รีวิวรถยนต์ไฟฟ้า : ทดสอบรถไฟฟ้า TOYOTA bZ4X 2025 ที่โตโยต้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น 100% ทั้งในรุ่น bZ4X FWD และ bZ4X AWD ช่วงล่างหนึบและดี ไม่ย้วยไม่โยน เก็บเสียงได้ดี คอนโซลกลางแยกปุ่มควบคุมกับจอกลาง ไม่เสียสมาธิในการขับ 

ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสร่วมทริปทดสอบขับรถยนต์ไฟฟ้า Toyota New bZ4X จากค่ายโตโยต้า ที่หลายคนอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร เพราะการที่เจ้าตลาดรถยนต์นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า 100% จากญี่ปุ่นบ้านเกิดมาทำตลาดในประเทศไทยนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง 


รีวิวทดสอบขับ Toyota New bZ4X 2025

จากที่เราได้ทดสอบพบว่า  bZ4X เก็บอาการของช่วงล่างทำได้เนียนกว่ารถไฟฟ้าจากจีนชัดเจน และความสูงของตัวรถ (Ground Clearance) ในรุ่น AWD ที่ 200 มม. และ FWD 201 มม. มากพอที่จะข้ามผ่านอุปสรรคบนถนนลูกรังที่โดยก่อนหน้านี้เราได้นำ  Fortuner มาทดสอบ ซึ่งหากเปรียบเทียบกันในแง่ของ Ground Clearance ก็พบว่าใกล้เคียงกัน อัตราเร่งมาไว แต่นุ่มนวล กระจายแรงเบรกได้สมดุล ทำให้รถขนานกับถนนตลอดเวลาทั้งเบรก และเร่งออกตัว

...

ทั้งนี้แพลตฟอร์มไฟฟ้า e-TNGA ช่วงล่างหน้าแบบ McPherson Struts พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังแบบ Double Wishbone พร้อมเหล็กกันโคลง ตัวโช้คอัพปรับแข็งอ่อนได้แบบกลไก ตามความเร็ว และสภาพถนน ส่วนการกระจายน้ำหนักทำได้สมดุลแบบ 50:50 ในรุ่น AWD ส่วนในรถ FWD ด้านหลังจะเบากว่า และควบคุมรถได้ดั่งใจมากกว่าเล็กน้อย น้ำหนักของตัวรถจะต่างกันประมาณ 200 กิโลกรัม จากมอเตอร์ e-Axel ด้านหลัง


สำหรับการทำงานของ bZ4X รุ่น AWD มอเตอร์คู่ มีพละกำลังรวม 343 แรงม้า มอเตอร์หน้า 369 นิวตันเมตร มอเตอร์หลัง 170 นิวตันเมตร ทดสอบความเร็ว 0-100 km/h ใช้เวลา 5.1 วินาที ระยะทางวิ่ง 570 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) และรุ่นนี้เป็นตัวขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อม X-Mode ได้แก่ โหมด SNOW/DIRT และ โหมด DEEP SNOW/MUD

ส่วนการทำงานของ bZ4X รุ่น FWD มอเตอร์เดี่ยว มีพละกำลังรวม 224 แรงม้า 369 นิวตันเมตร ทดสอบความเร็ว 0-100 km/h ใช้เวลา 7.4 วินาที ระยะทางวิ่ง 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC)

จากการทดสอบในเส้นทางออฟโรดก็พบว่า Toyota New bZ4X ทั้ง 2 รุ่นทำงานได้ดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะรุ่น AWD ที่เป็นตัวขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้ฟีลลิ่งในการขับที่ดี ใครที่ชอบฟีลออฟโรดก็ยังได้อรรถรสอยู่บ้าง แม้จะเป็นรถไฟฟ้าก็ตาม

ส่วนระบบ Infotainment ในตัวรถ ยก Lexus มาเลย โดยจอกลางได้ชุดเดียวกับ Lexus NX ขนาด 14 นิ้ว พร้อม Apple Carplay และ Android Auto แบบไร้สาย ลำโพง JBL 9 ตัว ในรุ่น AWD และ ลำโพง Premium Sound system 6 ตัว ในรุ่น FWD จากที่ได้ทดสอบ เสียงดีทั้งคู่ การเก็บเสียงของตัวรถอยู่ในเกณฑ์ที่ดี


"สิ่งที่ต้องไฮไลต์เลย คือ เราสามารถดู State of Health หรือ SOH ความสมบูรณ์ของแบตเตอรี่ได้ที่หน้าจอ TFT หลังพวงมาลัย ไม่ต้องเข้าศูนย์บริการบ่อยๆ ที่สำคัญประกันภัยราคาไม่แพง ซึ่ง TOYOTA มีการดีลกับทางประกันภัยชั้นนำ และหากได้ทำประกัน Toyota Care PHYD ก็จะยิ่งทำให้ราคาประกันชั้น 1 ของรถไฟฟ้า Toyota New bZ4X อยู่ที่ประมาณ 35,000 บาท เท่านั้น และสิ่งที่เราชอบมากที่สุดก็คือ คอนโซลกลางแยกปุ่มควบคุมกับจอกลาง ไม่เสียสมาธิในการขับ "

...


ราคารถยนต์ไฟฟ้า Toyota New bZ4X  2025

 • ราคา bZ4X รุ่น FWD อยู่ที่ 1,529,000 บาท 

• ราคา bZ4X รุ่น AWD  อยู่ที่ 1,649,000 บาท 

 จุดเด่นของ Toyota New bZ4X  2025

-  แบตเตอรี่ NMC ขนาดความจุ 73.1 kWh แบตเตอรี่จาก Prime Planet Energy & Solutions ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างพานาโซนิคและโตโยต้า  ซึ่งรองรับการชาร์จ AC 22 KW และ DC 150 KW

- โดยแบตเตอรี่รุ่นใหม่นี้ทำให้ระยะทางวิ่งมากขึ้นกว่าเดิมเกิน 100 กิโลเมตร จากการปรับความหนาแน่น และเพิ่มจำนวนของ Cell แบตเตอรี่ และ ปรับ Software ใหม่มอเตอร์ e-Axel พัฒนาโดย TOYOTA เอง 

- ใช้ระบบหล่อเย็นและระบบปรับอากาศในการระบายความร้อน

- เพิ่มถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าคนขับ เป็นทั้งหมด 8 ตำแหน่ง (เดิม 7 ตำแหน่ง)

...


- ไฟหน้า Full LED ใหม่

- Center Lamp ใหม่

- กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่

- ล้ออัลลอย 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่

- ซุ้มล้อสีดำเงา

- แผงคอนโซลดีไซน์ใหม่ วัสดุ TPO

- คอนโซลกลางออกแบบใหม่ แยกปุ่มควบคุมกับจอกลาง

- พวงมาลัยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลดลง


- เพิ่ม Paddle Shift คุมแรงหน่วง

- ไฟ Ambient Light ปรับได้ 64 สี ทำงานร่วมกับระบบ Safe Exit

- หน้าจอกลางเพิ่มขนาดเป็น 14 นิ้ว (เดิม 12.3 นิ้ว)

- กระจกมองหลังแบบดิจิทัล

- Wireless Charger 2 ตำแหน่ง 15W (เดิม 1 ตำแหน่ง 10W)

- USB Type-C ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง เพิ่มกำลังไฟเป็น 60W (เดิม 15W)

- เพิ่ม เบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า

- เพิ่ม ระบบกรองอากาศ nanoe

- ระบบจอดอัตโนมัติในทั้ง 2 รุ่น 

...


สรุป : แม้ออปชันของ Toyota New bZ4X จะไม่ได้มากมายเหมือนรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายจีน แต่หลายๆ เสียงก็มองว่าออปชันที่ค่ายจีนให้มาบางอันก็ไม่ได้ใช้เหมือนกัน และอีกหนึ่งจุดนี้ก็ทำให้รถไฟฟ้าของโตโยต้ากลายเป็นตัวเลือกหลัก ๆ ของคนรักเทคโนโลยีที่อยากจะมีรถไฟฟ้าสักคัน ก็คือมาตรฐานบริการหลังการขาย ที่มีศูนย์บริการ 450 แห่งทั่วประเทศ ไม่ต้องรออะไหล่นาน

ที่สำคัญโตโยต้าได้มีการจัดเทรนช่างโตโยต้าให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับการขาย Toyota New bZ4X อีกด้วย นี่จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประกันภัยของรถไฟฟ้าราคาไม่แพงเพราะบริษัทประกันไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงเรื่องการซ่อม และการจัดหาอะไหล่นั่นเอง

รถโตโยต้าขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ไม่งอแง และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้รถจากโตโยต้าขายดี