Ranger Raptor 2.0 ลิตร เครื่องยนต์ดีเซล ฟังดูดี แต่การโลดโผนโจนทะยานอาจไม่ตอบสนองด้านความบันเทิงเริงรมย์เท่ากับ Raptor เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 จอมยกซด แต่ถ้าเป็นคนใจเย็น ไม่ได้ขับแบบเร็วจี๋ขึ้นได้เป็นขยี้ หรือใช้ความเร็วสูงต่อเนื่อง รุ่น 2.0 ลิตร ของ Ranger Raptor ใหม่ ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน ราคา 1.799 ล้าน แพงขึ้นมาอีกสามหมื่นบาท เป็นราคาใหม่ที่อัพขึ้นเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมานี้เอง แต่ก็ยังมี Ford Ranger อีกรุ่นที่ขับได้สูสีกัน แต่ถูกกว่ามาก นั่นก็คือ Stormtrak ราคา 1,399,000 บาท แต่ความเท่ที่น้อยกว่าไดโนเสาร์ทำให้ Stormtrak เป็นได้แค่พระรองเมื่อเทียบกับ Raptor ที่ทั้งใหญ่ และดุดันกว่า

...

รูปลักษณ์ที่เหมือนกับรุ่น V6 มีสิ่งที่ลูกค้าบางคนต้องการ เครื่องดีเซลตัวเล็กก็กินน้ำมันน้อยกว่ามาก แค่ 8.7-9.5 กิโล-ลิตร แทนที่จะเป็น 5.5-6.5 กิโลเมตรต่อลิตร ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน Raptor 2.0 ลิตร Bi Turbo กำลัง 210 แรงม้า กับ 500 นิวตันเมตร เร่งไม่ติดเท้าเหมือน V6 3.0 ลิตร ดูเหมือนเครื่องยนต์จะเล็กเกินไป แต่ก็สามารถใช้งานแบบขับออกทางไกลได้ทุกวัน โดยไม่ต้องมากังวนเรื่องเงินค่าน้ำมันมากนัก ไม่ต้องจ่ายกันเดือนละ 3-4 หมื่น เหมือน V6 3.0 ลิตร แต่ก็ขับได้ไม่สนุกเท่า ต้องเลือกเอาเองระหว่างความประหยัดกับความมันที่ค่อนข้างสวนทางกันอยู่แล้ว ทุกวันนี้การขับรถกระบะคันโตไปตามสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะการหาที่จอดรถแถบสุขุมวิทซอยต้นๆ หรือขับวนในอาคารจอดรถของโรงแรมหรู ดูเหมือนจะยากลำบากกว่าการเอาตัวรอดจากหล่มโคลนในป่าลึก ไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน คุณก็จะได้กระบะอเมริกันคันโตที่ใหญ่คับซอย แต่ดูเท่เมื่อวิ่งอยู่บนถนน  

Ranger Raptor เจเนอเรชันที่สอง ราคา 1,799,000 บาท แพงขึ้นสามหมื่นบาท เป็นการขยับราคาขึ้นเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567 เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร แทนที่จะมีเพียงแค่เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร กลับกลายเป็นเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมกับขนาด และน้ำหนักของรถปิกอัพไซส์โต มันมาพร้อมกับกำลัง 210 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ของ Ford ที่ผลิตในโรงงานระบบส่งกำลังที่รัฐมิชิแกน กำลังที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ 381 แรงม้าในรุ่นเบนซิน มีแรงบิด 500 ที่เพียงพอต่อการใช้งานแบบขับชิลๆ เร่งไม่โหดเท่ารุ่นเบนซิน รวมถึงโช้คอัพ Fox Live Valve ปรับไฟฟ้า ที่ถูกเปลี่ยนเป็นแบบ Internal Bypass ดิฟล็อกไฟฟ้า Electronic Locking Differential ถูกยกเลิกออกไป ระบบท่อไอเสียแปรผันก็ถูกยกออก ทำให้เสียงคำรามอันเร้าใจมีเฉพาะใน V6 3.0 ลิตร โหมดควบคุมระบบกันสะเทือนก็ไม่มีมาให้ รวมถึงโหมดที่โดนยกเลิกอย่าง Normal Off-Road และ Sport เครื่องเสียงพรีเมียม Bang & Olufsen Sound System ก็โดนยกออก โดยมีราคาถูกลง 150,000 บาท เมื่อเทียบกับ Raptor รุ่นเบนซิน V6 3.0 ทวินเทอร์โบ

...

ท่อระบายไอเสียแบบแอคทีฟที่ถูกยกเลิกในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล และการไม่มีปลายท่อไอเสียโครเมียม บ่งบอกว่านี่คือไดโนเสาร์ที่ใช้ขุมพลังดีเซล ในแง่ของรูปลักษณ์นั้นดูดีกว่ารถเจนแรกอย่างชัดเจน ซุ้มล้อที่กว้างขึ้นของ Raptor 2023 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง มันยังคงเป็นรถกระบะที่ดูมีจุดประสงค์หรือเป้าหมายในการใช้งานที่หลากหลาย งานตกแต่งภายในยังคงเน้นสีส้ม-ดำเหมือนเดิม พร้อมหน้าจอสัมผัสแนวตั้งที่ใช้งานง่าย อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 10.5 วินาที ช้ากว่า Raptor V6 เบนซิน ถึง 2.5 วินาที แต่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 9.5 กิโลเมตรต่อลิตรนั้นประหยัดกว่ารุ่น V6 อย่างเทียบกันไม่ติด! 

...

...

ด้านหน้า กระจังหน้าขนาดใหญ่ของ FORD ยึดด้วยไฟหน้า LED แบบ 'C-clamp' ที่ทำให้ด้านหน้าดูกว้างขึ้นกว่าเดิม ไฟหน้ามาพร้อมระบบอัตโนมัติ ล้อสไตล์ออฟโรดแบบมาตรฐาน ยาง BF Goodrich KO2 AT 285/70R17 (116-113S) High Performance All-Terrain Tires ที่ยอดเยี่ยม ส่วนโค้งกว้าง และให้ความรู้สึกถูก 'สร้างมา' เพื่อการขับแบบลุยแหลก กระบะท้ายมาพร้อมชุดแต่งสไลด์เปิดปิดครอบฝาท้ายไฟฟ้ากับชิ้นงานฝาปิดไฟฟ้าอัลลอยสีเงินที่ใช้งานได้จริง บั้นท้ายแทบจะไม่แตกต่างจากรุ่น V6 3.0 ลิตร แค่ไม่มีท่อระบายไอเสียทรงกลมฝั่งละท่อเท่านั้น ช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกคู่ Double Wishbone with Coil Spring – FOX 2.5" Shock ด้านหลัง Coil Spring – FOX 2.5" Shock with Watt’s Linkage มิติตัวรถมีขนาดความกว้าง 2,028 มิลลิเมตร ยาว 5,381 มิลลิเมตร สูง 1,922 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,270 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 272 มิลลิเมตร มิติกระบะท้าย กว้าง 1,420 มิลลิเมตร ยาว 1,564 มิลลิเมตร สูง 540 มิลลิเมตร นำ้หนักรถ 2,300 กิโลกกรัม

ภายในของ Ranger Raptor Next Gen นั้นเหมือนกับ Ranger รุ่นใหม่ตัวถังดับเบิ้ลแค็บ แต่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เช่น เบาะที่นั่ง ใช้การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตำแหน่งที่นั่งนักบินในเครื่องบินขับไล่ F22 Raptor พื้นที่เบาะคู่หน้ามีขนาดใหญ่ แดชบอร์ดคอนโซลตกแต่งด้วยพลาสติกสีส้ม ช่องแอร์ทรงรังผึ้งท่ีสวยงาม บางจุดของห้องโดยสาร พวกแผงประตู เบาะ และขอบของแดชบอร์ด บุด้วยวัสดุแบบใหม่ที่มีส่วนผสมของหนังที่คล้ายกับหนังกลับ Alcantara การออกแบบตัวเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง มีรูปทรงที่โอบอุ้มสรีระของคน การออกแบบเบาะที่นั่งในลักษะดังกล่าวจะช่วยทำให้นั่งขับได้สบายตัวขึ้นมาก ไม่ว่าจะขับบนไฮเวย์ หรือเอาลงไปรูดบนทางลูกรังด้วยความเร็วสูง

เบาะหลังแบบสามที่นั่ง เอาเข้าจริงๆ นั่งสองคนจะสบายตัวกว่ามาก เบาะหลังใช้หนังและวัสดุตกแต่งเพิ่มเติมรวมถึงธีมสีเหมือนกับเบาะคู่หน้า ลวดลาย Code Orange ปรากฏอยู่ทั่วทั้งห้องโดยสาร โดยเฉพาะบริเวณช่องแอร์และพวงมาลัยที่ประทับตรา Raptor พวงมาลัยหุ้มหนังแท้ มีแถบหนังสีส้มอยู่ตรงกึ่งกลางด้านบน เพื่อเป็นแนวทางในการเล็งตำแหน่งองศาของพวงมาลัยในแนวรถซิ่ง หนังที่ใช้หุ้มรอบวง มีสัมผัสพิเศษแบบอ่อนนุ่มบางจุด มันมาพร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชัน และแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ทำให้ Raptor อยู่เหนือกว่า Ranger หรือ Everest รุ่นท็อป รวมถึงวัสดุไมโครไฟเบอร์ที่คล้าย Alcantara บนช่องเก็บของหน้ารถ แผงประตู และงานตกแต่งบนเบาะนั่ง

ภายใน เบาะนั่งตรา Raptor ทำจากหนัง และหนังกลับ Alcantara ธีมภายในห้องโดยสารใช้สีดำและสีส้มตกแต่งเบาะ ช่องแอร์และพวงมาลัย ช่องแอร์ที่ตกแต่งด้วยเส้นขอบสีส้มดูแปลกตา แถบสีส้มตรงตำแหน่ง 12 นาฬิกาบนพวงมาลัย แดชบอร์ดดิจิทัลที่ทันสมัย หน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 12 นิ้ว ตรงกึ่งกลางแดชบอร์ด สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้จากพวงมาลัย พวงมาลัยสามก้าน มี Paddle Shift มาให้สับเกียร์ 10 สปีด พร้อมปุ่มฟังก์ชันปรับตั้ง Adaptive Cruise Control ระบบสเตอริโอลำโพง 10 ตัว กล้อง 360 องศา ใช้งานได้ดีเมื่อมองไม่เห็นยอดเนินขณะที่กำลังปีนป่ายบนทางวิบาก หรือมีปัญหาในการดูพื้นที่จอดรถว่าต้องจอดรถใกล้ขอบถนนหรือเปิดประตูออกไปได้แค่ไหน กล้องของ Raptor ช่วยในการคำนวนมุมจอด และเปิดทัศนวิสัยมุมมองรอบคันที่ต้องการจะมองได้ดี

นอกจากจอแสดงผลอินโฟเทนเมนท์แนวตั้งขนาด 12 นิ้ว ที่ใหญ่ขึ้นแล้ว Ford Ranger Raptor Next Gen ยังแตกต่างจาก Ranger จากการใช้แผงหน้าปัดดิจิตอล instrument cluster TFT tft thin film transistor ขนาด 12.3 นิ้ว ที่ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้อย่างน่าประทับใจ ความคมชัดของจอภาพมาตรวัดที่แสดงตำแหน่งเกียร์เอาไว้ตรงกลาง ควบรวมการแสดงผลที่มีความหลากหลาย โดยยังคงใช้หลักการเดิมของมาตรวัดแบบคลาสสิกที่คุ้นเคย เชื่อมโยงด้วยสีสันและความชัดเจนท่ีน่ามอง มาตรวัดรอบทรงกลม ตรงกลางเป็นจอภาพแสดงข้อมูล MID multi function display แสดงข้อมูลที่สำคัญเช่น อุณหภูมิในหม้อน้ำ อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง อุณหภูมิน้ำมันเกียร์ ระดับเชื้อเพลิงในถังต่อระยะทางที่สามารถไปถึง อัตราสิ้นเปลือง ระบบอินโฟเทนเมนต์ การเชื่อมต่อ การนำทาง อุณหภูมิภายนอก จอภาพมาตรวัดคลัสเตอร์ที่ด้านหน้าคนขับสามารถแสดงการนำทางแบบสด พร้อมด้วยข้อมูลทางเทคนิคและกลไกมากมาย สำหรับเวลาที่คุณต้องการเรียกดูข้อมูล คลัสเตอร์ดิจิทัลยังสามารถปรับแต่งได้ตามการผสมผสานข้อมูลต่างๆ

จอภาพมอนิเตอร์กลางวางตำแหน่งในแนวตั้งของระบบอินโฟเทนเมนต์ก็ดีเช่นกัน มีการผสมผสานความซับซ้อน คุณสมบัติที่หลากหลาย และความสะดวกในการใช้งานเข้าด้วยกัน มีเมนูและตัวเลือกมากมายให้ใช้งาน โดยเฉพาะปุ่มทางลัดที่ด้านบนสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการแสดงผลกลับไปที่ส่วนหลักได้ แม้ว่าจอแสดงผลจะมีขนาดที่ยาวผิดปกติ แต่ Ford ออกแบบให้ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ (โซนคู่) โดยวางตำแหน่งอยู่ที่ด้านล่าง พร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียงที่เน้นความสำคัญทั้งหมดของการใช้งาน ซึ่งช่วยได้ดี เพราะปุ่มหมุนเหล่านี้ใช้งานขณะเดินทางได้ง่ายกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการสัมผัสไปที่หน้าจอในขณะที่รถกำลังขับเคลื่อน หน้าจอมอนิเตอร์กลางวางตัวในแนวตั้งขนาดใหญ่ ทำให้คุณมีทุกอย่างที่ต้องการในโลกยุคใหม่ เช่น การเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย เชื่อมต่อ Android Auto, ระบบนำทางแบบ3D, บริการสตาร์ตรถจากระยะไกล และการระบุตำแหน่ง (ผ่านแอป FordPass), วิทยุดิจิตอล ระบบเสียงลำโพง 8 ตำแหน่งรอบห้องโดยสาร

Ranger Raptor มีน้ำหนักบรรทุกแค่ 652 กิโลกรัม ความสามารถในการลากจูง หรือติดเทรลเลอร์ 2,500 กิโลกรัม โช้คอัพ Fox ระบบกันสะเทือนที่ทำให้ Raptor สามารถรับมือกับภูมิประเทศออฟโรดด้วยความเร็วมากกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Raptor ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับภูมิประเทศอันโหดร้ายของไทย ซึ่งหมายความว่าคุณควบคุมมันได้เหมือนกับรถแรลลี่ ในกรณีที่ระบบกันสะเทือนของรถกระบะคันอื่นๆ พังทลาย Raptor ยังไปได้อย่างสมดุล มันกระเด้งข้ามหลุมบ่อลอนลูกคลื่น ได้โดยไม่ทำให้คนขับและผู้โดยสารต้องเหนื่อยหรือเกร็งมากนัก

แม้ว่าอัตราเร่งของ Raptor 2.0 ลิตร Bi Turbo ไม่สามารถต่อสู้บนทางตรงกับรถสปอร์ตได้ แต่มันก็เร็วพอที่จะทำให้คนขับรู้สึกสนุก และน่าประทับใจอย่างยิ่งเมื่อขับเร็วๆ บนทางลูกรัง ยิ่งไปกว่านั้นมันสามารถขับแบบออฟโรดบนพื้นที่ทุรกันดาร การคลานผ่านหิน/โคลน/ทรายอย่างช้าๆ และการตะลุยเส้นทางขุรขระด้วยความเร็วสูง มีชุดตัวช่วยอิเล็กทรอนิกส์ที่จะทำให้การขับออฟโรดดูง่ายขึ้นมาก เมื่อขับเร็วบนทางลูกรังที่ขรุขระ คุณจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว Raptor คือรถแรลลี่ขนาดยักษ์ที่ค่อนข้างเชื่องมือเลยทีเดียว แต่การไต่ระดับความเร็วของเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ยังเป็นรองแรงดึงสนุกๆ ของเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบที่ดึงโหดกว่ามาก เครื่องดีเซลเร่งจาก 140 ไปจนถึง 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้เวลานานเกินไป ทำให้รู้สึกว่ามันเร่งได้อืดกว่ารถเจนแรกพอสมควร นั่นเป็นเพราะเครื่องยนต์ต้องแบกรับน้ำหนักรถที่มากว่า 2.2 ตัน การจูนอัปเครื่องยนต์แม้จะเบ่งบานพลังงานอย่างเต็มที่แต่ไม่พุ่งทะยานติดเท้าเหมือนเครื่องเบนซิน อย่าลืมว่าเครื่อง V6 นั้นกินดุ และตะกละราวกับอูฐทะเลทรายในโอมานที่หิวกระหายน้ำอย่างหนัก เป็นสิ่งที่ต้องจ่ายเพื่อความเหนือชั้นที่มากกว่ากระบะทุกโมเดลที่มีขายอยู่ในประเทศไทย

ระบบกันสะเทือนของ Fox Racing และเทคนิคการหน่วงแบบ Internal Bypass ไม่ใช่ Live Valve แม้จะมีราคาโช้คถูกลง แต่ระบบรองรับของมันสามารถตอบสนองต่อทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะบนเส้นทางวิบากที่ผมขับไปลองถึงองคต-ลำตะเพิน Toyota GR Hilux นั้นก็ขับได้ดี แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีอะไรที่เหมือนกับการขับ Raptor หากเป็นความสามารถทางออฟโรดนี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่ถึงจะแพง แต่ก็แลกกับประสิทธิภาพที่จะได้รับพร้อมกับอัตราสิ้นเปลืองที่ดีงามของเครื่องดีเซล 2.0 ลิตร

Raptor กับช่วงล่างอัปเกรดประสิทธิภาพสูง ทำให้ควบคุมรถได้ดี Ford Performance ทุ่มเทความพยายามอย่างมากในการใส่ความพิเศษลงไปในรถรุ่นนี้ มีการเสริมความแข็งแกร่งของแชสซีแบบแลดเดอร์เฟรม ใส่ยางออฟโรด KO2 ที่ดูมีปุ่มโปนออกมา แต่จริงๆ แล้ววิ่งได้นุ่มเอาเรื่อง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์มีประสิทธิภาพสูง รองรับการลุยทางวิบากได้อย่างครอบคลุม อย่างไรก็ตามมีข้อควรสังเกตถึงความแตกต่างที่สำคัญสองสามข้อระหว่าง Raptor รุ่นดีเซลและรุ่นเบนซิน เครื่องดีเซลจะมาพร้อมกับเฟืองท้ายแบบล็อคด้านหลังเท่านั้น (เครื่องยนต์เบนซินมาพร้อมกับชุดล็อกเฟืองท้ายอีกหนึ่งอันที่ด้านหน้า) โช้คอัพของรุ่นดีเซลเป็นค่าตายตัว ส่วนรุ่นเบนซินนั้นปรับด้วยไฟฟ้า 

น้ำหนักเกือบ 2.5 ตัน Raptor มีการบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ พวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามความเร็ว โดยเฉพาะในย่านความเร็วต่ำขณะถอยเข่าออกที่จอดรถแคบๆ นั้น พวงมาลัยไฟฟ้าปรับน้ำหนักให้เบาสบายมือ แม้จะใช้ยางเส้นเขื่อง แต่ระบบผ่อนแรงหมุนก็ทำหน้าที่ได้ดี ระบบกันสะเทือนปรับปรุงใหม่เพื่อช่วยให้เข้าโค้งได้ดีขึ้น พร้อมการควบคุมตัวถังที่โดดเด่น Raptor 2.0 ดีเซล ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 10.5 วินาที ตามหลัง Raptor เครื่องยนต์เบนซิน V6 Ecoboost ที่ทำได้ 7.9 วินาที ด้วยยางออฟโรดที่วิ่งบนไฮเวย์ได้ดี เพลาล้อหลังแข็งแกร่งเชื่อมต่อได้ง่าย ระบบขับเคลื่อน 4x4 แบบฮาร์ดคอร์ และซอฟต์แวร์ควบคุมการยึดเกาะถนนที่ซับซ้อน รวมถึงอินโฟเทนเมนต์ที่ทันสมัย ทำให้ Raptor เป็นรถที่สามารถขับไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะขึ้นทางลาดเอียง วิ่งด้วยความเร็วสูงบนทางกรวด หรือทางดิน ด้วยสไตล์ Baja มันลุยได้หนักกว่า Land Rover Defender ซ่อมถูกกว่า แต่ดูไม่แพงเท่า! จุดที่ชอบก็คือ อัตราสิ้นเปลือง 8.7-9.5 กิโลเมตรต่อลิตร ระบบกันสะเทือนที่ออกแบบสำหรับการเดินทางระยะไกล ช่วยให้คนขับและผู้โดยสารมีความสะดวกสบายคล้ายรถเก๋ง และความใหญ่โตที่ทำให้รถกระบะรุ่นอื่นดูเล็กลงไปถนัดใจ. 


Width 2,028 mm Length 5,381 mm Height 1,922 mm 
Wheelbase 3,270 mm 
Ground Clearance 272 

Box Width x Length x Height) 1420 x 1564 x 540 mm  
Water Wadding 850  
Engine Type 2.0 Litre Diesel In-line 4 Cylinder 16V Bi-Turbo with Intercooler Displacement 1,996  cc
Maximum Power 210 hp (155kw) / 3750 rpm 
Maximum Torque 500 Nm/ @ 1,750-2,000 rpm   
Front Suspension FOXTM 2.5 Aluminum Double Wishbone with FOXTM 2.5" Internal Bypass Shock Absorbers FOXTM Live Valve 
Rear Suspension FOXTM 2.5 Coil-over Shock with FOXTM Shocks Internal Bypass Reservoir Dampers and Watt’s Link FOXTM Live Valve 
Front / Rear Brake System (Front / Rear Ventilated Large Discs)
Steering System Rack and Pinion with Electronic Power Assisted Steering Fuel Tank Capacity 80
Emission Level EURO 4 
Fuel Type Biodiesel B20 E20 
Wheels 17" (17" Alloy wheels) 
Tires T285/70 R17 T285/70 R17
Headlamps Matrix LED Matrix LED with Adaptive Front Lighting System and Adaptive Glare-Free
LED C-Clamp (C-Clamp LED Daytime Running Lights)
LED LED Taillamps †š
Wipers with Washer Rain Sensing Wipers 
Fog Lamps LED
Front Grille  Raptor (Raptor Unique)
Tow Hook Two Front and Rear Tow Hooks
Fender Flares (Stretched Wide Body and Fender Flares “” €
Side Mirrors with Turning Indicators 
Power Adjustable & Foldable with Puddle Lamps 
Black Powder Coated Die Cast Aluminum  €’ €
Rear Bumper Raptor
3 (High Mounted Stop Lamp)  “”
(400W) (Bedliner with 12V and 230V (400W) Sockets)
Selectable Drive Modes 7
7 Modes with Rotary Switch …
Wireless Charger
Remote Key Keyless Entry with Push Start Button 
Auto Dimming Mirror
USB ƒ€  …
Windscreen Mount USB
Ambient Lighting Information Display on Cluster
12.4" Color Display
Power Sockets 12V 1 230V (400W) 1 (12V 1 Port and 230V (400W) Invertor) (Driver and Front Passenger with 1-touch Up/Down
Dual Zone Climate Control Air Conditioning †Ž …’„
Second Row Air Conditioning
Adjustable Driver's Seat
Power 10 Ways †  ’„
Adjustable Front Passenger Seat
Seat and Door Trim Raptor (Raptor Leather and Synthetic Leather Seat) …  Multi-Function Display
Multi-Touch 12" Multi-Touch Screen
Wireless Apple CarPlay®  Android Auto™ Support   ƒ   SYNC® 4A (Bluetooth with SYNC® 4A
FordPass Connect (FordPass Connect)
USB (USB Ports) 4
Speakers 6 Bang & Olufsen®
Airbags 7 Airbags: Front Dual Airbags / Front Side Airbags/ Side Curtain Airbags / and Knee Airbag 
Front Parking Sensors 
Rear Parking Sensors …Ÿ 
Rear View Camera 360 Degree Camera
ABS   
EBD (ABS and EBD)
Electric Parking Brake   €‰ƒ
ESP  †•… ”€
Traction Control (ESP with Traction Control System 
Electric Brake Booster (With Electric Brake Booster 
HLA ROM (Hill Launch Assist & Roll Over Mitigation   ŠŸ 
HDC (Hill Descent Control Š
3-point Front Seatbelt Pretensioner with Load Limiter Š
ISOFIX
Immobilizer
Security Alarm System
Volumetric Volumetric Burgular Alarm System
Stop & Go  …ƒ
Adaptive Cruise Control with Stop-and-Go and Lane Centering  †˜
Auto High-Beam Headlamps  „ 
Automatic Emergency Braking with Pedestrian Detection  
Forward Collision Warning with Brake Support
Post-Impact Braking    ƒ
Lane Departure Warning  
Reverse Brake Assist
Evasive Steer Assist  
Active Park Assist
Tire Pressure Monitoring System ƒ 
Power Roller Shutter
      ­ 

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

„