บางครั้งโอกาสดีๆ ก็ลอยมาแตะเราเอง เมื่อคุณพ่อของคุณจอร์จเพื่อนผมซึ่งเป็นจูนเนอร์ที่ Gettuned Tuning Service แถวร่มเกล้า มีความคิดที่อยากจะซื้อรถกระบะแบบไม่มีกระบะ..หรือที่เรียกว่าพวกรถหัวกระสือนั่นแหละ เอามาเพื่อดัดแปลงเป็นรถบ้าน
...
เนื่องจากปีนี้ คุณพ่อท่านก็อายุ 80 กว่าแล้ว แต่ยังแข็งแรง ปั่นจักรยานไกลๆ ไหว แต่พักหลังๆ เริ่มอยากเปลี่ยนโทนการใช้ชีวิตมาเป็นการขับรถเที่ยวรอบประเทศแบบค่ำไหนนอนนั่น (คุณพ่อสุขภาพแข็งแรงมาก ถ้าคนภายนอกดูจะนึกว่าอายุ 60 นิดๆ เท่านั้น) ก็เลยมาปรึกษาลูกชายตัวดีว่า จะซื้ออะไรดีระหว่าง Hilux สองรุ่น..Champ รถหน้าใหม่ทรงเก๋ ดัดแปลงง่าย แต่ขายดีเลยไม่ค่อยมีส่วนลด กับ Revo เพื่อนเก่าที่ขายมาเกือบ 10 ปีแล้ว แต่ได้ถังน้ำมันโตกว่า ได้อุปกรณ์ครบแบบไม่ลดต้นทุน และส่วนลดก็ได้ข่าวว่าดีมาก
...
หลังจากจอร์จโทรปรึกษาผมว่ารุ่นไหนดียังไง ก็นำความไปรายงานพ่อ..แล้วคุณพ่อก็บอกว่า “วางมัดจำ Champ ไปเรียบร้อยแล้ว” แหม่..คุณพ่อฮะ ใจร้อนจริงวุ้ย แสดงว่าหน้าตาทรง Retro ของเจ้า Champ นี่ มันต้องสะกิดใจคนวัยปู่ได้ด้วยล่ะไม่ใช่แค่วัยรุ่น
...
...
และนอกจากนี้ การที่คุณพ่อจะนำไปดัดแปลงเป็นรถบ้านต่อนั้น Champ มีข้อได้เปรียบตรงที่ Toyota ตั้งใจสร้างไอ้รถเลโก้นี่ให้ดัดแปลงได้ง่ายกว่า Revo และยังมีคู่มือวิธีการดัดแปลงรถสำหรับผู้ประกอบการ ซึ่งขอฟรีๆ ได้เพียงลงทะเบียนบนเว็บไซต์ Toyota.co.th ในเพจของ Champ นั่นล่ะครับ
ทีนี้ รถรุ่นที่คุณพ่อซื้อมา เป็นรถหัวกระสือ ดีเซล เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ราคา 499,000 บาท ซึ่งหลังจากที่จอร์จรับรถแทนคุณพ่อแล้วเอาไปปั่นโดนัทเล่นในลานตากผ้าข้างอู่จนหนำใจแล้ว ก็ได้เอารถขึ้นแท่นวัดแรงม้าที่อู่เขาเลย เพราะทั้งผมและจอร์จต่างก็สงสัยกันว่า เครื่อง 2GD-FTV ใน Champ กับ Revo นั้น ถ้าเปิดโบรชัวร์ดูรุ่นเกียร์ธรรมดา ต่างก็แจ้งว่า มีแรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตรทั้งสิ้น แต่เท่าที่เราทราบมา Revo ที่ผลิตก่อนขึ้นปี 2024 เป็นเครื่องยูโร 4 ต่างจาก Champ ที่เป็นเครื่องยูโร 5 ทุกคัน และภายในปี 2024 นี้ Revo เองก็จะต้องปรับไปใช้เครื่องยูโร 5 เช่นเดียวกับ Champ
สิ่งนี้ส่งผลให้รถสองรุ่นใช้กล่องสมองกลคุมเครื่องคนละรุ่นกัน โดยรถยูโร 5 นั้น จะต้องมีฟังก์ชันควบคุมการทำงานของระบบกรอง DPF เพิ่มเข้ามา ระบบ DPF (Diesel Particulate Filter) มีหน้าที่ดักกรองฝุ่นอนุภาคใหญ่ที่เกิดจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อลดมลภาวะของไอเสียลง เมื่อมันเก็บกักฝุ่นอนุภาคใหญ่นี้เอาไว้มากระดับหนึ่ง มันก็จะต้องมีการเผาเขม่า (DPF Regeneration) โดยสมองกลจะสั่งฉีดดีเซลเข้าไปเผาให้เกิดความร้อนสูง อนุภาคของฝุ่นเหล่านี้ก็จะมีขนาดเล็กลงและหลุดออกมาได้หรือโดนความร้อนมาก เข้าจนกลายเป็น CO2 ไป ซึ่งการเผาเขม่านี้รถจะทำของมันเองเมื่อ DPF เริ่มตัน และไม่ใช่รถทุกคันจะตันพร้อมกัน พวกที่ได้วิ่งทางไกล ใช้รอบเครื่องปานกลางยาวๆ บ่อยๆ พวกนี้มันจะมีโอกาสไล่เขม่าในการขับขี่ตามปกติอยู่แล้ว
แต่พวกที่วิ่งเหยาะวิ่งหยุดในเมืองจะตันง่ายกว่า และถ้าระบบของรถไม่สามารถเผาเขม่าอัตโนมัติให้ได้ดีพอ ระบบของ Champ จะขึ้นไฟ DPF ที่หน้าปัด เพื่อให้คุณจอดแล้วกดปุ่มเผาเขม่า DPF โดยทำตามวิธีการที่แปะสติกเกอร์ไว้บนประตูคนขับ ไอ้จอร์จลองให้น้องที่อู่ไปเหยียบคันเร่งเต็ม แล้วตัวมันเองลองไปยืนสูดดมไอเสียอยู่ท้ายรถ อาจจะโรคจิตหน่อย แต่ในฐานะคนที่จูนรถมาเป็นร้อยๆ คัน จอร์จยืนยันว่ากลิ่นไอเสียแสบจมูกน้อยกว่า Revo หรือกระบะยูโร 4 รุ่นอื่นแน่นอน แล้วก็มีน้ำผุดออกมาจากปลายท่อไอเสียเยอะกว่า แต่ไม่ได้พังหรอกครับ เรื่องปกติ แต่ถ้าน้ำที่ออกมา สีเหมือนน้ำยาคูลแลนท์เมื่อไหร่ อันนั้นไม่ปกติครับ ปะเก็นฝาลาโลกแน่นอน
จับขึ้นแท่นวัดม้ากันล่ะครับคราวนี้ ตัวเลขแรงม้าจากแท่นวัดของไอ้จอร์จนี้อาจจะเยอะเมื่อเทียบกับแท่นวัดม้าของบางที่แต่ส่วนหนึ่งของตัวแปรอาจเป็นเพราะแท่นวัดม้า Dynapack นี้เป็นแบบล็อกนอตกับดุมล้อ ในขณะที่ไดโน่วัดม้าแบบลูกกลิ้งจะมีโอกาสยางลื่นได้ในกรณีที่ยางติดรถหมดสภาพ หรือรถนั้นมีแรงมาก แต่กับพลัง 150-200 ม้าแค่นี้ ความต่างระหว่างไดโน่แต่ละแบบอาจจะแค่ 5-10% และตอนจอร์จติดตั้ง ตัวมันเองก็ให้น้องในทีมเอารถมาวัดม้า แล้วลองเทียบกับอีก 3 แห่งแล้วปรับตั้งค่าให้ใกล้เคียงอู่ 3 เจ้านั้นที่รู้จักกันแล้วล่ะครับ
ผลที่ได้ออกมาก็คือ Revo แรงกว่าชัดเจน โดยที่รถที่เราใช้วัดเป็นเกียร์ธรรมดาทั้งคู่ และถึงแม้ Revo จะเป็น 6 เกียร์ แต่เราวัดที่เกียร์ 3 ซึ่งอัตราทดเกือบเท่ากัน เฟืองท้ายรถทั้งสองรุ่นอยู่ที่ 3.583 เท่ากัน จึงไม่ได้มีผลจากเรื่องอัตราทดแต่อย่างใด ลองพิจารณากราฟประกอบ กราฟด้านซ้ายคือแรงบิด ด้านขวาคือแรงม้า ค่าบนแกน X (แนวนอน) คือรอบเครื่อง และ Y (ตั้ง) คือแรงบิด หรือแรงม้าแล้วแต่ว่าดูกราฟไหนอยู่ ค่อยๆเล็ง อย่าเพิ่งรีบงง
ของ Revo นั้น จะสังเกตได้ว่า ก่อน 3,500 รอบต่อนาทีนั้น แรงบิดของเครื่องยนต์สูงกว่า Champ ตลอด โดยเฉพาะช่วง 2,500-3,000 ซึ่งเป็นช่วงรอบกำลังสำหรับทำความเร็วและแซง แรงบิดของ Revo ขึ้นไปสุดได้ถึง 40.39 กก.ม. หรือ 396 นิวตันเมตร..คือมากกว่าที่เคลมบนโบรชัวร์เสียอีก
ทีนี้หายแปลกใจไหมครับว่าทำไม Revo 2.4 เดิมๆถึงเป็นรถประเภทที่มีกำลังช่วงต้นและกลางดี ขับแบบแตะๆแล้วพุ่งดีโดยไม่ต้องโมดิฟาย แต่รอบปลายๆ หลัง 3,500
ไปก็จะเหี่ยวลงหน่อย หลังจากจุดนี้ไป เครื่อง Revo กับ Champ หมุนไปด้วยกำลังที่เท่าๆ กัน 3,500-4,200 รอบ มีแรงดีเท่ากันตลอด
ส่วนฝั่ง Champ นั้น คาดว่าด้วยความที่ต้องปรับตัวเพื่อลดมลภาวะขนาดหนัก แรงบิดสูงสุดที่ส่งมาถึงล้อเลยมีแค่ 33.7 กก.ม. หรือ 330 นิวตันเมตร และตั้งแต่ 2,200-3,500 รอบเครื่องยนต์มีพลังน้อยกว่า Revo ตลอด แต่ถ้าเป็นแบบนี้ หมายความว่า Toyota ขี้โม้เรื่องแรงม้าแรงบิดของ Champ หรือไม่ ผมตอบเลยว่าไม่ เพราะในการวัดม้าที่เห็นบนโบรชัวร์อาจมีปัจจัยหลายอย่างที่ไม่ตรงกันกับการวัดที่แท่นวัดม้าของจอร์จ ผมมองว่าถ้าโบรชัวร์เคลมว่า 343 นิวตันเมตรแล้วมาบนแท่นนี้ได้ 330 ก็ไม่ได้แปลก Champ ไม่ได้ให้พลังน้อย แต่ Revo ต่างหากที่แอบให้เยอะเกินตัวเลขในโบรชัวร์ แล้วแรงม้าของเจ้า Champ วัดที่ล้อ ก็ได้ 155 แรงม้า ซึ่งมากกว่าตัวเลขโบรชัวร์อยู่เล็กน้อยเช่นกัน
สรุปว่า 2GD-FTV จากรถสองรุ่นนี้ Revo แรงกว่ากันชัดเจน และเมื่อเปลี่ยนจากกราฟเป็นคำอธิบายที่เข้าใจง่ายขึ้น ก็คือเมื่อกดคันเร่งเรียกกำลังเต็ม 100% และให้แบกน้ำหนักบรรทุกเท่ากัน Revo ก็จะไปได้เร็วกว่า เร่งได้ดีกว่า Champ ตรงตามเจตนารมณ์การแบ่งกลุ่มขายของ
Toyota เอง ซึ่งเขาบอกว่า Champ เน้นคล่อง คุ้ม ประหยัด ดัดแปลงง่าย และ Revo เน้นการวิ่งบนเขา วิ่งทางไกล ก็สมควรแล้วที่มีพลังมากกว่า แต่ว่าเราคงต้องลองรอดูอีกทีว่า เมื่อ Revo ปรับเครื่องยนต์เป็นยูโร 5 ตาม Champ ไปแล้วนั้น กราฟแรงม้าจะมาเหมือนกับ Champ หรือไม่ ถ้าเหมือน แปลว่าสมมติฐานของผมมันผิด ก็หน้าแตกแล้วก็ยอมรับกันไป
หลังจากที่วัดแรงม้าเสร็จ จอร์จลองแอบซน Remap รถพ่อดู การ Remap นี่ถ้าใครยังไม่รู้จัก มันก็คือการที่เราไปปรับตั้งค่าการจ่ายน้ำมันและฟังก์ชันต่างๆ ในสมองกลของรถโดยเอาไฟล์หลักจากกล่องออกมา ทำการปรับค่าในจุดที่ต้องการ แล้วเขียนทับมันลงไป..บางคนถามว่าแล้วมันทำกลับได้ไหม..ได้ครับ ถ้าคนจูนไม่ลืมเซฟไฟล์เดิมเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์
เรา Remap โดยที่ไม่ยุ่งกับอุปกรณ์หลักของรถ ระบบบำบัดมลพิษทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นกรองไอเสีย, EGR หรือ DPF ก็ยังอยู่ครบ ปรับแค่เรื่องน้ำมันเท่านั้น เจ้า Champ ก็สามารถอัปพลังจาก 155 แรงม้า แรงบิด 33 กก.ม. (แถวๆ 330 นิวตันเมตร) ไปเป็น 177 แรงม้า และได้แรงบิด 45 กก.ม. (หรือ 441 นิวตันเมตร) ทั้งหมดนี้โดยที่ไม่มีควันดำ จุดที่น่าสนใจก็คือ ถ้าเล่นกันแบบเอาเซฟๆและควันไม่ดำ เครื่อง Revo หลัง Remap กับ Champ หลัง Remap ก็สามารถทำแรงม้าได้ใกล้เคียงกันมาก เป็นไปได้ว่าถ้าไม่นับเรื่องสมองกล และระบบ DPF แล้ว ทั้งสอง เครื่องยนต์ ใช้องค์ประกอบหลักที่เหมือนกัน ทั้งแคมชาฟท์ ฝาสูบ และเทอร์โบชาร์จเจอร์
อันที่จริง ถ้าอยากได้แรงม้ามากกว่านี้ จอร์จบอกว่า ก็ได้ลองทำดูแล้ว แต่เมื่อพยายามดีดม้าขึ้น ระบบ DPF กลับไปวุ่นวายสั่งการกล่องจนพลังแรงบิดหล่นวูบหายไปเป็นช่วงกว้าง ดังนั้นตอนนี้พอสรุปได้ว่าถ้าเรายังไม่อยากไปยุ่งกับระบบ DPF เครื่องยนต์ของ
Champ ดีเซลนั้นสามารถจูนจนได้พลังเทียบเท่ากับเครื่อง 1GD-FTV ใน Revo
2.8 ล็อตแรกๆ 177 แรงม้า ซึ่งใครที่ต้องบรรทุกหนักบ่อย น่าจะชอบกับอัตราเร่งที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องดัดแปลงหรือยุ่งกับส่วนใดของรถเลย
ด้วยพลังแค่ระดับนี้ สำหรับเครื่อง 2GD นั้น..ไม่ต้องมาถามเรื่องความทนทานครับ
แทบไม่ระคายผิวเลยสำหรับเครื่องยนต์บล็อกนี้ซึ่งให้ของต่างๆ รอบตัวมาจัดว่าทนทานงานหนักล้านกิโลเมตรได้ ส่วนถ้าใครอยากแรงไปกว่านั้น อีกไม่นานก็คงมีจูนเนอร์หลายสำนัก ทำรถใน Step ต่างๆ ออกมา ผมไม่ได้เป็นจูนเนอร์ แต่อาศัยว่ารถตัวเองก็เป็น Revo 2.8 และคุยกับจูนเนอร์มาบ้าง บอกได้แค่ว่า ถ้าไม่ได้คิดจะไปเกิน 250 แรงม้า ไม่ต้องไปถอดเครื่องกรองไอเสียออกนะครับ ถอดแล้วนอกจากไอเสียจะเหม็นขึ้น รถกินน้ำมันมากขึ้น แรงรอบต้นน้อยลงด้วย ไม่เชื่อก็ลองได้
เมื่อจัดการเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ของมันได้ ผมว่าแค่เปลี่ยนเทอร์โบเป็นของ 2.8
i-Art โฉม 204 แรงม้า แล้วพ่วงกล่อง Ultraboost อีกสักใบ คุณจะได้แรงระดับ
230-240 แรงม้าแบบที่กดคันเร่งแล้วแทบไม่เห็นควัน ขับสนุกสมตัว ไม่จุกจิกกวนใจเจ้าของ และไม่กวนตาเพื่อนร่วมถนนครับ เราอาจเป็นไอ้ตัวร้าย แต่ตราบใดที่ยังต้องใช้ถนนกับคนอื่น ก็ต้องร้ายแบบพอประมาณ มีขีดจำกัด แล้วเราจะซิ่งไปแบบแอบๆ ได้โดยที่คุณพ่อของคุณไม่จามทั้งวันเพราะชาวบ้านถามถึงครับ
Pan Paitoonpong