เป็นเวลา 60 ปีที่รถเล็กระดับโลกอย่าง MINI โลดแล่นอยู่ในวงการยนตรกรรม จากดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยที่ผันแปรไปตามกระแสของความเปลี่ยนแปลง จากบริษัทอังกฤษผู้ต่อตั้งและครอบครอง ต้องระหกระเหิน เปลี่ยนมือมาเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำของเยอรมนีอย่าง BMW Group ผู้ครอบครองที่แท้จริงในปัจจุบัน อัตลักษณ์แห่งรูปทรงและการขับขี่ของมันยังคงดำรงอยู่อย่างมั่นคง นี่คือจักรกลเดินทางขนาดกะทัดรัด ที่มีประสิทธิภาพของการขับขี่ในระดับดีเยี่ยม DNA ของมันเริ่มต้นขึ้น ด้วยการเป็นรถยนต์ขนาดเล็กราคาประหยัดเพื่อการใช้งานของบุคคลทั่วไป หลังจากนั้นความนิยมที่พุ่งสูงขึ้น แปรเปลี่ยนให้ดีไซน์กลายเป็นต้นแบบของรถเล็กยอดนิยม มันกลายเป็นแฟชั่นที่ระบาดอย่างรวดเร็ว จากภาพยนตร์และตำนานในวงการมอเตอร์สปอร์ตที่ไม่เคยเป็นสองรองใคร

...

แนวคิดในการสร้างรถเล็กของคนอังกฤษคันนี้ เกิดขึ้นในยุค 1950 ยุคที่รถยนต์คันโตกำลังกลายเป็นที่นิยม ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง MINI จึงดูเหมือนเป็นรถยนต์ที่สวนกระแสความต้องการของผู้คนในยุคนั้น มันเล็กกะทัดรัด แต่สามารถใส่คนที่มีรูปร่างปกติถึงสี่คน ลงไปในห้องโดยสารได้เหมือนรถยนต์ทั่วไป รถ MINI ทุกคันยังมอบความรู้สึกดียามขับขี่แตกต่างจากรถยนต์อื่นๆ มันคล่องแคล่ว ปราดเปรียวและมีพวงมาลัยที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็น Cooper ในยุค 1960 หรือในปัจจุบัน จุดประสงค์ของ Sir Alec Issigonis ผู้ออกแบบในการสร้างยานพาหนะที่ยาวไม่เกิน 120 นิ้ว ถูกสานต่อโดย BMW ในปี 1999 และพวกเยอรมันก็ลงมือลงแรงอย่างหนักเพื่อทำให้มันขับได้ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน

จุดเด่นของ MINI ยุคแรกอยู่ที่ไฟหน้าและกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงการจัดสรรพื้นที่ภายในอันสุดยอด รถ MINI ในยุค 1950 วางเครื่องยนต์ที่มีความจุ 848 ซีซี และตามด้วยเครื่อง 948 ซีซีเพื่อสมรรถนะที่ดีขึ้นตามการเรียกร้องของลูกค้า ส่วน MINI Cooper เครื่องยนต์ 1,275 ซีซี สามารถคว้าชัยชนะเหนือรถสปอร์ตอย่าง Ferrari ใน Monte Carlo Raslly ปี 1964 ได้สร้างความตื่นตะลึง ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตของโลก และถูกกล่าวขานมาจนถึงทุกวันนี้

...

...

MINI ถูกเปิดตัวในปี 1961 ระบบห้ามล้อใช้จานเบรกเหล็กขนาด 7 นิ้ว นับว่าเป็นจานเบรกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก รุ่น Cooper S ในยุคนั้นมีขนาดจานดิสเบรกใหญ่ขึ้นมาอีกเล็กน้อยที่ 7.5 นิ้ว ส่วน MINI รุ่นมาตรฐานใช้เบรกแบบดรัมเบรกทั้งสี่ล้อในปี 1961 นักทดสอบรถยนต์บางคนให้ความเห็นว่ามันมีเบรกที่ดีกว่ารุ่นดิสเบรกด้วยซ้ำ ระบบบังคับเลี้ยวแบบแรคแอนพีเนียน ถูกออกแบบให้คมและไว เมื่อมาอยู่ในรถที่มีฐานล้อสั้นมาก มันจึงทั้งปราดเปรียวและคล่องแคล่ว สามารถสื่อสารโดยถ่ายทอดสภาพถนน ตรงสู่ข้อมือของคนขับได้อย่างหมดจด จวบจนถึงทุกวันนี้ พวงมาลัยใน MINI รุ่นใหม่ก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ล้อขนาด 10 นิ้วในตัวรถโมเดลแรกๆ ผลิตจากบริษัท Dunlop ซึ่งทำการออกแบบยางที่ใช้สำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ รถ MINI ในอดีตมีรุ่นแยกย่อยให้เลือกใช้มากมายไม่แตกต่างจาก MINI ในปัจจุบัน โดยเริ่มจากแฮตช์แบคสามประตู แวนก้อนสามประตู จี๊ป กระบะ และแบบเปิดหลังคา

...

เมื่อ MINI Cooper คันแรกปรากฏตัวขึ้นในยุคนั้น ความเร็วไม่ใช่ประเด็นหลักของการสร้างรถเล็กแต่ Cooper ทุกคันมีแฮนด์ลิ่งที่ดี แม้กำลังจากเครื่องตัวจิ๋วจะอยู่ในระดับอนุบาล Cooper รุ่นแรกสุดคันเล็กนิดเดียว ใช้เครื่อง 4 สูบที่ใหญ่กว่าเครื่องรถตัดหญ้าไม่มากนัก ระบบจ่ายเชื้อเพลิงของหนูเล็กเด็กอังกฤษเป็นแบบคาร์บูเรเตอร์คู่ พร้อมความจุ 997 ซีซี 55 แรงม้า หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1963 MINI โฉมใหม่ก็โผล่ตามออกมาด้วยสมรรถนะที่สูสีกับรถโมดิฟาย รุ่น Cooper S มีความจุเครื่องยนต์ 1,071 ซีซี โฉมแรกเป็นรถที่ยอดเยี่ยมและสร้างขึ้นมาสำหรับการขับอย่างแท้จริง ส่วน Cooper รุ่นเครื่องยนต์ 970 ซีซี ที่ผลิตตามกฎการแข่งขันรถยนต์มีความดุดันมากสุดในบรรดา Cooper S ทั้ง 3 รุ่น

Cooper S รุ่นเครื่องยนต์แรงสุดในยุคนั้นมีปริมาตรความจุ 1,275 ซีซี เป็นรถที่นักสะสมต้องการมากที่สุด กำลัง 76 แรงม้า บนเรือนร่างที่เล็กราวกับรถกระป้อสามารถพาคุณไปที่ไหนก็ได้ด้วยความฉับไว MINI Cooper S ในยุคแรกเริ่มยังติดตั้งกันสะเทือนแนวรถโกคาร์ทและระบบเบรกแบบดิสพร้อมคันเร่งแบบสายสลิงที่ตอบสนองได้อย่างเฉียบคม มีรถเล็กเพียงไม่กี่คันที่ทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และหนึ่งในนั้นก็คือรถยี่ห้อ MINI

อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นรถเล็กรุ่นแรกๆ จากประเทศอังกฤษที่มีบางจุดบางตำแหน่งจะต้องได้รับการแก้ไข เนื่องจากท่านั่งขับที่ไม่ค่อยจะได้เรื่อง ช่วงล่างแข็งมากและมีอาการสั่นสะท้านเมื่อเจอกับผิวถนนขรุขระ แต่การขับที่ดีของมันทำให้เกิด MINI รุ่นอื่นๆ ตามออกมาอีกเพียบ หลังจากการล่มสลายของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอังกฤษ BMW Group ได้เข้ามาควบรวมกิจการของ MINI โดยซื้อต่อมาจาก Rover Group ในปี 1998 ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในแบบที่ทำให้แฟนคลับ MINI ถึงกับอึ้ง

ยุคสมัยของ MINI เดินทางผ่านกาลเวลามานานถึง 60 ปี ย้อนกลับไปในปี 2012 MINI ที่ผลิตโดย BMW Group มีรุ่นให้เลือกมากมายตามความนิยมและรูปแบบของการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป มันสามารถครอบคลุมตลาดรถเล็กด้วยรถสปอร์ตสามประตูสมรรถนะสูงในรุ่น MINI Coupe John Cooper Work 210 แรงม้า โรสเตอร์เปิดหลังคาในรุ่น MINI Cooper S Roadster รถสเตชั่นแวนกอนในรุ่น MINI Cooper CLUBMAN หรือแม้แต่รถลุยแบบ Crossover ขับเคลื่อนสี่ล้อ เจ้า MINI ก็ยังมีรุ่น Countryman Cooper S 187 แรงม้า ที่ขับขี่ได้ถึงสองบุคลิกภาพ ปัจจุบัน MINI ภายใต้ร่มธงของ BMW มีความทันสมัยขึ้นมาก มีรูปทรงที่โดนใจทั้งคนรุ่นใหม่และเก่า MINI ขายได้กว่า 1.5 ล้านคันนับจากปี 2001 เป็นรถยนต์ที่ทำกำไรให้กับ BMW ได้อย่างน่าชื่นชม ตัวถัง 6 แบบพร้อมเครื่องยนต์ที่มีให้ใช้ทั้งเบนซิน เบนซินอัดเทอร์โบ ดีเซลเทอร์โบ และมอเตอร์ไฟฟ้า

ปลายปี 2015 MINI ภายใต้ร่มธงของ BMW Group ได้สร้างความตกตะลึงให้กับแฟนคลับรถเล็กด้วยการเปิดตัว Cooper S Clubman รหัส F54 ภายในงานแสดงรถยนต์ โตเกียวมอเตอร์โชว์ ด้วยขนาดตัวถังใหญ่น้องๆ Series-3 Touring!! เป็นรถ MINI ที่มีความยาวมากสุดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท MINI Cooper S Clubman 2015 มาพร้อมกับความโดดเด่น เรือนร่างที่ใหญ่โตมโหระทึก เปิดพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่เคยคับแคบให้กว้างขวางสะดวกสบาย

2017 MINI เปิดตัว Clubman รุ่นพิเศษ John Cooper Work เป็นการเดินตามแนวทางของงานตกแต่งของสำนัก John Cooper Work เพื่อสร้างความแตกต่างที่กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกระหว่างรุ่นมาตรฐานและรุ่นพิเศษที่มีทุกอย่างเหนือกว่า! MINI John Cooper Work Clubman 2019 มีมิติตัวถังภายนอกใหญ่โตราวกับรถสเตชั่นแวกอนไซส์ครอบครัว โดยมีความยาว 4,253 มิลลิเมตร ยาวกว่า MINI Cooper S รุ่น 5 ประตูถึง 270 มิลลิเมตร! ขนาดความกว้างของตัวถังนั้นมากถึง 1,800 มิลลิเมตร มากกว่ารุ่น 5 ประตู 90 มิลลิเมตร เป็นตัวเลขความกว้างที่ขึ้นไปสูสีกับ BMW Series-3 สัดส่วนความสูงของ John Cooper Work Clubman รุ่นใหม่อยู่ที่ 1,441 มิลลิเมตร ห้องโดยสารออกแบบอย่างชาญฉลาด ทำให้พื้นที่เหนือศีรษะโปร่งโล่งในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สำหรับรถที่แอบอิงกับความกะทัดรัดมากเป็นพิเศษอย่าง MINI การออกแบบ Clubman รุ่นใหม่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมาย ซึ่งมีทั้งชอบและไม่ชอบ ส่วนจุดเด่นของมันนอกจากขนาดตัวถังที่โตขึ้นทุกสัดส่วนแล้ว พื้นที่เก็บของก็ยังมากกว่า Clubman รุ่นเก่า โดยมีพื้นที่เก็บสัมภาระส่วนท้าย 360 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังลงราบกับพื้น จะมีพื้นที่สำหรับขนของมากถึง 1,250 ลิตร!! 

John Cooper Work Clubman โฉมปัจจุบันยังมีการปรับหน้าตาภายนอกให้มีความโหดมากกว่ารุ่นมาตรฐาน งานตกแต่งตัวถังไล่จากกันชนหน้า JCW กระจังหน้าแบบตะแกรงสีดำแปะตราสัญลักษณ์ John Cooper Work สีแดง ชุดกระจังหน้าล้อมกรอบด้วยงานพลาสติกโครเมียมสีเงิน สัญลักษณ์ John Cooper Work ยังบ่งบอกถึงการทำตัวเป็นรถแวนสไตล์สปอร์ตที่พกพาฝูงม้ามาไม่ใช่น้อยๆ กำลังอันเหลือเฟือของ John Cooper Work Clubman สำหรับสร้างความสนุกหลังพวงมาลัย ด้วยแรงม้า 230 ตัวใต้ฝากระโปรง จากการเบ่งพลังงานของเครื่องเบนซิน 2 ลิตรอัดอากาศด้วยเทอร์โบแปรผัน ไฟหน้าแบบใหม่พร้อมไฟ LED Daytime Running Lights ไฟตัดหมอกทรงกลม พร้อมชิ้นงานประดับประดาเพื่อทำให้มันมีความหรูหรา แต่ก็มีราคาแพงมากเช่นกัน!

John Cooper Work Clubman เวอร์ชันล่าสุดมีด้านข้างที่คล้ายคลึงกับรถแวนหรือรถสเตชั่นแวนกอน ซึ่งเป็นตัวถังยอดนิยมในยุโรป สไตล์แบบ 5 ประตูทรงยาวมีขนาดความยาวของฐานล้อ วัดจากดุมล้อหน้าไปหลัง 2,670 มิลลิเมตร เสาหน้าและแนวผืนหลังคาหนาบึ้ก ทำให้เสากลางและเสาท้ายต้องหนาตามไปด้วยแบบเลี่ยงไม่ได้ กระจกมองข้างทรงกลม แนวด้านข้างของตัวถังไร้เส้นสายรกๆ โดยออกแบบให้มีความไหลลื่นมากกว่าเดิม หลังคากระจก Panoramic สองชิ้นยาวไปจนถึงด้านหลัง หลังคาสีแดง Chili rad แสบไส้ตัดกับสีเขียว rebel green ของตัวถังพร้อมสติกเกอร์สีแดงที่คาดอยู่บนฝากระโปรง ด้านข้างบริเวณบานประตู ซุ้มล้อกรุด้วยพลาสติกกันกระแทกสีดำ ล้ออัลลอย John Cooper Work ขอบ 19 นิ้ว ลาย 5 ก้าน สีดำสลับสีเงิน ห่อรัดด้วยยาง Bridgestone รุ่น Potenza S001 ไซส์ 225/35 R19 88Y RTF เป็นยางรันแฟลตแก้มแข็งที่ไม่ต้องพกยางอะไหล่ให้หนักท้ายรถ

John Cooper Work Clubman 2019 มีฝาท้ายสไตล์ตู้กับข้าวที่แปลกประหลาดแต่ใช้งานได้จริงและกลายเป็นจุดขายที่แตกต่างไปจาก MINI รุ่นอื่น ฝาท้ายเปิดออกได้แบบแยกส่วนซ้าย-ขวาออกจากกัน โดยต้องใช้การเปิดฝาท้ายที่ด้านขวาก่อนเสมอ ส่วนการปิดก็ต้องดันมือปิดฝาท้ายด้านซ้ายก่อนทุกครั้ง พอเปิดออกพร้อมๆ กันทั้งสองบาน มันจะมีมุมมองคล้ายการเปิดตู้กับข้าวในสมัยโบราณ ไฟท้ายทรงยาวแปลกตา เป็น MINI รุ่นเดียวที่มีไฟท้ายแตกต่างไปจากพี่น้องร่วมสายพันธุ์ ซึ่งมักใช้ไฟท้ายทรงเหลี่ยมที่มีขนาดเล็ก ไฟท้ายของ John Cooper Work Clubman ใช้หลอดไฟแบบ LED ที่มีความคมชัดและสามารถเปลี่ยนสีได้ โดยเฉพาะสีของไฟเลี้ยวและไฟเบรกกับไฟหรี่ตอนกลางคืน มือจับที่เปิดฝาท้ายออกแบบให้มีขนาดความยาวที่มากกว่า Clubman รุ่นเก่า สปอยเลอร์หลังติดตั้งแผ่นพลาสติกสะท้อนแสงสีแดง กระจกบานหลังที่ติดกับฝาท้ายยังมีใบปัดน้ำฝนแบบแยกส่วนซ้าย-ขวา เสาอากาศทรงครีบปลาฉลามมีไฟกะพริบสีแดงของระบบป้องกันการโจรกรรมติดตั้งอยู่ด้านบน ทำให้ทรงของบั้นท้ายใน JCW Clubman มีความทันสมัยน่าใช้งาน ผสมกับความแปลกตาจากการออกแบบที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนกับรถยี่ห้อใดทั้งสิ้น!!

ห้องโดยสารมีกลิ่นของ MINI ยุคใหม่ แดชบอร์ดคอนโซลกลางนั้นถูกออกแบบให้มีรูปทรงเฉพาะตัว แตกต่างจากพี่น้องร่วมวงศ์ตระกูล MINI อย่างชัดเจน ขนาดความกว้างของตัวถังทำให้ต้องดีไซน์แดชบอร์ดให้ใหญ่ตามไปด้วยแบบเลี่ยงไม่ได้ จอแสดงผลกลางคอนโซลขนาด 8.8 นิ้ว ล้อมกรอบจอภาพมอนิเตอร์ด้วยหลอด LED ทรงกลม พวงมาลัย John Cooper Work แบบ 3 ก้าน มีสวิตช์มัลติฟังก์ชันใช้สำหรับปรับตั้งระบบต่างๆ เพียบ รวมไปถึงแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift งานดีไซน์ปุ่มแตรทรงกลมที่น่ารักน่าชัง แดชบอร์ดผลิตขึ้นรูปด้วยโฟมหุ้มด้วยงานหนังสังเคราะห์ เดินตัดขอบตรงกึ่งกลางคอนโซลด้วยงานพลาสติกสีดำที่ทำออกมาคล้ายคาร์บอนไฟเบอร์ เป็นคอนโซลแดชบอร์ดที่มีขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับ MINI รุ่นอื่น

เบาะ John Cooper Work หุ้มด้วยหนัง Alcantara สีเทาตัดขอบด้วยการเย็บผ้าไนลอนสีแดงออกแนวซิ่ง เบาะคู่หน้าไม่มีระบบปรับไฟฟ้าและยังคงใช้การปรับด้วยมือเหมือนเดิม! ความกว้างที่เพิ่มขึ้นของ John Cooper Work Clubman มอบพื้นที่กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเบาะนั่งทั้งสี่ตำแหน่ง เบาะคู่หน้าปรับท่านั่งได้ครอบคลุมสรีระของคนขับมากขึ้น และเพิ่มพื้นที่เบาะโดยสารด้านหลังมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่วางเท้าหรือพื้นที่เหนือศีรษะ เบาะหลังยังสามารถพับแยกได้แบบ 60:40 สำหรับช่องเก็บสัมภาระที่ฝาท้ายเพิ่มความจุมากขึ้นเป็น 360 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังจะมีพื้นที่มากถึง 1,250 ลิตร แม้จะเป็นรถแวนคันเล็กๆ แต่มีการเพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการบรรทุกสัมภาระได้มากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับ Clubman รุ่นที่แล้ว

หัวใจสำคัญของการออกแบบใหม่ล่าสุดก็คือ หน้าจอแสดงผลและคอนเซปต์การทำงานรูปแบบใหม่ บนแผงหน้าปัดบริเวณแกนพวงมาลัย ด้วยหน้าปัดดีไซน์วงกลมสไตล์ MINI แสดงผลความเร็ว อัตราเร่ง และปริมาณน้ำมัน โดยหน้าปัดวัดความเร็วแสดงผลในรูปแบบสี ซึ่งบอกสถานะของเครื่องยนต์ได้อีกด้วย John Cooper Work Clubman เพิ่มลูกเล่นให้การขับขี่ในทุกเส้นทางได้อย่างเพลิดเพลิน เทคโนโลยี LED ใหม่ล่าสุดที่สามารถเปลี่ยนสีไฟรอบวงแหวนหน้าปัดแสดงผลกลางตามสถานะ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนน หรือการทำงานของฟังก์ชันต่างๆ ตามความพึงพอใจของผู้ขับขี่ เช่น ขณะระบบควบคุมระยะการจอด (PDC) ทำงาน วงแหวนจะแสดงระยะห่างระหว่างรถกับสิ่งกีดขวางด้านหลังรถ ด้วยการแสดงผลในสีต่างๆ ตามระยะความใกล้กับสิ่งกีดขวางหลังรถ ได้แก่ สีเขียว เหลือง หรือแดง นอกเหนือจากการแสดงผลกราฟิกบนหน้าจอ รวมถึงการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ที่สามารถเห็นได้จากสีต่างๆ ได้แก่ สีเขียว สีส้ม หรือสีแดง เป็นต้น นอกจากนี้ยังแสดงไฟสถานะสำหรับแนะนำเส้นทางของระบบแผนที่นำทาง MINI Navigation ซึ่งเมื่อรถเข้าใกล้จุดหมายปลายทางมากขึ้นเท่าไร แถบไฟบนวงแหวนก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย

John Cooper Work Clubman ขับเคลื่อนด้วยพลังของเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo เพิ่มความสนุกเต็มสูบขณะขับขี่พร้อมประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ด้านต่างๆ มอบกำลังสูงสุด แต่สามารถลดช่วงของรอบการหมุนของเครื่องยนต์ลง รวมถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และลดการสิ้นเปลืองพลังงาน

การตอบสนองอันฉับไวคือการออกแบบที่ดีในเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่จาก MINI แรงบิดที่เป็นเอกลักษณ์และกำลังขับเคลื่อนที่เหมาะสมกับขนาดและน้ำหนัก MINI New Clubman รุ่น John Cooper Work  มาพร้อมพลังขับเคลื่อนถึง 230 แรงม้า สำหรับเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ วางตามขวางขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยระบบ MINI All4 เครื่องยนต์สามารถสร้างแรงบิดสูงกว่า 350 นิวตันเมตรที่ 4500 รอบต่อนาที โดยจะเพิ่มแรงฉุดลากหรือแรงบิดสูงสุดด้วยโอเวอร์บูสต์จากชุดอัดอากาศแบบ Twin scroll turbocharger พร้อมด้วยเวสเกตไฟฟ้า ระบบเกียร์อัตโนมัติที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ เป็นเกียร์ขับหน้าที่มีอัตราทดมากถึง 8 สปีด พร้อมโหมดเกียร์ธรรมดาสำหรับขาแรงที่ชอบสับเกียร์เอง มอบประสบการณ์การขับขี่สไตล์ MINI อย่างเต็มที่ รวมถึงช่วยเสริมประสิทธิภาพของเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนอีกด้วย

ระบบส่งกำลังแบบใหม่ JCW Clubman ใช้เกียร์อัตโนมัติขับหน้ารุ่นใหม่ 8 อัตราทดนี้เชื่อมการทำงานกับระบบเปิด/ปิดการทำงานของเครื่องยนต์ของ MINI โดยอัตโนมัติเป็นครั้งแรก ช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในสภาพการจราจรที่แออัด เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยเพิ่มความสามารถของหลักการเทอร์โมไดนามิกส์หรือการเปลี่ยนความร้อนเป็นพลังงาน พร้อมกับระบบคอมมอนเรล ไดเรค อินเจคชั่น ซึ่งสร้างความดันสูงสุดในการฉีดจ่ายเชื้อเพลิง มอบศักยภาพการฉีดน้ำมันไปยังห้องเผาไหม้ที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน

ชุดบังคับเลี้ยวหรือพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า มอบการปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะสมกับโหมดขับเคลื่อนรวมถึงความเร็ว ช่วยให้ควบคุมพวงมาลัยได้ง่ายและแม่นยำ เทคโนโลยีของระบบเบรกอันล้ำสมัย เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สร้างสุนทรียภาพขณะขับขี่เกิดจากการพัฒนาการทำงานและน้ำหนักของระบบเบรก ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีความเฉพาะตัวตามแต่ละโมเดลมากยิ่งขึ้น ระบบใหม่นี้มอบความประทับใจในความทนทานยอดเยี่ยมด้วยมวลเฉื่อยนอกสปริงที่มีค่าต่ำ ส่งผลให้ความสะดวกสบายขณะขับขี่เพิ่มขึ้น รวมถึงความแม่นยำของการควบคุมแรงเบรกและอายุการใช้งานของผ้าเบรกที่ยาวนานขึ้น

MINI Connected มาพร้อมกับฟังก์ชัน MINI Visual Boost Radio ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนภายในรถ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ฟังก์ชันที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การสื่อสารผ่าน Facebook และ Twitter ผ่านหน้าจอแสดงผล และฟังก์ชันเพื่อเพิ่มความบันเทิงระหว่างขับขี่ เช่น Dynamic Music ที่ปรับเปลี่ยนโทนช้า/เร็ว ตามอัตราความเร็วของรถได้ ผ่านทางแอปพลิเคชัน MINI Connected บนสมาร์ทโฟนที่ใช้เชื่อมต่อ โดยมีจำนวนฟังก์ชันใหม่ที่รองรับการใช้งานผ่าน MINI Connected นี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ John Cooper Work Clubman ที่ติดตั้ง MINI Connected ยังเชื่อมต่อการแสดงผลจากกล้อง GoPro มาไว้บนหน้าจอแสดงผลในรถได้เป็นครั้งแรก ทำให้ผู้ขับสามารถสั่งงานการเปิด/ปิดการบันทึกภาพได้จาก MINI Touch Controller ในรถได้โดยตรง

John Cooper Work Clubman เป็นรถแวนกึ่งแฮตช์แบคที่ขับสนุกและสามารถขนสัมภาระติดตัวไปได้มากกว่า MINI ทุกรุ่นในปัจจุบัน รถรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อการขับขี่ที่สนุกสนานและใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน การเลือกใช้ตัวถังแบบ 5 ประตู พร้อมฝาท้ายเท่ๆ ที่ไม่เหมือนใครทำให้ John Cooper Work Clubman มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างไปจาก John Cooper Work รุ่นอื่นๆ การมีเครื่องยนต์ที่แรงขึ้นกับประตูบานหลังที่ทำให้เพื่อนๆ เข้าออกได้อย่างสะดวกรวมถึงระบบรองรับที่ไม่สามารถปรับได้สร้างความแตกต่างระหว่างการใช้งาน Clubman รุ่นมาตรฐานเป็นรถขับสนุกเมื่อเทียบกับ MINI รุ่นอื่นแต่ John Cooper Work Clubman ได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

บนหน้ากระดาษที่กำหนดคุณลักษณะเฉพาะ John Cooper Work Clubman เป็นรถแวนที่แสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความสามารถในการขับเคลื่อน เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Twin Scroll Turbo มีพลังงาน 231 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 ใน 6.3 วินาที มันเป็นรถที่มีตีนต้นจี๊ดจ๊าดเร็วสูสีกับ BMW 630GT ทั้งๆ ที่มีความจุแค่ 1,998 cc อาวุธลับของมันก็คือฟังก์ชันโอเวอร์บูสที่จะปลดปล่อยพลังงานในช่วงสั้นๆ สำหรับการเร่งแซงหรือการขับที่ต้องการความรวดเร็ว  ผมรับรถทดสอบมาจากแวร์เฮาส์ของ BMW Group ในย่านสวนหลวงแล้วมุ่งหน้าออกไปขับทดสอบบนถนนพระรามสองจากกรุงเทพฯ ไปยังอำเภอสามร้อยยอดในจังหวัดประจวบฯ John Cooper Work Clubman เป็นรถที่มีบุคลิกภาพสองแบบ จะขับเรื่อยๆ ก็ใช้ได้หรือจะใช้โหมดสูงสุดแล้วไปให้เร็วขึ้นก็ดีทั้งนั้น ความมาดมั่นของพวงมาลัยและช่วงล่างแบบธรรมดาสามัญปรุงแต่งให้มันขับได้นิ่งและมั่นคงในย่านความเร็วสูง การถ่ายเทน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ดีเนื่องจากมีประตูบานหลังคอยถ่วงไม่ให้ส่วนท้ายเบาเกินไปซึ่งทำให้เกิดความเสถียรเมื่อใช้ความเร็ว 

ล้ออัลลอยสีดำลาย 5 ก้านของ JCW ขนาด 9Jx19 นิ้ว นั้นใหญ่กำลังดี ส่วนยาง Bridgestone Potenza S001 225/35 R19 88Y ก็เอาแต่แข็งและส่งเสียงดังไปตลอดทาง ไม่ว่าคุณจะวิ่งอยู่บนทางลาดยางเรียบๆ หรือถนนที่เทปูนมันก็ยังส่งเสียงดังหึ่งๆ แบบน่ารำคาญ เป็นยางรันแฟลตที่มีแก้มแข็งโป๊กราวกับหินและเมื่อยางแบนก็สามารถวิ่งต่อได้ถึง 80 กิโลเมตรในย่านความเร็วต่ำเพื่อหาร้านซ่อม จุดเด่นของยางรันแฟลตก็คือ คุณสามารถขับต่อไปได้แม้ลมยางจะรั่วออกมาจนหมดและไม่จำเป็นต้องพกพายางอะไหล่ไปให้หนักรถ แต่ข้อด้อยของมันก็คือความกระด้างของเนื้อยางและความแข็งของแก้มยางที่ออกแบบมาสำหรับการเอาตัวรอดเมื่อวิ่งไปทับกับสิ่งของมีคมพวกตะปูหรือหัวนอตแหลมๆ ที่มักจะทิ่มแทงยางราคาแพงของรถสปอร์ตราคาแพง คาร์ลิปเปอร์เบรก JCW สีแดงแบบ 4 พอตหน้าและซิงเกิ้ลพอตที่ด้านหลังช่วยหยุดยั้งฝูงม้า 231 ตัวได้ดี การถ่ายเทน้ำหนักขนาดเบรกก็ยอดเยี่ยมกว่าพี่น้องร่วมวงศ์ตระกูลทุกคัน ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ALL4 ของ MINI ทำให้ John Cooper Work Clubman เกาะถนนยังกับทากาวเอาไว้บนยาง แม้ตัวจะใหญ่แต่มันเป็นรถที่เลี้ยวมุมแคบได้อย่างเฉียบคมและเข้าโค้งได้เร็วสูสีกับพี่น้องร่วมวงศ์ตระกูล JCW จุดเด่นของมันก็คืออารมณ์แบบรถโกคาร์ทและความสามารถในการขนทั้งคนรวมถึงสัมภาระจำนวนมากได้เหนือกว่า MINI ทุกรุ่นนั่นเอง 

การเข้าถึงสมรรถนะได้อย่างง่ายดายหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากนักใน John Cooper Work Clubman มันเป็นรถแบบสปอร์ตแวกอนที่ขับได้ง่าย โหมดสปอร์ตให้เสียงท่อระบายท้ายที่เร้าใจพร้อมๆ กับการจงใจตั้งระบบจุดระเบิดให้ทำงานในช่วงวาล์วไอเสียเปิดจนสุด การกระทำแบบนั้นไม่ได้ช่วยทำให้รถแรงขึ้นแต่กลับสร้างเสียงระเบิดปุๆ ที่ช่วยกระตุ้นจิตวิญญาณของรถ MINI ได้อย่างสุดยอด เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ในรอบสูงคล้ายรถสปอร์ตยุคเก่าที่คุ้นเคยและไม่สร้างความผิดหวังให้กับการจ่ายเงินจำนวนมากถึง 3.5 ล้านบาทเพื่อแลกกับรถแวนคันเล็กที่ขับได้ดีดั่งใจ โหมดการขับขี่สามรูปแบบนั้นปรุงแต่งการขับของคุณตั้งแต่ขับไปรับลูกๆ ที่โรงเรียนจนถึงการขับแบบอัดเต็มสูบในสนามแข่ง ควรเลี่ยงโหมดประหยัดหรือ Green Mode เนื่องจากการตอบสนองของคันเร่งที่เฉี่อยแฉะและการเปลี่ยนเกียร์ที่ง่วงเหงาหาวนอน ถ้าอยากจะสนุกให้เต็มที่ก็ไปที่ Sport Mode ได้เลย รถทั้งคันจะตื่นตัวราวกับโดนฉีดด้วยสารกระตุ้นหรืออะดรีนาลีน คันเร่งไฟฟ้าและชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้ารวมถึงเครื่องยนต์และชุดส่งกำลังจะเฉียบคมยิ่งขึ้น เกียร์ 8 สปีด สับขึ้นลงอย่างว่องไวและให้การขับที่เร้าอารมณ์ในแบบฉบับของ MINI ที่แท้จริง

เมื่ออัดเข้าโค้งแรงๆ ระบบ ALL4 ทำหน้าที่ได้ดี ช่วยทำให้ล้อทั้งสี่เกาะติดกับพื้นถนน แต่หากเข้าโค้งแรงไปยางจะเริ่มส่งเสียงร้องโหยหวน แต่การยึดเกาะก็ไม่ได้ด้อยลงไปตามเสียงของยางที่แหกปากร้องครวญครางออกมา มันเป็นรถที่หันหัวได้เร็วราวกับงูจงอาง ในโค้งมุมแคบ ระบบช่วยทรงตัวเข้ามาแทรกแซงพอประมาณ คอยควบคุมล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 ตามความเร็วที่มันวัดได้จากการหมุนของล้อ ช่วยทำให้การยึดเกาะเพิ่มขึ้นรวมไปถึงช่วยลดอาการอันเดอร์สเตียร์หรืออาการหน้าดื้อโค้ง ผมชอบชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้ายุคใหม่ใน MINI เกือบทุกรุ่น โดยเฉพาะพวกตัวแสบอย่าง John Cooper Work ซึ่งมีกำลังมากกว่า MINI รุ่นมาตรฐาน ถึงแม้จะมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อคอยประคับประคองแต่อาการทอร์คสเตียร์หรืออาการดึงที่พวงมาลัยเมื่อออกตัวเร็วๆ ก็ยังคงอยู่ซึ่งทำให้รู้สึกสนุกมากกว่าจะทำให้รู้สึกเสียวสันหลัง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 ทำงานได้ดีในทุกย่านความเร็วและจะโดดเด่นจนเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อคุณไม่ยอมลดราวาศอกกับคันเร่งในโค้งมุมแคบ 

โดยภาพรวม John Cooper Work Clubman ให้อารมณ์ในการขับสองรูปแบบ มันเป็นได้ทั้งแกงจืดหมูสับที่ซดได้ลื่นคอเมื่อขับแบบเรื่อยๆ ไม่เน้นเร็ว แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่คุณอยากท้ารบกับรถที่มีกำลังสูสีกันมันจะกลายเป็นแกงไตปลาของคนใต้แท้ๆ ที่แอบแฝงความเผ็ดจนแสบปากร้อนท้อง เครื่องยนต์เบนซิน 2 ลิตร เทอร์โบเป็นขุมพลังที่หิวกระหายรอบสูง ด้วยเงิน 3.5 ล้านบาทจะทำให้คุณได้รถแวนในคราบของสปอร์ตคันเล็กที่แสนจะคล่องตัวเอาไว้ใช้งานพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่มากกว่ารถ MINI เกือบทุกรุ่น มนตร์เสน่ห์ของ John Cooper Work ใน Clubman ยังอยู่ครบถ้วนกระบวนความค่อนข้างขัดแย้งกับรูปลักษณ์ในแบบรถแม่บ้านของมันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้จะกวาดท้ายได้ไม่เก่งเหมือนรถขับเคลื่อนล้อหลังแรงๆ แต่คุณจะชอบความเสถียรของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ALL4 ช่วงล่างแข็งกำลังพอดีแม้ยางจะแข็งราวกับหินและชอบส่งเสียงดังหึ่งๆ แต่มันก็ให้อารมณ์ของการขับในแบบสปอร์ตแทบจะไม่แตกต่างไปจาก John Cooper Work รุ่นอื่น

ถ้าคุณกำลังมองหารถสปอร์ตสายแวกอนที่ท้าทาย Clubman รุ่นสูงสุดที่มีรุ่นปรับโฉมออกมาแล้วก็ถือว่าเป็นจักรกลที่ดีพอในการใช้งาน รุ่นใหม่ที่กำลังจะออกขายในไทยมีไฟท้ายลายธงอังกฤษที่สวยงามพร้อมของแต่งที่คล้ายกับตัวปัจจุบัน เมื่อสรุปว่ารถรุ่นนี้ดีหรือไม่ผมก็คงตอบว่ามันก็ดีมากแต่ไม่ใช่ทั้งหมด และถ้าจะให้เลือก John Cooper Work ระหว่างรุ่นหลังคาแข็ง Hatch รุ่นเปิดประทุน Convertible รุ่นออฟโรด Countryman และรุ่นแวกอน Clubman ผมคงเลือกรุ่นแวกอน เพราะมันมีสมรรถนะที่เหมาะสมกับการใช้งาน ขับสนุกและเข้าออกได้อย่างสะดวก เมื่อชอบรถเล็กพลังสูงที่มีความทันสมัย หลงใหลในเทคโนโลยีใหม่ๆ และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเมือง ชอบมีเพื่อนติดรถไปด้วยเสมอๆ John Cooper Work Clubman น่าจะเหมาะสมกว่า MINI ทุกรุ่นที่คุณเคยชอบละครับ.


MINI JOHN COOPER WORK CLUBMAN AUTOMATIC

Number of doors/seats  5 / 5
Length 4,253 mm width 1,800 mm height 1,441 mm
Wheelbase 2,670 mm
Track width,1,553 mm front/rear 1,555 mm
Turning circle 11.3 m
Fuel tank capacity approx.  48 L
Engine oil  5.25 L
Transmission oil incl. drivetrain l lifetime filling
Unladen weight according to DIN/EU 1)  1,490 / 1,565 kg
Payload according to DIN 530 kg
Permitted gross vehicle weight 2070 kg
Permitted axle loads, front/rear 1,085 / 1,030 kg
Permitted trailer load
braked (12 %) / unbraked 1,500 / 750 kg
Permitted roof load/permitted download 75 / 75 kg
Luggage compartment capacity 360 - 1,250 L
Aerodynamic drag cx / A / cx × A – / m2
/ m2  0.34 / 2.22 / 0.75


Type/no. of cylinders/valves in-line 4 / 4
Engine control MEVD 17.2.3
Capacity  1,998 cc
Bore/stroke 82.0 mm x  94.6 mm
Compression : 10.2:1 
Fuel RON 91–98
Output 170 Kw 231 Hp
at engine speed  5,000-6,000 rpm
Torque 350 Nm
at engine speed 1,450-4,500 rpm

Suspension
Front wheel suspension Single-joint McPherson spring strut axle with aluminium swivel bearing and anti-dive control
Rear wheel suspension Multilink axle with weight-optimised trailing arms
Brakes, front disc, vented 
Rear brakes disc, vented 

Driving stability systems Hydraulic 2-circuit brake system with anti-lock brakes (ABS), electronic
brake force distribution (EBD) and Cornering Brake Control (CBC), Dynamic Stability Control (DSC) with
brake assistant, hill start assistant, brake dry function, Fading Brake Support, Dynamic Traction Control
(DTC), Electronic Differential Lock Control (EDLC) and Performance Control; DSC control unit
interconnected with all-wheel drive system MINI ALL4, handbrake acts electrically on the rear wheels

Steering Electrically assisted EPS unit with Servotronic function
Overall steering ratio  14.0:1 

Tyres Bridgestone Potenza S001 225/35 R19 88Y 
Rims 9J × 19  John cooper work light alloy 


Transmission
Transmission type  8-speed Steptronic transmission

Driving performance figures
Power-to-weight ratio according to DIN 8.8 kg/kW
ower output per litre  85.1 kw/l
Acceleration 0–100 km/h 6.3s
Top speed  238 km/h

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/