้างพอเพียงต่อการใช้งาน พื้นที่สำหรับผู้โดยสารตอนหลังมากพอที่จะวางเท้าได้อย่างไม่อึดอัด หากคุณไม่ใช่คนที่ตัวสูงก็สามารถนั่งจากกรุงเทพฯ ไปประจวบฯ ได้อย่างสบายๆ การเพิ่มขึ้นของขนาดความยาวของห้องโดยสารใน GLC เกิดขึ้นจากความพยายามในการปรับพื้นที่ภายในให้เกิดประโยชน์กับการใช้งานมากที่สุด เกือบทุกปัจจัยในห้องโดยสารของ GLC ขึ้นตรงกับความสะดวกสบาย พื้นที่สำหรับวางเท้าถูกขยายตามวัตถุประสงค์หลักของการออกแบบ เพื่อทำให้สามารถเข้าและออกจากรถได้สะดวกมากขึ้น วิศวกรของ Mercedes Benz ยังมีการออกแบบเพื่อเพิ่มขนาดของช่องเก็บสัมภาระโดยมีระดับพื้นที่โหลดสัมภาระให้พอเพียงต่อการใช้งาน เบาะนั่งด้านหลังใช้รูปแบบของการพับ 40/20/40 ปริมาตรของพื้นที่เก็บสัมภาระส่วนท้ายที่ 640 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลงราบกับพื้นจะได้พื้นที่มากถึง 1,925 ลิตร มากกว่า 1,600 ลิตร ของรุ่นที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด

มาตรวัด TFT LCD ขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย มีทั้งแบบคลาสสิกที่อ่านค่ามาตรวัดรอบและความเร็วได้อย่างชัดเจนเพราะใช้รูปแบบเดิมที่ผู้คนส่วนใหญ่จดจำ รวมถึงมาตรวัดสไตล์ Off Road ที่ใช้สำหรับการขับลุยทางวิบาก มาตรวัดแบบสปอร์ตที่มาพร้อมกับสีแดงสุดเร้าใจหรือถ้าชอบการแสดงผลแบบเรียบๆ ไม่ฉูดฉาดหรือรกรุงรังมากจนเกินไป ก็ยังมีการนำเอาระบบนำทางขึ้นไปแสดงบนจอภาพมาตรวัดสำหรับขับเดินทางบนถนนที่ไม่คุ้นชิน การแสดงผลไล่เรียงตั้งแต่วัดรอบ วัดสปีดความเร็ว ตำแหน่งเกียร์ ระดับเชื้อเพลิงต่อระยะทางที่สามารถขับไปถึง การทำงานของระบบช่วยขับและระบบความปลอดภัยต่างๆ แรงดันลมยางของล้อแต่ละข้าง อุณหภูมิภายนอก และอื่นๆ อีกเพียบ

ด้วยความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการปล่อยมลพิษที่เพิ่มขึ้นของเครื่องยนต์ดีเซล หลังจากเมื่อหลายปีก่อนเกิดเรื่องอื้อฉาวการโกงตัวเลขมลพิษของ Volkswagen ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์เกิดการตื่นตัวในเรื่องของตัวเลขการปล่อย Co2 เป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ Mercedes-Benz ต้องพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อให้ตรงตามมาตรฐานการปล่อยมลพิษทั่วโลกในอนาคต เช่น Real Driving Emissions (RDE) และการทดสอบยานพาหนะ (WLTP) ขุมกำลังดีเซลขนาดเล็กรุ่นใหม่ที่ประจำการอยู่ใน New C-Class W206 CKD นั่นก็คือ เครื่องยนต์ Mercedes-Benz OM 654 ซึ่งช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปล่อย CO2 ลง 13 เปอร์เซ็นต์ กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร OM 654 M เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบแถวเรียงสี่สูบ ความจุ 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี อัดอากาศด้วยเทอร์โบเดี่ยวรุ่นแรกในตระกูลเครื่องยนต์ใหม่ของ Mercedes น้ำหนัก 168 กิโลกรัม ถือเป็นเครื่องดีเซลที่มีประสิทธิภาพ ก่อนที่รถยนต์ทั้งหมดของแบรนด์ตราดาวจะเปลี่ยนไปขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า

นวัตกรรมที่สำคัญที่สุดของเครื่องยนต์รุ่นใหม่
โครงสร้างอะลูมิเนียมล้วนครั้งแรกของเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ

เครื่องยนต์ OM 654 เป็นเครื่องยนต์ดีเซลสี่สูบ บล็อกอะลูมิเนียมขนาดกะทัดรัด สามารถทนต่อแรงดันภายในสูงสุดได้ถึง 2,973.27 psi ช่วยลดน้ำหนักชิ้นส่วนต่างๆ ลงได้มากกว่าบล็อกเหล็กหล่อถึง 17 เปอร์เซ็นต์

ลูกสูบเหล็กพร้อมโถเผาไหม้แบบขั้นบันได เคลือบกระบอกสูบ NANOSLIDE® หัวฉีดคอมมอนเรลรุ่นที่ 4

เทคโนโลยีการบำบัดไอเสียทั้งหมดได้รับการกำหนดค่าโดยตรงบนเครื่องยนต์

เบากว่าอย่างเห็นได้ชัดและกะทัดรัดมากขึ้น: 168.4 กก. เทียบกับ 203.8 กก. (-17%) ปริมาตรกระบอกสูบ 2 ลิตร แทนที่จะเป็น 2.15 ลิตร ระยะห่างกระบอกสูบ 90 มม. เทียบกับ 94 มม.

OM 654 ใช้ลูกสูบเหล็กที่มีการออกแบบห้องเผาไหม้แบบขั้นบันได เนื่องจากความสามารถในการลดการปล่อยอนุภาค ตัวเลขมลพิษที่ลดลง เป็นผลมาจากการเพิ่มปริมาณอากาศที่เครื่องยนต์สามารถรับเข้าไปได้ และปริมาณความร้อนที่สะสมอยู่ในบริเวณที่เกิดการเผาไหม้

วัสดุเหล็กสำหรับลูกสูบ ช่วยเพิ่มการกักเก็บความร้อนในกระบอกสูบ และเพิ่มการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพทางอุณหพลศาสตร์ของเครื่องยนต์ ลดระยะเวลารอบการเผาไหม้ที่เกิดขึ้นจริง โลหะเหล็กยังช่วยให้ระยะห่างระหว่างลูกสูบและผนังกระบอกสูบมีความสม่ำเสมอมากขึ้น (อะลูมิเนียมจะขยายตัวเมื่อถูกความร้อน) การขยายตัวของลูกสูบน้อยลง เมื่อรวมกับการเคลือบผนังกระบอกสูบ Nanoslide ที่มีแรงเสียดทานต่ำเป็นพิเศษของ Mercedes ช่วยลดแรงเสียดทานได้ 40 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลูกสูบให้ดียิ่งขึ้น เพลาข้อเหวี่ยงจะถูกชดเชยไปทางด้านไอดีของบล็อก 0.5 นิ้ว และใช้ก้านสูบขนาด 6 นิ้ว (154 มม.) การจัดเรียงนี้ช่วยลดแรงด้านข้างของลูกสูบได้ถึง 75 เปอร์เซ็นต์

เพลาข้อเหวี่ยงแบบใหม่ ช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างด้านไอเสียของบล็อก สำหรับระบบปล่อยมลพิษขนาดกะทัดรัดแบบใหม่ ที่ติดตั้งกับเครื่องยนต์โดยตรง การปรับตั้งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบการปล่อยมลพิษเฉพาะรถยนต์ อุปกรณ์ประกอบด้วย ตัวเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันดีเซล และตัวกรองอนุภาคดีเซล การเคลือบตัวเร่งปฏิกิริยา ฉนวน และติดตั้งในตำแหน่งที่ใกล้เครื่องยนต์ของ diesel particulate filter (DPF) ทำให้ระบบสูญเสียความร้อนต่ำ มีการปรับอุณหภูมิการทำงานให้เหมาะสม ทำให้ปล่อยมลพิษลดลง และประหยัดเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น DPF มีพื้นที่ผสม พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับไอเสียที่เกิดจาการเผาไหม้น้ำมันดีเซล เพื่อกระจายไปยังตัวกรองอนุภาคไอเสียอย่างสม่ำเสมอ และระเหยอย่างรวดเร็วเพื่อลดการปล่อย NOx นอกจากนี้ ยังใช้วาล์วหมุนเวียนไอเสียแบบหลายทาง โดยผสมผสานก๊าซแรงดันสูงและแรงดันต่ำที่ระบายความร้อนด้วยระบบทำความเย็น เพื่อลดการปล่อยไอเสียที่ไม่ผ่านการบำบัดตลอดช่วงรอบต่อนาที ในขณะที่มีการปรับการเผาไหม้เพื่อให้เหมาะสมกับอัตราสิ้นเปลือง นั่นก็คือ เน้นความประหยัดเชื้อเพลิง

ด้วยการออกแบบขนาดที่กะทัดรัด มีประสิทธิภาพและทำงานได้อย่างราบรื่นในเครื่องยนต์รุ่นใหม่ของ Mercedes-Benz โดยเฉพาะขุมกำลังดีเซลเล็ก OM 654 ทำให้สามารถนำเครื่องยนต์รุ่นดังกล่าวไปประจำการในรถยนต์รุ่นต่างๆ เครื่องยนต์รุ่นนี้ สามารถนำไปวางได้ทั้งตามยาวและตามขวาง ในรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง หรือทุกล้อ (4Matic) ตั้งแต่รถตู้ Sprinter ไปจนถึงรถซีดานสุดหรูรุ่น E-Class และ CLS

มาตรการด้านฉนวนและตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับลดมลพิษที่ปรับปรุงใหม่ ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีการจัดการอุณหภูมิเครื่องยนต์ในระหว่างการสตาร์ตขณะเครื่องเย็นหรือที่โหลดต่ำ นอกจากข้อดีในแง่ของการปล่อยมลพิษแล้ว ยังช่วยประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วย โดยเฉพาะการขับเดินทางระยะสั้น ระบบบำบัดไอเสีย มีการสูญเสียความร้อนต่ำและมีสภาวะการทำงานที่เหมาะสมโดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีอากาศร้อน 

ชุดขับสี่ 4MATIC ทำงานโดยเข้ามาควบคุมกระจายแรงบิดที่ขึ้นตรงกับการวิเคราะห์ของคอมพิวเตอร์ส่วนกลางที่จะคอยประเมินผลตรวจจับล้อที่เกิดอาการลื่นไถล โดยจะทำการลดแรงบิดในล้อที่หมุนฟรีแล้วถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อที่ยึดเกาะกับผิวถนน สำหรับการขับเคลื่อนปกติ กำลังจะถูกส่งถ่ายไปที่ล้อหลังมากกว่าล้อหน้า ต่อเมื่อลุยทางออฟโรดการทดแรงบิดจะผกผันไปตามสถานการณ์ของการขับเคลื่อนที่มีความแตกต่างกันไป GLC ถูกออกแบบมาสำหรับการวิ่งฝ่าเส้นทางทุรกันดาร ใช้ลากจูงรถพ่วง อำนวยความสะดวกสำหรับการขับใช้งานเมื่อออกจากเส้นทางปกติเพื่อการลุยทางลูกรัง โครงสร้างตัวถังเน้นความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะวิ่งแบบไต่เนินชันหรือไหลลงจากทางที่มีความลาดชัน

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 4Matic สามารถกระจายถ่ายเทแรงบิดแบบผกผันจากล้อหน้าไปล้อหลังหรือจากล้อหลังมายังล้อหน้าได้ 45% ถึง 55% ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นทางที่วิ่งผ่าน การกระจายแรงบิดระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังเชื่อมโยงกับระบบควบคุมการทรงตัว ESP® / ASR และ 4ETS ระบบควบคุมการจัดการแบบไดนามิกนี้ มีให้สำหรับการจัดการที่เหนือกว่าและสามารถคาดเดาได้อย่างชัดเจน คลัตช์หลายแผ่นที่แตกต่างกันในชุดขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 4Matic ช่วยเพิ่มการยึดเกาะระหว่างยางกับผิวถนน เช่น การขับบนหิมะหรือน้ำแข็ง แรงล็อกขั้นพื้นฐาน 50 นิวตันเมตร ระหว่างเพลาด้านหน้าและเพลาหลังกับการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อต้องลากจูงวัตถุที่ส่งผลกับเสถียรภาพของตัวรถ

ระบบกันสะเทือนที่เซตแบบเน้นความนุ่มนวลออกแบบมาสำหรับความสะดวกสบาย ทำให้ GLC 220d ค่อนข้างครอบคลุมและให้ความผ่อนคลายในการขับทางไกล ความสามารถของการยึดเกาะและถ่ายเทแรงบิดได้อย่างสมดุลเนื่องจากมีชุดขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่เชื่อมต่อกับโหมดขับเคลื่อนหรือ Dynamic Select โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือก เช่น Comfort, ECO, Sport, Sport+, Individual โดยเนื้อแท้แล้ว GLC เป็นรถที่ต้องขับอย่างนุ่มนวลถึงจะนั่งได้อย่างสบาย การเปลี่ยนเลนแบบมุดไปมาทำได้ดีแต่ไม่ใช่การขับที่เหมาะสมสำหรับเอสยูวีครอบครัว ไดนามิกของแบรนด์ตราดาว ชัดเจนว่ามีเอกลักษณ์ของตัวเองโดยให้ฟีลลิ่งที่แตกต่างไปจาก Audi Q5 BMWX3 Volvo XC60 หรือแม้แต่ Lexus NX

GLC เป็น Mercedes ที่ได้รับความนิยมในไทย ระบบกันสะเทือนแม้จะเซตมาให้นั่งนุ่มสบายเวลาเดินทาง ก็ยังควบคุมตัวถังได้ดีในย่านความเร็วสูง เป็นรถอเนกประสงค์ที่สมเหตุสมผลสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการออปชันล้นๆ มีตราสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กับวงการอุตสาหกรรมยานยนต์มานานกว่า 135 ปี ด้วยรูปลักษณ์ที่ลงตัวและเทคโนโลยีที่เหมาะสม แต่ระบบกันสะเทือนถึงแม้จะนุ่มและสบาย แต่ก็ยังควบคุมได้ดีเมื่อใช้ความเร็ว มันทำได้ตามมาตรฐานของรถระดับเดียวกันแต่ก็ยังคงมีราคาแพงอยู่เหมือนกัน เป็นรถอเนกประสงค์ที่จอดอยู่ในบ้านจัดสรรหรือตามคอนโดหรูราคาแพง แน่นอนว่า C-Class Estate ที่ไม่มีขายในไทยนั้นน่าใช้มาก แต่การซื้อ GLC รุ่นดีเซล ถือเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าน่าลงทุนมากกว่า

จุดเด่นหลักๆ ของ GLC 220d ก็คือระบบขับเคลื่อนและช่วงล่าง เครื่องยนต์ดีเซลสองลิตรเทอร์โบ รหัส OM654 พร้อม ISG integrated starter generators กับ Mild Hybrid 48 โวลต์ และเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic การใช้โหมดเริ่มต้นหรือโหมด COMFORT ขับออกทางไกลกลายเป็นโหมดขับเคลื่อนที่ลงตัว คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองตรงไปตรงมาแต่ไม่ประหยัดเท่ากับโหมด ECO อัตราสิ้นเปลืองในเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นทันทีที่ขับออกทางไกล ตัวเลข 15 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่บริหารการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างชาญฉลาด ทำให้เกิดความประหยัดและสบายกระเป๋าเมื่อต้องใช้รถกันทุกวันคุณก็ไม่อยากให้มันกินจุมากจนเกินไป การใช้ GLC 220d 2024 จะทำให้คุณเหลือเงินเอาไว้ใช้จ่ายอย่างอื่นไม่ใช่เติมน้ำมันและผ่อนไปเดือนๆ นึงก็เงินหมดแล้ว สิ่งที่มันมอบให้กับคนขับเมื่อพาออกทางไกลก็คือความสบายและความแม่นยำในแบบที่รถยนต์ราคา 3.7 ล้านควรจะมี

Direct Steer System พวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดน้ำหนักแปรผัน เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จะต้องพูดถึง เมื่อนั่งนิ่มแล้วก็ต้องมีพวงมาลัยที่แม่นยำจะทำให้ควบคุมทิศทางได้ง่ายไม่ก่อให้เกิดความเครียดหรือความอ่อนล้าที่จะต้องมานั่งประคองพวงมาลัยแต่งองทรงเครื่องไปตลอดทาง คุณจะพบกับความแม่นยำและน้ำหนักที่เป็นเลิศในทุกย่านความเร็ว จากการผ่องถ่ายของชุดบังคับเลี้ยว Direct Steer System ของ Mercedes-Benz ซึ่งเป็นระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้าที่ตอบสนองได้อย่างว่องไวต่อความเร็วและเพิ่มอัตราส่วนการบังคับทิศทางเปลี่ยนไปตามมุมของพวงมาลัยได้อย่างแนบเนียน อัตราส่วนของระบบบังคับเลี้ยวจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่มุมเพียง 5 องศา ให้ความรู้สึกค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ผลที่ได้คือการลดลงของมุมเลี้ยว การเปลี่ยนทิศทางที่ง่ายและเร็วด้วยการขยับพวงมาลัยนิดเดียวก็เพียงพอสำหรับการเปลี่ยนทิศทาง ระบบ Direct Steer System ได้รับการจัดอันดับว่าดีกว่าพวงมาลัยพาวเวอร์แบบเก่า มันตอบสนองได้เร็วทั้งการปรับน้ำหนักในย่านความเร็วที่แตกต่างกันออกไป ความแม่นยำในการบังคับเลี้ยวทำให้เกิดความปลอดภัย ให้ความรู้สึกถึงการเปลี่ยนทิศทางอย่างแม่นยำพร้อมความเสถียรเมื่อพวงมาลัยถูกปรับตั้งให้สอดรับกับการทำงานของช่วงล่างและล้อยาง

อีกจุดที่ทำออกมาได้ดีก็คือ การเก็บเสียงที่เงียบตามมาตรฐานของรถหรู เสียงยางและเสียงลมเริ่มได้ยินที่ความเร็ว 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเร็วขึ้นมากกว่านั้นก็ยังดังไม่มาก การเก็บเสียงที่ดีของ GLC 220d ช่วยทำให้เกิดสมาธิในการควบคุม ไม่ต้องมานั่งฟังเสียงยางเสียงลมที่ทำให้รู้สึกรำคาญใจ ส่วนเครื่องเสียงดีเซลและแรงสั่นสะเทือนขณะทำงานนั้นเบาและนิ่งมาก กดคันเร่งมีเสียงเครื่องครางพอได้ความเร้าใจทั้งๆ ที่เป็นเครื่องดีเซลแต่เสียงรอบสูงก็น่าฟังอยู่เหมือนกัน เครื่องเสียงติดรถของ GLC 220d เป็นชุดวิทยุ MB Audio ให้ซุ้มเสียงกลางๆ ถ้าไม่ได้เป็นพวกนักฟังที่พิถีพิถันกับคุณภาพของลำโพงและกำลังขับก็ถือว่าพอฟังได้ไม่ขี้เหล่ละครับ

GLC 220d 4MATIC Avantgarde ราคา 3.7 ล้านบาท มีฝาท้ายไฟฟ้าและเนวิเกเตอร์กับระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO ที่มอบความสะดวกสบายเท่าที่ควร อุปกรณ์ที่โดนตัดออกไปอย่าง Panoramic Roof เพื่อทำราคาให้โดนใจคนที่อยากได้ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการขับขี่แต่อย่างใดทั้งสิ้น GLC รุ่นรองท็อปเป็นรถที่ขับได้ดีเลยทีเดียว ให้ความมั่นใจในย่านความเร็วสูง ถ้าขับแบบสบายๆ ไหลไปเรื่อยอัตราสิ้นเปลืองจะดีงามมากอยู่ประมาณ 14-15 กิโลเมตรต่อลิตร เครื่องยนต์ดีเซล 2 ลิตร อัดเทอร์โบ พร้อม ISG และ Mild Hybrid 48V ถูกออกแบบให้มีแรงบิดที่เหมาะสมกับการใช้งานและประหยัดเชื้อเพลิง เกียร์ 9 สปีดไหลลื่น ปรับเปลี่ยนอัตราทดได้อย่างว่องไวราบเรียบปราศจากอาการกระตุกกระชาก ช่วงล่างหนึบแน่นตามสไตล์เอสยูวีไซส์กะทัดรัดซึ่งเป็นจุดขายของ GLC พวงมาลัยไฟฟ้าให้การตอบสนองอยู่ในเกณฑ์ดี ให้เป็นรถออฟโรดที่ควบคุมง่าย น้ำมัน 1 ถังไปได้ไกลใกล้เคียง 800 กิโลเมตร พื้นที่ภายในกว้างขวางกว่า C-Class นิดหน่อยและมีส่วนสูงที่สามารถลุยฝ่าน้ำท่วมได้ดี ราคา 3,720,000 บาท บาท (สามล้านกับอีกเจ็ดแสนสองหมื่นบาท) ถูกกว่ารถคู่แข่งอย่าง BMW X3 xDRIVE20d M Sport ราคา 3,759,000 บาท หรือ Audi Q5 55TFSIe Quattro S-Line ที่มีราคา 3,699,000 บาท กับของหรู Lexus NX 450h+ Premium 3,890,000 บาท ชอบแบบไหนก็เลือกกันเอาเองตามกำลังทรัพย์ในกระเป๋าครับ. 


ปริมาตรกระบอกสูบ 1,993 ซีซี
กำลังสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 3,700 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 8 วินาที
ความเร็วสูงสุด 219 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 
ความจุถังเชื้อเพลิง 62 ลิตร 
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic

ระบบความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัยด้านหน้าสองตำแหน่ง สำหรับผู้ขับและผู้โดยสาร
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสองตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างปกป้องศีรษะ 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับและผู้โดยสาร
ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า สำหรับผู้ขับขี่
เข็มขัดนิรภัย 3 จุด 5 ที่นั่ง
ระบบแจ้งเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารทุกตำแหน่ง
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System)
ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill - Start Assist
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light)
ระบบช่วยเบรกแบบแอ็กทีฟ (Active Brake Assist)
ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise control) 
ระบบเตือนเพื่อนํารถเขาศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator)
ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC)
กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยรถ (Reversing camera)
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
ระบบแจ้งเตือนยานพาหนะขณะเปิดประตูรถ (Exit Warning Function)
กล้องมองรอบคัน 360 องศา สำหรับการขับเคลื่อนออฟโรด
ชุดปะยางฉุกเฉิน TIREFIT

อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
ใบปัดน้ำฝนทํางานโดยอัตโนมัติ พร้อมเซนเซอร์วัดปริมาณน้ำฝน
ไฟหน้าแบบ LED High Performance
ไฟส่องใต้กระจกมองข้างพร้อมตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz
ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
กระจกมองข้างปรับและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า
กระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่และกระจกมองหลัง ปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
ตกแต่งรอบคันแบบ Avantgarde
ระบบกุญแจแบบ KEYLESS GO comfort package
ระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ (HANDS-FREE ACCESS)
ช่วงล่างแบบ Comfort Suspension
ล้ออัลลอย Avantgarde 10 ก้าน ขนาด 19"

อุปกรณ์มาตรฐานภายใน

ฟังก์ชัน ECO start /stop
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2 โซน
ระบบปรับโหมดการขับเคลื่อน DYNAMIC SELECT
เบาะนั่งแบบ Comfort seats
เบาะนั่งคู่หน้า พร้อมระบบดันหลัง 4 ทิศทาง แบบ Lumbar support
เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ สำหรับตำแหน่งที่นั่ง พวงมาลัย และกระจกมองข้าง
เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลัง พับได้แบบ 1/3 และ 2/3
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ต 
พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control
ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์แบบ Remote engine start
ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ (Push Start)
ตกแต่งห้องโดยสารแบบ Avantgarde 
วัสดุตกแต่งห้องโดยสารแบบ Black open-pore aluminium lines wood trim
ด้านบนของคอนโซลหน้า (Instrument panel)
และด้านบนของแผงประตูหุ้มด้วยหนัง ARTICO ตกแต่งลายแบบ Nappa
ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร ปรับได้ 64 เฉดสี (โหมด color moods 10 รูปแบบ)
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับ Digital ขนาด 12.3"
หน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลางขนาด 11.9"
กาบบันไดสแตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz แบบเรืองแสง
ชุดอุปกรณ์จัดเก็บสัมภาระ และช่องเก็บของที่ด้านหลังของเบาะคู่หน้า Stowage Space package
ที่วางแก้วน้ำบริเวณคอนโซลกลาง
ช่อง USB Type C 6 ช่อง
พรมปูพื้น

ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร
ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlay™ & Android Auto)
อุปกรณ์สื่อสารสัญญาณ LTE 
ระบบขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ฟังก์ชันเพิ่มเติมสำหรับการใช้งานระบบ MBUX
อุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ LTE สำหรับบริการ Mercedes me connect
ระบบมัลติมีเดียแบบ MBUX
ระบบแผนที่นําทางแบบ Hard-disc navigation พร้อมภาพแผนที่แบบ 3 มิติ
ระบบแผนที่นําทางพร้อมแจ้งเตือนสภาพการจราจร

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/