สี่ปีหลังจากเปิดตัวในปี 2019 BMW ได้อัปเกรด X7 อีกครั้ง ในรูปแบบ life cycle impulse สำหรับปี 2023 นี่คือการรีเฟรชรถผู้บริหารระดับสูง คล้ายกับชายหรือหญิงวัยกลางคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความทันสมัย เป็นการปรับเปลี่ยนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเกือบทุกรุ่นและซีรีส์ของ BMW จะต้องเป็นแบบนั้น X7 LCI เป็นหนึ่งใน BMW ที่ถูกปรับให้ลงตัวมากกว่าเดิม เนื่องจากมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรถเอสยูวีพลังไฟฟ้าสุดหรูของจีนที่เริ่มเล็งแผนเข้ามารุกตลาดยุโรปด้วยราคาถูกแสนถูก X7 สร้างกระแสความฮือฮา เมื่อครั้งที่เปิดตัวด้วยกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่ยักษ์ เป็นชุดกระจังที่ใหญ่สุดๆ เท่าที่เคยมีมาในรถ BMW กระจังขนาดมโหฬารทำให้ลูกค้าเก่าหลายคนแสดงความไม่พอใจและผิดหวังอย่างรุนแรง แต่ BMW ก็โชว์ให้เห็นอย่างรวดเร็วว่าลูกค้าต้องการแบบนั้นจริงๆ หลายปีหลังจากนั้น รายงานตัวเลขยอดขายของ BMW ได้พิสูจน์แล้วว่า แนวคิดกระจังใหญ่ใน X7 นั้นถูกต้อง รถ X7 ที่ผลิตในโรงงาน Spartanburg สหรัฐอเมริกา กลายเป็นหนึ่งในโมเดลที่มียอดขายสูงสุด ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เอสยูวีตระกูล X ที่จำหน่ายในอเมริกา!

...





รูปลักษณ์ที่แปลกตาของ X7 LCI 2023 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนปรับโฉม ไฟหน้าแบบสองชั้นกับเทคโนโลยีใหม่ของระบบอินโฟเทนเมนท์ X7 LCI ปี 2023 รถ BMW Sports Activity Vehicle (SAV) ที่มีขนาดตัวถังใหญ่สุดกับการปรับปรุงองคาพยพให้ดีกว่าเดิม ความพิเศษด้านการใช้งาน ความเป็นเลิศด้านไดนามิก ห้องโดยสารกว้างขวาง ตกแต่งอย่างหรูหรา และความอเนกประสงค์ของเบาะโดยสารแบบ 6 ที่นั่ง X7 LCI พัฒนาจนเป็นรถ BMW SAV ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว การปรับแต่งใหม่ทั้งภายนอกและภายใน ส่วนหน้าที่สะดุดตากับไฟหน้าแบบสองชั้นคล้ายกับ New Series-7 อุปกรณ์ตกแต่ง M Sport ล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบา ขนาด 23 นิ้ว ระบบควบคุมและรักษาเสถียรภาพเวอร์ชันล่าสุด ระบบ BMW Curved Display และ BMW iDrive 8 ยักษ์ใหญ่อย่าง X7 LCI ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานที่หลากหลาย ทั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับ และเทคโนโลยี Mild Hybrid 48V สำหรับเครื่องยนต์แถวเรียงหกสูบดีเซล
...



...



...


ถ้าอยากได้อะไรที่ใหญ่ Volvo XC90 มีราคาถูกกว่ามาก ในการเป็นเจ้าของรถอเนกประสงค์ตัวถังฟูลไซส์ ส่วน Land Rover Discovery ที่เล็กกว่า ก็เป็นรถเอสยูวีที่สมบุกสมบันและมีความสามารถมากกว่า แต่การผสมผสานระหว่างคุณภาพ ความหรูหรา อุปกรณ์ไฮเทค และความประณีตของ BMW X7 LCI บวกขนาดที่ใหญ่โต กินขาดในเรื่องของความสะดวกสบาย ด้วยเบาะโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง เบาะแถวกลางสองที่นั่งและแถวหลังอีกสองที่ มีพื้นที่ว่างตรงกลางซึ่งทำให้รู้สึกไม่อึดอัด กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของบรรดามหาเศรษฐี X7 LCI ในประเทศไทย เป็นรถ 6 ที่นั่งขนาดใหญ่อยู่ในกลุ่มเดียวกับ Range Rover SV, Audi Q7, Volvo XC90, Porsche Cayenne, Bentley Bentayga, Lexus New LX, Mercedes-Benz GLS หลังจากผ่านการปรับปรุงด้วยเวอร์ชัน LCI ในปี 2565 X7 ใหม่ ได้รับการออกแบบที่ลงตัวมากขึ้น พร้อมงานการตกแต่งภายในที่มีระดับ แต่ราคาก็สูงขึ้นเช่นกันที่ 6,599,000 บาท




ส่วนหน้าที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มั่นใจได้ว่า BMW X7 LCI จะสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและแตกต่างจาก BMW X รุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจน การออกแบบส่วนหน้าที่ดูเฉียบคมดุดันกว่าเดิม เป็นเอกลักษณ์ของงานดีไซน์ในยานยนต์ยุคใหม่จาก BMW เช่น ไฟหน้าคู่ ในรูปแบบที่ตีความใหม่ เป็นครั้งแรกใน BMW ที่มีการใช้ชุดไฟหน้าแบบแยกส่วนสองชั้น เพื่อปรับให้ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันอยู่ที่ด้านบน ส่วนไฟ LED ที่ให้ความสว่างในตอนกลางคืนบนถนนจะอยู่ด้านล่าง ไฟ LED สองดวงที่ติดตั้งสูงที่ด้านใดด้านหนึ่งของส่วนหน้า จะส่องแสงออกมาจากพลาสติกใสที่เป็นฝาครอบเรียวบาง ไฟ LED สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันยังทำหน้าที่เป็นไฟเลี้ยวอีกด้วย





ไฟหน้าสองชั้น Split Headlights และไฟหรี่กลางวัน กรอบไฟต่ำและไฟสูงที่รวมอยู่ใต้ไฟ LED Daytime มีชุด LED อีกสองชุดในโมดูลแยกต่างหากข้างใต้ไฟขับขี่ในเวลากลางวัน ตัวเรือนชุดไฟสีเข้มและตำแหน่งที่ฝังลึกใน Fascia ด้านหน้า ทำให้ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ Adaptive LED เหมือนถอยกลับไปด้านหลังและโผล่ออกมาทางด้านหน้าเมื่อเปิดใช้งาน กระจังหน้ารูปไตที่ปรับปรุงโทนสีของกระจังใหม่โดยหันไปใช้สีดำกระจังหน้ารูปไตเอกลักษณ์ของ BMW ทำจากพลาสติกสีดำเงา ไฟส่องสว่างจะทำงานเมื่อประตูถูกเปิดออก การเคลือบสีตัวถังเน้นถึงรูปลักษณ์ของ BMW X7 พลาสติกสีดำเงาล้อมกรอบช่องรับอากาศด้านล่างทั้งสองฝั่ง มิติตัวถัง มีขนาดความยาว 5,151 มิลลิเมตร กว้าง 2,000 มิลลิเมตร สูง 1,805 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,105 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,648 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,704 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงค์หน้า 904 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงค์หลัง 1,172 มิลลิเมตร ปริมาตรในการบรรจุของ 750-1,050 ลิตร น้ำหนัก 2,565 กิโลกรัม




บั้นท้ายขนาดใหญ่ มาพร้อมชุดไฟที่มีการออกแบบในลักษณะสามมิติ เพิ่มความโดดเด่นให้กับด้านหลังของ BMW X7 LCI แหล่งกำเนิดแสง LED ประกอบเป็นชุดเดียวพร้อมฝาครอบไฟท้าย เน้นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนของหลอดไฟ LED แถบไฟท้ายรูปตัว L สร้างความเข้มของแสงที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และทำให้เพิ่มกำลังความสว่างเป็นสองเท่าของไฟเบรกได้ ไฟท้ายออกแบบในลักษณะที่ยาวและเชื่อมโยงกันทั้งสองฝั่ง ไฟเลี้ยวอยู่ในส่วนบน ส่วนของไฟท้ายที่ยื่นเข้าไปในด้านข้าง แสดงกราฟิกเรขาคณิตและตัวอักษร BMW แถบโครเมียมบางเฉียบที่เชื่อมต่อชุดไฟสองชุดใน BMW X7 ใหม่นั้นอยู่ภายในฝาครอบพลาสติกใสที่สวยงาม





ชุดไฟท้ายใหม่ที่มีการออกแบบแนวสามมิติ เพิ่มความโดดเด่นให้กับด้านหลังของ BMW X7 LCI แหล่งกำเนิดแสง LED ประกอบเป็นชุดเดียวพร้อมฝาครอบพลาสติกใส เทคโนโลยีที่ซับซ้อนของหลอดไฟท้าย แถบไฟท้ายรูปตัว L สร้างความเข้มของแสงที่มากขึ้น โดยเพิ่มความสว่างเป็นสองเท่าของไฟเบรกได้ ไฟท้ายทรงยาวมีไฟเลี้ยวอยู่ในส่วนบน ส่วนของไฟท้ายที่ยื่นเข้าไปในด้านข้างของรถแสดงกราฟิกทรงเรขาคณิตและตัวอักษร BMW แถบโครเมียมบางเฉียบเชื่อมต่อชุดไฟทั้งสองฝั่งภายในกรอบพลาสติกใส X 7 LCI ติดตั้งปลายท่อไอเสียทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ท่อรูปวงรีของระบบไอเสียแบบสปอร์ตฝั่งละท่อ รวมเข้ากับกันชนหลังที่สวยงามจากชิ้นงานพลาสติกตกแต่งสีเทาปลายท่อไอเสียทรงสี่เหลี่ยมคางหมู



ขนาดที่ใหญ่โตของ X7 ยังคงชัดเจนที่ด้านหลัง แยกออกเป็นเส้นแนวนอนและล้อมรอบด้วยขอบแยกแนวตั้ง ไฟท้าย LED ทรงรีขนาดใหญ่ ช่วยแบ่งส่วนด้านหลังอย่างชัดเจน การเชื่อมช่องว่างระหว่างไฟท้าย LED ทั้งสองยูนิตด้วยแถบโครเมียม ซึ่งเป็นรูปแบบการออกแบบที่เคยพบก่อนหน้านี้ที่ด้านหลังของรถซีดานหรู BMW 7 Series ไฟท้าย LED เต็มรูปแบบ ฝาท้ายไฟฟ้าแบบสองชั้นคล้ายกับ BMW X5 แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า ปุ่มที่ขอบใต้ฝาท้ายใช้กดสั่งงานให้ลดระดับความสูงลงเพื่ออำนวยความสะดวกเวลายกสัมภาระเข้าไปเก็บ ถ้าไม่พับเบาะแถวที่สาม X7 จะมีพื้นที่เก็บสัมภาระไม่มากนักแค่ 326 ลิตร เมื่อไม่มีใครไปนั่งเบาะแถวที่สาม พอพับราบกับพื้น ส่วนเก็บสัมภาระจะเพิ่มเป็น 2,120 ลิตร กระจกบานฝาท้ายขนาดใหญ่โค้งรับกับเสาท้ายได้อย่างกลมกลืน ที่ปัดน้ำฝนกระจกบานฝาท้ายต้องมีขนาดความยาวใบปัดมากกว่าปกติ เพื่อครอบคลุมการทำความสะอาดกระจกบานหลัง เมื่อขับท่ามกลางสายฝนแล้วมีละอองน้ำทำให้กระจกบานฝาท้ายสกปรก จุดยึดต่างๆ ในห้องเก็บสัมภาระมีมาให้พอสมควร รวมถึงแผ่นพับปิดด้านบนที่ออกแบบได้ดี การพับเบาะแถวที่สองและสาม ใช้ระบบไฟฟ้า แค่กดปุ่มแล้วยืนรอให้เบาะพับใช้เวลาไม่นานนัก










ห้องโดยสารของ X7 LCI M Sport คือที่สุดของยานยนต์เอสยูวีตระกูล X พื้นที่ภายในอันกว้างขวางของ X7 นำเสนอความรู้สึกใหม่ของพื้นที่กับเซกเมนต์ที่เน้นความหรูหรา เบาะนั่งสามแถว ช่วยให้คนขับและผู้โดยสารรู้สึกได้ถึงขนาดความกว้าง สภาพแวดล้อมภายในที่ตกแต่งอย่างหรูหรามีระดับและโดดเด่นพอๆ กับ i7 พื้นผิวแดชบอร์ดกว้าง หุ้มด้วยวัสดุไวนิลอย่างดี โครงสร้างที่สะอาดตาของแดชบอร์ด ช่วยทำให้แผงหน้าปัดและจอกลางที่เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียวแบบทรงโค้งดูทันสมัย มีเส้นสายที่ไหลเข้าสู่แผงประตูจากความจงใจของการออกแบบ บนแผงหน้าปัดและคอนโซลกลางล้อมกรอบด้วยชิ้นงานตกแต่งที่ทำให้รถดูแพงมากยิ่งขึ้น ห้องโดยสารมีความพิเศษเฉพาะตัว มีอุปกรณ์เท่าที่จำเป็นและใช้งานได้ง่ายจากฟังก์ชั่นอันหลากหลายของระบบปฏิบัติการ OS8








อุปกรณ์จัดกลุ่มไว้อย่างชัดเจนในคอนโซลกลางบริเวณซุ้มคันเกียร์ที่หรูหรา ได้แก่ iDrive Controller, หัวเกียร์แก้วคริสตัลที่ออกแบบใหม่ จากที่เคยมีรูปทรงเหมือนหัวไม้ 7 ทำจากแก้วก็เปลี่ยนเป็นชิ้นงานแก้วเล็กๆของคันเกียร์แบบใหม่ที่ดูแล้วไม่สมกับขนาดของห้องโดยสาร ภายในยังตกแต่งด้วยผลึกแก้ว 'CraftedClarity' แบบแฮนด์เมดที่งดงาม คันเกียร์แก้วขนาดเล็ก BMW Controller และปุ่ม Start/Stop ตกแต่งดีเทลด้วยคริสตัลชั้นเลิศ เป็นแก้วเจียระไนแวววับแต่เล็กเกินไป, ปุ่มสตาร์ต, สวิตช์ Driving Experience Control, โหมดควบคุม 5 รูปแบบ ECO-Pro / Comfort / Sport / Sport Plus / Sport Individual สวิตช์เบรกจอดรถแบบอิเล็กทรอนิกส์ และสวิตช์ทรงเหลี่ยมสำหรับการปรับตั้งค่าการตอบสนองของระบบรองรับที่คอยควบคุมการทำงานระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ยกหรือลดความสูงได้ 5 ระดับ หรือจะปล่อยให้ระบบควบคุมความสูงทำงานแบบอัตโนมัติไปตามโหมดขับเคลื่อนและสภาพเส้นทางก็ได้ ด้วยโหมดออฟโรดเสริม แผงควบคุมสำหรับระบบควบคุมสภาพอากาศแบบ 4 โซนใช้การออกแบบใหม่ที่ทันสมัย เปลี่ยนไปเป็นการแสดงผลบนจอกลางขนาดใหญ่ใช้นิ้วแตะ หรือใช้ iDrive เลื่อนปรับตามใจชอบ ลายไม้สีเทา-ดำ ตกแต่งบริเวณซุ้มเกียร์ และแผงประตูบริเวณกรวยลำโพง B&W ล้อมกรอบด้วยวัสดุที่ทำออกมาคล้ายกับอะลูมิเนียม



ซันรูฟกระจกพาโนรามาแบบมาตรฐานสามแผง ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยเพิ่มแสงสว่างให้ภายในห้องโดยสาร เมื่อรวมกับกระจกหน้าต่างบานใหญ่ X7 ใหม่จะมีสภาพแวดล้อมที่โปร่งสำหรับผู้โดยสารทุกคนไม่ว่าจะนั่งเบาะไหนก็ตาม ม่านบังตาแบบเลื่อน ควบคุมด้วยไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สำหรับซันรูฟด้านหน้า ตรงกลาง และด้านหลังสำหรับผู้โดยสารแถวที่สาม มีระบบควบคุมม่านบังแดดด้านหลังเป็นของตัวเอง อันนี้ขอบอกว่าเจ๋งจริง เนื่องจากกระจกหลังคา Panorama Glassroof Sky Lounge มีฟังก์ชันเรืองแสงในตอนกลางคืน เพื่อสร้างบรรยากาศของการขับเคลื่อนแบบหรูหรามีระดับชนิดจัดเต็มข้อ แผงเหนือศีรษะสไตล์ M หุ้มหนัง Alcantara anthracite พร้อมม่านบังแดดและเสาหุ้ม Anthracite สีเดียวกัน
ขนาดความกว้างและความอเนกประสงค์ของภายในห้องโดยสาร X7 xDrive 40d M Sport จัดวางที่นั่งแบบมาตรฐาน 3 แถว (ให้พื้นที่สำหรับ 6 คน รวมคนขับ) ผู้โดยสารสองคนในแถวที่สาม สามารถนั่งในที่นั่งเต็มขนาด รองรับสรีระผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ตัวโตได้อย่างเต็มที่ ตลอดการเดินทางไกล BMW ยังเพิ่มระดับความสบายด้วยแผงซันรูฟกระจกด้านหลัง ที่วางแก้ว และที่พักแขนที่แผงด้านข้าง การกำหนดค่ามาตรฐานแถวที่สองมีที่นั่งสำหรับสามคน เบาะนั่งและแผงประตู หุ้มหนังแท้ Merino เบาะโดยสารทุกตำแหน่งมีช่วงการปรับเช่นเดียวกับที่นั่งสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ที่นั่งส่วนบุคคลสำหรับแถวที่สอง มีที่พักแขนในตัวและเบาะนั่งหุ้มหนัง Merino ที่นุ่มสบาย สร้างบรรยากาศที่หรูหราเป็นพิเศษในตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลังตำแหน่งแถวกลาง ช่องว่างระหว่างที่นั่งแต่ละที่นั่งยังเป็นเส้นทางเข้าสู่แถวที่สามซึ่งออกแบบการใช้งานพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมดโดยไม่ต้องออกแรง เบาะแถวที่สามมีพื้นที่วางเท้าสำหรับผู้ใหญ่ที่ตัวไม่สูงมากนัก เบาะแถวสุดท้ายแบบสองที่นั่งมีพื้นที่มากพอสำหรับการนั่งทางไกล และถ้าพับเบาะแถวสามทั้งสองตัว ก็จะได้พื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นอีกเพียบ





เบาะนั่งแถวที่สองแบบสองที่นั่งใน X7 มีพื้นที่ตรงกลางเหลือมากพอที่จะสร้างความรู้สึกโปร่งโล่ง ระบบไฟฟ้า เลื่อนเดินหน้าและถอยหลังได้ถึง 5.7 นิ้ว การปรับตำแหน่งด้านหน้า/ท้ายรถ เช่นเดียวกับตำแหน่งเบาะนั่งและมุมพนักพิงอื่นๆ ทั้งหมดเป็นการปรับด้วยไฟฟ้าสำหรับเบาะแถวที่หนึ่ง สอง และสาม พนักพิงที่นั่งในแถวที่สองและสามสามารถพับเก็บและยกขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า โดยใช้สวิตช์ที่อยู่ฝั่งคนขับเมื่อคุณเข้าทางประตูด้านหลัง ในพื้นที่เก็บสัมภาระ ที่นั่งในแถวที่สองสามารถปรับเอียงไปข้างหน้าจนสุด เพื่อให้การเข้าและออกง่ายที่สุดสำหรับผู้โดยสารแถวที่สาม เบาะนั่งแถวที่สองสามารถคืนตำแหน่งตั้งตรงได้เพียงแค่กดปุ่ม เบาะนั่งสำหรับเด็กสามารถติดตั้งเข้าที่โดยใช้ชุดติดตั้ง ISOFIX
ตำแหน่งหน้า/หลังของเบาะนั่งแถวที่สองถูกปรับโดยใช้แผงควบคุมที่รวมอยู่ในประตูด้านคนขับ เบาะคนขับของ BMW X7 ออกแบบให้สามารถขยับเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าไปด้านหลังและไปข้างหน้าได้ด้วยการกดปุ่มที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่เพิ่มพื้นที่วางขา อำนวยความสะดวกในการเข้า/ออกของผู้โดยสารในที่นั่งแถวที่สองและสาม ปุ่มเพิ่มเติมสำหรับการปรับเบาะนั่งและพนักพิงอยู่ที่ประตูด้านหลัง พนักพิงของเบาะนั่งแถวที่สองและแถวที่สาม สามารถพับและยกขึ้นได้ เบาะแถวที่สองจะเลื่อนไปข้างหน้าและท้ายรถจากพื้นที่เก็บสัมภาระ เมื่อใช้เบาะนั่งทั้ง 6 และ 7 ที่นั่ง BMW X7 จะมีความจุในการบรรทุกสัมภาระ 300 ลิตร ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,120 ลิตร เมื่อพับพนักพิงของเบาะนั่งแถวที่สองแบบมาตรฐานและเบาะแถวที่สามลง ระบบกันสะเทือนถุงลมช่วยให้ลดระดับรถลงได้ (กดปุ่มที่ขอบฝาท้าย) เพื่อขนสัมภาระชิ้นโตได้ง่ายขึ้น ฝาท้ายแบบแยกส่วน ทั้งสององค์ประกอบมีการเปิดและปิดด้วยไฟฟ้าแยกออกจากกัน เป็นฟังก์ชันพิเศษที่ใช้งานได้ง่ายและให้ความสะดวกสบายต่อการเปิดฝาท้ายแบบแยกจากกัน หรือจะเปิดเฉพาะฝาท้ายด้านบนก็ยังได้ ฝาท้ายชิ้นล่าง แข็งแรงมากพอที่ผู้ใหญ่ตัวโตๆ จะขึ้นไปนั่งได้อย่างสบาย




BMW X7 xDrive 40d M Sport LCI เป็นการสานต่อความสำเร็จของรถรุ่นพี่ในตระกูล Series-7 ผสานความหรูหราของเอสยูวียุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบสั่งงานผ่านจอภาพที่ใช้ระบบสัมผัส ปุ่มควบคุมอุณหภูมิแบบสัมผัส บนจอมอนิเตอร์กลาง หรือจะสั่งงานผ่านการเลื่อน 5 ทิศทางของปุ่ม iDrive เบาะหุ้มหนังแท้สีน้ำตาลปรับไฟฟ้า โดยเฉพาะเบาะหลังที่ออกแบบให้เจ้านายหรือเจ้าของรถใช้นั่งโดยสารบนความสะดวกสบายของอุปกรณ์ที่คอยประคบประหงมเรือนร่างของผู้เป็นเจ้านาย สมรรถนะและประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน ความคล่องแคล่วว่องไวแม้ขนาดตัวถังจะใหญ่ บวกกับความนุ่มนวลของระบบรองรับแบบแอร์สปริง เบาะแยกส่วนที่แถวกลางทำให้คุณหรือใครก็ตามที่ได้นั่งลงไปมีความผ่อนคลาย เพื่อนอนชมท้องฟ้ายามค่ำคืนผ่าน Panoramic SkyLounge การเชื่อมต่อกับโลกภายนอกด้วยระบบที่ทันสมัย ระบบชาร์จอุปกรณ์โทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วงล่างแบบถุงลม ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความนิ่มนวลแม้จะใส่ล้อใหญ่ขึ้นถึง 23 นิ้วกับยางหลังแก้มเตี้ย Series 30














BMW Live Cockpit Professional พร้อมจอ Curved Display ขนาดใหญ่ Headup display และระบบนำทางแบบ Augmented View ระบบปฏิบัติการ iDrive เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด BMW Operating System 8 จอภาพมอนิเตอร์กลาง ยาว 14.9 นิ้ว เชื่อมต่อกับจอภาพมาตรวัด ขนาด 12.3 นิ้ว เหมือนเป็นจอภาพเดียวแต่แยกการแสดงผลออกเป็นสองโซน จอทรงยาวแบบใหม่ ออกแบบให้มีทรงที่โค้งเล็กน้อยเพื่อปรับให้ขนาดอันใหญ่โตของจอภาพเชื่อมโยงอย่างลงตัวกับงานตกแต่งบนแดชบอร์ด Operating System 8 บรรจุโปรแกรมที่ถูกพัฒนาให้สั่งงานได้เร็วและง่ายดายขึ้น รองรับจอแสดงผลกลาง พร้อมสั่งงานด้วยระบบสัมผัส หรือจอทัชสกรีน หรือเข้าโปรแกรมการปรับตั้งด้วยปุ่มควบคุม iDRIVE แบบใหม่ รวมถึงระบบสั่งงานมาตรฐานเฉพาะตัวด้วยการโบกมือหรือ gesture control เจ้าของรถสามารถสั่งปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารแบบล่วงหน้าก่อนใช้งานรถ ฟังก์ชันแสงสีภายในห้องโดยสาร หรือ Ambient Light ไฟส่องนำทางบริเวณประตูฝั่งคนขับ Welcome Light Carpet ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อม Head-Up Display รุ่นใหม่ที่มีติดตั้งมาให้และปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลไปตามโหมดขับเคลื่อน






เบาะนั่งแบบพิเศษ ระบบระบายอากาศเบาะ ระบบทำความร้อน Heat Comfort นอกจากนี้ X7 xDrive 40d M Sport LCI คันทดสอบ ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมราคาแพงอย่าง หลังคากระจก Sky Lounge Panorama ที่งดงามสุดๆ ในเวลากลางคืน จากฟังก์ชันเรืองแสงที่คล้ายกับดาวระยิบระยับ องค์ประกอบอื่นๆ ของ BMW Live Cockpit Professional คือระบบ Navigation Professional ซึ่งเป็นระบบมัลติมีเดียบนฮาร์ดไดรฟ์ที่มีหน่วยความจำ 20 GB และพอร์ต USB หกพอร์ต รวมถึงอินเทอร์เฟซ Bluetooth สามารถตรวจจับผู้ขับขี่โดยอัตโนมัติและเปิดใช้งานการตั้งค่าส่วนบุคคลโดยใช้กุญแจรถแบบเดิม หรือโดยการดาวน์โหลดการตั้งค่าส่วนบุคคลของผู้ขับขี่จาก BMW Cloud


จุดเด่นของ BMW X7 xDRIVE 40d M Sport LCI นอกจากความหรูหราและความสะดวกสบายแล้ว BMW ยังจัดเต็มระบบความบันเทิงด้วยเครื่องเสียงเกรดสูง Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound System แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำของอังกฤษ Bowers & Wilkins หรือที่หลายๆ คนเรียกติดปาก B&W มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในปี 1965 โดย John Bowers และเพื่อนชื่อ Roy Wilkins ในปี 1966 B&W ออกลำโพงตัวแรกชื่อ P1 โดยเริ่มต้นด้วยการใช้ไดรเวอร์จากบริษัทอื่น ส่วนตู้ลำโพงทำเอง ต่อมาภายหลัง B&W ได้เริ่มทำลำโพงอย่างจริงจัง โดยมีนวัตกรรมต่างๆ ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นดอกลำโพงแบบเคฟลาร์ หรือการใช้เพชร ส่วนลำโพงในตำนานของ B&W จะต้องนึกถึง B&W Nautilus ที่มีรูปร่างแปลกตาและให้เสียงในระดับสุดยอด รวมถึงรุ่น Series 800 ที่ให้เสียงน่าประทับใจ ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมาทาง B&W เริ่มให้ความสนใจลำโพงและหูฟังในตลาดทั่วไปหรือที่เรียกว่าระบบ Multimedia โดยมีลำโพงคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง B&W MM-1 ที่ได้รับรางวัลว่าเป็นหนึ่งในลำโพงคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะขนาดเล็กแห่งปี


X7 Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound System มีซับวูฟเฟอร์ Rohacell 2 ตัว ความกว้าง 21.7 ซม. วางไว้ใต้เบาะคู่หน้า ทวิตเตอร์โดม Diamond 2 x 25mm ฝังตัวอยู่ในเสา A ทั้งสองข้าง มีหน้าที่ในการทำให้เสียงและความถี่สูงขึ้นอย่างชัดเจนที่สุด จริงๆ แล้ว Bowers & Wilkins ใช้เพชรแท้เพราะมีอัตราส่วนความแข็งต่อความสว่างที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทำให้เป็นวัสดุทำทวิตเตอร์ที่สมบูรณ์แบบ เป็นครั้งแรกที่เพชรถูกนำมาใช้ในระบบเครื่องเสียงรถยนต์
ตะแกรงลำโพงทำจากสแตนเลสที่เรียกว่ารูปแบบเอฟเฟกต์ Fibonacci ซึ่งรับประกันความโปร่งใสของเสียงสูงสุด พร้อมการเรืองแสงในตอนกลางคืนอีกต่างหาก ทวิตเตอร์กรวยลำโพงอะลูมิเนียมอีก 5 ตัววางอยู่ในจุดต่างๆ รอบห้องโดยสาร ซึ่งนำมาจากซีรีส์ 800 ใช้จริงในสตูดิโอของ Abbey Road ถือเป็นมรดกตกทอดทางเสียงที่น่าประทับใจ นอกจากนี้ยังมีลำโพงเสียงกลาง Aramid Fiber ขนาด 7 x 100mm อะรามิดไฟเบอร์ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงในอุตสาหกรรมการทหาร การบินและอวกาศ
ปิดท้ายเสียงด้วยเบสที่ทุ้มลึก ซัฟ Rohacell สองตำแหน่งยึดติดกับตัวถังรถเพื่อความสมดุลในอุดมคติของความเบาและความแข็งแกร่ง ช่วยสร้างวัสดุที่สมบูรณ์แบบสำหรับโครงสร้างของซัฟวูฟเฟอร์ที่ให้เสียงเบสโคตรหนักแน่น เสียงเบสใน X7 มีคุณสมบัติที่น่าประทับใจของระบบเสียง Diamond Surround Sound สามารถพูดได้อย่างตรงไปตรงมาว่าผมไม่เคยได้ยินเสียงเบสแบบนี้มาก่อน แม้ในระดับเสียงที่ดังมาก คือเร่งแม่งจนสุด ก็ไม่พบว่าเกิดการบิดเบือนด้านคุณภาพของเสียงแต่อย่างใด ส่วนประกอบทั้งหมดรวมกันเพื่อผลิตเอาต์พุตรวม 1,475 วัตต์ น่าประทับใจอย่างยิ่งสำหรับระบบสเตอริโอในรถยนต์ยุคใหม่

เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 สูบ 3 ลิตร กระบอกสูบละ 500 ซีซี อัดอากาศด้วยเทอร์โบ มีแรงบิดมากถึง 620 นิวตันเมตร เป็นแรงบิดแบบ Flat-torque ที่นักขับชื่นชอบ ผสานกับประสิทธิภาพของการทดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ZF-8 สปีด ซึ่งเป็นระบบส่งกำลังแบบ Steptronic 8 อัตราทด ส่งแรงบิดแบบอัตราทดผกผันไปยังล้อทั้งสี่ด้วย xDrive โดยเฉพาะแรงบิดของล้อคู่หน้าที่ส่งผ่านมาจากชุด transfer case ที่ต่อเชื่อมกับเกียร์ 8 สปีด ชุดขับเคลื่อนสี่ล้อ กระจายแรงบิดไปยังล้อคู่หลังผ่านเพลากลางและเฟืองท้าย เครื่องยนต์ดีเซลมีความสุภาพในย่านความเร็วต่ำ แต่ก็พร้อมจะพุ่งทะยานหากคันเร่งถูกกระตุ้น เอสยูวีเรือธงตราใบพัดคันนี้จะกลายร่างเป็นรถที่มีอัตราเร่งดุเดือด ขัดแย้งกับเรือนร่างที่ใหญ่โตและน้ำหนักที่มากถึง 2.5 ตัน

เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 กระบอกสูบ รหัส B57D30 ความจุ 3.0 ลิตร (2,993 ซีซี) เครื่องยนต์วางตามยาวขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยระบบ xDRIVE โดยออกแบบให้วางอยู่ในระดับที่ต่ำเพื่อลดค่า CG การลดจุดศูนย์ถ่วงลง รวมถึงการกระจายน้ำหนักที่สมมาตร เพื่อทำให้รถมีการทรงตัวที่ดีขึ้น ขนาดความกว้างกระบอกสูบ 83.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 90.0 มิลลิเมตร บล็อกเครื่องยนต์ใช้อะลูมิเนียม ฝาสูบแบบดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 4 วาล์วต่อสูบ อัตราส่วนกำลังอัด 16.5:1 ระบบอัดอากาศเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ติดตั้งเทอร์โบแปรผันตัวเดียวโดดๆ พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบยิงตรงคอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่น หัวฉีดแรงดันสูง Piezo มีแรงดันในระบบ 2,500 บาร์ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที ตัวเลขสมรรถนะของ X7 xDRIVE 40d M Sport เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 243 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เคลมมาจากหน้าโรงงานทำได้ 13 กิโลเมตรต่อลิตร ขับจริงทั้งในและนอกเมืองทำได้ 8.5-10.2 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดใช้ได้เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับขนาดที่ใหญ่โตของตัวถังและน้ำหนักรถที่มากถึง 2.5 ตัน ส่วนอัตราการปล่อย CO2 ทำได้ที่ 197 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร เป็นเครื่องดีเซล 6 สูบ ยุคใหม่ที่มีความสะอาดพอใช้

ระบบส่งกำลังของ X7 xDRIVE 40d ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ ZF 8HP เชื่อมต่อการทำงานกับ Mild Hybrid 48V เป็นชุดส่งกำลังที่มีประสิทธิภาพของ ZF Friedrichshafen AG สำหรับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบไฮดรอลิก ชุดเชื่อมต่อเพลาหน้าและหลัง Transfer Case และชุดเกียร์ Planetary gearsets พัฒนาเพื่อนำมาใช้งานในรถยนต์ BMW เครื่องยนต์วางตามยาว ขับเคลื่อนทั้ง 2 ล้อและ 4 ล้อ (xDRIVEX) ระบบเกียร์ทั้งชุด รวมถึงเพลาขับหน้า-หลัง ออกแบบและสร้างโดยบริษัท ZF ใน Saarbrücken ระบบส่งกำลังของ ZF เปิดตัวเป็นครั้งแรกใน BMW 7 Series (F01) รุ่น 760Li โดยนำมาเชื่อมต่อกับเครื่องยนต์เบนซิน V12 นับจากนั้นเป็นต้นมา BMW รุ่นใหม่ทุกรุ่นนับจาก Series-1 ไปจนถึง Series-8 รวมถึง Z4 กับรถยนต์อเนกประสงค์ตระกูล X ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ก็ติดตั้งเกียร์ ZF 8HP ทุกรุ่น หนึ่งในเป้าหมายหลักของระบบเกียร์ ZF 8 สปีด คือ การปรับปรุงอัตราทดให้ครอบคลุมกับรอบเครื่องยนต์ ประสิทธิภาพในการทดกำลังแล้วถ่ายเทออกมาเป็นแรงบิดในรอบเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน รวมไปถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเมื่อใช้โหมดประหยัด (ECO PRO) โหมดมาตรฐาน (COMFORT) โหมดซิ่ง SPORT ที่มีให้เลือกถึงสามระดับ (Sport / Sport + / Sport Individual) การออกแบบชิ้นส่วนภายในใหม่ ทำให้ระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ลดลงเหลือ 200 มิลลิวินาที นอกจากนี้ อิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมการทำงานของเกียร์ สามารถเปลี่ยนอัตราทดในลักษณะที่ไม่ต่อเนื่อง (กระโดดข้ามเกียร์) จากเกียร์ 8 ถึงเกียร์ 2 ในสถานการณ์ที่เกียร์จะต้องเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เมื่อระบบเบรกถูกใช้งานอย่างเต็มกำลัง รุ่น 8HP70 ออกแบบให้สามารถรับแรงบิดสูงสุด 700-800 นิวตันเมตร ได้อย่างสบายๆ ชุดเกียร์ทั้งลูกมีน้ำหนัก 87 กิโลกรัม (192 ปอนด์) เกียร์ ZF 8HP เจเนอเรชันที่ 3 เปิดตัวในปี 2018 มีการปรับปรุงหลักๆ คือ ประหยัดน้ำมันขึ้นอีก 2.5% เมื่อเทียบกับเกียร์รุ่นที่ 2 นอกจากนั้นชุดเกียร์ยังออกแบบให้ใช้งานกับระบบ mild hybrid และ plug in hybrid ของ X5 xDRIVE 45e โดยถูกยกมาประจำการอยู่ใน X6 G06 เจเนอเรชันล่าสุดอีกด้วย

ฟังก์ชัน Auto Start Stop และฟังก์ชัน Coasting ที่ใช้ร่วมกับเกียร์ Steptronic 8 สปีดใน BMW X7 LCI ทำงานผ่านข้อมูลที่ได้รับจากระบบนำทางและจากข้อมูลที่ให้มาโดยกล้องหน้าของระบบช่วยเหลือการขับขี่ Active Guard มาตรฐาน ด้วยวิธีนี้สามารถป้องกันการดับเครื่องยนต์ที่ไม่มีประสิทธิภาพได้ เช่น เมื่อหยุดชั่วครู่ที่ทางแยกหรือวงเวียน การเคลื่อนตัวของรถคันข้างหน้าได้รับการบันทึกเพื่อกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสม สำหรับฟังก์ชัน Auto Start Stop เพื่อหยุดและสตาร์ตเครื่องยนต์ ฟังก์ชัน Coasting สามารถใช้งานได้เมื่อเลือกโหมด ECO Pro หรือ COMFORT โดยใช้สวิตช์ Driving Experience Control การแยกส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบส่งกำลังจะเกิดขึ้นในสถานการณ์การขับขี่ที่ประสิทธิภาพและความสะดวกสบายจะไม่ลดลง หากยกคันเร่งกะทันหัน ระบบส่งกำลังจะยังเชื่อมต่ออยู่เพื่อให้สามารถใช้การเบรกของเครื่องยนต์เพื่อรองรับการชะลอตัว ด้วยเหตุผลเดียวกัน ระบบจะตัดการเชื่อมต่อของระบบส่งกำลังเมื่อเข้าใกล้ทางแยก หรือรถคันข้างหน้า




BMW เรียกการปรับโฉมว่า Life Cycle Impulse หรือ LCI เครื่องยนต์แถวเรียงดีเซล 6 สูบ ในรุ่น 40d มาพร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ 2 ตัว โดยตัวหนึ่งใช้รูปทรงเรขาคณิตแบบแปรผัน ช่วยให้สามารถเพิ่มกำลังได้มากขึ้นในขณะบรรทุกเต็มที่ ขณะที่เพิ่มความสามารถในการขับด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีกังหันเทอร์ไบน์แบบแปรผัน ด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์สองขนาดที่แตกต่างกัน ทำให้วิศวกรของ BMW มีอิสระในการปรับตั้งการตอบสนองของเครื่องยนต์ ตัวเลข 340 แรงม้า กับ 700 นิวตันเมตรนั้นน่าทึ่ง ในโหมดกลางๆ อย่าง Comfort และด้วยโหมด Sport + ก็จะยิ่งรู้สึกขนลุก เสียงเครื่องยนต์จะลงลึกและเพิ่มระดับเสียงในแบบที่เหมือนจะไม่ใช่เสียงของเครื่องยนต์ดีเซล ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมจะลดความสูงและการลดแรงสั่นสะเทือนจะแน่นขึ้น ทำให้ควบคุมได้ค่อนข้างดี การบังคับเลี้ยวทำได้ดี ให้ความรู้สึกถึงสมดุลแห่งพลังและความสบาย เบรกขนาดใหญ่พร้อมระบบช่วยเบรกที่ปรับแต่งมาอย่างดี




การยึดเกาะ ความปราดเปรียว เสถียรภาพและความนิ่ง ไดนามิกของการขับเคลื่อนในการรักษาทิศทางของ X7 ตกอยู่ที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ BMW xDrive เวอร์ชันล่าสุดใน X7 สามารถแยกแรงบิดในการขับระหว่างล้อหน้าและล้อหลังมากยิ่งขึ้น แม่นยำและรวดเร็วขึ้น ตามความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์การขับและสภาพถนน ความเร็ว มุมเลี้ยว เพื่อประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น xDrive ส่งกำลังเต็มที่ไปยังล้อหลังได้อย่างสมบูรณ์ 100% ในสถานการณ์ที่ไม่ต้องการแรงฉุดลากแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือในขณะที่ทะยานเต็มกำลังบนไฮเวย์




สิ่งที่ทำให้การเร่งความเร็วของ BMW คันนี้น่าประทับใจก็คือประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของชุดส่งกำลัง ไม่ใช่คุณลักษณะเฉพาะของรถที่ทั้งหนักและใหญ่ เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร ไม่ได้ปรับแต่งให้กระชากลากถูดุดัน หรือเสียงส่งเสียงดังกึกก้อง ในความเป็นจริงแล้ว X7 LCI เป็นรถคันโตที่เร่งได้อย่างสุภาพนุ่มนวล เร็วและเงียบ แม้ว่าจะมีท่อไอเสียแบบสปอร์ตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น M Sport สิ่งที่ทำได้ดีก็คือ การตอบสนองของคันเร่งที่เฉียบคมอย่างน่าพอใจ ส่วนหนึ่งมาจาก Mild Hybrid 48V แบบใหม่ และแรงบิดที่เข้าถึงได้ง่ายในระดับเต็มพิกัดของเครื่อง 6 สูบเรียงที่ 700 นิวตันเมตร มันคือการผสมผสานระหว่างการตอบสนองของคันเร่งที่ดีและการเร่งความเร็วแบบพุ่งทะยานที่ง่ายดาย พร้อมกับเสียงครางจากการทำงานของกระบอกสูบทั้ง 6 ตำแหน่ง ทำให้ X7 xDrive 40d LCI เป็นยานแม่ที่น่าพึงพอใจสำหรับการเดินทาง เกียร์ ZF 8 สปีดแบบใหม่ มีการปรับอัตราทดอย่างเป็นธรรมชาติและไหลลื่น หมายความว่าคุณแทบไม่ต้องใช้แป้น Paddle หลังพวงมาลัยแต่อย่างใดทั้งสิ้น เกียร์ ZF เป็นชุดส่งกำลังที่ลื่นไหลเป็นพิเศษ และเป็นระบบที่แฝงตัวอยู่เบื้องหลังการทดกำลังลงไปที่เฟืองขับจนกว่าคุณจะเรียกใช้งาน




BMW พิสูจน์ให้เห็นอย่างเด่นชัด ในเรื่องของการปรับจูนรถที่หนัก (มาก) ให้ควบคุมได้เหมือนรถที่เบา อาจจะดีที่สุดในกลุ่มด้วยซ้ำสำหรับไดนามิกของรถที่ได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดละออในระดับเดียวกับ M Car แต่มันมีคุณสมบัติของ M น้อยเกินไป สิ่งที่มีให้ทุกครั้งที่ขึ้นไปนั่งขับก็คือ ความสะดวกสบายและพลังที่เหลือเฟือ ลูกค้าที่ควักเงินซื้อ มักจะคาดหวังอย่างสมเหตุสมผลว่ามันจะเหนือกว่า Range Rover SV, Audi Q7 หรือ Mercedes GLS และขยับเข้าไปใกล้กับมาตรฐานการขับของ Porsche Cayenne




การปรับจูนสตรัทแอร์สปริง Adaptive Air Suspension เหล็กกันโคลงที่ใช้งานอยู่นั้นเป็นอีกส่วนหนึ่งของสมการลดอาการโคลงตัว เหนือสิ่งอื่นใด มันคือองค์ประกอบส่วนหลังที่เล็กแต่ทำงานได้อย่างเฉียบขาด ปลดล็อกอาการไม่พึงประสงค์ ผสมผสานระหว่างการควบคุมและความสบายของ X7 มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่แชสซีไม่สามารถกำจัดหลุมบ่อหรือพื้นผิวที่เป็นลอนได้อย่างสมบูรณ์เนื่องจากขนาดของล้อและยางสปอร์ตแก้มเตี้ย มวลใต้สปริงคือตัวการ ประเมินว่าน้ำหนักของล้อและยาขนาดมหึมาในแต่ละข้างจะอยู่ที่ประมาณ 34 กิโลกรัม ล้อ BMW Individual ขอบ 23 นิ้ว ลาย V-spoke 914 I Bicolour Jet Black ขนาดล้อหน้า 9.5J x 23 ยาง 275/35 R23 ล้อหลัง 10.5J x 23 ยาง 315/30 R23 และ Pirelli P Zero เป็นยางติดรถมาจากโรงงาน ด้วยสโลแกน Ultimate Driving Machine วิศวกรของแบรนด์ตราใบพัดจึงตัดสินใจให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย X7 LCI พิสูจน์ให้เห็นว่าคุณไม่จำเป็นต้องเสียสละความสะดวกสบายที่แท้จริงที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัย หากคุณต้องการรถยนต์ที่สามารถจุคนและสัมภาระจำนวนมาก BMW X7 เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ดีที่สุด




BMW X7 กว้างใหญ่ไพศาลมาก การขับและจอดรถในเมืองอาจเป็นเรื่องที่น่าหวาดหวั่นเล็กน้อย มันมาพร้อมกับเซนเซอร์ด้านหน้าและด้านหลัง กล้องหลายตัวสำหรับมุมมอง 3 มิติของรถ และระบบช่วยจอดหรือแม้แต่ถอยหลังให้แบบอัตโนมัติ นอกเมืองและบนถนนในชนบทที่คดเคี้ยวในโหมด Sport Plus X7 เป็นหนึ่งในรถ SUV ที่เตี้ยที่สุดในประเภทเดียวกันที่ขับได้แม้จะมีขนาดก็ตาม แต่คุณอาจสนใจว่าระบบกันสะเทือนแบบถุงลมนั้นสะดวกสบายเพียงใดเมื่อขับผ่านผิวถนนที่ไม่เรียบ และความเงียบในการเดินทางนั้นยอดเยี่ยมเหมือนเดิม ที่ความเร็ว 80-100 กิโลเมตร แทบจะไม่มีเสียงลมและเสียงยางบดกับผิวถนน และการเพิ่มแพ็กเกจเสริม Driving Assistant Professional ของ BMW จะนำระบบที่จะเร่งความเร็ว เบรก และทำให้คุณอยู่ในเลนเพื่อการขับขี่ที่ผ่อนคลายยิ่งขึ้น ขนาดของ X7 ให้ประโยชน์มากกว่าแค่การปรากฏตัวกรีดกรายอยู่บนท้องถนน ที่นั่งทั้ง 6 ล้อมรอบด้วยพื้นที่กว้าง ทำให้เป็นหนึ่งในยานพาหนะ BMW สำหรับขนย้ายคนที่มีพื้นที่กว้างมากสุดเท่าที่คุณเคยเห็น เบาะนั่งทั้งหมดพับลงและยกกลับคืนขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า ฝาท้ายแบบแยกสองชั้น (ทั้งสองส่วนทำงานด้วยไฟฟ้า) ในฐานะที่เป็นเรือธงลาดตระเวนทางไกล X7 พลุกพล่านน้อยกว่าที่คิดและออกไปในแนวสุขุมนุ่มลึกมากกว่าจะกระโชกโฮกฮาก นั่นคือสไตล์ของ 7 Series สำหรับผู้บริหารระดับสูงที่ยังคงขับรถด้วยตัวเอง แต่คุณจะไม่มีวันสนุกกับการขับ X7 ไปตามถนนที่คับคั่งแออัดหรือบนเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นลงเขาสูงชัน เนื่องจากมวลที่มากกว่ารถทั่วไป ในบริบทของรถ SUV ขนาดใหญ่ X7 LCI เน้นความสบาย ราบรื่น เงียบกริบ และขับได้ง่าย




BMW มีความตั้งใจที่จะปรับความรู้สึกของการนั่งให้ X7 คล้ายกับ Series-7 ที่มีความสามารถในการลุย มันออกตัวบนสัญญาณไฟเขียวได้ดีพอๆ กับ X5 เทคโนโลยีไฮบริด Mild Hybrid 48V เจ้าของส่วนใหญ่ยังคงเลือกรุ่นดีเซล ซึ่งตอนนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพความน่าใช้ ด้วยรุ่น xDrive40d ที่มีกำลัง 265 แรงม้า เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 3.0 ลิตร ที่ปรับปรุงแล้วนั้นยอดเยี่ยมมาก ให้การขับเคลื่อน สำหรับการลากจูงน้ำหนัก 2.5 ตัน ด้วยแรงบิดเอาต์พุต 700 นิวตันเมตร มันเร่งจาก 0-100 ใน 5.9 วินาที และไปจนสุดคันเร่งได้ที่ 243 กิโลเมตร เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ไหลลื่นนิ่มนวลและตอบสนองต่อการทดกำลังได้อย่างแม่นยำเหมือนเดิม เกียร์ Steptronic ของ ZF ยังคงเป็นระบบส่งกำลังที่มีความโดดเด่นของ BMW ได้รับการอัปเกรดซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงาน เพื่อให้สามารถสตาร์ตได้เร็วและแซงได้เร็วกว่า ระบบกันสะเทือนถุงลมแบบปรับได้ พวงมาลัยไฟฟ้าได้รับการปรับจูนใหม่ เพื่อความรู้สึกที่พิเศษยิ่งขึ้น แต่ควรปลดระบบรักษาช่องทางและแจ้งเตือนด้วยการสั่นที่พวงมาลัย เมื่อปิดแล้ว การทำงานของพวงมาลัยจะเป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม




ช่วงล่างแอร์สปริงและระบบรักษาเสถียรภาพ กับ xDrive ให้ความมั่นคงในย่านความเร็วสูง ลดอาการโคลงตัวเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็ว สามารถขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลในย่านความเร็วต่ำด้วยโหมด ECo Pro หรือ 'Comfort' และจัดการกับรถได้อย่างคล่องแคล่วบนเส้นทางที่คับแคบแถบสามร้อยยอดด้วยโหมด Sport + แค่เผื่อระยะเบรกและทำตัวให้สุภาพเวลาขับเจ้ายักษ์เยอรมันคันนี้ หากคุณตั้งค่า 'Drive Performance Controller' เป็น 'Sport' ตำแหน่งการขับที่มองเห็นได้รอบตัวและทางตรงยาวๆ กับการพุ่งทะยานของมัน จะทำให้คุณรู้สึกหลงรัก อัตราสิ้นเปลืองในโหมด Sport อยู่ที่ 9.5 กิโลเมตรต่อลิตร แต่คนที่ซื้อรถราคา 6 ล้าน มักจะสนใจการขับมากกว่าอัตราสิ้นเปลืองที่ผกผันไปตามการขับและสภาพเส้นทางโดยหาความแน่นอนไม่ค่อยจะได้ BMW X7 xDrive 40d M Sport LCI ไม่ใช่รถที่สมบูรณ์แบบไปซะทุกสิ่ง แต่คุณจะได้รับประโยชน์ด้านความสบายและปลอดภัยเมื่อเดินทางไกล เป็นรถสำหรับขับหรือนั่งท่ีน่าใช้จากพื้นที่ภายในมากกว่า BMW ทุกรุ่น.

BMW X7 xDrive 40d M Sport LCI 2023 ราคา 6,599,000 บาท
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และระดับการปล่อย CO2
ล้อและยาง
ชนิดเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo
ปริมาตรกระบอกสูบ 2,993 ซีซี.
กําลังสูงสุด 250 กิโลวัตต์/ 340 แรงม้า/4,400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร/1,750 - 2,250 รอบต่อนาที
ความเร็วสูงสุด 243 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 5.9 วินาที
ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 197 กรัม/กิโลเมตร
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย -
อ้างอิงผล ECO Sticker 13.5 กิโลเมตร/ลิตร
รายละเอียดด้านเทคนิค X7 xDrive40d M Sport
มิติรถยนต์
มิติรถยนต์ ยาว 5,151 มิลลิเมตร กว้าง 2,000 มิลลิเมตร สูง 1,805 มิลลิเมตร
ปริมาตรในการบรรจุของ 750 - 1,050 ลิตร
น้ำหนักรถสุทธิ 2,565 กิโลกรัม
ระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยี
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Sport Steptronic
ช่วงล่างถุงลม Adaptive 2-axle
พวงมาลัยไฟฟ้าปรับน้ำหนักตามความเร็วรถขณะขับขี่ (Servotronic)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop&Go (Active cruise control with Stop&Go function)
ระบบช่วยการขับขี่ รุ่น Professional (Driving Assistant Professional)
ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ xDrive
ระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering)
ระบบควบคุมช่วงล่าง (Executive Drive Pro)
ระบบ BMW Head-up Display
ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Professional
ระบบท่อไอเสีย M Sport
อุปกรณ์ภายนอก
กระจังหน้า BMW kidney 'Iconic Glow'
ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive LED)
ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant)
คาลิเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport
ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System)
ระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตู (Soft-close function for doors)
หลังคากระจก Panorama Sky Lounge
ชุดตกแต่ง M Aerodynamics
ภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่ง M สีดำเงา
ราวหลังคาดีไซน์ M สีดำเงา
บันไดข้างอะลูมิเนียม
อุปกรณ์ภายใน
เบาะนั่งที่วางแขนบริเวณคอนโซลกลางและบางส่วนของคอนโซลหน้าและแผงประตูบุด้วยหนังแท้ Merino
ระบบอุ่นเบาะสำหรับคนขับและผู้โดยสารเบาะหน้า
เบาะนั่งตอนหน้าแบบ Comfort ปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่ง
ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร
BMW Live Cockpit Professional
ระบบ BMW ConnectedDrive
ฟังก์ชันสั่งงานระบบ iDrive ด้วยการเคลื่อนไหวมือ (BMW Gesture Control)
ระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins Diamond
ระบบเชื่อมต่อ Smartphone
ความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ชุดตกแต่งพิเศษ
ชุดตกแต่ง M Sport
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง (ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง)
ระบบ Teleservices
ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC)
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC)
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor)
ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection)
ระบบ Active Protection
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness Assistant)
ระบบเตือนสถานะของยาง (Runflat Indicator)
เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง
ชุดตกแต่ง M Sport Pro