การเจริญเติบโตจากเด็กวัยรุ่นมาเป็นผู้ใหญ่ในวัยทำงาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึง 11 รุ่น ทำให้ภาพลักษณ์ของ New Civic ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเดิม และเมื่อเรามองไปที่อนาคตของรถยนต์ Honda Civic มันก็อาจมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น เมื่อมีการปรับเปลี่ยนพลังงานขับเคลื่อน จากเครื่องยนต์ไปเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ที่แน่ๆ เลยก็คือ Civic ใหม่ ขับได้ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับรถรุ่นพี่อย่าง Accord หน้าตาใหม่ที่โหนกนูนจากกระจังหน้าที่ยื่นออกมาเล็กน้อย มีความทันสมัยผสมผสานกับไดนามิกส์ของแชสซี นี่คือ Civic ที่สมบูรณ์แบบ ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีของอายุโมเดล รถ Honda Civic รุ่นล่าสุด เจเนอเรชันที่ 11 ก็กลายเป็นไอคอนของรถซีดานสัญลักษณ์รูปตัว H ที่ขายดีมาตลอด มันยังเป็นรถที่วัยรุ่นหลายคนตั้งตารอคอย โดยมีการพัฒนาดีเอ็นเอความสปอร์ต ด้วยการเซตระบบขับเคลื่อนให้เข้ากับความสามารถของช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยว แม้หน้าตาจะเปลี่ยนไปในทางที่สูงวัยมากกว่าเดิม แต่ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ทำให้ Civic FE เป็นรถที่น่าใช้คันหนึ่งในปัจจุบัน
ราคา Honda Civic FE 2021
Honda Civic EL 964,000 บาท
Honda Civic EL Plus 1,009,900 บาท
Honda Civic RS 1,199,000 บาท (คันทดสอบ)
...
...
สำหรับ Civic FE รุ่นท็อปสุด RS มีจุดเด่นตรงที่ส่วนกระจังหน้าโหนกนูน ไฟหน้า LED พร้อมระบบยกหรือลดไฟสูงอัตโนมัติมีไฟ LED Daytime Running Light พร้อมกับไฟเลี้ยว LED อยู่ภายใต้กรอบไฟเดียวกัน กระจังหน้าเรียวเล็ก แปะตราสัญลักษณ์ RS เพื่อบ่งบอกตัวตนถึงความเป็น Civic รุ่นสูงสุด กันชนหน้าปิดคลุมส่วนหน้าของรถเกือบทั้งหมด เวอร์ชัน RS จะมีชุดแต่งที่แตกต่างไปจากรุ่น EL โดยเฉพาะการตกแต่งชิ้นงานรอบตัวถังด้วยพลาสติกสีดำเงาแนว Black Edition กันชนหน้าออกแบบช่องรับอากาศโดยใช้พลาสติกสีเทาดำ โดยเฉพาะบริเวณมุมของกันชนซึ่งเป็นที่อยู่ของไฟตัดหมอก LED ฝากระโปรงหน้าเรียบหรูมีการยกสันนูนบริเวณขอบของไฟหน้าเพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับแก้มข้าง โดยภาพรวม กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ค่อนข้างลงตัว โดยเฉพาะไฟหน้าที่มากับระบบยกหรือลดไฟสูงอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน ไฟตัดหมอกคู่หน้า ไฟท้าย LED แบบ C line ที่ใช้เทคนิค Fine Cut เอกลักษณ์เฉพาะของ Honda ที่ควบคุมการกระจายแสงสว่างอย่างสม่ำเสมอ ให้แสงไฟชัดเจน
...
...
ด้านข้างยิ่งมองยิ่งคล้ายกับ Accord ออกแบบโดยใช้เส้นสายในแนวนอนที่ยาวต่อเนื่องจากด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง องศาความลาดเอียงของเสาหน้าให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว จากการจัดวางโครงสร้างแบบ Low & Wide ที่ปรับให้รถรุ่นใหม่คันนี้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ออกแบบให้ตัวถังกว้างและยาวขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เน้นให้มีพื้นที่ภายในโปร่งโล่ง และทัศนวิสัยที่ดี เทคโนโลยี Roof Braze ในการประกอบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคา ช่วยให้ตัวรถมีเส้นสายที่สวยงามและเฉียบคม มิติตัวถังของ Honda new Civic RS FE มีขนาดความยาว 4,673 มิลลิเมตร กว้าง 1,800 มิลลิเมตร สูง 1,414 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,735 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,546 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,574 มิลลิเมตร รถรุ่นใหม่ ยาวขึ้น 25 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 1 มิลลิเมตร เตี้ยลง 2 มิลลิเมตร และ ระยะฐานล้อยาวขึ้น 37 มิลลิเมตรอุปรณ์ในรุ่น RS
เสาอากาศแบบครีบฉลาม
ท่อไอเสียแบบคู่
ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่
ช่องเสียบกุญแจที่ย้ายไปไว้ด้านในที่มือจับประตูรถ เพื่อความประณีตสวยงาม สอดคล้องกับการทำงานของระบบควบคุมประตูแบบใหม่
ดีไซน์ซุ้มล้อด้านหลัง พับและหุ้มเพื่อเพิ่มความประณีต
ฝากระโปรงท้ายเปิดได้ด้วยจังหวะเดียว
ก้านปัดน้ำฝนแบบใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ติดตั้งช่องฉีดน้ำอยู่ที่ก้านปัดน้ำฝน และมีการควบคุมปริมาณการฉีดและบริเวณที่ฉีดได้อย่างแม่นยำทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ชัดเจน
กระจกมองข้างสีดำ
มือจับประตูด้านนอกสีดำ
เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ
สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย
ท่อไอเสียแบบคู่พร้อมปลอกท่อไอเสีย
ล้ออัลลอยสีดำด้าน แบบสปอร์ต ขนาด 17 นิ้ว
บั้นท้ายสูงวัยขึ้นด้วยทรงของไฟท้าย LED ขนาดใหญ่ ขอบของฝาท้ายติดตั้งสปอยเลอร์ที่มีลักษณะคล้ายกับครีบรีดอากาศ กันชนหลังมีพลาสติกมัลติรีเฟคเตอร์ฝั่งละข้าง ท่อระบายไอเสียแบบแยกหม้อพักสองใบทั้งฝั่งซ้ายและขวา ปลายท่อทรงรีทำจากโลหะชุบสีเงิน เสาท้ายที่ค่อนข้างลาดเอนมีองศาที่ใกล้เคียงกับเสาท้ายของรถรุ่นพี่อย่าง Accord สัญลักษณ์ RS บริเวณมุมขวาของฝาท้าย จุดเด่นของบั้นท้ายก็คือไฟท้าย LED แบบใหม่ที่ใหญ่ขึ้นมากกับชิ้นงานพลาสติกสีดำของครีบรีดอากาศและเสาอากาศครีบปลาฉลาม
ภายในห้องโดยสารของ Civic RS 2021 มีการออกแบบที่ Honda เรียกว่า “Fine Morning” เน้นการสร้างความรู้สึกที่แปลกใหม่ของงานตกแต่ง แดชบอร์ดคอนโซลที่ห่อหุ้มด้วยไวนิลแบบผิวสัมผัสนุ่ม ความสะดวกสบายเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร วัสดุและรูปแบบของเบาะตัวใหม่ ลามไปถึงเบาะหลังที่มีพื้นที่กว้างมากพอ งานตกแต่งด้วยพลาสติก หนังเทียมและผ้าเนื้อดีที่ทำให้ผิวสัมผัสเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น FE มาพร้อมคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ จัดวางเลย์เอาต์และฟังก์ชันการใช้งานให้ลงตัว ด้วยรูปแบบใหม่ที่ฉีกออกไปจาก Civic รุ่นที่แล้วแบบหน้ามือเป็นหลังมือ มันยังทำตัวได้ดีเมื่อลองนั่งในเบาะผู้โดยสารตอนหลัง เบาะแบบใหม่หุ้มด้วยไมโครไฟเบอร์ที่ให้ผิวสัมผัสคล้ายกับหนังกลับ Alcantara สะดวกสบายยิ่งขึ้นกับเบาะที่นั่งคนขับที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ พร้อมโครงสร้างแผ่นเรซินรองรับสรีระแบบเต็มพื้นที่ ตั้งแต่ช่วงหลังส่วนบน กระดูกเชิงกราน จนถึงต้นขา เพื่อให้ได้ความรู้สึกในการนั่งที่โอบกระชับและรับน้ำหนักได้อย่างสมดุล เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า เบาะทุกตำแหน่งเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง ซึ่งแสดงออกถึงความเป็นรถ Honda ในเวอร์ชัน RS
คอนโซลของ Civic ใหม่ ทำให้นึกไปถึงคอนโซลของ BMW Series-3 f30 รุ่นที่แล้ว โดยเฉพาะตำแหน่งของจอภาพมอนิเตอร์กลาง จอภาพกลางสั่งงานด้วยระบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว มีความคมชัดใช้ได้ บรรจุฟังก์ชันการใช้งานครบ ทั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ การเชื่อมต่อสื่อสารต่างๆ ระบบบลูทูธซึ่งกลายเป็นของที่ขาดไม่ได้สำหรับรถยนต์ยุคใหม่ Honda ออกแบบหน้าจอได้ดีตรงที่มีปุ่มปรับความดังของลำโพงติดอยู่ข้างจอภาพด้านขวา มันรองรับ Apple CarPlay แบบไม่ต้องเสียบสายให้วุ่นวายอีกต่อไป กล่องเก็บของใต้คอนโซลกลางสำหรับวางโทรศัพท์เพื่อชาร์จไฟ ส่วนโทรศัพท์ที่จะชาร์จได้คงต้องเป็นรุ่นใหม่อย่างแน่นอนที่สุดเพราะลองเอา iPhone 7 ลงไปวางก็ยังนิ่งเงียบไม่มีไฟเข้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น Honda ยังให้ช่องเสียบไฟแบบ 12V 180W มาให้ คู่กับช่อง USB สำหรับโทรศัพท์ที่หิวกระหายการชาร์จ ส่วนจอภาพก็มาครบทั้งเนวิเกเตอร์ กล้องมองด้านหลังและด้านข้าง (ซ้าย) คำนวณระยะทางและอัตราสิ้นเปลือง ความคมชัดของจอเมื่อลองเล่นโหมด VDO ผ่าน USB ดูถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว
Honda กล้าหาญมากที่ใช้ปุ่มปรับช่องแอร์แบบใหม่ ทำออกมาเป็นก้านพลาสติกสำหรับปรับทิศทางของลมแอร์ วัสดุคาดกลางคอนโซลดีไซล์แบบรังผึ้งทำจากพลาสติกเกรดดี จุดที่สวยงามและคล้ายกับรถรุ่นพี่อย่าง Accord ก็คือ ปุ่มปรับอุณหภูมิแบบดิจิทัลแยกโซน ปุ่มปรับจะมีการเรืองแสงสีขาวอยู่ภายใน การปรับตั้งง่ายๆ แค่หมุนไปตามความต้องการ ทั้งปรับทิศทางของลมแอร์ ปรับอุณหภูมิแยกซ้ายขวา กับสวิตช์สั่งงานอยู่ด้านล่าง ติดตั้งมาในตำแหน่งที่สามารถเอื้อมมือไปปรับได้อย่างสะดวก
มาตรวัดแบบใหม่ที่คล้ายกับ Accord (อีกแล้ว) เป็นมาตรวัดแบบจอภาพ TFT LCD บรรจุจอแสดงข้อมูล MID multi function display ควบรวมไว้ในกรอบวงกลมของมาตรวัดรอบและวัดความเร็ว จุดที่ทำออกมาได้น่ารักดีก็คือ กึ่งกลางของมาตรวัดจะแสดงผลรูปรถและระบบต่างๆ ทั้งไฟเลี้ยว ไฟหน้า ไฟเบรก ไฟฉุกเฉิน มาตรวัดความเร็ว ตรงกึ่งกลางจะแสดงสถานะของโหมดขับเคลื่อนเมื่อสวิตช์ปรับโหมดถูกกดใช้งาน
พวงมาลัยสามก้านแบบใหม่ มีทรงที่เพรียวบางน่าจับมากกว่าเดิม มาพร้อมกับหนังที่หุ้มรอบวงและเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายแดงเหมือนกับเบาะและแผงประตู พวงมาลัยยังมีแป้นเปลี่ยนเกียร์ติดมาให้ใช้งานเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนรูปแบบของตัวแป้น Paddle Shift ใหม่ ก้านวงด้านขวา ใช้ปรับตั้งระบบปรับความเร็วอัตโนมัติ Honda Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow ส่วนก้านวงด้านขวาใช้ปรับโหมดการเลือกเล่นในระบบอินโฟเทนเมนต์ ส่วนซุ้มคันเกียร์มีช่องวางแก้วน้ำมาให้สองตำแหน่ง คันเกียร์แบบใหม่หุ้มด้วยถุงหนังสีดำเย็บตะเข็บด้วยด้ายแดง พนักเท้าแขนที่เปิดออกแล้วเป็นกล่องเก็บของเล็กๆ แผงประตูแบบใหม่บริเวณตอนหน้าทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสารติดตั้งแถบไฟ LED เรืองแสงสีแดงในตอนกลางคืน
เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ใหม่ 4 สูบ 16 วาล์ว
มีการปรับปรุงใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์เทอร์โบตัวเล็ก มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ รองรับพลังงานทางเลือกด้วยเชื้อเพลิง E85 เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบบล็อกล่าสุดของ Honda ใช้ชุดเพลาราวลิ้นพร้อมระบบ Dual-VTC เพียงแค่ระบบเดียว โดยระบบจะแปรผันวาล์วทั้งสองฝั่ง (ฝั่งไอดีและฝั่งไอเสีย) โดยไม่ต้องใช้ระบบ VTEC เนื่องจากใช้ระบบอัดอากาศเทอร์โบเดี่ยวแบบ Mono Scroll พร้อมเวสต์เกตแบบไฟฟ้า Electrical Waste-gate ชุดเทอร์โบและเวสต์เกตเป็นแบบไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองการระบายแรงดันส่วนเกินที่รวดเร็วสอดรับกับการทำงานของระบบวาล์วแปรผัน Dual VTC ในทุกจังหวะและทุกช่วงเวลาของการปิด-เปิดวาล์วไอดีและไอเสีย เทอร์โบตัวเล็กสร้างแรงบูสต์ได้สูงสุดที่ 16.5 psi เครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร เค้นกำลังสูงสุดออกมาได้ 178 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ที่ 1,800-5,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลัง มีการปรับปรุงเกียร์สายพานพูเลย์ CVT เพื่อทำให้การตอบสนองและอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีขึ้น เกียร์ CVT อัตราทดแปรผัน ติดตั้งแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift มาให้สับเกียร์เล่นอีกต่างหาก ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ Honda เคลมมาให้อยู่ที่ 13-14 กิโลเมตรต่อลิตร (นอกเมือง) สำหรับมาตรฐานมลพิษของเครื่อง 1.5 ลิตร เทอร์โบอยู่ในระดับ EURO-6 มีทั้งความสะอาดและประหยัดควบคู่กันไป
ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนจากการทดสอบก็คือ เกียร์ CVT ทำงานได้ดีขึ้นมาก ระบบส่งกำลังแบบ CVT ใน Civic 2022 นั้นได้รับการปรับตั้งใหม่หมด เพื่อปรับให้เกียร์ตอบสนองได้เร็วกว่าเดิม ลดอาการย้วยของเกียร์แบบสายพานพูเลย์ สมรรถนะด้านอัตราทดที่แปรผันได้ สอดรับกับแรงม้าและแรงบิดของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เกียร์ CVT หรือเกียร์อัตราทดต่อเนื่องแปรผันใน Civic FE รุ่น RS 1.5 เทอร์โบ ยังเพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วยการติดตั้งแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift มาให้หลังพวงมาลัย จุดเด่นของเกียร์ลูกนี้อยู่ที่ความลื่นไหลไร้รอยต่อ การทำงานตัดต่อขึ้นลงเรียบเนียน อาการย้วยหายไปอย่างสิ้นเชิง กดแป้น Paddle Shift เพื่อล็อกเกียร์ไว้ในตำแหน่งต่างๆ เช่น เมื่อขับลงจากทางลาดชันหรือเส้นทางบนภูเขาที่ต้องใช้เกียร์ต่ำขึ้น-ลง เกียร์ CVT ของ Civic Turbo RS ส่งกำลังใช้สายพายโลหะที่มีความคงทนสองเส้น เกียร์ CVT ลูกนี้ยังทำให้อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความกระชับฉับไวรวดเร็วมากขึ้น เมื่อทดลองขับ เกียร์ CVT ที่ปรับใหม่ของ Civic Turbo RS 2022 มีส่วนช่วยสร้างอัตราเร่งที่ดีขณะออกตัวจากสัญญาณไฟ การทำงานของเกียร์ออกแบบมาให้เพิ่มความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ย่านความเร็วเดินทางบนไฮเวย์ เกียร์ CVT ช่วยปรับให้รอบเครื่องยนต์ต่ำลง โดยใช้อัตราทดต่ำ ซึ่งช่วยลดรอบเครื่องยนต์ลงได้มาก เพื่อทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลง เมื่ออัตราสิ้นเปลืองที่ลดลง ทำให้ค่าการปล่อย Co2 ต่ำลงด้วย
โหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 3 โหมด ได้แก่
ECON Mode - โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
Normal Mode - โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป
Sport Mode - โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่การทำงานของเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ (เฉพาะรุ่น RS)
ระบบรองรับของ Civic Turbo RS 2022 ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง สำหรับกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ ช่วงล่างชุดใหม่ทำให้สัดส่วนความสูงลดลงเล็กน้อย เหล็กกันโคลงมีการเพิ่มความหนาขึ้นอีกนิดเพื่อความแข็งแรง เข้ายึดซับเฟรมช่วงล่างติดกับตัวถังถูกขั้นด้วย Hydraulic Suspension Bushing ช่วยซับแรงสั่นสะเทือน ระบบบังคับเลี้ยวยังคงใช้พวงมาลัยไฟฟ้า Dual Pinion Variable Ratio Electric Power Assisted Rack and Pinion Steering มีการปรับปรุงการทำงานคล้ายกับพวงมาลัยไฟฟ้าติดตั้งมอเตอร์ทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างจากพวงมาลัยไฟฟ้าแบบอื่นๆ ก็คือนอกจากจะใช้มอเตอร์ผ่อนแรงหมุนเหมือนกันแล้ว อัตราทดของพวงมาลัยยังแปรผันไปตามความเร็วได้แบบอัตโนมัติ เป็นการเพิ่มเติมประสิทธิภาพของชุดบังคับเลี้ยวให้ดีขึ้นกว่าที่เคยมีมา น้ำหนักที่ผกผันไปตามความเร็วมีทั้งเบาสบายมือในย่านความเร็วต่ำ และตึงกระชับสอดรับกับการใช้ความเร็ว ส่วนห้ามล้อใช้ดิสเบรกหน้า-หลัง จานดิสหน้ามีช่องระบายความร้อน พร้อมกับระบบช่วยเบรก เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA
หลังจากขับอยู่ในเมืองนานหลายวัน ก็ถึงเวลาที่จะเอาออกไปทดสอบทางไกล ผมพาเจ้า Civic RS รุ่นใหม่ไปยังอำเภอสามร้อยยอด เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการวิ่งทางไกลของมัน หลายวันมาแล้วที่ช่วงล่างใน Civic ใหม่ สามารถรับมือกับสภาพผิวถนนที่มีความหลากหลายได้ดี ช่วงล่างที่เซตค่ามาใหม่ แตกต่างไปจาก Civic รุ่นที่ผ่านมา ในด้านของความนุ่มนวล กระชับและสอดรับกับสภาพถนนในไทย การขับบนถนนสารพัดรูปแบบ ช่วงล่างจะต้องเจอกับผิวถนนที่ไม่เรียบ เจ้า Civic RS มีความสบายมากกว่าเดิม จากโช้คอัพและสปริงที่คอยผ่อนสั้นผ่อนยาว ทำให้นั่งขับทางไกลได้โดยไม่มีอาการเหนื่อยล้า ยางติดรถ yokohama db ไซส์ 215/50R17 มีประสิทธิภาพในด้านการลดเสียงดีพอใช้ได้ โดยเฉพาะเสียงการทำงานของยาง เมื่อบดลงไปบนพื้นถนนที่เงียบขึ้น การยึดเกาะของยางออกมาแบบกลางๆ ไม่ได้มีกริบที่หนึบแน่นเหมือนยางสปอร์ตพันธุ์แท้แต่อาการในโค้งที่ยาง Yoko พยายามเกาะติดกับผิวถนนทำให้เกิดความมั่นใจพอสมควร ที่ความเร็วสูง db ยังส่งเสียงไม่แตกต่างไปจากยางทั่วไป แต่ที่ความเร็วต่ำ ก็ถือว่าเก็บเสียงที่บดลงไปบนถนนได้ดีกว่ายางยี่ห้ออื่น แก้มที่ค่อนข้างนิ่มมีส่วนช่วยให้นั่งได้สบายขึ้นเมื่อมันทำงานร่วมกับช่วงล่างที่ให้สัมผัสราวกับรถผู้บริหาร!
เมื่อลงคันเร่งหนักๆ เครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบที่เคยมีอาการรอรอบเล็กๆ ของ Civic RS รุ่นที่แล้ว พอมาเป็น Civic รุ่นใหม่ อาการดังกล่าวถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น เมื่อเทอร์โบเริ่มต้นการบูสต์ รถจะพุ่งไปข้างหน้าอย่างมั่นคง อาการทอร์คสเตียร์หรืออาการดึงที่พวงมาลัยขณะออกตัวแรงๆ ไม่ปรากฏออกมาให้เห็น ม้าแค่ 178 ตัวของ Civic RS ไม่ได้ดึงหนักจนทำให้พวงมาลัยออกอาการไม่พึงประสงค์ แค่กดคันเร่งลงไปพอเทอร์โบบูสต์ติด ความสนุกก็จะบังเกิดขึ้นมาเอง Civic RS ต้องการถนนที่โล่งพอสมควรในการปลดปล่อยพลังงาน 220 นิวตันเมตร หากตำแหน่งโหมดขับเคลื่อนแบบแมนนวลไม่สาแก่ใจก็กดปุ่มหลังคันเกียร์ไปที่ Sport Mode การตอบสนองของเครื่องและเกียร์ก็จะให้ความกระชับว่องไวมากกว่าเดิม แต่โหมดนี้ก็กินเชื้อเพลิงอยู่เหมือนกัน เพราะ ECU ที่ควบคุมเครื่องและเกียร์จะพยายามคาอยู่ในรอบสูงอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
ความฉลาดของกล่องควบคุมเครื่องและเกียร์ทำให้คุณไม่จำเป็นจะต้องไปวุ่นวายกับแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift เกียร์ CVT แบบแปรผันใน New Civic RS 2021 นั้นถูกปรับตั้งใหม่เพื่อลดอาการย้วย แต่ถ้าเจอกันทางภูเขาสูงชัน ก็สามารถจัดการกับอัตราทดของเกียร์ด้วยตัวเองผ่านแป้น Paddle Shift เกียร์จะทดรอบให้จัดจ้านหรือพูดง่ายๆ ก็คือ ECU ที่ควบคุมเกียร์จะยอมให้ขับแบบลากรอบมากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างอัตราเร่ง การขับแบบนี้จะกินเชื้อเพลิงอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรจนทำให้รู้สึกว่าซด อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเมื่อขับออกทางไกลทำได้ที่ 11.5 กิโลเมตรต่อลิตร และเมื่อขับเร็วๆ ในตำแหน่งเกียร์ S อัตราสิ้นเปลืองหล่นลงมาเหลือ 10.5 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้ามันวิ่งได้ใจขาดแบบนี้ ตัวเลขอัตราสิ้นเปลือง 10.5 นั้นก็ถือว่าไม่ได้กินเปลืองกินจุแต่อย่างใด ถ้าใช้คันเร่งปกติออกจะเป็นรถที่มีความประหยัดอยู่บ้าง และถ้าขับแบบรีดแรงบิดมันก็จะกินเพิ่มอีกนิด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ การกินน้ำมันพอๆ กับ Civic รุ่นที่แล้วทำให้ผมรู้สึกเฉยๆ ในเรื่องของความประหยัด ถ้ากดแล้วไปเร็ว แซงแล้วปลอดภัย ไม่ต้องลุ้นว่าจะพ้นหรือไม่พ้นนั้นถือเป็นเรื่องที่มีความน่าใส่ใจมากกว่าอัตราสิ้นเปลือง
แรงม้า 178 ตัว เพิ่มจากรุ่นเก่าที่มี 173 ตัว แรงบิด จาก 220 มาเป็น 240 นิวตันเมตร แรงขึ้นเล็กน้อย การปรับจูนระบบขับเคลื่อนเพื่อให้ดูสมน้ำสมเนื้อกับขนาดและน้ำหนักตัว Civic ใหม่ นับเป็นซีดานที่คล่องแคล่วว่องไวเอาเรื่อง เมื่อทะยานไปที่ย่านความเร็วสูงแบบกดคันเร่งอย่างต่อเนื่อง ความเร็วไหลขึ้นไปเรื่อยๆ พร้อมกับเจ้า Civic ที่พุ่งลิ่วๆ ไปตามแรงเท้า รอบสูงสุดของเกียร์แปรผัน CVT ลากไปได้ถึง 5,900 รอบต่อนาที คุณสามารถคาเกียร์เอาไว้ด้วยการใช้แป้น Paddle ล็อกตำแหน่งเกียร์ เกียร์ CVT แปรผันใน Civic RS ปรับอัตราทดมาให้ถึง 7 ตำแหน่งโดยที่เกียร์ 7 จะเป็นตำแหน่งเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์ที่ช่วยลดรอบเครื่องยนต์เมื่อขับอยู่บนไฮเวย์ เทอร์โบที่ติดตั้งเข้ามาทำให้รอบเครื่องยนต์ลดความจัดจ้านลงแต่แรงบิดจากการบูสต์ก็เพียงพอต่อความต้องการที่จะไปให้เร็วขึ้น เครื่องยนต์ VTEC รุ่นเก่าที่ไม่มีระบบอัดอากาศ จะมีซุ่มเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ที่เร้าใจกว่า เมื่อเทียบกับเครื่องเบนซินใหม่ตัวเล็กความจุ 1.5 ลิตร เครื่องยนต์รุ่นใหม่ไม่ได้มีรอบสูงเหมือนในอดีต เมื่อขับแบบลากรอบ เสียงเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเทอร์โบจะครางเบาๆ ไม่ครางกระหึ่มหนักแน่นเหมือนกับเครื่องยนต์ 2 ลิตรหายใจเองใน Honda Integra ไส้ในของ Civic RS สีขาวคันนี้ใช้ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบเดี่ยวหรือ Mono Scroll พร้อมเวสต์เกตไฟฟ้า Electrical Waste - gate ชุดเทอร์โบและเวสต์เกตเป็นแบบไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองการระบายแรงดันส่วนเกินรวดเร็วยิ่งขึ้น สอดรับกับการทำงานของระบบวาล์วแปรผัน Dual VTC การตอบสนองของเครื่องยนต์ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองก็ไม่ได้มากมายอะไรเนื่องจากการปรับจูนมาจากโรงงานเพื่อทำให้เครื่องยนต์ตัวนี้กินเชื้อเพลิงเท่าที่จำเป็น เชื้อเพลิงแบบ E10/E20 หรือโซฮอล์ 91 ก็เพียงพอต่อความต้องการไม่จำเป็นต้องดิ้นรนไปเติมของแพง แต่ถ้าอยากแรงก็จัดน้ำมันตราหอยดีๆ ให้กิน ก็น่าจะตอบสนองได้ดีขึ้นมาอีกนิด
Civic RS ใหม่ ทรงตัวได้ดี ไม่ว่าจะอัดเร็วๆ บนทางตรง มันยังให้ความรู้สึกมั่นใจเมื่อขับเข้าโค้งแบบความเร็วเกินนิดๆ โช้คอัพแบบสปอร์ตให้ความรู้สึกหนึบแน่น จุดที่เปลี่ยนไปก็คือ ความรู้สึกตึงไม้ตึงมือจากการทำงานของระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้า จุดยึดช่วงล่างหลังบางตำแหน่งทำจากอัลลอยเพื่อลดน้ำหนักใต้สปริงและส่งผลดีต่อการยึดเกาะ ผมเคยชอบช่วงล่างของ Civic รุ่นแฮตช์แบ็ก 5 ประตู มากกว่ารุ่นซีดาน 4 ประตูแต่ทุกสิ่งทุกอย่างของช่วงล่างในรถ Civic RS ใหม่ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ในด้านไดนามิกส์ ช่วงล่างที่มีค่ากลางๆ ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อเจอกันคอสะพานชันๆ ชุดบังคับเลี้ยวแบบไฟฟ้าที่ให้สัมผัสอย่างเหนือชั้น พวงมาลัยถูกเซตให้มีน้ำหนักมากกว่าเดิมนิดๆ เมื่อขับเร็วน้ำหนักก็ออกมาพอดี การปรับตั้งค่าของระบบรองรับด้วยความรู้และความเข้าใจ บวกกับความเชี่ยวชาญในวงการมอเตอร์สปอร์ตของ Honda ช่วยทำให้ช่วงล่างและพวงมาลัยจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้นเห็นๆ ในจุดนี้ ทำออกมาได้ดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
Civic RS ใหม่ เป็นรถซีดาน 4 ประตูที่มีสมดุลดี พวงมาลัยไฟฟ้าปรับมาให้ตึงมือมากกว่าเดิมและสื่อสารกับคนขับได้ดี หน้ารถมีความเป็นกลาง ไม่หนักมากจนเกินไปแม้จะวางเครื่องล้ำไปด้านหน้ามากเกินไปหน่อย ทำให้การบังคับพวงมาลัยผ่านโค้งยาวๆ ด้วยความเร็วสูง ให้ความมั่นใจได้พอสมควร อัตราส่วนการกระจายน้ำหนักของรถขับเคลื่อนล้อหน้ามักจะมีน้ำหนักตกไปที่ส่วนหน้ามากกว่ารถขับเคลื่อนล้อหลังหรือขับเคลื่อนสี่ล้อ เห็นได้ชัดว่า Civic RS มีความสมบูรณ์แบบของแชสซีและระบบรองรับ เป็นรถที่ให้ความจี๊ดจ๊าดเมื่อคุณต้องการไปให้เร็วกว่าเดิม รูปทรงและขนาดของมันไม่เป็นอุปสรรคในเมือง แถมยังเป็นรถที่วิ่งทางไกลได้อย่างที่ต้องการ เจ้าของรุ่น RS มักทนกับความยั่วยวนของเครื่องยนต์อัดเทอร์โบไม่ไหว ชอบเติมความเร้าใจลงไปในการขับใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่งพวกล้อและแอร์โรพาร์ทที่ทำออกมาขายกันอย่างครึกโครม ความแรงที่ควบคุมได้อย่างสบาย ในราคาที่ใกล้เคียงกับ Civic รุ่นที่แล้ว ทำให้คนที่กำลังอยากได้ ยิ่งเกิดความอยากเข้าไปอีก!
มีหลายจุดที่ทำให้ Civic RS ใหม่ ดีขึ้น นั่นเกิดจากการปรับปรุงอย่างตั้งใจของพวก Honda ตอนแรกที่เห็นหน้าตาง่วงๆ ของมัน พร้อมกระจังทรงโหนก ก็คิดไปว่า มันน่าจะขับได้ใกล้เคียงกับ Civic รุ่นที่ผ่านมา แต่พอได้ลองอยู่ด้วยกันนานๆ โดยเฉพาะการขับออกทางไกลไปประจวบฯ RS ก็เผยความสามารถของมันออกมาให้เห็นซึ่งค่อนข้างจะเด่นชัดกว่ารุ่นที่แล้ว แม้ภายนอกจะดูแก่ แต่ภายในก็ตกแต่งมาดีจนใกล้เคียงกับรถรุ่นพี่อย่าง Accord ราคาที่ใกล้เคียงกับรถรุ่นเก่า ทำให้กลายเป็นรถที่ตัดสินใจได้ไม่ยาก ถ้าลองขับก็จะรู้ได้ถึงความแตกต่างที่ดีกว่ารุ่นเดิม เป็น Civic ที่ครบเครื่อง จุดที่ไม่ชอบก็มี เช่น อยากให้เบรกจับได้เร็วและหนักแน่นมากกว่านี้ ระบบความปลอดภัยบางอย่างที่ไม่จำเป็น โดยภาพรวม มันเป็นงานปรับปรุงที่ดีขึ้นเกือบจะทุกจุด แน่ใจได้เลยว่า Hatchback ที่จะตามออกมาในเร็ววันนี้ ก็จะขับได้ดีอีกเช่นกันละครับ
ข้อมูลรายละเอียดปลีกย่อยของตัวรถจาก Honda
Civic ใหม่ ทุกรุ่นย่อยติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนน โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้
ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชนระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า
ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
ที่ช่วยลดจุดบอด ในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย โดยใช้กล้องจับภาพ และแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 9 นิ้ว เพื่อการมองเห็นที่ไร้มุมอับ ให้ความปลอดภัยในทุกการขับขี่ (เฉพาะรุ่น RS)
ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor)
ระบบจะตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัย เมื่อพบว่าประสิทธิภาพในการควบคุมรถของผู้ขับขี่ลดน้อยลง ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT และเมื่อตรวจพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากความเหนื่อยล้า ระบบจะทำการสั่นเตือนที่พวงมาลัย (ทุกรุ่น)
กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)
เพิ่มทัศนวิสัยในการถอย โดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน (ทุกรุ่น)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) (ทุกรุ่น)
ระบบ Auto Brake Hold (ทุกรุ่น)
ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) (ทุกรุ่น)
ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้างคู่หน้า (Side Airbags) และม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags) (ทุกรุ่น)
ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder) (เฉพาะรุ่น RS)
ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) (ทุกรุ่น)
ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
ระบบป้องกันล้อล็อก ช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถและหักพวงมาลัยหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ด้านหน้า ขณะที่ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) จะช่วยกระจายแรงเบรกระหว่างล้อหน้าและล้อหลังเพื่อให้ความสมดุลกับน้ำหนักในการบรรทุกและเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA)
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ช่วยการยึดเกาะถนน มั่นใจกับทุกการขับขี่
ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA)
ระบบจะทำหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปทางด้านหลังในจังหวะที่มีการปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรกเมื่อรถยนต์จอดอยู่บนทางลาดชัน
สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal - ESS)
ทำงานอัตโนมัติ สัญญาณไฟฉุกเฉินจะทำงานเมื่อมีการเหยียบเบรกกะทันหัน เป็นการแจ้งเตือนรถที่ตามมาข้างหลัง
ระบบควบคุมประตูพร้อม Honda Smart Key Card ให้คุณล็อกและปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่พกการ์ดไว้กับตัว (เฉพาะรุ่น RS)
มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว (เฉพาะรุ่น RS) และมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว (รุ่น EL+ และ EL)
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย (เฉพาะรุ่น RS)
ระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ
ระบบสั่งการด้วยเสียง Siri (รุ่น EL+ และ EL)
ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ได้มีการยกระดับการแสดงผลเพิ่มความชัดเจนของภาพ และสีให้คมชัดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเพิ่มฟังก์ชันที่ใช้งานบ่อย เช่น ปุ่มยกเลิกเส้นทาง และปุ่มปิดเสียงแนะนำ ที่สามารถสั่งการได้ง่ายๆ ด้วยปลายนิ้วสัมผัส (เฉพาะรุ่น RS)
อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) (เฉพาะรุ่น RS)
ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (ทุกรุ่น)
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา (เฉพาะรุ่น RS)
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ (ทุกรุ่น)
ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 4 ช่อง (เฉพาะรุ่น RS)
Honda CONNECT (เฉพาะรุ่น RS) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชันการใช้งานหลัก ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ได้แก่
1. My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
2. Car Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ ที่สามารถแสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี และ บันทึกการเดินทาง ที่สามารถเลือกทริปโปรด และแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์
3. Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 เมตร โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง สามารถสมัครแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยเจ้าของรถจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
4. Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือนให้ทราบทันทีผ่านทางแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อทำการติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ลูกค้าผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น
5. Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และแจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ
6. Remote Vehicle Control สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และการสั่งดับเครื่องยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน
7. Geo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย
8. Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผลบนแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน
รุ่นและสี
Honda Civic ใหม่ มีให้เลือก 3 รุ่น
Civic รุ่น RS ราคา 1,199,900 บาท
Civic รุ่น EL+ ราคา 1,009,900 บาท
Civic รุ่น EL ราคา 964,900 บาท
สีภายนอก
มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่
สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS
สีใหม่ สีฟ้ามอร์นิงมิสต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น EL+ และ EL
สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
สีขาวแพลทินัม (มุก)
สีดำคริสตัล (มุก)
สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)
สีภายใน
มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีเทาเบจ ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและสีภายนอก
โดยในรุ่น EL และ EL+ ที่มาพร้อมสีภายนอก สีดำคริสตัล (มุก) และสีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) จะมาพร้อมกับภายในสีเทาเบจ.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/