Mini เป็นรถยนต์คันเล็กน่ารัก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามแบบฉบับของรถอังกฤษในยุค 60 เป็นแบรนด์ที่มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่น แม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็มีพื้นที่สำหรับผู้โดยสารสี่คนและยังมีพื้นที่สำหรับเก็บสัมภาระในท้ายรถอีกด้วย ปี 1999 Mini ได้รับการโหวตให้เป็นรถยนต์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดเป็นอันดับสองของศตวรรษที่ 20 โดย Global Automotive Elections Foundation ตามหลัง Ford Model T โดยมีการผลิต Mini รุ่นดั้งเดิม มากกว่ารถยนต์สัญชาติอังกฤษแบรนด์อื่น (5.4 ล้านคัน) การผลิตซึ่งถือเป็นอีกสถิติหนึ่งของรถยนต์อังกฤษไซส์จิ๋วที่ผลิตเป็นจำนวนมากตลอดระยะเวลา 63 ปี

...

MINI เปิดตัวรุ่นพิเศษส่งท้ายเจเนอเรชั่นปัจจุบันด้วย MINI Cooper S Hatch Mayfield Edition รุ่นส่งท้ายเจเนอเรชั่นปัจจุบันที่ผลิตจำนวนจำกัด MINI Cooper S Hatch Mayfield Edition ผลิตขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติสหราชอาณาจักร ประเทศต้นกำเนิดของ MINI พร้อมกับการตอบรับเทรนด์เรื่องการรักโลก ความสงบ และความสมดุล ด้วยแรงบัลดาลใจจากทุ่งดอกลาเวนเดอร์ MINI Mayfield ทางตอนใต้ของลอนดอน สู่ดีไซน์แปลกตา พร้อมโทนสีหลังคาที่สวยงามสุดๆ ด้วยโทนสี Digital Lavender สุดพิเศษ ตั้งแต่ลายเส้นตั้งตรงและทแยงในรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของ MINI Cooper ตัวอักษร Mayfield สีม่วงแวววาว ลวดลายภาพดอกลาเวนเดอร์บริเวณประตูท้าย ประกบด้วยไฟท้ายลายธง Union Jack อันเป็นเอกลักษณ์ของ MINI 

...

...

...

MINI Cooper S Hatch Mayfield Edition ยังสะกดทุกสายตาด้วยหลังคาสีฟ้ามัลติโทน สะท้อนถึงเฉดสีอันหรูหราที่ได้จากการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสี Soul Blue สี Pearly Aqua และสี Jet Black การพ่นสีแต่ละชั้นใช้เทคนิค wet-on-wet ทำให้รถแต่ละคันมีเฉดสีที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร สีหลังคาภายนอกตัดกับสี Piano Black ตรงขอบประตูด้านนอกและล้อรถลวดลาย Tentacle Spoke ขนาด 17 นิ้วอย่างลงตัว ขณะที่การออกแบบภายในยังคงความรู้สึกหรูหราด้วยเบาะหนังเทียม Carbon Black พร้อมตัวอักษร "Mayfield" ที่โดดเด่นสะดุดตา ครบครันด้วยความบันเทิงและการเชื่อมต่อจากระบบเสียงของ Harman Kardon และแพ็คเกจระบบนำทาง Connected Navigation ที่รองรับ Apple CarPlay ภายในยังให้กลิ่นอายทุ่งลาเวนเดอร์ด้วยน้ำหอมกลิ่น Relaxing Twilight ที่มาพร้อมกับรุ่น Mayfield Edition

ไฟหน้าติดตั้งระบบส่องสว่างอัตโนมัติ Adaptive LED ไฟหรี่กลางวัน Daytime Running Light ไฟเลี้ยว LED กระจังหน้าและกันชนหน้าโฉม LCI ระบบไฟแบบ Adaptive LED ใน MINI Cooper S Convertible LCI ปรับตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัย ผนวกระบบไฟส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light) และระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (Matrix high beam) โดยขณะเข้าโค้ง จะเปิดไฟส่องตามทิศทางของรถอัตโนมัติ พร้อมควบคุมการทำงานของไฟสูงอัตโนมัติตามสภาวะการจราจรขณะขับขี่ที่ความเร็วมากกว่า 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ระบบไฟหน้า LED จึงแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ซึ่งแต่ละส่วนทำงานอย่างอิสระ นอกจากนี้ ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (Matrix high beam) ยังช่วยลดการรบกวนสายตาแก่รถยนต์คันอื่น กล้องหน้าของรถจะตรวจจับรถที่ขับสวนมา หรือรถยนต์ด้านหน้า ระบบจะปรับไฟสูงเป็นไฟต่ำโดยอัตโนมัติ ฝากระโปรงมีสคูปรับอากาศสำหรับระบายความร้อนในห้องเครื่อง แก้มข้างติดตั้งแถบสัญลักษณ์ S มือจับประตูสีดำ ฝาถังเชื้อเพลิงดำ รวมถึงชิ้นงานตกแต่งภายนอกสีดำที่ตัดกับสีเหลืองได้อย่างลงตัว ไฟท้ายลายธงยูเนียนแจ็คเป็นมาตรฐานสำหรับทุกรุ่น ไฟท้ายลายธงยูเนียนแจ็ค เป็นเอกลักษณ์ที่แสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง ไฟท้ายอังกฤษยัง เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ Mini Hatch 3 ประตู และ Mini Convertible ลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธงชาติอังกฤษ โทนสีเข้มขึ้น พร้อมระบบไฟ LED ทั้งหมด ยกเว้นไฟถอยจอด ล้ออัลลอยลายพิเศษแบบ 10 ก้านคู่ ขอบ 7.5J x 18 นิ้ว ความพิเศษของล้อรุ่นนี้ก็คือ ฝาครอบดุมล้อที่เป็นลวดลายดอกลาเวนเดอร์จะอยู่ตรงกลางตลอดเวลาแม้จะวิ่งด้วยความเร็วสูง ยางรันแฟลต Pirelli Cinturato P7 ไซล์ 205/40 R18 99W ทั้งสี่ล้อ

มิติตัวถังของ Mini Cooper S LCI มีขนาดความกว้าง 1,727 มิลลิเมตร ยาว 3,850 มิลลิเมตร และสูง 1,415 มิลลิเมตร ฐานล้อแนวรถโกคาร์ทวัดจากดุมล้อหน้าไปถึงดุมล้อหลัง 2,495 มิลลิเมตร ระยะห่างระหว่างล้อหน้า 1,485 มิลลิเมตร หลัง 1,485 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้อง 115 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,270 กิโลกรัมการเสริมแชสซีให้มีความแข็งแรงทนทานต่อการบิดตัวทำให้อารมณ์หรือฟิลลิ่งของรถโกคาร์ทคมชัดมากยิ่งขึ้น 

เครื่องยนต์เบนซิน Mini TwinPower Turbo แบบแถวเรียง 4 สูบ วางตามขวาง ขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุ 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบแปรผัน Twin Scroll เติม สัญชาตญาณการตอบสนองที่ปรับให้มีความฉับไว แรงบิดที่เป็นเอกลักษณ์สร้างแรงดึงแนวสนุก กำลังขับเคลื่อนในรูปของแรงม้าที่เพิ่มขึ้น จากการพัฒนาระบบอัดอากาศ Turbo แบบ Twin Scroll มาใช้งาน เครื่องขนาด 1,998 ซีซี กำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์ 192 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร (เพิ่มแรงบิดสูงสุดเป็น 300 นิวตันเมตรด้วยโอเวอร์บูสต์) ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ปรับอัตราทดใหม่ ขุมกำลัง 2 ลิตรเทอร์โบถ่ายทอดเอกลักษณ์ของรถเล็กสัญชาติสปอร์ตและการขับขี่สไตล์โกคาร์ตเหมือนเดิมทุกประการ พร้อมเสียงท่อท้ายที่เร้าใจ

Mini Cooper S Hatch Mayfield Edition F57 LCI เบาะหนังสีดำปรับมือ เย็บเดินตะเข็บสีขาว เบาะรองด้วยวัสดุบุนุ่ม ปรับให้ท่านั่งขับต่ำเตี้ยติดพื้นแบบสปอร์ต เบาะคนนั่งและคนขับยังคงใช้การปรับเบาะด้วยมือล้วนๆ ผ่านกลไกการปรับเบาะสำหรับการเลื่อนเดินหน้า ถอยหลัง หรือยกขึ้นลงออกมาในแนวดิบๆ พวงมาลัยแบบใหม่นั้นปรับได้สี่ทิศทาง ตำแหน่งของการนั่งใน Cooper S เวอร์ชันปรับโฉม ให้สัมผัสที่พอดิบพอดีสำหรับคนที่มีรูปร่างปกติ เบาะแบบสปอร์ตหุ้มหนังแท้ออกแบบให้โอบรัดแผ่นหลัง ทำให้รู้สึกถึงความกระชับยามนั่ง การออกแบบใหม่ในบางจุดโดยยังคงการจัดวางแบบเดิม ทำให้ห้องโดยสารของ Cooper S Hatch กว้างขึ้นเล็กน้อย ทรงของตัวรถที่สั้นและมีฐานล้อไม่ยาวเกินไป ทำให้ความรู้สึกไม่ว่าจะขับช้าหรือขับเร็ว ล้วนแล้วแต่ตอบสนองออกมาในแนวคล่องตัวว่องไว เหมาะกับการซอกแซกไปบนถนนเส้นเล็กๆในเมือง คุณภาพวัสดุ งานประกอบห้องโดยสารใน Mini Cooper S LCI เน้นความประณีต จากการปรับปรุงและการจัดวางที่ลงตัว แดชบอร์ดมีการปั๊มนูนเพื่อเชื่อมโยงกับดอกลาเวนเดอร์ Mayfield Edition สวิตช์เปิดปิดกระจกบานประตูบริเวณแผงประตูทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น แป้นควบคุมที่ใช้ระบบสัมผัส พร้อมกราฟิกที่เข้าใจได้ง่าย ออกแบบโดย BMW Group ซอฟต์แวร์สั่งงานแบบใหม่ทำให้เข้าและออกจากเมนูต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เบาะหลังยังคงคับแคบเหมือนเดิม เหมาะกับเด็กมากกว่า แต่เบาะคู่หน้ามีพื้นที่บริเวณไหล่เพิ่มขึ้นซึ่งจะทำให้เวลานั่งหรือขับนั้นรู้สึกโปร่งโล่งพอสมควร

งานตกแต่งภายในของ Cooper S Hatch Mayfield Edition F57 LCI หน้าจอแสดงผลหรือมาตรวัดรอบตรงหน้าคนขับ ฟังก์ชั่นการใช้งานในระบบอินโฟเทนเมนต์ คอนเซปต์การสั่งงานค่อนข้างง่าย จุดที่ทำได้ดีก็คือ ความกว้างที่เพิ่มขึ้นมอบพื้นที่ใช้สอยส่วนหน้าที่ทำให้ไม่อึดอัด แม้ห้องโดยสารจะมีขนาดเล็ก เบาะนั่งทั้งสี่ตำแหน่ง ที่นั่งด้านหน้าปรับตำแหน่งได้ครอบคลุมทุกสรีระของผู้ขับ เพิ่มพื้นที่เบาะโดยสารด้านหลังมากกว่าเดิม 23 มิลลิเมตร เบาะหลังแม้จะปรับพื้นที่ใหม่แต่ยังเล็กเกินไปสำหรับการนั่งโดยสาร เบาะหลังพับแยกได้แบบ 60:40 สำหรับช่องเก็บสัมภาระที่กระโปรงหลังเพิ่มความจุ 51 ลิตร รวมเป็น 211 ลิตร เพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการบรรทุกสัมภาระ หัวใจสำคัญของการออกแบบใหม่ล่าสุดก็คือ หน้าจอแสดงผล ที่จัดฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่หมด รวมถึงกราฟิกแสดงผลก็ปรับใหม่ทั้งหมด บนแผงหน้าปัดบริเวณแกนพวงมาลัย ด้วยหน้าปัด TFT ขนาด 5.5 นิ้ว ที่ถูกใช้เป็นครั้งแรกใน Cooper SE แล้วยกมาใส่ใน Cooper S เครื่องยนต์สันดาปรุ่นปรับโฉม เป็นจอภาพมาตรวัดแสดงผลความเร็วอัตราเร่ง รอบเครื่องยนต์ มาตรวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง ตัวเลขความเร็วแบบดิจิทัลที่อ่านค่าได้ง่าย

ฟีเจอร์และรูปแบบฟังก์ชั่นการใช้งานระบบ Infotainment และ Digitalization เมื่อเข้าไปใน Cockpit หน้าจอกลาง 8.8 นิ้ว ที่ฝังอยู่ด้านในของชุดแดชบอร์ด การออกแบบแผงหน้าปัดที่หันมาใช้จอแสดงผลมาตรวัด TFT 5 นิ้ว ปัจจุบันกลายเป็นจอภาพมาตรวัดแบบมาตรฐานในทุกรุ่น ผสมผสานกับรูปแบบ ที่ให้ความรู้สึกทันสมัย จอกลางที่กำหนดค่าได้อย่างหลากหลาย โทนสีที่มีให้เลือก 2 แบบ (Lounge & Sport) สำหรับ Sirius Satellite Radio เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ Mini ทุกรุ่นในรุ่นปี 2023 ให้บรรยากาศภายในใหม่และมีรูปแบบที่ร่วมสมัย ด้วย Mini Ambient Light ใหม่ที่มี 6 สีแตกต่างกัน ซึ่งเข้าคู่กันอย่างลงตัวกับโหมดขับเคลื่อน 3 รูปแบบ พวงมาลัยออกแบบใหม่ยังมาพร้อมกับปุ่มมัลติฟังก์ชั่น ปุ่มต่างๆ ที่ติดตั้งออกแบบให้มีพื้นผิวเรียบ ใช้สีดำเปียโนแบล็ก รวมถึงการออกแบบใหม่สำหรับก้านวงในพวงมาลัยแบบสปอร์ตที่หุ้มด้วยหนังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน Mini Hatch 3 Door Cooper S ติดตั้งระบบความปลอดภัยใหม่ ด้วยระบบ Driving Assistant เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ MINI ทั้งหมดในประเทศไทย การควบรวม Lane Departure Warning ซึ่งสามารถแจ้งเตือนคนขับผ่านการสั่นสะเทือนของพวงมาลัย ผู้ขับยังได้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแอ็กทีฟ ซึ่งขณะนี้สามารถทำงานได้แบบ Stop & Go (เฉพาะกับรุ่นเกียร์อัตโนมัติและเกียร์คลัตช์คู่)

พวงมาลัยมีขนาดที่พอดี ทำงานด้วยมอเตอน์ไฟฟ้าแปรผันน้ำหนักและขึ้นตรงกับโหมดของการขับเคลื่อน 3 รูปแบบ (Green mode / Mid Mode / Sport Mode) ก้านวงของพวงมาลัยติดตั้งสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นสั่งงานระบบเครื่องเสียงและระบบโทรศัพท์แบบบลูทูธ แป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังแท้เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาวของ Cooper S จับถนัดมือดีมาก มาพร้อมก้านวงที่มีสัญลักษณ์ Mayfield Edition

MINI Cooper S Hatch Mayfield Edition สืบทอดเอกลักษณ์ของรถยนต์แฮทช์ 3 ประตูแบบดั้งเดิม พร้อมเติมเต็มความสนุกในการขับขี่และความแม่น ส่งตรงสู่ประเทศไทยในจำนวนจำกัด 12 คัน ด้วยสีดำ Midnight Black และสีขาว Nanuq White พร้อมให้แฟนๆ มินิชาวไทยได้เฉลิมฉลองไปพร้อมกับความงามของธรรมชาติที่ตัดกันอย่างลงตัวกับพลังบวกของมนุษยชาติ ซึ่งหาได้ที่ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ Mayfield และ MINI Cooper S Hatch Mayfield Edition รุ่นพิเศษนี้เท่านั้น

MINI Cooper S Hatch Mayfield Edition ราคา 2,969,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรม MSI Standard)