Lamborghini Huracan รุ่นพิเศษ Evolution ซุปเปอร์คาร์เครื่องวางกลางรุ่นใหม่จากแบรนด์สัญลักษณ์รูปวัวกระทิงดูเป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น งานปรุงแต่งเพื่อขยับความโหดเพื่อทำให้เจ้าของคนใหม่ที่ยอมลงทุนควักเงิน 26 ล้าน แลกกับความสามารถและประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของ Huracan Evolution ซุปเปอร์สตาร์กับรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่บ่งบอกถึงตัวตนและวิถีทางของการดำเนินชีวิตหลังการทำงานนั้นเป็นของคู่กัน แบรนด์ Lamborghini มีวิธีที่จัดการกับความยากของการแข่งขันในตลาดรถยนต์ระดับสูง แบรนด์วัวกระทิงรู้ซึ้งถึงกรรมวิธีในการที่จะดูดเงินจากกระเป๋าของดาราและเหล่าคนรวยทั่วโลกในแบบที่แม้แต่ Ferrari เองก็ยังต้องแอบอิจฉา การครองครองแบรนด์เมื่อเปลี่ยนมือมาเป็น Audi เมื่อกว่า 10 ปีก่อนทำให้กระทิงเปลี่ยวในทุกวันนี้มีความทันสมัยทั้งระบบขับเคลื่อนและความสะดวกสบายที่มาพร้อมกับความแรง


...

การถือกำเนิดเกิดขึ้นของ Huracan ต้องย้อนเวลาถอยหลังไปยังปี ค.ศ. 1996 ผู้บริหารของ Lamborghini เดินเข้าไปขอความช่วยเหลือจาก Audi ค่ายรถยนต์สัญชาติเยอรมัน โดยขอความร่วมมือในการพัฒนาเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังร่วมกัน จากการพูดคุยกันในตอนนั้นอีกสองปีต่อมาในปี ค.ศ. 1998 แบรนด์ Volkswagan Group ได้ซื้อกิจการทั้งหมดของแบรนด์กระทิงดุและมอบหมายให้ทีม Audi Sport ร่วมกับทีมของ Lamborghini ร่วมมือกันพัฒนารถรุ่นใหม่ หลังจากนั้น ทีมวิศวกรของ Lamborghini และ Audi ต้องใช้เวลาอีก 5 ปี ก่อนที่ Gallardo สปอร์ตคาร์เครื่องกลางลำภายใต้การกำกับดูแลของ Audi ก็ถูกเข็นออกจากโรงงานเพื่อวางขายในตลาดซุปเปอร์คาร์ นับจาก Gallardo รุ่นแรกออกขายอีกสิบปีต่อมา ยอดขายของรถรุ่นนี้ทำตัวเลขสูงกว่ายอดขายรวมของแบรนด์กระทิงดุในช่วง 40 ปีก่อนหน้านี้ รถรุ่น Gallardo มีจำนวนการขายมากถึง 50% เมื่อนับจากซุปเปอร์คาร์ทั้งหมดที่ Lamborghini ขายไปตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 1965 จนถึงปัจจุบัน


จากความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมยานยนต์ของเยอรมันอย่างแบรนด์ Audi ที่ครอบครองแบรนด์ซุปเปอร์คาร์อิตาเลียน Lamborghini การผลิตรถสปอร์ตที่มีความแปลกแยกแตกต่างจากรถซุปเปอร์คาร์ทั่วๆ ไปที่มีอยู่อย่างดาษดื่นสร้างความแตกต่างในด้านของความละเอียดลออของการควบคุม เมื่อเปิดตัวในปี ค.ศ. 2015 รถสปอร์ตรุ่น Huracan ถูกผลิตออกมาเพื่อทดแทนรุ่น Gallardo จากจำนวนยอดขายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของบริษัท หลังจากที่ค่าย Audi เข้าครอบครองกิจการของ Lamborghini ได้ไม่นานนัก แนวคิดแบบเยอรมันได้เข้ามาช่วยกอบกู้และทำให้ Lamborghini อยู่รอดปลอดภัยด้านสถานะทางการเงิน เมื่อขายรถได้ก็เริ่มมีงบประมาณในการวิจัยและพัฒนารถรุ่นใหม่ให้ดีกว่าเดิม ความสามารถในการผลิตรถซุปเปอร์คาร์โดยนำเอาเทคโนโลยีขับเคลื่อนแบบล้ำยุคของเยอรมันมาผนวกเข้ากับงานศิลปะการออกแบบรถยนต์ขั้นสูงของพวกอิตาเลี่ยนได้อย่างกลมกลืน ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายของรถ Lamborghini รุ่น Gallardo มากถึง 30,000 คัน

...


รูปทรงของ Lamborghini Huracan รุ่นพิเศษ Evolution มีทั้งความแบนและความเตี้ย มันดูเหมือนกับซุปคาร์รุ่นพี่อย่าง Aventador ที่ถูกนำมาย่อขนาดให้เล็กลงอีกนิดหน่อย ความยาวฐานล้อของ Huracan Evolution มีตัวเลข 2620 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้นมาอีก 60 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับฐานล้อของ Gallardo ผู้พี่ ส่วนน้ำหนักรวม 1,422 กิโลกรัม ลดลง 8 กิโลกรัม แชสซีทนทานต่อแรงบิดตัวเพิ่มอีก 50% จากการใช้โครงสร้างแบบ Space Frame วัสดุอัลลอยถูกประกอบขึ้นในจุดที่ต้องรับแรงเช่น กาบบันได พื้นรถ อุโมงค์เกียร์ รวมถึงแผงกั้นระหว่างห้องโดยสารกับห้องเครื่องยนต์ที่อยู่ด้านหลัง เสาท้ายทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ แชสซีออกแบบมาเพื่อรองรับการขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบรองรับถูกปรับแก้ใหม่หมด Lamborghini Huracan Evolution ใช้ช่วงล่างทั้งหน้าและหลังแบบดับเบิ้ลวิชโบน แขนยึดโยงขึ้นรูปจากอัลลอยเพื่อลดน้ำหนักใต้สปริง
...


ล้ออัลลอยสีดำลายก้านที่งดงามขนาดขอบ 20 นิ้ว ล้อหน้า 8.5J x 20 ET42 ล้อ หลัง 11J x 20 ET40 ยังคงถูกห่อรัดด้วยยางซิ่งสมรรถนะสูงของ Pirelli รุ่น P ZERO โดยภาพรวม ทรงของ Huracan Evolution ยังมีการผสมผสานความคลาสสิกของรุ่น Miura ด้วยฝาครอบเครื่องยนต์แบบบานเกล็ดกับความแบนเตี้ยของเรือนร่างที่ส่งถ่ายความเป็นรถยนต์จากแบรนด์ Lamborghini ได้ด้วยการมองเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
...




Lamborghini ก้าวขึ้นมาอีกระดับกับเทคโนโลยีใหม่ที่บรรจุใน Huracan Evolution ตัวถังใช้โครงสร้างเป็นเสปซเฟรมอะลูมิเนียมซึ่งเป็นโครงสร้างที่แข็งมากจากการเชื่อมต่อจุดต่างๆ รวมไปถึงการหักมุมและเชื่อมต่อกับแผงอื่นๆ ที่เป็นอะลูมิเนียมเช่นกัน ตัวถังเป็นแชสซีไฮบริดที่ทันสมัย ประกอบด้วยชิ้นส่วนอะลูมิเนียมและส่วนประกอบหลักจากโพลีเมอร์เสริมคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) ซึ่งเป็นวัสดุน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงอย่างมหัศจรรย์ Lamborghini และ Audi เป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตและประยุกต์มาหลายปีแล้ว แชสซีไฮบริดของ Lamborghini Huracan Evolution ใช้อะลูมิเนียมในบางส่วน ด้านหน้าและด้านหลังรถที่ยึดอยู่กับแกนล้อนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากอัลลอยน้ำหนักเบา ส่วนที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ถูกผลิตโดยวิธี RTM (Resin Transfer molding) และถูกใช้สำหรับเสริมความแข็งแรงของห้องโดยสารไปจนถึงส่วนของพื้น ขอบประตู อุโมงค์กลาง ผนังห้องเครื่อง และเสา B ด้วยรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์



แขนค้ำในห้องเครื่องรูปตัว X นั้นก็ถูกผลิตด้วย CFRP และวัสดุสเตนเลสถูกนำมาใช้เชื่อมต่อชิ้นส่วนอะลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ น้ำหนักของโครงรถแบบไฮบริดอันล้ำยุคของ Lamborghini Huracan มีน้ำหนักน้อยกว่ารถซุปเปอร์คาร์คู่แข่งอยู่นิดหน่อย ซึ่งเบากว่าโครงสร้างสเปซเฟรมที่เบามากอยู่แล้วของ Gallardo ผู้พี่ แชสซีไฮบริดของ Huracan Rvolution ยังส่งผลในเรื่องของความปลอดภัยจากความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น มันกลายเป็นพื้นฐานของการสร้างรถซุปเปอร์คาร์ที่มีการขับขี่ดีเยี่ยมและเต็มไปด้วยความแม่นยำ ยกตัวอย่างในด้านความแข็งแกร่งที่เพิ่มเข้ามา เช่น ผนังกรอบห้องเครื่องด้านหลังที่สามารถป้องกันแรงกระแทกจากด้านข้างได้เป็นอย่างดีเมื่อมีการชนปะทะเนื่องมาจากการออกแบบและวางชิ้นงานคาร์บอนไฟเบอร์ที่ถูกวางให้ไปในทิศทางของแรงกระทำที่อาจจะเกิดขึ้นในขณะที่เกิดอุบัติเหตุชนปะทะที่ความเร็วสูง





เครื่องยนต์ V10 ไม่มีระบบอัดอากาศมาคอยช่วยเหลือในด้านการเสริมแรงบิด เครื่อง V10 ตัวใหม่ที่ถูกปรับปรุงประสิทธิภาพในด้านแรงบิดให้กำลังในรูปของแรงม้าถึง 640 ตัว แรงขึ้นกว่ารุ่นมาตรฐาน 38 แรงม้า แม้เครื่อง V10 จาก Lamborghini จะเป็นรองเครื่อง V8 เทอร์โบของ Ferrari F8 ที่จะออกขายในปีนี้ แถมยังตกเป็นรองเครื่องยนต์ 3.8 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบของ McLaren 720S อยู่นิดๆ แต่ Lamborghini ก็จัดเต็มในด้านเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ กับชุดส่งกำลังใหม่ซึ่งเป็นเกียร์ทวินคลัตช์ สปีด ทำให้ Huracan สามารถสำแดงฤทธิ์เดชได้ทันทีทันควันสำหรับการตอบโต้รถซุปเปอร์คาร์คู่แข่ง พละกำลังที่ถูกปรับเพิ่มจาก 602 แรงม้า เป็น 640 แรงม้า แรงบิดพุ่งสูงขึ้นจาก 559.95 นิวตันเมตร เป็น 600 นิวตันเมตร ที่ 4,500-6,500 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 2.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดถ้าที่ถนนโล่งและยาวพอ Huracan จะมีตีนปลายหรือท็อปสปีดอยู่ที่ 325.087 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


ระบบส่งกำลังแบบทวินคลัตช์ 7 สปีด ลูกใหม่มีการทำงานที่รวดเร็วกว่าเกียร์กึ่งอัตโนมัติ Huracan Evolution นั้นมากับระบบเกียร์ชุดใหม่ทั้งหมด ในขณะที่ Gallardo รุ่นเก่าใช้เกียร์แบบ E-gear automated manual แต่ในรถ Huracan Evolution จะใช้ระบบเกียร์ Lamborghini Doppia Frizione (LDF) แบบ 7 สปีดคลัตช์คู่ เป็นเกียร์ใหม่ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาบเวลาของการเปลี่ยนอัตราทดถูกปรับลดลงมาให้มีความฉับไวมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วมากจนผู้ขับแทบจะไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนเกียร์ สำหรับแรงบิดก็ยังถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ระบบเกียร์ LDF ที่ติดตั้งอยู่หลังเครื่อง V10 ที่ท้ายรถของ Huracan Evolution นั้น มีขนาดที่กะทัดรัด โดยมีความยาวไม่เกิน 60 เซนติเมตร ระบบสมองกลควบคุมอยู่ในบล็อกที่แยกจากกัน โดยมีระบบไฟฟ้า ชุดกลไกขบวนเฟืองเกียร์ และชุดไฮดรอลิกที่ทำงานประสานกันผ่านการควบคุมของ ECU ปั๊มน้ำมันจะส่งน้ำมันไปเลี้ยงชุดเกียร์ คลัตช์ และดิฟเฟอร์เรนเชี่ยลที่ซ่อนตัวอยู่ภายใน การระบายความร้อนที่ดีในรถซุปเปอร์คาร์นั้นมีความสำคัญอยู่ในลำดับต้นๆ ของการเพิ่มประสิทธิภาพของการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์หรือชุดส่งกำลังต่างก็มีระบบระบายความร้อนแบบใหม่ที่หล่อเย็นและหล่อลื่นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ



ระบบห้ามล้อใช้เบรกแบบพิเศษ เป็นจานเบรกแบบคาร์บอนเซรามิกพร้อมคาร์ลิปเปอร์สีดำแบบ 6 พอตที่ด้านหน้า ส่วนเบรกหลังก็ยังคงใช้จานเบรกเซรามิกเหมือนกับด้านหน้า โดยวางคาร์ลิปเปอร์แบบ 4 พอต ชุดเบรกคาร์บอนเซรามิกเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงานที่ติดตั้งมาให้ใน Lamborghini Huracan Evolution โดยที่เจ้าของรถไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ช่วงล่างดับเบิ้ลวิชโบนยังสามารถปรับระดับของความแข็ง-อ่อนได้ตามรูปแบบของการขับขี่ การปรับขึ้นตรงกับคนขับในการสั่งงานให้ช่วงล่างสามารถรองรับการขับได้ 3 ระดับ ตั้งแต่แบบธรรมดาไปจนถึงการซิ่งหรือแข่งในสนามแข่งรถ Huracan Evolution นั้นถูกออกแบบให้สามารถนำไปวิ่งได้ทั้งในสนามแข่งหรือแม้แต่การใช้งานในชีวิตประจำวัน โหมดขับเคลื่อนสูงสุด Corsa ระดับความสูงของตัวรถจะถูกกดให้เตี้ยลงอีก 15-30 มิลลิเมตร แรงบิดในโหมดสูงสุดจะถูกส่งไปยังล้อคู่หลังมากกว่าโหมดอื่น รวมถึงระบบเกียร์จะปรับเข้าสู่แมนนวลโหมดเพื่อเปิดโอกาสให้คนขับชิฟเกียร์เอง จุดเด่นของ Lamborghini Huracan Evolution นั้น อยู่ที่พลังของเครื่องยนต์และการยึดเกาะกับผิวถนนด้วยระบบขับเคลื่อนทุกล้อ ในโหมด Corsa พวงมาลัยไฟฟ้าจะถูกหน่วงให้หนักมากยิ่งขึ้นเพื่อรับมือกับสภาวะการขับในแบบแข่งขัน วิศวกรของ Lamborghini เคลมว่าเกียร์ใหม่ 7 สปีดลูกนี้ จะมีอัตราการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ตอบสนองต่อการขับขี่ในทุกรูปแบบโดยเฉพาะการขับบนทางแบบขึ้นเขาลงเนินสูงชันหรือการขับในสนามแข่งรถที่ผู้ขับต้องใช้เกียร์ขึ้น-ลง อยู่ตลอดเวลา




สนามแข่งพีระอินเตอร์เนชั่นแนลในจังหวัดชลบุรีมีผังสนามที่ท้าทายและสร้างสุดยอดฝีมือมากมายในวงการมอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทย ความยากของสนามจะไม่เปิดโอกาสให้กับความผิดพลาดทั้งปวงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การนำรถซุปเปอร์คาร์ราคา 26 ล้านซึ่งมีเรี่ยวแรงมากถึง 640 แรงม้ามาขับในสนามพีระกลายเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษเนื่องจากกำลังของรถเกินกว่าขอบเขตของรูปแบบสนามไปไกลถึง 3 เท่า!




รอบวอร์มอัพเป็นการขับแบบสลาลมด้วยการใช้ความเร็วต่ำเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับตัวรถ Huracan Evolution เหมือนกับการวอร์มยางไปในตัวแต่จุดประสงค์หลักๆ ของการขับในสถานีสลาลมกับเจ้ากระทิงจอมโหดรุ่นนี้ก็คือการสัมผัสกับการทำงานของระบบช่วยเลี้ยวที่ล้อคู่หลังซึ่งช่วยทำให้วงเลี้ยวของ Lamborghini Huracan Evolution แคบขึ้นกว่ารุ่นมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด




5 รอบสนามต่อไปนี้จะเป็นการขับทดสอบสมรรรถนะของ Huracan Evolution ในช่วงสั้นๆ รอบแรกกับการปรับโหมดโดยใช้โหมดเริ่มต้นหรือ Strada ด้วยการกดสวิตช์สั่งปรับโหมดที่ก้านด้านล่างของพวงมาลัย รถครูผู้ฝึกสอนเริ่มต้นการใช้ความเร็วเมื่อขับผ่านแกรนด์สแตนหรือเส้นสตาร์ต เมื่อกดคันเร่งลงลึกในโหมดเริ่มต้นของ Huracan Evolution แรงกระชากลากถูจะเกิดขึ้นแบบฉับพลันทันทีโดยไม่มีการแจ้งเตือนหรืออาการรอรอบใดๆ ทั้งสิ้น เครื่องยนต์ V10 วางทำมุม 90 องศา จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ Multi Point Injection และหายใจเองโดยไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศ มันระเบิดพลังงานในรูปของแรงบิดที่มากถึง 600 นิวตันเมตรด้วยแรงดึงที่ไม่เคยพบเจอในรถบ้านหรือแม้แต่รถสปอร์ตพลังสูง เจ้า Evolution พุ่งลิ่วๆเข้าสู่โค้ง 2 และโค้ง 3 ซึ่งเป็นโค้งยูเทิร์น รถคันนำขับโดยน้องทูน หรือ วิฑูรย์ กุลธวัชชัย คอลัมนิสต์หน้ารถยนต์ของสยามกีฬา ซึ่งเป็นนักแข่งรถตัวยงที่เคยลงแข่งและคว้าแชมป์รายการ Lotus one make race ในสนามพีระ การขับตามรถคันนำทั้งสองคันซึ่งเป็นรถครูฝึกอดีตนักแข่งสุดยอดฝีมือและอีกคันเป็นถึงแชมป์ในรายการ Lotus one make race สร้างความกดดันมหาศาลให้กับผมซึ่งถือเป็นมือระดับอนุบาลในวงการยานยนต์




Lamborghini Huracan รุ่นพิเศษ Evolution เป็นซุปเปอร์คาร์ที่มีความมาดมั่นสูง ระบบต่างๆ ออกแบบมาสำหรับการทำความเร็วเป็นพิเศษ เฉพาะกำลังของเครื่องยนต์ 470 กิโลวัตต์ หรือ 640 แรงม้านั้นบ้าเอามากๆ ส่วนประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนสุดเจ๋งก็สร้างความหวาดเสียวให้กับคนที่ไม่ค่อยได้ขับซุปเปอร์คาร์ อย่าไปหวังว่ามันจะวิ่งได้อย่างนิ่มนวลเนื่องจากระบบรองรับถูกปรับเซตมาให้รับมือกับแรงบิดที่มากถึง 600 นิวตันเมตร ความแข็งขืนของช่วงล่างให้อารมณ์คล้ายรถแข่ง GT3 ผสมปนเปไปกับท่านั่งที่ต่ำเตี้ยราวกับกำลังนั่งอยู่บนพื้นแทรค จุดเด่นของ Huracan Evolution นอกจากเรือนร่างที่สวยงามแล้ว เทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนถือว่าเข้าขั้นสุดยอด ระบบเกียร์ Dual Clutch Gearbox LDF 7 Speed พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบใหม่ Huracan Evolution Electronically Controlled All-Wheel Drive System with Rear Mechanical Self-Locking Differential ปรับปรุงมุมล้อเพื่อทำให้สอดรับกับการขับในสนามแข่งแสนอันตรายแบบนี้

พวงมาลัยไฟฟ้า Lamborghini Dynamic Steering with varable Steering ratio มีน้ำหนักที่มั่นคงสามารถแปรผันน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามความเร็วและโหมดที่ใช้ขับเคลื่อน มันใช้ตัวช่วยในชุดบังคับเลี้ยวประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กและเซนเซอร์ที่คอยตรวจจับความเร็วที่ขึ้น-ลงอยู่ตลอดเวลาเพื่อปรับน้ำหนักให้มีความเหมาะสมและง่ายต่อการควบคุมทิศทาง ยางหลัง Pirelli P ZERO ไซล์ 305/30ZR20 เสริมส่วนท้ายให้ยึดติดกับผิวแทรคในสนามพีระด้วยระบบช่วงล่างหลังแบบ Double wishbone fully independent suspension โช้คอัพ Magneto-rheological suspension ทำงานเร็วและปรับสมดุลของรถได้อย่างยอดเยี่ยมขณะอัดเข้าโค้ง มวลน้ำหนักของ Huracan Evolution 1,422 กิโลกรัม มีตัวเลขของน้ำหนักต่อแรงม้าที่ 2.22 กิโลกรัมต่อ 1 แรงม้า เบาจนแทบจะปลิวกันเลยทีเดียว รอบที่ 2 และ 3 ผมปรับโหมดไปที่Sport ตามคำสั่งของครูผู้ฝึกสอนเพื่อเป็นการเพิ่มเติมความดุร้ายให้กับเจ้ากระทิงเปลี่ยวรุ่นใหม่ โหมด Sport เกียร์จะเปลี่ยนช้าลงและจะคารอบเอาไว้ยาวนานมากกว่าโหมด Strada เมื่อลดเกียร์ก็จะมีตัวเบิ้ลรอบเข้ามาช่วยทำให้รอบไม่ห้อยลงมามากจนเกินไป การคารอบและเกียร์จะเกิดขึ้นตลอดเวลาเมื่อยกคันเร่ง เมื่อเบรกหนักๆ ในบางจังหวะที่โค้ง 8-9 เกียร์แสนรู้ Dual Clucth Gearbox LDF 7 Speed จะลดเกียร์ให้ถึง 2 ตำแหน่งซึ่งขึ้นอยู่กับระดับของแรงเบรกที่ผู้ขับกดลงไปบนแป้นเบรก

ประสาทส่วนกลางของ Huracan Evolution มีชื่อเรียกว่า Piattaforme Reggiani มันจะทำหน้าที่คอยส่งข้อมูลโดยตรงไปยังพวงมาลัยไฟฟ้า ช่วงล่าง ระบบขับเคลื่อน ระบบช่วยทรงตัว เกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีด และเครื่องยนต์ V10 โดยไม่ผ่านการควบคุมจาก ECU การตอบสนองอย่างฉับพลันนั้นรวดเร็วกว่าการสั่งงานในรถยนต์ทั่วๆ ไป แบบเทียบกันไม่ติด บางแง่มุมทางวิศวกรรม รถ Huracan Evolution จะตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ได้รวดเร็วในทุกกรณี คล้ายกับระบบ SSC ของ Ferrari ซึ่งใช้ Algorithm มากกว่าเซนเซอร์ในการคาดเดาลักษณะของการแสดงออก การควบคุมในลักษณะดังกล่าวไม่มีในวัวกระทิงรุ่นเก่าอย่าง Gallardo เนื่องจาก Huracan ผู้น้องถูกสร้างขึ้นบนความสลับซับซ้อนของระบบเฝ้าระวังที่เหนือชั้นกว่า Gallardo เพื่อทำให้ทุกๆ คนสามารถขับรถคันนี้ได้ แม้แต่ยายของคุณเองก็ยังขับมันได้อย่างคล่องแคล่วราวกับนักแข่งรถ ช่วงล่างแบบดับเบิ้ลวิชโบนที่ผนวกเข้ากับโช้คอัพแบบปรับระดับได้ ชุดบังคับเลี้ยวแบบแรคแอนพีเนียรผสานกลไกมอเตอร์ไฟฟ้าที่ละเอียดอ่อน ชุดบังคับเลี้ยวสามารถปรับอัตราทดและน้ำหนักผกผันไปตามสภาพการขับและขึ้นตรงกับโหมดทั้งสามรูปแบบ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดเวลาพัฒนาโดย Audi สามารถถ่ายเทแรงบิดระหว่างล้อหน้า และหลังในแบบ 30-70% / 50-50% / 0-100% ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสมองกลที่ใช้ควบคุมซึ่งทำหน้าที่กลั่นกรองตรวจจับสภาพเส้นทาง ความลื่นของพื้นผิวถนน ความเร็ว มุมและองศาของล้อขณะเข้าโค้งหรือวิ่งทางตรง




เครื่องยนต์ V10 ปริมาตรความจุ 5,204 ซีซี ให้กำลังมากถึง 640 แรงม้า มากกว่า Huracan รุ่นมาตรฐาน 30 แรงม้า สำหรับแรงบิดสูงสุดของ Huracan Evolution อยู่ที่ตัวเลข 600 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที มากกว่า Huracan รุ่นมาตรฐาน 40 นิวตันเมตร เครื่องยนต์ V10 แบบหายใจเองโดยไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศถูกปรับให้มีแรงบิดในรอบเครื่องยนต์เกือบจะสูงสุดเพื่อความมันยามกดคันเร่งกันยาวๆ เครื่องยนต์ V10 รุ่นใหม่พัฒนาโดยช่างและวิศวกรของ Lamborghini กับ Audi วางระบบควบคุมการทำงานของเครื่องที่มีความก้าวล้ำซึ่งมีชื่อเรียกว่า IDS Iniezione Diretta Stratificata เป็นระบบจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดไฟฟ้าแบบไดเรคอินเจคชั่นฉีดตรง ระบบขับเคลื่อนมีการติดตั้ง Auto Start/Stop ทำให้ค่าการปล่อย CO2 และระดับมาตรฐานการปล่อยมลพิษตรงตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรป อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 2.9 วินาที ดีขึ้นมากกว่า Huracan รุ่นปกติ ที่ทำเวลา 0-100 ได้ 3.2 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดของ Huracan Evolution ปาเข้าไป 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากมีถนนให้ซ่ายาวพอก็กดกันได้เลย เครื่องยนต์ V10 ตัวใหม่ของ Huracan สามารถสร้างพละกำลังได้มหาศาลจากความจุ 5.2 ลิตรโดยไม่ต้องพึ่งพาระบบอัดอากาศใดๆ ทั้งสิ้น เทคโนโลยีระบบ Stop & Start ทำให้การบริโภคเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยตามมาตรฐาน ECE ของมันได้ลดลงมาเป็น 12.5 ลิตรต่อ 100 ก.ม. หรือ 8 ก.ม./1 ลิตร และคายคาร์บอนเพียง 290 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร มาตรฐานมลพิษ EURO-6 เครื่องยนต์สมรรถนะสูงตัวนี้ยังประหยัดเชื้อเพลิงเฉลี่ยได้ที่ 12.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร การพัฒนาที่เข้มข้นขึ้นบวกกับระบบ Stop & Start ที่เป็นระบบสแตนดาร์ด ความจุ 5,204 ซีซี ขนาดลูกสูบ 84.5 มม. และช่วงชัก 92.8 มม. เครื่องยนต์ V10 จะจุดระเบิดสลับกันที่ 54 และ 90 องศา ด้วยเพลาข้อเหวี่ยงโลหะฟอร์จแบบร่วมแกน ในโครงสร้างนี้ ก้านสูบจากลูกสูบฝั่งตรงกันข้ามจะวิ่งโดยใช้เพลาข้อเหวี่ยงร่วมกัน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดน้ำหนัก ก้านสูบโลหะฟอร์จและลูกสูบอะลูมิเนียมฟอร์จเป็นวัสดุที่แข็งแรงและมีน้ำหนักเบา




อีกหนึ่งนวัตกรรมล้ำยุคของเครื่องยนต์ V10 เครื่องนี้คือหัวฉีดคู่ในชื่อ Iniezione Diretta Stratificata ระบบคอมมอนเรลจะฉีดเชื้อเพลิงที่แรงดันสูงถึง 180 บาร์เข้าไปยังห้องเผาไหม้โดยตรง ในการติดเครื่องและยามที่เครื่องมีรอบและโหลดสูง ซึ่งทำให้เกิดแรงหมุนมหาศาล ระบบคอมมอนเรลของ Huracan Evolution ยังช่วยลดอุณหภูมิบนผนังเสื้อสูบและสามารถสร้างแรงอัดสูงขึ้นได้ถึงอัตราส่วน 12.7:1 เมื่อเครื่องยนต์ทำงานภายใต้โหลดที่ต่ำเชื้อเพลิงจะถูกฉีดด้วยหัวฉีดตัวนอกผ่านห้องรองก่อนเข้าห้องเผาไหม้ซึ่งจะลดอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงและไอเสีย ในการทำงานโหลดปานกลางและรอบเครื่องยนต์ช่วงกลาง ระบบหัวฉีดจะทำงานทั้งสองชุดในเครื่องยนต์ V10 รุ่นใหม่นี้ผ่านมาตรฐาน EURO-6




ระบบเกียร์ Lamborghini Doppia Frizione (LDF) 7 สปีด คลัตช์คู่ เป็นชุดส่งกำลังแบบทวินคลัตช์ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความว่องไวสูงล้น อัตราทดถูกปรับตั้งมาให้ครอบคลุมสำหรับสมรรถนะแบบสปอร์ตขั้นสูงสุด โดยสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วมากจนแทบจะไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ แรงบิดถูกส่งถ่ายจากเครื่องยนต์มายังชุดส่งกำลังอย่างต่อเนื่อง ระบบเกียร์ LDF ติดตั้งอยู่หลังเครื่อง V10 ที่ส่วนท้ายของ Huracan นั้นมีขนาดที่กะทัดรัดมาก โดยมีความยาวไม่เกิน 60 เซนติเมตร ชุดควบคุมหรือสมองกลเกียร์นั้นอยู่ในบล็อกที่แยกจากกัน โดยจะมีระบบไฟ ชุดกลไกและชุดไฮดรอลิกที่ทำงานประสานกัน ปั๊มน้ำมันหล่อลื่นจะส่งน้ำมันไปเลี้ยงชุดเกียร์ คลัตช์ และ Differential ที่อยู่ภายใน การระบายความร้อนใช้การส่งความร้อนจากน้ำมันสู่น้ำและน้ำมันสู่อากาศเพื่อให้ระบบเกียร์เย็นลง เกียร์คลัตช์คู่ลูกใหม่ของ Lamborghini นั้นจะมีการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ด้วยเพลาขับคู่และเพลาส่งกำลังคู่ คลัตช์แบบมัลติเพลททั้งสองติดตั้งเรียงกันเพื่อควบคุมชุดเกียร์ที่แยกจากกันสองชุด คลัตช์ K1 จะส่งแรงบิดผ่านเพลาตันไปยังเกียร์ 1, 3, 5 และ 7 และรอบนอกของเพลาตันจะมีเพลากลวงที่รับแรงบิดมาจากคลัตช์ K2 เพื่อคุมเกียร์ 2, 4 และ 6 รวมไปถึงเกียร์ถอย เกียร์ทั้งสองชุดนั้นจะทำงานอยู่ตลอดเวลาแต่จะมีเพียงหนึ่งชุดเท่านั้นที่จะทำหน้าที่เชื่อมต่อกับเครื่องยนต์ ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อผู้ขับกำลังเร่งเครื่องอยู่ที่เกียร์สาม ชุดเกียร์ชุดที่สองนั้นจะเข้าเกียร์สี่เอาไว้เพื่อเตรียมเปลี่ยนเกียร์ขึ้นการเปลี่ยนเกียร์นั้นจะเกิดขึ้นผ่านการสลับคลัตช์ คลัตช์ K1 จะถอดและคลัตช์ K2 จะสวมในเวลาเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาที ผู้ขับขี่จะสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เองผ่านแป้นแพดเดิ้ลชิฟท์หลังพวงมาลัยหรือจะใช้ระบบออโตทั้งหมดเลยก็ได้ และเพียงแค่กดปุ่มโหมด Launch Control ระบบเกียร์ก็จะทำงานในรอบเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดเมื่อต้องการการเร่งกำลังสูงสุด โดยที่มันจะหาจุดที่สามารถส่งกำลังลงไปบนพื้นถนนให้ได้มากที่สุดและไม่ปล่อยให้ล้อหมุนฟรีมากเกินไป




อัตราส่วนของแรงม้าต่อน้ำหนักที่ 2.22 กิโลกรัมต่อ 1 แรงม้าเกินเลยกับผังสนามพีระไปไกลสุดกู่ Lamborghini Huracan Evolution จึงมีสมรรถนะที่น่าเกรงขาม เพื่อให้มั่นใจในความว่องไว Huracan Evo สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 ได้ต่ำกว่า 3 วินาที! และทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 325 กม./ชม. พละกำลังจากเครื่องยนต์ 10 กระบอกสูบนั้นถูกส่งลงไปยังพื้นถนนผ่านระบบเกียร์คลัตช์คู่เจ็ดสปีดใหม่ในชื่อ "Lamborghini Doppia Frizione" (LDF 7 Speed) สู่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ใช้แผ่นคลัตช์ไฮดรอลิกส์หลายชั้น โหมดการขับขี่สามแบบที่ออกแบบมาสำหรับถนนไปจนถึงสนามแข่งนั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ผ่านสวิตช์ drive select บนพวงมาลัยภายใต้ชื่อเรียกว่า ANIMA (ภาษาอิตาลีแปลว่าจิตวิญญาณ) "Adaptive Network Intelligent Management" ซึ่งจะปรับค่าของเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และระบบ ESC เพื่อความเสถียรในการทรงตัวไปพร้อมๆ กับระบบที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนอื่น ชุดเบรกหน้า-หลังใช้จานคาร์บอนเซรามิกในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเบรก จานหน้าคาร์บอนขนาด 380 มิลลิเมตร คาร์ลิปเปอร์เบรกหน้าแบบ 6 พอต ส่วนเบรกหลังก็ยังคงเป็นจานเซรามิกขนาด 356 มิลลิเมตร คาร์ลิปเปอร์หลังแบบ 4 พอต ล้ออัลลอยลายเอี่ยมแบบก้านคู่ขอบ 20 นิ้วใหญ่สะใจพระเดชพระคุณท่านกันไป ยางซิ่งราคาโหดคุณภาพสูงลิบจากแบรนด์ยางคู่บารมี Pirelli รุ่น P Zero Corsa ซีรีส์ ที่ถูกพัฒนาสำหรับ Huracán โดยเฉพาะและมีขนาดยางหน้า 245/30ZR20 และ 305/30ZR20 ที่ล้อหลัง ล้อที่เบากว่ากับดีไซน์ก้านคู่ขนาด 20 นิ้วถูกผลิตด้วยเทคโนโลยี flow form ในชื่อ "Mimas" นั้นเป็นออฟชั่นให้เลือกสั่งได้ ภายใต้ล้อใหญ่นี้มีระบบเบรกชั้นดีและใช้เทคโนโลยีคาร์บอนเซรามิก จานเบรกคาร์บอนทั้งสี่มีช่องระบายอากาศภายในและเจาะรูเพื่อทำให้การระบายความร้อนที่รวดเร็วขึ้น พวงมาลัยไฟฟ้าแบบแรคแอนพีเนียน พกพาความสามารถด้วยระบบ Lamborghini Dynamic Steering ผกผันอัตราทดได้เหลือเชื่อที่ 100% ช่วงล่างดับเบิ้ลวิชโบนทั้งหน้าและหลังใช้ปีกนกคู่อัลลอย โช้คอัพแม่เหล็กไฟฟ้าปรับค่าความแข็ง-อ่อน Magneto rheological ปรับความแข็งขึ้นตรงต่อโหมดการขับเคลื่อน 3 รูปแบบได้แก่ Strada / Sport / Corsa








โครงสร้างของ Lamborghini Huracan นั้นมีการบิดตัวในโค้งน้อยมาก ระบบ LPI เปรียบได้กับประสาทส่วนกลางของเจ้ากระทิงจอมโหด วิศวกรออกแบบให้ใช้ไจโรสโคป 3 ตัว และ Accelerometer อีก 3 ตัวติดตั้งเอาไว้ที่จุดศูนย์ถ่วงของรถ เจ้านี่จะเข้ามาควบคุมทุกอย่างในแบบ Real - Time โดยระบบประสาทส่วนกลางของเจ้าวัวป่า Evolution จะทำการสั่งงานไปที่พวงมาลัย ช่วงล่าง ระบบขับเคลื่อน ระบบ ESP ชุดเกียร์และการทำงานของเครื่องยนต์!! ทำให้ Lamborghini Huracan Evo ตอบสนองต่ออาการทุกอย่างแทบจะในทันทีและในทุกกรณี ช่วงล่างแบบปีกนกคู่หรือดับเบิ้ลวิชโบนทำจากอัลลอยที่ผนวกกับโช้คอัพไฟฟ้าแบบปรับได้ รวมถึงพวงมาลัยเพาเวอร์กึ่งไฟฟ้าที่สามารถปรับอัตราทดการหักเลี้ยวให้ไวขึ้น พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถส่งแรงบิด 50% ไปที่ล้อหน้าผ่านเฟืองอิเล็กทรอนิกส์ หรือผกผันจัดแรงบิดเต็มๆ 100% ไปยังล้อหลังผ่านเฟืองท้ายแบบกลไกเพื่อทำให้ส่วนท้ายยึดเกาะได้มากยิ่งขึ้นในบางจังหวะจะโคน




รอบที่ 4 ผมปรับไปที่โหมดการทำงานสูงสุดหรือ Corsa เมื่อเข้าสู่โหมดโหดสุด กระทิง Evolution จะปรับทุกสิ่งทุกอย่างขององคาพยพสำหรับการทำความเร็วแบบสูงสุด เครื่องยนต์จัดความดุให้อย่างเต็มเหนี่ยว เกียร์ปรับจากโหมด Auto มาเป็น Manual ที่คนขับจะต้องทำการชิฟเกียร์เอง แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางหรือแรงจีอัดร่างกายผมอย่างหนักหน่วงเมื่ออยู่กลางโค้ง 10 ของสนามพีระเซอร์กิต นี่คือโค้งความเร็วต่ำที่สุดยอดฝีมือหลายคนเคยทำผิดพลาดมาแล้ว เป็นโค้งยูเทิรน์ความเร็วต่ำที่ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่หากคุณพลาดมันก็จะพาคุณบานออกจากแทรคได้อย่างง่ายดายชนิดฉับพลันทันทีหากใช้ความเร็วมาสูงมากเกินไป เครื่องยนต์ V10 แบบหายใจเองไม่มีระบบอัดอากาศคอยช่วยเหลือของเจ้าวัวตัวกลั่นมีฝาสูบใหม่หมด หัวฉีดแบบพอร์ตอินเจคชั่นผ่านมาตรฐาน EURO-6 คุณสามารถลากมันได้ถึง 8,700 รอบต่อนาที การใช้ระบบ Auto Start/Stop และระบบตัดการทำงานของบางสูบช่วยลดภารกรรมของเครื่องยนต์ลงได้ถึง 11% เกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีดในโหมด Corsa ที่ต้องเปลี่ยนเกียร์เอง กดแป้น Paddle Shift แต่ละครั้งสัมผัสได้ถึงการจับตัวของชุดคลัตช์ กลไก Electronic 4WD ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ มีส่วนช่วยทำให้เวลาต่อรอบในสนามพีระลดลงมาก นอกจากเป็นรถซุปเปอร์คาร์ขับสี่ที่ดิบโหดแล้ว ยังมีความสวยงามแบบดุสุดด้วยรูปทรงที่แบนเตี้ยราวกับยานต่างดาว!




รอบสุดท้ายที่สื่อมวลชนทุกคนผลักดันตัวรถเข้าสู่โหมด Corsa ซึ่งเป็นโหมดท้ารบ ผมกลับปล่อยมาใช้โหมด Sport ให้ระบบควบคุมของมันทำงานไปตามเรื่องตามราวพร้อมกับผ่อนคันเร่งลงเพื่อดื่มด่ำกับจักรกลพิฆาตซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาขับมันอีกครั้ง การยกคันเร่งในจังหวะของการเลี้ยวโค้ง น้ำหนักของ Huracan Evo จะถ่ายออกด้านนอกของโค้งทำให้ส่วนท้ายของมันเบาขึ้นในชั่วขณะหนึ่ง การกระทำดังกล่าวช่วยให้มือระดับเกจิสามารถดริฟท์เจ้าวัวได้อย่างคล่องคอท่ามกลางควันของยางที่เริ่มไหม้อย่างรุนแรง นับเป็นลัมโบร์ที่ดิบเถื่อนและแสดงออกถึงความโหดที่พร้อมชวนทะเลาะได้ทุกเมื่อเท่าที่คุณต้องการ.
Lamborghini Huracan Evolution ราคาเริ่มต้น 24,590,000 บาท

ข้อมูลทางเทคนิค Lamborghini Huracan Evolution
เฟรมตัวถัง.....................อะลูมิเนียม คาร์บอนไฟเบอร์
พื้นผิวตัวถัง....................อะลูมิเนียม
ระบบกันสะเทือน...............ปีกนกคู่ ดับเบิ้ลวิชโบน
ระบบควบคุมการทรงตัว.......ESC
ระบบบังคับเลี้ยว...............พวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดแปรผัน LDS
ล้อและยาง
ล้อหน้า......................... อัลลอย 8.5jx20 245/30ZR20
ล้อหลัง..........................อัลลอย 11jx20 305/30ZR20
ระบบเบรก
ด้านหน้า........................จานเบรกคาร์บอนเซรามิก พร้อมคาร์ลิปเปอร์ 6 พอต
ด้านหลัง........................จานเบรกคาร์บอนเซรามิก พร้อมคาร์ลิปเปอร์ 4 พอต
เครื่องยนต์
แบบเครื่องยนต์.................V10 90' LDS 4 วาว์ลต่อสูบ
ปริมาตรความจุ.................5.2 ลิตร
กระบอกสูบxช่วงชัก.............84.5 mm x 92.8 mm
อัตราส่วนกำลังอัด...............12.7:1
กำลังสูงสุด.......................470 กิโลวัตต์ 640 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด.....................600 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที
มาตรฐานมลพิษ..................EURO-6
ระบบขับเคลื่อน...................4WD
ระบบส่งกำลัง.....................เกียร์ทวินคลัตช์ LDF 7 Speed
สมรรถนะ
อัตราเร่งจาก 0-100...........2.9 วินาที
อัตราเร่งจาก 0-200...........9.0 วินาที
ความเร็วสูงสุด...................325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มิติตัวรถ
ความกว้าง.......................1,924 มิลลิเมตร
ความยาว.........................4,459 มิลลิเมตร
ความสูง...........................1,165 มิลลิเมตร
ฐานล้อ.............................2,620 มิลลิเมตร
ความกว้างฐานล้อหน้า...........1,668 มิลลิเมตร
ความกว้างฐานล้อหลัง...........1,620 มิลลิเมตร
อัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก....43:57
น้ำหนักรถ.........................1,422 กิโลกรัม
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/