มรดกยานยนต์จากยุคที่ Facebook ยังเป็นของแปลกและวัยรุ่นไทยก้มหน้าก้มตาอยู่กับ BlackBerry นี่คือรถแปลกที่บางทีก็งงว่ามันอยากจะเป็นอะไร มันมี 6 ที่นั่งแต่ขนาดภายในยังไม่ถือว่าโตนัก มันกินที่บนพื้นถนนพอๆ กับรถแฮตช์แบ็กขนาดกลางคันหนึ่งแต่บรรทุกของชิ้นโตได้ง่ายกว่า ที่แน่ๆ Honda Freed ยังเป็นรถที่เหลือความเป็นวัยรุ่นแม้อายุเยอะแล้ว ตัวรถไม่สูง คุณตาคุณยายขึ้นลงไม่โอดโอย ขนของและคนได้เยอะเมื่อจำเป็นและสามารถแต่งให้หล่อเก๋จนบัญชีจะเกลี้ยงเพราะซื้อของแต่งเอาก็ได้!


...
ในช่วงหลังแม้ว่าอาการเท้าของผมที่ได้รับการผ่าตัดมาเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ยังต้องแวะเวียนไปตรวจอาการหรือรักษาเรื่องอื่นกับโรงพยาบาลจุฬาบ่อยครั้ง ในการนัดแพทย์แต่ละอย่างนี่จะไปช้าก็ไม่ได้ จะเรียกแท็กซี่หรือ Grab ก็ไม่มั่นใจว่าเรียกแล้วจะมีรถในเวลาที่เราต้องการหรือไม่ ผมจึงมักต้องไหว้วานคุณน้าสาว..ซึ่งจริงๆ ท่านก็แก่แล้วแต่ผมมันก็เป็นคนบาปชอบใช้แรงงานคนแก่ แต่บางครั้งที่คุณน้าท่านติดนัดทันตแพทย์ ผมก็จะเรียกใช้บริการน้องแตงโม ชื่อฟังดูน่ารักใสๆ แต่แท้จริงมันเป็นผู้ชาย ดูใสแต่แอบร้ายเหมือนวอดก้านั่นล่ะครับ เจ้าโมนี่ ผมเห็นมาตั้งแต่สมัยยังทำอยู่เว็บ Headlightmag โมเป็นเด็กม.ต้นจ๋องๆ หัวเกรียนที่มากับคุณพ่อเอ็ดดี้ พิทยากร ดีเจรุ่นน้าที่บางท่านรู้จักอยู่แล้ว เวลาผ่านไป เด็กคนนั้นกลายมาเป็นไอ้ตัวบึกอายุ 27 ขวบที่เชี่ยวชาญด้านรถมือสองยิ่งกว่าผมเสียอีก เด็กสมัยนี้มันเก่งกันจริงๆ ครับ อะไรที่คนรุ่นเรามัวงุ่มง่ามไม่รู้เรื่อง เด็กพวกนี้ คิดสามวิ กดๆ มือถือๆ สามวิ มันจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว

หนึ่งวันก่อนเขียนบทความนี้ ผมรบกวนแตงโมกับแฟนมารับไปส่งศูนย์นิทราเวชที่ รพ.จุฬา นิทราเวชคือไป Sleep test นั่นล่ะครับ ผมไม่ได้ไปนอนใส่ชุดสวยถือดอกกุหลาบนาบนมรอให้เจ้าชายมาจูบแล้วฟื้นหรอก ประเด็นอยู่ที่เจ้าโมเขาก็มารับผมใน Honda Freed SE Minorchange ปี 2012 คันสีน้ำตาล Sparkling Brown นี้ ซึ่งนับว่าเหมาะมากสำหรับมนุษย์ที่เท้ายังเดี้ยงแถมตัวโตผิดมนุษย์อย่างผม พอดีเราต้องเอารถเข็นคนพิการที่ยืมจากทางโรงพยาบาลไปคืนด้วย เพียงพับเบาะแถวสามแบบยก-เกี่ยวสไตล์ Toyota Fortuner ขึ้นข้างเดียว ช่องว่างที่เหลือนั้นพอให้สอดรถเข็นคนพิการที่พับหุบแล้วเข้าไปได้ แล้วยังมีที่สำหรับวางสัมภาระบนเบาะแถวสามข้างขวาได้ ส่วนตัวผมก็ก้าวขึ้นนั่งเบาะแถวสองไป เวลาเท้าเจ็บแบบนี้ รถตัวสูงประมาณ Freed นี่ล่ะครับเป็นมิตรที่ดี เพราะเราสามารถสไลด์ตัวเข้าไปตรงๆ เลยได้ รถ MPV หรูอย่าง Alphard ยังต้องใช้แรงปีนเข้านั่งมากกว่านี้เลย

นี่คือจุดที่น่าสนใจของ Freed แม้ว่ามันจะไม่ได้ขึ้นชื่อทั้งการเป็นรถคันโปรดของบ้านที่มีผู้เฒ่าคนแก่ไปไหนมาไหนด้วยประจำ และไม่ใช่รถวัยรุ่นที่แต่งซิ่งเต็มพิกัดแล้วจอดชุมนุมตามปั๊มยามดึกดื่น Freed คือรถที่พยายามจะเอื้อมมือแตะไหล่ผู้ใช้รถที่สุดแสนจะแตกต่างกันสองกลุ่มนี้แล้วบอกว่า “ผมไง...ทำได้ทั้งสองอย่าง แบบแบ่งๆ กัน”

Freed ในประเทศไทย เป็นรถนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย เอ้า ทำไมต้องอินโดนีเซียและไม่ใช่ญี่ปุ่น? เพราะเรามีข้อสัญญาผูกมัดกับประเทศในกลุ่ม ASEAN ว่าเราจะไม่ตั้งกำแพงภาษีนำเข้าใส่กัน รถที่มาจากอินโดนีเซียจึงมีโอกาสทำราคาได้ถูกกว่าเยอะ..แต่นั่นอาจไม่ใช่เคสของ Freed รุ่นแรกๆ ที่เปิดตัวในไทยปี 2010 เพราะสมัยนั้น ขนาดรุ่นย่อยถูกสุด รุ่น S ยังราคาเกือบเก้าแสนบาท และตัวท็อปไปจบที่ 1.074 ล้านบาท ราคานี้คนใช้รถญี่ปุ่นระดับทั่วไปก็มีแอบกรี๊ดละครับ จริงอยู่ว่าสมัยนั้น Civic รุ่นสูงๆ ก็แตะล้าน แต่การอธิบายให้เมียฟังว่าทำไมบ้านเราควรจ่ายเงินล้านเพื่อรถเครื่อง 1.5 ลิตรเท่า Jazz และตัวยาวกว่ากันแค่ราว 1 ฟุตเศษ..อันนั้นเป็นเรื่องยากอยู่สักหน่อย ต้องรอปี 2012 นู่นครับ ราคาเริ่มต้นถึงลงมาจาก 894,000 เหลือ 834,000 และในราคานี้ได้อุปกรณ์ติดรถมากขึ้นแล้ว มีประตูสไลด์ไฟฟ้าแล้ว ชุดแอร์ไม่ใช่ลูกบิดแบบเตาแก๊สบ้านแล้วด้วย
...

และไอ้ประตูสไลด์ไฟฟ้านี่ล่ะครับเป็นจุดโปรดปรานของใครหลายคนเลย อย่างแรก..เท่..ในสมัยนั้นนะ..เท่ รถคันเล็กนิดเดียวมีของเล่นที่รถ MPV ใหญ่บางคันยังไม่มีให้ จะกดเปิดจากสวิตช์แถบเข่าขวาก็ได้ หรือกดจากกุญแจรีโมตก็ได้ ข้อต่อมาคือความสะดวกเวลาใช้งาน คุณนึกภาพตามนะครับ ประตูสไลด์นี้ใช้พื้นที่ในการเปิดน้อยกว่าประตูบานสวิงทั่วไปมาก บางครั้งเวลาไปจอดรถตามห้างแล้วคุณอุตส่าห์เลือกจอดบล็อกซ้ายสุด เอาด้านซ้ายรถชิดกำแพงมากๆ ไปเลย ทำเป็นคนดี เผื่อที่ด้านขวาไว้เยอะๆ เวลาเปิดประตูคนขับลงจากรถจะได้ไม่ไปโดนคันข้างๆ อุตส่าห์เป็นคนดีเพียงเพื่อให้ไอ้โง่คันถัดมาที่มาจอดตรงนั้นทีหลัง จอดแบบไม่สนผีสนสาง ไม่ดูเส้นแบ่งช่องด้วย จอดจนคนอวบอ้วนอย่างคุณไม่มีทางเปิดประตูฝั่งคนขับและฝั่งคนนั่งได้ อย่างน้อยคุณยังเข้ารถผ่านประตูสไลด์แล้วค่อยปีนข้ามมาเบาะหน้า แม้จะทุลักทุเล แต่ยังไปต่อได้ อย่าไปเสียอารมณ์กับคนโง่ๆ แม้ว่าคุณอยากจะเอาถุงเยี่ยวปาใส่รถเขาขนาดไหนก็ตาม

...
ประตูสไลด์ยังมีประโยชน์อีกตรงที่ลักษณะการเปิดของมัน เวลาช่วยคุณตาคุณยายลงจากรถ คนสองคนสามารถช่วยประคองท่านจากสองฟากได้ง่าย พวกคุณแม่ลูกยังเล็ก จะเปิดประตูมาเซอร์วิสลูก มุมเฉียงที่ได้เพิ่มจากการไม่ใช้ประตูสวิงแบบปกติ ยังทำให้เช็กเบาะ หยิบของ เปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนข้าวลูกได้ง่ายขึ้น ตัวประตูไฟฟ้าของ Freed มีกลไกป้องกันการหนีบ มันอาจจะไม่ได้แปลว่าคุณจะไม่เจ็บนิ้ว แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ไปบีบจนตัวลูกคนร้องแอ้กเป็นตุ๊กแกครับ


...
ด้วยประเภทของรถและวรรณะของมัน คุณอย่าไปคาดหวังความหรูหรือวัสดุชั้นเลิศจากรถระดับนี้ เอาเป็นว่า City กับ Jazz ได้ฟีลวัสดุประมาณไหน Freed ก็ใกล้เคียงกัน ในรถลอตแรกๆ ก่อนปี 2012 รู้สึกว่าแผงประตูจะเป็นพลาสติกล้วน และที่น่าเกลียดคือเบาะคนขับปรับสูงต่ำไม่ได้ด้วย ทำตัวเป็นรถกระบะเตี้ยคันละห้าแสนบาทไปได้แฮะ..แต่ในการไมเนอร์เชนจ์ปี 2012 นอกจากราคารถจะน่าคบขึ้นแล้ว ยังใส่การตกแต่งภายในที่ดีขึ้นและเบาะคนขับที่ปรับสูงต่ำได้ ส่วนพวงมาลัยก็ปรับได้แค่สูง/ต่ำในขณะที่ Freed เวอร์ชันขายในญี่ปุ่นจะสามารถปรับเข้าออกได้ด้วย



สิ่งที่ด้อยในเรื่องวัสดุ (ซึ่งก็ไม่ได้ว่าด้อยเมื่อเทียบกับ Avanza หรือ MPV เล็กยุคนั้น) เราได้ทดแทนมาด้วยดีไซน์ภายใน ซึ่ง Honda เรียกว่าแนว “Open CAFÉ” คุณสามารถมองได้ว่ามันเหมือนการนั่งร้านกาแฟที่มีกระจกบานใหญ่มองออกไปข้างนอกโล่งๆ ร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบบมินิมอลลิสต์ปนแนวล้ำอนาคตซึ่งต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ผ่านมาแล้ว 12-13 ปีก็ยังดูไม่แย่ คุณเอาเครื่องเสียงเดิมถอดออก หาเครื่องเสียงยุคใหม่ๆ ดีไซน์สวยๆ ที่รองรับ Apple CarPlay กับ Android Auto มาใส่ เติมกล้องหลังชัดๆ สักหน่อย แล้วคุณจะบอก..ว่า Freed ดูเหมือนรถอายุ 6-7 ปีมากกว่ารถ 13 ขวบ เบาะนั่งไม่ได้ใหญ่อู้ฟู่หรือเน้นสบาย มันคือเบาะที่เหมาะกับคนไซส์ปกติ ขับใช้งานในเมือง ซึ่งเบาะของรถเล็ก Honda ก็มาแนวนี้กันทั้งนั้น ที่เบาะคู่หน้า รถปี 2010-11 ลอตแรกๆ มีที่เท้าแขนเฉพาะฝั่งคนขับ เมื่อไมเนอร์เชนจ์ปี 2012 จึงใส่มาให้ทั้งสองฝั่ง



เบาะแถวสอง สามารถปรับเลื่อนหน้า/หลังได้ แต่แม้จะเลื่อนไปหลังสุด ก็อย่าหวังว่าเนื้อที่เหยียดขาจะยาวเหมือนรถลีมูซีน อันที่จริง การที่ Freed เป็นรถสามแถวแต่อยู่บนบอดี้ที่ยาวกว่า Nissan Tiida Hatchback แค่ 10 ซม. นั้นทำให้ต้องแบ่งปันเนื้อที่กันเอา คนไซส์ปกติจะขึ้นลงสะดวกง่ายดายอยู่ แต่คนตัวสูงหรืออ้วน อาจพบว่าเสากลางมันเบียดเอาเนื้อที่ในการตวัดขาเข้ามาในรถไปบ้าง ตัวเบาะนั้นมาแนวเดียวกับเบาะหน้า คือออกแนวติดแข็งนิดๆ ไซส์ไม่โต และมีที่เท้าแขนให้สองฝั่งยึดติดกับตัวเบาะ ไม่มีจุดเท้าแขนที่ประตูเพราะต้องเคลียร์พื้นที่สำหรับการสไลด์ ส่วนเบาะแถวสามนั้น อย่าไปเทียบพื้นที่กับรถสามแถวเครื่องพันห้าทุกวันนี้อย่าง Suzuki Ertiga หรือ Mitsubishi Xpander เพราะเนื้อที่วางขาแทบไม่มี ถ้าคุณต้องการให้คนนั่งแถวสามวางขาได้ คนนั่งแถวสองก็จะมีที่เหยียดขาเหลือน้อย ดังนั้น Freed จึงเหมาะสำหรับคนที่นั่งสี่ แต่บางทีต้องบรรทุกของชิ้นสูงๆ หรือคนที่นานๆ จะมีการนั่ง 5-6 คนสักที เป็นระยะทางไม่ไกลนัก

ในการใช้งาน เครื่องยนต์ L15 ของ Freed เมื่อบวกกับตัวถังขนาดนี้ อัตราเร่งเวลาวิ่งตัวเปล่าอาจจะไวกว่า Nissan Almera 1.2 รุ่นที่ยังไม่มีเทอร์โบ ก็แปลว่าพอพึ่งพาได้แม้ว่าเวลา Kick down แล้วแม่ยายยังนั่งถักโครเชต์แบบไม่มีอะไรตื่นเต้นบนเบาะหลัง การกินน้ำมันของ Freed ก็สมเหตุผลกับสมรรถนะของมัน คือ 9-10 กม./ลิตรเวลาวิ่งในเมืองรถติด และ 14-15 กม./ลิตรเวลาออกทางไกลแบบวิ่งใจเย็นไม่บ้าพลัง สิ่งหนึ่งที่ผมรู้มาจากไอ้จอร์จ เพื่อนที่เป็นจูนเนอร์ก็คือ Freed ที่เป็นรถอินโดนีเซียนั้น ทาง Honda ที่นั่นเขาจะจูนเครื่องมาเผื่อเติมน้ำมันคุณภาพเลวไว้เยอะ ทำให้เครื่องยนต์ไม่ค่อยมีแรง เอาขึ้นแท่นวัดพลังม้าเทียบกับ Jazz สเปกไทยแล้วต่างกันชัดเจน แต่ถ้าเราไปจูนรีแมปให้มันเนียน แล้วบอกคนจูนว่าคุณจะใช้แต่น้ำมัน E20 ล้วน แรงม้าหลังจูนเสร็จแทบไม่ต่างจากพวก Jazz ไทยและขับดีขึ้นพอประมาณ

แม้ว่าจะไม่ใช่จุดประสงค์หลักของรถ แต่ถ้าคุณต้องการ เครื่องยนต์ L15 1.5 ลิตร 118 แรงม้านี้กับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ สามารถนำไปเพาะเบ่งกำลังเพิ่มได้ไม่ยาก ช่างไทยทำกันจนเชี่ยวชาญแล้ว การใส่เทอร์โบและปรับปรุงระบบหม้อน้ำ ใช้แรงบูสต์ 0.35-0.4 บาร์นั้นทำได้ เครื่องยนต์จะให้กำลังเหมือนได้เครื่อง Accord 2.4 มาวาง 170-185 แรงม้าได้แต่อย่าเกินนั้น แล้วเครื่องจะยังมีความทนทานเหลือพอโดยไม่ต้องมีการเปิดท่อนล่างเปลี่ยนก้านสูบหรือลูกสูบแต่อย่างใด ถ้าคิดจะเอา 220 แรงม้าอัพ ควรทำท่อนล่างเผื่อไปแล้ว เพราะที่แรงม้าระดับนั้นเท่าที่ผมเคยลองเล่นกันมา มีทั้งคันที่รอดและคันที่บึ้ม แต่พวก 170-180 ม้ายังไม่เคยเจอที่บึ้มคาเท้าเจ้าของ และเกียร์ 5 สปีดตัวนี้ยังสามารถรับพลังดังกล่าวได้ ทนกว่าเกียร์ Honda พันห้ายุคหลังๆที่เป็น CVT กันหมดแล้ว




Freed อาจไม่ใช่รถที่ช่วงล่างนุ่ม แต่ถ้าใครเคยชินกับรถกระบะ 4 ประตู หรือ Fortuner รุ่นธรรมดาที่เด้งเป็นลูกชิ้นนายใบ้ ช่วงล่างของ Freed ก็นับว่าสบายอยู่ คนทั่วไปนั่งมักไม่บ่นว่าเมา แต่เป็นช่วงล่างสไตล์ใช้งานที่ไม่ควรพยายามบู๊หักพวงมาลัยบ้าๆ เล่นหลัง 120 กม./ชม. เป็นต้นไป การปรับช่วงล่างให้นุ่มนวลสุดๆ นั้นยาก แต่การทำให้หนึบและเกาะถนนนั้นง่ายโคตรเพราะของแต่งรถรุ่นนี้ มีเยอะแยะ วัยรุ่นไทยและญี่ปุ่นนิยมแต่งรถรุ่นนี้มากพอกัน และ Freed นั้นแค่จับทรงโหลดนิด เปลี่ยนล้อหน่อย ท่อสวยๆ สักใบ ก็ดูวัยรุ่นสุดๆ โดยไม่ต้องไปยุ่งกับส่วนอื่น นี่คือความน่าใช้ของรถ Honda รุ่นใดก็ตามที่คนญี่ปุ่นมีใช้เหมือนไทย จะแต่งยังไงก็แล้วแต่งบคุณ แต่มีของให้แน่นอน



รถคันสีน้ำตาลในบทความนี้ เป็นรถ Freed ปี 2012 รุ่น SE ไมเนอร์เชนจ์ เบาะผ้า แอร์ออโต้แล้ว ราคาในปัจจุบันจะวิ่งอยู่ 3xx,000 บาทแล้วแต่สภาพกับแล้วแต่คุย ถ้าคุณอยากจ่ายถูกมาก พวกรถปี 2010-2011 ลอตแรกๆ ที่ตรงมาตรวัดระยะทางเป็นพื้นน้ำเงินอ่อนอักษรดำ เบาะหน้าฝั่งคนนั่งไม่มีที่เท้าแขน และเบาะคนขับปรับสูงต่ำไม่ได้ พวกนี้จะเริ่มต้นราคาที่สองแสนกลางในรุ่น S ที่ไม่มีประตูไฟฟ้าและจบแถวสามแสนต้นได้ แต่รถรุ่น E และ EL รุ่นท้ายสุดปี 2013 เป็นต้นมา พวกนี้จะราคาสูงปรี๊ดจนบางคันกล้าขาย 4 แสนกลาง เพราะว่าสองรุ่นนี้ จะมีแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังให้ รุ่นก่อนหน้านี้ไม่มีสักกะตัว แถมรุ่น EL จะเก๋ด้วยการมีจอ 9 นิ้วสำหรับผู้โดยสารด้านหลังให้สองจอ ทำตัวประหนึ่งรถ MPV หลักล้านเลยทีเดียว ราคาจึงแพง แต่ในกรณีที่คุณไม่มีคนนั่งเบาะแถวสาม แอร์ของรุ่นอื่นๆ ก็มีพลังส่งความเย็นพอไปวัดไปวาได้ ขอเพียงแค่ติดฟิล์มกันร้อนดีๆ ก็พอ ถ้าใช้ฟิล์มราคาถูกๆ กันร้อนไม่ค่อยได้ คนนั่งหลังจะด่าเอาครับ
ในเรื่องของความทนทานนั้น ผมได้มีโอกาสสอบถามเจ้าของเก่าของรถสีน้ำตาลเข้มคันนี้ ก็ทราบว่ามีไฟท้ายน้ำเข้าบ่อย ด้านขวามีการเคลมไปแล้ว โช้คอัพเดิมพอผ่าน 100,000 โลมีการรั่วให้เห็นและราคาค่อนข้างสูงถ้าสั่งจากศูนย์ ระบบแอร์มีจุกจิกบ้างแต่สามารถทำที่อู่นอกได้ในราคาที่ถูกกว่าจ่ายศูนย์ สิ่งที่คุณเต้ เจ้าของเก่ารถคันนี้บอกผมคือ การเบิกอะไหล่ต่างๆ รถรุ่นนี้ ทำได้เร็วแม้จะเป็นรถประกอบอินโดนีเซีย การสต๊อกอะไหล่รถรุ่นเก่าๆ ของ Honda ไทย ถือว่าสต๊อกเยอะพร้อมให้บริการ ดีกว่า Nissan และ Mitsubishi


ส่วนในเรื่องอื่นๆ นั้น แตงโม ซึ่งจับ Honda Freed มาขายหลายคัน บอกว่ามันเป็นรถเล็กที่โคตรทน ช่วงล่างพัฒนามาพร้อมๆ กับยุคของ Jazz ตัวถัง GE ลูกหมากลูกยางต่างๆ และปีกนก ไม่ค่อยพังง่าย เครื่องยนต์ L15 นั้นก็ไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิกกวนใจ เป็นรถที่นับว่าใช้สบายใจ ปลอดปัญหามากคันนึง เพียงแต่ด้วยอายุของรถ 9-13 ปีในส่วนมาก ทำให้ต้องมีการซ่อมบำรุงกันในบางจุด แต่ไม่แพง ทำจบที่อู่นอกได้ง่าย และเมื่อทำแล้ว ใช้อย่างสบายใจไปอีกนาน นี่คือความน่ารักของ Honda ในยุคนั้นที่เครื่องไม่เทอร์โบ ออปชันอาจไม่สุด วัสดุอาจไม่พรีเมียม แต่ใช้ง่าย ใช้ทนดี
ถ้าคุณสนใจรถคันสีน้ำตาลนี้ ลองทัก LINE ไปหาเจ้าแตงโมเขาได้ (LINE: themovrs) ครับ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะมีนอกมีในกับน้อง เพราะผมไม่รับค่านายหน้าสักบาทเดียว แลกกับการได้รูปรถที่น้องโมถ่ายมาใช้ในบทความโดยไม่ต้องมีลายน้ำให้รกตาท่านผู้อ่านครับ.
Pan Paitoonpong