เป็นหนึ่งในรถที่จู่ๆกลับมีกระแสความนิยมพุ่งขึ้นมา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงกันมากนัก Nissan NV เวอร์ชั่นสเตชั่นแวก้อนหรือที่เรียกว่า AD Resort นี้ คือความพยายามในการนำเสนอรถให้ตลาดครอบครัวราคาประหยัดในช่วงต้นยุค 90s ซึ่งก็ไม่ประสบผลสำเร็จนัก กลายเป็นว่า NVB หรือ NV Pick-up ซึ่งมาทีหลังนั้นอยู่รอดนานข้ามศตวรรษมาในขณะที่ตัวแวก้อนขายอยู่แค่ราว 2-3 ปีก็เงียบหายไป อย่างไรก็ตามความคลั่งไคล้ในรถยุค 90s บวกกับกระแสรถบอดี้แปลก เช่นคูเป้หรือแวก้อน (อะไรก็ได้ไม่ใช่สี่ประตู) ทำให้มีคนที่รักในสไตล์ของ NV AD Resort นี้เพิ่มขึ้นด้วยความที่ไม่ใช่รถหาง่าย แต่อะไหล่และกลไกหลายส่วนแชร์กับซาก B13 Sentra ได้ แถมแต่งดีๆก็ดูเก๋แบบลุงที่แต่งตัวเป็น

สัปดาห์นี้ เราย้ายค่ายมาเปิดโบรชัวร์รถเก่าจากค่าย Nissan กันบ้าง เพราะน้องอาร์ม ซึ่งซื้อ Nissan Tiida C11 คันเก่าของผมต่อไปเขามีเจ้า NV AD Resort นี้อยู่ด้วย และน้องๆหลานๆอีกหลายคนที่ดูวัยแล้วไม่น่าจะเกิดและโตทันรถรุ่นนี้เปิดตัว กลับหลงใหลอยากได้ไขว่คว้ากันมาจนไอ้ลุงอ้วนอย่างผมเป็นงง..แต่ก็ค้นๆโบรชัวร์ที่บ้าน แล้วก็พบของ Nissan NV แวก้อนนี่อยู่สองเล่ม คือเล่มสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่เป็นโบรชัวร์แจกตอนรถเปิดตัว และเล่มสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ตามมาทีหลัง ก็เลยจัดมาให้ดูทีเดียว เชิญเซฟไปเป็นภาพหรือสเป็คอ้างอิงเวลาดูรถเก่ากันตามใจชอบครับ คอลัมน์เปิดโบรชัวร์เก่าเล่าเรื่องของผม เกิดมาเพื่อรับใช้คุณแบบนี้

...

ไอ้เจ้า Nissan NV AD Resort นี่..จำได้ลางๆนะครับว่าตอนที่สยามกลการให้ข่าวกับสื่อช่วงแรกๆต้นยุค 90s (สมัยนั้นผมก็อยู่มัธยมต้น) เคยไปอ่านหนังสือพิมพ์ผู้จัดการกับบ้านเมืองในห้องสมุด ก็เจอการพูดถึง NV ในแง่ของการเป็นรถโปรเจคต์ใหญ่ของ Nissan ที่จะพัฒนาเพื่อครอบครัวอาเซียน NV ในตอนแรกนั้นย่อมาจาก National Vehicle หรือรถแห่งชาติเนี่ยล่ะครับ แต่ไปอีท่าไหนไม่ทราบ Scope ของการทำงานก็ลดจากรถแห่งชาติ National Vehicle เหลือแค่ New Value หรือคุณค่าใหม่..คือกระป๋องใหม่แต่ปลาข้างในก็เกือบเดิมนั่นแหละคุณ เรื่องนี้ถ้าคุณอยากทราบ คอยติดตามคุณ J!MMY ในเว็บ Headlightmag.com เพราะแกมีเอกสารกับข้อมูลอย่างเยอะและจะเขียนเรื่องราวของ NV ให้พวกคุณอ่านกันอย่างจุใจในเร็วๆนี้

ก็เอาเป็นว่าจากที่ลุ้นๆรถแห่งชาติ ก็กลายเป็นรถแวก้อน ที่ใช้ตัวถัง Y10 ซึ่งที่ญี่ปุ่นจะทำเป็นรุ่น AD van เป็นรถเชิงใช้งาน Fleet/พาณิชย์ ซึ่งถ้าคุณไปสนามบินจะเห็นพวกรถนี้วิ่งไปมาอยู่ตาม Terminal ต่างๆ นั่นล่ะครับ คือเป็นรถเน้นใช้งาน ส่วนเวอร์ชั่นที่ให้ประชาชนซื้อขับเก๋ๆนั้นจะเรียกว่า Nissan Sunny California นั่นเอง ไทยเราก็เอาไอ้อย่างหลังนี่ล่ะครับมาใช้แต่มีการปรับบางจุดให้ต่างกัน พื้นฐานของรถ ก็คือ Sunny B13 ซึ่งบ้านเราขายในชื่อ Nissan Sentra เพราะไอ้ Sunny รุ่นเก่า B11 ยังขายได้และขายดี เมื่อถึงเวลาตกรุ่นสยามกลการเลยบอก เอารุ่นใหม่มาแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น Sentra ดีกว่า ก็ขายคู่กันไปได้...ที่นี้ จุดที่แตกต่างคือรูปทรง แน่นอน Sentra นี่ทรงเหลี่ยมยังกับสบู่ไลฟ์บอย แต่ NV AD Resort นี่มนขึ้น สวยขึ้น ถ้าไม่เห็นคอนโซลหรือดูเครื่องจะนึกว่าเป็นรถคนละค่ายได้เลย

เครื่องยนต์ของ NV แวก้อน มีเพียงแบบเดียวคือ GA16DS 1.6 ลิตรทวินแค็ม 16 วาล์ว จ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาร์บิวเรเตอร์กึ่งไฟฟ้า ECC ซึ่งต้องบอกว่าในช่วงปีนั้น รถเครื่องคาร์บิวเรเตอร์ยังมีขายนะครับถ้าเป็นตัวถูก รุ่นล่างหรือรถที่ราคาต่ำกว่าห้าแสนจากญี่ปุ่นจะถือเป็นเรื่องปกติ แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 95 แรงม้า แรงบิด 13.5 กก.ม. ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะเท่านั้น ไม่มีเกียร์ออโต้ให้เลือก ผมดูแล้วอัตราทดก็เหมือนกับเกียร์ธรรมดาของ Sentra/NX Coupe ทุกวันนี้ถ้าใครยังเจอรถ GA16DS เดิมๆแล้วสภาพดีช่วยกราบรถด้วยหนึ่งครั้งเพราะหายาก ส่วนมากโดนยกวางเครื่องหัวฉีด GA16DE หรือ DNE ที่ประหยัดน้ำมันและแรงกว่า..แล้วก็ใครเจอรถ GA16DS อย่าเที่ยวไปเบิ้ลเครื่องเล่นนะครับถ้าจำไม่ผิดมันไม่มีตัดรอบเหมือนพวกหัวฉีด ก้านขาดขึ้นมาตัวใครตัวมัน ส่วนช่วงล่างนั้น ด้านหน้าเป็นแม็คเฟอร์สันสตรัท หลายส่วนน่าจะใช้กับ Sentra ได้ ส่วนด้านหลังจะต่างกันครับ Sentra จะเป็นแม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วน NV นั้นเนื่องจากต้องการเน้นพื้นที่บรรทุกด้านหลัง เขาก็เปลี่ยนเป็นคานบิดทอร์ชั่นบีม

...

ภายในของรถนั้น เนื่องจากเน้นขายความเป็นรถครอบครัวไทยราคาถูก อุปกรณ์หลายอย่างก็มีให้เท่าที่จำเป็น เวอร์ชั่นไทยเรามีสองรุ่นย่อย คือรุ่นประหยัด SLX ราคา 429,000 บาท และรุ่นที่หล่อหน่อยอย่าง SGX ราคา 469,000 บาท เพื่อเทียบให้ดูว่าถูกหรือแพง สมัยนั้น Sentra รุ่น 1.4 กันชนดำออพชั่นน้อยเครื่องเล็ก ราคา 426,000 บาท และ Sentra Super Saloon ตัวท้อปอยู่ที่ราว 580,000 บาท ผมมองว่าตรงนี้แหละที่ Nissan เขาคิดว่ามันน่าจะขายได้ เพราะราคามันไปสอดตรงกลางระหว่างพวกรถระดับประหยัดเครื่อง 1.3 ลิตรของคู่แข่ง กับรถซีดาน 1.6 ลิตรทั่วไป อีกทั้งยังมีท้ายรถที่โต อเนกประสงค์ ขนของเก่ง เบาะพับราบได้ แล้วเครื่องก็โตกว่าพวกรถ 1.3 ด้วย แต่สมัยนั้น คนส่วนมากยังชอบรถ 4 ประตูกับ 2 ประตูครับ และกระแสคลั่งไคล้รถ SUV กับแวก้อนยังจุดไม่ติดขนาดนั้นในปี 1993 ที่ NV เปิดตัวในไทย

...

เรื่องอุปกรณ์นั้น ด้วยความที่เน้นราคาถูกมากก็เลยอัตคัดไปหน่อย ขนาดตัวท้อป SGX น่ะถ้าผมจำไม่ผิดพวงมาลัยยังไม่มีเพาเวอร์ กระจกทุกบานขึ้นลงด้วยก้านหมุนโยโฉะอยู่เลย หน้าตาแดชบอร์ดและพวงมาลัยก็จะเหมือน Sentra รุ่น 1.6 EX Saloon ตัวรองที่เลิกขายไป พวงมาลัยสี่ก้านดูมีความหรูอยู่บ้าง อย่างน้อยก็มีแอร์ซึ่งปรับทิศทางเป่าลมได้และมีปุ่ม A/C ซึ่งรถใหม่กว่าบางรุ่นก็ไปตัดออกให้อายรถเก่าเสียอย่างนั้น และรุ่น SGX นั้น ภายนอกจะมีจุดต่างคือ ล้อที่มีฝาตบครอบให้ดูสวย (ตอนนี้ใครมี..ถอดเก็บไว้บ้านนะครับ ติดมาเฉพาะตอนมีตติ้งพอ หายากยิ่งกว่าสัตว์สงวน) มีกันชนสีเดียวกับตัวรถ และมีราวหลังคามาให้ ส่วนรุ่น SLX นั้น มาในทรงรถพาณิชย์จริงๆครับ กันชนดำ ล้อมีแค่ฝาปิดดุม พวงมาลัยสองก้าน เครื่องเสียงสเป็คต่ำกว่า ผมว่าเอาเด็กอายุ 20-22 สมัยนี้ดึงเขาจากรถไฟฟ้าใหม่ๆไปนั่ง NV SLX คงมีตกใจบ้างแหละ

...

Nissan NV AD Resort สมัยนั้น ก็ขายความอเนกประสงค์ ขนของได้เยอะนี่ล่ะครับ สโลแกนโฆษณาทีวีของเขาคือ “ไปไหนๆในหนึ่งเดียว” ก็คือ ขนได้ทั้งคน สัตว์และสิ่งของ ไปพร้อมๆกันได้ ซึ่งที่จริงมันก็นั่งได้ห้าคนเท่า Sentra แหละแต่ใส่ของยาวๆได้ง่ายกว่า สมัยนั้น ผมมีเพื่อนชื่อปิ๊ก เรียนมัธยมสาธิตสวนสุนันทาด้วยกัน ผมจำชื่อจริงปิ๊กไม่ได้ แต่จำได้ว่าแม่มันชื่อพูนทรัพย์ ปิ๊กมีน้องชายอีกสองคนที่เป็นฝาแฝด เรียนประถมที่ในรั้วสวนสุนันทาเหมือนกัน ทุกเช้า พ่อปิ๊กจะขับรถมาจอดที่ใต้ต้นลั่นทมข้างตึก 27 ที่สวนสุนันทาแล้วไปทำงาน ส่วนคุณแม่พูนทรัพย์จะนั่งรอลูกอยู่ตรงนั้นจนลูกเลิกเรียน ดังนั้นรถบ้านนี้จะมีสรรพสิ่งของเด็กและผู้ใหญ่อยู่เต็มคัน เสื้อผ้า ของเล่น ของใช้ผู้ใหญ่ และรถคันที่พ่อปิ๊กใช้ก็คือ NV AD Resort SLX สีแดงนี่ล่ะครับ..คือโคตรจะตรงกลุ่มเป้าหมายของ Nissan

แต่ทว่าในยุคนั้น มันก็มีสุริยคราสบังชะตาของ Nissan อยู่อย่างหนึ่งก็คือ คนไทยชอบ Honda ครับ และมองว่า Honda นั้นขับแล้วดูรวยกว่า (เพราะยุค 80s กับ 90s น่ะ Honda ขึ้นชื่อว่าอะไหล่แพงนะครับหลาน) แล้วปี 1993 น่ะ Honda ก็เปิดตัว Civic 1.5 สามประตูขายในราคาสามแสนกลางๆแล้วยังมีรุ่นเกียร์อัตโนมัติอีกต่างหาก ก็คิดดูสิครับว่า ถ้าคุณไม่ได้ขนของเยอะจริง หรืออาจจะขนเยอะแต่มีคนนั่งแค่สองคน ระหว่าง Honda เปรี้ยวๆแต่งหน่อยๆก็แอบเมียไปเหล่เด็กได้ กับ NV ทรงลุง ที่ขับผ่านเด็กมองก็รู้ว่าแต่งงานมานานแล้วแน่นอน คนจะชอบแบบไหน? อย่าเอาความคิดมองโลกแบบเด็กบ้ารถเก่าทุกวันนี้ไปมองนา..มองว่าคุณเป็นคนยุค 90s ที่มีงบซื้อรถคันเดียว เป็นคุณ คุณเอาอะไรล่ะ โถ คุณ สมัยนั้น Honda คือชื่อที่ใครก็ซื้อครับ ต่อให้เครื่องคาร์บิวเรเตอร์รุ่นเก่า อุปกรณ์โคตรกั๊ก เบาะหนังเทียมเกรดเดียวกับ Nissan BigM รถสองแถวหน้าปากซอย ไม่มีใครสนครับ พอมี H แล้วราคาถูก คนไม่ถามอะไรมากแล้ว

NV AD Resort ก็เลยกลายเป็นรถที่ต้องมีแต่พวกบ้าหอบฟางนั่นแหละครับที่จะซื้อ แล้วกลุ่มนี้ก็คือคนส่วนน้อยเพราะสมัยนั้นการติดต่อสื่อสารบนโลกมันไม่ได้เหมือนสมัยนี้ มันแทบไม่มี Scene ในชีวิตที่เราจะต้องหาที่ปั่นจักรยานหรือทำกิจกรรม Outdoor เล่น เพราะมันไม่มี Social Network หรือ Community ที่คนเอาสถานที่เด็ดๆ เคล็ดลับดีๆมาแชร์ 90s คือยุคที่การกางเตนท์ไม่ใช่สันทนาการ คือ ตรูกางเพราะตรงนั้นมันไม่มีโรงแรม มันคือป่า แล้วพวกที่เข้าป่าก็ไม่ได้ขับสเตชั่นแวก้อนขับหน้าหน้าตาน่ารักเข้าป่าอยู่แล้ว..เก็ทไหม? ส่วนเรื่องการบรรทุกของ คนที่จะบรรทุกจริงๆก็มักจะข้ามไปรถกระบะ เพราะสมัยนั้นคนเชื่อว่ายังไงกระบะก็ทน น้ำมันดีเซลก็ถูกกว่าเยอะ ไม่ได้มองเรื่องการขับคล่องขับสบาย

มันก็น่าสงสารตรงที่ในปี 1993-1995 คุณสามารถเจอซีดานหลักล้านอย่าง Cefiro A31 หรือสปอร์ตคูเป้อย่าง 200SX S13 ได้บ่อยกว่าเจอรถหลักแสนอย่าง NV AD Resort เสียอีก ดังนั้น ขายอยู่ไม่กี่ปี มันก็ทยอยถอยไปอย่างเงียบๆแล้ว Nissan ก็ดัน NVB Pick-up ขึ้นมารับช่วงต่อแทน และอาศัยความที่ราคาถูกมากบวกกับขับง่าย และขนของไม่หนักได้ มีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนขึ้น และขายต่อมาได้แบบเรื่อยๆ

แต่นั่นล่ะครับ ทำให้รถธรรมดาที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึงการใช้งานจริง ความทนทาน ความอเนกประสงค์ในขนาดกระทัดรัดอย่าง NV AD Resort กลายเป็นรถ 90s ที่เป็นของ Rare หาดูไม่ง่าย แต่ดูแลไม่ยาก จับมาใช้เดิมๆในวันนี้ก็ดูคลาสสิค หรือแต่งเป็นแนว JDM ด้วย หาของญี่ปุ่นใส่หน่อย หาหน้าปัดดิจิตอล NX Coupe มาแปลงใส่ โหลดลงนิดๆ จับใส่ล้อซิ่ง ก็เป็นรถไปมีตติ้ง 90s ที่ไม่ธรรมดา และไม่พาเงินในบัญชีให้แห้งเร็วเกินไป (นัก)


Pan Paitoonpong