Mitsubishi All New Triton ที่เพิ่งจะเปิดผ้าคลุมเมื่อเร็วๆ นี้ มีรุ่นที่น่าสนใจ และได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดที่ชอบรถหัวเดี่ยวยกสูงขับเคลื่อนสี่ล้อสำหรับการใช้งานหนัก นั่นก็คือรุ่น Single Cab ตอนเดียว และ Triton Single Cab 4WD Pro AT ก็เป็นกระบะขับสี่หัวเดี่ยวที่ออกแบบให้สามารถใช้งานได้ดีในพื้นที่ทุรกันดาร เน้นการบรรทุก และเอาตัวรอดบนทางวิบาก หน้าตามู่ทู่ด้วยกระจังหน้าแบบใหม่บวกไฟหรี่กลางวันที่เพรียวบาง ดูคล้ายกับหุ่นยนต์ในการ์ตูนญี่ปุ่น Triton Single Cab 4WD Pro AT จัดระบบขับสี่เพื่อตะกุยทางในเรือกสวนไร่นา หรือทางออฟโรดที่เต็มไปด้วยหล่มโคลน ช่วงล่างปรับมาใหม่ ทำให้อาการโคลงตัวของกระบะหัวเดี่ยวในอดีตลดลงไปพอสมควร อุปกรณ์ภายในให้มาเพียงพอต่อการใช้งาน ราคา 7 แสนกลางๆ พอฟัดพอเหวี่ยงกับราคาของรถคู่แข่ง แต่ Triton Single Cab 4WD Pro AT มีดีที่ความสดใหม่ที่พร้อมรองรับการใช้งานโหดๆ
...
Mitsubishi New Triton 2023 Single Cab 4WD ราคา
Mitsubishi New Triton 2023 2.4 TURBO PRO MT 4WD 699,000 บาท
Mitsubishi New Triton 2023 2.4 TURBO PRO AT 4WD 749,000 บาท (คันทดสอบ)
...
...
...
นอกจากกระจังหน้าพลาสติกสีดำและไฟหรี่กลางวัน LED ที่เรียวเล็กแล้ว ไฟหน้าก็ยังคงใช้ไฟแบบฮาโลเจนเหมือนเดิม ซึ่งจริงๆ แล้วกำลังในการส่องสว่างนั้นเป็นรองไฟ LED ของคู่แข่ง ทรงด้านข้าง มีแก้มข้างที่ดึงแนวโป่งออกมาอย่างจงใจ ทำให้ล้อที่ใส่มาจากโรงงานดูเล็กไปนิด ชายล่างของบานประตูติดตั้งพลาสติกกันกระแทกสีดำ กระบะท้ายมีหูสำหรับผูกยึดกับสัมภาระ พื้นท่ีกระบะท้ายกว้างกว่าเดิม ติดตั้งพลาสติกกันกระแทกมาให้พร้อมประทับตรา Mitsubishi มิติตัวถังของ New Triton 2023 Single Cab 4x4 มีขนาดความยาวรวม 5,265 มิลลิเมตร กว้าง 1,865 มิลลิเมตร สูง 1,765 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,130 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 203 มิลลิเมตร ความจุถังเชื้อเพลิง 75 ลิตร พื้นที่กระบะท้ายกว้างสุดในกระบะหัวเดี่ยวคลาสเดียวกัน บรรทุกตะกร้าสินค้าพืชไร่เกษตร ขนาดมาตรฐาน 385 x 590 x 340 มม. ได้ 13 ใบ ล้อกระทะเหล็กห่อรัดด้วยยาง Dunlop Grandtrek AT 20 ไซส์ 205R16C 110/108R
ภายในให้อุปกรณ์เท่าที่จำเป็น เบาะคนขับและคนนั่งปรับมือหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ คอนโซล แดชบอร์ดพลาสติกสีดำ หน้าปัดมาตรวัดแบบอนาล็อกที่อ่านค่าได้ง่าย ใช้โทนสีส้มทำให้นึกถึงหน้าปัดของรถเก๋งอย่าง Lanser ยุคปี 80 พวงมาลัยไวนิลแบบสามก้าน มีปุ่มปรับระดับเสียงของลำโพง และปุ่มเลือกโหมดในระบบอินโฟเทนเมนท์ ให้มาแค่นั้น การสตาร์ตเครื่องยนต์ยังใช้กุญแจเสียบแล้วบิด แดชบอร์ดคอนโซลเน้นทรงเหลี่ยมเพื่อให้เข้ากับความบึกบึนที่ Mitsubishi พยายามนำเสนอพร้อมช่องแอร์ที่สี่เหลี่ยม จอมอนิเตอร์กลางขนาด 10 นิ้ว เป็นหน้าจอกลางสั่งงานด้วยระบบสัมผัส รองรับ Bluetooth Apple CarPlay และ Android Auto วิทยุ AM/FM และมีช่อง USB มาให้ทั้ง Type C และ Type A ซุ้มเกียร์มีคันเกียร์ที่จัดวางอยู่ในตำแหน่งพอเหมาะ ถัดลงมาจากคันเกียร์เป็นปุ่มควบคุมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Easy Select 4WD ปรับการขับได้สามรูปแบบคือ ขับเคลื่อนสองล้อ 2H ขับเคลื่อนสี่ล้อ 4H และขับเคลื่อนสี่ล้อ 4 Low ช่องวางแก้วน้ำสองตำแหน่ง คันเบรกมือ จุดที่ชอบก็คือชุดควบคุมอุณหภูมิแบบปุ่มหมุนสามตำแหน่งที่ออกแบบให้ใช้งานง่าย ทั้งปรับน้ำยาแอร์ ระดับความแรงของพัดลมแอร์ และทิศทางของแอร์ รวมถึงก้านที่เปิดให้อากาศภายนอกเข้ามาในห้องโดยสารที่มีรูปแบบเน้นความคงทน และลดต้นทุนการผลิต
ขุมกำลังของ Triton Single Cab 4WD Pro AT เครื่องยนต์ 4N16 Hyper Power ดีเซลแถวเรียง 4 กระบอกสูบ ปริมาตรความจุ 2,442 ซีซี ระบบอัดอากาศ เทอร์โบแปรผัน VG-Turbo ชุดลดอุณหภูมิ อินเตอร์คูลเลอร์ ขนาดความกว้างกระบอกสูบ 86.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 105.1 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.2 : 1 กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,250-2,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ Easy Select 4WD (Part-Time)
แชสซีส์ MEGA Frame แบบใหม่ ความยาวฐานล้อเพิ่มเป็น 3,130 มิลลิเมตร โครงสร้างแชสซีส์ออนเฟรมทำจากเหล็กแรงดึงสูง ระบบรองรับด้านหน้าแบบปีกนกคู่ Double Wishbone เหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังแหนบแผ่นซ้อน Elliptic Leaf Spring ระบบเบรก ด้านหน้า ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลังแบบดรัมเบรก ระบบบังคับเลี้ยวใช้พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรง (ไม่ใช่พวงมาลัยไฟฟ้า) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time (Easy Select 4WD) สามรูปแบบ ขับ 2 ล้อ (2H) ขับ 4 ล้อ (4H) ขับ 4 ล้อ (4L) Active Limited Slip ควบคุมด้วยระบบเบรก เฟืองท้าย ระบบล็อกเพลาหลัง Diff-Lock
กำลัง 184 แรงม้า กับแรงบิด 430 นิวตันเมตร ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน โดยเฉพาะทางไฮเวย์ข้ามจังหวัดจากกรุงเทพฯ ไปยังสุพรรณบุรี ผ่านเลาขวัญ หนองปรือ เชื่อมต่อกับอ่างเก็บน้ำห้วยกระพร้อยแล้วไปโผล่ที่เขาโจด ซึ่งเป็นทางหลวงชนบทบนภูเขาคดเคี้ยว เส้นทางลัดเลาะไปตามทิศตะวันตกจนไปโผล่ที่เขื่อนศรีนครินทร์ ระยะทางแค่ 55 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเฉียดๆ 3 ชั่วโมง นั่นหมายถึงทางขึ้นลงภูเขาสูงชันที่อุดมไปด้วยโค้งที่สองข้างทางเป็นป่าดิบชื้น
Triton Single Cab 4WD Pro AT มีช่วงล่างที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับหัวเดี่ยวรุ่นก่อนเปลี่ยนโฉม การใช้ความเร็วบนทางหลวงจังหวัดผมลองทะยานไปถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนเรียบๆ ถือว่ามีความนิ่มนวลมากกว่ารุ่นที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด อาการโคลงตัวลดลงเมื่อเจอถนนที่เป็นลอนคลื่น หรือผิวถนนลาดยางที่ไม่เรียบ จุดที่ไม่ชอบก็คือ Triton Single Cab 4WD Pro AT แทบจะไม่มีการเก็บเสียงเอาซะเลย เสียงเครื่อง เสียงลม เสียงยางที่ความเร็วสูงดังเข้ามาให้ได้ยินอย่างชัดเจน ส่วนเกียร์ออโต้ 6 สปีด เมื่อเบรกแรงๆ ซอฟต์แวร์ควบคุมเกียร์ปรับลดอัตราทดให้ในลักษณะคล้ายการเชนเกียร์ ซึ่งใช้งานบนเส้นทางภูเขาได้ดีและปลอดภัย เกียร์ที่ฉลาดยังเปลี่ยนอัตราทดอย่างไหลลื่น ปราศจากอาการกระตุกกระชาก คุณสามารถผลักคันเกียร์ไปทางซ้ายเพื่อเข้าสู่โหมดแมนนวลของเกียร์ออโต้เพื่อชิฟเกียร์เอง ไม่มี Paddle Shift มาให้ แต่ได้คันเกียร์ในตำแหน่ง +/- ที่ใช้แทนแป้นเปลี่ยนเกียร์ได้ดี
ช่วงล่างหลังแหนบแผ่นซ้อน Elliptic Leaf Spring ต้องบรรทุกกันเป็นตัน ถึงจะทำให้รถมีความนิ่ง แต่ในวันทดสอบผมวิ่งตัวเปล่าขึ้นไปบนภูเขาแถวหลังเขื่อนศรีฯ ได้อย่างสบายตัว อัตราเร่งแซงทำได้ดีจากแรงบิด 430 นิวตันเมตร ซึ่งอยู่ในระดับกลางๆ ของแรงบิดในปิกอัพหัวเดี่ยว ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน เมื่อไม่มีน้ำหนักบรรทุกที่กระบะท้าย เจ้า Triton Single Cab 4WD Pro AT จึงออกฤทธิ์เดชได้อย่างเต็มที่ แม้หน้ายางจะแคบ แต่ก็ถือว่าทรงตัวในย่านความเร็วสูงได้นิ่งดี ถ้าเอาไปเปลี่ยนล้อให้ใหญ่ขึ้นก็น่าจะเกาะถนนเพิ่มขึ้น แต่ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองก็จะเปลี่ยนไป Triton Single Cab 4WD Pro AT วิ่งแบบผสม แต่เน้นทำความเร็วทำได้ 11.7 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าขับเรื่อยๆ ทำได้ 12.5 กิโลเมตรต่อลิตร
ฝนปลายฤดูในแถบเขาโจดเปลี่ยนแปลงสภาพทางดินในแถบฝืนป่าตะวันตกให้เขียวชอุ่มและเละเทะมากกว่าเดิม เมื่อลองทดสอบโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยการหักพวงมาลัยเพื่อเข้าสู่เส้นทางออฟโรด ผมต้องเปลี่ยนโหมดการขับเคลื่อนจาก 2 ล้อหลังมาเป็นแบบ 4 ล้อตลอดเวลา (4H/ 4Low) เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของการขับบนผิวถนนที่เป็นดินเปียกชื้นแล้วก็เละเป็นขี้โคลน ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time (Easy Select 4WD) หรือระบบขับเคลื่อนแบบทุกล้อของ Triton Single Cab 4WD Pro AT มีโหมดการขับเคลื่อน 3 รูปแบบให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของเส้นทาง โหมด 4H หรือ 4WD High Range ออกแบบมาให้มีความเหมาะสมสำหรับใช้ในการขับขี่บนถนนปกติ หรือเส้นทางออฟโรดที่มีความเปียกลื่นแบบนี้ เมื่อพบกับสายฝนและสภาพพื้นผิวถนนเปลี่ยนไปในทางที่เลวร้าย ระบบส่งกำลังจะทำการถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อหน้า 50% และล้อหลัง 50% เมื่อขับบนสภาพพื้นผิวถนนที่เปียกชื้น ชุดขับเคลื่อนจะกระจายแรงไปยังล้อทั้ง 4 โดยเฉลี่ยแรงบิดให้เท่ากันทั้งล้อหน้าและล้อหลัง โดย Tosen (Torque Sensitive Type) จะคงประสิทธิภาพของการยึดเกาะเมื่อต้องผจญกับผิวถนนที่เปียกลื่น สวิตช์ในตำแหน่ง 4H 4WD ในระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำงานในแบบ Full Time All Wheel Control การทดกำลังที่เท่ากันทั้งหน้าและหลังของล้อขับเคลื่อนช่วยทำให้การทรงตัวบนทางโคลนลื่นๆ ดีขึ้น แต่ก็ต้องไม่บ้าพลังมากจนเกินงาม ประคับประคองความเร็วไม่ให้สูงจนเกินจากคำว่าพอดี การขับ Triton Single Cab 4WD Pro AT ท่ามกลางสายฝนในป่าดิบชื้นแบบนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายๆ บนความปลอดภัยของตัวรถที่ขึ้นตรงกับสติ และมุมมองการใช้คันเร่งและบังคับทิศทางของคนขับเป็นสำคัญ
4WD LOW Locked Transfer ระบบส่งกำลังจะถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อ โดยมี Center Differential Locked ทำหน้าที่ในการส่งกำลังในอัตราส่วน 50/50 เท่ากันทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ส่วนเกียร์ส่งกำลัง หรือ Transfer Gear Ratio จะทำการเพิ่มอัตราทดให้สูงขึ้น ทำให้กำลังในรูปของแรงบิดมีมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการขับขี่ในสภาพเส้นทางที่ทุรกันดารสุดๆ เช่น ถนนที่มีหล่มโคลน หลุมบ่อ เส้นทางที่เต็มไปด้วยเนินลาดเอียงสูงต่ำไม่เท่ากัน รวมถึงทางที่มีความลาดชันมากๆ ตำแหน่ง 4 LOW ไม่ควรใช้ความเร็วเกินกว่า 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ยางกึ่งเรียบกึ่งลุย Dunlop Grandtrek AT 20 ไซส์ 205R16C 110/108R มีเนื้อยางที่ค่อนข้างนิ่ม ทำให้การขับบนถนนลาดยางให้ความรู้สึกที่นิ่มนวลใช้ได้ ยางติดรถเหมาะกับการวิ่งบนทางราบ หรือใช้ขับลุยทางวิบากเล็กๆ พวกทางลูกรังหรือทางขรุขระที่ไม่มีหล่มโคลนลึกๆ หากอยากจะลุยฝ่าป่าเขาดงดิบลึกๆ ที่มีความโหดของเส้นทางมากกว่าปกติ ยางออฟโรดเต็มรูปแบบดูจะตอบโจทย์ได้มากกว่า ส่วนระบบเบรกหน้าดิสหลังดรัม ประกบทับด้วยชุดเสริมแรงเบรก Brake Assist (BA) และระบบป้องกันล้อล็อก Anti-Lock Braking System (ABS) การใช้เบรกหนักๆ บนเรือนร่างที่สูงโย่งแบบนี้มีการถ่ายเทน้ำหนักที่พอใช้ได้ กดเบรกลงไปลึกๆ หน้ารถมีอาการทิ่มลงไม่มาก รวมถึงอาการซวนเซเสียการทรงตัวก็ไม่ปรากฏให้เห็นเมื่อลองใช้เบรกหนักๆ เพื่อจับอาการของมันหากต้องเบรกกันเต็มเหนี่ยวแบบฉุกเฉิน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญคาบเกี่ยวกับความปลอดภัยของคนในรถซึ่งหมายถึงครอบครัวของคุณเอง ช่วงล่างที่มีการออกแบบจุดยึดแขนโยงใหม่หมดค่อนข้างมั่นคงใช้ได้ การถ่ายเทน้ำหนักในโค้งต้องระวังให้ดี ไม่ควรใส่มาจนล้น หรือขับเร็วมากจนเกินไป ความเร็วที่พอดีกับสภาพของโค้งจะทำให้คุณควบคุมรถได้ดั่งใจ แถมยังปลอดภัยห่างไกลจากอุบัติเหตุ
โดยภาพรวม Triton Single Cab 4WD Pro AT กับราคา 7.4 แสนบาท เป็นกระบะหัวเดี่ยวที่ขับได้ดีพอใช้ มีอุปกรณ์เท่าที่จำเป็นมาให้ ทุกสิ่งของมันเน้นความแข็งแกร่งทนทานเป็นหลัก ความสบายของเบาะนั่งมีให้พอสมควร พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง สูง-ต่ำ และเข้า-ออก อำนวยความสะดวกของท่านั่งได้ดีเนื่องจากเบาะปรับเลื่อนและปรับพนักพิงหลังได้ แต่ปรับยก หรือลดความสูงของเบาะไม่ได้ จอ 10 นิ้ว ใช้งานได้ดี ในวันทดสอบ ลองเข้าเกียร์ถอยหลังดู แต่ไม่มีภาพขึ้นมาที่จอ น่าจะต้องเสียเงินเพิ่มหากอยากได้กล้องมองหลัง ซึ่งจริงๆ แล้ว Mitsubishi ควรใส่กล้องมาด้วยจะดีกว่านี้มาก ห้องโดยสารเก็บเสียงไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะแรงสั่นสะเทือนจากลำโพงที่ทำให้แผงข้างประตูกระพือจนได้ยินอย่างชัดเจน เครื่องยนต์ 184 แรงม้า ประหยัดใช้ได้เลย เพราะในวันทดสอบนั้นใช้ความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องทั้งไปและกลับก็ยังกินแค่ 11.7 กิโลเมตรต่อลิตร เกียร์ออโต้ 6 สปีด ฉลาดใช้ได้ เมื่อเบรกก็ลดเกียร์ให้แบบเชนเกียร์กันเลยทีเดียว ช่วงล่าง ถ้าถนนเรียบๆ อาการโคลงตัวน้อยลงกว่ารุ่นที่ผ่านมา นิ่มสบายพอใช้ได้ เป็นกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถขับลุยทางวิบากได้โดยไม่ต้องไปกลัวว่าจะมีอะไรเสียหาย แค่เปลี่ยนเป็นยาง MT ใช้โหมดขับเคลื่อน 4 Low แล้ววางตำแหน่งรถให้ดีๆ บนทางลื่นๆ ใช้คันเร่งแบบค่อยเป็นค่อยไปก็เอาตัวรอดได้อย่างสบายๆ
หน้าตาที่สดใหม่ เครื่องยนต์มีแรงบิดดี ระบบส่งกำลังที่ฉลาดใช้ได้ มอบความสบายหลังพวงมาลัย และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่อยู่ในเกณฑ์ดีเลยทีเดียว เครื่องยนต์ เกียร์ และช่วงล่างทำงานสอดประสานกัน โดยเฉพาะแรงบิดรอบต่ำที่ให้มาเยอะมากการทรงตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของกระบะยุคใหม่ทั่วไป อุปกรณ์ใน Triton Single Cab 4WD Pro AT ให้มาเพียงพอต่อการใช้งาน เครื่องเสียง รวมถึงลำโพงที่อยู่ในระดับแค่พอฟังได้ ระบบสัมผัสที่หน้าจอสั่งงานได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีระบบนำทางด้วยดาวเทียม ซึ่งต้องใช้งานผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ถือว่าดีพอใช้ ลองไปหาขับทดสอบด้วยตัวเองหากมีความสนใจ สำหรับความคิดเห็นส่วนตัว อยู่ที่การบังคับควบคุมที่ดีของมัน แค่ระวังในเรื่องของความเร็วให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย คุณจะใช้งาน Triton Single Cab 4WD Pro AT และสนุกไปกับฉากลุยโหดได้โดยไม่น้อยหน้าปิกอัพหัวเดี่ยวขับ 4 ของคู่แข่งก็แล้วกัน!
ระบบความปลอดภัยรอบคัน
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล
ระบบจะช่วยควบคุมการหมุนของล้อทั้ง 4 ล้อ อย่างสมดุลในสภาวะถนนลื่นขรุขระ หรือทางลาดชัน เพื่อไม่ให้รถสูญเสียการยึดเกาะถนน
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
ระบบจะช่วยควบคุมการทรงตัวของรถ ในสภาวะที่รถเสียสมดุลเพื่อป้องกันการลื่นไถลออกนอกเส้นทาง เช่น กรณีหลุดโค้งเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ถนนลื่น หรือหักหลบกะทันหัน
ถุงลมคู่หน้าและบริเวณหัวเข่าด้านผู้ขับขี่ DUAL SRS AIRBAG & DRIVER’S KNEE AIRBAG ทํางานร่วมกับระบบเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ ช่วยลดความรุนแรงที่เกิดจากการชนด้านหน้า
ACTIVE LIMITED SLIP DIFFERENTIAL (BRAKE CONTROL TYPE) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี แอคทีฟลิมิเต็ดสลิป (แบบควบคุมด้วยระบบเบรก) ทํางานเมื่อล้อข้างใดข้างหนึ่งเกิดการหมุนฟรี ระบบจะส่งกําลังเบรกไปที่ล้อนั้น เพื่อให้ล้อหยุดหมุนแล้วถ่ายกําลังไปยังล้ออีกข้างให้สามารถขับผ่านอุปสรรค
HILL START ASSIST - HSA ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ช่วยป้องกันรถไหล เมื่อต้องออกตัวบนทางลาดชัน
BRAKE ASSIST - BA ระบบเสริมแรงเบรก จะทำงานทันทีที่เหยียบเบรกกะทันหัน ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้การหยุดรถเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ANTI-LOCK BRAKING SYSTEM - ABS ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก จะทำงานทันทีเมื่อเหยียบเบรกกะทันหัน ช่วยให้คุณหักหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างทันท่วงที
Mitsubishi Triton Single Cab 2.4 Pro AT 4WD
2.4L ดีเซล 4WD Automatic 6-Speed Auto with Sport Mode D4 I/C T/C AS&G (HIGH POWER)
ราคาเริ่มต้น ฿749,000 บาท
คุณสมบัติ
เครื่องยนต์ 2.4 ไฮเปอร์ พาวเวอร์
ปริมาตรกระบอกสูบ 2,442 ซีซี
แบบเครื่องยนต์
4 สูบแถวเรียง ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Easy Select 4WD
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA)
ระบบเสริมแรงเบรก (BA)
ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรก (EBD)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC)
ระบบความคุมการลื่นไถล (TCL)
ไฟหน้ามัลติรีเฟล็กเตอร์ฮาโลเจน
ขอเกี่ยวขอบกระบะด้านนอกตัวถัง (12 ตำแหน่ง)
บลูทูธ
รองรับ Apple CarPlay
รองรับ Android Auto
ช่องชาร์จไฟด้านหน้า USB Type-C Fast Charge 1 ตำแหน่ง และ Type-A 1 ตำแหน่ง
Highlight
ความกว้างตลอดคัน 1,865 มิลลิเมตร
ความยาวตลอดคัน 5,265 มิลลิเมตร
ความสูง 1,765 มิลลิเมตร
ระบบส่งกำลัง
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Easy Select 4WD
อัตราทดเฟืองท้าย : 4.090
ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แบบปีกนกสองชั้น คอยล์สปริงและโช้คอัพ
กันโคลงหน้า
ระบบกันสะเทือนหลัง แบบแหนบแผ่นซ้อน
ดิสก์ระบายความร้อนด้านหน้า
เบรกหลัง ดรัมเบรก
ล้อเหล็กกระทะ ขนาด 16" x 6.0 JJ (Steel Wheel)
ยางอะไหล่ ล้อเหล็กกระทะ ขนาด 16" x 6.0 JJ (Steel Wheel)
ขนาดยางหน้าและหลัง 205R16C
ความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัย บริเวณหัวเข่าด้านคนขับ
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
สวิตช์ตัดการทำงานถุงลมนิรภัยฝั่งผู้โดยสารหน้า
ระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรม
เข็มขัดนิรภัย พร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติ และระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย ด้านผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า
จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX พร้อมที่เกี่ยวเบาะนั่งสำหรับเด็ก ด้านผู้โดยสารด้านหน้า
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA)
ระบบเสริมแรงเบรก (BA)
ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรก (EBD)
ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC)
ระบบความคุมการลื่นไถล (TCL)
ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
ระบบไฟ และการมองเห็น
กระจกบังลมหน้าแบบตัดแสง UV
ที่ปัดน้ำฝน พร้อมระบบหน่วงเวลา 2 จังหวะ
ไฟหน้ามัลติรีเฟล็กเตอร์ฮาโลเจน
ไฟเลี้ยวด้านข้างตัวรถ
ไฟท้าย แบบมาตรฐาน
ไฟห้องโดยสาร แบบมาตรฐาน
ภายนอก
มือเปิดประตูด้านนอก สีดำ
กระจกมองข้างปรับด้วยระบบไฟฟ้า สีดำ
กระจังหน้าสีดำ พร้อมสัญลักษณ์ "MITSUBISHI"
ยางกันโคลนซุ้มล้อหน้าและหลัง
แผ่นกันกระแทกด้านล่าง
ขอเกี่ยวขอบกระบะด้านนอกตัวถัง (12 ตำแหน่ง)
มือเปิดกระบะท้าย แบบก้านโยก
ภายใน
พวงมาลัย ยูรีเทน
สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง
พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง สูง-ต่ำ และเข้า-ออก
ระบบบังคับเลี้ยว : แรคแอนด์พิเนียนพร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรง
หัวเกียร์ ยูรีเทน
ช่องเก็บของด้านบนคอนโซลแบบไม่มีฝาปิด
ที่วางแก้ว บริเวณคอนโซลกลาง (2 ตำแหน่ง)
จอแสดงข้อมูลการขับขี่ แบบมาตรฐาน
ระบบ Auto Stop & Go พร้อมปุ่มปิดการทำงาน
มือเปิดประตูภายในสีดำ
กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงสะท้อน
วัสดุหุ้มเบาะ : ไวนิล
เบาะนั่งแบบแยก
พนักพิงศีรษะแบบปรับระดับได้
กระจกหน้าต่างไฟฟ้า ปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติ เฉพาะด้านผู้ขับขี่ พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
คุณประโยชน์
เซ็นทรัลล็อก
ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อรถมีความเร็ว
กุญแจรีโมตแบบพับเก็บได้
มือจับเหนือศีรษะด้านผู้โดยสารตอนหน้า 1 ตำแหน่ง
มือจับขึ้นลงรถ 2 ตำแหน่งด้านหน้า
แผงบังแดดคู่หน้า
ช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ 1 ตำแหน่ง
ช่องชาร์จไฟด้านหน้า USB Type-C Fast Charge 1 ตำแหน่ง และ Type-A 1 ตำแหน่ง
ระบบปรับอากาศ แบบมาตรฐาน
ระบบเครื่องเสียง แบบหน้าจอสัมผัสรองรับ FM/AM/MP3 ขนาด 10 นิ้ว
ลำโพง 2 ตำแหน่ง
บลูทูธ
รองรับ Apple CarPlay
รองรับ Android Auto
รองรับระบบการเชื่อมต่อภาพและเสียงจากโทรศัพท์ขึ้นหน้าจอ
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/