BMW Series-5 เป็นรถยนต์ในกลุ่มซีดานขนาดกลางที่มีอายุอานามยาวนานถึง 45 ปี จากเจเนอเรชั่น 1 จนถึงเจเนอเรชั่นล่าสุดในลำดับที่ 7 สายพันธุ์ซาลูนไซส์กลางที่มีประสิทธิภาพจากโมเดลแรกสุดของตระกูล Series-5 ซึ่งใช้รหัสรุ่น e12 ผ่านการขัดเกลาจากกาลเวลาจนมาถึงรุ่นล่าสุดในรหัส G30 พัฒนาการของรูปทรง เครื่องยนต์ ตลอดจนสมรรถนะในการขับขี่ส่งถ่ายจากรุ่นเก่าสู่รุ่นใหม่ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามจนได้รับความนิยมทั่วโลกว่ามันเป็นหนึ่งในรถยนต์สี่ประตูขนาดกลางที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่บริษัท BMW เคยผลิตออกมา ก่อนจะไปอ่านรายละเอียดของ BMW Series-5 LCI รุ่น 520d M Sport ขอย้อนกลับไปยังจุดกำเนิดในแต่ละเจเนอเรชั่นของ Series-5 ก่อนครับ
...
BMW Series-5 e12 (1972-1979) ในการผลิตรถซีดานไซส์กลาง เพื่อแข่งขันกับ Mercedes-Benz สำหรับ Series-5 เจเนอเรชั่นแรก นับเป็นผลิตผลหนึ่งของวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เชื่อมโยงกับการออกแบบในยุค 70' ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส Paul bracq ซึ่งเคยฝากผลงานไว้กับแบรนด์ Mercedes-Benz ด้วยรถสปอร์ต SL รุ่นหลังคา Pagoda Top เมื่อเข้ามารับงานออกแบบ เจ้า e12 ถูกขัดเกลาจนลงตัวและเป็นรถที่ทันสมัย หลังจากขายได้ไม่นาน e12 กลายเป็นเอกลักษณ์ของรถเยอรมนีในยุคใหม่ BMW Series-5 e12 ถือกำเนิดในตระกูล Series-5 เป็นรุ่นแรกสุด ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในยุคที่พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงกำลังก่อปัญหาให้กับผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลก แต่การที่มันมีปริมาตรความจุเครื่องยนต์ไม่ใหญ่โตมโหฬารเท่าใดนัก ทำให้ยอดขายทั่วโลกมีตัวเลขที่ดีพอสมควร โมเดลแรกสุดของ Series-5 มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4-6 กระบอกสูบ ปริมาตรความจุมีตั้งแต่ 2.0 ลิตร จนถึง 2.8 ลิตร รวมถึงรุ่นสูงสุดที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 3.2 ลิตร กับเอกลักษณ์เครื่องวางหน้าตามยาวขับเคลื่อนล้อหลัง ภายในที่ตกแต่งอย่างดี และการควบคุมที่ไม่เป็นสองรองใครในยุค 70'
...
...
BMW Series 5 e28 (1982-1987)
รูปทรงของมันเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ภายในหรูหรามากกว่าตัวแรก พร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย ทั้งกระจกไฟฟ้า เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ระบบจ่ายเชื้อเพลิงใช้หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ของ Bosch เซ็นทรัลล็อกในทุกตำแหน่ง พร้อมด้วยระบบตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์ที่แจ้งเตือนในรูปแบบของออนบอร์ดคอมพิวเตอร์ เครื่องยนต์แถวเรียงหกสูบ เริ่มจากเครื่อง 2.0 ลิตร ไปจนถึงเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร เจ้า BMW Series-5 E28 ยังถือเป็น BMW รุ่นพิเศษที่มีกำลังมากกว่ารุ่นปกติและใช้รหัส M5 เป็นครั้งแรก เครื่องยนต์ยกมาจากรถสปอร์ตเครื่องวางกลางรุ่น M1 โดยที่ e28 รุ่นมาตรฐานมีเครื่องยนต์ให้เลือกมากขึ้นจาก 126 แรงม้า ไปจนถึง 286 แรงม้า พร้อมการทรงตัวที่ดีขึ้นในสไตล์รถยนต์ไซส์กลางจากเยอรมนี
...
BMW Series-5 e34 (1987-1995)
โมเดลที่สามของรถ Series-5 มุ่งไปที่ความหรูหราสะดวกสบายของภายใน ความสวยงามดุดันของภายนอกด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น การยึดเกาะของช่วงล่างก็ดีขึ้น ระบบส่งกำลังของ Series-5 e34 มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ตัวถังมีทั้งแบบซีดานสี่ประตูและเอสเตทแวกอน 5 ประตู หลังจากออกขายในปี 1987 มันก็กลายเป็นรถยอดนิยมทันที สมรรถนะของตัวรถเหนือกว่า e28 รุ่นที่สองแบบเห็นๆ เครื่องยนต์เริ่มตั้งแต่ขนาดเล็กสุด 1.8 ลิตร ไปจนถึง 3.8 ลิตร และรุ่นพิเศษจากสำนัก M Power นั่นก็คือ BMW M5 ในเวอร์ชันที่ 2 เครื่องยนต์เบนซินหกสูบ 3.8 ลิตร 335 แรงม้า พร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีใหม่ในการขับขี่ เช่น ระบบ ABS ระบบช่วยทรงตัวที่เหนือกว่ารถในกลุ่มเดียวกันในยุคนั้น ทำให้ BMW Series-5 e34 มีความโดดเด่นมากในช่วงปี 1988-1994
BMW Series-5 e39 (1996-2003)
เหลี่ยมมุมของรถ Series-5 e34 รุ่นที่แล้วถูกขัดเกลาให้โค้งมนขึ้น เจ้า e39 มาพร้อมไฟหน้าซีนอนบวกไฟหรี่วงแหวนกลายเป็นแบบอย่างให้ค่ายอื่นเอาไปลอกเลียนแบบ วิศวกรของ BMW ได้ประดังเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับรถ BMW Series-5 e39 ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อน แชสซีและงานตกแต่งภายใน หน้าปัดและคอนโซลออกแบบได้อย่างสวยงามถึงใจนักเลง BMW ส่วนประสิทธิภาพในการขับขี่ก็ยังบรรลุถึงจุดสูงสุดของโมเดล Series 5 โดยการใช้ช่วงล่างอลูมิเนียมในระบบรองรับ เพียบพร้อมไปด้วยระบบช่วยในการทรงตัว ASC-T เครื่องยนต์มีทั้งเบนซินและดีเซล ไล่จาก 2.3 ลิตร ในรุ่น 523i ไปจนถึง 4.0 ลิตร ในรุ่น 540i และรุ่นแรงสุด M5 ที่วางเครื่องยนต์ V8 แบบไม่มีระบบอัดอากาศ ให้กำลังมากถึง 400 แรงม้า รถ Series-5 E39 เป็นซีดานไซส์กลางสี่ประตูที่สามารถเข้ามาสานต่อตำนานของ Series-5 ได้อย่างยอดเยี่ยม สมรรถนะของมันถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสูงสุดของซีดานขนาดกลาง โดยมีจุดเด่นของตัวรถอยู่ที่ช่วงล่างสุดหนึบและการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมของพวงมาลัย
BMW Series-5 e60 (2004-2009)
ปรมาจารย์นักออกแบบรถยนต์และหัวหน้าทีมดีไซน์ของ BMW ชื่อ Chris Bangle นำรูปทรงของรถ Series 5 E60 ให้ก้าวล้ำไปในอนาคต มันมีรูปทรงที่ล้ำไปข้างหน้าจนแฟนคลับ BMW ตามไม่ทัน ไฟหน้า กระจังหน้า ไฟท้าย ถูกปรับเปลี่ยนด้วยไฟรูปทรงใหม่ทั้งหมด กระจังหน้าไตคู่ก็ยังมีทรงที่แปลกตา เจ้า e60 เป็นรถซีดานขนาดกลางที่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์รกรุงรังมากที่สุด ภายในมีความหรูหราด้วยการใช้วัสดุชั้นเยี่ยม e60 ถือเป็นจุดกำเนิดของอุปกรณ์ควบคุมระบบ iDRIVE ติดตั้งจอมอนิเตอร์ตรงกลางคอนโซลพร้อมระบบนำทางด้วยดาวเทียมและเครื่องเสียงเกรดสูง เครื่องยนต์มีทั้งเบนซินและดีเซล เริ่มจากเครื่อง 2.0 ลิตร ไปจนถึง 4.0 ลิตร รวมถึงรุ่นพิเศษ M5 เครื่องยนต์ V10 กำลัง 500 แรงม้าแบบไม่มีเทอร์โบ เจ้า e60 ได้รับความนิยมไม่แตกต่างจากรุ่น E39 เท่าใดนัก
BMW Series-5 f10 (2010-2017)
รหัสตัวถัง F10 ยึดแนวทางการออกแบบด้วยเส้นสายที่มีความเรียบง่ายมากขึ้น หัวหน้าทีมออกแบบชาวฮอลแลนด์ชื่อ Adrian Van Hooydonk ผู้เข้ามารับหน้าที่แทน Chris Bangle เริ่มสร้างมาตรฐานใหม่ในการนำเสนอรูปทรงของรถ BMW Series-5 ให้มีความปราดเปรียว ด้วยการใช้แนวเส้นข้างของตัวรถที่มีความคมชัดพัฒนาการที่ส่งถ่ายผ่านรูปทรงของ Series 5 โฉม F10 คือการใช้แนวเส้นเป็นตัวสร้างแสงเงาที่เฉียบคมบนตัวถังประสานไปกับความเรียบง่ายของรูปลักษณ์ที่ยังคงเอกลักษณ์เส้นตัวถังพลิ้วไหว สร้างความ รู้สึกที่ดีจากภายนอกสู่ภายในได้อย่างกลมกลืนสมราคาค่าตัว เครื่องยนต์มีให้เลือกมากมายเหมือนเดิม เริ่มจากเครื่องยนต์เบนซินในรุ่น 1.6-2.0 ลิตร N20 I4 turbo / 2.5-3.0 ลิตร N52 I6 NA / 3.0 ลิตร N55 I6 turbo และ 4.4 ลิตร N63 V8 turbo ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล เริ่มจาก 2.0 ลิตร N47 I4 turbo / 3.0 ลิตร N57 I6 turbo ระบบส่งกำลังของ Series-5 F10 มีทั้งเกียร์ธรรมดา 6-speed manual และเกียร์อัตโนมัติ 8-speed ZF 8HP automatic หลังจากนั้น F10 เครื่องยนต์ลูกผสมแบบไฮบริดก็ตามออกมาด้วยรุ่น ActiveHybrid-5 ส่วนรุ่นแรงสุด M5 ใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 578 แรงม้าที่มีพื้นฐานของเครื่องมาจากรุ่น X5 M และ X6 M ที่ทั้งเร็วและแรงกว่า M5 e60 ตัวที่แล้ว เครื่องยนต์ทุกตัวใน Series-5 F10 ใช้ระบบ Efficient Dynamics ในการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม
รุ่นเก่าผ่านไป ถึงเวลาของรถรุ่นปรับโฉมใหม่ หรือ LCI อย่าง Series-5 G30 เวอร์ชันไมเนอร์เชนจ์ ประจำปี 2021 รถทดสอบในอาทิตย์นี้คือซาลูนหรู 4 ประตู รุ่น New Series-5 520d M Sport ประกอบในประเทศ ราคาเปิดออกมาที่ 3,539,000 บาท สูสีกับคู่แข่งอย่าง Mercedes-Benz E220d AMG Dynamic เมื่อลองส่องดูทั่วทั้งคันก็จะพบว่าหน้าตาของ BMW 5-Series รุ่นปรับโฉมมีความสวยงามลงตัว รูปลักษณ์แตกต่างจากรุ่นที่แล้วไม่มากนัก งานออกแบบด้านหน้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติมความเข้มข้นของ New Series-5 ให้เฉียบคมและดูดีขึ้นมาอีกนิด การปรับให้น้ำหนักส่วนเกินถูกตัดออกไป เกิดขึ้นจากแนวคิด BMW Efficient Lightweight เน้นการใช้วัสดุน้ำหนักเบาอย่างอลูมิเนียมและเหล็กกล้าที่มีความทนทานสูงแต่น้ำหนักเบามาใช้เป็นเปลือกตัวถังและแชสซี New Series-5 รุ่น 520d จึงมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อน (520d F10) 115 กิโลกรัม ตัวถังถูกออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ กระจายน้ำหนักอย่างสมดุล 50/50 และมีแรงเสียดทานอากาศต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน การลงมือจูนช่วงล่างเพิ่มเติมในโฉม LCI ส่งผลให้การขับขี่มีความคล่องตัว เข้ากับความหนึบนุ่มของระบบรองรับที่เซตมาให้ในรูปแบบที่มีกลิ่นของสปอร์ตซาลูนมากกว่ารุ่น Luxury ตัวก่อนปรับโฉม ทีมวิศวกรของ BMW ทำงานอย่างหนักเพื่อลดค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศลง 10% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศอยู่ที่ 0.26 เป็นมาตรฐานสำหรับรถยนต์ซาลูนขนาดกลาง ไล่เรียงจากไฟหน้าแบบใหม่ Adaptive LED พร้อมไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running Light และที่เพิ่มเข้ามาก็คือกระจังหน้าใหม่ พร้อมระบบเปิด-ปิดกระจังหน้าอัตโนมัติ เมื่ออุณหภูมิเครื่องยนต์ยังคงเย็นอยู่ แผ่นครีบด้านในของชุดกระจังจะปิด เพื่อทำให้กระแสลมไหลผ่านได้ดีขึ้น และเมื่ออุณหภูมิของเครื่องยนต์สูงขึ้น กระจังจะเปิดออกโดยอัตโนมัติเพื่อนำลมมาช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ร่วมกับพัดลมไฟฟ้า กันชนหน้า M Sport มีช่องรับอากาศทั้งส่วนหน้าและที่นำไประบายความร้อนให้กับชุดเบรกหน้า
จุดที่เปลี่ยนแปลงหลักๆ ของ 520d M Sport LCI ก็คือ
ภายนอก
ไฟหน้า Adaptive LED ทำงานเร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และมีกำลังในการส่องสว่างไกล 500 เมตร
กระจังหน้า พร้อมระบบปิด-เปิดอัตโนมัติ
กันชนหน้า-หลัง M
ท่อระบายไอเสียทรงเหลี่ยมฝั่งละท่อ ซ้าย-ขวา
ไฟท้าย LED แบบใหม่
ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำรอบคัน
ล้ออัลลอย M ลายใหม่ ขอบ 18 นิ้ว
อุปกรณ์ภายในที่เพิ่มเข้ามาให้คือ
จอแสดงข้อมูลการขับขี่ตรงหน้าคนขับแบบยิงข้อมูลสะท้อนกระจกบังลมบานหน้า Head-up Display
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Parking Assistant
ประตูทุกบานพร้อมฟังก์ชัน Soft-close function
วัสดุตกแต่งภายใน Smoke Grey เสริมด้วยโครเมียม
ชุดเครื่องเสียง Harman Kardon 16 ลำโพง กำลังขับ 600 วัตต์
ระบบ Active Protection
กุญแจ Digital Key on iPhone
ระบบความปลอดภัย มีการเพิ่มฟังก์ชันใหม่ เช่น
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant
ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Warning,
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา Lane Change Warning
ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Crossing-traffic Warning Rear
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ตรวจจับรถ และคนเดินถนน ที่ความเร็วต่ำ City Braking Function
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ขณะถอยจอด Rear Collision Prevention
ระบบเตือนป้ายจราจร Speed Limit Info and no-overtaking indicator
ดีไซน์ภายนอกของ BMW 520d M Sport Facelift มีการเติมอุปกรณ์ใหม่ทุกจุด เช่น ไฟหน้าแบบ Adaptive LED ที่ปรับทิศทางตามการหมุนของพวงมาลัย รงมถึงการทำงานในโหมดอัตโนมัติ ที่ได้รับการปรับใหม่ให้ทำงานได้ครอบคลุมและละเอียดเพิ่มขึ้น ไฟหน้าใน BMW ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการออกแบบให้เชื่อมโยงกับโมเดลนั้นๆ สำหรับ Series-5 รุ่นใหม่ ไฟหน้าแบบ Adaptive LED มีระบบปรับการกระจายแสงให้เหมาะสมกับเส้นทางที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแสงสว่างในมุมอับในขณะเข้าโค้ง ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติในระยะไกลสุด 500 เมตร ไฟหน้าจะทำงานเป็นอิสระ โดยไม่ทำให้แสงไฟไปรบกวนรถยนต์คันอื่น การลดหรือยกไฟสูง เมื่อวิ่งเข้าไปใกล้รถยนต์คันข้างหน้า แม้ระบบจะยังคงเปิดไฟสูงแต่ใช้การแบ่งช่องเพื่อเบี่ยงเบนแสงไฟไม่ให้ไปแยงตารถคันข้างหน้า หรือรถที่แล่นสวนมา การทำงานและกำลังในการส่องสว่างใกล้เคียงกับ Multi Beam LED ของ new E-Class น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ Mercedes-Benz E220d AMG Dynamic รุ่นปรับโฉมซึ่งเป็นรถคู่แข่งของ 520d มีแค่ไฟ LED High Performance เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
มิติตัวถังของ BMW Series-5 G30 520d M Sport LCI มีตัวเลขความยาวฐานล้อ 2,975 มิลลิเมตร ความกว้างฐานล้อหน้า 1,605 มิลลิเมตร ความกว้างฐานล้อหลัง 1,630 มิลลิเมตร ฝากระโปรงหลังถูกออกแบบให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ความจุ 530 ลิตร ขอบล่างของกระโปรงปรับให้มีระดับต่ำลงกว่าในรุ่นก่อน ทำให้จัดเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ได้ง่าย ภายในช่องเก็บของที่ทั้งเปิดฝากระโปรงได้กว้างขึ้น และมีขนาดที่กว้างกว่าเดิม ฝากระโปรงหลังที่ทำจากอลูมิเนียมทั้งบาน ลดน้ำหนักลงอีก 4.2 กิโลกรัม ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่ เป็นล้อ M รุ่นใหม่ ขอบ 18 นิ้ว ใส่ยางต่างไซส์แบบหน้าเล็กหลังใหญ่ ยางหน้า 245/45R18 ยางหลัง 275/40R18 ยาง pirelli p zero runflat ทำให้ 520d M Sport ไม่ต้องพกพายางอะไหล่ และให้พื้นที่กับแบตเตอรี่ที่อยู่ใต้ห้องเก็บสัมภาระท้ายอย่างเต็มที่
บั้นท้ายมีความเปลี่ยนแปลงด้วยไฟท้าย LED แบบใหม่ กันชนหลัง M พร้อมท่อระบาบไอเสียทรงเหลี่ยมที่สวยงาม พลาสติกสีเทา ใช้ตกแต่งบริเวณชายล่างของกันชนหลัง พร้อมแผ่นพลาสติกสะท้อนแสงมัลติรีเฟคเตอร์ ฝาท้ายทำงานด้วยไฟฟ้า มีเซนเซอร์ที่ใช้ขากวาดไปบริเวณใต้กันชนขณะถือของสองมือแล้วไม่สามารถเอื้อมมือไปกดเปิดฝาท้ายได้ จุดอื่นๆ ที่ยังคล้ายรุ่นที่แล้วก็คือ เสาอากาศครีบปลาฉลาม ส่วนที่เพิ่มเข้ามาก็คือกล้องมองรอบคันที่สามารถเลือกมุมมองรอบทำให้การขับเดินหน้า-ถอยหลังในที่คับแคบมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ขอบอกว่ากล้องใหม่นั้นมีความคมชัดสูงกว่าเดิมพอสมควรเลยทีเดียว
ห้องโดยสารของ BMW 520d M Sport มีการเพิ่มเติมฟังก์ชันต่างๆ เพื่อความน่าใช้งาน และเป็นการถล่มรถคู่แข่งที่มีราคาเท่ากัน ด้วยอุปกรณ์บางอย่างที่เหนือกว่า งานออกแบบฉีกความซ้ำซากจำเจเดิมๆ ด้วยงานตกแต่งที่หรูหรา เน้นบรรยากาศของการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ไล่เลียงจากชุดควบคุม iDRIVE เวอร์ชันล่าสุด ปุ่มควบคุมระบบแอร์แบบใหม่ หน้าปัดมาตรวัดแบบจอภาพ TFT LCD ขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนหน้าจอมาตรวัดไปตามโหมดการขับเคลื่อน นอกเหนือจากพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารในห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้น เทคโนโลยี SYNTAK (Special Synergy Thermoacoustic Capsule) ยังช่วยเสริมการเก็บเสียงเพื่อความผ่อนคลาย โดยใช้วัสดุซับเสียงแบบใหม่ทำหน้าที่ป้องกันเสียงแปลกปลอมจากภายนอกได้ดีขึ้น
BMW G30 (Series-5) รุ่น 520d M Sport ออกแบบห้องโดยสารมาเพื่อการขับขี่อย่างเต็มประสิทธิภาพ การจัดวางตำแหน่งของปุ่มและสวิตช์ต่างๆ เอื้ออำนวยต่อการใช้งานของคนขับเป็นหลัก มันถูกตกแต่งภายในด้วยโลหะพวกอลูมิเนียม หนังแท้ ผ้าและพลาสติกเกรดสูง รวมถึงวัสดุในดีไซน์ที่แสดงออกถึงความหรูหรา เป็นเอกลักษณ์ของยานยนต์ซาลูนไซส์กลางจากแบรนด์ตราใบพัด หน้าปัดมาตรวัดแบบจอภาพ TFT 12.3 นิ้ว จอแสดงผลนแผงคอนโซลกลางขนาดใหญ่ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 10.25 นิ้ว ที่ทำงานควบคู่กับระบบ iDrive Controller ส่วนฟังก์ชัน REMOTE SOFTWARE UPGRADE ระบบนี้รถจะได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ โดยใช้สมาร์ทโฟนในการอัปเดตทำได้อย่างง่าย และยังสามารถเปิดการใช้งานฟังก์ชันอื่นๆ ได้อีกด้วย
เบาะนั่ง M ดีไซน์สปอร์ต สำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ออกแบบส่วนด้านข้างของเบาะที่ยกสูง จุดนี้เองที่ทำให้เจ้าของหลายคนออกอาการเมื่อยเมื่อขับทางไกล บางคนถึงกับต้องทำเบาะรองเสริมเพื่อแก้ความเมื่อยดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้เป็นทุกคน เพราะสรีระของลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของนั้นมีความแตกต่างกัน ขอบของเบาะบริเวณสะโพกที่ออกแบบให้ยกตัวสูงขึ้น เมื่อผมขับทางไกลทั้งวันจากกรุงเทพฯไปยังกุยบุรีแล้วขับกลับ รวมระยะทางเฉียด 600 กิโลเมตร ก็พบว่าเมื่อยอยู่เหมือนกัน เบาะหลังมีพื้นที่กว้างขวางพอเพียง พร้อมช่องแอร์เพื่อความเย็นฉ่ำที่กระจายได้อย่างทั่วถึง Series-5 520d M Sport ยังมีม่านไฟฟ้าด้านหลังและม่านด้านข้างของบานประตูหลังทั้งสอง ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและช่วยบังแสงแดดได้ดี เพดานห้องโดยสารใช้วัสดุเก็บเสียงในตัว ช่วยลดเสียงรบกวนในห้องโดยสารได้ดี โดยเฉพาะในบริเวณที่ใกล้กับศีรษะเพื่อความผ่อนคลาย ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่บนแชสซีได้รับการปรับให้มีน้ำหนักเบาลงมาก เช่น การรวมระบบเบรกมือไฟฟ้าเข้ากับคาร์ลิปเปอร์เบรกล้อหลังซึ่งลดน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม โดยรวมแล้วการลดน้ำหนักของตัวเบรก ล้อและยางที่มีขนาดพอดี ไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้ Series-5 LCI มีน้ำหนักรวมของช่วงล่างเบาลง มีผลต่อการตอบสนองและความนุ่มนวลในการขับขี่อย่างเห็นได้ชัด
Gesture Control เวอร์ชันใหม่ ที่ได้รับการปรับปรุงให้ทำงานได้ดีขึ้น เป็นหนึ่งในระบบควบคุมและสั่งการที่เชื่อมต่อการทำงานของระบบ ให้ความบันเทิงเริงรมย์โดยการใช้สัญญาณมือโบกผ่านหน้าจอที่ติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับ คนขับสามารถเร่งหรือหรี่เสียงเพลงได้ง่ายแค่ใช้การวนนิ้ว แต่ก็ต้องใช้ความคุ้นเคยเพื่อทำให้นิ้วอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ระบบ Gesture Control ซึ่งเป็นฟีเจอร์ควบคุมฟังก์ชันหลักด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวของมือ BMW เปิดตัวออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในรถยนต์ New Series-7 เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา โดยมีการนำเอาระบบสั่งงานแบบใหม่ดังกล่าวมาติดตั้งไว้ใน New Series-5 ระบบดังกล่าวพร้อมกับหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว แสดงผลข้อมูลระบบนำทางโทรศัพท์ เพลง หรือเมนูฟังก์ชันต่างๆ ของตัวรถ นอกจากจะสั่งการได้ผ่านทางปุ่ม iDRIVE Controller แล้วระบบควบคุมนี้ยังรองรับการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ เสียง หรือการสัมผัสปุ่มบนหน้าจอ สำหรับระบบ Gesture Control นั้นนำเสนอการใช้งานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสะดวกสบายในทุกฟังก์ชันทั้งระบบ infotainment และโทรศัพท์ ผ่านการขยับมือหรือนิ้วมือ ซึ่งจะถูกตรวจจับโดยระบบเซนเซอร์ 3D บริเวณคอนโซลและแปลเป็นคำสั่งต่างๆ ตามการเคลื่อนไหว เช่น สามารถรับโทรศัพท์ได้ด้วยการชี้นิ้วชี้ไปที่หน้าจอ หรือสามารถปัดมือเพื่อปฏิเสธสายเรียกเข้า
ระดับความคมชัดของหน้าจอมอนิเตอร์ใน New Series-5 G30 ให้รายละเอียดของภาพกราฟิกบนการทำงานของฟังก์ชันใหม่ที่มีการเพิ่มเข้ามาให้ ชุดควบคุม iDRIVE เวอร์ชันใหม่ล่าสุดมาพร้อมหน้าจอมอนิเตอร์ขนาด 10.25 นิ้ว ช่วยให้เจ้าของรถสั่งการผ่านปุ่มควบคุม iDRIVE ได้ง่ายและสะดวกกว่าปุ่มแบบคลิก รวมถึงรูปแบบของการสั่งงานในระบบสาระบันเทิงที่คล้ายการสั่งงานด้วยโทรศัพท์สมาร์ทโฟน พร้อมฟังก์ชัน Message Centre ภายในระบบ iDRIVE สำหรับการพิมพ์ข้อความ ตอบอีเมลหรือข้อมูลอื่นๆ
BMW 5 Series Sedan LCI ติดตั้งระบบเสียงเซอร์ราวด์ของ Harman Kardon Logic 7® แอมพลิฟายเออร์ DSP แบบหลายช่อง มีกำลัง 600 วัตต์ ลำโพง Harman Kardon ประสิทธิภาพสูง หลากหลายขนาด จำนวน 16 ตัว ให้รายละเอียดของการฟังที่แบบ 3D ชุดลำโพงและแอมป์ประกอบด้วย
7 × 25 mm Aluminum dome tweeters, dashboard, front, side & rear
2 × 217 mm subwoofers (central bass), below the front seats
7 × 100 mm midrange speakers, dashboard, front, side & rear
Harman Kardon Logic 7® DSP amplifier in Class-D technology with 600-watt total output
Logic 7 จาก Harman Kardon ให้เสียงเซอร์ราวด์ที่เหนือกว่า โดยเฉพาะการบันทึกเสียงสเตอริโอที่ไม่มีการบีบอัพไฟล์ โปรแกรม Discrete Logic 7 จัดการกรองสัญญาณเสียง และทำการกระจายสัญญาณไปลำโพง ผลลัพธ์ที่ได้คือสเปกตรัมเสียงแบบ 360° โดยไม่จำเป็นต้องปรับตัวควบคุมเสียงทุ้มหรือเสียงแหลม สำหรับตำแหน่งการฟังที่คมชัดทั้งเบาะหน้าและเบาะผู้โดยสารตอนหลังครอบคลุมทั่วทั้งคัน
520d M Sport Facelift 2021 ซาลูนหรูของผู้บริหารวางเครื่องดีเซลรุ่นใหม่ที่เน้นประสิทธิภาพด้านแรงบิดและความประหยัดรวมถึงการลดมลภาวะ อุปกรณ์ตกแต่งภายนอกแตกต่างจากรุ่นพี่อย่าง 530e M-Sport เล็กน้อย โดยเน้นความสง่างามแบบรถยนต์ของผู้บริหารระดับสูง เครื่องยนต์ดีเซล 4 กระบอกสูบ ขนาด 2.0 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบคอมมอลเรล ไดเรคอินเจคชั่น เสริมแรงบิดด้วยระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์กับชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ มีค่าการปล่อย Co2 ต่ำ ระดับ EURO-6 เครื่องดีเซลเทอร์โบเดี่ยวขนาด 2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ หรือ 190 แรงม้า แรงบิดจัดหนักถึง 400 นิวตันเมตร BMW 520d รหัส G30 มีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 20 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 132 กรัมต่อกิโลเมตร ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ ZF 8HP 8 สปีด รุ่น LCI ใน 520d M Sport เพิ่มแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย Paddle Shift มาให้อีกด้วย สมรรถนะเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โหมดขับเคลื่อน 3 รูปแบบ ที่สามารถปรับแยกย่อยได้ เริ่มจาก
ECO PRO
โหมดประหยัด หน้าปัดมาตรวัดจะปรับเปลี่ยนเป็นสีฟ้าพร้อมเข็มวัดการใช้พลังงานรวมถึงอัตราความประหยัดเมื่อใช้คันเร่งที่มีความเหมาะสม โหมดนี้จะปรับการทำงานของเครื่องยนต์และชุดส่งกำลังซึ่งใช้เกียร์ ZF 8HP ช่วยลดรอบเครื่องยนต์โดยเกียร์จะปรับขึ้นสู่เกียร์สูงอย่างรวดเร็ว ใช้ขับในเมืองแบบไหลไปเรื่อยๆ ไม่เน้นเร็ว หรือขับออกทางไกลแบบไม่ใช้เชื้อเพลิงเต็มเหนี่ยว คันเร่งออกแนวยืดหยุ่นสูง เกียร์จะดันขึ้นไปที่เกียร์สูงหรือเกียร์ 7-8 เมื่อใช้ความเร็วเดินทาง 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อลดรอบเครื่องยนต์ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง
COMFORT
เป็นโหมดเริ่มต้นเมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ระบบจะพาเข้าสู่โหมดนี้ Comfort Mode ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งขับในเมืองและออกทางไกล มาตรวัดจะแปลเปลี่ยนไปเป็นสีเหลืองอมส้ม สเกลของวัดรอบและวัดความเร็วปรับรูปแบบให้แตกต่างไปจากโหมด ECO Pro คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองได้ดีกว่า ECO PRO รวมถึงระบบส่งกำลังหรือเกียร์ก็จะเลือกอัตราทดที่มีความเหมาะสมกับความเร็วที่ใช้ เป็นโหมดกลางๆ ที่ขับช้าก็ได้ขับเร็วก็ดี
SPORT
โหมดสำหรับขาแรงที่ชอบขับเร็ว มาตรวัดจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม พร้อมการแจ้งเตือนตำแหน่งเกียร์ ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเปิดจนสุดไม่ว่าจะเป็นแรงม้าแรงบิดรวมถึงการตอบสนองของคันเร่งและพวงมาลัยไฟฟ้า เป็นโหมดที่มีประสิทธิภาพในการเค้นกำลังระดับสูงสุด ทำให้ 520d M Sport LCI ว่องไวเกินหน้าเกินตาความเป็นรถยนต์ของผู้บริหาร สมองกลไฟฟ้า ECU ที่ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ 8 สปีด จะเปิดทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับการไปให้เร็วขึ้น รวมถึงการปรับการทำงานของอัตราทดและน้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้า เพื่อการตอบสนองที่ดี Sport Mode ต้องการพื้นที่ที่โล่งพอสมควรในการปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดลงสู่พื้นถนน
BMW 520d Sportline CKD รุ่นประกอบในประเทศ มีเวลาอยู่กับผมแค่หนึ่งอาทิตย์ หลังจากขับทดสอบ Series-5 G30 ครบทุกรุ่น ก็มาถึงช่วงเวลาพิเศษที่จะได้ลองรถรุ่นปรับโฉม LCI ใน 520d M Sport รุ่นประกอบในประเทศซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นเล็กแบบ 4 กระบอกสูบ โดยมีเสียงของเครื่องยนต์เบาลงเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ชุดเกียร์ออโตเมตริก Step-Tronic 8 สปีดของ ZF ให้อัตราทดเกียร์ที่ต่อเนื่องในทุกย่านความเร็ว เป็นเกียร์ที่ BMW ใช้ในรถเกือบจะทุกโมเดลไล่จาก Series-1 ไปจนถึง Series-7 ยกเว้น M บางรุ่นที่เป็นเกียร์คลัตช์คู่ DCT และรถเล็กขับหน้าบางรุ่นที่ต้องใช้เกียร์ร่วมกับ MINI เกียร์ ZF8HP ใน Series-5 G30 มีซุ้มเกียร์ที่สวยงาม สวิตช์ปรับตั้งโหมดขับเคลื่อนอยู่ข้างคันเกียร์ทำให้ใช้งานได้ง่ายและเร็ว การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งในรถผู้บริหารคันนี้ก็เต็มไปด้วยความง่ายดาย กดคันเร่งเบาๆ ในโหมด Comfort แรงบิด 400 นิวตันเมตรจะโผล่มาในรอบต่ำทันที เมื่อลองกดคันเร่งเบาๆ แค่ 1,350-2,400 รอบต่อนาที แรงบิดเกือบทั้งหมดจะปั่นล้อจนเกือบจะฟรีทิ้ง หากเผลอตัวหรืออยากจะจัดเต็มๆ กับสปอร์ตซาลูนคันนี้ก็แค่กดคันเร่งไฟฟ้าให้ลึกหน่อย คุณก็จะพบกับแรงดึงพุ่งทะยานจากเครื่องยนต์ที่ทำให้รู้สึกสนุก อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 7 วินาทีนิดๆ หากมีทางที่โล่งมากพอ แรงบิด 400 นิวตันเมตรดึงตัวถังหนัก 1.6 ตันให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างมั่นคง บนเส้นทางจากกรุงเทพฯมุ่งหน้าไปยังจังหวัดประจวบฯ แรงบิดจากเครื่องดีเซลตัวเล็กมากที่จะทำให้คุณรู้สึกได้ถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและไหลลื่น อย่างที่เคยบอกกันบ่อยๆ ว่า ค่าย BMW นั้นมักจะได้รับรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมประจำปีอยู่เสมอ และนี่ก็เป็นเครื่องยนต์ดีเซลตัวเล็กอีกรุ่นที่ถูกปรับแต่งมาจากโรงงานจนมีประสิทธิภาพไม่เป็นสองรองใคร ไม่ว่าจะเป็นเยอรมันด้วยกันเองอย่าง OM654 ของ Mercedes Benz ที่ประจำการอยู่ใน E220d W213
ระยะทางจากกรุงเทพฯไปยังอำเภอปราณบุรีประมาณ 226 กิโลเมตร เจ้า Series-5 520d ใช้เวลาวิ่งตามสายธารจราจร มีเร่งแซงและทำความเร็วต่อเนื่องเมื่อเจอเข้ากับถนนโล่งๆ ในย่านความเร็วเดินทาง BMW 520d M Sport มีความนิ่งและเงียบใช้ได้ เสียงยางรันแฟลตไม่ได้ดังอะไรมากมาย ส่วนเสียงลมปะทะกับกระจกมองข้าง ต้องขับที่ความเร็ว 140 ขึ้นไปถึงจะเริ่มได้ยิน ช่วงล่างที่ปรับใหม่ในเวอร์ชัน LCI นั่งสบายแถมยังให้อารมณ์ความรู้สึกแบบสปอร์ต โช้คกับสปริงทำหน้าที่ได้ดี ทำให้ไม่รู้สึกกระด้าง แม้ช่วงล่างจะไม่ใช่ระบบถุงลมเหมือนรถรุ่นพี่แต่ความนิ่มนวลนั้นไม่เป็นรอง Series-7 รุ่น 745 แม้แต่น้อย การถ่ายเทน้ำหนักในโค้งอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนการเก็บเสียงของรถ Series-5 คันนี้ก็ดีขึ้นเล็กน้อย
ประตูทุกบานมีฟังก์ชัน soft close door ไม่ต้องออกแรงบิด แค่ดันด้วยมือเบาๆ บานประตูจะถูกดูดเข้าไปปิดอย่างแนบสนิท เป็นออปชันของ Series-7 ที่ถูกนำมาใช้งานใน BMW 520d M Sport บานประตูหุ้มขอบด้วยยางขนาดใหญ่ถึงสองชั้นพร้อมกับวัสดุซับเสียง พรมปูพื้นกับอุปกรณ์ดูดซับเสียงที่ใช้ห่อหุ้มห้องโดยสาร ขับเร็วๆ เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลและเสียงของยาง pirelli ไม่ได้ดังมากมายอะไร หากคุณขับแบบไม่เปิดเครื่องเสียง แล้ววิ่งในย่านความเร็วต่ำ ห้องโดยสารของ 520d จะเงียบจนมีแค่เสียงการทำงานของพัดลมปรับอากาศภายในห้องโดยสารเท่านั้นที่ดังเข้ามากระทบโสตประสาท รอยต่อของถนน หลุมบ่อ พื้นถนนที่ไม่เรียบซึ่งมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ระบบรองรับของมันก็จัดการกับแรงสั่นสะเทือนจนเกือบหมดทำให้นั่งขับได้สบายเนื้อสบายตัวขับยาวๆ ลากกันทั้งวันก็ไม่เมื่อยหรือเกิดอาการปวดเนื้อปวดตัว แม้จะใช้ยางหลังที่มีความสูง Series-40 แต่การปรับช่วงล่างให้ทำงานได้ดีขี้นช่วยทำให้อาการกระด้างลดลง การทรงตัวที่ดีของมันทำให้รู้สึกประทับใจ เป็นรถที่เหมาะกับการขับทางไกลไม่แตกต่างไปจากคู่แข่งอย่าง E220d Facelift 2021 ซึ่งทั้งสองแบรนด์มีความสบายและประสิทธิภาพของการทรงตัวคล้ายกัน เบาะหลังของ BMW 520d จะนั่งได้สบายตัวมากกว่า
ยาง Pirelli รุ่น P Zero เมื่อขับเรื่อยๆ ก็ไม่ค่อยจะออกอาการอะไร การขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง แก้มยาง Series 45 ที่ล้อหน้าและ 40 ที่ล้อหลัง สอดรับกับถนนและความเร็วที่เพิ่มขึ้นได้ดี เนื่องจากเป็นยางรันแฟลตที่มีแก้มหนากว่ายางปกติ อาการบิดตัวในโค้งจึงไม่มากเท่ากับยางรุ่น P7 ที่เคยใส่มาให้ในโฉมที่แล้ว ดอกยางแบบกึ่งสปอร์ต ร่องและดอกยางออกแบบมาสำหรับการทำความเร็ว เมื่อขับเร็วๆ ในโค้งมุมแคบ ยาง Pirelli ดูจะเข้ากับสมรรถนะช่วงล่างของ 520d LCI และดีกว่ายางรุ่น Cinturato P7 แบบคนละเรื่องกันเลยทีเดียว
ระยะฐานล้อที่ยาวกว่าซีดานไซส์เล็กอย่าง Series-3 ไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงความใหญ่โตหรือเทอะทะ การกระจายน้ำหนักรถ 50/50 หน้า-หลังเท่ากันอย่างสมดุลนั้นส่งผลต่อการควบคุมที่มอบความคมชัดแม่นยำ เพลาหลังที่มั่นคงจากการออกแบบจุดยึดโยงต่างๆ การใช้อัลลอยในชิ้นส่วนหลักๆ ของระบบรองรับ เพื่อลดน้ำหนักใต้สปริง รวมถึงการออกแบบให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง ผลลัพธ์ที่ได้คือสมรรถนะการขับขี่ที่มีความชัดเจน เมื่อคุณเล็งหัวรถไปทางไหนมันก็จะหันไปทางนั้น การเร่งความเร็วบนทางตรงยาว รถไม่มีอาการส่ายหรือร่อนไปมา เมื่อเจอเข้ากับถนนที่มีผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งอาการดังกล่าวจะทำให้เกิดความระแวงไม่มั่นใจขณะใช้ความเร็วในวันที่ต้องรีบเร่ง พวงมาลัยไฟฟ้าดีงาม มีน้ำหนักในสไตล์ BMW อย่างเด่นชัด เป็นน้ำหนักของพวงมาลัยที่ยากจะลอกเลียนแบบและมีต้นทุนการผลิตที่ไม่ถูก
อัตราสิ้นเปลืองในเมืองเฉลี่ย 13 กิโลเมตรต่อลิตร และเมื่อขับออกทางไกลในโหมด Comfort เจ้า 520d ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ 15 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นการขับแบบผสมเร็วสลับช้า ถือว่าประหยัดพอใช้ เชื้อเพลิงเต็มถัง 80 ลิตร ไปได้ไกลเฉียดๆ 800 กิโลเมตร BMW 520d เป็นรถที่เร็วเอาเรื่องแม้จะใช้เครื่องยนต์ที่มีความจุแค่ 2.0 ลิตร ภาพลักษณ์และสไตล์ของมัน ถูกปรับปรุงให้กลายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ขับทางไกลได้สบายขึ้น ให้ความรู้สึกเบาและพลิ้วจากการเซตช่วงล่างใหม่ การปลดปล่อยพลังงาน 400 นิวตันเมตร แบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้หน้ารถเกาะหนึบกับผิวถนน พวงมาลัยมีน้ำหนักเป็นเลิศเมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น เมื่อขับเร็ว จากน้ำหนักที่เบาสบายข้อมือ ECU แสนรู้ที่ใช้ควบคุมการทำงานของพวงมาลัยจะหน่วงให้น้ำหนักมากขึ้นอีกนิดเพื่อความแม่นยำลดอาการเบาเกินเหตุในย่านความเร็วสูง โดยเฉพาะการหวดเข้าโค้ง แชสซีก็ถูกออกแบบให้ทำงานสอดคล้องไปกับกำลังของเครื่องยนต์โดยมีพลังงานสำรองเหลือเฟือสำหรับการเร่งแซงรถช้า เรียกว่ากดกันพรวดเดียวคุณอาจโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจจับเรื่องความเร็วได้ง่ายๆ ก็แล้วกัน!
โหมดการขับเคลื่อน 3 โหมดปรับแต่งการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพการขับที่แตกต่างกันออกไป มันครอบคลุมตั้งแต่การขับเรื่อยๆ ไปจนถึงจัดหนักอัดอย่างเต็มเหนี่ยวใช้คันเร่งแบบต่อเนื่อง Sport Mode ผสมผสานการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ให้ตอบสนองอย่างเต็มที่ ส่วนโหมดแยกย่อยอื่นๆ เช่น Comfort เป็นโหมดกลางๆ ที่ใช้ขับทั้งในและนอกเมือง ส่วน Eco Pro คันเร่งจะยืดหยุ่นมากเป็นพิเศษและตอบสนองแบบค่อยเป็นค่อยไป พวงมาลัยไฟฟ้า servotronic มีส่วนที่ดีที่สุดก็คือ ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายเมื่อขับช้าลงและมั่นใจมากขึ้นเมื่อใช้ความเร็ว การกรองแรงสั่นสะเทือนโดยเฉพาะส่วนท้ายทำได้ดี ลดความเหนื่อยล้าเมื่อขับทางไกล Dynamic ของรถสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้ในระดับกลางๆ ออกเบียดกับรถคู่แข่งอย่าง E220d แทรคชั่น การยึดเกาะ ความสมดุลขณะเข้าโค้งอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ แม้รถคู่แข่งจะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่ Series-5 520d ตอบโต้ด้วยออปชันที่มากกว่าเห็นๆ ในจุดนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีและเหนือกว่าแบรนด์ตราดาวนิดๆ
อัตราเร่ง 0-100 ของ BMW 520d M Sport อยู่ที่ 7.5 วินาที เกิดจากประสิทธิภาพของเกียร์ 8 สปีด ของ ZF ที่พยายามเทแรงบิดโดยลดการสูญเสียกำลังที่เป็นตัวบั่นทอนสมรรถนะของรถ น้ำหนักตัวถูกปรับให้ไม่ทะลุเกิน 1.6 ตัน ทำให้มันเป็นรถไซล์กลางที่มีวิชาตัวเบา และมีส่วนช่วยเครื่องยนต์ซึ่งไม่ต้องแบกน้ำหนักมากจนเกินไป แรงบิดออกมาให้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ไหลยาวไปจนถึงย่าน 4,000 รอบต่อนาที 520d ไม่ได้เป็นรถที่ดึงหนัก แรงฉุดลากของเครื่องยนต์ดีเซลตัวเล็ก ออกมาในลักษณะไหลขึ้นไปเรื่อยๆ แต่เร็ว แรงดึงแบบนิ่มๆ เหมาะกับการเป็นรถยนต์ของผู้บริหารอย่างที่สุด เสียงเครื่องยนต์ในรอบสูงก็ปรับให้คล้ายกับเครื่องเบนซิน ไม่ได้ดังจนน่ารำคาญ หรือมีเสียงการทำงานของวาล์วแบบเครื่องดีเซลรุ่นเก่า
Series-5 รุ่นปรับโฉม ยกระดับการขับขึ้นมาอีกนิด จากการปรับจูนค่าการทำงานของโช้คและสปริงใหม่ เป็นรถคันโตที่เร็วใช้ได้ เก็บเสียงดี แต่ไม่ถึงกับดีมากเหมือน Series-7 ที่มีค่าตัวและชาติตระกูลที่สูงกว่า ใส่ของมาให้ใช้เยอะกว่ารถคู่แข่ง แม้จะไม่มี Panoramic Roof แต่ระบบ Active Protection บานประตูดูด เครื่องเสียงชั้นดี และการควบคุมที่สมบูรณ์แบบของมัน ทำให้ BMW 520d มีความน่าใช้อยู่ไม่น้อย แม้จะเป็นถึงผู้บริหารระดับสูง แต่การขับรถด้วยตัวเอง มากกว่าจะพึ่งพาคนขับ ทำให้รถรุ่นนี้มีความเหมาะสมกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวัน เป็น Series-5 ที่อัพศักยภาพของการควบคุมขึ้นไปอีกนิด พัฒนาการที่เหนือกว่ารุ่นก่อนปรับโฉมเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ถ้าคุณมีเงินเหลือมากพอ เทคโนโลยีที่คอยให้ความสบายยามเดินทาง ห้องโดยสารที่สวยงาม เครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก แต่มีกำลังมากพอในการที่จะไปถึงยังจุดหมายท่ามกลางความสะดวกสบาย มันคือรถที่คุณสามารถซื้อได้อย่างมั่นใจโดยแทบจะไม่ต้องคิด และคุณจะไม่ผิดหวังกับประสิทธิภาพการใช้งานทั้งทางใกล้และทางไกล.
รายละเอียดด้านเทคนิค BMW 520d M Sport LCI Facelift 2021
เครื่องยนต์ เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ
เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,995 ซีซี
กำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ 190 แรงม้า ที่ 1,750 - 2,500 รอบต่อนาที
แรงบิดรวมสูงสุด 400 นิวตันเมตร
ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 7.5 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย - อ้างอิงผล ECO Sticker
(20.0 กิโลเมตร/ลิตร)
ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 132 กรัม/กิโลเมตร
ล้อ ล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้ว
ลาย Double-spoke
ขนาดยาง ล้อหน้า: 8 J x 18 / ยาง 245/45 R18
ล้อหลัง: 9 J x 18 / ยาง 275/40 R18 (ยาง Runflat)
มิติรถยนต์ ยาว 4,963 มิลลิเมตร กว้าง 1,868 มิลลิเมตร สูง 1,479 มิลลิเมตร
ปริมาตรในการบรรจุของ 530 ลิตร
น้ำหนักรถสุทธิ 1,560 กิโลกรัม
ระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยี
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Steptronic พร้อม Gearshift Paddles
ช่วงล่าง Adaptive
ระบบควบคุมความเร็วคงที่พร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว
(Cruise Control with braking function)
ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant)
ระบบ BMW Head-up Display
ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant)
อุปกรณ์ภายนอก
ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับตามทิศทางหมุนของพวงมาลัย
(Adaptive LED)
โคมไฟหน้าตกแต่งสีดำ (BMW Individual Lights Shadow Line)
ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant)
ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System)
ระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตู (Soft-close function for doors)
กุญแจรีโมทระบบสัมผัส (BMW Display Key)
กระจกมองข้างตัดแสงอัตโนมัติ
ชุดตกแต่ง M Aerodynamics
ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา
อุปกรณ์ภายใน
กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
เบาะนั่งหนังแท้ Dakota
เบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับ
เบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์ Sport
ที่หนุนหลังปรับไฟฟ้าสำหรับเบาะนั่งตอนหน้า
พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M Sport
คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec
ชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร (Ambient Light)
ช่องสำหรับจ่ายไฟ 12 โวลต์
ภายในตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย Rhombicle Smoke Grey
พร้อมแถบโครเมียม
ม่านบังแดดที่ประตูหลังและกระจกหลัง
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน
ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร
BMW Live Cockpit Professional
ระบบ BMW ConnectedDrive
ฟังก์ชันสั่งงานระบบ iDrive ด้วยการเคลื่อนไหวมือ (BMW Gesture Control)
ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
ความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง (ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง)
ระบบ Teleservices
ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC)
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC)
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist)
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Dynamic Braking Lights)
ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC)
เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor)
ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection)
ระบบ Active Protection
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness Assistant)
ระบบเตือนสถานะของยาง (Runflat Indicator)
เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง
กล้องแสดงภาพด้านหลัง
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera)
ชุดตกแต่งพิเศษ
ชุดตกแต่ง M Sport
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/