รถยนต์ในสมัยนี้มีข้อได้เปรียบเหนือรถจากยุคก่อนเป็นอย่างยิ่งในเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ นวัตกรรมเซนเซอร์และไมโครชิปต่างๆ ถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้ Performance Car ทั้งหลายขับได้ดังใจสั่ง ตอบสนองเร็วและลดโอกาสแวะลงข้างทางโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ย้อนไปกว่า 30 ปีที่แล้ว ในยุคที่ระบบช่วยการขับขี่ยังไม่พัฒนามาไกลเช่นทุกวันนี้ การปรุงแต่งรถให้เหมือนธนูที่ไปตามสั่งของผู้ยิง ขึ้นอยู่กับเรื่องพื้นฐานฟิสิกส์ การกระจายน้ำหนัก และการส่งกำลัง ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้ Impreza WRX ครองใจนักซิ่งยุคแพ็กลิงก์มาจนถึงปัจจุบัน


...
ถึงจะขึ้นหัวเรื่องว่าแก่แต่น่าสอย แต่อย่าได้คิดว่าคุณจะได้เจอบทความพาดูพาซื้อรถ Subaru Impreza WRX GC/GF มือสองเลยนะครับ เพราะรถรุ่นนี้ก็เป็นอีกรุ่นที่ขึ้นหิ้งคลาสสิกไปแล้วแม้คุณจะรู้สึกเหมือนมันเพิ่งเปิดตัวไม่นานก็ตาม การตั้งราคาของรถรุ่นนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของคนขาย รวมถึงสภาพของรถโดยรวม เครื่องยนต์ทำอะไรมาบ้าง ตัวถังยังดีแค่ไหน แต่ผมพอจะบอกแบบไม่เอาบุญได้ว่า ถ้าคุณอยากได้ Performance Car จากยุค 90s ที่ราคายังไม่ถึงขั้นต้องขายบ้านซื้อ Impreza Gen. 1 นี้ยังพอมีให้คุณเลือกหลายแบบหลายราคา


ความน่าเล่นของ Impreza WRX อยู่ที่การเป็นรถที่ Subaru สร้างขึ้นมาพิชิตชัยการแข่งขันแบบ Rally ซึ่ง Audi เป็นเจ้าแรกในวงการตะบี้ตะบันทางฝุ่นที่พิสูจน์ให้เห็นว่า “พละกำลังไม่มีความหมายถ้าคุณจับพลังนั้นลงพื้นไม่ได้” พวกวิศวกรเยอรมันทำให้เห็นด้วยรถอย่าง Audi Ur Quattro ว่าการเอาระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลามาใช้ในรถแข่งทางฝุ่น สามารถทำให้รถไปได้เร็วขึ้นมากขนาดไหน นั่นน่ะคือปี 1980 หรือ 44 ปีมาแล้วนะครับ แต่ราวหกปีต่อมา ญี่ปุ่นก็เดินตามอย่างโดยค่ายญี่ปุ่นเจ้าแรกที่ลง WRC ด้วยเครื่องเทอร์โบกับระบบขับสี่ก็คือ Toyota Celica GT-Four แล้วหลังจากยุคนั้นมา ก็เป็นยุคทองของแรลลี่ขับสี่อันประกอบไปด้วย Subaru, Mitsubishi และช่วงท้ายๆ ของ Lancia Delta Integrale


...

Subaru กับ Mitsubishi เป็นเพื่อนร่วมชาติที่มีความคล้ายกันสมัยนั้น กล่าวคือเอารถครอบครัวบ้านๆ คันค่อนข้างโตอย่าง Legacy Turbo RS กับ Galant VR-4 มาลงแข่งก่อน จากนั้นต่างคนต่างก็พัฒนารถขนาดเล็กลงมาฟาดฟันกัน จาก Legacy vs Galant ก็กลายมาเป็น Impreza vs Lancer ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ถ้าคุณอยากได้อะไรที่เป็นมรดก WRC ยุค 90s แล้วยังใช้งานได้ระดับหนึ่ง ณ วันนี้ Impreza WRX คือตัวเลือกหนึ่งที่จะหารถสภาพดีในราคาที่เมียเห็นแล้วไม่กระทืบเราได้เยอะสุด แม้ว่าบางคันจะไม่ใช่ WRX แท้ แต่เป็นรถแปลงมาจากรุ่น 1.6 หรือ 1.8 ลิตรที่นำเข้ามาขายในไทย ก็ช่างมันเถอะครับ เพราะแม้ตัวถังจะไม่ได้เหมือนกัน 100% แต่การแปลงเป็น WRX ก็เบางานกว่าการทำ Lancer เป็น EVO มาก

...


รูปทรงของรถนั้น ขออาศัยความเผด็จการในฐานะคนเขียนบอกเลยว่า “ถ้าเทียบกับยุคสมัยที่มันเปิดตัว แล้วมองเทียบกับชาวบ้านที่วัยเท่ากันด้วย Impreza เจเนอเรชันแรกนี่ล่ะคือ Impreza/WRX ที่ทำทรงมาหล่อยาวๆ สุดแล้ว” ไม่มีอะไรที่ดูรกเลอะเทอะจนขัดสายตา ถ้าคุณเอากันชนรูสปอตไลต์เบ้อเร่อ เอาหางหลังออก WRX จะดูคลีนเหมือนกินคีโตมาชาติเศษๆ ไม่ค่อยมีจุดที่ให้คุณต้องมานั่งคิดว่าตกลงมันสวยหรือไม่สวย ไม่ต้องมานั่งเถียงกันเหมือนพวกรุ่นใหม่ๆ ที่มาภายหลัง เส้นสายด้านข้างของรถได้รับแรงบันดาลใจมาจากหงษาเวลาโบยบิน หลังคาช่วงซีกหลังจึงดูสูง เหมือนรถมันอยากกระโจนไปข้างหน้าตลอดเวลา อีกทั้งมองแล้วชวนนึกถึงฝาครอบห้องนักบินของเครื่องบินขับไล่โซเวียตอย่าง MiG-29 อีกด้วย
...


ในช่วงแรก รูปโฉมภายนอกเขาจะเน้นคลีน แต่พอในโฉมท้ายๆ ก็คงทนกระแสหางหลังอันเท่าใบเรือสำเภาของ Lancer Evolution IV กับ V ไม่ไหว Subaru ก็เลยเอาหางหลังอันใหญ่ๆ มาใส่ในรถ STi Version 5 และ 6 ตัวท้ายๆ ซึ่งโฉมหลังๆ นี้ว่ากันว่าหล่อสุดแล้วเพราะได้ไฟหน้าตาเพชร และกระจังหน้าแบบงุ้มมางับกันชนนิดๆ ส่วนตัวผมกลับชอบหน้าตาของ Version 4 ที่ดูเรียบๆ กับหางหลังอันขนาดกลางๆ มากกว่า

แต่เปิดประตูเข้ามาข้างในรถ อย่าคาดหวังว่าคุณจะได้อะไรมากไปกว่ารถครอบครัวเฮ็นเบะที่ใส่เบาะซิ่งมาให้จากโรงงาน ความสวยงาม หรือวัสดุ เป็นความประทับใจระดับเดียวกันกับที่คุณจะพบได้ใน Toyota Corolla คุณป้าข้างบ้าน ในรถเวอร์ชันแรกๆ แดชบอร์ดจะดูเหมือนรถชั้นประหยัด แต่มีเส้นสายโค้งตามขอบบนกับช่องแอร์บ้าง ในรถรุ่นหลังๆ ค่อยปรับเปลี่ยนทรงของแดชบอร์ดและแผงประตูให้มีความเหลี่ยมแบบรถยุโรปผสานเข้าไป แต่ความยุโรปไม่ได้แปลว่าหรูครับ Impreza Gen. 1 ส่วนมากมีแค่แอร์ วิทยุ/เทป/CD ล้ออัลลอย เบาะซิ่ง กระจกไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อก และแค่นั้น อุปกรณ์ความปลอดภัย ถ้าไม่นับถุงลมนิรภัยที่มาในรุ่นหลังๆ คุณก็จะมีแค่เบรก ABS นี่คืออุปกรณ์แบบที่คุณจะได้จากรถ C-Segment ยุค 90s ถ้าใช้คำแบบอวยรถเก่า ก็ต้องบอกว่า “ไม่มีอะไรมาปันสมาธิคุณจากการขับไปได้” แต่มองมุมกลับกันก็คือเป็นระบบพึ่งตัวเอง ถ้าคนขับพลาดทุกอย่างคือพลาด
สมัยนี้มีระบบช่วยกันพลาดมาให้เยอะแยะ แต่ยุคนั้น เซนเซอร์หลังยังเป็นของแปลกเลยครับ กล้องถอยหลังคืออะไรไม่รู้จัก เซนเซอร์หน้านี่ยิ่งหาดูยาก เพราะรุ่นน้าจะใช้เป็นเสากะระยะแทน แต่คนขับ WRX ต่อให้กะระยะด้านหน้าไม่เก่ง ก็ไม่มีใครติดเสากะระยะไว้มุมหน้าซ้ายหรอกเพราะกลัวโดนเพื่อนล้อ สู้เบียดเสาสีถลอกแล้วบอกว่ากรูเมา ยังดีกว่าใส่เสาให้เพื่อนครหา

ในด้านวิศวกรรม Subaru เลือกสิ่งดีๆ ที่เคยสร้างไว้ตั้งแต่ Legacy ตัวแรก แม้ขนาดตัวรถต่างกัน แต่ช่วงล่าง เครื่อง เกียร์และเบรกของรถสองรุ่นนี้สามารถสลับใส่กันได้ หัวใจของความเป็น WRX ก็รับมาจาก Legacy Turbo เช่นกัน มันคือเครื่องยนต์ EJ20 Turbo นั่นเอง ทว่าถูกเปลี่ยนอินเตอร์คูลเลอร์จากแบบระบายความร้อนด้วยน้ำ เป็น “อินเตอร์บน” ระบายความร้อนด้วยอากาศแทน พวกรถรุ่นแรกๆ ที่เรามักเรียกว่า Version 1 และ 2 ที่ขายช่วงปี 1992-1995 นั้นจะวางอินเตอร์คูลเลอร์แบบเฉียงๆ และใช้คอยล์จุดระเบิดแบบสูบใครสูบมัน หลังจากกันยายนปี 1996 เป็นต้นมา อินเตอร์คูลเลอร์จะวางขวางแบบซื่อๆ แล้วเปลี่ยนระบบจุดระเบิดมาเป็นแบบ Waste Spark 1 คอยล์จุด/2 สูบ เสื้อสูบของ Impreza WRX ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อแบบเปิด (Open-deck) ซึ่งต่างจาก Legacy ที่ใช้เสื้อสูบแบบตัน (Closed-deck) ที่ทนการทรมานได้ดีกว่า แต่ก็มีข้อยกเว้นในรถพิเศษรุ่น RA หรือ STi บางรุ่นที่ยกเสื้อสูบตันนี้กลับมาใช้

Impreza WRX ใช้เทอร์โบเดี่ยว ด้วยเทคโนโลยีในยุคนั้น ทำให้ยังไม่มีระบบแสนกลแปรผัน หรือท่อเข้าแบบ Twin-scroll ใดๆ การจะใช้เทอร์โบรุ่นไหนก็ขึ้นอยู่กับว่ามาจากรถสเปกอะไร สมัยนั้นรถ WRX สเปกไทยมักจะมาเป็นเทอร์โบไซส์ค่อนข้างเล็กของ Mitsubishi รหัส TD-04 (ในขณะที่ Legacy จะใช้เทอร์โบ IHI RHB-52 ซึ่งยุคนั้นพวก Toyota กับ Honda เซ็ตโบจะชอบหารุ่นนี้ไปใส่) ส่วนพวกรุ่นในญี่ปุ่น จะมีทั้งเทอร์โบ TD-04 ลูกเล็กที่มักมาในรุ่น Sportswagon หรือพวกเกียร์ออโต้ และ IHI RHF-5 ซึ่งจะมีโข่งหลายเบอร์ โดย VF-22 ถ้าจำไม่ผิดเป็นตัวที่โข่งโตเน้นรอบปลายมากที่สุด

นอกจากนี้ จะยังมีคำพูดในวง Subaru ว่า คอขาว กับคอแดง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับคนทำงานในร่มหรือตากแดด แต่หมายถึงสีคอไอดีครับ พวกคอขาว มักจะมาจากรถ WRX เทอร์โบรุ่นปกติ ในขณะที่พวกคอแดง จะเป็นเครื่องที่มาจากรุ่นพิเศษ WRX STi ซึ่งมักจะมาพร้อมของดีอื่นๆ เช่นท่อนล่างที่ทนงานหนักกว่า ลูกสูบอัตราส่วนกำลังอัดต่ำรองรับบูสต์สูง ช่วง 20 ปีก่อนจำได้ว่าเวลาซื้อขาย Impreza มือสองแต่ละที คนซื้อจะหวั่นใจว่ารถที่คุณซื้อนั้นใช่คอแดงแท้จริงหรือเปล่า เพราะสมัยนั้น บางคนที่ชั่ว มันก็ชั่วจริงนะครับ ทำรถมาขายลูกค้า บอกว่าคอแดงแท้ยกตัว แต่ลูกค้าเอารถไปโมเพิ่มแล้วพัง ก็บอกว่าลูกค้าตีนหนัก
แต่พอให้ช่างรื้อเครื่องออกมา อ้าว..มาม่าเอ๊ย ทั้งลูกสูบก้านสูบของเครื่องคอขาวนี่หว่า อันนี้คือน่าด่า แต่ด่าเฉพาะคนที่ย้อมความจริงลูกค้านะครับ ส่วนพวกที่ใช้รถตัวเองไม่ได้จะขาย แต่ไปทำสีแดงเล่นๆ อันนี้ไม่ว่ากัน มีกระทั่งเพื่อนผมบางคน เครื่องคอขาวทั้งตัวแต่รอบนอกเป็นคอแดงหมด แต่ตอนมันขายรถก็บอกคนที่ซื้อต่อว่าคอขาวนะพี่ ยั้งๆ เท้าไว้หน่อย เพราะความเชื่อสมัยนั้นคือท่อนล่างคอขาว ถ้าเห็นม้าที่ล้อเกิน 300 คือเตรียมพัง ก็มักจะไม่นิยมจูนแรงกันเกินนั้น ทั้งที่ความจริง คอแดงแท้ๆ บางคันม้าที่ล้อข้าม 300 ไปแช่ยาวบูรพาวิถีแล้วพังก็มีครับ EJ20 กับชาฟท์ละลาย เป็นของคู่กันเหมือนคอฟฟี่เมตกับเนสกาแฟเอ็กซ์ตร้าครับ
พูดถึงเครื่องยนต์ EJ นี้ ถ้าคุณเห็นเครื่องคอขาวอินเตอร์เฉียง ม้าเดิมๆ ของมัน ถ้าเป็นเครื่องของรถสเปกไทยหรือออสเตรเลีย จะมีพลังราว 210 แรงม้า ส่วนรถไทยที่เป็นคอขาวอินเตอร์ตรง สเปกจะบอกไว้ 218 แรงม้า ซึ่งน้อยมากในยุคนี้ แต่ในปี 1992 ตอนมันเปิดตัว สาวกซูฯ เขาจะขิงความที่มันทำ 0-100 ได้ใน 5.9 วิ เท่า Ferrari 348TB (บางอย่าง..สมัยนี้คนเราก็ไม่เปลี่ยนครับ ไร่ขิงกับไอ้ 0-100 เนี่ยแหละ) คืออาจจะไม่ได้แรงมาก แต่สมัยนั้น ความที่ WRX สเปกไทย 210 แรงม้ามันขายในราคา 980,000 บาท ความว้าวของเราในเวลานั้น ก็พอๆ กับที่หลานๆ สมัยนี้เห็นแรงม้าและราคาของ BYD Seal Performance นั่นล่ะครับ
ส่วนเครื่องที่มาจากญี่ปุ่นนั้น มีหลายแบบมาก ถ้าเป็นพวกคอขาวปี 98-99 นั้น แรงม้าทะลุไปถึง 280 เท่าพวกคอแดง แต่ท่อนล่างจะไม่รองรับการโมดิฟายหนักๆ เท่า ส่วนพวกคอแดงส่วนมาก 90% แรงม้าเดิมมา 280 กันทั้งนั้น ส่วนแรงบิดก็ 35-36 กก.ม. อาจจะดูว่าน้อย แต่สมัยนั้นเครื่อง 1JZ-GTE ของ Toyota ก็อยู่แถวๆ 38.5 กก.ม. แค่นั้นครับ ในเวอร์ชันญี่ปุ่นนั้น เครื่องที่แรงที่สุด อยู่ใน Impreza Coupe รุ่นตำนาน ที่ชื่อ STi 22B สองประตู ที่แม้ในโบรชัวร์จะบอกว่ามี 280 แรงม้า แต่เชื่อกันว่าแท้จริง ไปไกลกว่านั้นมาก แรงบิดอยู่ที่ 37.0 กก.ม.




Impreza STi 22B นั้น ถือว่าเป็นรุ่นเทพที่สุดของเจเนอเรชันแรกที่ได้รับความเคารพดุจจักรพรรดิ เพราะทั้งโลกนี้มีเพียงแค่ 424 คัน (ปัจจุบันเหลือน้อยกว่านั้น) ทันทีที่เปิดให้จองในปี 1998 รถ 22B ที่ราคาแพงหูฉีกถูกจับจองหมดภายใน 24 ชั่วโมง จุดเด่นของรถรุ่นนี้คือ แอโร่พาร์ทภายนอกออกแบบโดย Peter Stevens (ชายผู้ซึ่งออกแบบ McLaren F1) มีโป่งข้าง Wide Body และล้อ BBS ขอบ 17 นิ้วสีทอง สปอยเลอร์หลังแบบเฉพาะรุ่นปรับองศาได้ เครื่องยนต์ขยายจาก 1,994 เป็น 2,212 ซี.ซี. ใช้ลูกสูบและก้านสูบเป็นสเปกพิเศษ และเสื้อสูบก็เปลี่ยนกลับไปใช้แบบ Closed-deck ของ Legacy ที่ทนงานหนักกว่า และยังใช้เกียร์ของรุ่น RA ซึ่งได้ถูกถอดชุดเฟืองเกียร์ออกไปทำการชุบแข็งเพิ่ม และเปลี่ยนอัตราทดพวงมาลัยเป็น 13:1 (STi ปกติที่ไม่ใช่ RA จะอยู่ที่ 15:1)

ว่ากันเรื่องเครื่องยนต์ EJ นี้จุดดีของมันก็คือความแบนราบของเครื่องยนต์ ทำให้จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำ เครื่องของ WRX มักจะเป็นเสื้อสูบอัลลอยหมด พอของที่อยู่ตรงจมูกมันเบา อยู่ต่ำ และแนวการวางของเพลาตรงแหนวเช่นรถขับหลัง ทำให้บาลานซ์ของตัวรถเวลาซัดนั้น ดีโดยธรรมชาติ Impreza WRX คือรถประเภทที่เลี้ยวแล้วไป เร่งแล้วก็ไป เร่งไปเลี้ยวไปมันก็ยังไป โดยที่ไม่มีพี่เลี้ยงอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ มากำกับชีวิตคุณ ผมกล้าพูดว่า คุณเอารถยุโรปขับสี่ตัวซ่าๆ สมัยใหม่มาลองซัดโค้งเดียวกัน ถ้าช่วงล่างแข็งหนึบเท่ากัน รถเก่า 30 ปีอย่าง Impreza WRX GC ออกอาการให้คุณผวาน้อยกว่า เพราะพื้นฐานทางวิศวกรรมที่พัฒนาในยุคไม่มี VDC หรือ TCS ช่วยนั่นเอง ความที่ตัวเบาหวิวราว 1.2 ตัน ก็ทำให้สามารถเกาะโค้งได้ดีด้วยยางหน้ากว้าง 215 มม. ก็พอ

เสน่ห์อีกอย่างของ Impreza คือเสียงเครื่องครับ การที่ใช้เทอร์โบเดี่ยว วางไว้ข้างขวา ทำให้ท่อร่วมไอเสียฝั่งหนึ่งสั้น อีกฝั่งที่ต้องข้ามมาจากสูบแบงก์หนึ่งก็ยาว ความยาวของท่อร่วมฯ ที่ต่างกัน ก็จะให้เสียงที่ต่างกัน ท่อร่วมเส้นสั้นจะให้เสียงที่ดัง ในขณะที่เส้นยาวจะเบากว่า ทำให้เสียงเวลาเดินเบาดังบุ้มๆๆๆๆ และดังบร้อนนนนๆๆลั่นเวลาเบิ้ลหรือลากรอบหนีหมา รถอีกรุ่นที่มีเสียงโหดแบบนี้แล้วราคาไม่โหดก็เห็นจะมีแต่โฟล์กเต่าของปู่คุณนั่นแหละครับ ที่ใช้เครื่อง Boxer เหมือนกัน

ความสุขของผมเวลาขับ WRX นั้น เริ่มตั้งแต่ตอนสตาร์ต คุณจะได้ยินโทนเสียงที่ไม่เหมือนกับรถบ้านสี่สูบใส่ท่อแต่งรุ่นใดๆ แป้นคลัตช์ที่ได้ระยะและน้ำหนักกำลังดี ดีดกลับไว..แต่แหมปั๊มคลัตช์แกก็รั่วบ่อยจังวุ้ย คันเกียร์สเปกโรงงานที่สู้มือ แต่ถ้าคุณสู้มันไหว จะได้ความรู้สึกเหมือนกำลังเกี้ยวพาราสีรถ ในจังหวะเข้าเกียร์ถ้าคุณหลับตาจะเห็นภาพฟันเฟืองขยับเข้าที่ เป็นความรู้สึกที่ทำให้เราทราบว่าคนที่มาเสียเวลานั่งเซตองค์ประกอบแห่งอรรถรสเหล่านี้ มันเป็นคนที่รักรถจริงๆ ไม่ใช่สักแต่เอาชิ้นส่วนมายำๆ เข้าด้วยกันแล้วส่งขายไปวันๆ

อรรถรสต่อมา คือเวลาลงแส้ ความที่ Impreza เป็นรถ AWD ขนานแท้ ทำให้ต่อให้วันฝนตก คุณกดคันเร่งเต็มที่เกียร์ 2 รถมันก็จะไปตรงๆ เดินคันเร่งออกจากโค้งแบบคนมีสติสักหน่อยอย่าบ้าเกิน แล้ว Impreza จะพุ่งสู่โค้งต่อไปเหมือนรถไฟความเร็วสูงที่ไม่มีวันหลุดจากราง ลำพังแค่รถเดิม มีท่อ มีกรอง การขับ WRX บนภูเขาเปลี่ยวๆ ทางภาคเหนือ จะทำให้คุณเอามือไปปิดแอร์แล้วเปิดกระจกเพื่อฟังเสียงว่าเครื่องยนต์ Boxer ร้องเพลงของมัน อันที่จริง ถ้าได้เทอร์โบแต่ง และ Blow-off valve สักชุด บรรยากาศมอเตอร์สปอร์ตจะมามากขึ้น เพราะ WRX เดิมๆ ไม่มี Blow-off valve นะครับ เวลาถอนคันเร่ง ไอดีจะถูกส่งไป Bypass valve ไม่พ้นชิ้ว! ออกด้านนอก เติมส่วนนี้สักหน่อย จะมันสะใจเวลาขับ บร้อนนนนน...ติ๊ชชช บร้อนน..ติ๊ชชช

ระบบขับสี่นี้นอกจากจะลดอาการลื่นแล้ว ผลทางอ้อมคือ พอส่งพลังแบบแบ่งๆ ไปทั้งสี่ล้อเท่าๆ กัน คุณก็ไม่ต้องใช้ยาง Semi-racing หนึบๆ ที่เกาะดีบนถนนแห้งแต่แพ้ถนนเปียก แบบพวกรถขับหน้าตัวแรงเขาใช้กัน คุณใส่ยางแบบรีดน้ำดีๆ ก็จะได้อาวุธสี่ล้อ ที่พร้อมลุยในทุกสภาพอากาศ คุณทำเครื่องยนต์ 300 ม้ามาวาง มันจะเป็นรถที่ขับแล้วไม่มีความน่าขนลุกแม้แต่น้อย สำหรับรถอย่าง Impreza GC นั้น ถ้าจะให้แรงแบบชวนขนหางฟู คุณต้องมีม้าที่เครื่อง 450 ตัวหรือมากกว่านั้น แล้วลองคิดดูว่า นี่คือรถที่สร้างมาขายคนทั่วไป ซึ่งรุ่นปกติม้าน้อยๆ ก็จะขายแข่งกับ Corolla นับว่า Subaru สมัยนั้นเขาก็ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ


อย่างไรก็ตาม Impreza ไม่ใช่รถที่แรงสุดในทุกที่นะครับ พูดจากประสบการณ์ที่เจอมา ถ้าเราแช่กันบนทางยาวและตรง หากม้าที่เครื่องเท่าๆ กัน เราชาวซูก็มักจะโดนพวกขับหลังวางเครื่องโหดๆ อย่าง Cefiro A31 สอยเอาได้ ส่วนในสนามแข่งบนทางแห้ง อย่างแก่งกระจาน พีระเซอร์กิต หรือไทยแลนด์เซอร์กิต พูดแล้วอย่าด่าผม ไปถามนักซิ่งรุ่นเก๋าๆ ที่ตอนนี้อายุ 50 up ได้ครับว่า พอเอาจริงในสนามแบบนี้ เรามักจะโดนพวก Honda VTEC ตัวเบาหวิวรอบจัดๆ นี่ล่ะ ไล่ฆ่าเอาง่ายๆ นี่คือสิ่งที่โลกความจริงต่างจากในโบรชัวร์ คำว่าขับสี่ บาลานซ์ดี Symmetrical AWD เทอร์โบอะไร ไม่ได้ช่วยให้เราหนีไอ้พวกตัว H พ้นเลยครับ เข้าโค้งสุดท้ายก่อนเส้นชัยสนามพีระ มองกระจกหลังปุ๊บ แม่เจ้า H ขับหน้าตัวแสบๆ ม้า 230-240 ดูดตูดติดเลย

ดังนั้นมันไม่ใช่รถที่เร็วที่สุดแบบเกรด A, A, A ทุกที่ครับ แต่ถ้าฝนมาเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน เมื่อนั้นระบบขับสี่จะแสดงให้เห็นประโยชน์ตอนออกโค้งกับตอนเจอแอ่งน้ำนี่ล่ะ และยังเป็นรถที่ค่อนข้างจะปรานีต่อผู้ขับมือใหม่ และนักขับมืออาชีพในระดับเท่าๆ กัน ว่านอนสอนง่าย ทำตามทุกคำสั่ง ยกเว้นคำสั่งโง่ๆ จะต่างจาก Evo ที่นิสัยของมันจะเกลียดคนขับที่ใจไม่ถึง ผ่อนคันเร่งเร็วไป เลี้ยวไม่เข้า ต้องบ้าดีเดือดบี้คันเร่ง หักแรงๆ แล้วถึงเข้า อะไรแบบนั้น


ทุกวันนี้ จำนวน Impreza WRX Generation 1 ในตลาดมือสองเริ่มทยอยหายไปเรื่อยๆ และราคากลางก็จะไม่มีวันลงมากกว่านี้แล้วครับ ดังนั้น ถ้าใครอยากจะลองสัมผัสกับรถที่มี DNA มอเตอร์สปอร์ตอยู่ในตัว แต่มาในรูปทรงสไตล์รถบ้าน คันเล็ก ยาวกว่า City Hatchback นิดเดียว อะไหล่ยังพอมีหาได้ ไม่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเหลือ มีแต่ฟิสิกส์กับวิศวกรรมกลจักรล้วนๆ คุณน่าจะมีเวลาลองจับ WRX Gen.1 เหลืออีกไม่เกิน 3 ปี หลังจากนี้ น่าจะเป็นของเล่นเฉพาะสำหรับคนรวยระดับหนึ่งเท่านั้นที่เล่นได้ หรือถึงแม้คุณไม่ได้ซื้อใช้ แต่ได้มีโอกาสขับก็ยังดีครับ จะได้รู้กันว่า รถญี่ปุ่นคันเล็ก ตัวเบา ล้อและยางเล็ก แต่เกาะถนนดีจนตุ๊กแกกรี๊ดคาเพดาน วิ่งเร็วๆ 160-170 แล้วไม่ส่าย ไม่ปลิว..Subaru น่ะ เขาทำได้ตั้งนานแล้วโดยไม่ต้องพึ่งน้ำหนักเยอะ ยางกว้างๆ หรือโช้คอัพแสนกลใดๆ ครับ.
Pan Paitoonpong