หนึ่งในกระบะดีเซลที่มีความน่าใช้ในชั่วโมงนี้ ถ้าไม่นับเจ้าตลาดอย่าง Isuzu คงหนีไม่พ้น Toyota Hilux REVO Facelift รถปิกอัพเจ้าตลาดของพี่โต ที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 ค่ายสามห่วงยกระดับทั้งสมรรถนะการขับด้วยการปรุงแต่ง powertrain ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เติมความหนึบของโช้คอัพด้วยการออกแบบระบบวาล์วภายในใหม่ แรคพวงมาลัย แกนแรค และชิ้นส่วนในชุดบังคับเลี้ยว ทั้งหมดถูกปรับปรุง ใหม่หมด อาการโคลงตัวของ Hilux REVO Rocco รุ่นท็อปสุดลดลงมามาก การปรับปรุงทำให้นั่งแล้วรู้สึกหนึบๆ นุ่มๆ ทางลาดยางเรียบๆ ช่วงล่างให้ความสบายพอสมควรกับระดับของราคา รวมถึงการวิ่งบนผิวทางลูกรังบนเส้นทางทดสอบก็ซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี


การเลือกใช้รถยนต์ของ Toyota หมายถึงความคงทน การดูแลจากศูนย์บริการ รวมไปถึงราคาขายต่อเป็นรถมือสองก็ยังเหนือกว่ารถคู่แข่งอยู่พอสมควร โดยเฉพาะรถกระบะรุ่น Rocco นั้นมีดีพอตัวที่จะกลายเป็นพาหนะในช่วงที่ประเทศไทยมีการก่อสร้างซ่อมบำรุงถนนหนทางเพิ่มขึ้นอีกเพียบ ทางที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างนั้นเต็มไปด้วยหลุมบ่อที่ไม่ค่อยจะเหมาะกับช่วงล่างของรถเก๋งที่มาพร้อมกับยางแก้มเตี้ย คุณสามารถรูดยาวๆ ใน Rocco โดยไม่สะเทือนซางมากจนเกินไป ช่วงล่างของมันถูกปรับเซตให้นั่งได้สบายเนื้อสบายตัวมากกว่าเดิม โดยเฉพาะการขับผ่านผิวทางที่ขรุขระนั้นดีขึ้น ความสูงแบบออฟโรดยังใช้ลุยทางวิบากอย่างเส้นทางทดสอบบนเขาแผงม้า

...

การขึ้นยืนแท่นเบอร์หนึ่งยอดขายปิกอัพของไทยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การรักษาแชมป์ให้อยู่ในมือเอาไว้ได้กลับกลายเป็นเรื่องยาก งานทวงบัลลังก์แชมป์ยอดขายรถกระบะที่ Toyota เคยครองความเป็นเจ้ายาวนานหลายปี ก่อนที่จะโดน Isuzu สวนด้วย New D-MAX V-Cross กระบะทีเด็ดซึ่งเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของแบรนด์สามห่วง Hilux REVO รุ่น Facelift รถความหวังของประชาชนชาว Toyota หมายถึงการท้าชิงตำแหน่งดังกล่าวจากแบรนด์รถกระบะที่เติบโตอย่างต่อเนื่องอย่าง Isuzu D-Max V-Cross

...

...

...

Hilux Double Cab 4x4 2.8 Rocco AT พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ กับ Sequential Shift และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นกระบะยกสูงขับสี่ที่มีราคาถึง 1,296,000 บาท การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไล่จากด้านหน้าที่ดูดีขึ้นมาก ใบหน้าใหม่ของ REVO Rocco โดนใจคนใช้รถกระบะในประเทศไทยมากกว่าหน้าเดิมแบบมู่ทู่ของรุ่นที่แล้ว มิติตัวถังของ REVO Rocco 2.8AT 4X4 ยาว 5,325 มิลลิเมตร กว้าง 1,900 มิลลิเมตร สูง 1,810 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,085 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,540 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,550 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 216 มิลลิเมตร กระบะยาว 1,840 มิลลิเมตร กว้าง 1,540 มิลลิเมตร สูง 480 มิลลิเมตร ล้ออะลูมิเนียมสีเทาดำ ห่อรัดด้วยยาง Dunlop Grandtrek ไซส์ 265/60R18 110H AT25

รถกระบะ Hilux REVO Rocco มาพร้อมหน้าตาที่ดุดัน การปรับปรุงทั้งระบบขับเคลื่อนและช่วงล่างเพื่อทำให้รถกระบะรุ่นนี้ สามารถต่อกรกับรถคู่แข่งได้ ถือเป็นการลงมือลงแรงอย่างหนักของ Toyota Motor Thailand ด้านวิศวกรรมยานยนต์รถกระบะ เพื่อกลับมาครองความเป็นเจ้าตลาด สำหรับการเปลี่ยนแปลงหลักๆ ของ New Hilux REVO Rocco เริ่มจาก

จุดที่เปลี่ยนแปลงใหม่ใน Hilux REVO Facelift รุ่น Rocco

-ไฟหน้า Bi-Beam LED
-กระจังหน้า (ใหญ่ขึ้น)
-กันชนหน้า พร้อมไฟตัดหมอก LED
-ชุดแต่งซุ้มล้อ
-ไฟท้าย LED
-กันชนหลัง
-ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ยาง A/T 265/60 R18
-ติดตั้งระบบช่วยผ่อนแรงเปิดฝากระบะท้าย
-มาตรวัดเรืองแสงแบบใหม่
-หน้าจอมอนิเตอร์ขนาด 8 นิ้ว ระบบสั่งงานด้วยการสัมผัสแบบใหม่ รองรับ Apple CarPlay / Android Auto
-โหมดแสดงภาพด้านหน้าและรอบทิศทางเมื่อขับลุยเส้นทางวิบาก

ช่วงล่าง
แหนบซ้อน 3 แผ่น แหนบแผ่นกลางแบบ High Tensile Steel มีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม โช้คอัพถูกปรับจูนระยะยืดและยุบใหม่หมด เพื่อทำให้สามารถดูดซับแรงสะเทือนได้ดีขึ้น Mounting (Bush / Shackle/ Cab-mount) มีการปรับคุณสมบัติในการดูดซับแรงสั่นสะเทือน เปลี่ยนรูปทรงของชิ้นส่วนเพื่อลดแรงเสียดทานของส่วน Mounting (เฉพาะ Hilux REVO ขับเคลื่อน 4 ล้อ และ Prerunner ขับเคลื่อน 2 ล้อ)

ระบบบังคับเลี้ยวของ Toyota Hilux REVO Rocco ปรับปรุงพวงมาลัยพาวเวอร์ใหม่ หันมาใช้พาวเวอร์ผ่อนแรงหมุนและแปรผันน้ำหนักไปตามความเร็ว VFC (Variable Flow Control) ปรับน้ำหนักพวงมาลัยแบบแปรผันไปตามความเร็ว

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมีการปรับรอบเดินเบาจาก 850 รอบต่อนาที เหลือ 650 รอบต่อนาที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแรงยึดเกาะบนพื้นผิวของล้อยาง ควบคุมความเร็วขณะออกตัวได้ดีขึ้น ปรับการตอบสนองของคันเร่ง ปรับปรุง Brake Actuator เมื่อใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ลดเสียงรบกวนของระบบ ปรับการทำงานของระบบบังคับเลี้ยว VFC (Variable Flow Control) ลดน้ำหนักของพวงมาลัยเมื่อเข้าสู่โหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ เพิ่มฟังก์ชันแสดงตำแหน่งของล้อหน้าบนจอภาพ MID พร้อมเซนเซอร์รอบคันเพื่อตรวจสอบทิศทางและสิ่งกีดขวางขณะขับลุยทางออฟโรด

ระบบความปลอดภัย TSS ใส่มาเต็มเหนี่ยว สัญญาณเตือนกะระยะด้านท้าย และมุมกันชนหน้า-หลัง กล้องมองหลัง เข็มขัดนิรภัย 3 จุด ทุกตำแหน่ง พร้อมระบบดึงรั้งกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ สำหรับเบาะคู่หน้า ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC แบบ A-TRC ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน DSC ระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Differential) ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) เฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS เฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA เฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ โครงสร้างนิรภัย GOA คานเหล็กนิรภัยด้านข้าง ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS คู่หน้า/ด้านข้าง/ม่านด้านข้าง/หัวเข่าด้านคนขับ

ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ หรือ LDA ซึ่งมีติดตั้งเฉพาะ Rocco รุ่นดับเบิลแค็บ การทำงานของ LDA ช่วยป้องกันรถแล่นออกนอกช่องทาง ซึ่งอาจเกิดจากความเผลอหรืออาการหลับใน ใช้การเบรกเบาๆในล้อฝั่งตรงข้ามที่กำลังวิ่งทับเส้นแบ่งช่องทาง รวมถึงส่งสัญญาณเสียงแจ้งเตือนให้คนขับได้รับรู้

ห้องโดยสารของ Hilux REVO Rocco รุ่นสูงสุด 4x4 2.8G AT Double Cab ไม่ได้น้อยหน้ารถคู่แข่งในด้านของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก แม้จะทำตัวเป็นรถปิกอัพของขาลุย เป็นกระบะที่มีขนาดห้องโดยสารพอฟัดพอเหวี่ยงกับรถกระบะ 4 ประตูขับเคลื่อน 4 ล้อของคู่แข่งทุกค่าย จากรูปแบบของคอนโซลกลาง การจัดวางตำแหน่งของซุ้มเกียร์ จอภาพมัลติฟังก์ชันระบบสัมผัส พวงมาลัยสไตล์บึกบึนแบบ 4 ก้าน เบาะโดยสารหุ้มด้วยหนังสีดำ รวมถึงแผงประตูและวัสดุห่อหุ้มหลังคาโทนสีดำ ภายในของเจ้า Hilux REVO Rocco รุ่นปรับโฉมมีความเปลี่ยนแปลงน้อยมาก มันเหมือนการยกอุปกรณ์ของรถเก๋ง Toyota มาไว้ในรถกระบะ จอภาพกลางคอนโซลที่ยื่นออกมาเพื่อทำให้การสัมผัสสั่งงานลงไปบนจอภาพแบบใหม่มีความสะดวกสบายไม่ต้องเอื้อมมือกันให้มากเรื่อง ที่ชอบและโดนก็คือคอนโซลที่แตกต่างจากรถปิกอัพคู่แข่งอย่างชัดเจนในเรื่องของดีไซน์ สีสัน และความสะดวกในการใช้งานอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ในคอนโซลทั้งจอภาพ ช่องแอร์กรุขอบด้วยพลาสติกสีดำเงา ชุดควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารเป็นแบบดิจิทัลทั้งหมด ช่องแอร์ด้านบนมีนาฬิกาดิจิทัลอยู่ตรงกึ่งกลาง การออกแบบให้ชิ้นงานบางชิ้นมีความละเอียดน่าใช้เช่น จุดที่โดนใจนักเลงรถก็คือหน้าปัดมาตรวัดของเจ้า Hilux REVO Rocco 2.8G AT ที่มีรายละเอียดและสีสันภายในสวยงาม

พวงมาลัย 4 ก้านหุ้มด้วยหนังแท้มีรอบวงที่โตขึ้นเมื่อเทียบขนาดกับพวงมาลัยของรถเก๋ง ทำให้จับได้อย่างถนัดไม้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น ก้านของพวงมาลัยยังติดตั้งสวิตช์สั่งงานมาให้ เช่น สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง สวิตช์เลือกโหมดของระบบต่างๆ ผ่านจอภาพกลางคอนโซล เช่น โหมดเครื่องเสียง โหมดระบบนำทางด้วยดาวเทียม โหมดเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอก จอภาพมอนิเตอร์รองรับ DVD สั่งงานด้วยระบบจอสัมผัส พร้อมรองรับ T-Connect สวิตช์สั่งงานด้วยเสียง และสวิตช์รับหรือวางโทรศัพท์ไร้สายในระบบบลูทูธ ก้านสวิตช์ปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ หรือ Cruise control 

ซุ้มเกียร์รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งเป็นเกียร์ออโตทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 6 สปีด ในรถ Rocco 4x4 2.8G A/T เป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ เชื่อมต่อกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีคันเกียร์ที่จับได้อย่างถนัดมือและร่องเกียร์ที่ออกแบบมาเพื่อความแม่นยำในการเลือกตำแหน่งเกียร์ การออกแบบร่องเกียร์ให้เป็นแบบหยักเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการเลื่อนตำแหน่งของคันเกียร์ เมื่อผลักคันเกียร์มาทางด้านขวาก็จะเข้าสู่โหมดเกียร์ธรรมดาทันที การชิฟเกียร์ผ่าน Sequential Shift ให้ความรู้สึกถึงการตอบสนองต่อการเปลี่ยนเกียร์ว่องไวใช้ได้ แต่ไม่มีแป้น Paddle Shift มาให้เหมือน Fortuner รุ่นท็อป ข้างคันเกียร์ติดตั้งสวิตช์ปรับโหมดขับเคลื่อน มีมาให้เลือก 2 โหมดคือ ECO และ POWER MODE ข้างคันเกียร์ของ Hilux REVO Rocco มีสวิตช์เพื่อเลือกโหมดการขับขี่ได้สองรูปแบบ คือโหมดประหยัด ECO และโหมดสปอร์ตหรือ Power Mode มาให้เลือกใช้ ที่พักแขนใกล้กับคันเบรกมือออกแบบให้เป็นกล่องสำหรับการเก็บของกระจุกกระจิกหรือวางโทรศัพท์ ส่วนชุดควบคุมอุณหภูมิออกแบบได้อย่างสวยงามลงตัวคล้ายกับรถเก๋ง Toyota Corolla New Altis ด้วยชุดควบคุมแอร์แบบดิจิทัล ช่องแอร์ด้านหลังยังเข้ามาช่วยกระจายลมแอร์เย็นๆ เป่าไปให้กับผู้โดยสารตอนหลังได้เย็นสบายในวันที่มีอากาศร้อนอีกด้วย

มาตรวัดเรืองแสงสีฟ้าอมน้ำเงิน ใช้ตัวเลขสีขาวบนพื้นสีดำแบบเรืองแสงกับเข็มสีฟ้าเพื่อให้ง่ายและมองเห็นได้ชัดเจนต่อการอ่านค่า ทั้งมาตรวัดความเร็วด้านขวามือกับมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ด้านซ้าย กึ่งกลางของมาตรวัดทั้งสองวาง MID หรือ Multi information display ซึ่งใช้จอภาพแบบ TFT หรือ Thin film transistor เมื่อกดดูรายละเอียดการแจ้งเตือนต่างๆ ของจอภาพขนาดเล็กก็จะพบว่าจอ MID ของเจ้า REVO Rocco รุ่นท็อปยัดความสามารถในการแจ้งค่าต่างๆ ของตัวรถมาให้เพียบ เช่น ตำแหน่งของการเปิดประตูแต่ละบาน / ทริปมิเตอร์ a/b / อุณหภูมิภายนอก / คำนวณปริมาตรการใช้เชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตรต่อกิโลเมตร / เชื้อเพลิงภายในถังต่อระยะทางที่สามารถวิ่งไปถึง / สถานะของการขับขี่และการให้คะแนนความประหยัดในโหมด ECO / ตำแหน่งของเกียร์ออโต 6 สปีด ที่เพิ่มเข้ามาให้ใช้ก็คือ กราฟิกจำลองมุมของล้อหน้าเมื่อขับลุยฝ่าทางวิบาก ช่วยเพิ่มมุมมองให้รับรู้ทิศทางของล้อได้ดีเมื่อไต่เนินสูงชันหรือปีนข้ามสิ่งกีดขวาง ช่วยให้การวางตำแหน่งรถมีความแม่นยำขณะขับฝ่าทางที่เต็มไปด้วยเนินสูงและหล่มลึก

Hilux REVO Rocco ราคา 1,296,000 บาท มาพร้อมกับการปรับปรุงยกระดับความแรงของระบบส่งกำลัง เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร จากที่เคยมีแรงม้าแค่ 177 ตัว ในปี 2020 ก็อัพพลังมากขึ้นเป็น 204 แรงม้า เรียกได้ว่ามีม้าตุนไว้ใช้งานอีกเพียบ ส่วนแรงบิด การปรับจูนกล่องควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ใหม่ เปลี่ยนเทอร์โบให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น แกนของเทอร์โบเป็นแบบตลับลูกปืนบอลแบร์ริ่งที่ลื่นไหล ทำให้บูสต์อากาศได้หนักหน่วงมากกว่าเทอร์โบตัวเก่า แรงบิดพุ่งจาก 450 นิวตันเมตร เป็น 500 นิวตันเมตร เกินพอที่จะขับใช้งานทั้งทางเรียบและทางวิบาก Rocco สามารถไต่เนินที่สูงชันได้ด้วยการใช้คันเร่งแค่นิดเดียวในโหมด 4L แรงบิด 500 นิวตันเมตรยังมาในรอบที่ต่ำมากส่งผลให้การขับใช้งานบนเส้นทางออฟโรดความคล่องตัวใช้ได้

1GD-FTV (High) เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler มีปริมาตรความจุกระบอกสูบ 2,755 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ 92.0 มิลลิเมตร ระยะชัก 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1 กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า PS) ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่นแบบคอมมอนเรล (แบบ i-ART) ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร GD Super Power 1GD-FTV (High) มีกำลังสูงขึ้นจาก 130 กิโลวัตต์ เป็น 150 กิโลวัตต์ (177 แรงม้า เป็น 204 แรงม้า) แรงบิดสูงสุดจากของเดิม 450 นิวตันเมตร เพิ่มเป็น 500 นิวตันเมตร ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์มีการเปลี่ยนเทอร์โบให้ใหญ่ขึ้น แกนเทอร์โบใส่ตลับลูกปืน Ball Bearing เพื่อลดแรงเสียดทาน เพิ่มประสิทธิภาพด้านการบูสต์ได้เร็วกว่าเดิม ลูกสูบเคลือบสาร Diamond-liked บริเวณแหวนรองลูกสูบเพื่อลดแรงเสียดทาน หัวฉีดเชื้อเพลิงคอมมอลเรลไดเรคอินเจคชั่น i-ART ทั้งหมดทั้งปวง เป็นที่มาของแรงบิดอันน่าประทับใจของ Rocco 2.8AT

เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร GD Super Power มีกำลังสูงขึ้นจาก 130 กิโลวัตต์ เป็น 150 กิโลวัตต์ (177 แรงม้า เป็น 204 แรงม้า) แรงบิดสูงสุดจากของเดิม 450 นิวตันเมตร เพิ่มเป็น 500 นิวตันเมตร ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์มีการเปลี่ยนเทอร์โบให้ใหญ่ขึ้น แกนเทอร์โบใส่ตลับลูกปืน Ball Bearing เพื่อลดแรงเสียดทาน เพิ่มประสิทธิภาพด้านการบูสต์ได้เร็วกว่าเดิม ลูกสูบเคลือบสาร Diamond-liked บริเวณแหวนรองลูกสูบเพื่อลดแรงเสียดทาน หัวฉีดเชื้อเพลิงคอมมอลเรลไดเรคอินเจคชั่น i-ART

การเร่งความเร็วจาก 0 ไปจนถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลา 10 วินาทีนิดๆ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.8 ลิตร ที่ปรับเปลี่ยนเทอร์โบใหม่ให้ตัวใหญ่ขึ้น ยัดแกนเทอร์โบด้วยตลับบอลแบร์ริ่ง ทำให้มีแรงดึงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมๆ กับเสียงหวีดของเทอร์โบลูกใหม่ขณะทำงานเต็มที่เพื่อสร้างแรงบูสต์ แรงบิดระดับ 500 นิวตันเมตร สูสีกับ Ranger แต่ Ranger นั้นใช้เครื่องยนต์ดีเซลความจุแค่ 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบ 2 ตัวช่วยกระหน่ำการบูสต์อากาศเข้าสู่ท่อไอดี ส่วนเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ที่มีกระบอกสูบเท่ากันแต่ดันมีความจุมากกว่า สร้างแรงดึงตั้งแต่ออกตัวไปจนถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างน่าประทับใจ เรียกว่าไม่ต้องเบ่งมาก แรงบิดก็ออกมาให้ใช้งานอย่างจัดเต็ม การซับแรงสั่นสะเทือนของแชสซีและช่วงล่าง รวมถึงงานประกอบภายในที่แน่นหนา ทำให้รถมีอาการสั่นสะเทือนลดลง นั่งบนทางขรุขระได้สบายกว่าเดิม เก็บเสียงดีขึ้นและมีอาการโคลงตัวลดลง เมื่อขับลุยทางที่มีหลุมบ่อหรือทางลูกรัง การปรับแต่งช่วงล่างใหม่ทำให้ Hilux REVO Rocco วิ่งได้เนียนขึ้นกว่าเดิมไม่มาก แต่ก็ดีขึ้นจนสัมผัสได้อย่างชัดเจน

การขับทดสอบบนเส้นทางออฟโรดที่มีความท้าทาย บางคนบอกว่า แห้งๆ วิ่งง่าย ต้องมาตอนหน้าฝน แต่การขับในสถานการณ์ที่ผิวทางมีความลาดชันบวกกับความลื่นนั้นน่าจะอันตรายเกินไปจนอาจทำให้รถไหลลงเนินแบบเสียอาการและเสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้ง่ายๆ ด้วยการไต่เนินแถบเขาแผงม้าที่มีความสูงชันใช้ได้ เพื่อทดสอบระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC แบบ A-TRC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน DSC ระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Differential) Rocco ผ่านการทดสอบได้อย่างสบายๆ จุดที่ชอบก็คือ เมื่อลองใช้ระบบขับเคลื่อนในโหมด 4Low การปรับรอบเดินเบาให้ลดลงจาก 850 เหลือแค่ 650 รอบ ทำให้การขับลุยทางวิบากมีความง่ายมากกว่าเดิมในเนินต่างระดับ คันเร่งในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ 4Low ตอบสนองอย่างค่อยเป็นค่อยไป แรงบิดรอบต่ำที่เหลือเฟือทำให้การขับบนทางขึ้นเนินสูงชันแทบจะไม่จำเป็นต้องแตะคันเร่งเพิ่ม มุมไต่และมุมจากของตัวรถออกแบบได้ดี ความสูงของรถยังช่วยทำให้การขับผ่านทางที่มีหลุมบ่อที่ทั้งใหญ่และลึกไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

เกียร์ออโต 6 สปีดพร้อม Sequential Shift เป็นเกียร์ออโต้ขับสี่ลูกเก่า มีการปรับอัตราทดให้สอดรับกับแรงบิดที่มากขึ้น มีตำแหน่งทริปทรอนิกส์เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถชิฟหรือเลือกตำแหน่งเกียร์ด้วยตัวเองเมื่อวิ่งผ่านทางบนภูเขาสูงชัน โดยใช้วิธีผลักคันเกียร์มาทางขวาเพื่อเข้าสู่โหมดแมนนวล เกียร์ออโตในตำแหน่ง D เปลี่ยนจังหวะด้วยตัวของมันเองตามโปรแกรมที่ลงเอาไว้ในกล่องสมองกลไฟฟ้า ECU ที่เชื่อมต่อกับกล่องควบคุมเครื่องยนต์ เกียร์ออโต 6 สปีดพร้อม Sequential Shift มีประสิทธิภาพที่ดีพอตัวในการทดกำลังแรงบิด กลไกไฟฟ้าป้องกันความเสียหายของเกียร์ จากการชิฟเกียร์ผิดจังหวะเมื่อรอบเครื่องยนต์ไม่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนเกียร์หรือลดเกียร์ลงต่ำขณะที่รถมีความเร็วสูง เกียร์จะไม่ยอมเปลี่ยนจนกว่าความเร็วรอบจะสัมพันธ์กับอัตราทดในเกียร์นั้นๆ 

Hilux REVO Rocco เป็นรถกระบะที่มีเสถียรภาพการทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ขอขอบคุณทีมวิศวกรและทีมทดสอบในช่วงของการพัฒนาซึ่งใช้เวลาปรับปรุงช่วงล่างนานถึง 3 ปี เพื่อหาค่าที่เหมาะสมมากที่สุดสำหรับความสบายหลังพวงมาลัย การเก็บเสียงเมื่อลองขับทดสอบบนถนนเส้นกบินทร์บุรี-เขาแผงม้า วังน้ำเขียว ที่มีทั้งทางปูน ทางลาด และทางลูกรัง รวมถึงทางออฟโรดที่กัดกร่อนความสามารถของยาง กับคอสะพานที่แสนชัน! Hilux REVO Rocco เก็บเสียงได้ดีสุดในบรรดากระบะดับเบิ้ลแค็บเมื่อเทียบกับรถคู่แข่งทั้งหมด วิ่งด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แทบจะไม่ได้ยินทั้งเสียงลมและเสียงยาง ต้องเพิ่มความเร็วไปที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็จะเริ่มได้ยินเสียงยางบดลงไปบนผิวถนนและเสียงการทำงานของเครื่องดีเซล

ความน่าใช้งานของ Hilux REVO Rocco รุ่นท็อปสุด 2.8 AT 4WD ราคามาตรฐาน 1,296,500 บาท จากหน้าตาท่าทางที่ดุดันมากกว่าเดิมโดยเฉพาะกระจังหน้า ไฟหน้า กันชนหน้าที่ลงตัว การขับที่ดีขึ้นของมันถูกดันออกมาเพื่อเอาชนะรถคู่แข่งอย่าง Isuzu New D-MAX จุดที่ชอบก็คือ การทรงตัวบนทางตรงและทางโค้งที่นั่งขับได้สบายตัวมากกว่าเดิม การถ่ายเทน้ำหนักดีขึ้น รถมีอาการโคลงตัวในโค้งไม่มาก แรงบิดรอบต่ำที่เหลือเฟือทำให้สามารถลุยฝ่าอุปสรรคได้อย่างสบาย พวงมาลัยหนักไปหน่อยในโหมดขับเคลื่อน 2 ล้อ และเมื่อปรับเข้าสู่โหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ พวงมาลัยจะเบาขึ้นนิดเดียว เป็นรถกระบะ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มาพร้อมกับเทคนิคใหม่ๆ ทั้งในระบบขับเคลื่อนและระบบเชื่อมต่อกับโลกภายนอก เก็บเสียงดี มีอัตราสิ้นเปลืองเมื่อขับเรื่อยๆ 12.8 กิโลเมตรต่อลิตร ขับเร็วหล่นลงไปที่ 10.5 กิโลเมตรต่อลิตร แอปพลิเคชัน T-Connect by Toyota เพื่อติดตามสถานะการส่งมอบรถผ่านโทรศัพท์มือถือ รวมถึงระบบป้องกันการโจรกรรม (Theft Track) หรือ การติดตามการโจรกรรมจะทำให้คุณหลับได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะถูกขโมยไปขับอยู่แถวไหนก็สามารถรู้ได้อย่างรวดเร็ว สรุปว่าขับดีนั่งสบายทั้งในเมืองและการขับทดสอบแบบออกไปลากบนทางยาวๆ ที่มีครบทั้งทางเรียบและทางฝุ่น.

Toyota Hilux REVO Double Cab 4x4 2.8 Rocco AT
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift
ราคารวม 1,296,000 บาท

Toyota Hilux REVO Double Cab 4x4 2.8 Rocco AT
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift
มิติตัวถัง ยาว 5,325 มิลลิเมตร กว้าง 1,900 มิลลิเมตร สูง 1,810 มิลลิเมตร
ความยาวฐานล้อ 3,085 มิลลิเมตร
ระยะห่างล้อหน้า 1,540 มิลลิเมตร
ระยะห่างล้อหลัง 1,550 มิลลิเมตร
ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 216 มิลลิเมตร
กระบะยาว 1,840 มิลลิเมตร กว้าง 1,540 มิลลิเมตร สูง 480 มิลลิเมตร

1GD-FTV (High)
แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler
ความจุกระบอกสูบ 2,755 ซีซี.
ความกว้างกระบอกสูบ 92.0 มิลลิเมตร ระยะชัก 103.6 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1
กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า PS) ที่ 3,400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด (500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที)
ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่นแบบคอมมอนเรล (แบบ i-ART)
ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
น้ำมันเชื้อเพลิง ดีเซล

แชสซีส์
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อม Differential Lock ที่เฟืองท้าย
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift
อัตราทดเกียร์ 1 3.600
อัตราทดเกียร์ 2 2.090
อัตราทดเกียร์ 3 1.488
อัตราทดเกียร์ 4 1.000
อัตราทดเกียร์ 5 0.687
อัตราทดเกียร์ 6 0.580
อัตราทดเกียร์ถอยหลัง 3.732
อัตราทดเฟืองท้าย 3.909

ระบบกันสะเทือนหน้า แบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง แบบแหนบซ้อน
ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน
ระบบเบรกหลัง ดรัมเบรก
ระบบบังคับเลี้ยว แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบ VFC
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6.4 เมตร
ยาง White Letters 265/60R18 แบบ White Letters
ล้อ อัลลอย 18 นิ้ว เฉพาะรุ่น ROCCO
ยางอะไหล่ 265/60R18 ล้ออัลลอย 18 นิ้ว

อุปกรณ์ภายนอก
กระจังหน้า สีเทาเข้มและโครเมียม
กันชนหน้า สีเดียวกับตัวรถ พร้อมชุดตกแต่งกันชนหน้า
กันชนหลัง สีเทาเมทัลลิก
บันไดข้าง สีดำ
ชุดตกแต่งซุ้มล้อ สีเทาเข้ม ตกแต่งด้วยสีเทาเมทัลลิก
ไฟหน้า Bi-Beam LED
ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติพร้อมระบบ Follow-me-home
ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำ อัตโนมัติ
ไฟท้าย แบบ LED Light Guiding
กระจกบังลมหน้าแบบอัดซ้อนนิรภัย
กระจกมองข้าง สีเทาเข้ม ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
มือเปิดประตู สีเทาเข้ม
ชุดตกแต่งมือเปิดฝาท้ายกระบะ สีดำ
ยางกันโคลน หน้าและหลัง
ที่ปัดน้ำฝน แบบหน่วงเวลา และปรับตั้งเวลาได้

อุปกรณ์ภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
สีภายใน สีดำ
วัสดุเบาะนั่ง หนังและหนังสังเคราะห์
สีเบาะนั่ง สีดำสลับเทา
เบาะนั่งด้านหน้าปรับเลื่อน-เอน ปรับไฟฟ้าด้านคนขับ
เบาะนั่งด้านหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ เฉพาะด้านคนขับ ปรับไฟฟ้า
เบาะนั่งด้านหลังเฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ ที่พักแขน พับเก็บได้พร้อมที่วางแก้วน้ำ
เบาะนั่งด้านหลังเฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ ปรับยกเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ แยกพับ 60:40
ตกแต่งแผงคอนโซลหน้า สีเงินแบบ Hairline และโครเมียมรมดำ
การตกแต่งช่องปรับอากาศด้านหน้า สีดำและโครเมียม
การตกแต่งแผงข้างประตู รุ่นดับเบิลแค็บ สีดำ บุหนังสังเคราะห์พร้อมแถบสีเงินแบบ Hairline โครเมียมรมดำ และไฟตกแต่ง
การตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้า สีดำเมทัลลิก
การตกแต่งมือเปิดประตูด้านใน โครเมียม
ที่บังแดดด้านคนขับ พร้อมที่เก็บนามบัตร
ที่บังแดดด้านผู้โดยสาร พร้อมกระจกและฝาปิด
มือจับ รุ่นดับเบิลแค็บ 8 ตำแหน่ง
การปรับระดับพวงมาลัย ปรับสูง-ต่ำ และเข้า-ออก (Tilt & Telescopic)
วัสดุ/การตกแต่งพวงมาลัย หุ้มหนัง / สีดำเมทัลลิก
สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง โทรศัพท์ และ จอสี TFT
วัสดุ/การตกแต่งหัวเกียร์ หุ้มหนัง / สีดำเมทัลลิก
ฐานเกียร์ สีดำเมทัลลิก
เบรกมือ สีดำ ตกแต่งด้วยโครเมียม
ระบบสตาร์ตอัจฉริยะ และระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Push Start and Smart Entry)
กุญแจรีโมต Smart Key เฉพาะรุ่น ROCCO
มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron สีฟ้า เฉพาะรุ่น ROCCO
จอแสดงข้อมูลการขับขี่ (MID) จอสีแบบ TFT
ไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร พร้อมไฟส่วนบุคคล
กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน
กระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
กระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
เซ็นทรัลล็อก แบบ Speed Auto Lock
สวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ (Eco/Power)
เครื่องปรับอากาศ ปรับทิศทางลม 5 รูปแบบ อัตโนมัติ
ช่องปรับอากาศด้านหลัง เฉพาะรุ่น ดับเบิลแค็บ ตกแต่งด้วยแถบสีดำเมทัลลิก
ช่องเก็บของด้านบนพร้อมฝาปิด แบบ Cool Box พร้อมสัญลักษณ์ Hilux
ช่องเก็บของด้านล่างพร้อมฝาปิดและกุญแจล็อก แบบหน่วง
กล่องเก็บของพร้อมฝาปิด หุ้มหนังสังเคราะห์
ช่องเก็บของที่แผงประตูพร้อมที่วางขวดน้ำ
ช่องเก็บของที่แผงประตูพร้อมที่วางขวดน้ำ
ที่เก็บแว่นตา
ที่วางแก้วบริเวณคอนโซลหน้า
ช่องเก็บเอกสารหลังเบาะคู่หน้า
ที่แขวนสัมภาระหลังเบาะคู่หน้า
ที่แขวนอเนกประสงค์ เฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ
ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า กระแสตรง DC 12 โวลต์ 2 ตำแหน่ง
ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า กระแสสลับ AC 220 โวลต์ เฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ 1 ตำแหน่ง

ระบบเครื่องเสียงและการเชื่อมต่อ
เครื่องเสียงวิทยุ AM/FM พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Capacitive รองรับระบบ Apple CarPlay
ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth รองรับโทรศัพท์ และการเล่นเพลง
ระบบ T-Connect
ลำโพง 6 ตำแหน่ง
เสาอากาศ แบบสั้น
ระบบเตือนการโจรกรรม
ระบบเตือนการโจรกรรม TDS (Theft Deterrent System)
ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer

อุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ
สปอร์ตบาร์พร้อมไฟส่องสว่างแบบ LED และพื้นปูกระบะ
อุปกรณ์ผ่อนแรงเปิด-ปิดฝาท้ายกระบะ
สติกเกอร์ด้านข้างกระบะ รุ่นพิเศษ ROCCO

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/