ในโลกใบนี้ไม่น่าจะมีอะไรก้าวร้าวไปกว่าภาพของรถซาลูนตัวแรงที่มีสีดำทะมึน ภาพของ AMG CLS ที่ปรากฏขึ้นบนกระจกมองหลังและเคลื่อนเข้ามาหาอย่างรวดเร็วที่ด้านหลัง กระจังหน้าที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Mercedes-Benz 300SLR Carrera Panamericana กันชนหน้า AMG แบบใหม่ พร้อมช่องรับอากาศใหญ่ยักษ์ กระจังหน้าแบบซี่แนวตั้งนับรวมได้ 15 ช่อง อยู่ภายใต้กรอบกระจังพลาสติกสีดำสนิท ไฟหน้าทแยงขึ้นด้านบนเหมือนคนกำลังโกรธ ชื่อของรถรุ่นนี้ก็คือ Mercedes-AMG CLS53 Coupe 4Matic + แถมท้ายด้วยคำว่า Facelift 2022 เนื่องจากมันเป็นรถรุ่นปรับโฉมตัวสุดท้ายที่จะมีเครื่องยนต์ประจำการอยู่ภายใต้ฝากระโปรงหน้า ก่อนที่จะกลายเป็นรถไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้นี้ ผมขอสนุกเป็นครั้งสุดท้ายกับเครื่องยนต์ AMG ที่ไม่ได้ประกอบด้วยมือของช่างเพียงคนเดียวอีกต่อไป! ก่อนที่จะต้องยอมจำนนกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่เร่งได้เร็วกว่า แต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณและจืดชืดราวกับการกินเต้าหู้แบบไม่ปรุงอะไรทั้งสิ้น
...
การทำรถซาลูนให้มีความสวยงาม ปรับให้รถมีทั้งความสบายและความแรงของพละกำลังควบคู่กันไปได้กลายเป็นสูตรสำเร็จของบริษัทรถยนต์เยอรมัน การปรับแต่งรถสองบุคลิกอย่าง CLS53 4Matic + รุ่นปรับโฉม 2022 เริ่มจากการปรับเปลี่ยนกระจังหน้าแบบใหม่ AMG-specific radiator grille ทำจากพลาสติกสีดำเพื่อเน้นความดุดัน กันชนหน้า AMG แบบใหม่ A-Wing Design เชื่อมโยงรูปทรงของกันชนคล้าย AMG GT 4-Door กันชนหน้ามาพร้อมเซนเซอร์ระแวดระวังถึง 6 จุด กันชนหลังอีก 6 จุด รวม 12 จุด ครอบคลุมระยะการเดินหน้าถอยรอบคันเพื่อความปลอดภัย และทำงานร่วมกับระบบถอยหลังอัตโนมัติ parking pilot เป็นระบบใหม่ที่ไม่ต้องเปลี่ยนไปเป็นเกียร์ R เหยียบเบรก หรือเปิดไฟเลี้ยว วิงหลังทรงตูดเป็ดที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย พร้อมรายละเอียดของงานตกแต่งตัวถังด้วยวัสดุโลหะสีดำเงางามในรูปแบบของ night package ล้อ AMG multi spoke wheels ขอบ 20 นิ้ว ลายใหม่ที่สวยงาม (ล้อ AMG ลายก้านถี่แบบ 20 ก้านใหม่ล่าสุดใน AMG CLS53 ล้างทำความสะอาดภายในขอบล้อด้านในยากมาก) ท่อระบายไอเสียแบบลูกซองแฝดข้างละสองท่อคู่รวมสี่ท่อแบบรมดำ กำลัง 435 แรงม้า กับแรงบิด 520 นิวตันเมตร (แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบ EQ Boost 250 นิวตันเมตร) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออย่างแหล่ม 4MATIC+ ระบบควบคุมการกระจายแรงบิด ช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL+ นั่นก็คือ Adaptive Air Suspension หรือระบบแอร์สปริงที่ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมดนั่นเอง ผลที่ได้รับก็คือ CLS 53 AMG คันบิ๊กบึ้ม เร็วพอที่จะไล่จี้รถสปอร์ตที่มีแรงม้า 450 ตัวได้อย่างสบายๆ เมื่อกดคันเร่งลงลึกในโหมด Comfort ความรู้สึกย้อนแย้งก็เริ่มเกิดขึ้นเมื่อคุณใช้โหมดธรรมดาสามัญในการขับเคลื่อนรถสปอร์ตสองบุคลิกคันนี้ แต่ดันทะลึ่งขับเร็ว เซนเซอร์ที่ตรวจจับการทำงานของคันเร่งไฟฟ้าพยายามสื่อสารกับ ECU ว่า ควรจะเปิดทุกสิ่งทุกอย่างตามที่คนขับต้องการ หลังจากนั้นแค่แวบเดียว เสียงเครื่องยนต์ที่เคยดังเบาๆ แบบสุภาพก็เปลี่ยนไปทันที CLS 53 AMG แตกต่างจาก CLS220d รุ่นปรับโฉมราวฟ้ากับเหวในด้านของสมรรถนะ การเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ว่องไวกว่า พร้อมระบบขับเคลื่อนทุกล้อ 4MATIC+ ที่มีประสิทธิภาพในด้านความเสถียรของการถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อแต่ละข้าง การปรับเปลี่ยนคาแรกเตอร์ของเจ้า CLS รุ่นปรับโฉมเวอร์ชัน AMG จากรถผู้บริหารระดับสูงที่ชอบทำตัวเงียบขรึม มาเป็นรถสปอร์ตของวัยรุ่นที่ชอบความท้าทายในด้านการประลองความเร็ว เป็นงานทางวิศวกรรมยานยนต์ที่คิดใหม่ทำใหม่ทั้งหมดโดยใช้เวลาในการพัฒนานานกว่า 5 ปี หลังจาก AMG CLS53 รุ่นแรก เปิดตัวรอบสื่อมวลชนที่เมืองบาร์เซโลนาในปี 2017
...
CLS มีแพลตฟอร์มที่ใช้ร่วมกับ E-Class สำหรับรถเจเนอเรชันที่ 3 รุ่นปรับโฉมประจำปี 2022 เน้นความเป็นรถ Coupé 4 ประตู มากกว่าสองเจนฯ ที่ผ่านมา รุ่น 53 มีรูปลักษณ์ที่เหมือนกับ CLS 220d แต่มีงานตกแต่งภายนอกภายใน และความรุนแรงในด้านของพลังกับอัตราเร่งที่มากกว่า มันมาพร้อมกับเส้นโค้งรอบคันโดยเฉพาะฝากระโปรง แนวหลังคาและฝาท้าย ด้านข้างของตัวรถลื่นไหลพร้อมบานประตูแบบสปอร์ตที่ไม่มีการติดตั้งกรอบกระจก การทำตัวเป็นรถซาลูนทรงคูเป้พร้อมรูปลักษณ์ที่ไหลลื่น เป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการออกแบบ โครงสร้างหลักของ New CLS Coupé เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของวิวัฒนาการเชิงตรรกะ จากแนวคิดของการออกแบบ Sensual Purity เชื่อมโยงคนขับกับอุปกรณ์ภายใน ผสานกับกำลังของเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง ทวินสคูล เทอร์โบชาร์จเจอร์ ชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ ระบบไฮบริดเสริม Mild Hybrid 48V และชุดส่งกำลัง 9G Tronic ที่มีประสิทธิภาพเชื่อมโยงกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4Matic+ ทั้งหมดทั้งปวงกลายเป็นที่มาของประสิทธิภาพยามขับเคลื่อนไม่ว่าจะย่องหรือทะลุทะลวงแบบพุ่งทะยานก็ได้ทั้งนั้น
...
...
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกจากโรงงานของ Mercedes-Benz New CLS 53 AMG Coupé 4MATIC+ ประกอบในประเทศ 5,570,000 บาท แพงกว่า AMG CLS53 รุ่นก่อนปรับโฉม 2021 ถึง 171,000 บาท AMG CLS53 รุ่นปรับโฉม ติดตั้งไฟหน้าแบบ Full LED เป็นระบบส่องสว่างที่มีประสิทธิภาพ ควบรวมเทคโนโลยีของระบบส่องสว่างแบบใหม่เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยของการขับตอนกลางคืนบนเส้นทางที่ปราศจากแสงไฟส่องถนน ไฟหน้าสามารถปรับตัวเองแบบอัตโนมัติเพื่อไม่ทำให้แสงไฟไปรบกวนรถคันอื่น ชุดไฟหน้า Multibeam LED เวอร์ชันล่าสุด พร้อมฟังก์ชันระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) ส่องไกลเฉียดๆ 600 เมตร ปรับไฟหน้าตามการหักเลี้ยวของพวงมาลัย ALS (Active Light System) ตอบสนองต่อการส่องสว่างบนถนนที่มืดมิดด้วยการเบี่ยงเบนแสงไฟไปยังถนนด้านหน้าและบริเวณไหล่ทางเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยบนถนนที่ปราศจากแสงไฟ รูปทรงไฟหน้าแบบเสี้ยวพระจันทร์ออกแบบให้ไฟหน้ามีเหลี่ยมมุมสอดรับกับเส้นสายบริเวณกระจังหน้า ฝากระโปรงและแก้มข้าง เพื่อสร้างความกลมกลืนและสมดุลของงานออกแบบตัวถังภายนอก ด้านข้างไหลลื่น กรอบประตูทั้ง 4 บานเดินเส้นอัลลอยสีดำ ด้วยอุปกรณ์ตกแต่ง night package เน้นโทนดำเพื่อเพิ่มความดุ กระจกมองข้างแบบสปอร์ต พร้อมหลอดไฟเลี้ยว LED และกล้องมองภาพที่อยู่ใต้กรอบกระจกมองข้าง มือจับที่เปิดประตูสีเงิน ไฟท้ายมีรูปทรงคล้ายกับรถ Audi บั้นท้ายออกแบบได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะความดุดันของรุ่น 53 AMG ที่มีท่อระบายไอเสียทรงกลมแบบรมดำฝั่งละสองท่อคู่ ส่วนไฟท้ายแบบใหม่ของ AMG CLS 53 ใช้หลอดไฟท้าย LED พร้อมเทคโนโลยี Fibre Optic ที่ทันสมัย
ระบบอากาศพลศาสตร์ มีความสำคัญต่อการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง รวมไปถึงประสิทธิภาพของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง Mercedes-AMG CLS Coupé วิ่งแหวกอากาศได้ดี แม้ตัวถังจะมีขนาดใหญ่ แต่อากาศพลศาสตร์ที่ดีจากการขัดเกลารูปทรงในอุโมงค์ลมมีความสำคัญกับไดนามิก มีการปรับค่าแอร์โรไดนามิกให้ดีขึ้นจากการออกแบบทรงโค้งของหลังคา ชิ้นส่วนด้านหน้าที่ลู่ลม จากการออกแบบกระจังใหม่ กันชนหน้าใหม่ ช่องรับอากาศแบบใหม่และไฟหน้าที่แนบสนิทไปกับส่วนหน้าของรถ ทำให้ CLS เป็นซาลูนที่มีตัวเลขความลู่ลมดีเยี่ยม Mercedes-Benz เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการออกแบบตัวถังที่เชื่อมโยงกับอากาศพลศาสตร์ AMG CLS 53 Coupé มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศอยู่ที่ 0.26 (Cd 0.26) เป็นผลลัพธ์จากการปรับปรุงรายละเอียดของตัวรถในขั้นตอนของการพัฒนา โดยจำลองรูปทรงด้วยคอมพิวเตอร์และทดสอบในอุโมงค์ลม แพ็กเกจที่มอบความสะดวกสบายแบบ Acoustic Comfort ด้วยการเก็บเสียงที่ดีเยี่ยม ความลู่ลมของ CLS ยังช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงขณะยกคันเร่งอีกด้วย
มิติตัวถังที่ใกล้เคียงกันของรถเก๋งไซส์กลางแนว Super Luxury Mercedes-AMG CLS 53 มีขนาดตัวถังสูสีกับ Mercedes Benz E-Class แต่มีรูปทรงที่ปราดเปรียวเพรียวลมมากกว่าโดยเฉพาะส่วนโค้งของหลังคาที่สอดรับกับบั้นท้าย ดีไซน์ที่ไหลลื่นจากสัดส่วนของความโค้งบนผิวตัวถัง เพื่อสร้างความแตกต่าง กระตุ้นมุมมอง ทำให้เกิดความอยากขับอยากครอบครอง เป็นเจ้าของรถหรูสาย AMG ในความแรงระดับกลางๆ AMG Class 53 กวาดต้อนกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ตราดาวที่กำลังเล็งรถสปอร์ต 2 หรือ 4 ประตู สำหรับ New CLS 53 AMG Coupé 4MATIC+ Facelift 2022 การปรับโฉมเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเติมความสมบูรณ์แบบ และถือเป็นรุ่นส่งท้ายของ CLS ก่อนที่จะหันไปใช้ระบบส่งกำลังไฟฟ้า New CLS 53 AMG Coupé 4MATIC+ Facelift 2022 มีขนาดความยาวของตัวถัง 4,988 มิลลิเมตร ขนาดความกว้างเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1,890 มิลลิเมตร สูง 1,422 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ วัดจากดุมหน้าไปหลัง 2,939 มิลลิเมตร เปรียบเทียบกับ CLS รุ่นเดิมโฉมปัจจุบันที่มีความยาว 4,937 มิลลิเมตร กว้าง 1,881 มิลลิเมตร สูง 1,418 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,874 มิลลิเมตร จะเห็นว่า Mercedes-AMG New CLS 53 Coupé รุ่นใหม่นี้ ยาวขึ้น 55 มิลลิเมตร กว้างขึ้นเล็กน้อย 9 มิลลิเมตร รวมถึงความสูงก็ยังมากขึ้นอีกนิด ฐานล้อยาวขึ้น 65 มิลลิเมตร โอเวอร์แฮงค์ที่มีการออกแบบให้สั้นกระชับมีส่วนทำให้เกิดความคล่องตัวเมื่อเลี้ยวกลับลำ หรือถอยจอดในพื้นที่คับแคบ ล้ออัลลอยขอบ 20 นิ้วของ AMG เป็นล้อลาย 20 ก้านรุ่นใหม่ ที่ล้างทำความสะอาดคาลิปเปอร์เบรกสีเงินได้ยาก ต้องใช้แปรงเล็กๆ ชุบซันไลน์แหย่เข้าไปถูถึงจะสะอาด ยางติดรถยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะใส่ของดีมาให้อยู่แล้ว ยางสปอร์ตประสิทธิภาพสูงของ Michelin รุ่น Pilot Sport 4S ยางหน้าขนาด 245/35ZR20 ยางหลัง 275/30ZR20
งานตกแต่งภายในสไตล์รถผู้ใหญ่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ใช้งานพวกจอภาพและปุ่มควบคุมอุณหภูมิแบบแยกโซน ภายในของ AMG CLS รุ่นปรับโฉมยังคงมีมนต์ขลังสำหรับผู้บริหารสูงวัยเสมอ สำหรับรุ่นปรับโฉม AMG CLS 53 AMG Coupé 4MATIC+ Facelift 2022จัดงานตกแต่งภายในที่เน้นความหรูหราเหมือนเดิม เพิ่มเติมก็คือการเปลี่ยนพวงมาลัย AMG พร้อมปุ่มปรับโหมดแบบใหม่ที่ไฮเทคและสั่งงานได้เร็วขึ้นเพราะติดตั้งอยู่ใต้ก้านวงทั้งสองฝั่ง รวมถึงแผงควบคุมที่เปลี่ยนเป็น MBUX แบบใหม่ล่าสุด สั่งงานด้วยเสียงหรือใช้นิ้วแตะแป้นสัมผัสที่อยู่ถัดไปจากคอนโซลกลาง (บริเวณเดียวกับซุ้มเกียร์ในอดีต) วัสดุและโทนสีภายในของ CLS 53 AMG Coupé 4Matic + สร้างบรรยากาศให้มีความเป็นรถสปอร์ตควบคู่ไปกับความหรูหราน่าใช้งาน ด้วยสไตล์ของ AMG ที่สะท้อนรูปทรงไหลลื่นจากภายนอกสู่งานดีไซน์ภายใน สำหรับการแสดงผลโดยรวม ยังคงใช้จอภาพขนาดใหญ่แบบสองจอภาพเชื่อมติดกัน (จอภาพมาตรวัดและจอภาพแสดงข้อมูลส่วนกลาง) การออกแบบที่โค้งมนของแดชบอร์ดคอนโซล จากด้านหน้าไปที่ประตูด้านหลังและเปิดออกที่เสา B จุดเด่นของงานตกแต่งภายใน นอกจากพวงมาลัยสามก้านแบบใหม่ที่สวยงาม ดูเข้ากับภายในของรถมากกว่าเดิม เบาะสปอร์ตของ AMG และแผงแดชบอร์ด ช่องระบายอากาศแบบเรืองแสงที่เชื่อมโยงกับไฟตกแต่งตอนกลางคืน ยิ่งทำให้มันน่าใช้งานมากขึ้นไปอีก ช่องแอร์ทำออกมาคล้ายกับกังหันเทอร์ไบน์ในเครื่องยนต์ของเครื่องบินเจ็ต มีไฟ LED เรืองแสงภายใน ปรับเปลี่ยนโทนสีได้ถึง 64 สี จากฟังก์ชันการปรับตั้งที่หลากหลาย สปอร์ตซาลูน CLS Coupé มีเบาะหลังแบบสามที่นั่ง ทำให้มันเป็นรถห้าที่นั่ง แต่เบาะหลังนั่งสองคนจะสบายตัวกว่ามาก เมื่อต้องการขนสัมภาระ เบาะหลังมีการออกแบบให้พับราบในรูปแบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มช่องเก็บสัมภาระขนาด 520 ลิตร คอนโซลกลางตกแต่งด้วยงานคาร์บอนไฟเบอร์ แดชบอร์ดและแผงประตูประดับประดาด้วยงานอะลูมิเนียมสีเงินพร้อมตำแหน่งของกรวยลำโพงที่เต็มไปด้วยรายละเอียดสลับซับซ้อนและสง่างาม เข็มขัดนิรภัยสีแดงของ AMG เบาะครึ่งหนังเดินเส้นด้วยหนังกลับ Alcantara ตำแหน่งท่านั่งจัดวางมาดีมาก โดยเฉพาะตำแหน่งคนขับซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการใช้อุปกรณ์
จอภาพมาตรวัดและจอภาพของระบบแสดงผลมัลติมีเดียขนาดความยาว 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว ทำให้มาตรวัดและจอภาพมอนิเตอร์กลางมีขนาดที่ยาวเอาเรื่อง ความคมชัดของจอภาพมาตรวัด TFT (thin film transistor) instrument cluster กับจอแสดงผลกลางสั่งงานด้วยระบบสัมผัสติดตั้งระบบ MBUX แบบใหม่ล่าสุด ติดตั้งฟังก์ชันการใช้งานเสริมอีกเพียบ พร้อมกราฟิกการแสดงผลที่มีความคมชัด โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนมาตรวัดที่มีการแสดงผลอย่างหลากหลายเต็มไปด้วยรายละเอียดที่มากกว่าเดิม ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambience lighting เป็นหลอดไฟ LED ปรับเฉดสีได้ 64 สี ช่วยสร้างบรรยากาศภายในเมื่อขับตอนกลางคืน โดยสามารถปรับสีสันได้ตามใจชอบ ปรุงแต่งบรรยากาศการขับขี่ตอนกลางคืนด้วยหลอด LED ที่เปลี่ยนสีได้ตามการปรับตั้ง ช่องระบายความร้อน พร้อมโมดูลสื่อสารและเชื่อมต่อ communication module with LTE / Mercedes me connect services
AMG CLS 53 4MATIC+ มีงานตกแต่งภายในที่แตกต่างในด้านของรายละเอียด วัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในของรถรุ่นนี้ถูกเน้นหนักไปด้านอารมณ์พร้อมกับความหรูหราในสไตล์ของแบรนด์ตราดาว เบาะ AMG ปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ แผงคาร์บอนไฟเบอร์และงานอัลลอยสีเงินยวงประดับประดาอยู่บนแดชบอร์ด พวงมาลัย AMG ทรงสามก้านหุ้มด้วยหนังสองแบบมีรอบวงที่อวบอ้วนจับได้กระชับมือดีมาก ช่องแอร์แบบใหม่พร้อมหลอดไฟ LED ที่ตกแต่งอยู่ในช่องแอร์แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการเอาชนะรถดีๆ อย่าง Audi A7 Sportback 55 TFSI Quattro เครื่องเสียงชั้นดี Burmester High-End 3D Surround-Sound system ติดตั้งลำโพง 13 ตำแหน่ง กำลังขับ 590 วัตต์ ให้เสียงเพลงที่เล่นผ่าน USB / iPod/ bluetooth มีความคมชัดสมจริงและเต็มไปด้วยมิติของเสียงเบส เสียงกลางและความจัดจ้านของเสียงแหลมเป็นชุดเครื่องเสียง Burmester ที่ทำกรวยลำโพงได้สวยงามสมราคาค่าตัว 5.7 ล้าน
ปุ่มปรับโหมดการขับเคลื่อนแบบใหม่ AMG steering wheel buttons ที่เพิ่มเข้ามาให้ บริเวณด้านซ้ายคือปุ่มปรับการตอบสนองของช่วงล่างแอร์สปริง ปุ่มปิดแทรคชั่นคอนโทรล แยกย่อยเป็นปุ่มปรับการทำงานของเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G-Tronic ปรับได้ทั้งแบบอัตโนมัติหรือแมนนวลเต็มระบบ ส่วนปุ่มด้านขวา ใช้ปรับโหมดขับเคลื่อนต่างๆ เช่น
1-Silppley
โหมดขับเคลื่อนบนผิวถนนที่เปียกลื่น เน้นการขับขี่แบบค่อยเป็นค่อยไปที่ช่วยให้การควบคุมทิศทางขณะฝนตกหรือผิวถนนเปียกแฉะ โดยลดการตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้า ระบบส่งกำลังจะดันอัตราทดขึ้นสู่เกียร์สูงเพื่อลดแรงบิดแบบฉับพลันทันทีที่อาจก่อให้เกิดอาการลื่นไถล
2-COMFORT
โหมดมาตรฐานเมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ทุกครั้งเจ้า CLS จะเข้าสู่โหมดนี้ COMFORT ออกแบบมาเพื่อการควบคุมและการตอบสนองด้วยค่าที่เป็นกลาง ใช้ขับทั้งในและนอกเมืองได้ดี คันเร่งไวกว่าโหมด Silppley แต่ยังเน้นความประหยัดสำหรับการขับใช้งานในชีวิตประจำวัน คันเร่งจะหน่วงลดลงจาก Silppley แต่ไม่ไวเท่า Sport ช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL+ แบบแอร์สปริงจะปรับให้โช้คอัพถุงลมมีความนิ่มนวลสำหรับการขับปกติ
3-SPORT
พวงมาลัยตั้งรับการขับที่เร็วขึ้นด้วยน้ำหนักที่ค่อนข้างกระชับรัดกุม คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองได้เร็วขึ้น เกียร์ 9G-Tronic คาอยู่เกียร์ 3-4-5 เพื่อเรียกแรงบิดนานเป็นพิเศษ AMG RIDE CONTROL+ จะปรับระดับความสูงให้ลดต่ำลง ปรับให้โช้คถุงลมแข็งขึ้นมาอีกนิดเพื่อทำให้ช่วงล่างสอดรับกับการขับเร็ว
4-SPORT+
คันเร่งไฟฟ้ายังคงตอบสนองได้เร็วเหมือนกับ Sport Mode เกียร์คาให้ลากรอบในตำแหน่งเกียร์ 3-4-5 หรือชิฟเกียร์ลงเองอย่างเร็วเมื่อใช้เบรกหนักๆ บางจังหวะเกียร์เชนลงต่ำให้ถึง 2 เกียร์ ระบบรองรับ AMG RIDE CONTROL+ โดยเฉพาะโช้คถุงลมแบบ Air Suspension ปรับตัวเองให้ระดับความสูงเตี้ยลง การทำงานของแอร์สปริงจะอัดลมเข้าระบบจนทำให้แข็งขึ้น เพื่อการขับที่ต้องการการตอบสนองในระดับสูงสุดของทุกระบบ รองรับการขับด้วยความเร็วสูงทั้งบนถนนปกติและในสนามแข่ง
5-INDIVIDUAL
เลือกปรับการตอบสนองแบบแยกย่อยของระบบต่างๆ เช่น เครื่องยนต์ เกียร์ พวงมาลัย และระบบรองรับหรือช่วงล่างได้ตามต้องการในรูปแบบของตัวเอง
มาถึงระบบส่งกำลังซึ่งเป็นที่มาของความสนุกและความบันเทิงหลังพวงมาลัย ความสามารถในการทำความเร็วและการบริหารจัดการกับพลังงาน เครื่องยนต์เบนซินจากการปรับแต่งของแผนกมอเตอร์สปอร์ต AMG ที่ประจำการอยู่ในรถสปอร์ตรหัส 53 เป็นแบบแถวเรียง 6 กระบอกสูบ รหัส M256 อัดอากาศด้วยเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ เป็นเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงรุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ตราดาว ระบบ EQ Boost ใช้ไดสตาร์ตทำหน้าที่เป็นมอเตอร์สตาร์ตด้วย ISG มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลัง 16 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร โดยวางแทรกอยู่ในชุดเกียร์ 9G-Tronic คอยเสริมแรงและรับหน้าที่ส่งกำลังไฟฟ้าไปหมุนปั๊มน้ำกับคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำให้ไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้สายพานหน้าเครื่องยนต์อีกต่อไป ช่วยลดกำลังที่สูญเสียไปกับแรงเสียดทาน ช่วยทำให้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงของ AMG มีขนาดที่สั้นลง เมื่อทำงานร่วมแกนกับระบบไฮบริดจิ๋วขนาด 48 โวลต์ E-Compressor หรือที่ Mercedes เรียกว่า EQ Boost ช่วยลดอาการรอรอบ หรือเทอร์โบแลคได้ดี เมื่อกดคันเร่งเต็มที่ แรงบิดสูงสุดจะมาเร็วมากในเวลาแค่ 0.2 วินาที ตั้งแต่ยังไม่ถึง 2,000 รอบต่อนาที แรงบิดก็เทออกมาจนเกือบหมดแล้ว
การป้องกันอาการเทอร์โบแลคหรืออาการรอรอบนั้น Mercedes-Benz ร่วมมือพัฒนากับค่าย Audi และ Bentley เพื่อปรับปรุงระบบ E-Compressor (EQ Boost) ถูกใช้เพื่อลดอาการรอรอบในเครื่องยนต์เบนซิน โดยทำงานร่วมกับ ISG ตัว eZV ประกบอยู่กับเทอร์โบที่ต่อเข้ากับท่อไอเสีย มันสามารถเร่งรอบการทำงานได้ถึง 70,000 รอบต่อนาที ในเวลาเพียงแค่ 0.3 วินาที ช่วยเพิ่มบูสให้กับเครื่องยนต์ในย่าน 1,000-3,000 รอบต่อนาที โดยไม่มีข้อจำกัดในด้านของรอบเครื่องยนต์และโหลด
M256 บล็อกอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีพิเศษ ผนังกระบอกสูบถูกกลึงอย่างประณีตและมีการพ่นสารเคลือบนาโนสไลด์เพื่อปรับให้มีแรงเสียดทานต่ำ การเคลือบ Nanoslide ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Mercedes-Benz สร้างพื้นผิวที่มีรูพรุนของผนังกระบอกสูบ ช่วยลดความเสียดทานเมื่อเทียบกับผนังกระบอกสูบที่เป็นเหล็กหล่อแบบเดิม ระยะห่างกระบอกสูบ- 90 มิลลิเมตร เครื่องยนต์มีเพลาข้อเหวี่ยงทำจากเหล็กหล่อและก้านสูบที่แข็งแกร่ง ระยะห่างระหว่างศูนย์กลางของกระบอกสูบ 90 มิลลเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่สม่ำเสมอสำหรับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ ลูกสูบติดตั้งวงแหวนแบบพิเศษพร้อมท่อระบายความร้อนด้วยน้ำมันซึ่งช่วยลดอุณหภูมิขณะเคลื่อนที่
หัวกระบอกสูบสำหรับเครื่องยนต์ M256 ผลิตจากโลหะผสมอะลูมิเนียม-ซิลิกอน วาล์วไอดีสองตัวและวาล์วไอเสียสองตัวต่อหนึ่งสูบ เป็นครั้งแรกที่ Mercedes-AMG ใช้วาล์วไอเสียแบบกลวง ระบายความร้อนด้วยโซเดียม วาล์วถูกกระตุ้นโดยเพลาลูกเบี้ยวสองอัน เพลาลูกเบี้ยวไอดีและไอเสียขับเคลื่อนด้วยโซ่ไทม์มิ่งติดตั้งอยู่ด้านล้อมู่เล่ ผ่านเฟืองขับเพลาลูกเบี้ยว โซ่ไทม์มิ่งยังขับเคลื่อนปั๊มเชื้อเพลิงแรงดันสูงและปั๊มน้ำมันหล่อลื่น หัวเทียนในเครื่องยนต์ M256 ติดตั้งหัวเทียนเกลียว M10 เพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น ในส่วนหัว M256 ยังติดตั้ง variable engine timing (for the intake and exhaust valves) แบบแปรผัน (สำหรับวาล์วไอดีและไอเสีย) และวาล์วปรับระดับที่ด้านไอดี (Mercedes-Benz CAMTRONIC) ช่วงการปรับตั้งของเพลาลูกเบี้ยวไอดีถูกเพิ่มเป็น 70 องศาที่ข้อเหวี่ยง เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ที่ทันสมัยที่สุด M256 มาพร้อมกับระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงแรงดันสูงพร้อมหัวฉีดเพียโซที่มีความแม่นยำสูง
เครื่องยนต์ Mercedes-Benz M256 มีระบบสตาร์ทเตอร์-อัลเทอร์เนเตอร์ (ISG) ที่ติดตั้งระหว่างเครื่องยนต์กับเกียร์อัตโนมัติ ต่อเชื่อมกับระบบไฟฟ้าออนบอร์ด 48V ISG ยึดติดกับเพลาข้อเหวี่ยงอย่างแน่นหนา และแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างเพลาขับกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 48V ที่มีปริมาณพลังงานเกือบ 1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระบบไฟฟ้า 48V จ่ายไฟให้กับปั๊มน้ำไฟฟ้าและคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศ ระบบอัดอากาศเป็นคุณสมบัติหลักของเครื่องยนต์ M256 เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ twin-scroll turbocharger พร้อมท่อร่วมไอเสียที่หุ้มฉนวน คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเพิ่มเติม (eZV) ที่รวมอยู่ในระบบไฟฟ้า 48 โวลต์ คอมเพรสเซอร์เสริมไฟฟ้า ขจัดเอฟเฟกต์ของอาการเทอร์โบแล็ก ครีบเทอร์ไบน์สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 70,000 รอบต่อนาที ภายใน 300 มิลลิวินาที เป็นเทอร์โบไฟฟ้าที่มีศักยภาพสูง
M256 ประจำการอยู่ใน Mercedes S-Class W222 S450/S550, Mercedes CLS-Class C257 CLS450/AMG CLS53 Facelift 2022, X290 AMG GT43/GT53, Mercedes GLE-Class V167 GLE450/AMG GLE53, Mercedes E-Class W213 / AMG E53 Facelift 2022
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงเทอร์โบคู่ รหัส M256 ใน AMG CLS53 ใช้ฝาสูบแบบดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 4 วาล์วต่อสูบ = 24 วาล์ว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 83.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1 กำลังสูงสุดมากถึง 435 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร หรือ 52.98 กิโลกรัม/เมตร ในย่าน 1,800-5,800 รอบต่อนาที ระบบ EQ Boost Assist ทำงานร่วมกับ EQ Boost Starter Generator กำลัง 16 กิโลวัตต์ หรือ 22 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร หรือ 25.45 กิโลกรัม/เมตร แบตฯ ลิเทียมไอออนความจุ 48V เสริมอัตราเร่งด้วยการป้อนพลังงานไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ที่ฝังอยู่ในเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G-Tronic ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ all-wheel drive ชุดกระจายแรงบิด fully variable torque distribution เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบ ทวินเทอร์โบหรือเทอร์โบคู่พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ตัวนี้ สร้างกำลังได้มากถึง 320 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร สมรรถนะของ CLS 53 AMG เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.7 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อย CO2 200 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร CLS 53 Coupe 4MATIC + คือการผสมผสานการออกแบบที่เน้นบรรยากาศของรถสปอร์ตกับไดนามิกของการควบคุมในสไตล์ของแบรนด์ตราดาว บนแนวทางการปรุงแต่งจากสำนัก AMG จุดเด่นของเครื่องยนต์เบนซินแบบใหม่ขนาด 3.0 ลิตร คือ ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์และคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้า EQ Boost Assist
ระบบส่งกำลัง หรือเกียร์ของ New CLS 53 AMG Coupé ใช้เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ 9G-Tronic With 4-MATIC+ พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift เป็นเกียร์ที่ผลิตในโรงงานผลิตระบบส่งกำลังของแบรนด์ตราดาว ส่วนตัวเลขอัตราทดเกียร์ มีดังต่อไปนี้
เกียร์ 1-5.35
เกียร์ 2-3.24
เกียร์ 3-2.25
เกียร์ 4-1.64
เกียร์ 5-1.21
เกียร์ 6-1.00
เกียร์ 7-0.86
เกียร์ 8-0.72
เกียร์ 9-0.60
เกียร์ถอยหลัง (R) 4.80
เสียงเครื่องยนต์ M256 ที่ถูกกระแทกกระทั้นคันเร่งในรอบสูงครางออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับเสียงพึ่บของท่อระบายท้ายตอนเปลี่ยนเกียร์ และเสียงระเบิดปุปุเบาๆ เมื่อยกคันเร่ง การลากรอบจนเข้า Rad line ในโหมด Sport + ความเร้าใจเริ่มจากวาล์วภายในระบบระบายไอเสียที่ถูกเปิดออกจนสุด เทอร์โบที่หมุนเร็วจี๋ส่งเสียงหวีดเบาๆ ผสมกับเสียงคำรามของเครื่อง AMG แบบ 6 สูบเรียง ซึ่งพ่วงด้วย Mild Hybrid 48V เพื่อลดภาระการทำงานของแบตเตอรี่หลัก หากยังนึกไม่ออกว่าเสียงของเจ้า 53 รุ่นนี้ดังยังไง ก็ลองไปเปิดฟังในยูทูบดูเอาเอง เป็นเสียงเครื่องยนต์ที่เพราะสุดๆ ในขณะที่กำลังเพลินกับการกดคันเร่งลากรอบเพื่อฟังเสียงการทำงานของขุมกำลัง AMG ความเร็วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสูงเกินไป CLS53 มีพลังงานในการเร่งความเร็วเหลือเฟือ อาจไม่จี๊ดเท่ากับ E 63S ที่มีราคาแพงกว่ามาก แต่การขับด้วยความเร็วสูงก็สนุกสุดๆ แถมยังมีความสบายของระบบรองรับแบบแอร์สปริงที่คอยผ่อนสั้นผ่อนยาวยืดและยุบระบบรองรับเมื่อวิ่งผ่านผิวถนนที่ไม่เรียบ น้ำหนักตัวรวมสัมภาระเฉียด 2 ตัน กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4Matic + กับช่วงล่าง Adaptive Air Suspension ที่เรียกว่า AMG RIDE CONTROL+ ช่วยทำให้รถเกาะหนึบและเร่งทางตรงได้อย่างแน่วแน่ อาการทอร์คสเตียร์บางๆ ขณะกดคันเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งทำให้รู้สึกสนุก ความเงียบสงบแถวอุทยานปราณบุรี ถูกแทนที่ด้วยเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์จากฝีมือของคนบ้ารถแรงใน Affalterbach โทนเสียงเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงออกแนวทุ้มนุ่มลึกกังวานไปทั่ว
แน่นอนว่า AMG CLS 53 Facelift 2022 ไม่ใช่รถแข่ง แม้มันจะมีระบบกระจายและเฉลี่ยแรงบิดไปยังล้อหน้าและหลัง ซึ่งทำให้รถมีอาการที่เป็นกลางตอนขับเข้าโค้ง หักเลี้ยวมุมแคบได้ดี อัตราทดของพวงมาลัยไฟฟ้าถูกเซตมาในแบบรถผู้บริหารไม่ใช่รถซิ่ง แต่มันก็สามารถปรับเปลี่ยนความรู้สึกดังกล่าวได้ด้วยการเลือกใช้โหมดขับเคลื่อน สำหรับโหมดสูงสุด Sport + พอขับเร็ว พวงมาลัยจะหน่วงเพิ่มเพื่อไม่ทำให้รู้สึกเบาจนเกินไป บางโค้งที่เป็นโค้งต่อเนื่องก็หมุนพวงมาลัยจากซ้ายไปขวาได้อย่างแม่นยำ แป้น Paddle Shift ใช้งานได้ดี การมีถึง 9 เกียร์ทำให้รถมีอัตราทดที่ครอบคลุมในทุกสภาวะการใช้งาน โหมดสูงสุดจะคาอยู่เกียร์ 4-5 6 นานเป็นพิเศษเพื่อเรียกแรงบิดได้อย่างฉับไว เมื่อเบรกหนักๆ เกียร์จะเปลี่ยนลงต่ำให้เองโดยไม่ต้องไปวุ่นวายกับแป้นเปลี่ยนเกียร์ ผมลองลงเบรกอย่างหนักหน่วงก่อนมุดเข้าสู่หัวโค้งบนภูเขา เจ้า 53 ลดเกียร์ลงให้ 2 ตำแหน่ง จากเกียร์ 7 ลงมาที่เกียร์ 5 พร้อมๆ กับเสียงท่อท้ายที่คำรามออกมาเมื่อรอบตวัดขึ้นไปถึง 5,500 รอบต่อนาที เมื่อยังไม่สาแก่ใจก็เลยลองลดเกียร์ผ่าน Paddle Shift แต่ระบบป้องกันเกียร์กระจายเนื่องจากรอบเครื่องยนต์ไม่สัมพันธ์กับตำแหน่งเกียร์ไม่อนุญาตให้ผมลดเกียร์จาก 5 ลงไปที่ 3 อันนี้ถือว่าดี อย่าลืมดูแลเรื่องการเปลี่ยนถ่ายของเหลวหรือน้ำมันเกียร์ให้ดี เกียร์ที่ต้องรับแรงบิดมากๆ นั้นอาจมีอาการสึกหรอมากกว่าระบบส่งกำลังในรถที่ไม่ได้มีเรี่ยวแรงมากมายอะไร
จุดเด่นของ CLS 53 ก็คือ ความเป็นรถของคนที่ค่อนข้างมีอายุ วัยรุ่นส่วนใหญ่ หันไปหา C43 รุ่นพิเศษก่อนปิดไลน์ผลิต หรือ E53 Coupe คูเป้คันโตที่ดูดี มากกว่าจะเทใจให้กับรถซาลูนที่ดูสูงวัย สัมผัสของ AMG CLS แตกต่างจากรถสปอร์ตพลังสูงทั่วไป เป็นรถที่ถูกปรับให้นั่งขับได้สบายตัว เงียบใช้ได้ในโหมดที่เหมาะสมกับการขับในเมือง ช่วงล่างไม่ได้แข็งเหมือน AMG ตระกูล GT เครื่องยนต์ V8 แต่เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงก็ดึงหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน สำหรับ CLS เวอร์ชั่น 53 คือรุ่นสูงสุดโดยไม่มีรุ่น 63 อีกต่อไป ตัวถังสีดำได้รับความนิยมมากที่สุดในไทย ตามด้วยสีขาวที่เห็นได้น้อยกว่ามาก มีเจ้าของ 53 บางคนเอาไปติดสติกเกอร์สีเทาด้าน หรือดำด้าน ก็ยิ่งทำให้รถดูดุดันมากยิ่งขึ้น สัญลักษณ์ Turbo 4Matic+ แจ้งเตือนรถรอบข้างให้รับรู้ถึงขุมกำลัง AMG ที่มีระบบอัดอากาศและการขับเคลื่อนทุกล้อ สปอยเลอร์หลังทรงตรูดเป็ดก็ดูดี โดยไม่จำเป็นจะต้องติดวิงหลังที่ดูเหมือนรถซิ่งวัยรุ่นมากเกินไป เป็นรถซาลูนของเศรษฐีที่ชอบความเรียบง่ายและไม่ชอบความฉูดฉาด เป็นการผสมผสานอย่างลงตัว ผมทะยานผ่านชายหาดแถวสามร้อยยอดมุ่งหน้าไปทางที่ทำการอุทยาน โดยพยายามขับแบบประคองไม่ใช้ความเร็วสูงเนื่องจากเข้าเขตอุทยานที่มีชุมชน หัวโค้งของทางในแถบนั้นคือจุดที่เบรกแสดงศักยภาพออกมา คนที่ครอบครอง CLS 53 บางคนที่ต้องการความสุดในด้านพลังของการหยุดยั้งมักจะเปลี่ยนเป็นเบรก AMG 6-8 พอต คาร์ลิปเปอร์สีแดงพร้อมจานเบรกเจาะรูระบายที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เบรกเดิมๆ ก็เอาอยู่ แต่ก็ต้องเบรกเร็วกว่าเดิมเพื่อความปลอดภัย ประสิทธิภาพของเบรกแบบ 4 พอต ก็พอใช้งานได้ แต่ถ้าติดนิสัยไปไวกว่าคนอื่น ชอบเบรกหนักๆ ไม่ชอบเลียเบรก ก็ควรจะเปลี่ยนเบรกที่ใหญ่กว่าและสามารถรองรับการขับเร็วโดยเฉพาะการเอาลงไปอัดในสนามแข่งรถ
53 ทุกรุ่นทุกตัวถัง เป็นรถ AMG ที่มีอัตราเร่งเกรี้ยวกราด เครื่องเบนซินหกสูบเรียงเทอร์โบ ใน CLS 53 AMG เหมือนกับ AMG GT53 แต่มีราคาถูกกว่า ความพิเศษที่มากกว่า CLS220d รุ่นมาตรฐานในด้านพละกำลังและของแต่ง ท่านั่งขับที่แสนสบาย ใน CLS 53 กำพวงมาลัยสามก้านแบบใหม่ให้ดี กริบในตำแหน่งมือจับออกแบบให้ใช้หนังกลับ Alcantara หมุนปุ่มปรับโหมดการขับเคลื่อนที่อยู่ใต้ก้านวงพวงมาลัยด้านขวา ถ้าชอบเปลี่ยนเกียร์เองก็กดสวิตช์ที่ด้านซ้ายเพื่อเข้าสู่โหมดเกียร์แมนนวล จากนั้นก็ปล่อยให้ระบบต่างๆ ประสานงานกับขุมกำลัง M256 อัตราเร่งที่จี๊ดจ๊าด บ่งบอกว่านี่คือรถซาลูน 4 ประตูสายแรงคันโตที่แปะตราสัญลักษณ์ AMG ตัวใหญ่และหนักอึ้ง แต่เร่งความเร็วได้สูสีหรือดีกว่ารถสปอร์ตบางรุ่น ขณะที่คุณกำลังตื่นตะลึงกับความเร็วที่มันมอบให้และชื่นชมว่า Mercedes-AMG สามารถทำรถแรงๆ ออกมาได้ดีเกือบทุกรุ่น แต่เบื้องหลังของทุกสิ่งใน CLS ที่คุณกำลังสัมผัสอยู่นี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น เพราะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC+ กำลังทำงานอย่างหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อขับเร็วขึ้นในโค้ง ใครก็ตามที่ขับรถเป็นจะรู้สึกได้ถึงแรงยึดเกาะที่ส่งตรงจากยาง PS4 ขึ้นไปที่โช้คอัพและสปริง แล้วถ่ายเทมายังแชสซีผ่านชุดบังคับเลี้ยวจนมาถึงข้อมือของคนขับ CLS 53 AMG พุ่งทะยานผ่านโค้งอย่างหนึบ อาการแกว่งหรือส่ายไปมาก็ไม่ปรากฏ ส่วนท้ายที่มั่นคงของมันยึดเกาะกับถนนได้ดีเท่ากับส่วนหน้า จากการทำงานของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีเครื่องหมาย + ต่อท้าย ชุดส่งกำลังปรับตั้งให้เข้ากับคาแรกเตอร์ของช่วงล่างแบบแอร์สปริง ให้ความรู้สึกมั่นใจในการทำความเร็ว เมื่อเลี้ยวในโค้งมุมแคบด้วยความเร็วที่เกินนิดๆ ก็จะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของรถที่หนักเอาเรื่อง ขณะที่ผมพยายามจะขับมันให้เกินขอบเขตข้อจำกัด และเมื่อกระชากออกตัวด้วยความเร็ว หน้ารถจะเบาขึ้นเล็กน้อยแต่พวงมาลัยยังคงมีน้ำหนักที่หน่วงมืออย่างชัดเจน การปรับหน่วงของชุดบังคับเลี้ยวขึ้นตรงกับสปีดความเร็ว พวงมาลัยแปรผันพยายามปรับน้ำหนักให้พอดีกับความเร็วที่ใช้ในขณะนั้น ทำให้ CLS 53 AMG เป็นซาลูนไซส์กลางตัวยาวที่ควบคุมได้ง่าย ขับเร็วจี๋ก็ยังนิ่งใช้ได้และมีความสบายเมื่อขับแบบไปเรื่อยๆ
ราคาไม่ใช่ประเด็นหลักสำหรับลูกค้าส่วนใหญ่ที่เทใจให้กับ AMG CLS53 มันเป็นรถที่คุ้มค่ากับเงินที่จะต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับ CLS220d เรือนร่างที่สวยงามและฟิลลิ่งการขับที่ทำให้ประทับใจ กลายเป็นจุดสนใจของลูกค้า ส่วนตัวเลขสมรรถนะต่างๆ ก็ถือว่าทำได้ดี ตราบใดที่คุณไม่ได้ขับมันจนเกินขอบเขตของการควบคุม ยาง Pilot Sport 4S เกาะถนนและช่วยสร้างความมั่นใจเมื่อขับทางไกลได้มากกว่ายางรันแฟลตเกือบทุกรุ่น เบรกให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ แป้นเบรกตอบสนองดี แต่ถ้าจะเอาให้ดีกว่านี้ก็ต้องควักเพิ่มเพื่ออัปเกรดระบบเบรกที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ถ้าไม่ได้ขับแบบขยี้คันเร่งบ่อยครั้ง หรือชอบมุดแล้วใช้เบรกหนักๆ ไปตลอดทาง เบรกเดิมติดรถก็เอาอยู่แหละครับ สำหรับพวงมาลัยอัตราทดแปรผัน ให้ความรู้สึกที่มีน้ำหนักและแน่นตึ้บแม้จะใช้โหมด Comfort ช่วงล่าง Adaptive Air Suspension ที่เรียกว่า AMG RIDE CONTROL+กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4Matic + ทำงานเร็วและตอบสนองดีมากเมื่อเพิ่มความเร็วหรือเลือกใช้โหมด Sport+ เกียร์ 9G AMG SPEEDSHIFT TCT นั้นดีอยู่แล้วเพราะ Mercedes-Benz มีโรงงานระบบส่งกำลังเป็นของตัวเองมานานกว่า 50 ปี พัฒนาเกียร์มาหลายสิบรุ่นจนได้เกียร์ที่มีความสมบูรณ์แบบ เกียร์ของ AMG CLS สามารถปรับลดอัตราทดแบบก้าวกระโดด จากเกียร์ 8 ลงมาที่เกียร์ 4 ภายในพริบตา พร้อมกับการส่งแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบเกียร์จะเข้ามาช่วยชดเชยแรงบิดเพื่อไม่ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานขณะลดความเร็วมากเกินไป การปรับปรุงในรุ่นปรับโฉมทำให้ Mercedes-AMG CLS 53 Coupe 4MATIC+ เป็นซาลูนที่มีความสามารถรอบด้าน ใช้งานได้ทุกวัน เวลาซัดทางตรงหรืออัดเข้าโค้งก็ไปได้เร็วกว่าเดิม น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่จุดจบของมันมาถึงเร็วไปหน่อยเท่านั้นเอง.
รายละเอียดด้านเทคนิค Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+
ราคา 5,570,000 บาท
เครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียง 6 สูบ พร้อมเทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์
ปริมาตรกระบอกสูบ 2,999 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 320กิโลวัตต์ 435 ที่ 6,100 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ที่ 1,800-5,800 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 กม. / ชม. 4.5 วินาที
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 250 กม. / ชม.
ความจุถังนํ้ามัน 66 ลิตร
ระบบส่งกําลัง เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC) พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย AMG SPEEDSHIFT TCT 9G transmission ตกแต่งแป้นเกียร์ ด้วย Galvanised พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-wheel Gearshift Paddles)
ขนาดล้อและยาง- หน้า 245 / 35 R20
ขนาดล้อและยาง-หลัง 275 / 30 R20
มิติตัวถัง (กว้าง 1,896 มิลลิเมตร ยาว 5,012 มิลลิเมตร สูง 1,422 มิลลิเมตร
ระบบความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า สําหรับผู้ขับขี่
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light)
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise control) และจํากัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
ระบบเตือนเพื่อนํารถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator)
ระบบแสดงสถานะลมยางพร้อมระบบแจ้งเตือนเแรงดันลมยาง
(Tyre pressure monitoring system)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง (Active Lane Keeping Assist)
ระบบช่วยการนํารถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC)
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
ระบบแจ้งเตือนสถานะเข็มขัดนิรภัยสําหรับผู้โดยสารตอนหลัง
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus)
กระจกมองข้างปรับระดับและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า
กระจกมองข้าง ด้านผู้ขับขี่และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO comfort package
ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ (HANDS-FREE ACCESS)
ระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้าย ด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (Air Suspension) พร้อมระบบควบคุม AMG RIDE CONTROL+
หลังคาซันรูฟ เลื่อนเปิด - ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
AMG bodystyling (กันชนหน้า- หลังและสเกิร์ตข้าง)
ภายนอกตกแต่งด้วย AMG Night package
สปอยเลอร์ด้านหลังบนฝากระโปรงท้ายแบบ AMG Spoiler lip
ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ multi-spoke ขนาด 20" สี black
อุปกรณ์ปะยางแบบฉุกเฉิน TIREFIT
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
ระบบปรับโหมดการขับขี่แบบ AMG DYNAMIC SELECT
ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display)
เบาะนั่งหุ้มหนังแบบ AMG nappa leather ตัดสลับ DINAMICA Microfibre
เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจํา
สําหรับตําแหน่งที่นั่ง พวงมาลัย และกระจกมองข้าง
EASY-PACK quickfold เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังพับได้แบบ 40/20/40
พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ AMG Performance steering wheel ตกแต่งด้วยหนัง Nappa และ DINAMICA microfibre
ระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ตกแต่งแป้นเกียร์ด้วย Galvanized (Steering-wheel)
ม่านบังแดดด้านหลัง เลื่อนขึ้น - ลงด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC
หน้าจอแสดงผลแบบ Widescreen cockpit
หน้าจอแสดงโหมดการขับขี่บนพวงมาลัย 2 จอพร้อมปุ่มควบคุม แบบ AMG steering wheel buttons
ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (wireless charging) บริเวณคอนโซลหน้า
ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad
ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester®
ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี
กาบบันไดสเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ AMG แบบเรืองแสง
พรมปูพื้นพร้อมตราสัญลักษณ์ AMG
เข็มขัดนิรภัยสีแดง
ระบบความบันเทิงและสื่อสาร
ระบบมัลติมิเดียแบบ MBUX
ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlay™ & Android Auto)
อุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ LTE สําหรับบริการ Mercedes me connect
ระบบรายงานสภาพการจราจร Live traffic Information
ระบบขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ระบบแผนที่นําทางแบบ Hard-disc navigation
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/