Fast and Furious ภาคล่าสุดเดินทางมาถึงตอนที่ 8 และนี่คือการรวบรวมเหล่าบรรดาตัวแสบของขาซิ่งที่คุณสามารถพบเห็นตัวเป็นๆในหนังซิ่งตอนล่าสุด โปรดติดตาม......

...

1. Subaru BRZ
Subaru BRZ แฝดคนละฝาของ Toyota GT86 เปิดผ้าคลุมพร้อมกันในฐานะรถคู่แฝดภายในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์เมื่อเดือนธันวาคมปี 2011 นี่คือรถสปอร์ตสองที่นั่งคันเล็กที่วางเครื่องสูบนอนรหัส FA-20 กับหัวฉีด D4S ที่วิศวกรของค่ายสามห่วงปรับระบบจ่ายเชื้อเพลิงให้เป็นแบบไดเรคอินเจคชั่น เพื่อรองรับมาตรฐานการปล่อย CO2 ระดับ EURO 5 สปอร์ตคาร์น้ำหนักเบา (1,202 kg รุ่นเกียร์ธรรมดา 1,240 kg รุ่นเกียร์อัตโนมัติ) คันนี้ มีเรี่ยวแรงประมาณ 197 แรงม้า ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์ออโตเมติก 6 อัตราทด พร้อม Paddle Shift หลังพวงมาลัย ช่วงล่างของ Subaru ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบปีกนกคู่ รถ BRZ ถูกออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (469 มิลลิเมตร) ใส่ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วกับยาง Michelin Primacy HP ไซส์ 215/45/R17 ทั้งสี่ล้อ น้ำหนักตัวรวม 1,240 กิโลกรัม กับรูปทรงที่มีความสมมาตรจากการออกแบบ หลังคาที่สั้นและค่อนข้างลาดเอียงแบบคูเป้ กับแนวด้านข้างตัวถังที่ลื่นไหล ทำให้มันเป็นรถสปอร์ตขนาดเล็กที่มีความสวยงามใช้ได้เลยทีเดียว

2.Bentley Continental GT
Sport 4 ที่นั่งทรง GT Coupe ของอังกฤษแต่ดันมีเจ้าของเป็นพวกเยอรมันคันนี้ถูกสร้างขึ้นตามรอยแห่งความสำเร็จของรุ่นก่อนที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของความเป็นจักรกลแนว Gran Turismo (GT) ทุกประการ หากแต่มีรูปลักษณ์ที่มีมาตรฐานสูงขึ้นถูกหลักตามแบบวิศวกรรม ประกอบด้วยความหรูหรา ภายในเต็มไปด้วยงานฝีมือที่ประณีต ประสิทธิภาพการทำงานแบบ Dynamic ที่คล่องตัว Bentley Continental GT นำเสนอความหรูหราและความสามารถในการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันได้อย่างยอดเยี่ยมตามจิตวิญญาณของความเป็น Bentley Grand Touring อย่างแท้จริง เครื่องยนต์ขนาด 6 ลิตร 12 สูบ ระบบ Powertrain แบบ Twin-Turbocharged ที่เพิ่มกำลังขับออกมาได้ถึง 575PS (567 แรงม้า/423 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร (516 ปอนด์-ฟุต) เกียร์อัตโนมัติของรถรุ่นนี้มีการทำงานที่รวดเร็วปานสายฟ้าฟาดสามารถลดเกียร์ลงได้สองเกียร์ในเวลาเดียวกัน เทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบ Flex Fuel ที่ทำให้รถสามารถเติมได้ทั้งน้ำมันเบนซินธรรมดาและเลือกเติมน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ E85 หรือสามารถเติมผสมทั้งสองชนิดได้เช่นกัน

...

...

3.Chevrolet Corvette Sting Ray 1963
Corvette หมายถึงเรือรบป้องกันชายฝั่งและลาดตระเวนทางทะเลขนาดเล็กที่มีความคล่องตัวสูง เปรียบเหมือนกับรถ Corvette Sting Ray สปอร์ตสมรรถนะสูงในยุค 60' ที่ในขณะนี้ได้กลายมาเป็น American Classics Sport Car ด้วยความสวยงามของตัวถังที่มีดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร พลังของเครื่องยนต์ที่รุนแรงดุดันจนอยู่ในระดับแนวหน้าของรถสปอร์ตช่วงปี 1963-1967 และการข้ามผ่านห้วงของเวลามานานกว่า 47 ปี รถ Sport Car ของมะกันนั้นมักจะใช้เครื่องยนต์ Big-Block ขนาดใหญ่กันแทบทุกค่าย จีเอมเองก็มีเครื่องยนต์ชั้นเยี่ยมแบบ V8 ซึ่งใช้ประจำการอยู่ในรถยนต์หลายรุ่นของค่าย เครื่องยนต์ของ Corvette Sting Ray รุ่นปี 1963 ที่เข้าฉากในหนังซิ่งสุดฮิตตอนที่ 8 นี้ เป็นเครื่องบล็อก 327cu V8 ฉีดเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ที่ถูกปรับจูนกำลังให้มีถึง 365 แรงม้า ตามด้วยเครื่อง V8 427 แรงม้าในรถ Sting Ray ปี 1966 และเครื่องตัวสุดท้ายรุ่นพิเศษก่อนเปลี่ยนโฉมคือเครื่อง L88 ใช้หัวลูกสูบทำจากอลูมินัมอัลลอย 427 cu in ปรับขนาดของแคมชาร์ฟให้ใหญ่ขึ้น คาร์บูเรเตอร์ 4 ลิ้น มีแรงม้าถึง 520 ตัวแต่ผลิตแค่ 20 คันเท่านั้น พร้อมด้วยระบบส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 4 สปีด จานดิสเบรคสี่ล้อ ช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบของระบบมัลติล้ิงค์ เครื่องยนต์วางตามยาว ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยค่าการกระจายน้ำหนัก 48/52 ที่รถยนต์น้อยคันในยุคนั้นจะทำได้แบบมัน ส่งผลต่อการตอบสนองในการขับขี่และทำให้มีความสมดุลของแรงยึดเกาะกับน้ำหนักที่ตกลงค่อนข้างจะเป็นกลาง ทำให้ขับง่ายขับสบายแถมยังแรงแบบมุทะลุดุดันอีกด้วย

...

4.Mercedes Benz AMG GT-S
Mercedes Benz ได้ทำการลงมือลงแรงกับรถสปอร์ตรุ่นพิเศษ AMG GT-S รถคูเป้แนว GT เพื่อสร้างให้เจ้าปิศาจหลังค่อมคันนี้เบียดแซงยอดขายที่ดีเยี่ยมของ Porsche 911/991 ด้วยประสิทธิภาพ สมรรถนะ และเอกลักษณ์บวกสไตล์ของสำนักโม AMG ที่เน้นการผลิตจักรกลแรงๆ สำหรับขายให้กับลูกค้าที่บ้าความเร็ว หากพวก AMG ทำสำเร็จ มันก็จะทำเงินได้อย่างมหาศาล แถมยังเอาไปคุยข่ม Porsche ได้อีกด้วย การสร้างรถสปอร์ตอย่าง AMG GT-S ถือเป็นการประกาศศักดาให้โลกแห่งซุปเปอร์คาร์ได้รับรู้เอาไว้ว่าสำนัก AMG ไม่ได้เชี่ยวชาญเฉพาะการนำเอารถบ้านสไตล์คอมแพคเอสยูวีอย่าง GLA 200 มาโมจนกลายเป็น GLA 45 AMG ซึ่งถูกสื่อต่างชาติค่อนแคะว่าไร้รสนิยม ชื่อเสียงของสำนักแต่ง AMG ที่ลงมือปรุงแต่ง Mercedes Benz AMG GT-S กลับมาในฐานะผู้สร้างรถสปอร์ต 2 ที่นั่งตัวแรง เรือนร่างเพรียวลมโครงสร้างขึ้นรูปด้วยอัลลอยเหมือนกับ SLS AMG แต่ใช้ฝาท้ายแบบโลหะแทนที่อัลลอย บานประตูแบบคูเป้เปิดออกแบบปกติทำให้การเข้าออกจากห้องโดยสารรวมถึงการจอดรถง่ายขึ้น เป็นการลดต้นทุนทางการผลิตที่ฉลาดโดยใช้ความสะดวกสบายมาเป็นจุดขายแทนที่ประตูแบบปีกนกใน SLS AMG กลิ่นอายในอดีตแผ่ซ่านไปทั่วจากการใช้สายตาสังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วน เช่น เหงือกปลาตรงบริเวณซุ้มแก้มข้างที่ทำออกมาให้กลายเป็นช่องระบายความร้อนพร้อมกับแปะสัญลักษณ์ V8 Bi-Turbo เอาไว้ขู่พวกปอร์เช่อีกด้วย เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ หรือ Bi-Turbo โดยใช้เทอร์โบหนึ่งตัวรับผิดชอบอัดอากาศเข้ากระบอกสูบทั้งสี่แบบแยกฝั่ง ผลิตแรงม้าได้ 510 ตัวนั้นพอฟัดพอเหวี่ยงกับ Porsche 911 GT-S การวางระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบใช้แนวทางเดียวกันกับ Mercedes Benz A45 AMG โดยวางเทอร์โบคร่อมแนวฝาสูบแทนที่จะวางไว้ทางด้านข้างตัวเครื่อง แม้เครื่อง V8 ของ SLS AMG จะแรงกว่า AMG GT-S แต่แรงบิดของเครื่องยนต์ V8 Bi-Turbo กลับใกล้เคียงกันอย่างน่าประหลาด AMG GT-S มีเรี่ยวแรง 510 แรงม้า กับแรงบิด 479 ปอนด์ฟุต อัดจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.8 วินาทีเท่ากับ SLS AMG ท็อปสปีดทะยานขึ้นไปถึง 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

5.1970 Plymouth GTX
สปอร์ตอเมริกันที่บ้านเรายังไม่ค่อยจะรู้จักสักเท่าไหร่รุ่นนี้ได้รับการผลิตขึ้นมาเพื่อออกทำตลาดเมื่อปี ค.ศ. 1970 ช่างและวิศวกรของ Plymouth สร้างมันขึ้นมาจากโครงสร้างตัวถังเดียวกับ Plymouth GTX รุ่นปี คศ 1967 แต่มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจน ตัวถังสีดำมีจุดเด่นอยู่ตรงฝากระโปรงหน้าที่โหนกนูนพร้อมสคูปดักอากาศ ภายใต้ตัวถังยาวเหยียดของมัน Plymouth GTX วางเครื่องยนต์แบบ V8 รหัส 426 HEMI อัดอากาศด้วยซุปเปอร์ชาร์จ กำลัง 425 แรงม้า แรงบิดพอแสบๆ คันๆ ที่ 500 นิวตันเมตร มันหล่อมากพอที่จะเข้าไปสร้างสีสันในหนัง Fast 8 เนื่องจากคนอเมริกันชื่นชอบรถสปอร์ตย้อนอารมณ์ของตัวเองมากกว่ารถรุ่นใหม่ๆ จากยุโรป 

6.Jaguar F-Type
ภาพลักษณ์อันสง่างามของ Jaguar F-Type เกิดจากการออกแบบต่อยอดจากงานดีไซน์ของรถต้นแบบ C-X16 ซึ่งเป็นต้นแบบของรถสปอร์ตคูเป้ที่กวาดรางวัลระดับโลกจากงาน 2011 Frankfurt Motor Show ผ่านการใช้เส้นดีไซน์หลัก 3 เส้นในการสร้างสรรค์ ช่องลมรูปทรง “เหงือกฉลาม” ที่เปิดอยู่ด้านข้าง รูปลักษณ์ของเสือกระโดดคันนี้เน้นความปราดเปรียวเพรียวลม แชสซีผลิตจากอะลูมิเนียม ด้วยเทคโนโลยีการบีบอัดขั้นสูง เป็นโครงสร้างอะลูมิเนียมภายนอก ที่ใช้ระบบการขึ้นรูปที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมรถยนต์เกรดพรีเมียม ทั้งยังทำให้ตัวถังของ Jaguar F-Type มีค่าความตึงต่อการรับแรงบิดสูงถึง 33,000 นิวตันเมตร/ดีกรี Jaguar F-Type ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินอัดอากาศด้วยซุปเปอร์ชาร์จแบบ V6 ขนาด 3 ลิตร กำลัง 380 แรงม้า แรงบิด 460 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-97 กิโลเมตร/ชม. ในเวลา 4.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 275 กิโลเมตร/ชม. พร้อมหลังคากระจกพาโนรามิค เพื่อเปิดมุมมองเต็มตาแบบ 360 องศา ประสานกับระบบวัดเวคเตอร์แรงบิดด้วยแรงเบรก ช่วยเพิ่มการตอบสนองที่ฉับไว และการควบคุมที่เต็มประสิทธิภาพเทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สุดล้ำเพื่อการควบคุมอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เช่น ระบบทดแทนแรงบิด (Electronic Active Differential) รุ่นพัฒนาใหม่ และระบบวัดเวคเตอร์แรงบิด (Torque Vectoring) ซึ่งตอบสนองการควบคุมอย่างฉับไว ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกเมตริกซ์ (Carbon Ceramic Matrix: CCM) ที่มาพร้อมจานเบรกหน้า 398 มม. และจานเบรกหลัง 380 มม.ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่มาพร้อมโหมดการขับขี่แบบไดนามิก หรือ Adaptive Dynamics Damping และ Configurable Dynamic Mode เพิ่มความฉับไวในการตอบสนองให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/