MERCEDES AMG GT-R จุดกำเนิดปิศาจสีเขียว!
Nürburgring 24 ชั่วโมง ฤดูกาลแข่งขันรถยนต์ทางเรียบแบบเอนดูลานซ์ประจำปี 2016 เต็มไปด้วยเรื่องราวสุดระทึกใจ ทั้งพายุลูกเห็บที่จัดหนักพัดกระหน่ำผ่านสนามด้วยกระแสลมความเร็วสูงพร้อมน้ำแข็งก้อนโต จนทำให้รถแข่งต้องออกจากการแข่งขันนับสิบคัน ตามด้วยการตีธงแดงยุติการแข่งขันนาน 2 ชั่วโมง หลังจากขับเคี่ยวกันข้ามวันข้ามคืน Mercedes AMG GT3 รถแข่งจากทีมแข่งตราดาวก็วิ่งผ่านเส้นชัย คว้าอันดับที่ 1-2-3 ในคลาส GT3 แบบกวาดเรียบไม่เหลือที่ให้ทีมอื่นได้ยืนบนโพเดี้ยม การเตรียมความพร้อมมานานเกือบ 5 ปี ทำให้ Mercedes AMG GT3 ญาติผู้ใกล้ชิดกับ AMG GTS ยืนแป้นอันดับที่ 1-2-3 อย่างเต็มภาคภูมิ
...
...
หลังจากนั้นไม่นานนัก Mercedes AMG ก็เปิดตัวป่าขาโหดอย่าง AMG GT-R สปอร์ตจีทีที่ปรุงแต่งรสชาติให้มีความเผ็ดร้อนแสบสันมากขึ้นไปอีก เป็นวิธีการดึงเอาเงินออกจากกระเป๋าของลูกค้าผู้ภักดีในแบรนด์ตราดาวอย่างแยบยลสุดเนียนด้วยการจูนแบบจัดเต็มทุกองคาพยพ พร้อมสีเขียว Green Hill Magno โทนสีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสนามหญ้าและป่าสนในสนามแข่ง Nürburgring นรกสีเขียวที่มีความน่ากลัวมากที่สุด เป็นสนามแข่งที่เต็มไปด้วยอันตราย และกลายเป็นที่ยำเกรงของนักแข่ง ถือเป็นสนามที่ขับยากที่สุดสนามหนึ่งในโลกเลยทีเดียว
...
...
การเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้ไดนามิกส์ของเจ้าปีศาจสีเขียวเหนือชั้นกว่ารถคู่แข่ง เริ่มจากตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียม ขยายระยะห่างล้อหน้า 46 มิลลิเมตร หลัง 57 มิลลิเมตรเพื่อเพิ่มแทรกชั่นการยึดเกาะดีไซน์ กระจังหน้าทรงซี่แนวตั้งที่กลายเป็นต้นแบบของเหล่าบรรดารถ AMG สายแรงในปัจจุบัน และมีเจ้าของ Mercedes-Benz รุ่นมาตรฐานจำนวนไม่น้อยในประเทศไทยที่เปลี่ยนกระจังเดิมมาเป็นกระจังทรง GT-R เพื่อความหล่อ ระบบรองรับหรือช่วงล่าง ใช้โช้คอัพไฟฟ้าแบบแปรผันค่าความหนืดที่จะปรับความแข็งอ่อนไปตามโหมดการขับเคลื่อน Comfort / Sport / Sport+
ช่วงล่างหลังติดตั้งปีกนกอัลลอย ท่อนล่างยึดด้วยข้อต่อที่ใช้ตลับลูกปืนทรงโค้งแบบเบ้า เพื่อเติมความหนึบของการยึดเกาะและความเฉียบคมของการควบคุมมีการใช้ท่อกันโคลงขนาดใหญ่และหนากว่าของ AMG GTS ชุดบังคับเลี้ยวใช้พวงมาลัยไฟฟ้าแบบ Active ในย่านความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ล้อหลังจะแพนองศาตรงข้ามกับล้อหน้าเพื่อลดมุมองศาพวงมาลัยเมื่อเลี้ยวโค้งในย่านความเร็วสูง และเพิ่มความคล่องตัวให้กับ GT-R แต่เมื่อความเร็วในโค้งทะยานผ่าน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แกนของล้อหลังจะกลับมาเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า เพื่อเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว แผ่นปิดใต้ท้องรถทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ป้องกันกระแสลมหมุนวนเมื่อทำความเร็ว
Mercedes AMG GT-R เป็นรถทดสอบในขบวนรถแรงของสำนัก AMG ที่ Mercedes-Benz นำมาให้สื่อมวลชนและลูกค้าของแบรนด์ตราดาวได้ลองขับทดสอบประสิทธิภาพในสนามแข่งรถความเร็วสูง chang international circuit ซึ่งเป็นสนามระดับอินเตอร์ความยาว 4.554 กิโลเมตร ผังสนามที่เน้นการทำความเร็วทั้งทางตรงและโค้ง เหมาะสำหรับการขับตัวโหดสีเขียวในตระกูล AMG เวอร์ชั่น GT-R เจ้า Green Hill Magno สุดแสบคันนี้วางเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ Mercedes AMG GTS แต่มีการปรับจูนให้แรงม้าเพิ่มมากขึ้นเป็น 585 แรงม้า เครื่องยนต์แบบ V8 ทวินเทอร์โบ ความจุ 4 ลิตรที่ถูกโมมีเรี่ยวแรงมากกว่า AMG GTS ผู้พี่อยู่ถึง 74 แรงม้า แรงบิดนั้นหายห่วง เนื่องจากพ่อมดช่างเครื่องในแผนกเครื่องยนต์ของ AMG สามารถปรับแต่งแรงฉุดลากของปิศาจสีเขียวได้มากถึง 700 นิวตันเมตร ทำให้อัตราเร่ง 0-100 ดีขึ้นนิดหน่อยที่ตัวเลข 3.4 วินาที ส่วนความเร็วปลายเคลมไว้ที่ 318 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แน่ใจได้เลยว่า เศรษฐีเท้าหนักบางคนที่ได้ครอบครองจะพยายามขับมันจนถึงความเร็วสูงสุดอย่างแน่นอน ระบบส่งกำลังแบบคลัตช์คู่ AMG SPEEDSHIFT DCT 7G เปลี่ยนเกียร์เร็วราวกับสายฟ้าฟาด แชสซีน้ำหนักเบากับช่วงล่างประสิทธิภาพสูง ออกแบบให้ขับบนถนนสาธารณะหรืออัดหน้าเชิดในสนามแข่งได้อย่างเหนือชั้น
รูปลักษณ์ของ AMG GT-R เหมือนกับ AMG GTS แต่มีการเสริมแต่งในส่วนของกระจังหน้าและสปอยเลอร์ที่มีรูปแบบใหม่แตกต่างไปจากรถรุ่นพี่ แอร์โรพาร์ทรอบคันมีทั้งการเหนี่ยวนำเอากระแสอากาศไประบายความร้อนให้กับห้องเครื่องและจานเบรก อากาศที่ไหลผ่านตัวถังส่วนหนึ่งถูกใช้ให้กดตัวรถเมื่อทำความเร็ว แผง Downforce แบบปรับอัตโนมัติสร้างแรงกดส่วนหน้าได้ 40 กิโลกรัม เมื่อความเร็วเข้าใกล้ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนแชสซีของเจ้าผีเขียวคันนี้ก็คล้ายกับ GTS นอกจากจะใช้อะลูมินั่มอัลลอยแล้วยังมีการเสริมความแข็งแรงและลดน้ำหนักไปในคราวเดียวกัน ด้วยการเสริมวัสดุพวกคาร์บอนไฟเบอร์ วิงหลังคาร์บอนก็ยังเชื่อมโยงกับหลักอากาศพลศาสตร์ โดยสามารถสร้างแรงกดส่วนท้ายได้มากถึง 155 กิโลกรัม อัตราส่วนการกระจายน้ำหนักอยู่ที่ 47-53 จากการร่นแท่นเครื่องจนสามารถวางเครื่องยนต์ V8 โดยให้น้ำหนักส่วนใหญ่กระจายไปด้านหน้าและหลังอย่างสมดุล
Mercedes AMG GT-R วางระบบเบรกคล้ายรถแข่งโดยใช้จานคาร์บอนเซรามิก พร้อมคาร์ลิปเปอร์ AMG สีทองแบบ 6 พอตหน้า 4 พอตหลัง จานเซรามิกหน้าขนาด 402 มิลลิเมตร ส่วนจานหลังก็ยังโตถึง 360 มิลลิเมตร หากไม่บ้าจนเกินเหตุรับรองเบรกอยู่อย่างแน่นอน AMG GT-R ยัดล้อต่างไซส์แบบหลังใหญ่หน้าเล็กเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการเทม้าลงพื้นและการบังคับควบคุม ล้ออัลลอย AMG ลายก้านสีดำด้าน ล้อหน้ามีขนาด 10.0Jx19" ET65 ส่วนล้อหลังใหญ่กว่าที่ 12.0Jx20" ET52 ล้อหน้ายัดยาง Pilot Sport Cup 2 ไซส์ 275/35ZR19 ส่วนล้อหลังใส่ยางไซส์ 325/30ZR20 สาแก่ใจขาโก๋ไฮโซไปตามๆ กัน
ภายในใส่เบาะรถแข่ง AMG แดชบอร์ดหุ้มหนังกลับ พวงมาลัยหนังกลับ เข็มขัดนิรภัยสีเหลืองสด ช่องแอร์ตรงคอนโซลกลางหุ้มงานคาร์บอนไฟเบอร์แนวตัวแข่ง หน้าปัดมาตรวัดมีการลงลึกด้านรายละเอียดให้แตกต่างไปจาก AMG GTS เนื่องจาก AMG GT-R นั้นถูกกำหนดมาให้ขายแพงกว่าจากของแต่งและการปรับจูนอัพแรงม้า เบาะแบบแข่งของ AMG ปรับเอนไม่ได้แต่เลื่อนเข้า-ออกได้ ห้องโดยสารหรือ Cockpit ของ Mercedes Benz AMG GT-R มีอุโมงค์เกียร์ที่ใหญ่โตราวกับอู่จอดเรือดำน้ำ ทำให้ผู้โดยสารและคนขับถูกกั้นออกจากันอย่างสิ้นเชิง พวงมาลัยทรงสปอร์ต 3 ก้านเหมือน AMG GTS แต่ก้านด้านล่างประทับตรา AMG Edition บ่งบอกถึงความไม่ธรรมดาจากสำนักแต่ง AMG
เวลาที่จะหายใจหายคอแทบไม่มีเนื่องจากสถานี Lead and Follow ซึ่งต้องขับอสุรกาย AMG คันละสามรอบ ทำให้ต้องวิ่งขึ้น-ลง เปลี่ยนรถกันเป็นว่าเล่นราวกับลิงพันแห เมื่อมองจากรูปลักษณ์แบบรถแข่ง AMG GT-R คล้ายสัตว์ร้ายที่ออกล่าเหยื่อ เอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้คือสีเขียวแสบไส้ Green Hell บ่งบอกความโหดว่ามันเคยวิ่งเต็มข้อในสนาม Nurburgring ความยาว 26 กิโลเมตรต่อรอบ ด้วยเวลาแค่ 7 นาที กับอีก 10 วินาทีเท่านั้น เครื่องยนต์ V8 Bi-Turbo จูนกำลังมากกว่า AMG GT-S ถึง 74 แรงม้า ด้วยการปรับเทอร์โบ พอร์ตไอเสีย ฟลายวิลล์น้ำหนักเบา จูนการตอบสนองขอบคันเร่งใหม่ให้ไวขึ้น ลดอาการเทอร์โบแลคหรืออาการรอรอบ มันเบากว่า AMG GT-S 15 กิโลกรัม เกิดจากการเพิ่มวัสดุพวกคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมในบางตำแหน่งที่ต้องการหั่นน้ำหนักส่วนเกิน กำลังที่ได้รับเมื่อเทียบกับมาตราส่วนแรงม้าต่อตันอยู่ที่ 377 แรงม้า/ตัน แรงกว่า 911 GT3 โฉมปัจจุบันที่ทำได้ 350 แรงม้า/ตัน ความเร็วตีนต้นจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.4 วินาที ดึงหนักจนเสียวสันหลัง ระบบที่ช่วยให้การขับเคลื่อนในย่านความเร็วสูงของ AMG GT-R เป็นไปด้วยความเสถียรก็คือชุดแอร์โรที่จะปรับความสูงของตัวรถลงอีก 40 มิลลิเมตร เมื่อขับเกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในโหมด RACE ช่วยลดการยกตัวบริเวณเพลาหน้า ระยะห่างล้อหน้าเพิ่มขึ้น 46 มิลลิเมตร หลังก็เพิ่มเป็น 57 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มการยึดเกาะ แทรกชั่นคอนโทรลควบคุมด้วย ECU สามารถปรับตัวเองแบบอัตโนมัติได้อย่างหลากหลายถึง 9 ระดับ คอยควบคุมเสถียรภาพของ GT-R ตั้งแต่ขับพาเมียน้อยไปทานข้าวชิลๆ หรือไล่ล่าท้ายรถ instructor ในสนามช้างแบบที่ผมกำลังทำอยู่ในตอนนี้!
สามรอบสนามช้างความยาว 4.554 กิโลเมตร ซึ่งถือว่ายาวพอสมควรกลายเป็นสนามที่สั้นจู๋ เมื่อคุณควบ AMG GT-R มันเป็นรถที่แทบจะไม่มีความสบายหลงเหลืออยู่ ช่วงล่างสะเทือนจากโหมด RACE ที่ผมพยายามปรับเพื่อให้การตอบสนองของรถมีความสอดคล้องกับการขับไล่ท้ายรถครูผู้ฝึกสอน ไม่ว่าใครพอได้ลองขับเจ้า GT-R ตราดาวก็จะติดใจ มันเป็น AMG คันโตที่ให้ความรู้สึกเบาและแรง ควบคุมได้ง่ายแต่ก็ต้องระวังให้ดีๆ ไม่ทำอะไรโง่ๆในโค้ง คนที่ชอบรถ GT เครื่องวางหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง เจ้า GT-R ถือเป็นจักรกลในฝันกันเลยทีเดียว การเร่งความเร็วทางตรงหลังจากผ่านโค้ง 2 แค่จมคันเร่งนิดเดียว มันก็พุ่งเข้าไปจ่อท้าย CLS53 AMG ซึ่งเป็นรถคันนำของ instructor เสียงวิทยุของครูผู้ฝึกสอนชาวไทยและออสซี่จาก AMG พยายามสอนการเข้าไลน์ให้ถูกต้องในโค้งของสนามช้างให้กับสื่อมวลชนเพื่อที่จะทำให้มันไปได้เร็วขึ้น พลังที่ล้นเหลือทะลักพรวดออกมายาวๆ แบบไม่มีกระตุก สั่นหรือหน่วง มันจะกระชากคุณจนหน้าหงายเมื่อคันเร่งถูกกด แค่ถือพวงมาลัยให้มั่นคงและวิ่งทับไลน์ของครูผู้ฝึกสอนจาก AMG เจ้า GT-R ก็จะไปตามสั่งแบบหมูๆ ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่แรงจีที่เหวี่ยงใส่ร่างคนขับในโค้ง 4-5-6-7-8 ซึ่งเป็นโค้งต่อเนื่องของสนามช้างอาจทำให้มึนงงได้ง่ายๆ เมื่อเล่นมันหลายรอบมันก็เล่นงานคุณกลับได้เหมือนกันนะครับ
ช่วงล่างขั้นเทพจัดการกับโค้งแสบๆ ในสนามช้างได้อย่างอยู่หมัด สัมผัสของชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้าตึงไม้ตึงมือ ไหลลื่นและแม่นโคตรๆ คุณสามารถเล็งจุดที่จะพุ่งออกจากโค้งพร้อมๆ กับการสวนคันเร่งลงจนสุด แต่ก็ต้องระวังท้ายรถคันนำ เนื่องจากกำลังที่ล้นเหลือของ GT-R โค้งในสนามช้างกลายเป็นขนมหวานที่รับประทานง่ายของเจ้าผีเขียว ยาง Pilot Sport Cup 2 ของ Michelin ช่วยส่งถ่ายประสิทธิภาพการยึดเกาะของช่วงล่างได้ดี ไม่มีอาการแถหรือส่ายในโค้งปรากฏออกมาให้เห็นทั้งๆ ที่ใช้ความเร็วสูง ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกก็ทำหน้าที่ได้ดีในการหยุดม้าบ้าระห่ำให้อยู่ในโอวาท เป็นระบบเบรกที่ทำหน้าที่ได้อย่างน่าประทับใจและไม่มีอาการเบรกเฟรด แม้จะใช้เบรกหนักๆอย่างต่อเนื่อง
RACE MODE กับการกระทืบคันเร่งบนทางตรงในรอบสุดท้ายช่วงออกโค้ง 12 ผ่านแกรนด์สแตนในสนามช้างปลดปล่อยเสียงดังผ่านท่อระบายท้ายทรงเหลี่ยม มันสร้างเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว และทำให้ชาวบ้านร้านตลาดถึงกับตระหนกตกใจ จังหวะเดินคันเร่งเต็มสูบจะมีเสียงท่อท้ายแผดสนั่นคล้ายกับเครื่อง V8 6.0 ลิตรของพวกอเมริกัน RACE MODE ทำให้มันออกอาการเอะอะโวยวายและระเบิดปังๆ เมื่อเปลี่ยนเกียร์ เมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงผ่านทางตรงมันจะให้เสียงที่กรีดกร้าวเจาะกะโหลก เป็นเสียงเครื่องยนต์ V8 AMG ที่ผมเคยได้ยินใน AMG GT3 ตัวแข่งรายการ Nürburgring 24 ชั่วโมง ซึ่งซิวอันดับ 1-2-3 ในปี 2016 โดยไม่เหลือที่ให้ทีมใดได้ยืนโพเดี้ยมแม้แต่น้อย!
Mercedes AMG GT-R ดุสุดในกลุ่มรถแรงของ AMG แม้จะมีสื่อมวลชนและลูกค้าบางคนชื่นชอบกับความแรดของ C63s AMG แต่ถ้าจะเอารถที่สามารถเติมเต็มจิตวิญญานแบบนักแข่งกันอย่างจริงๆ จังๆ แล้ว เจ้า GT-R ดูจะให้อารมณ์แบบนั้นมากที่สุด ในฐานะคู่ปรับของ Nissan GT-R Audi R8 V10 Plus และ BMW M8 รวมถึง Porsche 911 GT2 RS สำนัก AMG จูนอัพ GT-R ออกมาได้อย่างสุดติ่งกระดิ่งแมว แรงฉุดลากและการยึดเกาะ การจัดวางสมดุลของรถ น้ำหนักของพวงมาลัยไม่ว่าจะขับเร็วหรือช้า ล้วนแล้วแต่อยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยมทั้งสิ้น แม้จะโหดเข้าขั้นรถปีศาจแต่ควบคุมได้ง่าย และมีความสบายแอบแฝงอยู่บ้างบนเบาะแบบรถแข่งที่ปรับได้แค่เลื่อนถอยหลังหรือเดินหน้า ทุกครั้งที่ขับ Mercedes-Benz ในสนามแข่ง มักจะเจอกับปัญหาปล่อยไม่สุดจากระดับฝีมือของสื่อที่ไม่เท่ากัน แต่ไม่ใช่กับเจ้า Green Hell คันนี้ บนถนน คุณจะสนุกไปกับการจี้เข้าหาท้ายรถคันหน้าพร้อมๆ กับการแซงแบบทะลุมิติของเจ้าผีเขียว คล้ายการอัด Porsche 911 GT3 อย่างเต็มเหนี่ยวบนสนามเซปัง เป็นรถในแบบที่นักขับอยากได้และ AMG ก็ทำออกมาให้แล้วละครับ.
MERCEDES AMG GT-R
Powertrain
Engine type V8 Twin Turbo
Displacement 4.0 l (243 ci / 3,982 cc)
Power 585 ps (577 bhp / 430 kw) @ 6,250 rpm
Torque 700 Nm (516 lb-ft) @ 1750 rpm
Power / liter 147 ps (145 hp)
Efficiency 38 PS per l/100 km
Transmission 7-speed SPEEDSHIFT (dual-clutch)
Layout front engine, rear wheel drive
Car type Coupe
Curb weight 1554-1669 kg (3,426-3,680 lbs)
Dimensions 4.55 m (179 in) long, 1.94 m (76 in) wide, 1.29 m (51 in) high
Wheelbase 2.63 m (104 in)
Power / weight 360 ps (355 bhp) / t
Torque / weight 431 Nm (318 lb-ft) / t
Introduced 2017
Origin country Germany
Average fuel consumption 17.9-13.5 l/100 km (13-17 mpg US / 16-21 mpg UK)
Price in Europe €165,410 - €195,430
Noise @ idle 53 dB
Noise @ 100 kph 71 dB
Noise @ 130 kph 73 dB
Noise @ 160 kph 81 dB
Noise @ 180 kph 81 dB
Views 64.4k
Performance
Top speed 318 kph (198 mph)
0 - 40 kph 1.3 s
0 - 50 kph 1.4 s
0 - 100 kph 3.2 s
0 - 130 kph 4.7 s
0 - 150 kph 6.0 s
0 - 160 kph 6.6 s
0 - 200 kph 9.8 s
0 - 250 kph 17.1 s
0 - 300 kph 31.6 s
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/