หรือนี่คือ M5 พลังงานไฟฟ้า? เพื่อความเป็นธรรมกับ BMW i5 M60 xDrive หนึ่งในรถยนต์พลังงานสะอาดกำลัง 600 แรงม้า กับแรงบิดที่ล้นทะลัก ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และตราสัญลักษณ์ M เล็กๆ ที่ประทับอยู่บนตัวถัง ในด้านแรงม้าแรงบิด อัตราเร่งและความสามารถในการขับเคลื่อน ทุกสิ่งของ i5 M60 xDrive ดันไปเหมือนกับ M5 ใหม่ที่กำลังจะโผล่ออกมาเร็วๆ นี้ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็คือ i5 M60 xDrive ขับแล้วเหมือนกำลังควบคุมหุ่นยนต์ มันเร็วและจิกโค้งได้ดีพอๆ กับ M5 เครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่ขาดอารมณ์ร่วมในด้านการระเบิดปะทุของท่อระบายท้าย กับแรงกระชากขณะเปลี่ยนเกียร์ เป็นรถ M Performance ที่หาญกล้าขึ้นไปทาบรังสีอำมหิตของ EQE 53 4Matic + ด้วยประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน
BMW i5 eDrive40 M Sport ราคา 4,999,000 บาท
BMW i5 M60 xDrive ราคา 5,599,000 บาท


...





Executive Express ของ BMW รุ่นนี้ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ เรือนร่างซีดานขนาดกลางเข้ามาเติมเต็มช่องว่างระหว่าง i4 ที่เคยคว้ารางวัลรถยนต์ไฟฟ้าขับดีที่สุด 10 อันดับ รวมถึงยังอยู่ใกล้กับเรือธงอย่าง i7 ยานยนต์ซาลูนหรูหราระดับพรีเมียม i5 M60 xDrive ผสมผสานความสนุกสนานของการควบคุม เข้ากับความสะดวกสบายที่เน้นอุปกรณ์ไฮเทคเต็มเหนี่ยว เริ่มจาก BMWi5 eDrive40 ขับเคลื่อนล้อหลัง พลังมอเตอร์เดี่ยว 335 แรงม้า ที่นับว่าแรงเอาเรื่อง แต่ถ้ายังไม่สาแก่ใจ และชอบวิ่งไล่รถแรงๆ บนทางด่วน ขอให้เดินไปที่ i5 M60 มอเตอร์คู่ กับกลไก xDrive ชุดขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์คู่มีพลังงานมากถึง 601 แรงม้า การยึดเกาะแบบรถสปอร์ตขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยระบบกระจายแรงบิด xDrive ผมมีโอกาสได้ขับรถ New Series-5 ไฟฟ้าทั้งสองรุ่น ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ (คือโคตรจะสั้นจู๋ละครับ) หลังจากการทดลองขับในสนามปทุมธานี สปีดเวย์ ก็รู้สึกประทับใจในความเป็นรถสปอร์ตซาลูนที่เอาตราสัญลักษณ์ M มาแปะเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับคนที่อยากได้ M แท้ๆ
...



...

คุณสมบัติทางเทคโนโลยีที่ติดตั้งบนรถ i5 ส่วนใหญ่เราจะพบในรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราขนาดกลางที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ สายการผลิตรถยนต์พลังงานสะอาดของ BMW ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแทบไม่มีวันหยุดพัก รถยนต์ไฟฟ้า Luxury รุ่นล่าสุด กลายเป็นเครื่องจักรที่ส่งแรงดึงดูดไปถึงนักขับหน้าใหม่ซึ่งมองหาของแรง รถยนต์ไฟฟ้าไซส์กลางที่หรูหราอย่าง Genesis Electrified G80 และตัวเปิดวาร์ป Mercedes-AMG EQE 53 รวมถึงกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าหรูหราที่ครองความเป็นเจ้าตลาดอย่าง Porsche Taycan Turbo Audi e-Tron GT และ Tesla Model S

...




BMW i5 ทั้งสองรุ่น ติดตั้งไฟ Iconic Glow ล้อมรอบกระจังหน้า ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟ Daytime Running Light แนวตั้ง มิติตัวถังใหญ่กว่า BMW 5 Series G30 โฉมก่อน พร้อมชุดแต่งเติมความเข้มในสไตล์ M รอบคัน สปอยเลอร์หลังดีไซน์ M สีเดียวกับบอดี้ และสปอยเลอร์สีดำเงาแบบ high-gloss สำหรับ i5 M60 xDrive คาลิปเปอร์เบรก (สีน้ำเงินเข้ม dark blue metallic สำหรับรุ่น i5 eDrive40 M Sport และสีแดง red high-gloss สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive) สำหรับ i5 M60 xDrive กับชุดแต่งไฟหน้าสีดำ M Lights Shadow Line ล้อสองขนาด สองสไตล์ ล้ออัลลอย BMW Individual aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว สีดำ Jet Black แบบสลับสี สำหรับ i5 M60 xDrive และล้ออัลลอย M aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว สีเทาเข้ม Black Grey แบบสลับสี สำหรับ i5 eDrive40 M



i5 มี 2 รุ่นให้เลือก เริ่มด้วย eDrive40 335 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียว ส่วนรุ่นที่แรงกว่าอย่าง M60 xDrive นั้น ร้อนแรงในระดับที่สูงเกินความคาดหวังว่ามันจะวิ่งได้เร็วจี๋ขนาดนั้น การเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าตัวที่สองที่เพลาหน้า เพื่อให้ i5 M60 xDrive มีกำลังรวมกันถึง 601 แรงม้า ในระหว่างการขับขี่ครั้งแรก i5 M60 สร้างความประทับใจกับการควบคุมที่คล่องตัว ระดับการยึดเกาะกับผิวแทรคที่เป็นปูนซีเมนต์ การเลี้ยวและเร่งที่คล่องแคล่วว่องไว สร้างแรงบันดาลใจอย่างมากให้กับคนที่รักรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ระบบส่งกำลังมอเตอร์คู่ ให้ความรู้สึกถึงแรงดึงที่โผล่มาเร็วและหนักข้อมากกว่าเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ การทดสอบแค่นิดเดียวทำให้มีโอกาสได้ซึมซับไดนามิกที่โดดเด่นของรถไฟฟ้ารุ่นนี้แม้จะมีเวลาแค่ช่วงสั้นๆ คันละสองรอบ ในสนามปทุมธานีสปีดเวย์ BMW เปิดโอกาสให้ลองขับทดสอบทั้งรุ่น eDrive40 และ M60 xDrive สำหรับ i5 รุ่นท็อปสุด ยังมาพร้อมกับเหล็กกันโคลงแบบแอ็กทีฟ ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต ยางที่กว้างขึ้น และระบบบังคับเลี้ยวที่ล้อหลัง ซึ่งทั้งหมดนี้ BMW จงใจปรับแต่งให้ขับแล้วมีความรู้สึกสปอร์ตมากกว่าเดิม ซึ่งเมื่อลองแล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ





BMW i5 eDrive40 M Sport รุ่นเริ่มต้น วางระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวในระบบขับเคลื่อนล้อหลัง กำลัง 250 กิโลวัตต์ หรือ 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ขนาด 81.2kWh มอเตอร์เดี่ยว ส่งแรงบิดไปที่ล้อหลังได้สูงสุดถึง 430 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ Sport Boost หรือ Launch Control แบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงชุดเดียวกับรุ่น i5 M60 xDrive อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6 วินาที และมีระยะการขับขี่อยู่ที่ 497-582 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 501 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ชุดแบตเตอรี่ 81.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง วางอยู่ใต้พื้น BMW แจ้งว่า แบตเตอรี่มีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะจ่ายไฟให้กับ i5 eDrive40 ด้วยระยะทาง 497-582 กิโลเมตร



ส่วนมอเตอร์คู่ใน i5 รุ่น M60 มี ประสิทธิภาพมากกว่า แต่ก็กินไฟเยอะกว่าเช่นเดียวกัน i5 M60 xDrive ตัวท็อป ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพลังงานไฟฟ้า BMW xDrive Electric ชุดมอเตอร์คู่กำลัง 442 กิโลวัตต์ หรือ 601 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 795 นิวตันเมตร หรือเพิ่มเป็น 820 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ M Sport Boost หรือ M Launch Control ชาร์จไฟจนเต็มวิ่งได้ประมาณ 512 กิโลเมตร แบตเตอรี่รองรับการชาร์จไฟกระแสตรงกับสถานีชาร์จด่วน DC โดย ชาร์จไฟจาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ในเวลา 30 นาที




ห้องโดยสารของ i5 นั้นกว้างขวางกว่าและหรูหราพอๆ กับรถคู่แข่ง แบตเตอรี่มีการดีไซน์ให้วางลงไปแล้วไม่รบกวนพื้นที่ห้องโดยสาร แต่พื้นที่ท้ายรถน้อยกว่า Series-5 เครื่องยนต์สันดาปภายในเล็กน้อย เบาะหนังที่นุ่มหนานั่งสบาย มีโทนสีของเบาะกับการตัดเย็บที่แปลกตา BMW กำลังเปิดตัวเบาะหนังเทียมแบบใหม่ที่เรียกว่า Veganza ที่จะประจำการอยู่ใน i5 นอกจากนี้ยังมีระบบปฏิบัติการณ์ BMW OS 8.5 เวอร์ชันล่าสุดที่เข้ามาเติมเต็ม OS 8.0 โดยเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานให้หลากหลาย เบาะนั่งคู่หน้าแบบระบายอากาศพร้อมระบบนวด เป็นอุปกรณ์เสริมใน eDrive40 และเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน M60 xDrive






BMW i5 M60 xdrive ติดตั้งระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins ใส่มาให้ใน BMW New series-5 เป็นครั้งแรกเพื่อมอบเสียงเครื่องดนตรีที่คมชัด ลำโพง 17 ตัว เพาเวอร์แอมป์เกรดพรีเมียมมีกำลังขับรวม 655 วัตต์ ตัวปรับรูปแบบเสียง 7 แบนด์ ลำโพงสำหรับเสียงเบสติดตั้งไว้ภายใต้ขอบโลหะบริเวณประตูรถ ในขณะที่ i5 eDrive40 M Sport ติดตั้งระบบเสียง hi-fi จากแบรนด์ Harman Kardon ลำโพงถึง 12 ตัว แอมป์ดิจิทัล กำลังขับรวม 205 วัตต์ สามารถปรับแต่งรูปแบบเสียงได้ตามต้องการ ซอฟต์แวร์ IconicSounds ของ BMW เปิดโอากาสให้ปรับแต่งซาว์ดแทรคประกอบการขับซิ่งได้ตามใจชอบ




i5 M60 มีน้ำหนัก 2,380 กิโลกรัม แต่ขับแล้วให้ความรู้สึกมั่นคงและเบา โดยเฉพาะการเร่งความเร็วออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปจนถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (3.8 วินาที) มีแป้น Paddle สีแดงเล็กๆ ซ่อนอยู่หลังพวงมาลัย M ด้านซ้าย และมีแค่ฝั่งเดียว นั่นคืออุปกรณ์ในการเรียกกำลังที่มีชื่อว่า M Booster เมื่อดึงมันเข้าหาตัว หน้าจอภาพมาตรวัดจะเปลี่ยนเป็นสีแดง และการนับถอยหลังจาก 10-0 จะเริ่มขึ้นทันที ในห้วงเวลาแค่ 10 วินาทีนั้น ระบบจะเทแรงบิดของมอเตอร์คู่แบบจัดเต็มกำลัง น่าเสียดายที่ปทุมธานีสปีดเวย์ไม่มีทางตรงยาวมากพอที่จะระเบิดพลังงานของ i5 M60 ออกมาทั้งหมด การออกตัวแบบ Launch Control มาพร้อมกับแรงดึงมหาศาลและแรงจีที่กระทำต่อร่างกายของคนขับ แรกๆ อาจทำให้คุณสนุก แต่พอทำไปเรื่อยๆ สักสี่ห้าครั้งก็เริ่มเจ็บคอต่อและมึนหัว อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ของ BMW i5 M60 xDrive อยู่ที่ 3.8 วินาที ช้ากว่า BMW M5 G30 เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ แค่ 0.4 วินาที ตามหลัง EQE 53 4Matic + แค่ 0.3 วินาที เท่านั้นเอง




BMW i5 M60 xDrive ขับเคลื่อนสี่ล้อ มีแผ่นอะลูมิเนียมเสริมความแข็งแกร่ง ประสิทธิภาพการลดแรงสั่นสะเทือนนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่เสียงที่เป็นซาวด์แทรคปรุงแต่งโดย ระบบกันสะเทือนของ M Sport เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ดังนั้นสปริง แดมเปอร์ และเหล็กกันโคลงจึงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แดมเปอร์ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่การตั้งค่าปกตินั้นยอดเยี่ยมมาก มันอาจจะหนักแน่นเกินไปสำหรับความชอบของเราบนถนนที่ขรุขระ แต่สำหรับอินพุตแนวตั้งที่น่ารังเกียจส่วนใหญ่นั้นก็ถูกยักไหล่ออกไป ระบบเลี้ยวล้อหลังแบบแอ็กทีฟ สามารถหักเหทิศทางของล้อหลังสวนทางกับล้อหน้า หรือไปในทิศทางเดียวกันได้สูงสุด 2.5 องศา i5 มีความเร็วทางตรงเกือบจะเท่ากับ M5 รุ่นที่แล้ว รถไฟฟ้ารุ่นนี้ยังมีการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยม บวกกับการควบคุมตัวถังที่น่าทึ่งสำหรับรถที่หนักถึง 2.3 ตัน มันดีทุกอย่าง แต่ไม่มีความสามารถในการส่งถ่ายความรู้สึกถึงจิตวิญญาณของรถสปอร์ต เนื่องจากเสียงสังเคราะห์ที่ประหลาด แทนที่จะจำลองเสียงเครื่องยนต์แบบเปิด-ปิดได้ BMW กลับให้เสียงที่คล้ายยานต่างดาวซึ่งไม่ได้สร้างความเร้าใจในการซิ่งแม้แต่น้อย มันยังไม่ใช่ M5 ที่เต็มไปด้วยวิญญาณจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่ก็ขับได้ดีน่าประทับใจ




BMW i5 ใหม่ มาพร้อมกับระบบ Driving Assistant Professional ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยและการเปลี่ยนเลน (Steering and Lane Change Assist) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (Active Cruise Control with Stop & Go function) ทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในระหว่างการจอดรถ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ Parking Assistant รุ่น Plus ใช้กล้อง ควบคู่กับระบบคลื่นอัลตราซาวนด์ เพื่อช่วยผู้ขับขี่ในหลายสถานการณ์ ผ่านระบบช่วยจอดรถ Parking Assistant ระบบช่วยถอยรถ Reversing Assistant ระบบเตือนระยะห่าง Active Park Distance Control ระบบการช่วยจอดแบบ Lateral Parking Aid และระบบกล้องรอบทิศทาง Surround View สามารถดูสภาพแวดล้อมรอบตัวรถได้ด้วยภาพแบบสามมิติผ่านแอปพลิเคชัน My BMW ฟังก์ชัน BMW Drive Recorder บันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบความละเอียดสูงจากกล้องรอบทิศทาง เป็นออปชันเสริมที่ต้องจ่ายเพิ่มของ BMW ConnectedDrive Store



ระบบ Proactive Care สังเกตการณ์ข้อมูลของตัวรถในทุกด้าน วิเคราะห์การทำงานของยาง การแจ้งเตือนปัญหาต่างๆ รอบการเข้ารับบริการ ระบบจะนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ควบคู่ไปกับข้อมูลที่ผู้ขับขี่กำหนด และแจ้งข้อความแนะนำได้หลายช่องทาง ผ่านทางแอปฯ My BMW ผ่านระบบในตัวรถ ทางอีเมล ผ่านดีลเลอร์ที่กำหนด หรือโทรศัพท์จากบริการ Roadside Assistance ระบบ Proactive Care ให้คำแนะนำในเรื่องที่เกี่ยวข้อง เช่น การอัปเกรดซอฟต์แวร์ของตัวรถด้วยตนเอง การขอรับบริการขณะเดินทาง การแนะนำศูนย์บริการ





บริการ Proactive Care สำหรับรถยนต์ BMW ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7 (ตั้งแต่เวอร์ชัน 07/2019) หรือใหม่กว่า หากต้องการใช้บริการ จะต้องมีสัญญาใช้งานบริการ BMW ConnectedDrive พร้อมบันทึกข้อมูลรถยนต์ในแอปฯ My BMW หรือหน้าเว็บ My BMW Portal ซึ่งรวมถึง BMW ID และรายละเอียดการติดต่อ และการยินยอมในเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัว การอนุญาตให้ผู้จำหน่ายสามารถติดต่อได้.