Audi RS4 Avant กับการปรับแต่งพิเศษในรุ่น Competition ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องของการจูนแชสซีส์และระบบส่งกำลังอย่างประณีต เพื่อส่งมอบรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผนวกกับจิตวิญญาณของรถ Quattro โดยผสมผสานองค์ประกอบของ Audi Sport ที่สิงสถิตอยู่ในเมือง Ingolstadt เพื่อเน้นย้ำถึงการลดน้ำหนักและปรับปรุงไดนามิกการขับให้ดีขึ้นกว่าเดิม RS4 ติดตั้งไฟหน้าระบบ matrix LED headlights เพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับ Avant Competition ด้วยระบบส่องสว่างอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ สร้างความแตกต่างจากรถตระกูล A4 ด้วยชุดไฟหน้าของรุ่น RS ที่ปรับลำแสงอัตโนมัติเพื่อเบี่ยงเบนไม่ให้ไฟสูงไปรบกวนรถรอบข้าง matrix LED headlights ประกอบขึ้นด้วยซอฟต์แวร์ระบบไฟอัตโนมัติแบบใหม่ที่ทำงานเร็วและมีกำลังในการส่องสว่างไกล 600 เมตร
...
Audi RS4 Avant Quattro Competition ปรับแต่งพิเศษ ราคา 6,499,000 บาท
ความเร็วสูงสุดจากเดิม 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว ลายใหม่ มีให้เลือก 2 สี
สีดำ Phantom Black
สีเงิน Phantom Black High-Gloss Milled
ไฟส่องพื้น LED ลายใหม่ RS Competition
ท่อไอเสีย RS Sport Plus สีดำด้าน Matt Black
...
...
Audi RS4 Avant Quattro Competition ชุดกระจัง Singleframe กว้างและแบนกว่าเมื่อเทียบกับ A4 Avant รุ่นพื้นฐาน กระจังหน้าแบบรังผึ้งสามมิติ สีดำมันวาว ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับ Series-RS เพื่อให้ดูดุดันมากกว่า ชิ้นงาน Singleframe หรือชุดกระจังแบบไร้กรอบกลมกลืนไปกับชุดกันชนขนาดใหญ่ที่ครอบปิดส่วนหน้าทั้งหมด กระจังหน้าใหม่ที่มีตราสัญลักษณ์ RS4 จะถูกแทรกอยู่ในชุดกระจัง ช่องอากาศด้านข้างขนาดใหญ่และกันชนหน้า รูปทรงของรถเชื่อมโยงส่วนหน้า ด้านข้าง และบั้นท้าย เข้ากับระบบอากาศพลศาสตร์ทั่วทั้งคัน
...
ซุ้มล้อจัดโป่งกว้าง 30 มม. (1.2 นิ้ว) ที่ด้านหน้าและด้านหลัง ชุดแต่งกรอบกระจกกับกระจกมองข้างสีดำ แพ็กเกจแต่งสีดำ Black Edition รวมถึงตราสัญลักษณ์ Audi และโลโก้ RS สีดำที่ด้านหน้าและด้านหลัง รางหลังคาสีดำด้านเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สปอยเลอร์ขอบหลังคาเฉพาะรุ่น RS และครีบรีดอากาศใต้กันชนหลังหรือ diffuser รวมถึงปลายท่อไอเสียโครมดำในระบบไอเสีย RS ทำให้ RS4 Avant Competition เป็นรถแวกอนที่ดุดัน ระบบไอเสียของ RS Sport เป็นอุปกรณ์เสริม (ออปชัน) ขอบสีดำ tailpipe สร้างประสบการณ์เสียงท่อแบบพิเศษที่มีความเฉพาะตัว ผู้ขับสามารถเปิดหรือปิดเสียงท่อด้วยปุ่มควบคุมโหมดการขับขี่ Audi drive select มิติตัวถังของ Audi RS4 Avant มีขนาดความยาว 4,782 มิลลิเมตร กว้าง 1,866 มิลลิเมตร สูง 1,414 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,826 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,580 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,575 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงค์หน้า 918 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงค์หลัง 1,038 มิลลิเมตร
ช่วงล่างแบบสปอร์ต ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของ Audi RS4 Avant นั้น ทำให้ความสูงของ Audi RS4 Avant ต่ำกว่า Audi S4 Avant 0.3 นิ้ว ออปชันเสริมพิเศษ (ที่จะต้องจ่ายเงินเพิ่มเพราะไม่มีมาให้) นั่นก็คือ ช่วงล่าง RS Sport plus พร้อมกลไก Dynamic Ride Control (DRC) ช่วยทำให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ประกอบด้วยโช้คอัพและสปริงพิเศษที่สามารถลดการเคลื่อนไหวของตัวถังอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ตัวทดสอบกลายเป็นโช้ค Audi RS Sport ที่ไม่มีระบบ DRC จุดที่มีการเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจนก็คือ RS4 Avant Competition ไม่รุนแรงเท่ากับ BMW M3 Sport Touring Competition ขับง่ายกว่าและมีความสบายสูงสุดเมื่อขับทางไกล ตราบใดที่คุณยังวางตำแหน่งของล้อ 20 นิ้วได้ถูกต้อง RS4 จะส่งมอบความหนึบแน่นซึ่งแอบแฝงด้วยพลังแห่งการเร่งความเร็วที่สุดยอด.....
พวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดแปรผันไปตามความเร็วและโหมดของการขับเคลื่อน ซึ่งจะตอบสนองสูงสุดในโหมด RS1 / RS2 ส่งถ่ายความรู้สึกของการบังคับเลี้ยวแบบไดนามิกโดยแปรผันน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามอัตราการบังคับเลี้ยวสูงถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ปรับน้ำหนักไปตามความเร็วที่แท้จริงในโหมด Comfort ด้วยมุมบังคับเลี้ยวและโหมดขับเคลื่อนที่ผสมผสานการทำงานอย่างโดดเด่น ในย่านความเร็วต่ำ ท่ามกลางการจราจรในเมือง การบังคับเลี้ยวแบบไดนามิกจะทำงานโดยตรงเพื่อปรับให้น้ำหนักของพวงมาลัยมีความเหมาะสมกับสปีดความเร็วต่ำในเมือง ส่วนบนถนนในชนบทที่คดเคี้ยว การตอบสนองของพวงมาลัยและการผ่อนน้ำหนักด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจะลดระดับการทำงานลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อขับรถด้วยความเร็วสูงบนไฮเวย์ อัตราทดของพวงมาลัยจะแปรผันน้ำหนักทันที โดยค่อยๆ เพิ่มหรือลดน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามสปีดความเร็ว ยิ่งขับเร็วเท่าไร พวงมาลัยของ RS4 ก็จะยิ่งขึงตรึงแน่นมากยิ่งขึ้น ช่วยให้เกิดความมั่นใจเมื่อใช้ความเร็วสูง ระบบบังคับเลี้ยว Dynamic Steering ทำงานผสมผสานกับโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) ส่งมอบความรู้สึกแบบสปอร์ต รวมถึงความปลอดภัยในการขับขี่ เมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนทิศทางในย่านความเร็วสูง พวงมาลัยไฟฟ้าของ RS4 ฉลาดหลักแหลมและหากมีความจำเป็นเมื่อต้องเบรกหนักๆ บนพื้นผิวถนนที่มีแรงเสียดทานแตกต่างกัน ระบบ Dynamic Steering ช่วยทำให้การควบคุมทิศทางขณะเบรกง่ายยิ่งขึ้น
RS4 Avant Quattro Competition เปลี่ยนล้อใหม่ลายห้าก้านสุดสวยแถมยังล้างทำความสะอาดได้ง่ายมาก โดยเฉพาะการทำความสะอาดคาลิปเปอร์เบรก 6 พอตสีแดง ล้อลายใหม่ผ่านการทำสีมาอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยสีบรอนซ์สลับสีดำ ขอบ 20 นิ้ว ยัดยาง ยัดยาง Continental Sport Contact 6 ไซส์ 275/30ZR20 XL จานเบรกเหล็กกล้า พร้อมคาร์ลิปเปอร์เบรกที่ทรงพลัง RS4 Avant Competition มาพร้อมดิสเบรกเจาะรูระบายความร้อน จานเบรกหน้าเส้นผ่าศูนย์กลาง 375 มิลลิเมตร (14.8 นิ้ว) ส่วนจานเบรกหลังมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 330 มิลลิเมตร (13.0 นิ้ว) คาลิปเปอร์เบรกแบบ 6 พอตสีแดง ที่ด้านหน้า พร้อมโลโก้ RS ออปชันเสริมที่ต้องควักเพิ่มเป็นระบบเบรกคาร์บอนเซรามิก ที่ทนทานต่อการเบรกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดความร้อนสะสมในชุดเบรกสูงมาก คาร์บอนเซรามิกเบรกของ Audi Sport ยังช่วยลดอาการเบรกเฟรดเมื่อขับในสนามแข่ง คาลิปเปอร์ของระบบเบรกคาร์บอนเซรามิก มีทั้งสีแดงสีเทาและสีน้ำเงิน ดิสเบรกคาร์บอนเจาะรูพรุน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 400 มิลลิเมตร
Audi RS4 Avant Quattro Competition ตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำ หุ้มหนังแท้คุณภาพสูง เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง ติดตั้งชุดไฟตกแต่ง LED บริเวณแผงประตูและชุดคอนโซลกลาง ปรับสีสันได้มากถึง 30 สี ร่วมกับชุดไฟเสริมรอบห้องโดยสาร แผงหน้าปัดสร้างความรู้สึกแบบสปอร์ต กาบบันไดแบบเรืองแสงพร้อมโลโก้ RS4 โดยมีโลโก้บนคอนโซลกลาง, ที่วางแขน, เข็มขัดนิรภัยและพรมปูพื้น พวงมาลัย RS หุ้มด้วยหนังกลับ Alcantara เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า หุ้มหนัง Fine Nappa แผงประตูมีทั้งงานคาร์บอนไฟเบอร์และหนัง Alcantara มีทั้งเส้นไฟ LED และการเย็บเดินตะเข็บโชว์ความประณีตด้วยด้ายสีแดง เบาะนั่งคู่หน้าดีไซน์ RS Sports นั่งสบายขับทางไกลแล้วไม่เมื่อย ตัวเบาะ ตกแต่งแบบ honeycomb พร้อมฟังก์ชันนวดเพื่อการผ่อนคลาย เบาะคู่หน้ามีระบบปรับดันหลัง และฟังก์ชันบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่ ส่วนเบาะผู้โดยสารด้านหลังพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้กับการเก็บสัมภาระ สำหรับการปรับท่านั่งในเบาะของ RS4 Avant ที่มีกำลังแรงบิดมากกว่ารถปกติ ผมใช้การปรับลงไปจนสุดให้ตัวเบาะเตี้ยเพื่อลดแรงเหวี่ยงขณะเข้าโค้ง เบาะออกแบบปีกให้โอบช่วงไหล่ไปจนถึงด้านข้างของลำตัว ส่วนตำแหน่งรองนั่ง เมื่อนั่งนานๆ ขับทางไกล ไป-กลับในวันเดียว 550 กิโลเมตร ในวันทดสอบก็ไม่ปรากฏว่านั่งไม่สบายหรือเกิดอาการเมื่อยล้า เป็นอีกจุดที่ทำออกมาให้สอดรับกับการเป็นรถแรงที่สามารถใช้งานได้ทุกวัน ไม่ใช่แค่เป็นรถทำออกมาเพื่อขับเล่นในวันหยุดสุดสัปดาห์
หน้าจอสัมผัส MMI ขนาด 10.1 นิ้วเป็นศูนย์ควบคุมของระบบปฏิบัติการ MMI Plus หน้าจอสัมผัสที่ไวต่อการแตะเพื่อสั่งงาน แสดงภาพเคลื่อนไหวกราฟิกความละเอียดสูง จอแสดงผลแบบสัมผัส MMI สามารถสั่งงานด้วยเสียง เพื่อดูข้อมูลหรือปรับตั้งระบบต่างๆ จอมอนิเตอร์ของ RS4 แสดงผลอุณหภูมิ / ระบบขับเคลื่อน/ แรงจีสูงสุด/ข้อมูลเกี่ยวกับแรงดันลมยางและอุณหภูมิของยาง/แรงม้าและแรงบิด/กำลังไฟในแบตเตอรี่/ อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง/ เวลาต่อรอบในสนามแข่ง / ความเร็วและแรงจี นอกจากนั้นยังมีจอแสดงผล head-up เป็นอุปกรณ์เสริม ระบบเชื่อมต่อ Audi connect plus
MMI หรือ multimedia interface ของ Audi ควบรวมการปรับตั้งค่าต่างๆ ผ่านหน้าจอระบบสัมผัส ระบบ MMI Radio plus พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส MMI touch ขนาด 10.1 นิ้ว ระบบ Audi smartphone interface รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ช่องเชื่อมต่อ USB Type A
จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus ตรงหน้าคนขับ ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับการเลือกดูค่าต่างๆ การปรับตั้งเสียงจากลำโพงของชุดเครื่องเสียง Bang & Olufsen ที่ให้เสียงคมชัดสมจริงพร้อมความหนักแน่นจากกำลังขับของซัฟวูฟเฟอร์คุณภาพคับแก้ว การเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ กล้องมองภาพด้านหลัง ทั้งหมดจะแสดงผลบนจอภาพมอนิเตอร์กลางแดชบอร์ด หน้าปัดมาตรวัด TFT LCD ของ RS4 ปรับการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย ทั้งแบบวงกลมสองวงสไตล์คลาสสิกของ Audi หรือแบบรถแข่งที่เป็นแท่งกราฟทั้งวัดรอบและความเร็ว พร้อมชิฟไลท์ที่กะพริบถี่ยิบเมื่อลากถึงรอบสูงสุดแล้วเกียร์กำลังจะเปลี่ยน มาตรวัดขนาดใหญ่ในระบบ MMI สามารถอ่านค่าได้อย่างชัดเจนและมีความทันสมัยเท่ากับมาตรวัดแบบจอภาพ TFT ของรถคู่แข่ง คุณภาพความคมชัดทำให้มองเห็นได้ชัดเจน ถูกออกแบบให้ทนต่อสภาพอากาศแบบร้อนชื้นที่เจ้าของรถจะต้องจอดรถตากแดดจัดบ่อยครั้ง มาตรวัดรอบและมาตรวัดความเร็วสามารถแทรกการแสดงผลเป็นจอ MID multi information display คอยแจ้งเตือนเวลาและวันที่ อุณหภูมิภายนอกห้องโดยสาร ตำแหน่งของเกียร์ โหมดการขับเคลื่อน ระดับของเชื้อเพลิงในถังและระยะทางที่สามารถวิ่งถึง แรง G แรงม้า แรงบิด ที่สามารถผสมกับระบบนำทางด้วยดาวเทียม หรือจะปรับเป็นหน้าจอที่แสดงสปีดความเร็วแบบตัวเลขดิจิทัล วัดระดับการใช้พลังงานเชื้อเพลิง สเกลการใช้พลังงาน รวมถึงการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าแบบพกพา เช่นโทรศัพท์หรือ iPod USB
ก้านวงพวงมาลัยด้านขวามีปุ่มควบคุมโหมด ทั้ง RS1 และ RS2 โดยกดผ่านปุ่ม "RS MODE" บนพวงมาลัย เบาะที่นั่งแบบสปอร์ต RS ลวดลายรังผึ้ง พร้อมสัญลักษณ์ RS ห้องเก็บสัมภาระมีความจุ 495 ลิตร (17.5 ลูกบาศก์ฟุต) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 1,495 ลิตร (52.8 ลูกบาศก์ฟุต) เมื่อพับเบาะหลังราบลงกับพื้น ฝาท้ายของห้องเก็บสัมภาระทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ควบคุมผ่านเซนเซอร์สำหรับการเปิดและปิด
RS4 Avant Quattro Competition ออกแบบซุ้มคันเกียร์ที่สวยงาม ตกแต่งด้วยหนังแท้และคิ้วโลหะกับงานคาร์บอนไฟเบอร์ที่ประณีต ซุ้มคันเกียร์ประทับตราสัญลักษณ์ RS พร้อมที่วางแก้วน้ำสองตำแหน่งยังแถมที่เขี่ยบุหรี่ที่มีหน้าตาคล้ายแก้วกาแฟสตาร์บัคส์ คันเกียร์ออกแบบไม่เหมือนค่ายไหนทั้งสิ้น คันเกียร์มีดีไซน์คล้ายกับคันเร่งของเรือ Popwer Boat สำนัก Audi Sport ยังติดตั้งระบบ Auto Brake hold เพื่อความสะดวกในการใช้งานและสวิตช์เบรกมือไฟฟ้าที่น่าจะเป็นคันเบรกมือมากกว่าสวิตช์หน้าตาบ้านๆ ข้างคันเกียร์ยังมีปุ่มปรับเสียงของลำโพงมาให้สำหรับผู้โดยสารบริเวณเบาะหน้าใช้ลดหรือเพิ่มเสียงได้อย่างสะดวกสบาย ส่วนชุดควบคุมอุณหภูมิดิจิทัลแบบแยกโซนก็ออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายในการปรับตั้งแถมช่องแอร์ของผู้โดยสารตอนหลังมาให้อีกด้วย
Bang & Olufsen ระบบเสียง 3 มิติ ติดตั้งชุดแอมป์ที่มีประสิทธิภาพในด้านกำลังขับ พร้อมลำโพงที่มีความคมชัดสูง ค่าย Bang & Olufsen นำเสนอเสียงเพลงผ่านลำโพงด้วยระบบ 3D Sound System นำเสียงเพลงสู่มิติของการฟังแนวใหม่ โดยการวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนของโปรแกรมซอฟต์แวร์กรองเสียงขั้นสูง ซึ่งถูกพัฒนามาจากความรู้ด้านระบบเสียงในรถยนต์ การวิเคราะห์และผ่านตัวกรองเสียง ช่วยให้เสียงที่ส่งออกมาจากลำโพงมีความคมชัดสูง การกระจายสัญญาณอินพุตไปยังลำโพงในรถยนต์สร้างเสียงที่มีความสมจริงของระบบสามมิติ ระบบเสียง 3D ใน Audi RS4 Avant มีกำลังขับ 755 วัตต์ ควบคุมด้วยระบบดิจิทัล Upmixalgorithm Symphoria® ในขณะที่ใช้แหล่งสัญญาณเสียงรอบทิศทางเวอร์ชัน 5.1 ผู้โดยสารจะรู้สึกได้ว่า ห้องโดยสารของรถมีการขยายขนาดเสียงที่ครอบคลุม ด้วยกำลังขับที่เหลือเฟือ พร้อมลำโพงรอบห้องโดยสารจำนวน 19 ตำแหน่ง ระบบเสียง Symphoria® 3D ถือเป็นการปฏิวัติวงการเครื่องเสียงติดรถยนต์ ภาคขยาย ให้เสียงเพลงในระบบเซอร์ราวด์แบบคลาสสิกในมิติที่ไกลมากกว่าเดิม ลำโพงอะคูสติก ติดตั้งรวมอยู่ในส่วนบนของเสา A ชุดเครื่องเสียง Bang & Olufsen 3D Sound System มีการออกแบบฝาครอบลำโพง "เส้นไดนามิก" เป้าหมายหลักสำหรับการออกแบบในลักษณะดังกล่าว คือ การเพิ่มความโปร่งใสของตะแกรงครอบกรวยลำโพง เพื่อให้ได้ระดับคุณภาพเสียงที่สูงขึ้นกว่า Audi Bang & Olufsen รุ่นก่อนหน้า
เครื่องยนต์เบนซิน V6 2.9 ลิตร TFSI twin-turbo โมเต็มโดยแผนก Audi Sport ทำให้ Audi RS4 Avant มีกำลังมากถึง 331 กิโลวัตต์ (450 แรงม้า) ซึ่งเท่ากับเอาต์พุต 155.5 แรงม้าต่อลิตร ทำให้ RS4 Avant เร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาสั้นจู๋เพียง 4.1 วินาที เครื่องยนต์เบนซิน V6 TFSI เทอร์โบคู่ มีน้ำหนัก 182 กิโลกรัม (401.2 ปอนด์) เบากว่าเครื่องยนต์ V8 ใน RS4 รุ่นก่อนหน้า 31 กิโลกรัม (68.3 ปอนด์) เชื่อมต่อกับระบบเกียร์ S Tronic 8 สปีด และชุดขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro การใช้เครื่องยนต์ที่มีความจุลดลงแต่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มแรงฉุดลากรวมถึงการกระจายโหลดในรถยนต์ที่มีเพลาขับสองชุด ระบบอัดอากาศเทอร์โบคู่ วางคร่อมฝาสูบเพื่อลดความยาวของท่อทางต่างๆ เทอร์โบแฝดให้ประสิทธิภาพที่น่าประทับใจโดยมีแรงบิด 600 นิวตันเมตร (442.5 ปอนด์ต่อฟุต) ในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,900 ถึง 5,000 รอบต่อนาที แพ็กเกจ RS Dynamic ปลดล็อกความเร็วสูงสุด จากการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ จาก 250 เป็น 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เทอร์โบชาร์จเจอร์สองตัวของเครื่องยนต์ V6 TFSI แต่ละตัวได้รับการกำหนดให้กับกระบอกสูบ 3 ตำแหน่ง สร้างแรงบูสต์สูงถึง 1.5 บาร์ เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ V6 และ V8 ทั้งหมดของ Audi ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์จะถูกวางคร่อมฝาสูบในตำแหน่ง 90 องศา ท่อไอเสียออกแบบให้วางอยู่ด้านในขณะที่ท่อไอดีอยู่ด้านนอก เลย์เอาต์ของเครื่องยนต์ V6 นี้ทำให้เครื่องมีขนาดกะทัดรัดและมีท่อทางเดินสั้น การใช้ท่อไอดีสั้นลงทำให้ตอบสนองต่อการเร่งความเร็วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบคู่ ไม่เพียงสร้างความประทับใจในด้านของประสิทธิภาพ จากแรงบิดที่ล้นเหลือ แต่ยังมีการปรับให้ระดับของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลงเหลือแค่ 9.2 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 208 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร (334.7 กรัม / ไมล์) การปรับลดพลังงานลง 17 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า มีส่วนช่วยทำให้เครื่องยนต์ปล่อยมลพิษน้อยลง เมื่อขับทดสอบด้วยโหมด Comfort ทำได้ 12.1 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนโหมด RS-specific RS1 และ RS2 ทำได้ 10.5 กิโลเมตรต่อลิตร และถ้าอัดหนักต่อเนื่องในสนามแข่ง จะกินประมาณ 8.5 กิโลเมตรต่อลิตร ปัจจัยชี้ขาดในเรื่องนี้ คือ กระบวนการเผาไหม้ในระบบจ่ายเชื้อเพลิง TFSI ของ Audi ซึ่งรู้จักกันในชื่อ B-cycle มันถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ สำหรับความประหยัดและพลัง ในกรณีที่คนขับใช้ความเร็วสูงขึ้น ระบบ valveift Audi แบบสองขั้นตอน (AVS) จะปิดวาล์วไอดี ซึ่งจะเป็นการเพิ่มระยะเวลาการเปิดมุมข้อเหวี่ยง 200 องศา ในเวลาเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของขนาดวาล์วจาก 6.0 เป็น 10 มิลลิเมตร (จาก 0.2 เป็น 0.4 นิ้ว) เครื่องยนต์สามารถส่งกำลังออกมาอย่างมหาศาล
พลังของเครื่องยนต์ V6 ความจุ 2.9 ลิตร พร้อมระบบจ่ายเชื้อเพลิง TFSI นั้นเทแรงบิดไหลไปสู่เพลาข้อเหวี่ยงที่ต่อเชื่อมกับเกียร์ ZF แล้วส่งกำลังไปที่เพลาขับ 2 ชุด (หน้า-หลัง) ผ่านระบบขับเคลื่อนล้อ 4 ล้อ quattro ที่เชื่อมต่อการทำงานกับระบบเกียร์ 8 สปีด ในสภาวะการขับขี่ปกติ ระบบจะส่งกำลังไปที่เพลาล้อหลังมากเป็นพิเศษ โดยส่งแรงบิด 60 เปอร์เซ็นต์ไปยังเพลาหลัง และอีก 40 เปอร์เซ็นต์ไปยังเพลาหน้า และเมื่อเกิดการลื่นไถลที่ล้อข้างใดข้างหนึ่ง แรงบิดที่เทไปยังล้อนั้นจะถูกปรับลดทันทีโดยอัตโนมัติ ตอบสนองต่อการสูญเสียแรงยึดเกาะอย่างรวดเร็ว Quattro จะถ่ายแรงบิดไปยังล้อฝั่งตรงข้ามเพื่อเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว ระบบ Quattro สามารถเทแรงบิดสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ไปยังด้านหน้า หรือเทแรงบิด 85 เปอร์เซ็นต์ไปที่เพลาล้อหลัง ทั้งหมดจะถูกควบคุมผ่านระบบรักษาเสถียรภาพ ESC และระบบ wheel-selective torque control
การควบคุมพลังงานในรูปของแรงบิดแบบอิสระทั้งสี่ล้อด้วยกลไกไฟฟ้าในระบบ Quattro ออกแบบให้สามารถใช้งานได้กับผิวถนนทุกประเภท เมื่อขับรถด้วยโหมด Dynamic ล้อที่อยู่ด้านในของโค้งจะถูกควบคุมแรงบิดผ่าน Electronic Stabilization Control (ESC) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแรงบิดให้กับล้อด้านนอกของโค้งด้วยภาระการยึดเกาะที่สูงขึ้น ความแตกต่างของแรงขับเคลื่อนที่แปรผันในแต่ละล้อทำงานอิสระจากกัน ช่วยปรับให้รถสามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วและมุมของพวงมาลัยที่มีความเที่ยงตรงแม่นยำ ผลลัพธ์ที่ได้คือความคล่องตัวและการทรงตัวที่เป็นกลางในโค้ง ความแตกต่างของชุดขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro sport พร้อมการปรับจูนเฉพาะของรุ่น RS ช่วยทำให้ระบบตอบสนองต่อการทำงานได้รวดเร็วขึ้นเมื่อคนขับเร่งความเร็ว ชุดกระจายแรงบิดระหว่างล้อทำหน้าที่อย่างแข็งขัน เพิ่มแรงฉุดลากอย่างเต็มที่ และเพิ่มเสถียรภาพด้วยการควบคุมของ ESC เมื่อเร่งความเร็วในช่วงปลายโค้งก่อนออกสู่ทางตรง แรงบิดจะถูกส่งไปที่ล้อหลังด้านนอกของโค้ง ในกรณีที่ผู้ขับใช้ความเร็วมากจนเกินไป ชุดเฟืองท้ายไฟฟ้า จะถ่ายแรงบิดไปที่ล้อด้านในของโค้งเพื่อสร้างแรงยึดเกาะ กราฟแรงบิดที่กว้างขึ้น (600 นิวตันเมตร 442 ปอนด์ฟุต ระหว่าง 1,900 ถึง 5,000 รอบต่อนาที) มีปฏิกิริยาตอบสนองที่เร็วขึ้นและความโน้มเอียงการส่งกำลังไปทางล้อหลังมากขึ้นในฮาร์ดแวร์ quattro รวมถึงซอฟต์แวร์ที่ได้รับการปรับปรุงสำหรับระบบป้องกันแบบพาสซีฟ การตั้งค่าโช้คอัพแบบปรับได้อัตโนมัติ
โหมดขับเคลื่อน Audi drive select dynamic จัดมาให้ถึง 6 โหมด เช่น comfort, auto, dynamic, individual รวมถึงโหมดจัดหนักอย่าง RS-specific RS1 และ RS2 modes เป็นระบบการจัดการแบบไดนามิกที่เข้ามาควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์, เกียร์, พวงมาลัย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro, เสียงเครื่องยนต์ และการทำงานของระบบปรับอากาศอัตโนมัติ โหมด RS2 ที่ปรับแต่งได้นั้น ผู้ขับสามารถปิดระบบควบคุมการทรงตัวอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) อย่างรวดเร็วเพียงแค่กดปุ่ม Audi RS4 Avant มีระบบช่วยเหลือผู้ขับมากกว่า 30 ระบบ เน้นย้ำถึงคุณลักษณะ ความเป็นยานยนต์ไฮเทครุ่นท็อปสุดของโมเดล A4 Avant รวมถึงระบบปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go ระบบสัญญาณเสียงแจ้งเตือนการเปลี่ยนเลนเมื่อมีรถอยู่ข้างๆ หรือการเตือนในลักษณะต่างๆ เพื่อความปลอดภัย
รหัสตัวถัง B9 เมื่อถูกนำมาโมโดย Audi Sport ทำให้รถแวนหน้าตาบ้านๆ กลายเป็นจักรกลที่มีสมรรถนะเหลือรับประทาน ในราคา 6.4 ล้านบาท คุณสามารถซื้อ RS4 Avant Competition ที่แรงสูสีกับ M3 Competition M X Drive Touring รถคู่แข่งที่มีราคา 10,399,000 บาท การอัปเกรดอุปกรณ์ในระบบขับเคลื่อนและชุดแอร์โรพาร์ท ไม่ทำให้ Avant มีชุดแต่งที่รกรุงรัง ชิ้นส่วนรีดและดักอากาศเรียบสนิทประสานไปกับตัวถังอย่างกลมกลืน แตกต่างจาก Body สแตนดาร์ดเพียงแค่ไม่กี่จุด ที่โดนใจก็คือโป่งข้างตัวถังบริเวณซุ้มล้อหน้า-หลังที่ดึงออกมาพอดิบพอดีไม่ได้มากจนเกินไปแล้วทำให้ดูน่าเกลียด การออกแบบที่ดีทำให้ระบบแอร์โรไดนามิกส์ใน A4 Avant เดิมๆ นั้นดีอยู่แล้ว เนื่องจากแบรนด์สี่ห่วงมีการลงทุนกับอุโมงค์ลมด้วยเงินมหาศาล RS4 Avant มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.32 (cd 0.32) ทรงแบบรถแวกอนดูเหมือนคุณกำลังขับรถแม่บ้านที่มีโป่งซุ้มล้อกับท่อไอเสียที่ใหญ่โตผิดปกติ
RS4 แสดงให้เห็นว่าช่างของ Audi Sport RS GmbH ใช้ความมุ่งมั่นขนาดไหนในการสร้างรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ต่างจากเครื่องจักรทั่วไปที่เอาแต่เร็วโดยขาดความสะดวกสบาย ไม่ว่าสภาพอากาศภายนอกรถจะเป็นอย่างไร ศักยภาพในการสร้างความบันเทิงก็ยังคงอยู่ใน Competition ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า เครื่องยนต์เบนซิน V6 เทอร์โบชาร์จ มีกำลัง 450 แรงม้าเท่าเดิม แต่การปรับเปลี่ยนชุดเกียร์ทำให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เร็วขึ้นมาอีกนิด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ส่งกำลังไปยังล้อหลังมากขึ้น (หน้า 40 หลัง 60) ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้เองสไตล์รถแข่ง Audi ยังติดตั้ง Sports Exhaust ที่ให้เสียงท่อระบายท้ายคล้ายกับรถแข่ง RS4 มีรูปลักษณ์ที่สวยงามสไตล์รถแวกอนพ่อบ้านที่ดูอ่อนโยนมากกว่าจะเป็นรถซิ่งบ้าพลัง Audi Sport ออกแบบและสร้างอย่างไร้ที่ติ เป็นรถที่มีความเร็วและขีดความสามารถเหนือกว่าข้อกำหนดสำหรับซุปเปอร์แวกอนในโลกแห่งความเป็นจริง แต่! การมาถึงของ BMW M3 Touring ที่มีความสามารถสูงกว่า แม้ว่า RS4 Comp จะไม่ทำให้รู้สึกผิดหวัง แต่คู่แข่งก็ใส่พลังมาเต็มเหนี่ยวพร้อมชุดขับสี่ M x Drive เพื่อเอาไว้ฟาดฟันกับตัวเก่ง Quattro
Audi R8 เป็นรถ Audi ประสิทธิภาพสูงรุ่นแรกที่ส่งมอบความนุ่มนวลให้กับพจนานุกรมใหม่ของแชสซีในซุปเปอร์คาร์ ซึ่งความสะดวกสบายในการขับขี่ดังกล่าว ดูเหมือนจะเป็นแนวคิดที่แปลกใหม่สำหรับรถเครื่องวางกลางลำสองที่นั่ง ระบบกันสะเทือน RS Sport ของ RS4 Avant Competition ทำให้มันเตี้ยกว่า Audi S4 ถึงเจ็ดมิลลิเมตร ช่วงล่างพวกมุมเรขาคณิต จุดยึดต่างๆ ได้รับการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีจากคนที่ชอบขับรถเร็วที่ทำงานอยู่ในแผนก Audi Sport การใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นยอดเยี่ยมมากถ้าไม่ขับไปตกหลุมซะก่อน แม้ว่าจะหนัก 1,745 กิโลกรัม แต่อัดเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงแล้วรถให้ความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม เป็นที่น่าสังเกตว่าเครื่องยนต์ V6 2.9 TFSI มีน้ำหนักเพียง 182 กิโลกรัมเท่านั้น น้ำหนักที่เบาของชุดส่งกำลังช่วยสร้างอัตราเร่งที่น่าเกรงขามในการระเบิดพลังงาน แถมยังควบคุมได้ง่ายอีกต่างหาก
ฟิลลิ่งของการบังคับเลี้ยวเป็นหนึ่งในจุดที่สร้างความรู้สึกที่สมดุลของการควบคุมทิศทาง โดยเฉพาะความสมดุลของส่วนหน้านั้นยอดเยี่ยมมาก เฟืองท้ายที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ส่วนท้ายเกาะหนึบเป็นตุ๊กแก อาการของรถเป็นไปตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง พวงมาลัยมีความพิถีพิถันและแม่นยำ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro รวบรวมแรงบิดโดยแยกจากหน้าไปหลัง ที่ 40:60 โดยมีเวกเตอร์แรงบิดผสมอยู่เพื่อเพิ่มความหวานในการเข้าโค้ง ระบบเบรก ใช้ดิสก์เบรกหน้า 375 มิลลิเมตร และดิสก์เบรกหลัง 330 มิลลิเมตร เป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน โดยมีเซรามิกเบรกเป็นออปชันเสริมราคาแพง (ซึ่งช่วยลดน้ำหนักใต้สปริงได้ถึง 8 กก.) การตั้งค่า RS1 ไม่ได้รู้สึกสะดวกสบายนัก แต่ก็ดีพอ นี่คือรถที่ตรงไปตรงมา แถมยังเร็วมากสำหรับมนุษย์ที่มีสติ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.1 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยแพ็กเกจ Competition ซึ่งปลดล็อกข้อจำกัดทางอิเล็กทรอนิกส์ของความเร็วสูงสุดออกไป
Audi’s Drive Select ทุกโหมด ส่งผลต่อการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ การบังคับเลี้ยว ระบบกันสะเทือน และเฟืองท้าย Quattro Sport Differential ในโหมด Comfort เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดในการขับเคลื่อน โดยไม่คำนึงถึงการปรับแต่งซอฟต์แวร์เพื่อทำความเร็ว RS4 วิ่งชิลๆได้อย่างราบรื่น แต่จู่ๆก็มี BMW M3 Competition M X Drive Touring (G81) รุ่นล่าสุดให้นึกถึง ซึ่งต้องควักมากกว่า RS4 ถึง 3,900,000 บาท เป็นส่วนต่างที่เอาไปถอย Audi S3 Quattro เอามาขับเล่นได้อีกคันนึงแบบสบายๆ เลยทีเดียวละครับ!!
เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบคู่ 2.9 ลิตรที่ออกแบบโดย Porsche ภายใต้ฝากระโปรงของ Audi RS4 Avant Competition ปี 2023 ถูกใช้งานในรถยนต์ Porsche หลายรุ่น คนวงในของ Audi Sport กล่าวว่า การไล่ตามกำลังที่มากขึ้นจากเครื่องยนต์สันดาปภายในยุคปัจจุบัน ที่ต้องควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ เป้าหมายการลด Co2 และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง อาจทำให้ค่ายรถต้องใช้เงินจำนวนมากในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ฮาร์ดแวร์ทั้งหมดของเครื่องยนต์ V6 ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนซอฟต์แวร์ที่ได้รับการรีแมปใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจ Competition เพื่อปรับให้การตอบสนองของคันเร่งดีขึ้น การเปลี่ยนอัตราทดของเกียร์อัตโนมัติ S-Tronic 8 สปีด ทำได้เร็วขึ้น เฟืองท้ายแบบ Sport Quattro ทำให้ตัวเลขอัตราเร่งลดลง 0.2 วินาทีจากอัตราเร่งปกติของ RS4 Avant ที่ 4.1 วินาที (0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
การขับ Audi RS เครื่องวางหน้า เพื่อสัมผัสถึงอำนาจพิเศษของระบบส่งกำลังและการตอบสนองของแชสซีที่ดีขึ้น ทั้งหมดนั้นขึ้นตรงต่อองศาของแป้นคันเร่ง อัตราส่วนพวงมาลัย 13.1:1 ระบบบังคับเลี้ยวแบบอัตราทดคงที่ของ RS4 Avant Competition เป็นหนึ่งในระบบที่ทำงานได้เร็วที่สุดที่ประจำการอยู่ในรถโปรดักชั่นคาร์สมัยใหม่ ล้อหน้าของ RS4 ตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อคำสั่งจากการบังคับทิศทางผ่านพวงมาลัย อุปกรณ์ที่ช่วยทำให้การทะยานออกจากโค้งด้วยความแน่วแน่ก็ คือ เฟืองท้าย Quattro Sport Differential ใช้คลัตช์หลายแผ่น เพื่อส่งแรงบิดส่วนใหญ่ไปยังล้อหลังด้านนอก ระบบควบคุมเสถียรภาพถูกรีแมปใหม่ เพื่อทำให้คนขับสนุกได้มากขึ้นอีกหน่อย" Andrei Filep หัวหน้าฝ่ายพัฒนาแชสซีของ Audi Sport กล่าว แม้จะปิดสวิตช์ DSC ทุกอย่างแล้ว รถก็ยังสามารถควบคุมได้อย่างง่ายดายจนถึงขีดจำกัด Audi Sport แจ้งว่า ยาง Pirelli P Zero Corsas ของ RS4 Avant Competition มีไหล่ยางที่โค้งมนมากกว่ายางมาตรฐานของ RS4 Avant รุ่นมาตรฐาน เพื่อให้การบังคับเลี้ยวที่แม่นยำและการรองรับด้านข้างที่ดีขึ้น ตามที่ Filep กล่าว สารประกอบแบบใหม่ในเนื้อยาง ส่งผลให้ยาง P Zero Corsas ส่งถ่ายแรงยึดเกาะที่สูงมาก เมื่อทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS ที่มีการรีแมปใหม่ ช่วยลดระยะเบรกจาก 100-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมงลงได้ประมาณ 6 ฟุต น่าเสียดายที่รถคันทดสอบใส่ยาง Continental Sport Contact 6 แต่ยางเยอรมันแบรนด์นี้ก็มีประสิทธิภาพที่ดีพอสำหรับขับด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้สร้างปัญหาอะไรแบบไร้อาการดีดดิ้นตลอดการขับทดสอบนาน 8 วัน
การตั้งค่าการยุบและยืดของโช้คอัพที่ถูกปรับปรุงให้เข้ากับความเร็วสูง ในช่วงของการพัฒนา RS4 Avant Competition ถูกนำไปทดสอบสนามแข่ง Nürburgring เพื่อเก็บข้อมูล การตั้งค่านี้ยังรวมถึงความสูงที่ลดลง 0.4 นิ้ว (การตั้งค่าพื้นฐานทำให้ RS4 Competition เตี้ยกว่า RS4 Avant รุ่นมาตรฐาน 0.4 นิ้ว) ส่งผลต่อความสูงของเบาะนั่งที่ต่ำกว่า RS4 Avant รุ่นมาตรฐาน ถึง 0.4 นิ้ว การขับครั้งแรกนั้นยาง Series-30 สร้างความตึงเครียดในเรื่องของการวางตำแหน่งล้อที่ถูกต้อง พลาดลงหลุมนิดเดียวอาจทำให้ล้อวงสวยเป็นรอยได้ RS4 Comp ความรู้สึกแบบอะนาล็อกที่ชัดเจนต่อการเคลื่อนไหวของสปริงกับโช้คอัพที่มีระบบวาล์วควบคุมแรงดันในกระบอกโช้คแบบพิเศษ แม้แต่ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมที่ดีที่สุดก็ไม่อาจลอกเลียนแบบความรู้สึกที่มั่นคงได้ ยางที่มีหน้ากว้างและแก้มที่ต่ำเตี้ยมากเป็นพิเศษ (แก้มยางของ RS4 ที่ Series-30 มีสัดส่วนความสูงเท่ากับยางของ Lamborghini Huracan STO) แต่การขับบนถนนปกติให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดใจ มีแรงกระแทกที่กระทบกระเทือนเข้ามาให้รับรู้ไม่มากนัก (ชัดเจนว่าอาการกระด้างนั้นน้อยกว่า BMW M4 G82) แม้ที่ความเร็วต่ำถึงปานกลางบนถนนในเมือง Competition ก็ยังหนึบแน่นและเก็บเสียงได้ดี การสลับไปมา ระหว่างโหมด Comfort กับ Dynamic ไม่ได้ทำให้ค่า K ของสปริงหรือการทำงานของโช้คอัพเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด มีแค่น้ำหนักของพวงมาลัยเท่านั้นที่เปลี่ยนไปในโหมดที่สูงกว่า Comfort
RS4 Avant Competition Plus ทำเวลาต่อรอบสนามนรกเขียวด้วยตัวเลข 7 นาที 39.35 วินาที
เครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ที่ดี เมื่อต้องเร่งรีบในโหมดไดนามิก และเกียร์อยู่ในการตั้งค่าแบบสปอร์ต หรือ S เครื่องยนต์ V6 Bi Turbo ต้องหมุน 4,000 รอบต่อนาทีขึ้นไป เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดของแรงบิด ในสภาวะที่ต้องขับผ่านถนนคับแคบและคดเคี้ยว การตอบสนองนุ่มนวลขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยต่อระหว่างเกียร์สองและเกียร์สามอย่างชัดเจนเมื่อ เกียร์ S Tronic 8 สปีดถูกปรับค่าการตอบสนองในโหมด S (Sport) การเปลี่ยนโหมดจาก Comfort เป็น Auto เป็น Dynamic โดยการสลับสวิตช์บนแผงควบคุมใต้จอภาพของระบบปรับอากาศ หรือแตะนิ้วบนหน้าจอระบบสัมผัสส่วนกลาง กลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและดึงสมาธิการมองออกไปชั่วขณะ โชคดีที่ปุ่ม RS บนก้านวงพวงมาลัยด้านขวาเป็นทางลัดของการระเบิดพลังงานที่เร็วกว่า แม้ว่าจะต้องกดสองครั้งหากต้องการโหมด RS2 ช่วยให้กำหนดค่าคันเร่ง ระบบส่งกำลัง ระบบควบคุมเสถียรภาพ และการตั้งค่าพวงมาลัยได้อย่างรวดเร็ว (ควรตั้งค่าล่วงหน้าก่อนการขับ) การตั้งค่าที่ดีที่สุดสำหรับการขับในสนามแข่งก็คือ การดันทุกอย่างในเมนูกำหนดค่า RS2 ให้อยู่ในตำแหน่งสูงสุด แล้วตั้งค่าพวงมาลัยไปที่โหมด Comfort เนื่องจากอัตราทดพวงมาลัยไม่เปลี่ยนแปลงในโหมดอื่นที่สูงกว่า น้ำหนักพวงมาลัยจึงเป็นเพียงความแตกต่างเดียวที่คุณจะค้นพบได้ใน RS4 มีการบังคับเลี้ยวที่ละเอียดอ่อน และแม่นยำมากในโหมด Comfort ระบบจะลดทอนแรงหมุนด้วยการเพิ่มน้ำหนักที่มากขึ้นในโหมดไดนามิกตั้งแต่เริ่มต้น
Audi RS4 Avant เหมือนกับ Mercedes-AMG C63 Estate ก็คือ เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวัน เป็นรถที่เอาออกมาแรดได้ทุกวัน หากเลือก Drive Select ไปที่ Comfort ระบบกันสะเทือนจะนุ่มนวลขึ้น เสียงจากท่อระบายท้ายเงียบลง การเปลี่ยนเกียร์ของเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด จะราบรื่นยิ่งขึ้น ทำให้ Audi RS 4 Avant ขับในเมืองได้ง่ายและสะดวกสบาย เมื่อขับด้วยความเร็วสูงบนมอเตอร์เวย์ เสียงยางจะเริ่มดังเข้ามาให้ได้ยินเมื่อความเร็วทะยานผ่าน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบกันสะเทือนที่แสนสบายของ Audi การเก็บเสียงในห้องโดยสารที่เงียบสงบ ทำให้ภายในของ M3 Competition ดูเหมือนเป็นอุปกรณ์ทรมานร่างกายในยุคกลาง แต่ Audi RS 4 Avant Competition เมื่อขับเร็วอย่างต่อเนื่องก็มีแนวโน้มที่จะกินเชื้อเพลิงมากกว่า Mercedes AMG C63 หรือ BMW M3 Competition นิดหน่อย
สรุป การตกแต่งภายในและเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนกับช่วงล่าง งานประกอบภายนอกภายในอย่างเนี้ยบ RS4 เป็นรถแวนที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงาม แต่ก็เก่าไปหน่อยเมื่อเทียบกับ M3 Competition M X Drive Touring รหัส G81 การตกแต่งภายในโดยรวมของแบรนด์สี่ห่วงนั้นเรียบง่าย ไม่เน้นความฉูดฉาดเหมือนกับรถ AMG หรือ M ความสบายที่มาพร้อมกับพลังแห่งการเร่งความเร็วบวกกับแรงยึดเกาะที่กลายเป็นความสนุก รวมถึงราคาค่าตัวที่ถูกกว่า นี่คือจุดที่ Audi Sport เหนือกว่าคู่แข่งอยู่นิดๆ RS4 Avant Competition ดูเท่และให้ความรู้สึกคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายออกไป ตัวถังที่ออกแบบเป็นพิเศษ สัดส่วนทั่วทั้งคันที่ยอดเยี่ยม กับฟิลลิ่งที่ละเอียดอ่อน มันเป็นรถที่สร้างความบันเทิงไปตลอดทาง ไม่ว่าจะขับช้าหรือเร็ว.
Audi RS 4 Avant quattro competition ราคา 6,499,000 บาท
Audi RS 4 Avant competition Technical data
แบบเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V6 biturbo
พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (direct injection)
จำนวนวาล์ว 24
ปริมาตรกระบอกสูบ 2894 ซีซี.
แรงม้าสูงสุด 331 กิโลวัตต์ 450 แรงม้า ที่ 5,700-6,700รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,900-5,000 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ tiptronic 8 จังหวะ
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อนสี่ล้อ (quattro)
อัตราเร่ง 0-100 กม. / ชม. 4.1 วินาที
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 290 กม. / ชม.
ระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Start/stop system)
พวงมาลัย พวงมาลัยไฟฟ้าแบบ dynamic
เบรกหน้า ระบบเบรกแบบ RS พร้อมตกแต่งคาลิปเปอร์เบรกด้วยสีแดง
เบรกหลัง ระบบเบรกแบบ RS พร้อมตกแต่งคาลิปเปอร์เบรกด้วยสีแดง
พื้นที่เก็บสัมภาระ 495-1,495 ลิตร
ความจุถังน้ำมัน 58 ลิตร
ล้อ 20 นิ้ว ขนาด 9J x 20 พร้อมยาง ขนาด 275/30 R20
ยางอะไหล่
ระบบความปลอดภัย RS 4 Avant quattro competition
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง
ระบบเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย
ระบบเบรกมือไฟฟ้า
ระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง (Audi hold assist)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
ระบบความปลอดภัย RS 4 Avant quattro competition
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic brake distribution)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction control system)
ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic control system with stabilization
function)
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุแบบพื้นฐาน (Audi pre sense basic)
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุด้านหลัง (Audi pre sense rear)
ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane change assist)
ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อจะเปิดประตู
ลงจากรถ (Exit warning)
ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง (Rear cross-traffic assist)
เซนเซอร์หน้า-หลังช่วยในการนำรถเข้าจอด
กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยจอด
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก
ชุดปฐมพยาบาล
อุปกรณ์มาตรฐาน
ช่วงล่างแบบ RS Sports
ระบบท่อไอเสียแบบ RS Sports plus สี Matt Black
ระบบเลือกโหมดการขับขี่ (Audi drive select)
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ RS
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ Glossy Black RS พร้อมตกแต่ง Audi Ring
และชื่อรุ่นด้วยสี Glossy Black
ชุดตกแต่งภายในแบบ RS
หลังคาพาโนรามิคเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ราวหลังคาตกแต่งด้วยสีดำ
ไฟหน้าแบบ Matrix LED พร้อมไฟเอฟเฟกต์ด้านหน้า (Light staging)
ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเอฟเฟกต์ไฟด้านหลัง (Light staging)
ไฟ Projector LED แบบ RS competition ที่ประตูหน้า
กระจกมองหลังพร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติ
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า และปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
กระจกมองข้างตัดแสงและปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชันบันทึกตำแหน่ง
ด้านข้างของคอนโซลตรงกลางและพวงมาลัยหุ้ม Alcantara สีดำ
ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
ที่วางแขนข้างประตูหุ้มหนัง Fine Nappa ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
คันเกียร์หุ้ม Alcantara สีดำ
สายเข็มขัดนิรภัยสีดำตกแต่งขอบด้วยสีแดง
ตกแต่งห้องโดยสารภายในลาย Matte Carbon Twill
พรมในห้องโดยสารด้านหน้าสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดงพร้อมสัญลักษณ์ RS
ระบบความปลอดภัย RS 4 Avant quattro competition
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic brake distribution)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction control system)
ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic control system with stabilization
function)
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุแบบพื้นฐาน (Audi pre sense basic)
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุด้านหลัง (Audi pre sense rear)
ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane change assist)
ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อจะเปิดประตู
ลงจากรถ (Exit warning)
ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถ
เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง (Rear cross-traffic assist)
เซนเซอร์หน้า-หลังช่วยในการนำรถเข้าจอด
กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยจอด
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก
ชุดปฐมพยาบาล
อุปกรณ์มาตรฐาน
ช่วงล่างแบบ RS Sports
ระบบท่อไอเสียแบบ RS Sports plus สี Matt Black
ระบบเลือกโหมดการขับขี่ (Audi drive select)
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ RS
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ Glossy Black RS พร้อมตกแต่ง Audi Ring
และชื่อรุ่นด้วยสี Glossy Black
ชุดตกแต่งภายในแบบ RS
หลังคาพาโนรามิคเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ราวหลังคาตกแต่งด้วยสีดำ
ไฟหน้าแบบ Matrix LED พร้อมไฟเอฟเฟกต์ด้านหน้า (Light staging)
ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเอฟเฟกต์ไฟด้านหลัง (Light staging)
ไฟ Projector LED แบบ RS competition ที่ประตูหน้า
กระจกมองหลังพร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติ
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า และปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
กระจกมองข้างตัดแสงและปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชันบันทึกตำแหน่ง
ด้านข้างของคอนโซลตรงกลางและพวงมาลัยหุ้ม Alcantara สีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
ที่วางแขนข้างประตูหุ้มหนัง Fine Nappa ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
คันเกียร์หุ้ม Alcantara สีดำ
สายเข็มขัดนิรภัยสีดำตกแต่งขอบด้วยสีแดง
ตกแต่งห้องโดยสารภายในลาย Matte Carbon Twill
พรมในห้องโดยสารด้านหน้าสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดงพร้อมสัญลักษณ์ RS
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/