BMW X1 รุ่นแรกเกิดจากการนำเอา BMW Series-3 Touring รุ่นเก่ามาผสมผสานกับตัวถังสไตล์ครอสโอเวอร์ แม้จะเป็นรถอเนกประสงค์ไซส์เล็กของแบรนด์ตราใบพัดที่ขับได้ดีแต่ดันมีหน้าตาที่ไม่ค่อยจะโดนใจ และมีห้องโดยสารที่คับแคบเกินไป BMW จึงแก้ข้อผิดพลาดดังกล่าวด้วย X1 เจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งมีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น ทำให้มีพื้นที่ของห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น รถ X1 รุ่นใหม่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกับ Series-2 Active Tourer ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ทำให้ X1 รุ่นใหม่ที่ขายในไทยต้องวางเครื่องยนต์ตามขวางแล้วเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจากรถขับหลังในเจนเนอเรชั่นแรกมาเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าในเจนเนอเรชั่นล่าสุด การวางเครื่องยนต์ตามขวางแม้จะเสียชาติพันธุ์ของรถยนต์ BMW ในอดีต แต่แลกกลับคืนด้วยพื้นที่ห้องโดยสารที่ใหญ่โตจุใจ พื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นอีก 85 ลิตร เป็น 505 ลิตร เบาะหลังแบบแยกสามส่วน เปิดพื้นที่ในการขนสัมภาระเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการปรับพับเบาะหลังเพื่อบรรทุกจักรยาน ทำให้ BMW X1 sDRIVE 18d M-Sport คันทดสอบมีความอเนกประสงค์มากกว่าเดิม

...


แรงบิดอันยอดเยี่ยมจากเครื่องยนต์ดีเซลของ BMW X1 sDrive 18d M-Sport 2016 สัญลักษณ์ i ใน New X1 หมายถึงรถรุ่นเครื่องยนต์เบนซินแบบ 3 กระบอกสูบ ส่วนอักษร d ที่ต่อท้ายหมายถึง X1 รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล เป็นการแยกย่อยรุ่นรถที่มีความหลากหลาย แต่ก็ทำให้เกิดความสับสนอยู่เหมือนกันสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารในวงการยานยนต์



BMW New X1 เป็นครอสโอเวอร์เจนเนอเรชั่นที่ 2 ของตระกูล X Family จาก X1 รุ่นแรกสุด รหัสตัวถัง E84 ที่เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2009 พร้อมกับยอดขายทั่วโลกมากถึง 730,000 คัน มาถึงปี 2016 กับการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ของ BMW Group จากความต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ของลูกค้าทั่วโลก ทำให้ BMW X1 เวอร์ชั่นล่าสุดถูกปล่อยออกมาเร็วกว่ากำหนดเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ New X1 นอกจากเรือนร่างที่ถ่ายแบบมาจาก X3 รุ่นพี่แล้ว เครื่องยนต์รุ่นใหม่ทั้งดีเซลและเบนซินยังเต็มไปด้วยประสิทธิภาพการตอบสนอง แรงบิด การยึดเกาะ พร้อมสไตล์การขับขี่ที่ให้อารมณ์ยานยนต์จาก BMW ถึงแม้จะทำตัวเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่ค่อนข้างขัดแย้งกับแนวทางของค่ายใบพัด ซึ่งผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังมาช้านานแล้ว แต่เทคโนโลยีใหม่ของแชสซีส์บวกตัวเลขการกระจายน้ำหนักที่ดี พร้อมกับแนวคิดลดชิ้นส่วนเพื่อลดน้ำหนัก ทำให้ BMW นำแนวคิดดังกล่าวมาผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัดพร้อมกลไกขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งถูกบรรจุอยู่ใน BMW New X1 โดยมีอักษรย่อของระบบขับเคลื่อน (sDRIVE) สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น New X1 แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะใช้อักษรย่อของระบบขับเคลื่อน (xDRIVE) เหมือนเดิม
...



...


มิติตัวถังมีความยาวรวม 4,439 มิลลิเมตร กว้าง 1,821 มิลลิเมตร สัดส่วนของความสูงอยู่ที่ 1,612 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มเติมพื้นที่เหนือศีรษะได้อีกเล็กน้อย ส่วนตัวเลขปริมาตรพื้นที่การเก็บสัมภาระของ X1 รุ่น sDrive 18d M-Sport อยู่ที่ 505 และ 1,550 ลิตร เมื่อพับเบาะผู้โดยสารตอนหลัง น้ำหนักทั้งคันอยู่ที่ 1,505 กิโลกรัม พอฟัดพอเหวี่ยงกับ X1 รุ่นแรก ไฟหน้าแบบใหม่และกระจังหน้าดูดีขึ้น รวมถึงไฟท้ายและฝาท้ายไฟฟ้าแบบใหม่ ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ยัดยาง 225/50R18 95W เป็นยางยี่ห้อ Bridgestone รุ่น Turanza ที่มีสมรรถนะปานกลาง
...








X1 รุ่น sDrive 18d M-Sport ราคา 2,599,000 บาท พร้อมชุดแต่ง M-Sport จัดเต็มสปอยเลอร์หน้า-หลัง M ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาจาก M-Sport ชุดแต่ง M-Aerodynamics ตกแต่งเสริมความหล่อเหลาให้กับครอสโอเวอร์รุ่นขายดีของ BMW ไม่ว่าจะเป็นกาบบันได M พวงมาลัย M เจ้า X1 เจนเนอเรชั่นที่ 2 ติดตั้งไฟหน้าแบบ LED รวมถึงไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running lights และฟังก์ชั่นส่องสว่างขณะเข้าโค้ง แรคหลังคาสีดำเงา ไฟตัดหมอกทรงกลมฝังอยู่ในสปอยเลอร์หน้า กระจกมองข้างแบบพับและปรับด้วยไฟฟ้า เพิ่มเติมความสบายในการใช้งานด้วยฝากระโปรงหลังพร้อมกลไกเปิด-ปิดที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า กล้องมองภาพด้านหลังของตัวรถขณะเข้าเกียร์ถอย ระบบ Comfort access และระบบควบคุมระยะการจอดด้านหน้า-หลัง ระบบไฟหน้าและใบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นใหม่ล่าสุดกับระบบช่วยการนำรถเข้าที่จอด ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับการถอยจอดในที่คับแคบ ไฟท้ายแบบผสมบรรจุหลอด LED และหลอดไฟธรรมดา นับเป็น New X1 ที่มีอุปกรณ์มากกว่ารุ่นเก่าอย่างชัดเจน






ในส่วนของพื้นที่เก็บสัมภาระของ New X1 มีการออกแบบให้พื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มมากขึ้นกว่ารุ่นเก่าถึง 85 ลิตร ฝาท้ายไฟฟ้าเปิดออกได้ในมุมที่สูงเพื่อความสะดวกในการขนของเข้า-ออกจากพื้นที่เก็บสัมภาระส่วนท้าย โดยสามารถขยับขยายพื้นที่เก็บของมากถึง 1,550 ลิตร เมื่อพับเบาะผู้โดยสารตอนหลังลงราบกับพื้น รูปแบบการพับเบาะหลังละเอียดลออที่อัตราส่วน 40:20:40








เบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มหนังแท้ดาโกต้าสีน้ำตาล พวงมาลัย M Sport พร้อมแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift ระบบนำทางแห่งอนาคต ที่นำพาคนขับและผู้โดยสารบรรลุสู่จุดหมายปลายทาง ระบบ BMW Head-Up Display ใน X1 ใหม่ทุกรุ่น มาพร้อมกับระบบนำทางที่ทำงานบนหน้าจอ Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมแผงควบคุมที่เพิ่มคุณสมบัติใหม่ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นการทำงานแบบแบ่งหน้าจอ หรือระบบ BMW Head-Up Display ที่จะทำการแสดงข้อมูลสำคัญบนบานกระจกหน้ารถด้วยกราฟิกเต็มสีสันให้ผู้ขับขี่ได้มองเห็นข้อมูลครบถ้วนโดยไม่ต้องละสายตาจากถนนข้างหน้า หมดกังวลกับการจอดรถ ด้วยระบบ BMW Parking Assistant




นอกจากคุณสมบัติด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่ครบครันแล้ว X1 ใหม่ยังมีระบบ Parking Assistant ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองหาช่องจอดและนำรถเข้าจอดได้แบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องจับพวงมาลัย ระบบ Parking Assistant ทำให้ทุกขั้นตอนของการจอดรถกลายเป็นเรื่องง่ายแม้แต่การค้นหาช่องจอดที่เหมาะสม โดยระบบจะทำการวัดพื้นที่ช่องจอดที่ระยะห่างไม่เกิน 1.5 เมตรจากด้านข้างรถ ในขณะที่ตัวรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเลือกช่องจอดได้แล้ว ผู้ขับขี่สามารถกดสวิตช์ Parking Assistant เพื่อให้ X1 ใหม่เปลี่ยนเกียร์และควบคุมทั้งพวงมาลัย เบรก และคันเร่งโดยอัตโนมัติในขณะเข้าจอดในระหว่างที่เรียกใช้ฟังก์ชั่นช่วยจอดนี้ ข้อมูลการทำงานของระบบจะแสดงผลอยู่บนหน้าจอ Control Display อย่างครบถ้วน






ตัวถังใหม่มีสัดส่วนความสูงเพิ่มขึ้นมาอีก 53 มิลลิเมตร ทำให้เบาะผู้โดยสารตอนหน้าและหลังมีความสูงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเข้ามาช่วยเพิ่มทัศนวิสัยมุมมองให้กว้างไกลมากยิ่งขึ้น ห้องโดยสารตกแต่งในสไตล์ของ BMW ที่คุ้นเคย พวงมาลัย M แบบสามก้านพร้อมสวิตช์ปรับตั้งระบบต่างๆ เช่น ปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ สวิตช์รับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ สวิตช์ระบบสั่งงานด้วยเสียง พร้อมแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์หลังพวงมาลัยในสไตล์ M-Sport เบาะหนังแท้พร้อมวัสดุตกแต่งแนวพรีเมียมประดับประดาเพิ่มความหรูหราทั่วทั้งห้องโดยสาร





จอมอนิเตอร์ส่วนกลางเพิ่มขนาดจาก 6.5 นิ้ว ใน X1 รุ่นแรกเป็น 8.8 นิ้ว ใน X1 รุ่นล่าสุด มาพร้อมรูปแบบ HD รองรับการเล่นอุปกรณ์ให้ความบันเทิงที่มีความหลากหลาย ปุ่มควบคุมและสั่งงาน BMW iDRIVE เวอร์ชั่นปรับปรุงใช้งานได้ง่ายและจัดวางมาในตำแหน่งที่ง่ายต่อการใช้มือหมุน เป็นจอภาพมอนิเตอร์ของระบบนำทางด้วยดาวเทียม กล้องมองหลัง รวมถึงการปรับตั้งค่าต่างๆ และการเรียกดูข้อมูลของการขับขี่







ห้องโดยสารของ X1 รุ่นล่าสุดมีงานตกแต่งที่ดูดีขึ้น วัสดุหรูๆ พวกหนังและอัลลอยประดับประดาอยู่ทั่วไปหมด จอกลางแบบใหม่ควบคุมผ่านระบบ iDRIVE ด้ามเบรกมือถูกแทนที่ด้วยสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า คันเกียร์มีหน้าตาที่แปลกแยกไปจากรถ BMW รุ่นอื่นๆ เนื่องจากออกขายมานานถึง 2 ปีแล้ว ระบบปฏิบัติการ iDRIVE ยังคงเป็นเวอร์ชั่นเก่าแต่ก็ใช้งานได้ดี โดยเฉพาะระบบนำทางด้วยดาวเทียมที่ละเอียดคมชัดและครอบคลุมเส้นทางทั่วโลก



โหมดขับเคลื่อน 3 รูปแบบ เริ่มจาก ECO PRO โหมดประหยัด Comfort โหมดที่มีค่ากลางๆ ซึ่งเป็นโหมดเริ่มต้นเมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ และโหมดสูงสุด Sport ที่ให้การตอบสนองของคันเร่งและการทดกำลังว่องไวมากยิ่งขึ้น




คอนโซลกลางสวยงามและใช้วัสดุพวกโฟมหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ จอภาพมอนิเตอร์กลางใหญ่ขึ้น ทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน สำหรับชุดควบคุมอุณหภูมิในห้องโดยสารแบบดิจิตอลแยกส่วนใช้งานได้ง่าย ช่องแอร์ด้านหลังช่วยเพิ่มความเย็นให้กับพื้นที่ของเบาะโดยสารตอนหลัง เบาะหลังนั่งได้ 3 คน แต่ถ้าจะให้นั่งกันแบบสบายตัวก็ควรจะนั่งแค่ 2 คน หนังแท้สีน้ำตาลที่ใช้หุ้มเบาะ แผงประตูกับส่วนล่างของแดชบอร์ดทำให้ห้องโดยสารของ New X1 รุ่น sDRIVE 18d มีความหรูหราสวยงาม สีดำ น้ำตาล ตัดกับชิ้นงานอะลูมินั่มอัลลอยที่คาดกลางคอนโซลกับแผงประตู ทำให้ภายในของมันดูดีมีราคามากยิ่งขึ้น




แรงบิดใน X 1 เวอร์ชั่นเครื่องยนต์ดีเซลรุ่น sDRIVE 18d M-Sport ที่เหนือกว่าเวอร์ชั่นเบนซิน 3 สูบ ทำให้เกิดความพึงพอใจเมื่อได้ลองขับ ทั้งการตอบสนองต่อการเร่งความเร็ว ความหนักแน่นของช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยว ที่แม้จะเหมือนกันกับรุ่นเบนซินทุกอย่าง แต่พอได้ลองขับก็จะรับรู้ได้ถึงความแตกต่าง โดยเฉพาะแรงฉุดลากหรือกำลังในรูปของแรงบิดที่มากเกินพอต่อการใช้งาน วิ่งบนไฮเวย์ออกทางไกลก็ขับได้ดีกว่ารุ่นที่แล้วอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการทรงตัวหรือพื้นที่ภายใน แต่พวงมาลัยที่ถูกปรับมาเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้านั้นให้สัมผัสแปลกๆ แตกต่างไปจากพวงมาลัยไฟฟ้าของ BMW ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง การย้ายระบบขับเคลื่อนมาเป็นล้อคู่หน้าพร้อมทั้งการวางเครื่องยนต์แบบตามขวาง ทำให้ระบบบังคับเลี้ยวให้สัมผัสที่เปลี่ยนไป พวงมาลัยไวขึ้นอย่างชัดเจน มีระยะฟรีตรงกึ่งกลางน้อยมาก แค่ขยับข้อมือนิดเดียวพวงมาลัยก็จะเปลี่ยนทิศทางอย่างเร็ว ทำให้ต้องระวังและใช้ความคุ้นเคยกันพอสมควร




ระบบขับเคลื่อนวางชุดส่งกำลัง หรือเกียร์แบบอัตโนมัติ Steptronic ที่ยัดอัตราทดมาให้คุณมากถึง 8 สปีด พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์กับโหมดแมนนวลที่ผลักคันเกียร์ไปทางซ้ายก็สามารถชิฟเกียร์ขึ้นลงด้วยคันเกียร์ในตำแหน่ง +/- หรือชิฟผ่านแป้น Paddle Shift หลังพวงมาลัย เกียร์ก็จะเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว นับเป็นเกียร์ขับหน้าที่มีอัตราทดเยอะมากในปัจจุบัน ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ในย่านความเร็วเดินทางที่มีส่วนช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง โดยเฉพาะการขับด้วยโหมด ECO PRO เกียร์จะดันตัวเองขึ้นไปสู่เกียร์สูงเพื่อลดรอบเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว ฟังก์ชั่นระบบควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้งเสริมความเสถียรของตัวรถขณะห้อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง แม้จะขับเคลื่อนล้อหน้าที่ทำให้แฟนคลับ BMW ไม่ค่อยจะชอบ แต่ X1 ยึดเกาะกับถนนได้ดีโดยมีอาการหน้าดื้อเมื่อเข้าแรงเกินไปตามประสารถขับหน้า ส่วนระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ หรือ Auto Start-Stop ซึ่งจะดับเครื่องยนต์ทุกครั้งที่จอดรอสัญญาณไฟ หากรำคาญก็มีสวิตช์กดเพื่อยกเลิกการทำงานได้เลย การติดและดับของเครื่องยนต์นุ่มนวลขึ้นมาก รวมถึงเสียงการทำงานในรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ดีเซล 2 ลิตรก็ลดลง โดยมีเสียงของเครื่องดีเซลขณะที่กำลังถูกลากรอบอย่างหนักดังคล้ายเครื่องยนต์เบนซิน





พวงมาลัยไฟฟ้าแบบ Servotronic แม่นยำแต่ไวเกินไปนิด เนื่องจากทำตัวเป็นรถขับหน้า น้ำหนักที่ค่อนข้างมั่นคงในย่านความเร็วสูง ทำให้คุณควบหมอนี่ได้อย่างมั่นใจ BMW X1 เป็นรถที่ขับได้ง่าย โหมดการขับขี่รูปแบบต่างๆ ECO PRO / COMFORT / SPORT อยากประหยัดก็ ECO อยากไปเร็วเพราะรีบก็โหมด SPORT การตอบสนองก็จะรวดเร็วทันใจมากยิ่งขึ้น เกียร์ในโหมด SPORT จะคาอยู่เกียร์ 4 นานหน่อยเพื่อเรียกรอบเรียกแรงบิด เมื่อใช้โหมดนี้ร่วมกับ Paddle Shift เพื่อเปลี่ยนเกียร์เองบนเส้นทางที่คดเคี้ยวจะทำให้สนุกขึ้นอีกเยอะ สมรรถนะในด้านของแรงบิดที่เหนือกว่า X1 รุ่นเบนซินสามสูบทำให้มันเป็นรถดีเซลครอสโอเวอร์ที่ขับได้อย่างกระฉับกระเฉงและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น กดเป็นพุ่งแม้จะไม่ดึงหนักดึงนานแต่เร็วใช้ได้ ทำให้การแซงไม่ต้องมานั่งลุ้นกันจนตัวโก่งตัวงอว่าจะแซงพ้นหรือไม่พ้น


การตอบสนองของเครื่องดีเซลอยู่ในเกณฑ์ดี แรงบิดแบบจัดเต็ม 330 นิวตันเมตร มากพอสำหรับการพุ่งทะยานด้วยความรวดเร็วทั้งการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งและการเร่งความเร็วเพื่อแซง เครื่องยนต์รุ่นดีเซลเป็นแบบแถวเรียง 4 สูบ มาพร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo มีปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,995 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ หรือ 150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร มาในรอบต่ำที่ 1,750 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 9.2 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดว่ากันถึง 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร มีแรงบิดดีพอที่จะเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ต้องการกำลังแรงบิดเพื่อการแซงรถช้า แม้จะเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าแต่การกระจายน้ำหนักในระดับหน้า-หลัง 50/50 ทำให้มีความเสถียรในขณะขับเคลื่อน ใต้ท้องรถที่สูงกว่าเก๋ง 4 ประตูทั่วๆ ไปลุยทางวิบากได้พอหอมปากหอมคอ การลุยน้ำท่วมเหนือชั้นกว่าเห็นๆ จากความสูงที่มากขึ้น การถ่ายเทน้ำหนักในโค้งทำออกมาได้ดี รวมถึงการเบรกและการเปลี่ยนทิศทางจากประสิทธิภาพของการกระจายน้ำหนักและการออกแบบแชสซีส์




ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช๊คอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนระบบรองรับหลังเป็นแบบมัลติลิงค์พร้อมปีกนกอัลลอย ให้สัมผัสที่ดีทั้งการขับบนผิวถนนเรียบๆ หรือขับบนทางลูกรัง สปริงและโช๊คอัพเซตค่ามากลางๆ ทำให้นั่งนุ่มสบายก้น ไม่แข็งมากจนสั่นสะเทือนซาง หรือนิ่มเกินไปจนออกอาการย้วย X1 ให้สัมผัสของระบบรองรับคล้ายกับ Mercedes Benz GLA เนื่องจากลักษณะการวางเครื่องยนต์ การใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและรูปแบบของช่วงล่างที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน




ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก็ยังคงโดดเด่นเหมือนกับสไตล์การขับของมัน เชื้อเพลิงดีเซล 1 ลิตร ไปได้ไกล 24 กิโลเมตร ทั้งๆ ที่ตัวหนักถึง 1,545 กิโลกรัม หนักกว่ารุ่นเบนซิน 3 สูบที่มีน้ำหนัก 1,505 กิโลกรัม แค่ 40 กิโลกรัม เมื่อต้องการไปให้เร็วในโหมดสปอร์ตแบบเอากันถึงปลิวก็แค่กดคันเร่งลงจนสุด แรงดึง 330 นิวตัน-เมตร ที่สมน้ำสมเนื้อกับขนาดและน้ำหนัก 1.5 ตัน ทำให้ขับสนุก BMW X1 sDrive 18d xLine 2016 รุ่นขับสองล้อหน้า เครื่องดีเซลเทอร์โบ จ่ายแพงสูสีกับรถคู่แข่ง และมีการขับขี่ที่คล้ายกัน GLA ใช้ความเป็น Mercedes ดึงดูดลูกค้าที่ชอบของหรู แต่ BMW ใช้สมรรถนะในการเรียกร้องความสนใจ รวมถึงพื้นที่ภายในที่กว้างขวางกว่า อยู่ที่ว่ารักใครชอบใครก็ลองไปขับดูว่าโดนหรือเปล่า ศัตรูคู่อาฆาตก็ยังมี Audi Q3 อีกคันที่ยังไม่ได้ขับ ไว้ไปเอามาลองแล้วจะเล่าให้ฟังครับ.
BMW X1 sDrive 18d M-Sport ราคา 2,599,000 บาท
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
เครื่องยนต์...............................................ดีเซล 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo
ปริมาตรกระบอกสูบ ....................................1,995 ซีซี
กำลังสูงสุด..............................................110 กิโลวัตต์ 150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด............................................330 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบต่อนาที
ความเร็วสูงสุด.........................................205 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง .................9.2 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและระดับการปล่อย CO2
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย - อ้างอิงผล ECO Sticker 20.4 กิโลเมตร/ลิตร
ระดับการปล่อย CO2 128 กรัม/กิโลเมตร
ล้อและยาง
ขนาดล้ออัลลอย 7.5 J x 18
ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว แบบ Y-spoke
ขนาดยาง 225/50 R18 Runflat
มิติรถยนต์
ความยาว....................................4,439 มิลลิเมตร
ความกว้าง..................................1,821 มิลลิเมตร
ความสูง......................................1,612 มิลลิเมตร
ปริมาตรในการบรรจุของ..................505-1,550 ลิตร
น้ำหนักรถสุทธิ............................1,545 กิโลกรัม
ระบบและเทคโนโลยีการขับเคลื่อน
เกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ
ระบบควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้ง
ระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ
พวงมาลัยไฟฟ้าแบบ Servotronic
โหมดการขับขี่รูปแบบต่างๆ พร้อมโหมดขับขี่ ECO PRO
เบรกมือแบบไฟฟ้า
อุปกรณ์ตกแต่งภายนอก
ไฟหน้าแบบ LED และฟังก์ชั่นส่องสว่างขณะเข้าโค้ง
แถบอะลูมิเนียมล้อมหน้าต่าง
ไฟตัดหมอก
กระจกมองข้างพับไฟฟ้าและปรับมุมต่ำ (เฉพาะด้านผู้โดยสาร) เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง
ฝากระโปรงหลังทำงานด้วยระบบไฟฟ้า
กล้องแสดงภาพด้านหลังของตัวรถ
ระบบ Comfort access ระบบควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง
ระบบไฟหน้าและใบปัดน้ำฝนทำงานโดยอัตโนมัติ
ระบบช่วยการนำรถเข้าที่จอด
ราวหลังคาอะลูมิเนียม
อุปกรณ์ตกแต่งภายใน
เบาะนั่งหนังแท้ Dakota แบบเจาะรู
ชุดไฟส่องสว่างภายในและนอกห้องโดยสาร
เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบความจำเฉพาะฝั่งคนขับ
พนักวางแขนระหว่างเบาะนั่งตอนหน้า
ลายไม้ oak grain matt
พนักพิงเบาะหลังแบ่งพับแบบ 40:20:40
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบสปอร์ต
กระจกมองหลังแบบตัดแสงในที่มืด
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบควบคุม 2 โซน
ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร
จอภาพขนาด 8.8"
แอปพลิเคชัน BMW สำหรับสมาร์ทโฟน
ปุ่มควบคุม iDrive พร้อมระบบสัมผัส ระบบเสียงไฮไฟ
ระบบแผนที่นำทางรุ่น Plus วิทยุพร้อมการเชื่อมต่อโทรศัพท์ด้วย Bluetooth และช่อง USB
ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้าฝั่งคนขับ
การเชื่อมต่อโทรศัพท์ด้วย Bluetooth ช่อง USB และแท่นสำหรับอุปกรณ์เสริม
เครื่องเล่น CD
เทคโนโลยีความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก
ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ชุดตกแต่ง xLine
ภายนอกตกแต่งด้วยสีเงินด้าน
กุญแจรีโมทตกแต่งด้วยแถบสี Pearl Chrome