หลังจาก MG ZS ครอสโอเวอร์ไซส์เล็กราคา 7 แสนกลางๆ สามารถทำตลาดได้ดีในประเทศไทย ค่าย MG ก็ปล่อยของดีในรุ่น HS ตามออกมา เป็นภาคสานต่อของ MG GS รถยนต์อเนกประสงค์แนวครอสโอเวอร์ของครอบครัวที่ถูกพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้นแทบจะทุกจุดทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะรูปทรงภายนอกและงานตกแต่งภายใน นอกจากราคาค่าตัวที่ไม่ได้แพงจนเกินไปและสามารถแข่งขันในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ได้อย่างสบายๆ แล้ว MG HS คือผู้เล่นรายใหม่ที่กำลังมาแรง เป็นรถยนต์ที่ให้ของมาครบจนใช้ไม่หมด พร้อมจุดเด่นในด้านความหรูหราสไตล์รถยุโรปที่ถูกนำมาบรรจุอยู่ใน MG HS ทั้งภายนอกและภายใน ควบรวมกับระบบความปลอดภัยแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรถยนต์ยี่ห้อ MG อะไรมันจะดีขนาดนั้น! 

NEW MG HS รุ่นและราคา
MG HS 1.5 TURBO C 2WD 919,000 บาท
MG HS 1.5 TURBO D 2WD 1,019,000 บาท
MG HS 1.5 TURBO X 2WD  1,119,000 บาท 

สีตัวถัง
สีแดง Scarlet Red
สีขาว Arctic White
สีดำ Black Knight
สีเงิน Silver Metallic

...

...

...

...

ส่วนผสมที่เป็นจุดเด่นของรถยุโรปปรากฏอยู่บนเรือนร่างของ MG HS รุ่น X ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุดราคาล้านนิดๆ ไล่เรียงจากทรงของรถโดยเฉพาะบั้นท้ายที่คล้าย Mercedes-Benz GLC ไฟท้าย Full LED เหมือน BMW X1 กระจังหน้าที่เต็มไปด้วยรายละเอียดก็ยังเหมือนกับชุดกระจัง Diamond Grill ของ Mercedes-Benz สำหรับไฟหน้ามีส่วนผสมที่สวยงามของไฟ LED Daytime Running Lights ของ Mazda ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่แบบใหม่ขอบ 18 นิ้ว ห่อรัดด้วยยาง Goodyear Efficientgrip ไซส์ 235/50R18 ทรงด้านข้างของ MG HS ออกแบบเสาหน้าให้เอนลงเล็กน้อย เชื่อมโยงกับผืนหลังคาแบบ Panoramic Roof หลังคากระจกไฟฟ้าขนาดยักษ์ ที่บอกว่ายักษ์เพราะขนาดความกว้างและความยาวของหลังคากระจกนั้นมากกว่ารถหรูฝั่งยุโรปบางแบรนด์ด้วยซ้ำ ความใหญ่ของหลังคากระจกทำให้เปิดรับแสงหรือรับอากาศจากภายนอกได้กว้างมากในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวแค่ล้านนิดๆ ของ MG HS รุ่นท็อปสุด ซุ้มล้อทั้งสี่หุ้มพลาสติกกันกระแทกสีดำในสไตล์ยานยนต์ครอสโอเวอร์ ฝาท้ายไฟฟ้า สั่งงานเปิด-ปิดได้ด้วยรีโมตหรือกดปลดล็อกที่ใต้ฝากระโปรงหลัง จากทรงของรถที่มีความสวยงามทันสมัยและลงตัว การเลือกวัสดุที่ดีมีคุณภาพมาประดับประดาเพื่อเอาใจลูกค้า สื่อให้เห็นถึงความต้องการที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่มีคุณภาพคับแก้วในราคาที่จับต้องได้อีกตะหาก อะไรจะดีขนาดนั้นวะเนี่ย?

MG New HS รุ่น X มีขนาดความยาว 4,574 มิลลิเมตร กว้างถึง 1,876 มิลลิเมตร และสูง 1,664 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,720 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หน้า 1,573 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หลัง 1,584 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 145 มิลลิเมตร ความจุถังเชื้อเพลิง 55 ลิตร น้ำหนักตัวรถทั้งคันในรุ่นสูงสุดอยู่ที่ 1,570 กิโลกรัม แม้จะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยติดตั้งมาให้แบบรกรุงรังแต่ MG HS ก็ยังมีวิชาตัวเบาแบบใช้ได้เลยทีเดียว

เมื่อลองเทียบขนาดตัวถังกับ Honda CR-V ก็พบว่ารถทั้งสองคันนั้นมีมิติตัวถังที่ใกล้เคียงกันมาก CR-V ใหม่ มีสัดส่วนความยาว 4,571 มิลลิเมตร กว้าง 1,855 มิลลิเมตร สูง 1,667 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,660 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หน้า 1,657 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หลัง 1,667 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถนนถึงใต้ท้องรถอยู่ที่ 208 มิลลิเมตร CR-V เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตรมีน้ำหนัก 1,670 กิโลกรัม ส่วนรุ่นดีเซลหนักถึง 1,742 กิโลกรัม สำหรับราคาค่าตัว Honda CR-V เบนซินอยู่ที่ 1,549,000 บาท และรุ่นดีเซล 1.6 ลิตรเทอร์โบ อยู่ที่ 1,699,000 บาท ส่วน MG HS รุ่นสูงสุด X มีราคาแค่ 1,119,000 บาทเท่านั้นเองละครับท่านผู้ชม! 

นอกจาก New Mazda 3 รถที่มีภายในแหล่มสุดๆในราคา 1.1 ล้าน ก็ต้องยกประโยชน์ให้กับพี่ MG HS รุ่น X ละครับ เมื่อเข้ามาดูภายในห้องโดยสารของ HS รุ่นสูงสุด คุณจะอึ้งกับความหรูหราที่ MG ประดังมาให้แบบจัดเต็มทรง Cockpit โทนดำสลับแดงบุด้วยวัสดุเนื้อนิ่มเนี้ยบๆ ทำให้ใครต่อใครพากันหลงใหลได้ปลื้มกับงานตกแต่งห้องโดยสารที่ดีที่สุดในรถยนต์ราคาล้านนิดๆ แดชบอร์ดแบบโฟมขึ้นรูปหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์สีดำสลับสีแดง ช่องแอร์ทรงกลมคล้ายกับของ Mercedes-Benz New E-Class จอมอนิเตอร์กลางระบบสัมผัสขนาดใหญ่ยักษ์สะใจ Smart Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง 3 ก้านหุ้มหนังแท้สีดำเย็บด้วยด้ายแดง ลำโพง 6 ตำแหน่งคุณภาพปานกลาง จุดเด่นซึ่งเป็นที่มาของความสบายนอกจากพื้นที่ภายในที่พอเพียงก็ขอให้ดูกันที่เบาะไฟฟ้าคู่หน้าหุ้มหนัง Alcantara สีดำสลับแดงใน HS X รุ่นท็อป เบาะทรงสปอร์ตที่สวยงามน่านั่งคู่นี้น่าจะอยู่ใน Mercedes-Benz GLC Coupe มากกว่าจะมาเป็นเบาะของ MG HS X ตัวเบาะออกแบบได้ดี ดีไซน์พนักพิงศีรษะที่ลงตัวแม้จะปรับไม่ได้ก็ไม่ได้ดันกระบาลคนนั่งแต่อย่างใดทั้งสิ้น เบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้ายังฝัง Airbag เพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตำแหน่งท่านั่งสูงไปนิดแต่มองเห็นได้รอบตัว ความกระชับและพื้นที่รองต้นขาที่พอเพียงทำให้นั่งขับหรือโดยสารทางไกลได้โดยปราศจากอาการปวดเมื่อย เป็นอีกจุดที่ทำออกมาได้อย่างหรูหราเกินราคาค่าตัวอย่างชัดเจน 

หลังคากระจกไฟฟ้า Panoramic Roof มีขนาด 1.1 เมตร พร้อมกลไกไฟฟ้าในการเปิด-ปิด และชุดบังแดดติดมาให้อีกชั้น เมื่อเปิดตัวบังแดดออกจนสุดคุณก็จะพบกับท้องฟ้ากว้างๆ สีครามจากขนาดที่ทั้งใหญ่และยาวของผืนหลังคาแก้วไฟฟ้า มันใหญ่โตราวกับ Panoramic Roof ของรถหรูราคาหลายล้านทั้งที่ HS X มีราคาแค่ล้านกับอีกแสนกว่าบาท เป็นอีกจุดที่อยากให้สังเกต โดยเฉพาะคนที่ชอบหลังคาแบบนี้ก็ได้ความใหญ่ในแบบที่สาแก่ใจกันไปเลยละครับ 

พวงมาลัย 3 ก้านหุ้มหนังแท้ทรงฐานตัดแบบสปอร์ตมาพร้อมสวิตช์มัลติฟังก์ชั่น ปุ่ม Super Sport Mode สีแดงคล้ายสวิตช์ปรับโหมดของ Porsche ก้านพวงมาลัยยังติดตั้งปุ่มควบคุมหน้าจอภาพ MID multi information display ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและระบบโทรศัพท์ ก้านสวิตช์ระบบปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control แป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์หลังพวงมาลัย Paddle Shift ให้กันมายิ่งกว่าครบและใช้งานกันไม่หมดละครับ พวงมาลัยปรับได้สี่ทิศทางทั้งสูง-ต่ำและไกล-ใกล้ 

จอภาพมาตรวัดสวยงามน่ามอง เป็นจอภาพ TFT LCD ผสมผสานกับมาตรวัดแบบเดิมที่ใช้เข็มวัดทั้งวัดรอบเครื่องยนต์และเข็มวัดความเร็ว ส่วนจอแสดงผลกลาง MID multi information display ขนาดความยาว 7 นิ้ว ติดตั้งอยู่ระหว่างมาตรวัดทั้งสอง คอยแสดงผลการขับขี่ แจ้งเตือนข้อมูลที่สำคัญต่างๆ เช่น การใช้งานระบบความปลอดภัย ตำแหน่งเกียร์ แจ้งตัวเลขความเร็วแบบดิจิทัล ระดับเชื้อเพลิง อุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์ โหมดการขับเคลื่อน การเล่นเพลงในอุปกรณ์ต่างๆ อุณหภูมิภายนอก ทริปมิเตอร์ แรงดันลมยางทั้งสี่ล้อ และอื่นๆ อีกเพียบสาธยายกันไม่ไหวเลยทีเดียว

จอมอนิเตอร์กลางระบบสัมผัสขนาดใหญ่ยักษ์สะใจ Smart Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว สั่งงานด้วยระบบสัมผัสที่หน้าจอ ควบรวมการปรับตั้งค่าต่างๆ เพื่อความสะดวกสบายและรวดเร็วเชื่อมต่อกับ iSMART เวอร์ชั่นล่าสุดที่มีความเสถียรมากกว่าเดิม คุณสามารถปรับตั้งอุณหภูมิภายในห้องโดยสารด้วยระบบแอร์แบบดิจิทัล Dual Zone แยกส่วน พร้อมช่องแอร์ของผู้โดยสารตอนหลัง แจ้งเตือนอุณหภูมิภายนอก ระบบแผนที่นำทาง ระบบให้ความบันเทิงผ่านอุปกรณ์ต่อเชื่อมทั้งบลูธูท USB วิทยุ จอภาพมอนิเตอร์กลางขนาด 10 นิ้วยังเป็นจอของกล้องมองภาพรอบคันแบบ 360 องศาพร้อมเส้นระนาบสำหรับกะระยะและสัญญาณเสียงแจ้งเตือนการขับเข้าไปใกล้กับสิ่งกีดขวาง New MG HS  ยังมีไฟตกแต่งในเวลากลางคืนหรือ Ambient Lights ปรับได้ถึง 64 เฉดสีพอๆ กับ Mercedes-Benz รุ่นใหม่ กับไฟ welcome light เท่ๆ ที่ใช้ตราสัญลักษณ์ MG ส่องลงพื้นเมื่อเปิดประตูฝั่งคนขับในตอนกลางคืน

iSMART เวอร์ชั่นล่าสุดของ MG HS X มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Smart Command สั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย เช่น โทรออก สั่งงานควบคุมระบบเครื่องเสียง ระบบปรับอากาศ ระบบเปิด-ปิดกระจกฝั่งคนขับ ระบบเปิด-ปิดหลังคา Panoramic sunroof สั่งให้ค้นหาจุดที่น่าสนใจยามขับท่องเที่ยวเดินทาง หรือ Point of Interest ผ่านระบบนำทางด้วยดาวเทียม หรือสั่งการผ่าน MG Mobile Application บนโทรศัพท์ เพื่อค้นหาเพลงที่อยากฟัง เพลงดังออนไลน์ ค้นหาร้านอาหารเจ้าเด็ดๆ สถานที่ท่องเที่ยวและโรงแรมที่พัก แสดงผลสภาพการจราจร อัปเดตข่าวสาร ตรวจสอบสถานะขอตัวรถในระบบต่างๆ สั่งงานให้ล็อกหรือปลดล็อกประตูแบบอัตโนมัติ ตรวจสอบตำแหน่งของรถ แจ้งเตือนเมื่อพบสิ่งปิดปกติ ช่วยค้นหาศูนย์บริการ MG ทั้งหมดนี้ใครใช้ได้ครบนับว่าโคตรเก่ง! 

MG HS วางเครื่องยนต์ตัวเล็กกะทัดรัดขนาด 1.5 ลิตร เป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียง 4 กระบอกสูบ รหัส SGE ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 16 วาว์ล ระบบอัดอากาศเทอร์โบ TGI จ่ายเชื้อเพลิงแบบยิงตรงไดเรคอินเจคชั่น มีปริมาตรความจุ 1490 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ 74.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 86.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1ให้กำลังสูงสุด 119 กิโลวัตต์ 162 แรงม้า ที่ 5600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1700-4400 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ Twin Clutch Sporttronic TST-7 สปีด ตัวเลขสมรรถนะด้านอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 10.1 วินาที มาพร้อมหน่วยควบคุมการขับเคลื่อน 4 รูปแบบ เช่น Normal / ECO / Sport และโหมด Custom ที่สามารถปรับตั้งรูปแบบของการขับได้ตามต้องการ รวมถึงปุ่ม Super Sport  ที่พวงมาลัยที่ปรับให้การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์ทำงานได้ว่องไวขึ้น เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรเทอร์โบ SGE ปรับแต่งระบบจ่ายเชื้อเพลิงเพื่อรองรับน้ำมัน E85 

MG HS ติดตั้งระบบบังคับเลี้ยวแบบแรคแอนพีเนียนควบคุมการทำงานด้วยการปรับระดับน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามโหมดการขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้า มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดแค่ 5.95 เมตร ระบบรองรับ ด้านหน้าใช้แบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนระบบรองรับด้านหลังเป็นแบบมัลติลิ้งค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรกใช้แบบดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อ 

New MG HS ไม่ใช่เอสยูวีแบบลุยเต็มสูบ มันคือครอสโอเวอร์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า ด้วยความที่ไม่ได้เป็นรถลุยเต็มรูปแบบเหมือน PPV-SUV แต่ใช้ขับฝ่าทางลูกรังขรุขระได้บ้าง ความสูงของมันยังใช้ขับลุยน้ำท่วมขังในกรุงเทพฯ จากความสูง 145 มิลลิเมตร เมื่อวัดจากใต้ท้องรถถึงพื้นถนน ซึ่งมากกว่ารถเก๋งทั่วไปนิดเดียว จุดเด่นของมันก็คือความอเนกประสงค์ของห้องโดยสาร พื้นที่ภายในกว้างขวางสะดวกสบาย ไม่ว่าจะขนคน หรือขนของ เบาะหลังแถวที่สองนั่งได้สบายตัว นอกจากนั้น พื้นที่เหนือศีรษะก็ยังโปร่งโล่งมากกว่ารถเก๋งขนาดกลาง ความสบาย และอุปกรณ์ของรุ่นสูงสุดให้มาเยอะมากและมีจุดที่ชอบอยู่เยอะพอสมควร เช่น เบาะ หลังคากระจก พวงมาลัย หน้าจอ และวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายใน 

การตอบสนองของเครื่องยนต์เมื่อขับทดสอบทางไกลไปเขาใหญ่ บนเส้นทางถนนมิตรภาพมุ่งหน้าไปยังอำเภอมวกเหล็ก จนไปจบที่คีรีมายา MG HS เป็นครอสโอเวอร์ไซส์กลางที่มีความคล่องตัวใช้ได้ ตอบสนองได้ดีโดยเฉพาะโหมดสปอร์ต ส่วนโหมด Normal และ ECO มีคันเร่งที่ค่อนข้างยืดหยุ่นเหมาะกับการขับแบบเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ปุ่มสีแดงตรงพวงมาลัยเพื่อใช้โหมด Super Sport เครื่องยนต์จะถูก ECU สั่งให้คารอบสูงและเกียร์ที่มีแรงบิดเยอะๆ อย่างเกียร์ 3-4 นานมากกว่าปกติ สัมผัสของคันเร่งคล้ายรถญี่ปุ่นซึ่งเบาและตอบสนองไปตามองศาของฝ่าเท้าที่กดลงไป ส่วนการควบคุมตัวรถในย่านความเร็วสูงยังเป็นรอง Mazda CX-5 ในด้านของการทรงตัว อาจไม่หนึบหรือขับสนุกเท่าแต่ราคาขนาดนี้ก็ถือว่า HS นั้นทำได้ดีมากแล้ว 

ระบบส่งกำลังซึ่งใช้เกียร์คลัตช์คู่ Twin Clutch Sporttronic TST-7 สปีด ทำงานเนียนกว่าเดิม ไม่มีอาการกระตุกกระชากโผล่ออกมาให้สัมผัส ความง่ายในการควบคุมตัวรถในย่านความเร็วสูงยังคงเป็นรอง CR-V Forester แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร โดยเฉพาะการทรงจากช่วงล่างที่ออกแนวยุโรปไม่นิ่มจนย้วยหรือแข็งจนกระด้าง ช่วงล่างมีความเป็นกลาง ทำให้ขับเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ นั่งทางไกลได้สบายก้นด้วบเบาะที่มีความนิ่มใช้ได้ อารมณ์ของช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยวแตกต่างจากรถญี่ปุ่นอยู่บ้างโดยมีกลิ่นของรถยุโรปจากการยึดเกาะที่ค่อนข้างดีในย่านความเร็วสูง เบรกใช้ได้แต่จับเร็วไปนิดต้องใช้ความคุ้นเคยสักพักเดียวก็สามารถปรับตัวกับน้ำหนักของแป้นเบรกและการตอบสนองเมื่อต้องลงเบรกหนักๆ เพื่อลดความเร็ว  

MG HS สดใสมากในด้านรูปลักษณ์ภายนอกและความแสบสันของงานตกแต่งภายในที่โดนใจในราคาแค่ล้านเดียว เป็นรถที่ทำให้ผมเลิกบ่นเรื่องงานประกอบและความหรูหรามีระดับของวัสดุที่เลือกใช้ HS กลายเป็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดดจนแบรนด์ญี่ปุ่นตามไม่ทันในด้านงานออกแบบและตกแต่งห้องโดยสาร เพื่อสร้างความแตกต่าง ด้วยการใช้ของดีมีราคามาเอาอกเอาใจลูกค้าที่ชอบรถจัดของมาเยอะแต่ไม่แพง เป็นรถยนต์ที่มีอุปกรณ์ครบสำหรับกลุ่มคนฐานะปานกลาง ส่วนใหญ่อยากได้รถหรูราคาหลายล้านแต่มีงบประมาณไม่ถึง งานตกแต่งภายในของ HS คือความเจ๋งที่สามารถเอาชนะรถคู่แข่งที่มีราคาสูงกว่าได้อย่างราบคาบ

เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 162 แรงม้า สมน้ำสมเนื้อกับน้ำหนักตัวรถทั้งคันที่ 1570 กิโลกรัม เร่งความเร็วใช้ได้ในตัวเลข 0-100 ที่ 10 วินาทีนิดๆ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทำได้ 11.2 กิโลเมตรต่อลิตร ขับเร็วๆในโหมด Super Sport ก็จะหล่นลงไปเหลือ 10.3 กิโลเมตรต่อลิตร โหมดสูงสุดคิกดาวน์แล้วตอบสนองดีขึ้น อาการรอรอบมีบ้างตามประสาเครื่องเทอร์โบแต่ไม่ได้มากมายอะไร เกียร์เชื่อมต่อกับเครื่องยนต์ในการทดกำลังได้ดี ในย่านความเร็วสูงไม่มีอาการกระตุกกระชากขณะเปลี่ยนเกียร์ด้วย Paddle Shift เป็นเกียร์ที่มีพัฒนาการดีกว่าเกียร์ของ MG GS อย่างเห็นได้ชัด

จุดด้อยของ HS ก็คือ ความเชื่อมั่นของลูกค้าคนไทยที่ส่วนใหญ่ยังคงนิยมรถยนต์ญี่ปุ่นเท่านั้น ส่วนการขับที่แสนจะธรรมดาของมันก็ใช้งานได้ดีทั้งในและนอกเมือง ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ชอบขับรถเร็ว MG HS ก็ถือว่าเป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในครอบครัว พื้นที่ภายในและพื้นที่เก็บสัมภาระมีมาให้อย่างพอเพียง เบาะหลังก็ยังนั่งสบาย ตลอดการขับทดสอบ จอภาพของระบบ iSMART ไม่มีอาการจอดับหรือค้างอย่างที่เคยพบมาใน MG ZS หรือแม้แต่รถกระบะอย่าง Extender ซึ่งยังคงมีอาการดังกล่าวในช่วงทดสอบที่ภูเรือ MG HS รุ่น X เป็นรถที่มีความปลอดภัยใช้ได้ ไม่นุ่มแต่ก็ไม่ได้กระด้าง ไม่แรงแต่คล่องตัว แม้จะมีอุปกรณ์บางอย่างที่ลอกเลียนแบบมาจากรถยุโรป แต่การผสมผสานที่ลงตัว บวกกับความสวยงามของภายในและราคาแค่ 1.1 ล้านบาท ทำให้มันเอาชนะคู่แข่งที่มีราคาแพงกว่าได้อย่างสบายๆ.


MG HS X
ยาว  4,574 มิลลิเมตร กว้าง 1,876 มิลลิเมตร สูง 1,664 มิลลิเมตร
ระยะช่วงล้อ  2,720 มิลลิเมตร
ระยะห่างระหว่างล้อคู่ หน้า 1,573 มิลลิเมตร หลัง 1,584 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดจากพื้น 145 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถโดยประมาณ 1,570 กิโลกรัม
ความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร
ล้ออัลลอยด์ 18 นิ้ว ยาง 235 / 50R18

เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Turbo TGI
ระบบจ่ายน้ำมัน GDI - Gasoline Direct Injection
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,490 ซีซี.
เส้นผ่านศูนย์กลางกระบอกสูบ 74.0 มิลลิเมตร
ระยะชัก 86.6 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 10 : 1
กำลังสูงสุด 119 กิโลวัตต์ 162 PS ที่ 5,600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน - เมตร ที่ 1,700-4,400 รอบต่อนาที


ระบบเกียร์ Twin Clutch Sportronic Transmission (TST) 7 Speeds
อัตราทดเกียร์ 1 4.231
อัตราทดเกียร์ 2 2.476
อัตราทดเกียร์ 3 1.389
อัตราทดเกียร์ 4 0.929
อัตราทดเกียร์ 5 0.755
อัตราทดเกียร์ 6 0.714
อัตราทดเกียร์ 7 0.566
อัตราทดเกียร์ถอยหลัง 3.882
อัตราทดเฟืองท้าย 1 / 2 / 6 / 7 4.563
3 / 4 / 5 / R 5.214

ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.95 เมตร
ระบบช่วงล่างหน้า แมคเฟอร์ลินสตริท พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบช่วงล่างหลัง อิสระ มัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน
ระบบเบรกหลัง ดิสก์เบรก

อุปกรณ์ภายนอก
ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ฮาโลเจน LED
ระบบปรับระดับไฟหน้าขึ้น - ลง 
ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) 
ระบบควบคุมการเปิด - ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ 
กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว 
ไฟเลี้ยวด้านหน้า และหลังแบบ Sequential 
ไฟตัดหมอกหน้า และหลัง 
ไฟท้าย LED 
ไฟเบรกดวงที่สาม LED 
ไฟ Welcome Light 
ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง 
ระบบปัดน้ำฝนกระจกหน้า แบบตั้งเวลาหน่วง แบบอัตโนมัติ
ระบบปัดน้ำฝนกระจกหลัง 
หลังคาชันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) 
สปอยเลอร์หลัง 
ฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า 
ราวหลังคา 

อุปกรณ์ภายใน
ไฟ Ambient Light 
ปุ่มปรับโหมดการขับขี่ พร้อมปุ่ม Super Sport 
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) 
แป้นเหยียบแบบ Sport 
เบาะหนังสังเคราะห์แบบ Sport
ช่องเก็บเอกสารด้านหลังเบาะหน้า 
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าแบบ 6 ทิศทาง 
เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าแบบ 4 ทิศทาง 
เบาะนั่งด้านหลัง พนักพิงพับได้ 60:40 
พวงมาลัยหุ้มหนัง ปรับระดับ 4 ทิศทาง 
หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 7 นิ้ว (Interactive Multi – Function Display) 
กระจกไฟฟ้า One Touch Up - Down 
กระจกมองหลังตัดแสง แบบแมนนวล แบบอัตโนมัติ
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบ Dual Zone
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง 
กรองอากาศ PM 2.5 
ระบบกุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Smart key) พร้อม Push Start 
แผงปิดสัมภาระด้านท้าย 
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ - วางสายโทรศัพท์ 
จำนวนลำโพง  6
หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว 
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ / ช่องเชื่อมต่อ USB


SMART CHECK
ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์ 
ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car 
ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์ 
ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ 
ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ 
SMART COMMAND
ระบบสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย 
ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน 
ระบบวางแผนการเดินทาง Travel Plan 
ระบบโทรออก - รับสายกรณีฉุกเฉิน 
ระบบเลขาส่วนตัว MG Call Centre 
SMART CONNECT
ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time 
ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง 
ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง 
อัพเกรดระบบผ่านออนไลน์
ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน 
อัพเดทข้อมูลพยากรณ์อากาศ

ระบบความปลอดภัย
ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Spece Frame) 
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) 
ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง
AVH (Auto Vehicle Hold) 
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD 
ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) 
ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) 
ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System) 
ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) 
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) 
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) 
ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control System) 
ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR (Motor Control Slide Retainer) 
ระบบลดความเสี่ยงที่จะทำให้พลิกคว่ำ ARP (Anti Rolling Program) 
ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) 
ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) 
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) แบบแปรผัน
ระบบเปิด - ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control) 
ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
ระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) 
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) 
ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) 
ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist) 
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) 
ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) 
ระบบเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning) 
ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX 
ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) 
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ 
เข็มขัดนิรภัยแถวหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง 
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย 
กล้องมองหลัง 
กล้องมองภาพรอบทิศทาง
สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง 
ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer 
ล้ออะไหล่.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/