กฎหมาย มาตรา 44 หรือ พ.ร.บ.จราจรใหม่ มีผลบังคับใช้แล้วสำหรับการห้ามนั่งโดยสารในบริเวณกระบะท้ายอย่างเด็ดขาด มาตรการดังกล่าวช่วยทำให้การใช้รถใช้ถนนมีความปลอดภัย เนื่องจากอุบัติเหตุเกี่ยวกับการโดยสารบนกระบะท้ายนั้น ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ไม่ว่าจะเป็น ปีใหม่ หรือ สงกรานต์ ซึ่งมีผู้คนไม่น้อยใช้วิธีเดินทางกลับบ้านด้วยการใช้ชีวิตอยู่บนรถกระบะ การนั่งโดยสารไปในยานพาหนะ พร้อมกับการรัดเข็มขัดนิรภัยในทุกตำแหน่งที่นั่งนั้น ในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว ถูกบังคับใช้มาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีโดยไม่มีการยกเว้นในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง รถตู้ รถบัส รถบรรทุกทั้งเล็กและใหญ่ คนขับและคนนั่งต้องคาดเข็มขัดนิรภัยในทุกตำแหน่ง หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าใครคนใดคนหนึ่งในรถไม่ยอมคาดเข็มขัดนิรภัย รับรองว่า โดนค่าปรับกันบานตะโก้!!
...
สำหรับประเทศไทย ด้วยความเคยชินแบบ "ทำอะไรตามใจคือไทยแท้" และทำกันมานานจนติดเป็นนิสัย เช่น การโดยสารไปบนกระบะท้ายที่กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาสามัญ ซึ่งจริงๆ แล้วการนั่งแบบนั้นมันอันตรายมาก ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ ทำให้การออกกฎหมายใหม่ที่จะเข้ามาช่วยให้คนตายน้อยลง กลับกลายเป็นเรื่องวุ่นวายไม่จบสิ้น หากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รับรองว่านักการเมืองไม่มีใครหน้าไหนกล้าทำกล้าจัดระเบียบอย่างแน่นอน!! เนื่องจากกลัวมีปัญหากับฐานความนิยมด้านคะแนนเสียง แต่รัฐบาลทหารของลุงตู่ที่เข้ามาขัดตราทัพปราบโกง และจัดระเบียบชาติบ้านเมืองให้ดีขึ้นนั้น ไม่สนใจกับเรื่องฐานความนิยม และมุ่งไปที่ความถูกต้องกับความปลอดภัยในชีวิต และความเป็นอยู่ของผู้คนในประเทศแต่เพียงอย่างเดียว ส่วนจะถูกใจหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ภูมิปัญญา แนวความคิด และการคำนึงถึงกฎข้อบังคับ หรือกฎหมายที่ต้องถูกบังคับใช้จากภาครัฐให้มีความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อลดจำนวนคนเจ็บคนตาย ไม่ได้ไปรังแกใครแบบที่เข้าใจกัน
...
กรณีรถกระบะมีแค็บนั้น ก็ยังเกิดความสับสนว่า สามารถนั่งโดยสารได้หรือไม่ได้! ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายจราจร พล.ต.ท.วิทยา ชี้แจงว่า ห้ามรถกระบะมีแค็บหลังบรรทุกคนในแค็บอย่างเด็ดขาด หากพบเห็นจะดำเนินการจับปรับทันที เนื่องจากการจดทะเบียนของรถกระบะนั้น จะจดทะเบียนเป็นรถกระบะบรรทุกส่วนบุคคลไม่เกิน 7 นั่ง จะมีป้ายทะเบียนกำกับประเภทรถ เป็นป้ายสีขาวตัวอักษรสีเขียว วัตถุประสงค์ของแค็บออกแบบไว้เพื่อตั้งวางสิ่งของเท่านั้น ที่ผ่านมากลับมีการใช้แค็บหลังโดยสาร และไม่คาดเข็มขัดนิรภัยมานานแล้ว ซึ่งแค็บหลังหากเกิดอุบัติเหตุชนปะทะนั้น ไม่มีอุปกรณ์สำหรับความปลอดภัยของผู้ที่นั่งโดยสารอยู่ในแค็บ และไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้นั่ง การจับปรับรถกระบะที่บรรทุกคนโดยสารในแค็บนั้น เจ้าหน้าที่ไม่ได้จับปรับในข้อหาไม่รัดเข็มขัดนิรภัย แต่จะปรับในข้อหาใช้ยานพาหนะผิดประเภท ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 21 ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถไม่ตรงตามประเภทที่จดทะเบียนไว้ ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท นอกจากนี้ กรณีที่ให้ผู้โดยสารนั่งข้างหลังกระบะ ก็ถือว่ามีความผิดด้วยเหมือนกัน!! เมื่อต้องเดินทางและทำตามกฎหมายของทางการ ลองมาสำรวจตรวจสอบราคาค่าตัวของรถปิกอัพแบบ 4 ประตูกันดีกว่า
...
ALL NEW ISUZU D-Max Cab 4 ประตู 668,000 บาท
เริ่มจาก ISUZU D-Max Cab 4 ประตู 2017 รุ่นเริ่มต้นของกระบะขับ 2 ล้อแบบ 4 ประตู พร้อมเข็มขัดนิรภัยในทุกตำแหน่ง เพื่อความปลอดภัยในการนั่งและขับเครื่องยนต์ดีเซล BluePower 1.9 Ddi (S) เป็นเครื่องยนต์ดีเซลรหัส RZ4E-TC ปริมาตรความจุ 1,900 ซีซี กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดจัดมาให้ถึง 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที มีราคาอยู่ที่ 668,000 บาท
...
Nissan Navara NP300 รุ่น Double Cab 4 ประตู 736,000 บาท
กระบะแกร่งของสายโหดโคตรหินขาลุยขาบรรทุกหนัก เจ้า Navara NP300 รุ่น Double Cab 4 รุ่น 2.5 E พร้อมระบบส่งกำลังแบบธรรมดา หรือ 6MT มีความน่าใช้อยู่ตรงแชสซีส์ที่เน้นความบึกบึน พร้อมตะลุยทางโหดแม้จะเป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหลังก็ยังสามารถเอาไปลุยทางฝุ่นได้อย่างสบายๆ เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร คอมมอนเรล 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VGS เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ แรงม้าสูงสุด 190 PS (120 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 403 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ทำให้ราคารุ่นเริ่มต้นของ Navara Double Cab 4 รุ่น 2.5 E อยู่ที่ 736,000 บาท แพงกว่า ISUZU เล็กน้อย
Ford Ranger Double Cab 2.2L XLT VG Turbo Hi-Rider 6MT 829,000 บาท
All New Ford Ranger Double Cab 2.2L XLT VG Turbo Hi-Rider 6MT เป็นกระบะแค็บ 4 ประตูอีกรุ่นที่มีหน้าตาโดนใจลูกค้าไทย ความมาดมั่นสไตล์มะกันนั้นมีอยู่เต็มเหนี่ยวแต่ที่ต้องปรับปรุงก็คือปัญหาของการบริการหลังการขาย เจ้า Ranger Double Cab 2.2L XLT VG Turbo Hi-Rider มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.2 ลิตร เป็นเครื่องดีเซลอัดอากาศด้วยเทอร์โบประสิทธิภาพสูง เทอร์โบแบบแปรผันในเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค ขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า กับแรงบิด 385 นิวตัน เครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค VG Turbo ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงคอมมอลเรลไดเรกอินเจกชั่นประหยัดน้ำมันกว่าเครื่อง 3.2 ลิตรเห็นๆ หากไม่บ้าแรงบิดมากจนเกินไปรุ่น 2.2 ลิตร ก็ถือว่าเกินพอต่อความต้องการสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน เครื่องยนต์ถูกปรับปรุงให้ลดแรงสั่นสะเทือน จอดเดินเบามีเสียงรบกวนน้อย ช่วงล่างแข็งแรงแต่นุ่มนวล แต่ยังทรงพลังด้วยกำลัง 160 แรงม้า พร้อมแรงบิด 385 นิวตันเมตร ราคา 829,000 บาท ค่อนข้างแรงไปนิด สำหรับรุ่นเริ่มต้นของ Ford Ranger Double Cab
Mitsubishi Triton GLX 2.4L Diesel 6MT 791,000 บาท
คือของดีสำหรับทุกคนที่กำลังมองหารถกระบะ 4 ประตู เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล พร้อมกลไกวาว์ลแปรผันสองฝั่ง ทั้งการแปรผันไอดีและไอเสีย ที่มีชื่อเรียกว่า MIVEC CLEAN DIESEL บล็อกฝาสูบทำจากอัลลอยทั้งหมด เครื่องยนต์ถูกปรับให้มีการเผาไหม้ที่หมดจด ช่วยลดมลพิษ ระบบวาล์วแปรผัน MIVEC ครั้งแรก ในรถกระบะของแบรนด์ Mitsubishi ช่วยให้แรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำต่อเนื่องไปจนถึงรอบเครื่องยนต์กลางๆ ขับสนุกแรงเต็มเหนี่ยว ออกตัวเต็มๆ นี่ล้อถึงกับฟรีทิ้งกันเลย! ระบบส่งกำลังหรือเกียร์เนื่องจากเป็นรุ่นเริ่มต้นเกียร์จึงยังคงเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ส่วนเครื่องยนต์รุ่นนี้ต้องยอมรับว่ามีอัตราเร่งที่ดี จากการทำงานของหอยพิษเทอร์โบแปรผัน VG Turbo ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลังยังมีค่าบำรุงรักษาต่ำกว่ารุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบเห็นๆ ส่วนราคา 791,000 บาท นั้น ถือว่าไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับรถคู่แข่งและสมรรถนะของการวิ่งใช้งาน
Toyota Hilux REVO Double Cab 2.4J Plus 4x2 699,000 บาท
เจ้าแห่งรถปิกอัพ Toyota Hilux REVO กับรุ่น Double Cab 2.4J Plus 4x2 เจ้า REVO กระบะยอดนิยมที่เห็นวิ่งกันให้เกลื่อนถนนนั้น วางเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร รหัส 2GD-FTV พร้อมชุดอัดอากาศ Turbo แปรผันกับชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ เครื่องยนต์รุ่นนี้มีปริมาตรความจุ 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร (High) 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร ราคา 699,000 บาท ของกระบะ 4 ประตูจากพี่โตนั้น ถือว่าถูกสุดๆ นะจ๊ะคุณพี่!!
Mazda BT-50 PRO Double Cab 2.2 S ราคา 652,000 บาท
Zoom Zoom แบรนด์ที่ดอดไปจับมือกับ Isuzu เพื่อการพัฒนากระบะในเวอร์ชั่นต่อไป Mazda จัดปิคอัพราคาโดนใจรุ่น BT-50 PRO Double Cab 2.2 S ราคา 652,000 บาท เน้นรูปแบบของตัวรถที่ดุดันเต็มข้อสไตล์กระบะของสายขับ มิติของตัวถังมีขนาดใหญ่กว่าปิกอัพทั่วไปในตลาดเกือบทุกยี่ห้อ ภายในก็ยังมีความหรูหราคล้ายห้องโดยสารของรถเก๋ง เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร Di-THUNDER PRO 2.2 พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบแปรผันใหม่ (Variable-Nozzle Turbocharger) กับอินเตอร์คูลเลอร์ใหม่ที่มีขนาดใหญ่ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงคอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่นที่ทันสมัยที่สุดในวงการแต่กลับขายไม่ดีเพราะไฟท้าย!! ทั้งๆที่ขับได้ใกล้เคียงกับรถเก๋งสุดๆ Mazda BT-50 PRO Double Cab 2.2 S เกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีราคา 652,000 บาท ไม่แพงเลยหากเทียบกับสมรรถนะและความมันหลังพวงมาลัย
Chevrolet Colorado C-Cab 2.5L 2WD C-Cab LS 689,000 บาท
Chevrolet Colorado C-Cab 2.5L 2WD C-Cab LS เพิ่งจะได้รับการปรับหน้าทาปากมาสดๆ ร้อนๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย หน้าตาที่สดใหม่ แม้จะไม่ได้โดนใจเท่ากับ Ford Ranger แต่ก็ดูดีกว่าหน้าเก่าก่อนปรับโฉมแบบเห็นๆ เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ที่มีชื่อว่าดูราแม็กซ์นั้นมีปริมาตรหรือขนาดความจุ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที Chevrolet เคยพาไปลองเมื่อตอนเปิดตัวใหม่ๆ ช่วงกลางปีที่ผ่านมา (2016) ก็ถือว่าขับได้ดีพอตัว แถมยังเป็นรถยอดนิยมของคนที่อยู่ต่างจังหวัดอีกด้วย ราคา 689,000 บาท แพงกว่า ISUZU D-Max Cab 4 รุ่นเริ่มต้นนิดเดียวเท่านั้น.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/