บางรสนิยมของคนเราก็สามารถเปลี่ยนได้ตามวัยและประสบการณ์ ย้อนกลับไปในปี 2013 ครั้งแรกที่ผมได้เจอ Toyota 86 คันจริงที่ Toyota MEGAWEB แถวโอไดบะในญี่ปุ่น (ซึ่งปัจจุบันยุบทิ้งไปแล้ว) ผมรู้สึกตื่นเต้นมากว่า นี่คือรถสปอร์ตในราคาที่เราไม่ต้องแย่งชิงมรดกกับญาติคนไหนเพื่อเป็นเจ้าของ และยังออกแบบมาได้อย่างลงตัว มีกลิ่นอายของสปอร์ตคาร์สวยอมตะอย่าง Toyota 2000GT ซ่อนอยู่นิดๆ แต่พอผมได้ขับรถคันจริงครบทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ พร้อมทั้งดูราคาที่ Toyota
ประกาศมาสำหรับประเทศไทยในระดับสองล้านกลางถึงปลายก็รู้สึกว่า..ราคานี้ใครมันจะซื้อก็ซื้อไป

...

ในสายตาผม รถจากคอก Volkswagen อย่าง Golf GTi และ Scirocco ซึ่งวางราคาไว้ไล่เลี่ยกัน ให้พลังในการเร่งที่รุนแรงกว่าตัวรถที่ใช้งานได้สะดวกทุกวันมากกว่า ขุนเพิ่มพลังก็ง่ายกว่า ภายในก็ให้ความรู้สึกเป็นรถมาจากคนละคลาสกันเลย

แต่พอผ่านไปราว 7 ปี ผมไปคว้า Subaru BRZ (ซึ่งเป็นแฝดของ 86) รุ่นเกียร์ธรรมดาจาก TC Subaru เสรีไทยมาขับ กลายเป็นว่าผมติดต่อเพื่อยืมรถคันนี้ถึง 3 ครั้งในเวลาต่างกัน ส่วนหนึ่งเพราะผมหน้าด้านพอ และส่วนหนึ่งคือทราบจาก PR ว่าสื่อฯไทยส่วนมากชอบยืมรถเกียร์ออโต้ แต่คันเกียร์ธรรมดานั้นถ้าไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกับผมไม่ค่อยมีใครมายุ่งกับมันหรอก ผมขับรถคันนั้นไปกว่า 2,000 กิโลเมตร และใช้ยางจนเหี้ยน ต้องโทรบอก PR ว่าเดี๋ยวขอเปลี่ยนยางให้นะ โชคดีว่าเขาบอกว่าไม่ต้อง

เวลาเราขับซุปเปอร์คาร์ หรือรถ Grand Tourer 500-720 แรงม้า ราคาแพงกว่าชีวิตของเรา เราก็จะกล้าอัดมันในระดับนึง เพราะรถพวกนี้แค่เปลี่ยนยางสี่เส้นก็แสนบาทได้ แต่กับรถอย่าง 86 หรือ BRZ ซึ่งเป็นรถประเภท “วิ่งหกสิบก็ดริฟต์สวยได้” และใช้ยางขนาด 215/45 ขอบ 17 ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายสเปกและราคา..คุณลองนึกภาพว่าคุณเงินเดือน 60,000 บาท ถ้าให้คุณใส่นาฬิกา Rolex Submariner ไปเที่ยวทะเล โดดน้ำ ปั้นประสาททรายเล่นกับลูกของพี่สาว คุณกล้าไหม หรือคุณมอง Rolex แล้วคุณว่า เฮ้ย เข็มไม่สวย หน้าปัดไม่สวย รื้อเปลี่ยน ถอดมาโมแม่มเลย คุณกล้าไหม?

แต่ถ้าคุณใส่ Seiko ราคาหมื่นบาทบวกลบเช่นพวก SKX Series หรือพวกเต่าหรือซามูไร คุณจะกล้าทำทุกกิจกรรมแบบไม่ต้องกลัวนาฬิกาบาดเจ็บ พาร์ตไหนไม่สวยคุณจะกล้าถอดให้ของโมดิฟายใส่ และมีคนพร้อมทำให้คุณหลายที่เลยล่ะ

...

ความคิดของคนสร้างรถรุ่นนี้อย่างคุณ Tetsuya Tada ก็คล้ายๆ กันคือ เขาต้องการทำรถที่คนธรรมดาซื้อไปใช้แล้วคนอื่นมองว่าโก้ เจ้าของรถมองแล้วภูมิใจ ในราคาที่เอื้อมไม่ยาก และสามารถนำไปใช้งานได้ทุกวัน คนที่จะใช้เดิมๆ ก็แฮปปี้

คนที่จะโมดิฟายต่อก็ต้องแฮปปี้ จากพื้นฐานความคิดว่า จุดที่ลูกค้าจะโมดิฟายปรับแต่งได้ยาก คือตัวถังกับชิ้นส่วนหลักของช่วงล่างที่ไม่ใช่โช้คกับสปริง สิ่งใดที่ต้องอาศัยมันสมองวิศวกร ก็ให้วิศวกรทำมาให้ดีสุดเท่าที่ทำได้ ส่วนไหนที่ปรับแต่งได้ง่ายก็ให้ลูกค้ามือซนทั้งหลายไปเล่นต่อเอง หลังจากที่ผมไปผ่านมือกับรถอย่าง Boxster, Cayman, 911 หลายรุ่น, McLaren 720 หรือ GT-R มามากพอ.. ผมรู้สึกว่าบางทีเวลาเราเจอรถแรงมหาศาล วิ่งรอบสนามเร็วสุดกู่ ท้ายสุดเราจะกลับมาหารถที่เราอยากจะซนกับมันก็ซนได้ อยากจะปัดอยากจะกวาดท้ายเล่น หมุนรถเล่น หรือเป็นรถแบบที่คุณกล้าใส่ได้โดยเสียดายแค่ชีวิตแล้วไม่ต้องเสียดายยาง

...

สำหรับคนที่เงินเดือนยังไม่เหมาะจากแตะซุปเปอร์คาร์ราคาแพง..86 กับ BRZ คือตัวเลือกที่สนองสิ่งนั้นได้ แม้บางคนอาจจะบอกว่าสปอร์ตยุค 90s เทอร์โบนั้นแรงกว่าและถูกกว่าบางรุ่นก็อาจจะจริง แต่อย่าลืมสำรวจราคาอะไหล่ก่อนนะครับ รถที่คุณจะขับแล้วเค้นประสิทธิภาพได้ คือรถที่คุณไม่มามัวสงสารหรือเสียดาย หรือกลัวบิลค่าซ่อม

...

และในขณะเดียวกัน ความเป็นรถพลังน้อย แรงไม่มาก แต่แอบซ่อนพิษสงของ 86 กับ BRZ ก็คงไปเตะตาคนวาดการ์ตูนที่ชื่ออาจารย์ชูอิจิ ชิเงโนะ ซึ่งถ้าคุณทันยุคเข้าศตวรรษใหม่ๆ คงรู้จักการ์ตูน Manga และ Anime ชื่อ Initial- D ซึ่งรถของพระเอก (ฟูจิวาระ ทาคุมิ) เป็น Toyota Corolla AE86 สีขาวสลับดำหรือ “Panda Trueno” ซึ่งมีแรงม้าน้อยนิด แต่ซัดลงเขาชนะรถอย่าง RX-7, GT-R R32 และ Lancer EVO IV ได้ พอปี 2019 อาจารย์แกก็เขียนภาคต่อ ที่ข้ามมาอีกยุคสมัยนึง โดยใช้ชื่อว่า MF-Ghost (MFG) โดยพระเอกของเรื่องคือ นายคานาตะ ลีฟฟิงตัน ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของทาคุมิ อายุเพิ่ง 19 ขับรถ Toyota 86 สีแดง ฝ่าสายหมอกของฮาโกเน่ ไล่บี้รถสปอร์ตพลังสูงกว่าอย่าง 911 ตอนนี้นอกจากการ์ตูนเป็นเล่มแล้ว ถ้าคุณเป็นสมาชิก PRIME Amazon ก็มี Anime แบบเคลื่อนไหวให้ชมแล้วนะครับ แล้วไอ้การ์ตูนนี่สำคัญยังไง..จำได้ไหมครับว่า ก่อนหน้าที่ Initial-D จะมา รถอย่าง 86 (Corolla) คือรถที่นักซิ่งซื้อเล่นเพราะราคาถูก แต่งง่าย แต่หลังจาก Initial-D ดังไปทั่วโลก 86 แท้ๆ เดิมๆ สภาพดีแพงระยับ

ในวงการมือสองบางท่านที่ไทยเนี่ยละก็มองว่า MF Ghost กับ 86 สีแดงนั่นจะทำให้ราคาของ 86 พุ่งอีกหรือเปล่า แล้ว BRZ จะได้ผลบุญด้วยไหม ก็มีโอกาส แต่ ณ วินาทีนี้ ราคารถทั้งสองรุ่นว่ากันตั้งแต่ 1.4 ล้านบาท และตรึงอยู่ในระดับนี้มา 3 ปีแล้วไม่ขยับลงเลย ในขณะที่ Hot Hatch ยุโรปที่ตอนเปิดตัว ราคาไล่เลี่ยกัน ตอนนี้ลงไปอยู่ 6-7 แสนหมดละครับ

กลับมาพูดถึงเรื่อง “วิศวกรรมที่วิศวกรพยายามยัดให้เพื่อพื้นฐานที่ดี” ในรถรุ่นนี้มีอะไรบ้าง อย่างแรกเลยคือ การเป็นรถขับหลังแล้วทำการกระจายน้ำหนักหน้า 53% หลัง 47% ไม่ใช่ 50/50 นะ..เพราะเขามองว่าตอนคุณกดคันเร่ง นั่นคือเวลาที่น้ำหนักควรจะเป็น 50/50 ไม่ใช่ตอนจอด..วิธีนี้ทำให้คุณเดินคันเร่งได้ระดับหนึ่งแล้วเลี้ยวได้ระดับหนึ่งไปพร้อมๆ กัน ..แล้วเครื่องยนต์ทำไมต้องเป็น Boxer พลังกะปิ๊ดปิ๋วทั้งที่ Toyota มีเครื่อง V6 อัลลอยเบาๆ 220-330 แรงม้าอยู่เยอะแยะ อันนี้ผมเองก็สงสัย วิศวกร Tetsuya Tada มีแนวคิดว่าเขาไม่ได้ต้องการรถที่พลังเยอะจนคนส่วนใหญ่คุมไม่ได้ เอาแค่แรงพอให้คนขับสมัครเล่นยิ้มๆ ได้ก็พอ

แต่ผมจำได้จากบทสัมภาษณ์ที่มีฝรั่งไปสัมภาษณ์แก Tada บอกว่า “ผมรู้ว่าเดี๋ยวมีใครอยากได้แรง พวกคุณก็ไปวาง 2JZ หรือพวก V8 กันอยู่ดี ถูกปะล่ะ” แล้วก็มองว่าข้อดีของ Boxer ก็คือตัวเครื่องที่มันแบน ทำให้จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำด้วย ผลพลอยได้จากการใช้เครื่องตัวแบนๆ ก็คือสามารถกดฝากระโปรงหน้าให้ต่ำ ทำให้คนขับใช้งานก็ได้ทัศนวิสัยที่ดี

คนขับซิ่งในสนามก็เห็นทางโค้งที่กำลังจะไปได้โดยง่าย กับอีกเรื่องคือพอ CG อยู่ต่ำแบบนี้ โช้คสปริงก็ไม่ต้องแข็งมากเพราะตัวถังไม่โย้เย้ และใต้ท้องรถก็ไม่ต้องเตี้ยมาก 86 กับ BRZ ในสภาพเดิมๆ สมบูรณ์จึงเป็นรถที่เลี้ยวคล่องมือมาก แต่ช่วงล่างนุ่มนวลกว่า WRX แบบชัดเจน ถ้าคุณไม่ได้อยากจะทำเวลาให้เร็วอันดับหนึ่ง แค่อยากซนเล่นขำๆ ช่วงล่างเดิมกับพอรับงานได้ และมันใช้งานได้ดีมากบนถนนตามชนบทและภูเขาห่างไกลในประเทศไทยที่ถนน ยังมีตะปุ่มตะป่ำอยู่

พื้นฐานของการเลี้ยวที่ดีคือการกระจายน้ำหนักที่ได้พูดไป..และการกระจายน้ำหนักส่วนหนึ่งมาจากการพยายามยัดตัวเครื่องถอยร่นไปด้านหลังชิดกำแพงห้องเครื่องให้มากที่สุด ถอยจนทีมวิศวกรบอกว่า ถ้าจะถอยมากกว่านี้ ก็ต้องถอดพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าออก เพราะไม่มีที่ให้มอเตอร์อยู่ ผมไม่รู้เขาคิดกันได้ยังไง สักคนในทีมนั้นแหละ คิดได้ว่า จะไปยากอะไรวะ ก็แทนที่จะเอามอเตอร์ติดที่แร็ค ก็ย้ายมอเตอร์เพาเวอร์มาอยู่ใต้หน้าปัดรถดิแล้วก็ต่อแกนไปหมุนแร็ค

นี่ยังไม่นับเรื่องที่พนักพิงศีรษะออกแบบเผื่อให้เวลานักแข่งใส่หมวกกันน็อกขับ คุณเอาพนักพิงถอดแล้วหันกลับแล้วเสียบกลับไป ก็จะสามารถใส่หมวกขับได้แล้วยังเหลือที่รองรับหมวกกันน็อกกรณีชนข้างท้ายได้ หรือเรื่องที่ตัวรถมีเบาะหลังแบบพับได้เพราะทีมพัฒนารู้ว่า ลูกค้าสายแข่งสนามบางทีชอบใส่ยางแข่งไปในท้ายรถแล้วไปเปลี่ยนที่สนามเอง มันจึงต้องสามารถใส่ยาง 215/45R17 พร้อมล้อ 4 เส้นไปท้ายรถและมีที่เหลือสำหรับแม่แรงขนาดเขื่องและเครื่องมืออีกหน่อย..หรือเรื่องเล็กๆ กระทั่งการเอาปลั๊กไฟ Power socket แบบกลมซ่อนไว้ในลิ้นชักเผื่อคุณจะต่อไฟเข้ากล้องบันทึกการขับ เพราะบางคนก็ชอบเอากล้องพวกนี้แปะกระจกแล้วถ่ายตอนขับแข่ง ซึ่งถ้าไปเสียบตรงปลั๊กที่จุดบุหรี่ สายไฟจะเกะกะการเข้าเกียร์

ความเข้าใจคนบ้ารถนี้ ไม่ใช่ว่า Tetsuya Tada คิดได้เองหมด แต่เกิดจากการที่เขาไปเที่ยวเสาะหาคนในบริษัท Toyota กับ Subaru ว่า “เฮ้ย ลื้อไปหามาดิ๊ ในบริษัทพวกเรามีใครที่ขับรถแต่งแล้วชอบไปสนามบ้าง เอามาสัมภาษณ์หน่อย” ซึ่งมันทำให้เขาได้ไอเดียหลายอย่างในการพัฒนารถ แต่แน่นอนว่า นี่ก็คือสิ่งที่ทำให้รถอย่าง 86 กับ BRZ ตอนเปิดตัวมา ไม่มีจอ Multi Information Display ใหญ่ๆ อลังการ ไม่มีเบรกมือไฟฟ้า และไม่มีกระทั่งปุ่มคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยเพราะมองว่าเดี๋ยวยังไงก็โดนเปลี่ยน ใส่พวงมาลัยสปอร์ต TRD, Nardi, Momo อยู่ดี (จนตอนไมเนอร์เชนจ์..เขาถึงมาเพิ่มให้)

โหมดการขับขี่กับระบบรักษาการทรงตัว คืออีกจุดที่คุณสามารถปรับคาแรกเตอร์ของรถได้ง่ายมา ในรถรุ่นแรกๆ คุณจะเห็นปุ่ม VSC Sport ซึ่งในรุ่นไมเนอร์เชนจ์จะเปลี่ยนเป็นปุ่ม Track Mode แทน ถ้าคุณต้องการความปลอดภัย ก็แค่เปิดทุกระบบไว้ รถจะพยายามใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดกำกับรถให้อยู่กับร่องกับรอย ถ้าคุณอยากสนุกแต่ไม่เอาเสาไฟเป็นที่หยุดรถ ก็กด VSC Sport หรือ Track Mode รถจะยอมสไลด์ท้ายเวลาคุณ “เลี้ยวแล้วสงแส้” และจะคอยอ่านการขยับของพวงมาลัย
ถ้าคุณกู้พวงมาลัยช้าหรือกดคันเร่งหรือเบรกโง่ๆ ระบบจะค่อยเข้ามากวนตอนนั้น และท้ายสุด กดปุ่ม TRC คาไว้สามวิ ถ้าคุณคิดว่าคุณเจ๋งพอ ระบบ VSC จะทำงานก็ต่อเมื่อมีล้อข้างใดข้างนึงยกจากพื้น หรือถ้าไม่ได้จะคว่ำก็ไม่ยุ่งนั่นล่ะ

อันที่จริง ถ้าคุณอยากซนแล้วปิดระบบหมด 100% ก็ลอง Google กับว่า Toyota
86 Pedal Dance ดูครับ เพราะมันเป็นการทำพิธีบวงสรวงเจ้าแม่ TRC อะไรสักอย่างที่ต้องยกเบรกมือปลดเบรกมือ เหยียบเบรกเท้ายกเบรกเท้าสลับไปสลับมา ถ้าเขียนตรงนี้ก็จะหมดที่สัมปทานพอดีครับ แต่ 86 กับ BRZ ก็ไม่ใช่รถไร้ข้อติ ต่อให้ผมพยายามจะเข้าใจและปลื้มทีมวิศวกรมากแค่ไหน ส่วนที่ผมโคตรไม่ชอบคือเครื่องยนต์ FA20 2.0 ลิตร 200 แรงม้า 205 นิวตันเมตรนี้ พูดแบบไม่กลัวโดนคนใช้ BRZ กระทืบ คือนอกจากจุดศูนย์ถ่วงต่ำแล้วผมหาข้อดีมันไม่ได้เลยครับ แรงบิดรอบต่ำถือว่าแย่สำหรับเครื่อง 2.0 ที่มีวาล์วแปรผัน คุณต้องกระทืบและลากรอบจริงจังเพื่อให้มันไปได้ไวกว่า BMW 116i แล้วพอรอบเครื่องผ่าน 5,000 ตรงที่คุณคาดหวังว่าเปิดม่านแล้วจะมีโชว์คาบาเรต์อลังการจากเครื่องยนต์ กลายเป็นว่าเปิดผ้าม่านออกเจอกบคาบซิการ์ร้องอ๊บๆ

คือ..ก็แปลกแต่ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้น จะว่าไปแล้ว Mazda MX-5 หลังคาเหล็กพับได้ที่ยังมีขายตอนนี้..นั่นคือรถ 2.0 ลิตรเหมือนกัน แรงม้าบนสเปกน้อยกว่า แต่ตัวเบากว่าและแสดงออกอย่างโหดร้ายก้าวร้าวกว่า 86/BRZ มาก มีแรงบิดในทุกช่วงแบบกว้างๆ..ดุกว่า แต่ก็ปรานีต่อมือใหม่น้อยกว่า พยศกว่าต่อให้ไม่ได้ปิดระบบการทรงตัว

ดังนั้น ถ้าใครเป็นนักขับสาย Hardcore ที่อยากได้รถเล็กที่นิสัยดุ คุณไปหา Lotus
Exige/Elise หรือไม่ก็ MX-5 ครับ บอกเลย เพราะ 86 กับ BRZ คือรถที่ทำมาเพื่อให้ทุกคนสนุกได้ มือสมัครเล่น สนุกได้ตามโอกาส ขับทางไกลนิ่งๆ มี 15 กิโลลิตร ส่วนมืออาชีพ..ก็โมดิฟายตามใจ แล้วก็สนุกกับการโมดิฟายไปโดยที่เวลาซัดในสนามก็ไม่ต้องเสียดายรถเท่าการขับซุปเปอร์คาร์หลายสิบล้าน

ถ้าสมมติว่า คุณมองว่า 86 หรือ BRZ ยังเป็นทางเลือกของคุณอยู่ ผมขอคำแนะนำจากคุณกันต์ เพจ Perform Hub ซึ่ง ตาคนนี้ เชี่ยวชาญของแต่งและแนะนำอู่ซ่อม Subaru ซึ่งเจ้าตัวใช้ BRZ..แล้วก็ขาย แล้วก็ทนไม่ไหวไปซื้อรถคันเดิมนั้นกลับมาอีกครั้ง เขาก็มีเรื่องจุดอ่อนของ 86 กับ BRZ มาแชร์ให้ฟัง เพื่อให้คุณที่คิดจะซื้อรถจริง
ทำกันตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนต้องเรียกรถยก

ข้อแรก ถ้ารู้ตัวว่าชอบเห็นวัดรอบชนขีดแดงบ่อย ใส่ออยล์คูลเลอร์ให้น้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ (ในกรณีเกียร์ออโต้) เครื่องยนต์ของ 86 มีอุณหภูมิการทำงานสูงแต่พื้นที่สำหรับรับความร้อนน้อย จำเป็นต้องทำให้สามารถระบายความร้อนน้ำมันเครื่องดีๆ
และใช้น้ำมันเครื่องเกรดดี ส่วนยี่ห้ออะไร รบกวนทักไปถามที่เพจเขาเองแล้วกัน หรือลองสังเกตว่าคนที่ขับสนามแข่งบ่อยครั้งเขามักใช้น้ำมันตัวไหนกัน น้ำมันเกียร์ก็เช่นกัน เลือกของที่ดีไว้ก่อนจะช่วยยืดอายุเกียร์ได้ ถูกแหละว่ารถทุกรุ่นใช้ของเหลวดีก็คือดี แต่ 86 กับ BRZ นั้นอ่อนไหวเรื่องนี้มากกว่าพวก Toyota กับ Honda ครับ

ข้อต่อมา เนื่องจากรถบางคันอายุก็ 10 ปีแล้ว ชิ้นส่วนเช่นหม้อน้ำพลาสติก หรือข้อต่อท่อน้ำใต้คอมแอร์ มันจะกรอบพัง น้ำรั่วได้ ให้ตรวจสอบและเปลี่ยนใหม่ ข้อต่อท่อน้ำใต้คอมแอร์จะมีของแต่งทำจากอะลูมิเนียมที่ทนทานกว่าของสเปกโรงงานครับ ถ้ามีโอกาสก็เปลี่ยนซะเลย

ข้อสาม ถ้าวิ่งทางขรุขระแล้วมีเสียงดังหลังหน้าปัด อาจจะมาจากตัวประคองแกนพวงมาลัยแตก ของเดิมจากโรงงานมาจะเป็นพลาสติก สามารถเปลี่ยนใส่ของเทียบที่เป็นยูรีเธนได้ อันนี้แล้วแต่ศรัทธา

นอกจากนั้นแล้ว ขาซิ่งที่วัยเริ่มหมดความเป็นวัยรุ่นอย่างคุณกันต์ลองใช้มานานก็ไม่ค่อยจะเจอความเสียหรือจุกจิกอะไร ส่วนเพื่อนผมที่เป็นพวกเท้าหนักมากๆ ก็มีการยกเครื่องกันมาแล้วเพราะชาฟท์ละลายจากการซัดไม่ยั้งแล้วไม่มีออยล์คูลเลอร์ ไม่มีมาตรวัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง ต่อเนื่องซ้ำๆ กันมากเข้าก็เดี้ยงชัย

ผมจำได้ว่าเพื่อนที่ใช้ Scirocco แต่งกับเพื่อนที่ใช้ 86 คุยกัน ไอ้คนขับ 86 ก็แล้ว
VW ว่าเกียร์เอ็งพังกี่ลูกแล้ว คนขับ VW ก็แซวคนขับ 86 ว่าเครื่องเอ็งยกไปกี่ตัวแล้ว แต่แซวขำๆ ครับ คนเล่นรถรุ่นแก่ๆ แบบพวกผมแซวกันต่อหน้าขำๆ แล้วจบ ไม่เน้นด่าขิงกันออนไลน์หรอก โดยสรุปสำหรับ Toyota 86 กับ Subaru BRZ นี้ ถ้าคุณเป็นคนที่ถามว่าทำไมต้องจ่ายเงินล้านกว่าบาทซื้อรถมือสองแทนที่จะซื้อ EV..จงไปซื้อ EV

ถ้าคุณเป็นคนที่ถามว่าทำไมรถล้านกว่าบาท แต่เบรกมือเป็นคันโยกสมัยเมโสโปเตเ
มีย..จงไปซื้อรถที่ใช้เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto-brake hold ถ้าคุณอยากได้รถที่มีสุ้มเสียงแบบสันดาปแต่จ่ายน้อยแล้วได้แรงเยอะ ทำตัวเป็นสิงห์ทางด่วนได้ไม่ยาก เพิ่มพลังได้ง่ายแต่งสวยก็ง่าย ไปหา BMW หรือ Volkswagen 2.0 เบนซินเทอร์โบมือสองได้เลยครับ ไม่ต้องลังเล เพราะ 86 กับ BRZ เหมาะสำหรับคนที่เชื่อว่าโลกของรถยนต์มีสิ่งให้ค้นหามากกว่าคำว่าแรงม้า แรงบิด ..เหมาะกับคนที่มองว่าการขับรถเองคือสิ่งที่มีค่า และการเรียนรู้ที่จะควบคุมรถให้ได้ในขั้นสูงและพัฒนาการขับของตัวเอง ไม่ใช่ภาระ แต่เป็นกำไรของชีวิต รถสองรุ่นนี้ เหมาะกับคนเหล่านี้ หรือแม้แต่เรื่องพลัง เอาเข้าจริง คุณมีความอยาก ก็มีคนพร้อมที่จะทำให้รถของคุณมีม้าหลายร้อยตัวและวิ่งสนามแบบไม่พัง คนไทยทำได้นานแล้วครับ กำไรอีกอย่างคือ ถ้าคุณใช้แล้วไม่ทรมานรถเกินไป รักษาสภาพไว้บ้าง หรือแต่งก็แต่งให้เป็นแบบที่คนเห็นแล้วกรี๊ดอยากได้ คุณใช้สัก 3-4 ปี วันหน้าราคาก็ยังร่วงไม่มาก ตรงนี้แหละที่ได้เปรียบรถยุโรปเทอร์โบเห็นๆ ครับ.

Pan Paitoonpong