สัมผัสแรกของ Lexus LS500h ที่ทำให้ผมรู้สึกเริ่มชอบกันตั้งแต่รูปทรงภายนอกและความหรูหราระดับสุดขั้วของงานตกแต่งภายใน มันไม่ใช่ซาลูนธรรมดาที่ชอบทำตัวกรีดกรายในลานจอดรถของผู้บริหาร เป็นยานยนต์ที่ปรับแต่งมาเพื่อการเอาชนะ Mercedes-Benz S-Class และ BMW Series-7 รวมถึง Audi A8L เจ้าซาลูนคันยาวแปะตราสัญลักษณ์หัวลูกศรคันนี้พยายามทำตัวไม่ให้เหมือนคู่แข่งซึ่งเป็นยนตรกรรมชั้นดีจากเยอรมัน LS500h เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการเดินทางของผู้บริหารระดับสูงที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีตบรรจง ห้องโดยสารห่อหุ้มด้วยหนังแท้ ผ้าเนื้อดีและงานอัลลอยสุดยอดฝีมือ โดยภาพรวมมันดีขึ้นทุกจุดเมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่านมา แต่เศรษฐีส่วนใหญ่ก็อาจรู้สึกขัดใจกับราคาของมัน ถ้าคุณรวยจริงและอยากเปลี่ยนรสชาติที่ซ้ำซากจำเจ LS500h มีให้คุณทุกอย่างเท่าที่รถราคา 15.8 ล้านบาทควรมี 

...

สิ่งที่เราเรียกมันว่าความหรูหรามีระดับนั้นร้อยทั้งร้อยมีราคาไม่ถูก Lexus มองว่าในตลาดรถหรูหราราคาแพงนั้นเทคโนโลยีที่ส่งมอบความสะดวกสบายสูงสุดคืออุปกรณ์ที่จะช่วยเพิ่มความขลังให้กับรถซาลูนระดับเรือธง สำหรับ LS500h ยังมีพัฒนาการส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องยนต์พลังงานผสมแบบ Multi Stage Hybrid ช่วงล่าง Adaptive Air Suspension ความเป็นส่วนตัวแบบเฟิร์สคลาสของตำแหน่งเบาะหลังที่แสนจะสบาย หรือแม้กระทั้งวิธีการใช้งานระบบ infotainment ของมันที่คล้ายกับเกมไล่จับวิญญาณ LS500h มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5 ลิตร ทำงานผสานกับระบบไฮบริดขั้นก้าวหน้าของ Lexus ที่พัฒนาโดยวิศวกรชั้นหัวกะทิ กำลัง 359 แรงม้า ในราคา 15,830,000 บาท แพงระยับดับจิตขนาดซื้อ S-Class หรือ Series-7 ได้อย่างละ 2 คัน แล้วยังเหลือเงินไปออก Z4 หรือ SLC ใหม่ได้อีกคันกันเลยทีเดียว

...

...

ภาพลักษณ์ของ LS500h ดูต่างออกไปจากคู่แข่งเยอรมันทั้งสามแบรนด์ ทรงของรถถูกออกแบบให้ปราดเปรียวด้วยการเติมอารมณ์สปอร์ตซาลูนที่มีตัวถังยาวเหยียด แต่มาพร้อมกับความเตี้ยเมื่อปรับช่วงล่างแบบสปอร์ตส่วนเว้าส่วนโค้งต่างๆ บนตัวถัง เป็นรถที่ดูดีมีชาติตระกูล และมีขนาดความยาวสูสีกับรถคู่แข่ง LS500h Pleat Executive รุ่นสูงสุด เหมาะกับผู้บริหารหรือซุปเปอร์สตาร์ที่ต้องขับหนีเหล่าบรรดาช่างภาพบันเทิง มันดูลงตัวจากด้านหน้าที่เน้นความหรูหรามีระดับด้วยชุดกระจังที่เต็มไปด้วยรายละเอียดอันสลับซับซ้อนและล้างทำความสะอาดยากเอาเรื่อง ล้อวงโตกับเส้นด้านข้างตัวถังที่โค้งมนอย่างลงตัว ไฟท้าย Full LED พร้อมไฟเลี้ยวที่ไล่จากด้านในออกไปด้านนอกของชุดไฟท้าย หน้าตาของมันแตกต่างไปจากรถเยอรมันอย่างสิ้นเชิง เมื่อนั่งอยู่หลังพวงมาลัยความรู้สึกก็จะเปลี่ยนไปจากการนั่งอยู่แค่ตำแหน่งเบาะหลังอันแสนสบายซึ่งเป็นบริเวณที่เจ้าของรถชอบนั่ง ตำแหน่งการนั่งขับคล้ายรถสปอร์ตและดูเป็นรถที่ขับสนุกไม่น่าเบื่อเหมือนซาลูนทั่วไป Lexus พยายามทำ LS ให้ออกมาในลักษณะที่ขับเองก็ได้ นั่งโดยสารก็สบายสุดๆ ทันทีที่จับพวงมาลัยกับคันเกียร์ไฟฟ้าหน้าตาแปลกๆ คุณก็จะรับรู้ได้ว่าเจ้าซาลูนญี่ปุ่นคันนี้พร้อมจะโลดแล่นไปตามโค้งต่างๆ ด้วยความเร็วสูงได้อย่างมั่นใจ  

...

Lexus LS500h Pleat Executive รุ่นสูงสุด มีขนาดความยาว 5,235 มิลลิเมตร กว้าง 1,900 มิลลิเมตร และสูงแค่ 1,450 มิลลิเมตร การออกแบบที่อิงกับรูปลักษณ์สปอร์ตซาลูนทำให้หลังคาของมันค่อนข้างเตี้ยและมีเสาท้ายที่บางเฉียบ ความยาวฐานล้อ 3,125 มิลลิเมตร เพิ่มพื้นที่ของห้องโดยสารด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาด เฉพาะเบาะหลังก็มีพื้นที่วางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะกว้างมากพอที่จะทำให้รู้สึกโปร่งโล่ง สำหรับระยะห่างของล้อคู่หน้าอยู่ที่ 1,630 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างล้อหลังขยับออกเป็น 1,635 มิลลิเมตร พื้นที่เก็บสัมภาระใต้ฝาท้ายไฟฟ้า 440 ลิตร น้ำหนักรถทั้งคันอยู่ที่ 2,350 กิโลกรัม ตัวหนักเอาเรื่องจากอุปกรณ์ของระบบไฮบริดกับสารพัดอุปกรณ์ความสะดวกสบายที่ประดังเข้ามาให้จนใช้กันไม่หมด ล้ออัลลอยขอบ 20 นิ้ว ห่อรัดด้วยยางรันแฟลตของ Bridgestone รุ่น Turanza ไซส์ 245/45RF20 ถังเชื้อเพลิงมีความจุมากถึง 82 ลิตร สำหรับเป็นอาหารให้กับเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร เอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ได้เป็นรถที่กินจุแต่อย่างใด เพราะมีระบบไฮบริดคอยเสริมแรงบิดสำหรับการขับเคลื่อนทั้งในและนอกเมือง ลูกค้าของ Lexus ที่ต้องควักเงินเกือบ 16 ล้านบาทแลกกับ LS500h รุ่นสูงสุด เรื่องค่าน้ำมันไม่ใช่ประเด็นหลักท่ีจะต้องมานั่งกังวลเท่ากับตัวเลขราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นๆ ลงๆ ในตอนเช้าอย่างแน่นอน 

เมื่อมองดูแบบเผินๆ ยนตรกรรมรุ่นเรือธงของ Lexus คันนี้เป็นรถที่อัดแน่นด้วยสารพัดเทคโนโลยีที่มอบความสบายและความปลอดภัยเพื่อจับลูกค้ามหาเศรษฐีซึ่งมีอยู่ในจำนวนเพียงน้อยนิด อารมณ์และเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากรถยุโรป เห็นได้จากห้องโดยสารสุดหรูของ LS500h โดยเฉพาะรุ่นสูงสุด Pleat Executive ออปชั่นปรับยกความสูงจากการทำงานของช่วงล่าง Air Suspension ทำงานร่วมกับเบาะนั่งดูดวิญญาณที่แสนสบาย เบาะของมันยังมีระบบปรับความเย็นมาให้เพื่อทำให้เบาะเย็นตัวอย่างรวดเร็วเมื่อจอดตากแดด ประตูหลังที่เปิดได้กว้างพร้อมเบาะของคนที่จ่ายเงินซื้อซึ่งอลังการสุดๆ ด้วยพื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่ในการวางเท้า แผงประตูหุ้มด้วยผ้าเนื้อดีสีแดงจับจีบเย็บแบบเกล็ดปลา คล้ายกับผ้าที่ตกแต่งในวังของสุลต่านแถบตะวันออกกลาง! มือจับที่เปิดประตูตกแต่งด้วยกระจกตัดแกะลาย Kiriko Cut Glass ซึ่งเต็มไปด้วยรายละเอียดอันประณีตบรรจงจากซัทซุกุริโกะซึ่งเป็นช่างตัดกระจกสุดยอดงานฝีมือของญี่ปุ่น โดยนำชิ้นกระจกเซาะร่องมาประดับประดาอยู่บนมือจับที่เปิดประตู ติดกันเป็นกรอบกรวยลำโพงยี่ห้อ mark levinson 

เบาะของ LS500h Pleat Executive มีสีเทาเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดงทุกตำแหน่ง ตัวเบาะนอกจากจะฝังระบบระบายและปรับอากาศแล้วยังมีถุงลมติดตั้งอยู่ในเบาะสำหรับการนวดหลังและต้นขาที่ช่วยทำให้ผ่อนคลายขณะเดินทาง คุณสามาถปรับตั้งระดับของการนวดผ่าน Remote Touch Interface ระบบ Pneumatic ปรับเบาะได้ละเอียดยิบในทุกองศา มาพร้อมกับเบาะรองที่ทำให้รู้สึกกระชับช่วงไหล่ เบาะรองสะโพกด้านหลังล็อกตำแหน่งของการนั่งขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงหรือเบรก ระบบปรับอุณหภูมิของ Lexus LS500h เป็นแบบแยกอิสระ 4 โซน ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิเบาะ รวมถึงระบบระบายความอับชื้นในตัวเบาะ เซนเซอร์จะตรวจจับรังสีอินฟราเรดเพื่อวัดอุณหภูมิและปรับสภาพอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสมกับผู้โดยสารแต่ละคน นอกเหนือไปจากนั้นมันยังตรวจวัดปริมาณของแสงอาทิตย์เพื่อปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารให้มีความสบายตลอดเวลา 

แดชบอร์ดคอนโซลหุ้มหนังสังเคราะห์สีแดง เย็บตะเข็บด้วยด้ายสีขาวตัดกันอย่างลงตัว หากคุณเป็นคนที่หลงใหลในวิศวกรรมอย่างล้นเหลือประเภทเข็มขัดนิรภัยไฟฟ้า กระป๋องใส่น้ำหอมปรับอากาศคุณจะชอบห้องโดยสารของมัน Lexus พยายามลดปุ่มให้เหลือน้อยลงเพื่อไม่สร้างความยุ่งยากในการใช้งาน และมีปุ่มเท่าที่จำเป็นจริงๆ อย่างปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์สีน้ำเงินในรุ่นไฮบริด ปุ่มควบคุมเสียงของ mark levinson และปุ่มปรับอุณหภูมิที่อยู่ติดกับแผงแดชบอร์ด เบาะหลังมีจอภาพขนาด 11.6 นิ้ว ปรับตำแหน่งอัตโนมัติตามลักษณะของการนั่งที่เบาะหลัง รองรับแผ่น Blu-ray พร้อมช่องเสียบการ์ด SD และสาย HTMI เพื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ส่วนตัวหรืออุปกรณ์เล่นเพลงแบบพกพา คุณจะดู VDO หรือฟังเพลงจากสื่อบันเทิงแหล่งอื่นๆ ที่บันทึกในโทรศัพท์ผ่านระบบ Miracast หรือ DLNA (Digital Living Network Alliance) 

หน้าจอมัลติมีเดียความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว ใหญ่มากพอที่จะเห็นได้อย่างชัดเจน จอภาพมอนิเตอร์ทำงานร่วมกับ Remote Touch Interface ปรับตั้งระบบควบคุมเสียงและระบบปรับอากาศ จอภาพของ LS500h นำเสนอมุมมองแผนที่แบบเต็มหน้าจอจากระบบนำทางเวอร์ชั่นใหม่ สามารถแสดงข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือสเปน และนอกเหนือจากการนำเสนอข้อมูลการจราจรและสภาพอากาศที่ทันสมัย มุมมองแบบ 3 มิติและมุมมองจำลองของทางแยกบริเวณทางหลวงแสดงขีดจำกัดของความเร็ว ระบุสถานีบริการน้ำมันในบริเวณใกล้เคียงโดยอัตโนมัติหากเชื้อเพลิงในถังเหลือน้อย จอภาพมอนิเตอร์ยังแสดงผลของการหมุนเวียนพลังงานในระบบ Multi Stage Hybrid อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง การปรับตั้งค่าและระบบต่างๆ รวมถึงยังเป็นจอมอนิเตอร์ของระบบให้ความบันเทิงและกล้องมองรอบตัวรถ

มาตรวัดเรียบง่ายอ่านค่าชัดเจนด้วยการใช้มาตรวัดจอภาพ TFT LCD แบบไม่มีวัดรอบ! จอมาตรวัดด้านซ้ายแจ้งเตือนตำแหน่งเกียร์ เวลาและสัญลักษณ์ต่างๆ ของการใช้งาน มุมซ้ายสุดเป็นมาตรวัดอุณหภูมิของเครื่องยนต์ ส่วนด้านขวาแจ้งเตือนอุณหภูมิภายนอก ทริปมิเตอร์และระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่เปิดใช้งาน มุมขวาสุดเป็นมาตรวัดระดับเชื้อเพลิงในถัง ด้านบนของกรอบจอภาพมาตรวัดด้านซ้ายติดตั้งสวิตช์ปรับโหมดการขับเคลื่อน 4 รูปแบบ เช่น ECO / Normal / Sport / Sport-S + สวิตช์มุมบนด้านขวามือของกรอบมาตรวัดเป็นสวิตช์เปิดหรือปิดการทำงานของระบบควบคุมการทรงตัวพร้อมโหมดการขับบนผิวถนนที่ลื่นไถลหรือ Snow

อุปกรณ์ขั้นเทพในห้องโดยสารของ LS500h ก็คือเครื่องเสียงพร้อมลำโพงเกรดสูงของ mark levinson เป็นแนวคิดของการต้อนรับสไตล์ญี่ปุ่นหรือโอโมเท็นชิ เครื่องเสียงแบบ 16 channel, 2,400 วัตต์ ติดตั้งลำโพงเกรดสูงมากถึง 23 ตัว (รวมลำโพงสี่ตัวบนเพดานกับซับวูฟเฟอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรถยนต์ Lexus) mark levinson เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเสียงระดับโลกและทำงานร่วมกับค่าย Lexus ด้วยการออกแบบชุดเครื่องเสียงติดรถยนต์มาปรับใช้ในห้องโดยสารของ LS500h พร้อมนวัตกรรม Quantum Logic® Immersion ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบเสียง 3 มิติที่ทันสมัยที่สุดในรถยนต์ยุคใหม่ ให้เสียงที่สมจริง คมชัด หนักแน่นครบทุกมิติของการดูหนังหรือฟังเพลง ในจุดนี้ถือว่าทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงระหว่างการเดินทาง  

เรื่องขุมกำลังมันก็คือเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร พร้อมระบบไฮบริดที่มีอยู่ใน GS450h ความจริง Lexus ควรคิดค้นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ติดเทอร์โบมากกว่าจะเอาเครื่อง 3.5 ลิตรที่ค่อนข้างกินเชื้อเพลิงมาใช้กับเรือธงลำนี้ ฝั่งยุโรปนั้นก้าวกระโดดมากกว่าในด้านของตัวเครื่อง โดยเฉพาะ BMW นั้นใช้แค่เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร อัดเทอร์โบแล้วใช้ระบบ Plug in Hybrid วางอยู่ใน Series-3 Series-5 และ Series-7 Plug in Hybrid เค้นกำลังออกมาได้มากถึง 326 แรงม้ากับแรงบิด 500 นิวตันเมตร สำหรับ LS500h นั้นวางเครื่องยนต์เบนซินแบบ V6 ความจุ 3.5 ลิตร ระบบวาล์วแปรผันสองฝั่ง (ไอดีและไอเสีย) Dual VVT-i จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ D-4S แรงม้าสูงสุดเพิ่มจาก 6,000 รอบต่อนาทีเป็น 6,600 รอบต่อนาที เครื่องยนต์รหัส 8GR-FKS มีปริมาตรความจุ 3,456 ซีซี แบบ V6 4 Four Cam 24 วาล์ว กำลังสูงสุดจากเครื่องยนต์ 299 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 5,100 รอบต่อนาที ส่วนระบบ Multi Stage Hybrid ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 310.8 โวลต์ ให้กำลังสูงสุด 134 แรงม้า แรงบิดสูงสุดของมอเตอร์อยู่ที่ 300 นิวตันเมตร โดยมีกำลังรวมทั้งระบบที่ 359 แรงม้า แบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออน ชุดส่งกำลังใช้ระบบเกียร์แบบ Multistage Electronically controlled Continuously Variable Transmission หรือเกียร์ CVT แปรผัน ชุดเกียร์ Multistage Hybrid 10 สปีด เปลี่ยนเกียร์ไวและมีความแม่นยำ ปรับการทำงานไปตามพลวัตของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยเพิ่มแรงบิด 24% จากการหมุนของเครื่องยนต์ทั้งความเร็วต่ำและสูง สามารถเรียกแรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่ย่านความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในย่านความเร็วสูง เกียร์ยังเข้ามาช่วยในด้านอัตราทดเพื่อลดรอบเครื่องยนต์ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง ชุดเกียร์ Multistage Hybrid 10 สปีด ยังมีแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์หลังพวงมาลัยหรือ paddle shifters มาให้ สำหรับตัวเลขสมรรถนะ เร่งจาก 0-100 ได้ใน เวลาแค่ 5.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 14.9 กิโลเมตรต่อลิตร มาตรฐานการปล่อยมลพิษ EURO-4 อัตราการปล่อย Co2 อยู่ที่ 151 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร 

ชุดบังคับเลี้ยวของ LS500h ใช้พวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดแปรผันไปตามความเร็วและโหมดของการขับเคลื่อน Electronic Power Steering (EPS) รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.9 เมตร ระบบรองรับที่มาของความนุ่มนวลสบายตัวใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกคู่ดับเบิ้ลวิชโบน โช้คอัพด้านหน้าหล่อลื่นด้วยน้ำมันแรงเสียดทานต่ำ ชิ้นส่วนพวกแขนยึดโยงปีกนกทำจากอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนักใต้สปริง ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ ระบบ Adaptive Variable Air Suspension สามารถปรับระดับความสูงได้พร้อมกับโช้คแบบถุงลมหรือ Air Suspension ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ กลไฟไฟฟ้า VDIM ผสมผสานการควบคุมทั้งหมด เช่น เครื่องยนต์ เบรก พวงมาลัย พร้อมฟังก์ชั่นอื่นๆ เช่นระบบควบคุมมุมของการเลี้ยวที่ล้อหน้าและหลัง ESP และ LDH เพิ่มความปลอดภัยแบบ Active ระบบ LDH จะปรับองศาของล้อทั้งสี่ โดยประเมินผลจากความเร็วในขณะนั้นและองศาของพวงมาลัยไฟฟ้า ระบบเบรกติดตั้งคาร์ลิปเปอร์เบรกหน้าแบบ 4 พอต จานเบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อนเส้นผ่าศูนย์กลาง 357 มิลลิเมตร เบรกหลังแบบ 2 พอต พร้อมจานเบรกหลังเส้นผ่าศูนย์กลาง 335 มิลลิเมตร LS500h ติดตั้งตัวช่วยเบรก เช่น Four-wheel power-assisted disc brakes with Electronic Controlled Braking (ECB); four-sensor, four-channel Anti-lock Braking System (ABS); Electronic Brakeforce Distribution (EBD) and Brake Assist 

ออกมาขายได้ปีกว่าๆ LS500h ก็ยังทำตัวหรูหราฟู่ฟ่าด้วยราคาระดับยันเพดาน การออกแบบยุคใหม่ทำให้เจ้าเรือธงหัวลูกศรคันนี้ดูปราดเปรียวเพรียวลมแม้จะมีความยาวมากถึง 5,235 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.3 ตัน ยังทำให้คิดว่ามันผลิตขึ้นจากเหล็กทั้งแท่นแต่แชสซีแบบใหม่ของ LS มีบางจุดที่ใช้อะลูมิเนียมเพื่อลดทอนน้ำหนัก ห้องโดยสารสไตล์คลาสสิกของ Lexus ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครด้วยงานตกแต่งที่หรูหรามีระดับจากวัสดุเกรดสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นหนัง พรม ผ้าบุเพดาน งานครึ่งไม้ครึ่งหนังของพวงมาลัยที่ละเอียดอ่อน ห้องโดยสารกว้างนั่งขับหรือนั่งโดยสารได้อย่างสบายตัว Lexus LS500h เป็นยานยนต์ซาลูนที่คุณสามารถจัดหนักได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เป็นรถคันโตที่ขับง่ายและแสนจะคล่องแคล่วว่องไวค่อนข้างขัดแย้งกับน้ำหนักตัว บนไฮเวย์ มันทรงตัวอย่างนิ่ง เกาะถนนดีมากในโค้งมุมกว้างและแทบจะไม่มีอาการโคลงตัว คุณจะได้รับความสบายจากระบบต่างๆ ที่คอยประคับประคององคาพยบยามเดินทางทั้งในและนอกเมือง หัวใจสำคัญของมันคือเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 3.5 ลิตร แบบ V6 ที่ทั้งลื่นไหลและเงียบงัน ทำงานร่วมกับชุดเกียร์ Multistage Hybrid ได้อย่างเนียน ระบบบังคับเลี้ยวผ่อนสั้นผ่อนยาวได้ดี มีน้ำหนักที่ปรับไปตามความเร็วตั้งแต่เริ่มออกตัวจากที่จอดซึ่งเบาสบายข้อมือไปจนถึงการหน่วงให้นิ่งและมั่นคงเมื่อความเร็วทะยานไปถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันจะหน่วงมือจนคุณรู้สึกได้แต่ก็ไม่ได้หนักจนน่าเกลียดอยู่ในเกณฑ์พอดิบพอดีเมื่อใช้ความเร็วสูงในวันที่รีบเร่ง 

การขับ LS ในประเทศไทยอาจทำให้คุณถูกมองเป็นคนขับรถแต่มันก็ยังดีกว่าการจ่ายเงินเฉียด 16 ล้านบาทแล้วเอาแต่นั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังซึ่งเป็นตำแหน่งที่สบายสุดๆ ประสิทธิภาพในการเคลื่อนตัวนับว่าแจ่ม หัวใจสำคัญก็คือช่วงล่างแบบปรับระดับความสูงทำงานด้วยไฟฟ้าที่ส่งถ่ายความนวลและหนึบแน่นไม่แพ้ Porsche Panamera หรือ Mercedes-Benz GT Coupe ล้อขอบ 20 นิ้วมียางที่ไม่โตเกินไป ระบบบังคับเลี้ยวตอบสนองฉับไวและแม่นยำผ่านวงพวงมาลัยครึ่งไม้ครึ่งหนังที่สวยงาม โช้คอัพปรับความหนืดที่ช่วยทำให้เกาะถนนดีมาก อาการเฉื่อยชาใน LS460l รุ่นที่แล้วหายไปอย่างสิ้นเชิง อาการโคลงหรือหน้าทิ่มขณะเบรกลดลง LS500h เป็นรถที่มีมวลมหาศาลถึง 2.3 ตัน แต่คุณหรือใครที่ขับรถเป็นก็สามารถซิ่งได้อย่างมั่นใจ อุปกรณ์อื่นๆ ที่ใส่ให้มาล้วนแล้วแต่ใช้งานได้จริงและดีงาม เช่นระบบไฟหน้าอัตโนมัติที่ฉลาดแสนรู้คอยลดไฟสูงหรือเบนแสงไฟไม่ให้ไปแยงตารถที่แล่นสวนทางมาเมื่อขับตอนกลางคืนบนถนนที่ปราศจากแสงไฟส่องสว่าง 

ถนนเส้นเล็กๆ ในอุทยานหุบป่าตาดที่แหวกผ่านกลางหุบเขาหินปูนสวยงามราวกับภาพวาด ไร่ข้าวโพดที่เริ่มเจริญเติบโตแตกใบเขียวบริเวณสองข้างทางของอำเภอบ้านไร่ในอุทัยธานีเป็นสถานที่เปล่าเปลี่ยวแต่ปลอดภัยซึ่งผมชอบใช้เป็นโลเคชั่นในการบันทึกภาพรถทดสอบ ขับมุ่งหน้าขึ้นไปยังทิศเหนือของหุบป่าตาดที่เชื่อมต่อกับเขาปลาร้าโดยใช้ถนนเส้นรองที่คดเคี้ยว บางช่วงเป็นทางลาดยางที่มีหลุมบ่ออยู่เต็มไปหมดจากการทำลายของรถบรรทุก 18 ล้อก็ไม่ทำให้เจ้า LS500h เสียอาการแต่อย่างใดทั้งสิ้น เมื่อเจอเข้ากับโค้งแคบๆ เจ้า LS ก็แสดงประสิทธิภาพของการโชว์อันไร้ที่ติ มันเป็นรถขับหลังที่วิ่งได้อย่างเนียนพร้อมระบบความปลอดภัยที่ช่วยประคับประคองให้คุณถึงที่หมายได้ดั่งใจนึก แรงบิดจากเครื่องยนต์ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.2 วินาที

ความประหยัดไม่ใช่องค์ประกอบหลักของการตัดสินใจซื้อรถซาลูนราคาแพง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนักหากจะซื้อโดยไม่สนใจอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของรถคันนั้น บนถนนที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านไร่กับอุทัยธานี เจ้า LS500h ทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยทั้งในและนอกเมืองได้ที่ 11.2 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อเทียบกับคู่แข่งก็นับว่าประหยัดใช้ได้เลยทีเดียว เป็นการขับทดสอบแบบผสมเดี๋ยวช้าเดี๋ยวเร็วตามสภาพของถนนและการจราจร หากขับในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร อัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ 9.7 กิโลเมตรต่อลิตร ความดีงามของระบบไฮบริดเข้ามาช่วยทำให้มันซดน้ำมันน้อยลง LS500h สามารถวิ่งด้วยมอเตอร์เพียวๆ แต่ก็ได้ระยะทางไม่มากนัก เครื่องยนต์จะยังคงดับสนิทเมื่อระบบไฮบริดพบว่าแบตฯ ยังมีไฟมากพอสำหรับการขับเคลื่อนมันก็จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าไปเรื่อยๆ จนกว่าไปในแบตฯจะเหลือน้อยแล้วเครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมาเพื่อรับหน้าที่แทนมอเตอร์ไฟฟ้า การผสมผสานพลังงานจของทั้งสองระบบเนียนจนคุณจับความรู้สึกไม่ได้เลยว่านี่มันเครื่องหรือมอเตอร์กันแน่ที่กำลังทำให้รถวิ่งหากไม่สังเกตจอภาพมอนิเตอร์ในหมวดแสดงผลของระบบไฮบริด

เพื่อเป็นการยืนยันว่า LS500h พร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด V6 เป็นเครื่องจักรที่ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับการวิ่งอย่างนุ่มนวลจริง ผมลองเอาเหรียญวางแนวตั้งบนตัวเครื่องขณะที่มันกำลังทำงาน เหรียญสามารถตั้งอยู่บนเครื่องขณะที่มันเดินเบาได้โดยไม่ล้ม! เครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตรแบบไม่มีระบบอัดอากาศทำงานเรียบและมีเสียงเบา เหมาะสมกับรูปแบบของตัวรถแต่ก็อยากให้ Lexus พัฒนาเครื่อง 6 สูบเรียง หรือ 4 สูบเรียงเทอร์โบปผสานกับระบบไฮบริดมากกว่าจะใช้เครื่องยนต์ความจุเยอะแต่ไม่มีระบบอัดอากาศ ในรอบสูงเมื่อกดคันเร่งเต็มเหนี่ยว เครื่อง V6 ส่งเสียงอย่างสุภาพโดยคำรามเบาๆ พอให้คุณได้รับรู้ว่ามันกำลังทำงานเต็มกำลังในรอบสูงสุด ผมลากไปจนถึงเรดไลน์ที่ 6,600 รอบต่อนาที ในช่วงที่แรงบิดสูงสุดพุ่งออกมา LS500h ก็ยังไม่มีอาการสั่นสะท้านหรือส่งเสียงว่ามันกำลังจะแย่ออกมให้ได้ยิน มาตรการป้องกันเสียงแปลกปลอมจากภายนอกของ Lexus ทำให้เจ้า LS500h มีห้องโดยสารที่เงียบงันราวกับกำลังนั่งอยู่ในหอสมุดแห่งชาติ ยางขอบประตูแบบสองชั้น พรมและวัสดุซับเสียงช่วยทำให้ค็อกพิตของมันเงียบคล้ายกับห้องทำสมาธิในวัดดังกันเลยทีเดียว  

สัมผัสที่ส่งถ่ายออกมาตลอดระยะเวลา 8 วันที่ผมได้เปลี่ยนวรรณะและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเรือธงคันนี้ ทำให้พบว่าวิศวกรญี่ปุ่นของแบรนด์หัวลูกศรได้ใช้ความเพียรพยายามอย่างที่สุดในการปรับตั้งทุกองคาพยพของ LS500h เพื่อส่งถ่ายความนุ่มนวลในการขับเคลื่อน ความหนึบแน่นของช่วงล่าง และประสิทธิภาพของระบบเบรกแบบสะสมพลังงาน หรือ regenerative braking ความสบายและอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารอันเหนือระดับ มันเป็นรถสองบุคลิกที่ให้ทั้งความสุขุมนุ่มลึกเมื่อขับไปเรื่อยๆ และความสปอร์ตเมื่อลงแส้กันเต็มเหนี่ยว เป็นวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นที่พยายามจะเอาชนะยานยนต์ชั้นสูงของพวกเยอรมัน สัมผัสของ Lexus LS500h ที่ทำให้ผมรู้สึกชอบเริ่มกันตั้งแต่รูปทรงภายนอกและความหรูหราระดับสุดขั้วของงานตกแต่งภายใน มันไม่ใช่ซาลูนธรรมดาที่ชอบทำตัวกรีดกรายในลานจอดรถของผู้บริหาร เป็นยานยนต์ที่ปรับแต่งมาเพื่อการเอาชนะ Mercedes-Benz S-Class และ BMW Series-7 รวมถึง Audi A8L เจ้าซาลูนคันยาวแปะตราสัญลักษณ์หัวลูกศรคันนี้พยายามตัวไม่ให้เหมือนคู่แข่งซึ่งเป็นยนตรกรรมชั้นดีจากเยอรมัน LS500h เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการเดินทางของมหาเศรษฐีที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีตบรรจง ห้องโดยสารห่อหุ้มด้วยหนังแท้ ผ้าเนื้อดีกับพรมราคาแพงและงานตัดแต่งกระจกขั้นสุดยอดฝีมือ โดยภาพรวมมันดีขึ้นทุกจุดเมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่านมา แต่เศรษฐีส่วนใหญ่ก็อาจรู้สึกขัดใจกับราคาของมัน ถ้าคุณรวยจริงและอยากเปลี่ยนรสชาติที่ซ้ำซากจำเจ LS500h มีให้คุณทุกอย่างเท่าที่รถราคา 15.8 ล้านบาทควรมี ถ้าเงินไม่ใช่ประเด็นหลักในการตัดสินใจเลือกยานพาหนะคันใหม่และคุณเองก็อยากได้สิ่งที่เป็นที่สุดบนถนน ความหรูหราและราคาค่าตัวที่แพงกว่าคู่แข่งถึง 2 เท่า! รวมถึงความโดดเด่นและศักดิ์ศรีก็คงต้องเลือกรถที่เปล่งประกายรัศมีความมีสง่าราศีมากที่สุด บนถนนของประเทศไทย LS เป็นจักรกลเดินทางที่พบเห็นตัวเป็นๆ ได้ยากมาก คุณจะเห็น Series-7 S-Class หรือ Panamera กรีดกรายอยู่บนถนนสุขุมวิททุกวันตั้งแต่เช้าจดเย็นไปจนถึงดึกดื่นเที่ยงคืน แต่การที่จะพบเห็น LS500h รุ่นใหม่ล่าสุดวิ่งชิลๆ อยู่ในกรุงเทพฯ นั้นยากเย็นแสนเข็ญเต็มทนเนื่องจากราคาค่าตัวที่แพงทะลุมิติของมันนั่นเอง. 

Lexus New LS 2018 สีตัวถัง

Sonic Quartz
Sonic Silver
Sonic Titanium (คันทดสอบ)
Manganese Luster สีใหม่
Black
Graphite Black Glass Flake
Red Mica Crystal Shine
Sonic Agate สีใหม่
Sleek Ecru Metallic
Amber Crystal Shine
Deep Blue Mica

สีภายในห้องโดยสาร
LS500h รุ่น Executive Pleat
Black with Kiriko (Cut Glass)
Crimson & Black with Kiriko (Cut Glass) (คันทดสอบ)
LS500h รุ่น Executive
Black with Art wood (Organic)
Crimson & Black with Art wood (Herringbone)
LS350 รุ่น Luxury
Black with Shimamoku
Topaz Brown with Walnut (Open Pore)

วัสดุแผงข้างประตู
Kiriko (Cut Glass) (คันทดสอบ)
Art wood (Organic)
Art wood (Herringbone)
Shimamoku
Walnut (Open Pore)

ราคา Lexus LS ใหม่ 4 รุ่น ได้แก่
LS500h รุ่น Pleat Executive 15,830,000 บาท (คันทดสอบ)
LS500h รุ่น Executive 14,500,000 บาท
LS500 รุ่น Executive 13,080,000 บาท
LS350 รุ่น Luxury 11,530,000 บาท


LEXUS LS500h TECHNICAL DATA

Engine Type 8-GR-FXS 6-Cylinder V type, 24 Valve, DOHC
Displacement 3,456 cc
Max Output 299 PS / 6,600 rpm
Max Torque 350 Nm / 5,100 rpm
Fuel System Gasoline (95 or higher)
Emission standard EURO 4
Avg Fuel Consumption 6.5 L/100km
Emissions CO₂ 151 g/km

Max Speed 250 km/hr
Acceleration 5.4 sec (0 - 100 km/hr)

Suspension
Front High Mount Multi Link
Rear Multi Link
Adaptive Variable Suspension AVS
Air Suspension
Transmission Multi-Stage-Hybrid
Drive Train Rear-wheel Drive
Steering System Electric Power Steering (EPS)

Brakes
Front 357 mm Ventilated Discs
Rear 335 mm Ventilated Discs
Minimum Turning Radius 5.7 m


Overall
Length 5,235 mm
Width 1,900 mm
Height 1,450 mm
Wheelbase 3,125 mm
Tread
Front 1,630 mm
Rear 1,635 mm
Luggage Spec 440 L
Weight 2,350 kg
Gross Weight 2,725 kg
Fuel Tank Capacity 82 L
Wheel & Tires 245/45RF20 RESONATOR TYPE Runflat Tire

HYBRID SYSTEM

Motor
Type Permanent Magnet Synchonous
Max Voltage 310.8 V
Max Output 132 Kw
Max Torque 300 Nm
Total System Output (Hybrid Vehicle) 359 PS
Hybrid Battery
Type Lithium-ion
Voltage 310.8 V

EXTERIOR

Windshield green glass + IR
Front & Rear door window glass ; high noise-damping type inner film , low-reflection, UV - cut function
Outer rear view mirrors; Auto retract, Electrice and Heater
Moonroof ; tilt / slide

LIGHTING SYSTEM

Ultra Compact 3-LED
Two stage Adaptive High Beam System (AHS)
Headlamp Leveling
Headlamp cleaner
LED Rear combination lamp
LED High mount stop lamp
Front / Rear fog lamp
Illuminated entry system

INTERIOR

Combination meters ; ECO Drive Indicator
Leather steering wheel & shift lever knob
Vanity mirrors & lamps (front and rear seats)
Interior illumination system
Illuminated scuff plates
Power rear window sunshade
Power rear door window sunshade+Quarter
4-Zone with Lexus Climate Concierge
Nano-e system
Auto air purifier ; pollen removal mode
Seat
Front seats lumbar support (4 ways)
Rear seat lumbar support 4 ways + Pelvic (Rear seat behind the front passenger's seat)
Power front seats 28 ways with memory function
Adjustable seat cushion length (Driver's seat)
Front Seat Slide with access mode (D:260 , P:260 , D:Changeable) P:+160
Power rear seats ; memory function
Power adjustable headrests ; +Butterfly memory function
Front seat relaxing system
Rear seat relaxing system (Ottoman)
Seat Heater/Air-Con
Automatic Rear seat
Audio
12.3-inch EMV Display
Mark Levinson® Reference Surround 23 Speakers Sound System
Rear multi operation panel
2 Rear LCD Display monitors with BLEURAY/DVD player

OPERATION SYSTEM

Power tilt & telescopic steering column ; auto-away / auto-return , memory function
Steering wheel control switches
Drive mode select: Eco/Comfort/Customize/Normal/Sport S/Sport S+
Paddle shift
Seat/steering auto return & away system (Drive's seat)
Door and trunk easy closers with Kick Sensor
Adaptive Cruise control
EV Mode
Smart Entry & Start system
Card key
Navigation System

SAFETY
Vehicle Dynamic Integrated Management (VDIM)
Traction Control System (TRC)
Vehicle Stability Control (VSC)
Anti-Lock Brake System (ABS) with Electronic Brake Force Distribution (EBD)
Precrash Safety System (PCS)
Brake Assist System (BA)
Hill-start Assist system
Parking Assist system ; clearance & back sonar
Panoramic View Back monitor (w/Guide)
Brake hold function
Lane Change Assist w/BSM
Lane Keeping Assist (LKA)
Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
Emergency stop lamp
Automatic anti-glare inside & outside rear view mirrors
Dual-stage SRS airbag (Driver's seat)
Dual-stage SRS airbag (Front passenger's seat) ; twin-chamber type
SRS Knee airbags (Front seats)
SRS Side airbags (Front & Outbound rear seats)
SRS Curtain shield airbags
SRS Seat cushion airbag (Rear seat behind the front passenger's seat)
WIL (Whiplash Injury Lessening) (Front seats)
Active Headrest (Front seats)
3-point ELR seatbelts with pretensioners force limiters and torsion reduce (Front seats)
3-point ELR seatbelts with pretensioners force limiters and torsion reduce (Rear seats)
Lift-up-bukle seats
Large Head Up Display (600mm x 150mm)
Anchor bars for fixing ISO-FIX , compliant child seat (Rear seats)
Security system ; immobilizer , intrusion sensor with auto alarm.



อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/