แม้ว่า ชิโร นากามูระ (Shiro Nakamura) หัวหน้าทีมออกแบบของ Nissan จะเกษียณอายุไปแล้ว และไม่ได้อยู่ทำหน้าที่ควบคุมงานออกแบบของ Nissan อีกต่อไป แต่ Navara รุ่นปรับโฉม ก็มีดีไซน์ที่โดนใจมากกว่าเดิม การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพื่อผลักดันรถปิกอัพ Nissan เข้าสู่สงครามในตลาดรถกระบะของไทย ต้องทำให้มันมีมากกว่าหน้าตาที่ดูดี Navara รุ่น Pro4X มาพร้อมกับการควบคุมที่ดีขึ้น เก็บเสียงดีขึ้น และมีรูปลักษณ์ที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น ไหนๆ ก็จะอวยกันอยู่แล้ว มาแจงให้ครบกันไปเลยว่า Pro4X มีอะไรใหม่ที่น่าสนใจบ้าง วันเปิดตัว Navara Facelift 2021 ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Navara ใหม่ แสดงออกถึงความตั้งใจของ Nissan ในการลุยตลาดรถกระบะ โดยเฉพาะรุ่นที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งและระบบความปลอดภัยแบบใหม่อย่าง Pro4X ถือเป็นความทุ่มเทของทีมงาน Nissan ซึ่งลงมือลงแรงปรับปรุงรถปิกอัพที่ครั้งหนึ่ง Nissan เคยอยู่ในอันดับหัวแถวของยอดขายรถปิกอัพในประเทศไทย ลองมาดูราคาค่าตัวของ Navara ใหม่กันดีกว่า 

...

Nissan Navara Facelift 2021 รุ่นและราคา

New Navara PRO-4X และ New Navara PRO-2X รุ่นและราคา
Nissan Navara PRO-4X 4WD 7AT 1,149,000 บาท (คันทดสอบ)
Nissan Navara PRO-2X 2WD 7AT 999,000 บาท

Double Cab
Nissan Navara 4WD VL 7AT1,129,000 บาท
Nissan Navara CALIBRE V 7AT 965,000 บาท
Nissan Navara CALIBRE V 6MT 915,000 บาท
Nissan Navara CALIBRE E 7AT 899,000 บาท
Nissan Navara CALIBRE E 6MT 849,000 บาท

King Cab
Nissan Navara CALIBRE V 7AT 859,000 บาท
Nissan Navara CALIBRE V 6MT 809,000 บาท
Nissan Navara CALIBRE E 7AT815,000 บาท
Nissan Navara CALIBRE E 6MT 765,000 บาท
Nissan Navara E 6MT 689,000 บาท
Nissan Navara SL 6MT 609,000 บาท
Nissan Navara S 6MT 599,000 บาท

Nissan Navara Facelift 2021 มีสีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่
สีขาว ไวท์ โซลิด (White Solid)
สีขาว ไวท์ เพิร์ล (White Pearl)
สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver)
สีดำ แบล็ก สตาร์ (Black Star)
สีแดง เบิร์นนิ่ง เรด (Burning Red)
สีใหม่ ฟอร์จ คอปเปอร์ (Forged Copper)

...

Nissan Navara Facelift 2021 รุ่น PRO series ทั้ง PRO4X และ PRO2X สีเทา สเตลท์ เกรย์ Stealth Gray (สีตัวถังคันทดสอบ) 

...

...

คนของ Nissan แจ้งว่า Navara Pro4X มีการถ่ายทอดดีเอ็นเอจากรถกระบะฟูลไซล์ Nissan Triton กระบะช้างยักษ์ในสหรัฐอเมริกา ออกแบบมาสำหรับคนที่ชอบการขับรถเดินทางแบบผจญภัย ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีประสิทธิภาพ พร้อมลุยไปในเส้นทางทุรกันดาน จริงๆแล้วสายพันธ์ุของ Navara ก็ขึ้นชื่อในเรื่องความแกร่งของช่วงล่างมานานมากแล้ว ซึ่งบางคนบอกว่ามันแข็งมากเกินไป พอมาถึงรุ่นปรับโฉม Nissan ปรับการทำงานของระบบรองรับใหม่ โดยเฉพาะด้านหน้าที่เป็นแบบปีกนกคู่ดับเบิ้ลวิชโบน เพื่อให้สอดรับกับประสิทธิภาพในการยึดเกาะน้องๆ Ranger Raptor ใช่ครับ ช่วงล่างของมันมันไม่ได้ทำงานเนียนเหมือนโช้คอัพหมาจิ้งจอกที่อยู่ใน Raptor แต่จูนให้ลดดีกรีความดิบลงไปพอสมควร เป็นการปรับเพื่อทำให้ความสบายขณะขับหรือโดยสารเพิ่มมากขึ้น สำหรับรูปลักษณ์ภายนอก Navara Pro4X มีการเสริมความดุดันของดีไซน์กระจังหน้าแบบใหม่ ทั้งรูปแบบของชุดกระจังและโทนสีที่แตกต่างไปจาก Navara รุ่นมาตรฐาน อุปกรณ์ตกแต่งรอบตัวถังใช้โทนสีดำ ช่วงล่างที่ปรับแต่งใหม่ให้สามารถลุยไปได้ทุกที่ ทุกสถานการณ์ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางแบบ All Terrain Nissan Navara Pro4X คันทดสอบ พ่นสีเทาแบบพิเศษซึ่งเรียกกันว่า สเตลท์ เกรย์ (Stealth Gray) มีการเสริมด้วยชุดแต่ง แอคเซนท์สีส้ม-แดง รอบคัน ลองมาดูการเปลี่ยนแปลงและของแต่งใน Pro4X กันครับ 

กระจังหน้าที่ Nissan เรียกว่า อินเตอร์ล็อก พร้อมโลโก้ Nissan สีส้มแดง 

ไฟหน้า Quad Eye LED พร้อมไฟหรี่กลางวัน LED Day Time Running Light

ล้ออัลลอยลาย 6 ก้าน สีดำ ขอบ 17 นิ้ว 

กันชนหน้าแบบพิเศษตกแต่งด้วยพลาสติกสีส้มแดง ด้านข้างของกันชนหน้าติดตั้งไฟตัดหมอก LED

ซุ้มล้อหุ้มพลาสติกกันกระแทกสีดำ ตกแต่งด้วยพลาสติกสีส้มแดง 

กรอบกระจกมองข้างสีดำ เลนส์ไฟเลี้ยวในตัวหลอด LED

กาบบันไดข้างอัลลอยสีดำ

แรคหลังคาสีดำ

สติ้กเกอร์ Pro4X ที่กระบะท้าย

ไฟท้ายแบบใหม่ ใช้หลอดไฟแบบผสม ทั้ง LED และหลอดไฟปกติ

กันชนหลังปรับแต่งเป็นที่เหยียบขึ้นกระบะท้าย หุ้มพลาสติกกันกระแทกสีดำ

ฝาท้ายกระบะแบบผ่อนแรงเปิด

สัญลักษณ์ Nissan สีดำ-แดง บริเวณกึ่งกลางฝากระบะท้าย 

รูปทรงด้านข้าง จากแนวคิดการเป็นรถกระบะสายลุย ที่ต้องมีความแข็งแกร่งบึกบึนเป็นหลักในการต่อสู้กับคู่แข่ง ซึ่งหมายถึงการมุ่งเป้าไปที่เจ้าของตำแหน่งแชมป์ยอดขายรถกระบะอย่าง Isuzu D-MAX ทำให้ Navara Pro4X ต้องมีภาพลักษณ์โดยรวมดูดีมากกว่าเดิม เสาหน้าขนาดใหญ่ กรอบกระจกสีดำตัดกับสีเทา Stealth Gray เป็นสีที่มีส่วนผสมของเม็ดสีที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มความสวยงามและดูคล้ายกับสีเทา Conquer Grey ของ Ford Ranger Raptor โป่งซุ้มล้อถูกดึงออกมาเล็กน้อย ไม่โหดเท่าโป่งของเจ้าไดโนเสาร์นักล่า ประตูบานหลังมีขนาดเล็กกว่าบานหน้านิดหน่อย แรคหลังคาสีดำกับกรอบกระจกมองข้างสีดำยิ่งทำให้ Pro4X ดูจริงจังมากขึ้น ล้ออัลลอยลาย 6 ก้านแบบใหม่ ยางกึ่งเรียบกึ่งลุย Yokohama รุ่น Geolandar A/T ไซล์ 255/65R17 110H ที่ชอบก็คือพลาสติกหุ้มซุ้มล้อสีดำที่มีทริมสีส้มแดงประดับอยู่ด้านบน จริงๆแล้ว ถ้าดึงโป่งให้มากกว่านี้อีกนิด ก็น่าจะทำให้แฟนคลับของ Raptor หันเหความสนใจอยู่ได้เหมือนกัน มิติตัวถังของ Navara Pro4X รุ่นตกแต่งพิเศษ ราคา 1.14 ล้านบาท มีสัดส่วนความสูง 1,840 มิลลิเมตร ยาวเหยียดถึง 5,260 มิลลิเมตร กว้าง 1,875 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,150 มิลลิเมตร ระยะห่างระหว่างล้อ คู่หน้า 1,570 มิลลิเมตร คู่หลัง 1,570 ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 225 มิลลิเมตร

ขนาดกระบะบรรทุก มีความยาว 1,470 มิลลิเมตร ความกว้างตัวกระบะ 1,495 มิลลิเมตร สูง 520 มิลลิเมตร ภายในกระบะท้าย หุ้มแมคไลน์เนอร์พลาสติกกันกระแทกสีดำอย่างหน้า พร้อมรางอะลูมิเนียมกับหูยึดสำหรับล็อกเข้ากับสัมภาระ Navara Pro4X  มีน้ำหนักตัวรถทั้งคันอยู่ที่ 2,083 กิโลกรัม หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน 

โมโนเฟรมแชสซีทำจากเหล็กกล้าชิ้นเดียวตลอดคัน (Fully Boxed Frame) ที่มีชื่อเสียงของ Nissan มาพร้อมระบบช่วงล่างและระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโครง ขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบแหนบซ้อนพร้อมโช้คอัพ โดยทั้งหมดถูกปรับจูนใหม่ เพื่อสมรรถนะและการทรงตัวรถขณะขับเข้าโค้ง ในจุดนี้ ลองขับบนเส้นทางภูเขา และทางออฟโรด ให้ความรู้สึกที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งการทรงตัวในย่านความเร็วสูง การเข้าออกจากโค้ง การถ่ายเทน้ำหนักขณะเลี้ยวหรือเบรก โครงสร้างแชสซี เหล็กกล้าชิ้นเดียวตลอดคัน พื้นที่กระบะตอนท้าย เพิ่มสเตปด้านท้ายรถ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานขึ้นลง รวมถึงการปรับตำแหน่งตะขอยึดใหม่ สำหรับการบรรทุกสัมภาระทั้งขนาดใหญ่และเล็ก

บั้นท้ายสไตล์รถกระบะจะออกแนว ทื่อๆ เหลี่ยมๆ รวมถึงไฟท้ายทรงแนวตั้งที่พบเห็นได้ทั่วไปในกระบะที่ประกอบในไทย ทั้งการขายในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศซึ่งใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลัก Navara Pro4X มีกันชนหลังที่ออกแบบให้ด้านบนเป็นที่เหยียบเพื่อขึ้นไปบนกระบะท้าย ไฟท้ายคล้ายกับไฟของ Hilux REVO Rocco ฝากระบะท้ายที่ทำจากเหล็ก ปั๊มตราสัญลักษณ์ Nissan มือจับที่เปิดฝาท้ายพลาสติกสีดำ มีเลนส์ของกล้องมองหลังติดอยู่ด้านข้าง พร้อมรูกุญแจสำหรับล็อกฝากระบะท้าย ไฟเบรกดวงที่สาม หลอด LED ติดอยู่ด้านบนสุดบริเวณกึ่งกลางของหลังคาช่วงท้าย ติดกับขอบของกระจกบังลมบานหลัง ช่วยทำให้รถคันหลังมองเห็นไฟเบรกได้อย่างชัดเจน เสาอากาศภาครับวิทยุทำจากโลหะสีดำ ซุ้มล้อทั้งสีก็ยังมีพลาสติกกันโคลนติดมาให้อีกด้วย  

ห้องโดยสารของ Navara Pro4X เพิ่มความหรูหราด้วยงานตกแต่งเฉพาะรุ่น แม้จะจ่ายเงินไปเป็นล้าน แต่เบาะคู่หน้าก็ยังใช้มือในการปรับตั้งความสูงและระยะของตัวเบาะ เมื่อถามไปยังคนของ Nissan ก็ได้คำตอบกลับมาว่า เบาะไฟฟ้านั้นอยู่ในรุ่น 4WD VL 7AT ราคา 1,129,000 บาท ซึ่งเป็น Navara รุ่นท็อปสุด ส่วน Pro4X จากเดิม ที่เคยเข้าใจกันว่าเป็นรุ่นสูงสุด กลับเป็นรถรุ่นรองที่มีจุดขายอยู่ตรงงานตกแต่ง!! Pro4X ปรับรูปแบบและความสะดวกสบายของภายใน ด้วยการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยพอเพียง แม้พื้นที่เบาะหลัง จะน้อยกว่าพื้นที่บริเวณเบาะคู่หน้า แต่ก็นั่งโดยสารทางไกลได้สบายพอใช้

Nissan เสริมความหรูด้วยด้วยเบาะโดยสารหุ้มหนังสีดำ- แดง เย็บเดินตะเข็บโชว์ลายกราฟฟิกกลางตัวเบาะอย่างหรูด้วยด้ายสีขาว พนักพิงหลังตรงขอบด้านบนปักตราสัญลักษณ์ Pro4X ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมกุญแจรีโหมด ช่องแอร์แถวหลัง ระบบปรับอากาศแบบ 2 Zone แยกอุณหภูมิซ้ายขวา หน้าตาของแผงควบคุมระบบปรับอากาศยังคงเหมือนเดิม พวงมาลัยที่เคยมีหน้าตาหน้าเกลียด เปลี่ยนใหม่มาเป็นพวงมาลัยสปอร์ตทรงสามก้าน หุ้มหนังแท้พร้อมสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นปรับตั้งโหมดต่างๆของระบบอินโฟเทนเมนท์ และปุ่มปรับตั้งความเร็วของระบบ Cruise Control  ซุ้มเกียร์ล้อมกรอบด้วยงานพลาสติกสีโครเมี่ยม หัวเกียร์ออโตหุ้มหนังแท้ Nissan ออกแบบร่องคันเกียร์สำหรับการชิฟเกียร์เองในโหมดแมนนวล ในเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 7 สปีด 

แดชบอร์ยกมาทั้งยวงจาก Navara NP300 รุ่นที่แล้ว ทั้งแดชบอร์ดและคอนโซล ทำจากพลาสติกฉีดขึ้นรูป วางตำแหน่งของจอมัลติฟังก์ชั่นแบบใหม่ ที่ดูดีกว่าของเดิมที่เคยใช้ยี่ห้อ Kenwood จอภาพมัลติฟังก์ชั่น สั่งงานด้วยระบบสัมผัส ตำแหน่งจออยู่ต่ำไปนิด จอภาพมอนิเตอร์กลาง เชื่อมโยงการทำงานกับระบบอินโฟเทนเมนท์ ระบบนำทางด้วยดาวเทียม การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกต่างๆ มีความคมชัดและมีขนาดที่ใหญ่กว่าจอภาพแบบเดิม  บริเวณกึ่งกลางของคอนโซลแต่มองเห็นได้ชัดเจนดี ช่องแอร์ทรงเหลี่ยมยังเหมือนเดิม มีสวิตช์ไฟฉุกเฉินอยู่ตรงกลาง ถัดจากจอมัลติฟังก์ชั่นต่ำลงมาเป็นชุดควบคุมอุณหภูมิแบบแยกส่วน 2 Zone สั่งงานด้วยระบบดิจิตอลที่ยกมาจาก NP300 แผงควบคุมแอร์ดิจิตอล ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย รวมถึงช่องแอร์ด้านหลังเอาใจผู้โดยสารตอนหลังในประเทศเขตร้อน แผงควบคุมระบบปรับอากาศ ใช้สวิตช์ทรงเหลี่ยม ปรับตั้งควบคุมอุณหภูมิด้านซ้ายและขวา ปุ่มเร่งหรือลดความแรงของพัดลมแอร์ ที่อยู่ต่ำลงไปอีกนิดคือช่องจ่ายกระแสไฟฟ้า 12V กับสวิตช์ควบคุมโหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 2H / 4L /4H แผงประตูและคอนโซลกลางมีที่วางแก้วน้ำมาให้หลายตำแหน่งราวกับกำลังใช้งานอยู่ในตะวันออกกลาง! Navara Pro4X ใช้กระจกแบบ Noise-reducing acoustic glass ลดเสียงรบกวนที่เข้ามาในห้องโดยสาร และกระจกตอนหลังกรองแสงสีชา ตกแต่งภายในด้วยหนังแท้รอบห้องโดยสารโทนสีดำ มีที่พักแขนและที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง พอร์ต USB Type C บริเวณคอนโซลกลาง การเชื่อมต่อเพื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน สามารถทำได้ผ่าน NissanConnect ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อใช้งานในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ระบบนำทาง (Navigation system) หรือ แอปพลิเคชันฟังเพลงต่างๆ ผ่านหน้าจอเครื่องเสียงรถยนต์ระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียงหรือ Voice Recognition เจ้า Navara รุ่นปรับโฉม ยังสามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน NissanConnect Service บนสมาร์ทโฟน เพื่อให้เจ้าของเชื่อมต่อและดูข้อมูลของรถยนต์ผ่านสมาร์ทโฟน โดยมีฟังก์ชัน เช่น การแสดงพิกัดรถยนต์ สถานะรถยนต์ การช่วยเหลือฉุกเฉิน และประวัติการขับขี่

พวงมาลัย 3 ก้านแบบใหม่ที่ดูดีขึ้น (มาก) หุ้มด้วยหนัง มีสวิตช์ปรับตั้งค่าต่างๆ ผ่านจอ MID ขนาดเล็กบริเวณกึ่งกลางมาตรวัด สั่งงานเชื่อมต่อกับระบบอินโฟเทนเมนท์ หรือระบบ Cruise Control ปุ่มรับหรือวางโทรศัพท์ไร้สาย หน้าปัดมาตรวัดออกแบบใหม่หมด เพิ่มขนาดของจอ MID multi information display มาตรวัดแบบเรืองแสงที่อ่านค่าได้ง่าย กึ่งกลางมาตรวัดความเร็วและวัดรอบ มีจอ MID ที่สามารถปรับตั้งให้แจ้งข้อมูลเป็นภาษาไทย จอภาพMulti information display แจ้งเตือนการทำงานของระบบต่างๆ เช่น สปีดความเร็วเป็นตัวเลข เข็มทิศ นาฬิกาดิจิตอล ทริปมิเตอร์ อุณหภูมิภายนอก แจ้งเตือนระบบต่างๆและการบำรุงรักษา ปรับตั้งระบบความปลอดภัย หรือเสียงเตือนในโหมดต่างๆ ปรับตั้งระบบไฟส่องสว่าง ระบบล็อกประตู ระบบขับเคลื่อน  ส่วนจอภาพระบบสัมผัสที่คอนโซลกลางมีระบบนำทางด้วยดาวเทียม วิทยุ CD/DVD/MP3/ ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอก AUX/USB ความคมชัดของจอภาพและลูกเล่นต่างๆ อยู่ในเกณฑ์พอใช้ได้ กล้องมองหลังแม้จะไม่ค่อยชัดเมื่อใช้งานตอนกลางคืน ก็ดีกว่าไม่มี รวมถึงเซนเซอร์และเส้นระนาบที่ปรากฏในกล้องมองหลัง ช่วยทำให้การขับถอยหลังในรถกระบะคันโต มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ความคมชัดนั้น เป็นรองจอภาพราคาแพงของรถยุโรปอยู่แล้ว แต่ใช้งานได้ง่ายและมีรูปแบบที่สวยงามเข้ากับแผงคอนโซลกลางได้ดีจากการออกแบบ 

เครื่องยนต์ของ Nissan Navara Pro4X เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบอัดอากาศด้วยเทอร์โบคู่ รุ่นล่าสุด รหัส YS23DDTT ความจุ 2.3 ลิตร 4 วาว์ลต่อสูบ เครื่องยนต์รุ่นใหม่ตัวนี้มีการปรับสมรรถนะเพื่อความประหยัดและทำให้มีแรงบิดรอบต่ำเพียงพอต่อความต้องการในการเอาตัวรอดบนทางวิบาก เครื่องยนต์ดีเซลของมันยังปรับจูนมาเพื่อลดมลพิษ และมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเครื่องยนต์รหัส YD25 DDTi ประกอบด้วยพาราเรลพอร์ตฝาสูบ ที่ถูกปรับให้ดีขึ้น วาล์ว EGR มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมด้วยบายพาสอินเจคเตอร์แรงดัน 200 MPa ระบบอัดอากาศหรือเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบทวินเทอร์โบ ระบบเชื้อเพลิง ใช้หัวฉีดไฟฟ้าคอมมอลเรล-ไดเรคอินเจคชั่น พร้อมอัตราการบีบอัดต่ำ เครื่องยนต์มีอัตราส่วนกำลังอัด 15.4:1 กระบอกสูบกว้าง 85.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 101.3 มิลลิเมตร ปริมาตรความจุ 2,298 ซีซี ให้กำลัง 140 กิโลวัตต์ หรือ 190 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดจัดเต็มถึง 450 นิวตันเมตร หรือ 45.9 กิโลกรัมเมตร ที่ 1,500- 2,000 รอบต่อนาที มากพอที่จะส่งแรงบิดลงไปตะกุยทั้งสี่ล้อเพื่อเอาตัวรอดในเส้นทางออฟโรด ความจุถังเชื้อเพลิงดีเซล 80 ลิตร มีค่ามาตรฐานมลพิษค่อนข้างต่ำอยู่ที่ EURO-4 ระบบส่งกำลัง ใช้เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล 

อัตราทดเกียร์ 
เกียร์ 1 4.887 
เกียร์ 2 3.170 
เกียร์ 3 2.027 
เกียร์ 4 1.412 
เกียร์ 5 1.000
เกียร์ 6 0.864
เกียร์ 7 0.775
เกียร์ถอย 4.041
อัตราทดเฟืองท้าย 3.357 

ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 7 สปีด ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ เป็นชุดเกียร์ลูกเดิมที่ยกมาจาก Navara NP300 เน้นอัตราทดครอบคลุมทุกย่านของรอบเครื่องยนต์ โดยเฉพาะแรงบิดรอบต่ำซึ่งเป็นสิ่งที่รถปิคอัพทุกคันจะต้องมีให้พอใช้งานในการเอาตัวรอดจากเส้นทางวิบาก อัตราทดที่กว้างของเกียร์ทำให้ช่วงความเร็วในแต่ละเกียร์กว้างขึ้น แต่ค่อนข้างส่งผลถึงการตอบสนองในช่วงแรกๆที่เริ่มกดคันเร่งอยู่เหมือนกัน เกียร์ 7 สปีดออโต ถ้าขับเรื่อยๆก็อัตราการประหยัดเชื้อเพลิงพอใช้ได้ idle neutral control รวมไปถึง L/U แดมเปอร์ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ สำหรับใช้วิ่งทางยาว ช่วยให้ทำงานในรอบต่ำโดยไม่ส่งเสียงรบกวนมากนัก แรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์ลดลงไปมาก รวมถึงเสียงเครื่อง 2.3 ลิตร ก็ลดลงมากกว่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ตัวเก่า การออกแบบจุดยึดและยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์ กับวัสดุซับเสียง เข้ามาช่วยทำให้ Pro4X เงียบและนิ่งขึ้นขณะเดินเบา ระบบบังคับเลี้ยวของ Navara เนื่องจากเป็นรถกระบะ ต้องรับภารกรรมมากกว่าปกติ จากการทำตัวเป็นรถลุยที่ใช้บรรทุกของหนักๆ Navara ทุกรุ่นนยังใช้พวงมาลัยแรคแอนพีเนียนพาวเวอร์สายพาน มีพูเลย์เชื่อมต่อกับจุดหมุนของเครื่องยนต์เพื่อหมุนปั๊มพาว์เวอร์หล่อลื่นน้ำมันในระบบบังคับเลี้ยวเหมือนเดิม นี่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นไฟฟ้าเมื่อไหร่ ก็น่าจะมีความดีสูสีกับ Raptor กันเลยทีเดียว แต่เมื่อยังคงใช้เพาเวอร์สายพาน ทำให้ความแม่นยำและน้ำหนักยังคงเป็นรองพวงมาลัยไฟฟ้าของกระบะมะกัน! 

ระบบรองรับของ Nissan Navara Facelift Pro4X  มาพร้อมกับสมรรถนะของการขับขี่แบบออฟโรด ด้วยการออกแบบความสูงจากพื้นทำมุมเข้าหากันที่ 31 องศา มุมออก 25.6 องศา สามารถขับผ่านน้ำท่วมขังหรือหลุมบ่อที่มีความลึก 450 มิลลิเมตร รวมถึงความสามารถในการไต่พื้นที่ลาดชัน 51 องศา ช่วงล่างด้านหน้าแบบดับเบิ้ลวิชโบนบวกเหล็กกันโคลงหน้า ด้านหลังแบบแหนบซ้อน ระบบห้ามล้อ ด้านหน้าเป็นดิสเบรก ส่วนด้านหลังยังคงใช้ดรัมเบรกพร้อมตัวช่วยเช่นระบบป้องกันล้อล็อก ABS / EBD / BA ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Shift on The Fly ช่วยให้การปรับระบบขับเคลื่อนสามารถกระทำได้ในขณะที่รถยังวิ่งอยู่ที่ย่านความเร็ว 100 กิโลเมตร เฟืองท้ายแบบอีเล็กทรอนิกส์ล็อกอัตโนมัต เป็นเฟืองท้ายที่ออกแบบมาสำหรับการขับขี่ออฟโรด โดยใช้เฟืองส่งกำลังไปที่ล้อขับเคลื่อนในปริมาณที่เท่ากันเพื่อสร้างความสมดุลสูงสุดขณะขับเคลื่อน ระบบ HDC ควบคุมการวิ่งลงทางลาดชัน โดยยังคงความเร็วต่ำสำหรับการขับลงเนินชัน ระบบ HAS ระบบออกตัวบนทางลาดชัน เฟืองท้ายแบบ LSD ช่วยลดอาการลื่นไถล ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 (4WD)เปลี่ยนจากการขับขี่แบบสองล้อ หรือ two-wheel drive (2H) เป็น 4H ได้แบบไม่ต้องจอดรถ เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ four-wheel drive ได้ทั้ง 4H และ 4L  ผ่าน Rotor Switch ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง พร้อม ฟังก์ชัน shift-on-the-fly ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ขณะขับขี่ (จาก 2H เป็น 4H) ขณะที่โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบความเร็วต่ำ low range four-wheel drive หรือ 4L สำหรับการขับขี่บนพื้นที่ทุรกันดาร เช่น การลุยทราย โคลน ลุยลำธารที่มีระดับน้ำเฉียดๆ 1 เมตร ปีนขึ้นที่สูงชัน หรือลงในเส้นทางลาดชัน Navara Pro4X รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อม ระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) โดยระบบจะส่งแรงไปยังล้อที่ลื่นไถลให้การออกตัวที่ลื่น พร้อมกระจายแรงขับขี่ไปที่ล้อแต่ละข้างเมื่อขับขี่ในโหมด 4H ขณะที่ ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า Electronic Rear Locking Differential ช่วยเสริมกำลังฉุดเมื่อขับขี่ในสถานการณ์ที่ต้องการแรงบิดสูงในโหมด 4L ออกแบบมาเพื่อการขับฝ่าทางวิบากที่ต้องใช้ความเร็วต่ำและมีสภาพที่ลื่นไถลตลอดเส้นทาง 



Navara Pro4X เน้นหนักในเรื่องของความปลอดภัย ติดตั้งเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยขั้นสูง Nissan Intelligent Mobility เช่น
ระบบเบรกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Breaking)
ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชน (Intelligent Forward Collision Warning)
ระบบป้องกันการชนจากจุดอับสายตา (Intelligent Blind Spot Intervention) ระบบควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทาง (Intelligent Lane Intervention) 
กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor ที่มีฟังก์ชัน Off-Road Meter สามารถสังเกตการณ์รอบๆตัวรถขณะขับลุยทางโหด เพื่อการวางตำแหน่งที่ถูกต้องสำหรับเอาตัวรอดบนพื้นที่ทุรกันดานสุดๆ

ระบบความปลอดภัย เซฟตี้ ชิลด์ (Safety Shield Technology) เช่น
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control: TCS)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Vehicle Dynamic Control: VDC) ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (Trailer Sway Assist: TSA)

ในตลาดรถปิกอัพของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตหลักของ Nissan มักจะเต็มไปด้วยคู่แข่งชั้นดี เช่น Ford Ranger / Toyota Hilux REVO Rocco / Mitsubishi Triton Athlete  / Isuzu D-MAX V-Cross MAX 4x4 แนวทางของ Nissan ในการปรับปรุงรถปิกอัพ ยังคงยึดมั่นกับภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ทรหดอดทนต่อการใช้งานทุกรูปแบบ เห็นได้อย่างชัดเจนจากการนำเสนอในรูปแบบของโฆษณา ที่มักสื่อให้เห็นถึงบุคลิกภาพที่แตกต่างไปจากรถกระบะทั่วไป ทั้งสมรรถนะและรูปลักษณ์จากความบึกบึนของเส้นสายรอบคัน รวมไปถึงความสามารถของระบบขับเคลื่อนและช่วงล่าง ยอมรับว่า Navara Pro4X สีเทานั้นสวยเอาเรื่อง มันดูแข็งแกร่งมากกว่าเดิม เรียบง่ายแต่พร้อมจะลุยถ้าคุณกล้าและมีฝีมือมากพอในการวางตำแหน่งรถให้ถูกต้อง ลูกเล่นต่างๆ ในระบบขับเคลื่อนที่คุณสามารถปรับการขับจาก 2 มาเป็น 4 ล้อ ด้วยความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในรูปแบบ Shift on the Fly คือหนึ่งในความสามารถของ Pro4X  ซึ่งก็เหมือนกันรถกระบะคู่แข่งตัวขับสี่ ที่มีความสามารถคล้ายกัน หลังจากรับรถทดสอบในช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 23 มกราคม ผมลองขับใช้งานในเมืองเพื่อดูความคล่องตัว ขนาดความยาวของ Pro4X อยู่ที่ 5,260 มิลลิเมตร กับรัศมีวงเลี้ยวเฉียด 6 เมตรกว่าๆ ที่กว้างกว่ารถเก๋งคันเล็กมากนัก ทำให้ต้องใช้ความระวังเมื่อจะถอยหรือเลี้ยวเข้าสู่พื้นที่คับแคบ กล้องมองหลังที่แสดงภาพผ่านจอมอนิเตอร์มีเส้นระนาบของการกะระยะเชื่อมโยงกับการหมุนพวงมาลัย การเก็บเสียงในย่านความเร็วต่ำทำได้เหนือกว่ามาตรฐานของรถปิกอัพราคา 1 ล้านบาท เมื่อขับเร็วขึ้น เสียงเครื่องยนต์และเสียงยางจะเริ่มดังเข้ามาให้ได้ยินในย่านความเร็ว 80-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั่นคือเรื่องปกติ Pro4X เป็นรถกระบะที่สามารถใช้งานในเขตเมืองได้ดี แต่คนต่างจังหวัดกลับนิยมชมชอบในความสมบุกสมบันของมัน และใช้งานอยู่ในไร่หรือพื้นที่ห่างไกล มากกว่าจะเอามาวิ่งด้วยความเร็วต่ำอยู่แต่ในเมือง

พอวันรุ่งขึ้น ผมก็นำเจ้า Navara ตัวแต่งหล่อ ออกไปขับทดสอบบนทางแบบชนบทที่คับแคบแถบตะวันตก โดยมุ่งหน้าไปยังตำบลบ้านใต้ ที่อยู่ในเขตอำเภอบ้านไร่ของจังหวัดอุทัยธานี เมื่อขับไปได้ไม่ไกล คุณจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น Navara Pro4X เก็บเสียงดีขึ้นมาก และให้ความรู้สึกถึงการเชื่อมโยงกันระหว่างการควบคุมและสัมผัสที่หนักแน่นเหมือนเดิม ช่วงล่างคลายความกระด้างลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงล่างที่แข็งราวกับหินผาของ Navara NP300 พวงมาลัย Pro4X ทำให้ผมนึกถึงพวงมาลัยเพาเย่อเจ๋งๆใน Mazda BT-50 ตัวเก่าก่อนที่จะกลายเป็น D -MAX ทั้งความรู้สึก ระยะของการหมุนและความแม่นยำที่ลดทอนลงจากพวงมาลัยไฟฟ้าของ Raptor เจ้า Pro4X เป็นปิกอัพพันธุ์ลุยที่มีชุดบังคับเลี้ยวเที่ยงตรงใช้ได้ แต่นำหนักและความแม่นยำ อย่างที่บอดกว่ายังเป็นรองเจ้าไดโนเสาร์อยู่พอสมควร ส่วนยาง ด้านความรู้สึก ยาง Yokohama รุ่น Geolandar A/T Tires สอดรับกับผิวถนนแบบผสม ซึ่งมีทั้งทางปูนและทางลาดยาง Geolandar A/T เป็นยางกึ่งเรียบกึ่งลุย วิ่งได้ดีบนถนนผิวเรียบและขรุขระ แต่ถ้าคิดจะเอาไปลุยแบบเต็มเหนี่ยว ต้องขับฝ่าหล่มโคลนลึก ควรเปลี่ยนเป็นยาง M/Tดอกใหญ่ที่ลุยได้ดีบนทางวิบาก สำหรับ ยาง Geolandar A/T ที่ติดรถใน Navara Pro4X รุ่นขับสี่ รองรับการใช้งานได้หลากหลายพอสมควร มันเป็นยางกึ่งๆ ที่ลุยได้พอหอมปากหอมคอ วิ่งบนทางลูกรังได้ดี  เงียบและมีความนุ่มอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ 

Pro4X ทำตัวได้น่ารัก ทั้งการขับบนทางเรียบหรือทางขรุขระ โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ชิฟเข้าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4H เมื่อผมขับเข้าเขตภูเขาแถวๆ เขาโจด พวงมาลัยเมื่อเปลี่ยนจาก 2H มาเป็น 4H จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกนิดจนรู้สึกได้ วิศวกรของ Nissan ใช้ความพยายามอย่างมากใน Navara รุ่นใหม่ เพื่อเอาชนะรถปิกอัพคู่แข่งที่มีพวงมาลัยและชุดบังคับเลี้ยวดีๆ การจัดวางแซสซีส์ เครื่องยนต์ เกียร์ เฟืองท้าย และเพลาขับเคลื่อน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในขณะขับขี่ส่งผลไปถึงการทรงตัวที่ออกมาในแนวนิ่งและค่อนข้างมั่นคง หากความเร็วที่ใช้อยู่ในระดับเดียวกับที่กฎหมายกำหนด สัดส่วนของความสูงในรถปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ จึงไม่เหมาะสำหรับการหักพวงมาลัยเร็วๆ แบบหวดเข้าโค้งมุมแคบด้วยความเร็วสูงเนื่องจากมีความสูงมากกว่ารถเก๋ง ความสูงบวกกับความกว้างของห้องโดยสารทำให้รู้สึกโปร่งโล่งและมองเห็นได้ไกล Pro4X มีตำแหน่งท่านั่งขับที่คุณสามารถปรับให้มองเห็นได้อย่างครอบคลุม แม้แต่คนตัวเล็กก็แค่ยกเบาะให้สูงขึ้น เครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร Two-Stage Turbo อย่างที่บอกว่า ถูกปรับการทำงานให้มีแรงสั่นสะเทือนลดลง จุดเด่นที่แรงบิด 450 นิวตันเมตร ซึ่งทำให้เกิดความกระฉับกระเฉงตั้งแต่เริ่มออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง เทอร์โบยังคงมีอาการรอรอบ แต่เมื่อบูสติดแล้วก็สนุกเอาเรื่อง พวงมาลัยเพาเวอร์สายพานพูเลย์ มีระยะของการเลี้ยวกลับลำหรือเลี้ยวยูเทิร์น ใช้พื้นที่ค่อนข้างกว้าง กล้องมองหลังที่ทำงานร่วมกับเกียร์ถอยพร้อมสัญญาณเสียงแจ้งเตือนการถอยหลังเข้าไปใกล้กับสิ่งกีดขวางช่วยเปิดมุมมองส่วนท้ายทั้งหมดทำให้มองเห็นบริเวณท้ายรถทั้งหมด แต่คุณภาพของกล้องเมื่อใช้งานตอนกลางคืนนั้นด้อยลงไปมาก และเป็นแบบนี้เหมือนกันทุกคันไม่เว้นแม้แต่ Raptor ราคา 1.69 ล้านบาท 

เนื่องจาก Navara รุ่นยกสูง เป็นรถกระบะที่มีความสูงมากกว่ารถทั่วไป เมื่อนำไปวิ่งผ่านเส้นทางที่ไม่เรียบ ผิวถนนที่เป็นลอนหรือสูงต่ำไม่เท่ากันในบางช่วงบางจังหวะอาจสร้างปัญหาให้กับการควบคุมที่ความเร็วสูงบ้าง แต่ก็ไม่ไเ้มากมายอะไร มันเป็นอาการปกติของปิคอัพยกสูงเมื่อขับเร็ว ไม่ได้แย่จนทำให้รู้สึกไม่ดี ช่วงล่างที่ปรับมาใหม่ทำให้อาการโคลงตัวลดน้อยลง การขับปิกอัพยกสูงด้วยความเร็วเดินทาง จะมีเรื่องของกระแสลมเข้าเกี่ยวข้อง ทั้งลมที่หมุนวนบริเวณกระบะท้าย กับบริเวณใต้ท้องรถ มวลน้ำหนัก 2 ตัน กับการจูนระบบรองรับใหม่ ทำให้เมื่อขับที่ย่านความเร็วสูงไม่สร้างความเครียดมากนัก สิ่งที่เข้ามาช่วยก็คือระบบรองรับด้านหน้ากับพวงมาลัยที่ปรับนำ้หนักและความรู้สึกมาดีพอใช้ เป็นพวงมาลัยที่นิ่งและมีความมั่นคงใช้ได้ ทำให้ไม่ต้องมานั่งขยับพวงมาลัยเพื่อประคองรถให้อยู่บนเส้นทาง การหักเลี้ยวหรือวิ่งบนทางตรงให้สัมผัสของระบบเพาเวอร์สายพานแบบเดิมๆ ทำให้การบังคับควบคุมเจ้ากระบะสีเทาคันนี้มีความง่ายดายหากใช้ความเร็วตามกฏหมายกำหนด เป็นอีกจุดที่ Nissan ทำออกมาได้ดีและแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการปรับแชสซีโดยเฉพาะช่วงล่างด้านหน้ากับชุดบังคับเลี้ยวที่ถือเป็นหัวใจหลักของการควบคุมทิศทาง ช่วงล่างให้ความรู้สึกหนึบๆ แน่นๆ ไม่กระด้างเท่า NP300 Sportech Double Cab แต่ไม่นิ่มจนย้วยเหมือน D-MAX คล้ายช่วงล่างของ Rocco ซึ่งไม่แตกต่างจากรถปิกอัพตัวอื่นของบรรดาคู่แข่งร่วมตลาด คันเร่งมีน้ำหนักที่พอดี ตอบสนองได้ไม่กระฉับกระเฉงเท่า Raptor 2.0 ลิตร เทอร์โบ และ Rocco รุ่น 2.8 ซึ่งทั้งคู่มีแรงบิดมากกว่า Pro4X แรงบิดตอบสนองไปตามฝ่าเท้า มีรีเลย์บ้างหากกดคันเร่งเต็มเหนี่ยว ต้องรอแวบนึงก่อนที่เทอร์โบจะอยู่ในรอบของการทำงาน และเริ่มต้นการบูสพลังงาน การออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง อาการเทอร์โบแลคเป็นเรื่องปกติของกระบะดีเซลเครื่องเทอร์โบ อาจมีมากบ้าง น้อยบ้างในรถกระบะบางรุ่น บนเรือนร่างที่ใหญ่โตของ Navara Pro4X พอเร่งจนรถลอยลำ มันจะพุ่งลิ่วๆแบบลื่นไหลทันอกทันใจใช้ได้ แรงบิดที่มาในรอบต่ำใช้ออกตัวเร็วๆได้ดี แต่มาแบบที่จะถามก่อนว่า จะเอากันจริงๆใช่มั้ย เมื่อคุณจะขับกระบะยกสูงด้วยความเร็ว ควรใช้ความระวังเพิ่มมากขึ้น หากผิวถนนที่ใช้ออกตัวเร็วๆ จากจุดหยุดนิ่ง มีกรวด ทราย หรือเปียกชื้นจากฝน เมื่อคุณต้องเลี้ยวยูเทิรน์บนผิวถนนที่เปียกลื่นหรือมีกรวดทราย ขอเตือนว่าอย่ากดคันเร่งจนจมมิดทั้งหมด เมื่อม้า 190 ตัว ถูกปล่อยออกมาพร้อมๆ กันกับแรงบิด 450 นิวตันเมตร อาจทำให้เกิดอาการเป๋ปัดได้ง่ายๆ

เมื่อเร่งเต็มเหนี่ยว Pro4X จะพุ่งไปข้างหน้าคล้ายกับ Hilux REVO Rocco 2.8L ซึ่งเป็นปิกอัพที่มีแรงบิดโดดเด่นในกลุ่มรถกระบะ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาไม่เกิน 1.2 ล้าน แรงบิดที่เป็นรอง Hilux รุ่นสูงสุดอยู่ 50 นิวตันเมตร ทำให้ Pro4X เร่งได้ไม่เร็วเท่า และเป็นรองอยู่นิดๆ ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องดีเซล 2.3 ลิตร เทอร์โบ ใช้รอบเครื่องประมาณ 1,800 รอบต่อนาที ทำให้การเดินทางไกลในย่านความเร็วคงที่ มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงแค่พอใช้ได้ เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร ดีเซล เทอร์โบของ Nissan ไม่ใช่ขุมกำลังที่จะทำตัวประหยัดมากนัก และออกจะตะกละด้วยซ้ำถ้าขับเร็วอย่างต่อเนื่อง ระหว่างการขับทดสอบเป็นการวิ่งตัวเปล่า ไม่ได้ทดลองบรรทุกสัมภาระที่กระบะท้าย ใช้ความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องบนเส้นทางภูเขาสูงชัน Navara Pro4X ทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 8.7 กิโลเมตรต่อลิตร

ชุดส่งกำลังอัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมร่องเกียร์ด้านซ้ายในโหมดแมนนวลที่ต้องผลักคันเกียร์เพื่อชิฟตำแหน่งเกียร์ด้วยตัวเอง ทำหน้าที่ลื่นไหลใช้ได้ อัตราทดเมื่อคาอยู่ที่เกียร์ D ระบบเกียร์ตัดต่อเปลี่ยนแปลงอัตราทดขึ้นๆ-ลงๆ ไปตามสปีดความเร็วที่เนียนพอๆกับรถเก๋ง เมื่อกดคันเร่งลงจนสุด เสียงเครื่องยนต์แผดสนั่น  เกียร์ทำงานเนียนพอใช้ได้ ไม่มีอาการกระตุกกระชาก และเมื่อผลักคันเกียร์ไปทางซ้าย บนเส้นทางที่สูงชันเพื่อเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง เกียร์ก็ตอบสนองได้ดีในการแปลงจากเกียร์อัตโนมัติมาเป็นเกียร์ธรรมดาโดยไม่ต้องเหยียบคลัตช์ให้เมื่อยขา ขับออกทางไกล Navara Pro4X เป็นรถกระบะที่ให้ความสะดวกสบายพอใช้ และมอบความสนุกเมื่อขับเร็วในโค้งบนเขาที่วกไปวนมา เส้นทางในอุทยานแห่งชาติพุเตยต่อเชื่อมกับบ้านใต้ เหมาะกับการขับรถกินลมชมวิว หรือเอารถดีๆออกมาขับทดสอบทางไกล จากสภาพทางที่มีรถน้อย ไม่ค่อยอันตรายถ้าใช้ความเร็วให้เหมาะสมและมีความสวยงามราวกับกำลังขับอยู่บนถนนภูเขาแถวเชียงรายเลยทีเดียว 

วิ่งอยู่บนทางเรียบดีๆ ผมเกิดอาการคันและอยากจะทดสอบการขับของเจ้า Pro4X ในสภาพทางที่ขรุขระแบบออฟโรด ด้วยความที่อยากจะทดสอบประสิทธิภาพของรถกระบะคันนี้ เนื่องจากสื่อมวลชนหลายสำนัก ที่ได้ลองขับไปก่อนหน้านี้ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันลุยได้ดีบนทางฝุ่น เป็นรองแค่ Raptor ในเรื่องของพวงมาลัยและช่วงล่างเท่านั้น ผมเลี้ยวเข้าทางลูกรังของชาวบ้าน โดยใช้ทางแบบชนบทตัดผ่านลุยทุ่งและลัดเลาะผ่านเนินเขาที่ไม่มีถนน เพื่อทดสอบสมรรถนะด้านการลุย หลุมโหดๆ ขนาดควายลงไปนอนเล่นได้ทั้งฝูงกับบางช่วงบางตอนที่เต็มไปด้วยหินก้อนโต ทำให้ผมขับช้าลงจนแทบจะคลานในบางช่วงบางตอน เส้นทางที่ชาวบ้านใช้ในอำเภอบ้านไร่ เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สงบสวยงามโดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว แรงบิดที่มากพอจะดันน้ำหนัก 2 ตันให้ขึ้นไปอยู่บนยอดเนินได้อย่างไม่ยากเย็นนัก การขับออฟโรดถ้าไปคนเดียวก็เอาแค่พอหอมปากหอมคอ เกิดเล่นเพลินจนรถติดขึ้นมาหรือยางมีปัญหาจะเดือดร้อนหนักเพราะอยู่ในป่าที่ห่างตัวเมืองใหญ่อย่างอุทัยธานีเฉียดๆ 130 กิโลเมตร 

เส้นทางที่ชาวบ้านใช้ลำเลียงพืซผลทางการเกษตรออกมาขาย กลายเป็นสถานีทดสอบที่มีความสมจริง มากกว่าสนามทดสอบการขับออฟโรดที่ถูกจำลองขึ้นมาโดยลอกเลียนแบบเส้นทางธรรมชาติ มันคือทางดินที่วิ่งออกจากเส้นทางหลัก และใช้ทดสอบความสามารถของ Navara Pro4X ได้ดี ทำให้รู้สึกได้ถึงความแตกต่างเมื่อต้องลงจากรถหรูอย่าง Lexus IS300 มานั่งขับเจ้าตัวลุยตะกาย 4 ล้อของ Nissan บนทางวิบากโหดๆ ผมควบมันอย่างทุลักทุเล ลุยป่าฝ่าทางลูกรังในช่วงฤดูหนาวได้ตามที่ต้องการโดยไม่ต้องอาศัยฝีไม้ลายมืออะไรกันมากมายนัก เกียร์ออโต้ 7 สปีดที่มีตำแหน่งบวก-ลบแบบทริปทรอนิกส์ บวกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ถูกปรับให้อยู่ในตำแหน่ง 4H บนทางราบที่ขรุขระแต่พอจะใช้ความเร็วได้นิดหน่อยเพื่อไม่ทำให้ยางเกิดปัญหา การไต่ขึ้นหรือขับลงเขาด้วยโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4L ทำได้อย่างง่ายดายด้วยการหมุนสวิชท์ทรงกลมไปที่ตำแหน่ง 4L เกียร์ปรับอัตราทดของมันไปตามสปีดความเร็วแบบคลาน ทำงานส่งถ่ายแรงบิดกระจายไปยังล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 ตามโหมดที่ปรับตั้งให้เลือกใช้ตามสภาพเส้นทางที่ใช้ลุย มื่อเจอสภาพทางโหดหน่อยแบบค่อยๆ ไปก็หมุนไปที่ 4L และเมื่อทางขรุขระไม่มากแต่ยังมีหลุมอยู่บ้าง พอจะวิ่งเร็วได้ก็หมุนไปที่ 4H เล่นในจุดออฟโรดนี้ กับการวิ่งอย่างกระแทกกระทั้น คุณจะพบว่าแดชบอร์ด คอนโซล และชิ้นส่วนต่างๆที่อยู่ในห้องโดยสารนั้นประกอบมาหนาแน่นใช้ได้เลยทีเดียว 

แรงบิด 45.9 กิโลกรัม-เมตร หรือ 450 นิวตัน-เมตร ในย่าน 2,000 รอบต่อนาทีที่ออกมาจากเครื่องยนต์ 2.3 ลิตร ฉุดรั้งผลักดันตัวรถตะกุยตะกายขึ้นมาจากเนินที่ตั้งชันหรือค่อยๆไต่ลงเนินด้วยความมาดมั่นจากระบบที่คอยรองรับอย่าง ระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) โดยระบบจะส่งแรงไปยังล้อที่ลื่นไถลให้การออกตัวที่ลื่น พร้อมกระจายแรงขับขี่ไปที่ล้อแต่ละข้างเมื่อขับขี่ในโหมด 4H ขณะที่ ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า Electronic Rear Locking Differential ช่วยเสริมกำลังฉุดเมื่อขับขี่ในสถานการณ์ที่ต้องการแรงบิดสูงในโหมด 4L ออกแบบมาเพื่อการขับฝ่าทางวิบากที่ต้องใช้ความเร็วต่ำและมีสภาพที่ลื่นไถลตลอดเส้นทาง การขับทดสอบแบบออฟโรดสร้างความสนุกสนานและความบันเทิงสำหรับพวกบ้าขับ ที่ต้องเน้นการควบคุมพวงมาลัยและคันเร่ง ให้มีความสัมพันธ์ไปกับสภาพทาง แรงบิดที่ส่งออกมาตั้งแต่รอบต่ำ ทำให้การเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ค่อนข้างจะโหดร้ายต่อรถ เป็นไปตามที่ต้องการ ยาง Yokohama Geolandar A/T  ออกแบบมาเพื่อทำให้มันเป็นยางรถปิกอัพที่สวยงาม มีดอกยางแบบกึ่งเรียบกึ่งลุย ความสามารถในการบุกตะลุยทางลูกรังขรุขระหรือทางดิน เมื่อสนุกขึ้นมา แรงบิดที่ปล่อยออกมาจนหมด อาจทำให้ล้อหลังกับส่วนท้ายของเจ้า Navara อยู่ไม่เป็นที่เป็นทางได้เหมือนกัน อาการสไลด์ท้ายออกข้างจากความลื่นของเส้นทางลูกรัง สร้างความตื่นเต้นสนุกสนานได้เหมือนกัน หากคุณรู้จักควบคุมคันเร่งและพวงมาลัยในโหมดขับเคลื่อน 4H รับรองว่าเพลินจนยางแหกละครับ 

Nissan Navara Pro4X เกียร์อัตโนมัติ 7AT ราคา 1,149,000 บาท เป็นค่าตัวที่คุณจะต้องจ่าย สำหรับรถปิกอัพยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมชุดแต่ง Pro4X คุณจะได้ปิกอัพออฟโรดที่หล่อเหลาเอาเรื่องและขับได้ดีสมราคา ไหนๆ ก็อวยกันมาจนถึงย่อหน้าสุดท้ายแล้ว ก็ควรจะพูดถึงจุดด้อยของมันบ้าง เบาะคู่หน้าที่ไม่ใช่ไฟฟ้า คือจุดที่ Nissan จะต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วน เพื่อทำให้รถรุ่นนี้มีความน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น ข้ออ้างที่บอกว่า มันไม่ใช่รุ่นท็อป เป็นแค่รุ่นรองที่ถูกนำมาตกแต่งนั้นฟังไม่ขึ้น เมื่อราคาทะยานไปถึง 1.1 ล้าน ก็ควรจะให้เบาะไฟฟ้าคู่หน้าได้แล้ว รวมถึงเครื่อง YS23DDTT ที่รับประทานดีเซลมากเกินไปในรอบสูง กับกาบบันไดอัลลอยสีดำที่ต้องระวังในเรื่องของริ้วรอย แค่สามจุดนี้เท่านั้นละครับ  สำหรับการขับใช้งานรถยนต์ในไทย รถกระบะยังคงได้รับความนิยมสูงเหมือนที่ผ่านมาในอดีต คุณสามารถหาเงินได้ในรถแบบนี้ โดยใช้ขับไปทำงาน บรรทุกของเมื่อต้องไปจ่ายตลาด หรือเอาสินค้าไปส่ง ขับไปตรวจงานก่อสร้างที่ต้องวิ่งผ่านป่าเขาลำเนาไพร เอาไว้รับส่งเด็กๆไปโรงเรียน หรือขับพาคนในครอบครัวออกไปผจญภัย เพื่อพักผ่อนในวันหยุด อย่างที่เคยบอกมานานแล้วว่า คนที่ชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง กับการเลือกใช้รถกระบะ สามารถไปได้ในพื้นที่ที่รถเก๋งเข้าไม่ถึง Navara Pro4X คืองานปรับปรุงที่มีคุณภาพของ Nissan มันมีทุกอย่างเท่าที่รถกระบะราคา 1.1 ล้าน ควรจะมี เครื่อง ช่วงล่าง พวงมาลัยและเกียร์ออโตทำงานได้ราบเรียบและลื่นไหลใช้ได้ เครื่องยนต์มีแรงบิดมากพอ พร้อมใช้งานในเส้นทางที่โหดร้ายซึ่งรถเก๋งไมีมีวันเข้าถึง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยมีมาให้ครบ กินเชื้อเพลิงดีเซลมากไปนิดเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ของคู่แข่ง สรุป Pro4X มีการขับขี่ที่เทียบเท่าหรือดีกว่ารถปิกอัพคู่แข่งในบางแง่มุม จุดที่ผมชอบก็คือ ความสวยงามของสีตัวถัง อุปกรณ์ตกแต่งภายนอกที่ทำให้ดูดีขึ้นมาก เป็น Raptorในภาคภาษาญี่ปุ่นซึ่งอาจไม่นวลเท่า ในจุดของช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยว แต่มีความสามารถในการลุยได้พอฟัดพอเหวี่ยงกันละครับ.