หลังจากโชว์ตัวมานานเกือบปี ล่าสุด เกรทวอลล์ มอเตอร์ ก็เตรียมปล่อยแมวตัวแรงในรุ่น GT ออกมาสู่ท้องถนนของประเทศไทย เป็นการทำตลาดยานยนต์พลังงานไฟฟ้าต่อจาก ORA Good Cat 400 TECH / 400 Pro และ 500 Ultra สำหรับ Good Cat GT มันคือแมวพลังไฟฟ้าที่มีการปรับแต่งเพิ่มความแรงของมอเตอร์ และความสวยงามของรูปลักษณ์ภายนอก เจ้าเหมียวรุ่น GT มีจำนวนรถที่เข้ามาขายแค่ 150 คัน ซึ่งก็น่าจะหมดลงอย่างรวดเร็วหลังการเปิดรับจอง จากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะแบรนด์ ORA ที่มีรถพลังงานสะอาดหน้าตาน่ารักน่าชังถูกใจคนวัยทำงาน การลดราคาของแมวทั้งสามรุ่น ตามกลไกของอัตราภาษีใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐทำให้ราคาของแมวไฟฟ้าถูกลงไปอีก ลองมาดูราคาใหม่สดๆ ร้อนๆ ของแมวไฟฟ้ากันดีกว่า ส่วนราคาของแมวซิ่ง GT จะมีการประกาศตามออกมาในวันพุธที่ 29 มิถุนายนนี้ คาดว่า ราคาของ ORA Good Cat GT ไม่น่าจะทะลุล้านไปไกลนัก ถ้าออกมาอยู่ที่ 1.1 ล้าน หรือต่ำกว่านั้นก็น่าจะขายรถรุ่น GT ทั้ง 150 คันให้หมดอย่างรวดเร็วได้โดยไม่ยากลำบากมากนัก


...






...


ORA Good Cat GT รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle หรือ BEV) รุ่นที่ 2 จากแบรนด์ ORA ที่เกรท วอลล์ มอเตอร์ เตรียมเปิดราคาในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ORA Good Cat GT มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่แตกต่างไปจาก Good Cat 500 Ultra จากชุดแต่งเติมความเข้มแนวสปอร์ตที่ดูออกมาในแนวน่ารักน่าชังมากกว่าจะซิ่งเต็มพิกัด กระจังหน้าดีไซน์สปอร์ต ใช้พลาสติก ทำออกมาให้เหมือนกับลายคาร์บอนไฟเบอร์ สปอยเลอร์พร้อมตราสัญลักษณ์ GT ทางด้านหลัง ช่วยเสริมแรงกดส่วนท้าย ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว ดิสก์เบรกพ่นคาลิปเปอร์สีแดง สีพิเศษ อะควาเกรย์ (Aqua Grey) มองยังไงก็คล้ายเทานมของ Civic หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา เปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
...



...



















ห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีแดง-ดำ พนักพิงศีรษะโลโก้ GT ตัดด้วยเข็มขัดนิรภัยสีแดง พนักพิงเบาะด้านหลังพับได้แบบ 60:40 มีการเสริมระบบเบาะนวดไฟฟ้าและระบบระบายอากาศ สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า เบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง (ลองใช้งานดูแล้ว แบบ 8 ทิศทางจะปรับเบาะได้ครอบคลุมกับท่านั่งขับมากกว่า) พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง Welcome Seat เบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง ฝาท้ายไฟฟ้า เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มีระบบแฮนด์ฟรี



เหมียวซิ่งแนวสปอร์ต ORA Good Cat GT ติดตั้งมอเตอร์ขับเคลื่อนไฟฟ้า กำลัง 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 152 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.5 วินาที (ด้วยโหมดสปอร์ต) แบตเตอรี่ชนิดลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร ใน ORA Good Cat รุ่น GT ชาร์จด้วยไฟบ้าน AC นาน 10 ชั่วโมง ชาร์จเร็วกระแสตรง DC 0-80% ใน 1 ชั่วโมง และ 30-80% ใน 40 นาที

แบตเตอรี่มีความสามารถในการป้องกันมาตรฐาน IPX9K และ IP67 ออกแบบให้ป้องกันน้ำ การกัดกร่อน การชน ไฟไหม้ และการกระแทก เมื่อเกิดการกระแทก ระบบไฟฟ้าจะตัดการทำงานภายใน 0.1 วินาที เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับและผู้โดยสาร เซลล์แบตเตอรี่ถูกห่อหุ้มด้วยกล่องที่มีความแข็งแรงในระดับ 3 มิติ มีการควบคุมอุณหภูมิและระบบระบายความร้อนขณะทำงานไม่ว่าจะเป็นการป้อนกระแสไฟ หรือการชาร์จเร็วที่ทำให้แบตฯ มีอุณหภูมิสูงขึ้น
ช่วงล่างด้านหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม (Torsion Beam)
เทียบกำลังกับ
Good Cat 500 Ultra มอเตอร์ไฟฟ้า 105 กิโลวัตต์ 143 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 ใน 9.2 วินาที
Good Cat GT มอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 126 กิโลวัตต์ 171 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 ใน 8.5 วินาที
มิติตัวถัง
Good Cat 500 Ultra ยาว 4,235 มิลลิเมตร กว้าง 1,825 มิลลิเมตร สูง 1,596 มิลลิเมตร ล้อ 18 นิ้ว
Good Cat GT ยาว 4,254 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 19 มิลลิเมตร กว้าง 1,848 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 23 มิลลิเมตร สูง 1,596 มิลลิเมตร





การขับทดสอบสั้นๆ จากโชว์รูม GWM แถวบางนากิโลเมตรที่ 12 ไปยังอำเภอศรีราชาในจังหวัดชลบุรี มีระยะทางไป-กลับ ประมาณ 240 กิโลเมตร บวกระยะทางที่วิ่งไปยังอ่างเก็บน้ำบางพระอีกนิดก็น่าจะอยู่ที่ 260 กิโลเมตร แบตเตอรี่ของแมว GT ซึ่งมีความจุเท่ากับ ORA Good Cat 500 Ultra เมื่อชาร์จไฟจนเต็มจะทำระยะทางได้ประมาณ 460 กิโลเมตร หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีการปรับแต่งเพิ่มเติมทั้งแรงม้าและแรงบิด (171 แรงม้า 250 นิวตันเมตร) ทำให้ ORA Good Cat GT มีความกระฉับกระเฉงมากกว่าเดิม คือมันเร่งออกตัวได้เร็วกว่าแมวรุ่น 500 Ultra พอสมควร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 8.5 วินาที ออกตัวเร็วๆ ด้วยโหมดสูงสุดรู้สึกได้ถึงแรงดึงที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้แรงแบบหลังติดเบาะ สำหรับความเร็วสูงสุด ทำได้ 152 กิโลเมตร อาจไหลขึ้นไปได้ถึง 160 กิโลเมตรเมื่อขับลงเนิน แต่การใช้ความเร็วสูงต่อเนื่องในเจ้าแมวไฟฟ้าไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ถือว่ากินไฟกันเอาเรื่อง เอาเป็นว่า ขับเรื่อยๆมาเรียงๆ ประหยัดไฟในแบตฯมากกว่า แต่บางจังหวะที่ต้องการเร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้า ถือว่า Good Cat GT ทำได้ดีพอสมควร





เบาะปรับไฟฟ้าในตำแหน่งคนขับที่ปรับได้แค่ 6 ระดับนั้นยังเป็นรองเบาะไฟฟ้าในรถญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่ปรับได้ถึง 8 ระดับ การปรับได้น้อยกว่า ทำให้ท่านั่งหรือ driving position ยังไม่ค่อยจะลงตัว แม้เบาะหนังสังเคราะห์จะนั่งนุ่มสบายก้น แต่ท่านั่งที่ปรับยังไงก็ยังไม่ลง บวกกับพวงมาลัยที่ปรับได้แค่สูง-ต่ำ ปรับไกล-ใกล้ไม่ได้ ยิ่งทำให้ท่านั่งควบคุมรถของแมวจีทีดูแปลกๆ พิกล เป็นอีกจุดที่เกรทวอลล์ควรนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น เช่นเดียวกับที่ปัดน้ำฝนด้านหลังที่ยังไม่มีมาให้ ในวันทดสอบช่วงขับกลับ ทีมทดสอบของสื่อมวลชนเจอกับฝนกลุ่มใหญ่ ทำให้ละอองน้ำกระเด็นมาจับอยู่บนกระจกฝาท้ายบานหลังจนบดบังทัศนวิสัยไปเลย








ภายในของแมวซิ่งจีทีทำออกมาได้ดี โดยเน้นไปที่สีดำสลับแดง เพื่อเชื่อมโยงกับมาดสปอร์ตของชุดแต่งองค์ทรงเครื่องจากภายนอก จอภาพและพวงมาลัย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มาตรวัดอ่านค่าได้ง่าย ระบบสั่งงานด้วยเสียงพยายามทำตามความต้องการที่ใช้เสียงสั่งงาน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งหรือลดอุณหภูมิ เปิด-ปิด ซันรูฟหรือสั่งงานอื่นๆได้อีกเพียบ AI ประจำรถ เรียนรู้ บันทึกและโต้ตอบกับคำสั่งต่างๆได้ดี การเก็บเสียงของห้องโดยสารไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้เงียบเหมือนรถไฟฟ้าราคา 3-4 ล้าน ยังคงมีเสียงยาง และเสียงครางของมอเตอร์ขณะทำความเร็วลอดเข้ามาให้ได้ยิน จอกลางสั่งงานด้วยระบบสัมผัสยังคงมีอาการหน่วงของซอฟต์แวร์ที่ยังไม่เร็วเท่าที่ควร ในจุดนี้ เกรทวอลล์ พยายามแก้ไขอยู่ เพื่อปรับให้ซอฟต์แวร์ทำงานได้รวดเร็วขึ้น สำหรับในด้านความเสถียรของระบบอินโฟเทนเมนต์และระบบชาร์จ ในวันทดสอบ เมื่อลองใช้งานระบบอินโฟเทนเมนต์ และลองเสียบไฟชาร์จดูก็ไม่พบปัญหาแต่อย่างใด สามารถชาร์จไฟ DC 110V และดึงสายชาร์จออกได้โดยไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกแย่หรือน่ารำคาญ





ช่วงล่างและพวงมาลัยของ ORA Good Cat GT เหมือนกับ Good Cat รุ่นมาตรฐาน ไม่ได้มีการปรับแต่งระบบรองรับใหม่แต่อย่างใดทั้งสิ้นเนื่องจากกำลังที่เพิ่มเข้ามา ไม่ได้มากมายอะไรจนถึงขนาดที่จะต้องลงไม้ลงมือกับโช้คและสปริง ช่วงล่างเดิม พวงมาลัยไฟฟ้าเดิม ที่มีการปรับค่าการตอบสนองของชุดบังคับเลี้ยวได้ 3 ระดับ สามารถรับมือในย่านความเร็วสูงได้ดีพอใช้ ยางติดรถน่าจะดีกว่านี้ เมื่อฝนตก ยาง Giti รุ่น GitiComfort 225 V1 มีกริบที่ยังไม่ได้ให้ความมั่นใจเท่าที่ควร ขับเรื่อยๆ พอได้ แต่ถ้าขับเร็วเมื่อไหร่ ยางรุ่นนี้จะมีการยึดเกาะกับถนนเป็นรองยางที่แพงกว่าอย่าง Michelin Primacy ชัดเจน สำหรับพวงมาลัยที่ปรับค่าการตอบสนองได้สามระดับ ผมปรับไปที่หน่วงสุดหรือไปที่ตำแหน่ง สปอร์ต เพราะไม่ชอบพวงมาลัยที่เบาเกินไป แม้จะปรับไปที่น้ำหนักสูงสุดแล้ว พวงมาลัยไฟฟ้าให้ความรู้สึกตรงไปตรงมาดีพอใช้ ส่วนความแม่นยำนั้นก็แค่พอใช้ได้ ช่วงล่างของ ORA Good Cat GT สอดรับกับผิวถนนที่ไม่ค่อยจะเรียบได้ดี เบาะนั่งที่นุ่มนิ่มก็เข้ามาช่วยผ่อนสั้นผ่อนยาวกับการทำงานของช่วงล่าง ทำให้ Good Cat รุ่นท็อปที่กำลังจะประกาศราคานั้นนั่งขับและโดยสารสบายตัวใช้ได้ ยกเว้นเบาะคนขับปรับ 6 ทิศทางด้วยไฟฟ้าที่ต้องแก้ไขให้ปรับได้มากกว่านี้จะดีที่สุด!














โดยภาพรวม ORA Good Cat GT มีมอเตอร์ปรับแต่งที่ทำให้เร่งตีนต้นได้เร็ว ขับสนุกใช้ได้แต่เบาะไฟฟ้า 6 ทิศทางปรับได้ไม่ครอบคลุม การบริหารพลังงานไฟฟ้าของระบบขับเคลื่อน ทำออกมาได้ดี ขับเรื่อยๆ ก็ไม่ได้กินไฟในแบตฯ มากนัก แต่ถ้าสนุกขึ้นมาเมื่อไหร่ไฟก็จะถูกใช้มากขึ้น ระยะทาง 460 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้งจนเต็ม เพียงพอต่อการใช้งานในเมืองหรือออกทางไกลไปยังจังหวัดใกล้ๆกรุงเทพฯในระยะทางไม่เกิน 400 กิโลเมตร การชาร์จไฟจาก 0-80% ด้วยแท่นชาร์จ EV แบบกระแสตรง DC ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็จะได้ไฟเอาไปวิ่งอีก 380 กิโลเมตร ชาร์จไฟบ้าน AC ใช้เวลาประมาณ 8-10 ชั่วโมง ได้ไฟเต็มแบตฯ ที่สามารถทำระยะทางได้ใกล้เคียง 500 กิโลเมตร งานตกแต่งภายนอกและภายในดูแปลกตา ภายในมีโทนสีไม่สวยหวานเท่า 500 Ultra แต่ก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ORA Good Cat GT จำนวน 150 คันที่เปิดรับจอง คาดว่าน่าจะมีราคาไม่เกิน 1,100,000 บาท และจะขายหมดอย่างรวดเร็วละครับ
เทคโนโลยีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย

ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ และหากเลือกเกียร์ถอย รถจะสามารถถอยหลังกลับได้เองโดยใช้ข้อมูลสิ่งกีดขวางต่างๆ ที่ถูกบันทึกไว้ ถ้าระบบตรวจพบสิ่งกีดขวาง คนเดินถนน หรือรถยนต์ ระบบเบรกอัตโนมัติจะทำงานและรถจะหยุดในทันที
ระบบช่วยจอดรถ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถและช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวเฉียง และจอดเทียบข้าง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนํารถเข้าจอดแล้ว รถจะทําการจอดด้วยตัวเอง ด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันและการเข้าโค้ง พร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้

กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัวที่มีความละเอียดคมชัด โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพจากทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศารอบทิศทาง
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ตรวจจับผู้ใช้จักรยานและคนเดินถนนทั้งบนทางตรงและทางแยก สามารถคำนวณระยะทางระหว่างรถคันหน้าและข้างหลังได้แบบเรียลไทม์ พร้อมด้วยสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก
ORA Good Cat GT มีกำหนดการที่จะเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในเร็วๆ นี้ โดยสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของ ORA Good Cat GT และเกรท วอลล์ มอเตอร์ เพิ่มเติมได้ที่ GWM Application เว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH และ Official Facebook Page: GWM Thailand






ORA Good Cat GT สีรถและสเปก
· สีรถภายนอก : สีอะควาเกรย์ (Aqua Grey)
· สีรถภายใน : สีแดง-ดำ
การออกแบบภายนอก (Exterior Design)
กระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตลายคาร์บอนไฟเบอร์ และสปอยเลอร์ดีไซน์โฉบเฉี่ยวพร้อมตราสัญลักษณ์ GT ทางด้านหลัง
ล้อดีไซน์สปอร์ต: ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว ดิสก์เบรกคาลิปเปอร์สีแดง
มิติตัวรถ กว้าง 1,848 มิลลิเมตร ยาว 4,254 มิลลิเมตร สูง 1,596 มิลลิเมตร







ORA Good Cat GT ใช้การตกแต่งแบบทูโทนสีดำและสีแดง ทั้งพวงมาลัย เบาะนั่ง คอนโซล รวมถึงพนักพิงศีรษะที่มีตราสัญลักษณ์ GT และเข็มขัดนิรภัยสีแดง
หน้าจอ Interactive Double Screen หน้าจอพาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถมีขนาด 17.25 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูง แบ่งออกเป็น หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิทัล (Full TFT) ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอระบบมัลติมีเดียพร้อมระบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว
ลำโพงรอบทิศทาง จำนวน 6 ตัว
ระบบสั่งการด้วยเสียง ควบคุมการใช้งานฟังก์ชันได้ตลอดเวลาด้วยเสียง สามารถทำให้ได้รับบริการอย่างที่ต้องการ สามารถควบคุมเครื่องปรับอากาศ ซันรูฟ ระบบนำทาง และมัลติมีเดีย ได้ในประโยคเดียว โดยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการขับขี่
การเชื่อมต่อโครงข่ายระยะไกล ช่วยให้สามารถควบคุมการเปิด-ปิดการชาร์จ เครื่องปรับอากาศ ปิดหน้าต่าง ได้จากระยะไกล และสามารถดูสถานะของรถได้ผ่านระบบ GWM Application
วัสดุภายในห้องโดยสารให้สัมผัสที่สบาย โดยใช้วัสดุที่มีคุณภาพในการตกแต่งภายในด้วยดีไซน์ที่สวยงาม ให้สัมผัสที่นุ่มนวลกับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ช่วยให้ความรู้สึกสบาย มีความยืดหยุ่นสูงและสัมผัสที่นุ่มนวล
เบาะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง เบาะที่นั่งคนขับมาพร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง และฟังก์ชัน Welcome Seat
ระบบเบาะนวดไฟฟ้าและระบบระบายอากาศของผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า พนักพิงเบาะด้านหลังพับได้แบบ 60:40
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี
ฟังก์ชันอินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงในรถยนต์ อาทิ การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน ฟังเพลง วิดีโอ
ระบบ Cockpit air filter system พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 ช่วยเปิดการไหลเวียนของอากาศจากภายนอกจากระยะไกลเพื่อระบายอากาศอัตโนมัติ ช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร
เกียร์ระบบ Electronic Shifter ลดขนาดพื้นที่คอนโซลกลาง
ระบบชาร์จไร้สาย (Wireless Charging)
การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์ (FOTA)
ระบบดังกล่าวมาพร้อมกับความสามารถในการอัปเกรดเฟิร์มแวร์สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่ต่างๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่นๆ ภายในรถยนต์ผ่านระบบออนไลน์ (FOTA)
การตอบโต้ด้วยเสียง ผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence)
มีความสามารถในการจดจำเสียงได้เป็นอย่างดี จึงสามารถช่วยลดการใช้งานจากการกดปุ่ม เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้ขับสามารถสั่งการและโต้ตอบด้วยเสียงเพื่อใช้งานฟังก์ชันต่างๆ รวมไปถึงการเข้าถึงระบบเอนเตอร์เทนเมนต์ภายในรถ
ระบบความบันเทิงแบบมัลติมีเดีย
รองรับ Apple CarPlay และ Siri
รองรับ Android Auto และ Google Assistant
ระบบนำทาง
รองรับแอปพลิเคชันเพลง เช่น JOOX









ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน และการเข้าโค้งอัจฉริยะพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัวที่มีความละเอียดคมชัด โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพจากทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศารอบทิศทาง ยกระดับความปลอดภัยระหว่างการขับขี่ รวมไปถึงขณะทำการจอด
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขั้นสุดให้กับผู้ใช้ถนน ด้วยระบบการตรวจจับผู้ใช้จักรยานและคนเดินถนนทั้งบนทางตรงและทางแยก และสามารถคำนวณระยะทางระหว่างรถคันหน้าและข้างหลังได้แบบเรียลไทม์ พร้อมด้วยสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก
ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ และหากเลือกเกียร์ถอย รถจะสามารถถอยหลังกลับได้เองโดยใช้ข้อมูลสิ่งกีดขวางต่างๆ ที่ถูกบันทึกไว้ ถ้าระบบตรวจพบสิ่งกีดขวาง คนเดินถนน หรือรถยนต์ ระบบเบรกอัตโนมัติจะทำงานและรถจะหยุดในทันที
ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถและช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวเฉียง และจอดเทียบข้าง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนํารถเข้าจอดแล้ว รถจะทําการจอดด้วยตัวเอง ด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว โดยในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และจะประคองรถให้กลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ
Intelligent LED Headlamp ไฟหน้าอันเป็นเอกลักษณ์แบบ LED เต็มรูปแบบในรูปทรง Cat Eye ที่โดดเด่นเฉพาะตัว พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ และไฟ Welcome light แบบพิเศษ ระบบปรับไฟสููง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องนำทางหลังดับรถยนต์ และ Daytime Running Light เพิ่มทัศนวิสัยที่เหนือชั้นในการขับขี่

GWM LEMON E PLATFORM
แพลตฟอร์มโมดูล่าสามารถปรับเปลี่ยนและรองรับเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงพัฒนาด้านความปลอดภัย ซึ่ง GWM LEMON E PLATFORM ถูกปรับเพื่อใช้งานกับรถไฟฟ้า (BEV) โดยเฉพาะ
แพลตฟอร์มน้ำหนักเบา ช่วยให้การขับขี่ดีขึ้น
แพลตฟอร์มผ่านการขับทดสอบบนถนนลูกรัง และมีการทดสอบในสภาวะแวดล้อมแบบสุดขั้ว 30,000 กิโลเมตร

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 126 kW หรือ 171 PS แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 152 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง (MacPherson independent suspension with stabilizer bar) ช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม (Torsion Beam)
โหมดขับขี่ทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ 1) มาตรฐาน 2) สปอร์ต 3) ECO 4) ECO+ และ 5) อัตโนมัติ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับได้เองตามปริมาณแบตเตอรี่ที่คงเหลือ
ความสามารถการกู้คืนพลังงาน (Energy Regeneration) ได้สามระดับ ได้แก่ น้อย, มาตรฐาน และมาก เพื่อการประหยัดพลังงาน
ระบบตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ เพื่อให้คะแนนพร้อมให้คำแนะนำในการขับขี่
แบตเตอรี่ของรถยนต์ ORA Good Cat
แบตเตอรี่ชนิดลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh
รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 60 kW และการชาร์จไฟบ้านแบบ AC 6.6 kW
ระยะเวลาในการชาร์จ
การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0% - 80%) 60 นาที
การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (30% - 80%) 40 นาที
การชาร์จแบบธรรมดาด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC 10 ชั่วโมง
แบตเตอรี่สามารถใช้งานขับขี่ได้ในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิ -30°C - 55°C
แบตเตอรี่สามารถชาร์จไฟได้ในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิ -20°C - 55°C
แบตเตอรี่สามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติในช่วงความกดอากาศ -150 ถึง 5,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และภายใต้สภาวะความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ 2 - 98%
แบตเตอรี่มีความสามารถในการป้องกันมาตรฐาน IPX9K และ IP67 ซึ่งสามารถป้องกันน้ำ การกัดกร่อน การชน อัคคีภัย และการกระแทกได้ โดยเมื่อเกิดการกระแทก ระบบไฟฟ้าจะตัดการทำงานภายใน 0.1 วินาที เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
เซลล์แบตเตอรี่ถูกห่อหุ้มด้วยกล่องที่มีความแข็งแรงในระดับ 3 มิติ พร้อมมีการควบคุมอุณหภูมิและระบบระบายความร้อน
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยสำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ L2+
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA) ทำงานตามความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งเอาไว้ แต่จะตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ โดยสามารถควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่
การเบรกฉุกเฉินความเร็วต่ำ (LSEB) เมื่อเรดาร์ทำงาน จะตรวจสิ่งกีดขวางทั้งที่หยุดนิ่งหรือคนเดินถนนที่เคลื่อนที่ในแนวถอยจอดและหากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชน ระบบจะช่วยเบรคให้อัตโนมัติ โดยความเร็วขณะถอยจะไม่ต้องเกิน 8 กม./ชม.
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน โดยจะระบุเส้นแบ่งเลนถนนผ่านกล้องที่กระจกหน้ารถ เมื่อคนขับเบี่ยงเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน เมื่อระบบตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่มีลักษณะการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย ระบบจะแจ้งเตือนด้วยเสียง
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) แจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน เมื่อรถเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะส่งเสียงเตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่มีเวลาตอบสนองมากขึ้น เมื่อผู้ขับขี่มีอาการจาม อ่อนล้า ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้รถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบจะแจ้งเตือนโดยทันที
ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน
การเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent Turn) เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) โดยเมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง
ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอดเข้าสู่ช่องจราจร เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและภาพ หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานด้วยการ ลดความเร็วและหยุดรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) ช่วยประเมินและวิเคราะห์ลักษณะในการขับขี่ เช่น มุมบังคับเลี้ยว การเบรก การควบคุมไฟส่องสว่าง และใบปัดน้ำฝน ระยะเวลาในการขับ หากพบว่ามีลักษณะการขับขี่ที่เหนื่อยล้า หรือหลังจากขับรถด้วยความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และขับรถมากกว่า 4 ชั่วโมง ระบบจะเตือนด้วยภาพและเสียงนาน 20 วินาที ทุกๆ 10 นาที โดยสามารถทำการตั้งค่าใหม่ได้ก็ต่อเมื่อทำการหยุดรถเท่านั้น รถจะทำการแจ้งเตือนและแนะนำให้หยุดพัก
ระบบความปลอดภัยเชิงแก้ไข (Passive Safety)
โครงสร้างตัวถัง ทำจากเหล็กกล้า IronBone™ เหล็กขึ้นรูปร้อนที่มีความแข็งแรงสูงเป็นพิเศษที่สามารถต้านทานแรงดึงได้สูงถึง 1,520 Mpa รวมไปถึงเหล็กกล้าความแข็งแรงสูง 65% และเหล็กเทอร์โมฟอร์ม 8 ชิ้น ซึ่งสามารถดูดซับและลดแรงกระแทกเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก
ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เพื่อปกป้องผู้โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในกรณีที่ถุงลมนิรภัยทำงาน สัญญาณเตือนอันตรายจะทำงาน ประตูจะถูกปลดล็อก และรถจะโทรติดต่อศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน และสามารถส่งตำแหน่งเพื่อขอความช่วยเหลือได้
ระบบโทรหาเบอร์ฉุกเฉิน.