การปรับปรุงครั้งใหญ่ เรียกได้ว่าทำใหม่แทบจะทั่วทั้งคัน ส่งผลให้ Terra Sport 2023 ดูดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด นี่คือรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวที่ Nissan พยายามชี้แจงว่า มันเป็นยานพาหนะที่พร้อมพาทุกคนไปในทุกเส้นทาง (ถ้าไม่มีโควิดก็น่าจะไปได้แบบนั้นจริงๆ) ภายนอกปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่ เพื่อทำให้ Terra มีแรงดึงดูดมากกว่ารุ่นก่อนปรับโฉม ส่วนงานภายในก็มีการออกแบบใหม่ทั้งหมด ภายในของ Terra Sport ดูเรียบหรูกว่าเดิม แต่ก็ยังคล้ายกับภายในของ Nissan Kicks โดยเฉพาะแผงแดชบอร์ดและโทนสีที่ใช้ในงานตกแต่งห้องโดยสาร การอยู่อาศัยใน Terra Sport มีความสะดวกสบายมากขึ้น เป็นรถอเนกประสงค์ที่ออกแบบมาสำหรับการเดินทางไกล ระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์คุณภาพสูง เสริมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย 360 องศา รุ่นสูงสุด 2.3 VL 4WD 7AT SPORT ราคา 1,555,000 บาท มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในที่ครบครัน ระบบส่งกำลังด้วยชุดขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นชุดส่งกำลังที่มีแรงบิดมากพอ ในการที่จะเอาตัวรอดบนเส้นทางออฟโรด ช่วงล่างที่ปรับปรุงให้สอดรับกับความสบายมากกว่าเดิม เมื่อผมได้ลองขับทดสอบนาน 8 วัน ก็พบว่า Terra Sport ที่ปรับจูนด้วยความตั้งใจจากวิศวกรของ Nissan น่าจะเข้าไปครองใจคนที่กำลังนิยมรถยนต์อเนกประสงค์แนวนี้ไม่มากก็น้อย แล้วมันจะดีแบบที่บอกจริงหรือ?

...

Terra Sport เปลี่ยนดีไซน์กันชนด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อเพิ่มความเฉียบคมและลงตัว แม้จะดูแข็งทื่อเหมือนเดิม แต่ภาพรวมของงานปรับปรุงทำให้หน้าตาของ Terra ดูดีขึ้น ถ้าจะอวยกันตรงๆ ก็ได้ความหมายว่า การลงมือปรับหน้าตาใหม่ของ Terra ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนปรับโฉม ไฟหน้าและกระจังหน้าที่ดูลงตัวขึ้น กระจังที่ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ตามสมัยนิยมใช้พลาสติกสีดำเงาแทนที่งานโครเมียม แนวนอนด้านในกระจัง สอดรับกับเส้นสายที่ต่อเนื่องจากฝากระโปรง แผ่นกันกระแทกด้านล่างที่เป็นสีเงินเปลี่ยนมาเป็นสีดำ สไตล์พีพีวีเอสยูวีที่ประกอบในประเทศไทย จุดเด่นของใบหน้า Terra Sport ก็คือ ไฟหน้า Quad LED 4 ดวง Nissan แจ้งว่า ไฟหน้า LED แบบใหม่ มีประสิทธิภาพการส่องสว่างสูง ตัวโคมไฟดีไซน์ให้เพรียวบาง ควบรวม ไฟ Daytime Running Light แบบใหม่ ไฟตัดหมอก LED ประสิทธิภาพสูง ล้อมรอบด้วยแถบโครเมียม ลดการแพร่ความร้อน เพื่อยืดอายุการใช้งาน 

...

...

...

มิติตัวถัง ยาว 4,890 มิลลิเมตร กว้าง 1,865 มิลลิเมตร สูง 1,865 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร ระยะความสูงใต้ท้องรถ 225 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 เมตร บั้นท้ายสไตล์รถอเนกประสงค์ PPV มีชิ้นส่วนที่ถูกออกแบบใหม่หมดเพื่อความลงตัว ไล่จากสปอยเลอร์บนหลังคา ไปจนถึงชายกันชนด้านล่าง ฝาท้ายเพิ่มความหรูโดยใช้วัสดุโครเมียม ชิ้นส่วนสีเงินเข้ามาตกแต่ง ไฟท้ายลดความสูงลงเล็กน้อย เพิ่มความกว้างมากขึ้น เป็น ไฟ LED แบบ Light Guide เส้นคู่ ไฟเบรกแบบ LED ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว ออกแบบให้สอดคล้องกับดีไซน์ภายนอก ล้อใช้สีทูโทนแบบปัดเงา ยาง Bridgestone Dueler H/T ไซส์ 255/60R18 108H 

อุปกรณ์ตกแต่งใน Terra Sport 2023

· กระจังหน้าสีดำ สปอร์ตพรีเมียม
· ชุดตกแต่งกันชนหน้า และกันชนหลังสีดำเงาสไตล์สปอร์ต
· แผงกันกระแทกด้านหน้าและหลังสีดำ
· ฝาครอบไฟตัดหมอกสีดำ
· กระจกมองข้างสีดำ
· ราวหลังคาสีดำ
· มือจับประตูสีดำ
· คิ้วตกแต่งซุ้มล้อสีดำ และบันไดข้างสีดำ
· เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ
· สปอยเลอร์หลังสีดำ พร้อมคิ้วและแผงประตูท้ายสีดำ
· สัญลักษณ์ Sport ด้านหลัง
ห้องโดยสารภายในตกแต่งโทนสีดำสไตล์สปอร์ตพรีเมียม
เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียงสี่สูบ เทอร์โบคู่ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ

Nissan Terra Sport มีรูปแบบของงานตกแต่งที่เน้นความลงตัวมากกว่า Terra รุ่นมาตรฐาน การบ้านที่ตั้งใจทำของทีมงานตกแต่งภายในก็คือ การเลือกใช้โทนสี รูปแบบของเบาะโดยสาร แต่วัสดุภายในยังใช้พลาสติกเกรดกลางๆ แผงหน้าปัดดีไซน์ใหม่แบบกว้างเต็มพื้นที่ ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ หน้าจอ Display Audio แสดงผลแบบสัมผัสใหม่ขนาด 9 นิ้ว หน้าจอโดยล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีดำทำให้ดูเหมือนจอกลางมีขนาดใหญ่เกินความเป็นจริง! ปุ่มควบคุมต่างๆ ถูกออกแบบใหม่ พร้อมไฟเรืองแสงสีขาว คอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ มีรูปแบบคล้ายกับคอนโซลของ Nissan Kicks แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า Terra Faclift ติดตั้งระบบปรับอากาศด้านหน้าแบบอัตโนมัติ แยกการควบคุมอุณหภูมิตามความต้องการของห้องโดยสารแต่ละด้าน ช่องแอร์ครอบคลุมผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง ผู้โดยสารด้านหลังปรับแรงลมได้อย่างอิสระตามความต้องการ

ห้องโดยสารเน้นโปร่งโล่งกว้างขวาง ออกแบบจุดพับให้สามารถปรับพื้นที่ห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระได้ตามความต้องการ ที่นั่งแถวที่สอง และสาม ปรับรูปแบบได้หลากหลาย เช่นการพับที่นั่งให้ราบเสมอกันเพื่อรองรับการบรรทุกสัมภาระได้เต็มพื้นที่ ที่นั่งแถว 2 มีฟังก์ชัน Auto Tumble Seat ที่คอนโซลกลาง โดยจะพับอัตโนมัติเบาะแถวที่ 2 อัตโนมัติ เมื่อกดปุ่มจากสวิตช์แบบ 1-Touch Remote Fold & Tumble เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงของผู้โดยสารแถวที่ 3 แถวที่นั่งแบบ Theatre Style Seating ไม่บดบังทัศนวิสัยของผู้ขับ

เบาะนั่งแถวที่สามสามารถพับได้แบนราบ เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ เพิ่มฉนวนลดเสียงรบกวนทุกจุดสำคัญของโครงสร้างของรถ เป็นรถรุ่นเดียวในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ PPV ระดับเดียวกันที่มีการติดตั้งกระจกตอนหน้าและประตูคู่หน้าแบบ Acoustic Glass เพื่อลดเสียงรบกวนจากภายนอก

พวงมาลัยสามก้าน ติดตั้งสวิตช์มัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังแท้ รูปทรง D-shape พวงมาลัยมีการปรับอัตราทดใหม่ ตอบสนองต่อการควบคุมได้ดีขึ้น ปุ่มควบคุมการทำงานของรถ ขยายจอแสดงผลให้มีขนาด 7 นิ้ว สามารถปรับตั้งการทำงานของระบบต่างๆ ได้ผ่านปุ่มควบคุมที่พวงมาลัย มีให้เลือกทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เครื่องเสียง Bose

คอนโซลกลางบริเวณซุ้มเกียร์ดีไซน์ใหม่ และเปลี่ยนมาใช้เบรกมือไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น VL 2WD และ VL 4WD) เพิ่มพื้นที่ใช้สอยบริเวณคอนโซลกลาง รวมถึงสามารถเพิ่มพื้นที่ที่วางแขนพร้อมช่องเก็บของที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ฝาประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์ด้านใต้กันชนหลัง (Auto Lift Gate)* เพื่อความสะดวกในการเปิด-ปิด เพียงแค่ยื่นเท้าเข้าหาบริเวณกึ่งกลางของกันชน โดยไม่ต้องสัมผัสสวิตช์ที่ประตู และมีระบบป้องกันการหนีบเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน

ระบบเสียงรอบทิศทางจาก Bose Premium Audio System (ในรุ่น VL) ซึ่งนิสสันร่วมกับ Bose ออกแบบการจัดวางลำโพงทั้ง 8 ตำแหน่ง และแอมพลิฟายเออร์ ให้เสียงคุณภาพสูงทำให้ทุกคนในห้องโดยสารเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง ครั้งแรกกับเทคโนโลยีชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger) ให้กำลังการชาร์จไฟสูง 15 วัตต์ ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลหน้า เพียงแค่วางสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ที่รองรับก็สามารถชาร์จได้ทันที พร้อมไฟแสดงสถานะการชาร์จตลอดเวลา หมดปัญหาเรื่องพกพาสายชาร์จ หรือช่องชาร์จแบบ USB ไม่เพียงพออีกต่อไป

Terra Sport ติดตั้ง Intelligent Rear View Mirror กล้องความละเอียดสูงที่กระจกบานหลัง ให้มุมมองด้านความปลอดภัยตลอดการขับขี่ เสริมทัศนวิสัยที่ดีขึ้นในทุกสภาพอากาศ สามารถปรับมุมมองได้ตามความต้องการของผู้ขับ เพิ่มความชัดเจนแม้มีผู้โดยสารตอนหลัง หรือ สัมภาระขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังให้มุมมองที่กว้างกว่ากระจกมองหลังทั่วไป ให้ความชัดเจนแม้ในขณะฝนตกหนัก หรือแม้กระทั่งรถที่ติดฟิล์มมืดสนิทกว่าปกติ

การเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย (Wireless Apple CarPlay) เพิ่มความสะดวกอย่างปลอดภัยตลอดการขับขี่ สามารถใช้งาน Apple CarPlay ผ่านบลูทูธได้โดยไม่จำเป็นต้องต่อสายชาร์จอีกต่อไป ให้อิสระสำหรับผู้โดยสาร ไม่ว่าจะนั่งอยู่ตำแหน่งใดก็ใช้งานได้โดยไม่ต้องวางโทรศัพท์ไว้ด้านหน้า ใช้งานแอปพลิเคชันและเข้าถึงความบันเทิงต่างๆ ในโทรศัพท์ผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว NissanConnect เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับ Apple CarPlay และ Android Auto รองรับการใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์ ผ่านหน้าจอสัมผัสระบบเครื่องเสียง Display Audio ใหม่ขนาด 9 นิ้ว ลดแสงสะท้อนของหน้าจอ หน้าจอแบบใหม่ความละเอียดสูงกว่าเดิม ระดับ WXGA (1024x768) ระบบนำทาง (Navigation System) และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition)

จอมอนิเตอร์ดูหนังขนาดใหญ่ 11 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สามารถสตรีมมิงช่องโปรด เช่น NetFlix และ YouTube ผ่านช่อง HDMI ได้อย่างง่ายดาย พร้อมช่องชาร์จไฟที่ช่วยให้ความบันเทิงไม่มีสะดุดตลอดการเดินทาง Terra รุ่นปรับโฉม มีช่องชาร์จ USB สำหรับผู้โดยสารแถวที่สาม เมื่อมองดูที่จุดชาร์จอุปกรณ์มือถือทั้งคัน มี USB-A 3 จุด และUSB-C 2 จุด รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ และการชาร์จแบตเตอรี่

Nissan Terra Sport เครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 1,500 รอบต่อนาที เนื่องจากการทำงานของเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบนี้ ถูกปรับให้มีแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานลดลง เสียงรบกวนที่เข้ามาในห้องโดยสารก็ลดลงจากมาตรการติดตั้งวัสดุซับเสียง ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด (M mode) รองรับน้ำมันดีเซลทุกชนิดทั้ง B7, B10 และ B20 และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 20,000 กิโลเมตร

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ Nissan Terra Sport
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 (4WD) เปลี่ยนจากการขับขี่แบบสองล้อ หรือ two-wheel drive (2H) เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ four-wheel drive ได้ทั้ง 4H และ 4L ผ่าน Rotor Switch ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง พร้อม ฟังก์ชัน shift-on-the-fly ปรับเปลี่ยนได้ขณะขับขี่ จาก 2H เป็น 4H ขณะรถวิ่งไม่เกิน 100 กม./ชม. โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบความเร็วต่ำ low range four-wheel drive หรือ 4LO สำหรับการขับขี่บนพื้นที่ทุรกันดาร เช่น ทราย โคลน ลุยน้ำ ปีนขึ้นที่สูงชัน หรือลงในเส้นทางลาดชัน มาพร้อมระบบ Electronic Locking Rear Differential (Diff-Lock) ช่วยกระจายกำลังไปยังล้อหลังทั้ง 2 ข้างเพื่อเสริมกำลังฉุดให้ขับออกจากหล่มหรือในสถานการณ์ที่ต้องการแรงบิดสูงในโหมด 4L

ระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) ระบบจะส่งแรงไปยังล้อที่ลื่นไถลให้การออกตัวที่ลื่น พร้อมกระจายแรงขับขี่ไปที่ล้อแต่ละข้างเมื่อขับขี่ในโหมด 4H

Terra รุ่นปรับปรุง มีการเสริมยางกันกระแทกที่ติดตั้งระหว่างตัวถัง และแชสซีส์ 10 จุด ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ 5 ลิงก์ (5-Link) พร้อมคอยล์สปริง ลดการสะเทือน และช่วยให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนเต็มพื้นที่ ระบบเบรกใหม่ ดิสก์เบรกหน้า และ หลัง พร้อมครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ ปรับปรุงอัตราทดพวงมาลัยให้ตอบสนองได้ไวขึ้น มีระยะการหมุนที่ลดลง ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ทั้งในความเร็วต่ำ การเปลี่ยนช่องทาง หรือเข้าโค้ง

Nissan Terra Sport 2.3 VL 4WD 7AT ราคา 1,499,000 บาท กับการซึมซับรับรู้สัมผัสของ Terra ใหม่รุ่น Sport ได้ด้วยการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับรถนาน 8 วัน ทั้งการขับในเมืองและขับทดสอบทางไกล การขับของ Terra Sport ถามว่าดีขึ้นมั้ย ก็ตอบว่า ดีขึ้นบางจุด เช่น พวงมาลัยเพาเวอร์สายพานที่ปรับน้ำหนักให้เบามือลงเล็กน้อย เพิ่มเติมความแม่นยำด้วยระยะการหมุนที่กระชับ ทำให้ชุดบังคับเลี้ยวของ Terra ตอบสนองต่อการควบคุมทิศทาง การเลี้ยว และการถอยจอดได้ดี นักเลง PPV ส่วนใหญ่ ยังคงชอบพวงมาลัยไฟฟ้า ซึ่งก็มีอยู่แค่รุ่นเดียวในรถ PPV ของ Ford นั่นก็คือ Everest ส่วน Fortuner / MU-X / Pajero Sport และ Terra ยังคงใช้พวงมาลัยเพาเวอร์สายพานเหมือนกับตัวกระบะ ถามว่า พวงมาลัยไฟฟ้าดีกว่าตรงไหน ก็ขอบตอบแบบตรงๆ ว่า มันควบคุมน้ำหนักของพวงมาลัยแปรผันไปตามความเร็ว ขับช้าๆ ก็เบาสบายข้อมือ ขับเร็วขึ้น น้ำหนักของพวงมาลัยก็จะเพิ่มมากขึ้นตามความเร็วที่ใช้เพื่อทำให้การควบคุมในย่านความเร็วสูงมีความมั่นคงจากน้ำหนักที่ถูกหน่วงโดยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กในปั๊มเพาเวอร์ ซึ่งเชื่อมต่อด้วยเซนเซอร์ที่คอยตรวจจับความเร็วในขณะที่ขับเคลื่อน ซึ่งผกผันขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา 

ความโปร่งโล่งของห้องโดยสาร Terra Sport มีเบาะที่นั่งสบาย เบาะแถวสามมีพื้นที่วางขาพอสมควร เก็บเสียงดีขึ้น การทำงานของระบบรองรับที่ส่งถ่ายความนิ่มนวลได้ดีพอใช้เมื่อเทียบกับรถ PPV คู่แข่ง ผมไม่มีโอกาสได้ลองขับเข้าโค้งบนเส้นทางภูเขา เพื่อจับอาการของโช้คและสปริงใน Terra ใหม่ การวิ่งด้วยความเร็วต่ำในเมือง รถมีอาการโคลงตัวไม่มาก ส่วนความนุ่มนวลที่เกิดจากการปรับตั้งช่วงล่างใหม่ ทั้งค่า K ของชุดสปริง และค่ายืดหรือยุบของโช้คอัพที่ถูกปรับใหม่ทั้งหมด ส่งผลให้ Terra รุ่นปรับโฉม มีการขับที่นวลเนียนขึ้น อาการกระด้างของ Terra รุ่นก่อนปรับโฉมลดลงไปพอสมควร และเมื่อนำไปวิ่งบนทางวิบากออฟโรด ช่วงล่างและสปริง ที่ปรับมาใหม่ก็น่าจะทำให้รู้สึกสบายมากกว่าเดิม ไว้ยืมรถมายาวๆ การขับบนผิวถนนที่ขรุขระน่าจะจับอาการของ Terra ใหม่ ได้ดีกว่าวิ่งทดสอบอยู่แค่ในกรุงเทพมหานคร

พวงมาลัยช่วงล่างที่ปรับมาให้ดีกว่าเดิมทำให้ Dynamic ของรถดีขึ้น บวกกับความอเนกประสงค์ของห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง ที่ตกแต่งมาให้ใหม่ทั้งหมด ทำให้ Terra ใหม่นั้นดูดีขึ้น เป็นความตั้งใจของคนใน Nissan ที่ต้องการเอาชนะรถคู่แข่ง ด้วยอุปกรณ์ที่เหนือกว่า ในราคาที่ถูกกว่า รถคันทดสอบสีแดง และมีภายในที่ใช้โทนสีดำสลับสีแดง เพื่อเพิ่มความหรูหราน่าใช้งาน เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ส่วนเบาะคนนั่ง ยังใช้เบาะปรับมือเหมือนเดิม ถ้าเป็นไฟฟ้าคู่หน้ามาจากโรงงานก็จะดีกว่านี้มากใน Terra รุ่นท็อปสุด ซึ่งเบาะหน้านั้น ควรจะเป็นไฟฟ้าทั้งหมดได้แล้ว เบาะตัดเย็บอย่างสวยงาม เดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง แดชบอร์ดคอนโซลแบบใหม่ สีทูโทน หุ้มไวนิลสีแดงบริเวณกึ่งกลางของคอนโซล ส่วนหน้าจอมอนิเตอร์ขนาด 11 นิ้ว มีกรอบพลาสติกสีดำเงาขนาดใหญ่หุ้มจอภาพเพื่อทำให้ดูเหมือนจอนั้นมีขนาดที่ใหญ่ผิดปกติ ชุดปรับอุณหภูมิดิจิทัลแบบแยกโซนทำออกมาดูหรูหราใช้ได้ ส่วนซุ้มคันเกียร์ก็อุดมไปด้วยพลาสติกเกรดกลาง ที่มีทั้งสีเงิน และสีดำเงา หัวเกียร์พลาสติกหุ้มไวนิลจับถนัดมือใช้ได้ เมื่อผลักคันเกียร์ไปทางซ้าย เกียร์ออโต้ 7 สปีด ก็จะเข้าสู่โหมดเกียร์แมนนวล โดยใช้การโยกคันเกียร์ ขึ้น-ลง เพื่อ ลด หรือเพิ่ม อัตราทดด้วยตัวคนขับเอง Terra ใหม่ ยังมีปุ่มเบรกมือไฟฟ้า ปุ่มใช้งานเมื่อขับขึ้น-ลง ทางลาดชัน ในระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) ปุ่มสองตำแหน่งที่อยู่บนสุดก็คือ ปุ่มพับเบาะแบบ one touch ของเบาะหลัง มีเอาไว้กดสั่งพับเบาะแถวสองทั้งสองฝั่ง เผื่อคนแถว 3 ลงจากรถได้ง่ายขึ้น ตอนแรกเห็นปุ่มนี้ก็งงและไม่กล้ากดอยู่เหมือนกัน เพราะไม่แน่ใจว่ามันคือปุ่มอะไร ส่วนปุ่มซ้ายมือด้านล่าง นั่นก็คือปุ่ม diff lock สั่งล็อกล้อหลังเมื่อลุยทางโหดนั่นเอง

ช่วงล่างด้านหน้าแบบดับเบิ้ลวิชโบนปีกนกคู่ คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังแบบหลังคอยล์สปริงแบบ Five-link สำหรับ Terra มีการออกแบบเพลาขับเคลื่อนให้มีความแข็งแรงมากเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มความคงทน โดยเฉพาะเพลาขับล้อหลัง ส่วนระบบห้ามล้อด้านหน้าเป็นแบบดิสเบรกพร้อมครีบระบายความร้อนให้กับจานเบรก ส่วนเบรกหลังยังคงยัดดรัมเบรกมาให้ (อีกแล้ว) ระบบบังคับเลี้ยวยังใช้พวงมาลัยพาวเวอร์สายพานต่อเชื่อมกับพูเล่ย์จุดหมุนของเครื่องยนต์เพื่อส่งไปยังปั๊มไฮดรอลิก รัศมีวงเลี้ยว 5.7 เมตร

บนทางลาดยางขึ้น-ลงเนินเขาแถวกาญจนบุรี เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบกับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมตำแหน่งแมนนวลโหมด Triptronic +/- สำหรับการชิฟอัตราทดด้วยตัวของผู้ขับขี่เองโดยไม่มีแป้น Paddle Shift เหมือนรถคู่แข่งอย่าง Toyota Fortuner และ Mitsubishi Pajero Sport ระบบเกียร์ของ Nissan Terra คือระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติที่มีการพัฒนาอย่างเข้มข้นในด้านซอฟต์แวร์ ช่วยให้การทดกำลังในทุกย่านของรอบเครื่องยนต์ไหลลื่นไม่มีอาการกระตุกกระชาก ความแข็งแกร่งของโครงสร้างเกียร์ขับสี่ล้อกับชิ้นส่วนภายในพวกเฟืองและช่องทางของเหลวที่ใช้หล่อลื่นเหมาะสมกับการใช้งานทั้งทางเรียบและบนพื้นที่ทุรกันดาร

เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด มีการออกแบบการทำงานในด้านของอัตราทดให้เหมาะสมกับย่านความเร็วของรอบเครื่องยนต์ ในโหมดแมนนวลที่ผู้ขับขี่ต้องการจะชิฟเกียร์เอง ผมลองใช้งานด้วยการโยกคันเกียร์ออโต้ไปทางด้านซ้าย เมื่อดันเข้ามาหาตัวเกียร์จะลดตำแหน่งลงทันที 1 ตำแหน่ง การตอบสนองต่อการชิฟเกียร์เมื่อต้องขับอยู่บนเส้นทางที่มีความคดเคี้ยวบนภูเขา มีประสิทธิภาพที่ใช้ได้ เกียร์ 2-3 มีแรงบิดมากพอสำหรับการฉุดลากตัวถังหนัก 2 ตันของ Terra ส่วนเกียร์ 7 ที่เป็นเกียร์สุดท้ายก็ออกแบบมาให้เป็นเกียร์ที่ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ในย่านความเร็วเดินทางเพื่อความประหยัดน้ำมันอัตราสิ้นเปลือง ช่วงขับทดสอบบนเขาโจด ซึ่งเป็นเส้นทางภูเขาสูงชันที่วัดอัตราสิ้นเปลืองอะไรไม่ได้ เพราะเป็นการขับทดสอบที่เน้นรีดพลังจากเครื่องยนต์เป็นหลัก แต่ทางเรียบๆ วิ่งด้วยความเร็วเดินทาง 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทำได้ 10.8 -11.5 กิโลเมตรต่อลิตร 

ระบบรองรับ หรือช่วงล่างของ Nissan Terra Sport ด้านหน้าใช้แบบอิสระปีกนกสองชั้นบวกกับคอยล์สปริงและโช้คอัพแก๊สที่ได้รับการปรับปรุงค่าการยืดและการยุบตัวเพื่อทำให้เกิดความมั่นคงพร้อมกับความนุ่มนวล จุดยึดที่มีการปรับแต่งใหม่ทำให้ช่วงล่างด้านหน้าหนึบแน่นขึ้น ส่วนระบบรองรับด้านหลังนั้นเป็นคอยล์สปริงแบบ 5 Link Suspension รองรับภารกรรมของการบรรทุกทั้งผู้โดยสารและสัมภาระเต็มพิกัดได้ดี ขับออกทางไกลได้สบายเนื้อสบายตัว นั่งสบายขับได้ทั้งวัน ในจุดนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร

Terra Sport รุ่น 2.3 VL 4WD 7AT มีแทบจะทุกอย่างที่คุณอยากได้ โดยตัดระบบที่มีความสลับซับซ้อนออกไปเพื่อความคงทนสมบุกสมบัน เหมาะสมกับความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ของครอบครัวเอาไว้เดินทางท่องเที่ยวในวันหยุด หากไม่ติที่หน้าตาก็ถือว่ามีความน่าใช้อยู่เหมือนกัน มันเป็นยานพาหนะของครอบครัวที่ชอบเดินทางไม่ว่าจะไปทำงานหรือท่องเที่ยว เครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร ความจุมากกว่า 1.9 DDi Turbo ของ Isuzu นิดเดียวแต่มีศักยภาพพอตัวในด้านของกำลังฉุดลาก 450 นิวตันเมตร เกียร์ออโต้ 7 สปีดไหลลื่น เปลี่ยนเกียร์ไวเมื่อชิฟเกียร์ด้วยตัวเองในโหมดแมนนวล เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด มีประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบรองรับออกแบบมาเพื่อการจัดการกับสภาพทางที่มีความยากลำบาก มันสามารถปีนป่ายไต่เนินเขา ตะกายกองหินลอยหรือวิ่งลุยหล่มโคลนด้วยขนาดของความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 225 มิลลิเมตร การขนสัมภาระสิ่งของชิ้นโตเมื่อพับเบาะแถวที่ 3 ซึ่งไม่ค่อยได้ใช้งานก็สามารถขนของได้อย่างจุใจ

360° Safety Shield ระบบความปลอดภัย (360° Safety Shield Technology) เทคโนโลยีความปลอดภัยของ Terra รุ่นปรับโฉม กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ทำงานทันทีที่เริ่มขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้มองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน กล้องทุกตัวจะจับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และแสดงผลเป็นภาพมุมสูงแบบ Bird’s-eye View ผ่าน หน้าจอเครื่องเสียงกลางคอนโซลขนาด 9 นิ้ว ทำงานร่วมกับระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ทำหน้าที่ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคลหรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ โดยจะปรากฏบนหน้าจอกลางคอนโซล สำหรับ นิสสัน เทอร์ร่า รุ่น 4WD เพิ่มระบบ Off-Road Mode เมื่อเปิดระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ช่วยเพิ่มมุมมองรอบตัวรถขณะขับออฟโรด รวมถึงการทำงานร่วมกับ Parking Sonar ที่ติดตั้งเซนเซอร์ที่กันชนหน้า 4 จุด และกันชนหลัง 4 จุด เมื่ออยู่ในเกียร์ D และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 10 km/h ทันทีที่เซนเซอร์ตรวจพบวัตถุ จะส่งเสียงเตือนและระบบ IAVM จะแสดงภาพโดยอัตโนมัติที่หน้าจอแสดงผลส่วนกลาง

โจทย์ของ Nissan ที่จะต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข หลายเรื่องหลายปัญหาในองค์กรที่ส่งผลต่อการบริหารงาน โดยเฉพาะการเลือกรุ่นรถที่จะเข้ามาขายในไทย  น่าจะเลือกให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าไทย ดีไซน์ก็มีความสำคัญในการเอาชนะรถคู่แข่ง รถที่สวยงามน่าขับและขับได้ดี จะมีแรงดึงดูดมากกว่ารถที่ขับได้ดีแต่มีความลงตัวในด้านรูปลักษณ์น้อยกว่ารถคู่แข่ง งานออกแบบที่ดีจะช่วยทำให้รถขายได้ดีขึ้น การขับของ Nissan Terra Sport ไม่ได้เป็นรองเบอร์หนึ่งในกลุ่ม PPV อย่าง Fortuner มากนัก และ Terra รุ่นสูงสุด ราคา 1.5 ล้านบาท ก็มีอุปกรณ์มากกว่า แถมราคายังถูกกว่า MU-X อย่างเห็นได้ชัด แต่บางอย่างของ Terra ที่ยังไม่โดนใจคนไทย ก็เลยต้องมีรุ่น Sport ตามออกมา เพื่อทำให้สามารถขายได้ โดยภาพรวม Terra เป็น PPV ที่ขับได้โอเคเลย มีบางจุดดีกว่ารถคู่แข่ง แต่ไม่สามารถไต่อันดับยอดขายให้แซงหน้า Everest หรือแม้แต่ Pajero Sport ซึ่งกลายเป็นการบ้านที่คนของ Nissan จะต้องกลับไปหาทางแก้ไข ว่าทำอย่างไร ถึงจะให้รถเข้าไปอยู่ในใจคนไทย เมื่อคิดจะเลือก PPV กลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ไม่ได้ทำกันง่ายๆ แค่ปีสองปี.

ระบบความปลอดภัย

ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชน (Intelligent Forward Collision Warning - IFCW) ระบบจะส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด หากพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า เมื่อเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป ระบบสามารถตรวจจับได้ถึงรถคันที่สองที่อยู่ต่อจากคันหน้า

ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Braking – IEB)
เมื่อตรวจพบว่ารถกำลังออกนอกช่องทางขับขี่ และเสี่ยงต่ออุบัติเหตุจากด้านข้าง โดยที่ไม่ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ระบบจะส่งสัญญาณเสียงและไฟที่หน้าปัด เพื่อเตือนให้รู้ว่ารถกำลังออกนอกช่องทาง

ระบบเตือนผู้ขับเมื่อรู้สึกถึงการขาดสมาธิหรือเหนื่อยล้า (Intelligent Driver Alertness - IDA) ระบบนี้จะส่งเสียงพร้อมข้อความเตือนบนหน้าจอ เพื่อให้ผู้ขับจอดพัก หากตรวจพบลักษณะการขับขี่ที่แสดงถึงการขาดสมาธิ หรือเหนื่อยล้า

นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยแบบ Passive Safety เช่น
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC)

ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ป้องกันไม่ให้รถไหลขณะออกตัว ขณะที่ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ป้องกันไม่ให้รถไถลเมื่อขับลงทางลาดชันสูง โดยใช้กำลังเครื่องยนต์ช่วยหน่วงความเร็วและไม่ต้องเหยียบเบรกช่วย

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control (TCS)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัจฉริยะ Vehicle Dynamic Control (VDC) TCS พ่วง VDC ที่ช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัวของรถขณะหักหลบกะทันหัน

ระบบเบรก ABS, EBD และ B-LSD
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System – ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (Electric Brake Force Distribution System – EBD) ระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) ไฟเบรกดวงที่สามพร้อมไฟ LED


ถุงลม SRS คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง เพื่อช่วยลดความรุนแรงที่เกิดจากการชนทั้งด้านหน้าและด้านข้างให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts) เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า ELR แบบสามจุด ELR ดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ ปรับระดับได้ตามขนาดร่างกายของผู้โดยสารแต่ละคน เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลัง ELR แบบสามจุดสามตำแหน่งที่นั่ง จุดยึดเบาะที่นั่งเด็กแบบ ISOFIX

โครงสร้างนิรภัย (BODY REINFORCEMENT)

Nissan Terra Facelift 2021 มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ได้แก่:
• 2.3 E 2WD 7AT ราคา 1,199,000 บาท
• 2.3 VL 2WD 7AT ราคา 1,449,000 บาท
• 2.3 VL 4WD 7AT ราคา 1,519,000 บาท

รถคันทดสอบ 2.3 VL 4WD 7AT SPORT ราคา 1,555,000 บาท

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สีได้แก่
สีขาว ไวท์ เพิร์ล (White Pearl)
สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver)
สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star)
สีเทา ทไวไลท์ เกรย์ (Twilight Gray)

เครื่องยนต์

ปริมาตรกระบอกสูบ 2,298 ซีซี.
แบบ ดีเซล 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบคู่อินเตอร์คูลเลอร์
แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 - 2,500 รอบต่อนาที
กำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที
มาตรฐานไอเสีย Euro4
เกียร์ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล
ระบบเกียร์ เกียร์อัตโนมัติ
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง ไดเรกอินเจคชั่น
ความกว้างกระบอกสูบ 85.0 มิลลิเมตร x ระยะชัก 101.3 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 15.4 : 1
ความจุถังน้ำมัน 78 ลิตร

ขนาดและน้ำหนัก
ความสูงทั้งหมด 1,865 มิลลิเมตร
ความยาวทั้งหมด 4,890 มิลลิเมตร
ความกว้างทั้งหมด 1,865 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร
ระยะห่างระหว่างล้อ คู่หน้า 1,565 มิลลิเมตร / คู่หลัง 1,570 มิลลิเมตร
ความสูงใต้ท้องรถ 225 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถ 2,150 กิโลกรัม

ระบบกันสะเทือน
หน้า อิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง
หลัง แบบ 5 ลิ้งค์คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรก
หน้า ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน
หลัง ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน

ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ แร็ค แอนด์ พิเนียน
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 เมตร

WHEELS AND TIRES
ล้อ ล้ออัลลอย 18"
ยาง 255/60 R18
ยางอะไหล่ ล้ออัลลอย 255/60R18
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) พร้อม Shift-on-the-fly

อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก

กระจังหน้าสีดำ
กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถและชุดตกแต่งสีดำสไตล์สปอร์ต
กันชนหลังสีเดียวกับตัวรถพร้อมชุดตกแต่งสีดำสไตล์สปอร์ต
แผงกันกระแทกด้านหน้าและหลังสีดำ
สปอยเลอร์หลังสีดำ
ราวหลังคาสีดำ
ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED พร้อมฝาครอบสีดำสไตล์สปอร์ต
กระจกมองข้างขนาดใหญ่สีดำ ปรับและพับเก็บไฟฟ้าอัตโนมัติ พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED
มือจับประตูด้านนอกแบบ Grip Type สีดำ
คิ้วประตูท้ายสีดำ
คิ้วตกแต่งซุ้มล้อสีดำ
บันไดข้างสีดำ
เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ

อุปกรณ์มาตรฐานภายใน

ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 12V 3 จุด
อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และแถวที่ 3
ช่องเก็บขวดน้ำที่แผงประตูแถวที่1 และแถวที่ 2 และด้านข้างแถวที่ 3
ระบบเครื่องเสียงและการเชื่อมต่อ NissanConnect หน้าจอสัมผัส 9 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay® / Android Auto®*
ช่องต่ออุปกรณ์สำหรับจอภาพด้านหน้า USB / i-Pod®
ช่องจ่ายไฟแบบ USB Type A 2 ตำแหน่ง Type C 1 ตำแหน่ง
ระบบนำทาง
ลำโพง 8 ตำแหน่ง
ระบบเครื่องเสียง Bose® Premium Audio System
จอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ช่องต่ออุปกรณ์สำหรับจอภาพด้านหลัง HDMI
ชุดอุปกรณ์เชื่อมต่อ Smart TV**
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกซ้าย-ขวา และระบบควบคุมความเร็วพัดลมเบาะตอนหลัง
พวงมาลัยพาวเวอร์ปรับระดับได้ชนิดหุ้มหนัง 3 ก้าน พร้อมตกแต่งสีเงินปุ่มควบคุมเครื่องเสียงการสั่งงานด้วยเสียง
หัวเกียร์หุ้มหนัง
ระบบเบรกมือแบบไฟฟ้า
มาตรวัดแบบเรืองแสง
มาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT 7 นิ้ว และ Off road meter
รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth®
นาฬิกาดิจิตอล
กระจกไฟฟ้าปรับขึ้น-ลง แบบอัตโนมัติพร้อมระบบป้องกันการหนีบเฉพาะด้านผู้ขับขี่
เซ็นทรัลล็อกและระบบล็อกประตูอัตโนมัติตามความเร็วรถ
วัสดุหุ้มแผงประตูหนังแท้และวัสดุสังเคราะห์
เบาะนั่งแถวที่1 ฝั่งผู้ขับขี่ ปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมที่ดันหลังปรับไฟฟ้า
เบาะนั่งแถวที่1 ฝั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง
เบาะนั่งแถวที่2 แบบแยก 60:40 เลื่อนตำแหน่งหน้า-หลัง, ปรับเอนได้, พับเบาะได้จากตำแหน่งคนขับ
เบาะนั่งแถวที่3 แบบแยก 50:50 ปรับแบนราบกับพื้นห้องโดยสารได้
แผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าด้านผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ไฟส่องสว่างในห้องผู้โดยสารแบบ LED พร้อมไฟอ่านแผนที่
ช่องเก็บแว่นกันแดด
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
ระบบ Push Start
พรมปูพื้นรถยนต์

อุปกรณ์ความปลอดภัย

ระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA
ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า
ถุงลม 6 จุด คู่หน้า / ด้านข้าง / และม่านถุงลมนิรภัย
ระบบลิมิเต็ดสลิป B-LSD
เทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control (VDC)
แผงลวดไล่ฝ้ากระจกหลัง
ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
เข็มขัดนิรภัยเบาะนั่งแถวที่1 ELR 3 จุด 2 ตำแหน่งปรับระดับได้ พร้อมระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ และระบบแจ้งเตือนเพื่อรัดเข็มขัดนิรภัย
เข็มขัดนิรภัยเบาะนั่งแถวที่2 ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง
เข็มขัดนิรภัยเบาะนั่งแถวที่3 ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX
ระบบกุญแจอัจฉริยะ
ระบบกุญแจ Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย
กล้องมองหลัง
สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า 4 จุด และด้านหลัง 4 จุด
ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง
โครงสร้างนิรภัย Zone Body
คานกันกระแทกด้านข้าง
พวงมาลัยแบบยุบตัวได้ เมื่อเกิดการชนด้านหน้า
ระบบตัดวาล์วน้ำมันเชื้อเพลิงอัตโนมัติ ในกรณีรถพลิกคว่ำ

ระบบการขับขี่อัจฉริยะ

ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)
กล้องมองภาพรอบทิศทาง (IAVM) พร้อมระบบ Off-Road Monitor
ระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (MOD)
ระบบการเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชน (IFCW)
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (IEB)
ระบบเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (IDA)
ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (LDW)
ระบบเตือนรถในมุมอับสายตา (BSW)
ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (RCTA)
ระบบกระจกมองหลังอัจฉริยะ (IRVM)

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/