สัปดาห์นี้วนกลับมาหารถในอดีตกันสักหน่อยกับโจทย์เอาใจคนหมู่น้อยที่งบไม่เยอะแต่รักในความแรงผสมผสานกับดีไซน์ หรือสตอรี่ประจำรถที่บ่งบอกบุคลิกเรา หลายคนอยากได้รถที่ขับสนุก ซึ่งอาจจะสนุกในแง่เล่นซนในโค้ง หรือในแง่ความแรงทางตรง แต่พอดูราคารถป้ายแดงสมัยนี้ ก็แพงเกินจะเอื้อม และในขณะเดียวกัน บรรดารถฮีโร่ขวัญใจจากยุคพ่อยังเรียนมหาวิทยาลัยทั้งหลาย ก็ได้รับความนิยมมากจนราคากลับไปพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง เช่นพวก Nissan 200SX S13 ซึ่งตอนป้ายแดงปี 1992 ราคาล้านบาทบวกลบ แล้วคุณดูทุกวันนี้ ขอสภาพตัวถังสวยเนียน เครื่องยังเป็น CA18DET เดิม ราคายังมีแถวเก้าแสนบาท จากที่เคยลงไปอยู่แถวห้าแสนเมื่อทศวรรษก่อน
รถสปอร์ต คูเป้ ม้าเยอะ มีสตอรี่ยาว พวกนี้ราคาเขาขึ้นไปเยอะแล้ว ดังนั้น ผมว่าเราคนเงินน้อยอาจจะลองหันมาเล่นรถนอกกระแสแนวใหม่ คือเป็นรถที่มีดีกรีด้านขับสนุกแบบใดแบบหนึ่ง หน้าตาไม่ได้สวยเบอร์ตอง คนทั่วไปเห็นแล้วหาว แต่คนที่เคยสัมผัสรถมาเยอะอาจจะร้องอู้วว รถพวกนี้หลายคันขับเข้าด่านตรวจ พี่ตำรวจโบกผ่านเพราะหน้าตาชวนเกษียณเกษมสุขมากกว่าจะไปจับเช็งกับใคร (เว้นเสียแต่ว่าคุณไปแต่งโฉมหรือทำท่อดังจนมันเข้าเรดาร์สารวัตรก็นั่นล่ะ) เป็นรถที่น่าจะให้ความสุขกับการขับของคุณได้ แต่ต้องสัญญากันก่อนว่า เอาไว้เป็นรถคันที่สองหรือสามนะครับ และเตรียมงบซ่อมไว้ด้วย เพราะทุกคัน ยังไงก็อายุแก่พอจะเลือกตั้งได้แล้วล่ะ เราลองมาดูกันว่ามีรุ่นไหนเข้าโพยผมบ้าง
...
****BMW E36 325i M/T****
อะไรนะ? คุณอาจจะคิด รถหน้าตาบ้านๆ? ซีรีส์ 3 จากเมื่อ 30 ปีก่อนมันจะมีอะไรดี อย่าลืมนะครับว่า BMW คือหนึ่งในรถที่พาวัยรุ่นไปพบประสบการณ์ลงข้างทางครั้งแรกมากที่สุดรุ่นหนึ่ง มันมีเหตุผลที่ BMW ขับหลังยุคคลาสสิกเป็นรถที่สร้างได้ทั้งคลิปวิดีโอให้ชาวบ้านแชร์ไปขำ..และสร้างคนที่มีฝีมือในการขับชั้นเลิศขึ้นอยู่กับว่าคนขับจะเลือกไปทางไหน E36 325i อาจไม่ใช่รถหาง่ายนัก แต่ยังพอหาได้ และรุ่นเกียร์ธรรมดา คือตัวร้ายซ่อนรูปที่ขับแล้วมันกว่ารุ่นเกียร์อัตโนมัติคนละเรื่อง มันคือส่วนผสมของบอดี้ที่เล็ก คล่อง น้ำหนักรวมเครื่องหกสูบแล้วอยู่แถว 1.3 ตัน การกระจายน้ำหนักหน้า/หลัง ใกล้เคียง 50/50 เครื่องยนต์ M50 2.4 ลิตร 188 แรงม้า ทั้งหมดนี้ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดาที่อัตราทดรวม จัดจ้านแบบไม่สนบิลค่าน้ำมัน นี่คือรถที่สามารถวิ่งควอเตอร์ไมล์ได้ 15.8 วินาทีในสภาพเดิม 100% และปลายจัดจ้านเกิน 200 ไปไกล ไม่ว่าคุณจะเลือก 325i โฉมแรกๆ เบาะหนังเทียม กันชนดำๆ หรือรุ่นอัปเดตที่กันชนสีเดียวกับตัวรถแล้ว หรือรุ่น 323i ที่เป็น E36 โฉมท้ายสุด
E36 นั้นแม้จะเป็นรถปีเก่า แต่อะไหล่ยังพอหาได้ ถ้าหาไม่ได้ รถตัดซากแบ่งพาร์ตขายก็มีเพราะค่าตัวไม่ได้แรง 325i รุ่นแรกๆ ราคาตอนนี้เริ่มแถว 70,000 บาท แต่แน่นอนว่ารถแบบนี้ ถ้าคุณเจอคันที่สภาพดี ประวัติครบ แต่แพง บางทีคันที่แพงน่าเล่นกว่า เพราะเจ้าของเก่าเขา “เก็บ และ เจ็บ” มาให้คุณส่วนหนึ่งแล้ว ขนาดซุ้มล้อของรถก็ไม่ใหญ่โตมากนัก แค่ล้อขนาด 17 นิ้วยัดเข้าไปก็สวยแบบกำลังงาม คนที่ชอบเอาไปขับลงสนาม หายางซิ่งขอบ 17 ใส่ก็ง่าย ตัวเลือกเยอะ แต่สำหรับคนที่คิดจะทำรถไว้ขับในสนามแบบจริงจัง แนะนำโรลเคจช่วงกลางครับ BMW ยุคนั้นช่วงกลางของรถจะอ่อนให้ตัวได้เยอะ ปรับบอดี้รถให้แข็งขึ้นจะยิ่งทำให้รถวิ่งในสนามได้เร็วขึ้น หรือถ้าไม่คิดว่าจะทำเป็นรถฝึกสไลด์เล่น ก็เอามาแต่งสวยได้ แต่ของแต่งหลายอย่างราคาเริ่มแรงนะขอบอก และที่แสบก็คือ E36 เป็นรถที่แต่งต่อได้หลายแนวมาก จะแต่งประหยัด ก็ไปธีม 90s โหลดเตี้ยแป้ก ล้อ BBS หรือถ้าเงินเยอะ ก็เน้นธีมพาร์ตแท้จากสำนักแต่งยุโรป
มันอาจไม่ใช่รถที่แรงทางตรงระเบิดระเบ้อ แต่ไอเดียของการซื้อซีรีส์ 3 หกสูบเรียงเกียร์ธรรมดาไม่มีเทอร์โบ คือการเพลินไปกับโค้ง ขับกล่อมโดยเสียงหกสูบยุค 90s ที่ถ้าได้ทำฝา เปลี่ยนแคมฯ และท่อแต่งสูตรสักชุด จะหวานละมุนกว่านมตราหมี ซึ่งถ้าคุณไม่เล่นมันเสียในปีนี้ อีกสิบปี มันอาจไม่เหลือรถดีๆ ให้จับมาเล่นแล้วก็ได้
...
****Honda Accord V6 3.0****
Accord โฉมนี้ เป็นรถที่เราได้ตัวถังเดียวกับเวอร์ชันอเมริกาเช่นเดียวกับเจเนอเรชันก่อนหน้า อเมริกันเขาชอบของใหญ่อยู่แล้ว ผลพลอยได้คือเนื้อที่ห้องโดยสารเข้าขั้นรถขนาดใหญ่ เนื้อที่แกว่งแขนขาเหลือเฟือ ต่างจากเวอร์ชันญี่ปุ่นที่ตัวเล็กลีบแต่คล่องตัวกว่า Accord เวอร์ชันไทย มีเครื่องยนต์ 4 สูบ K-Series เป็นตัวขายหลักในพิกัด 2.0 และ 2.4 ลิตร แต่เพื่อสืบทอดตำนานจากเจเนอเรชันก่อน จึงมีเครื่อง V6 รหัส J30 มาให้เลือกในตัวท็อป ราคาช่วงเปิดตัวสมัยนั้น เกือบๆ 1.6 ล้านบาท ความพิเศษของรถ V6 นี้คือได้ไฟหน้าไม่เหมือนรุ่นอื่นๆ (ซึ่งไม่ใช่อย่างคันในภาพที่เป็นสีทองนี้ ผมยืมภาพมาจากออสเตรเลียเพราะหาภาพ V6 รถไทยที่ไม่ติดลิขสิทธิ์ไม่ได้) เส้นแบ่งชั้นไฟหน้าจะอยู่ระนาบเดียวกับตอนบนของเส้นกระจังหน้าพอดี ล้ออัลลอยจะเป็นแบบ 7 ก้าน (รุ่นอื่นๆเป็น 5 ก้าน) มีไฟตัดหมอก และหลังคามูนรูฟมาให้พร้อม เบาะไฟฟ้าคู่หน้า และแน่นอน..เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร 220 แรงม้า ที่ส่งกำลังลงสู่ล้อหน้าผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ แน่นอนว่าอัตราเร่งอาจจะไม่ได้ถึงขั้นรถสปอร์ต แต่ในยุคของมันนั้น รถวัยรุ่นที่ไม่ได้ทำเครื่องมาแรงจริง ไปไล่ดัน V6 เจอรถบ้านสเปกลุงทิ้งเป็นทุ่งมาเยอะแล้ว
...
ความเร็วสูงสุดล็อก 210 ซึ่งยุคนั้นเวลาอยากปลดล็อก คนไทยก็จะควานหากล่อง Accord USA มาใส่ นอกจากจะปลดล็อกแล้วยังได้แรงม้าเพิ่มมาอีก ไม่ได้โม้ เพราะมีเพื่อนเป็นเจ้าของไดโน่วัดม้าครับรถใส่กล่อง US ทำม้าลงพื้นได้ 215-220 ตัวในขณะที่กล่องไทยจะได้ม้าลงพื้นน้อยกว่านั้น แต่ขนาดเดิมๆ ล้อ 16 นิ้วพวกผมขับลองวิ่งควอเตอร์ไมล์กันก็ได้ 15.9 วินาทีแล้ว แต่สิ่งที่ต้องเตือนคือ เบรกครับ เบรกหน้าเหมือนกับรุ่น 2.4 ลิตร ซึ่งบอกเลยว่าไม่คณาคนเท้าหนัก และช่วงล่างในแบบเดิมๆ ของมัน ก็เป็นสไตล์ Honda ที่จะนุ่มก็ไม่ได้นุ่ม แต่ทิ้งโค้งหนักๆ ก็ยวบ ธรรมชาติของรถ คือรถครอบครัวอเมริกันฐานะปานกลางเท้าหนัก ไม่ใช่นักเล่นโค้งเท้าไฟ ลดความคล่อง แต่แลกมาด้วยความสบาย ในราคามือสองแค่ราวแสนต้นถึงกลาง แถมถ้าอยากแต่ง มีช่วงล่างแต่งและพาร์ต Mugen สวยๆ ใส่แล้วรถดูหนุ่มขึ้นเยอะ
...
ปัญหาหนักๆของรถรุ่นนี้ที่เปลืองเงินเยอะสุดคือเกียร์ ไม่ได้ทนเท่าเครื่องเลยครับ เจอเจ้าของเท้าหนักหน่อยแสนโลปุ๊บลากลับสวรรค์ทันทีและค่าโอเวอร์ฮอลก็ตก 28,000-35,000 บาท กับเรื่องท่อน้ำมัน ท่อยางที่พังตามวัย นอกเหนือจากนี้ไป คุณใช้มันสบายมือเหมือนรถญี่ปุ่นธรรมดาคันนึง ไม่ต้องกลัวแตะ ตบ ตรงนั้นตรงนี้แล้วจะมีอะไรร่วงมาพังแบบรถยุโรป
****Lexus LS400 VVT-i****
ไหนๆ จะซ่อนรูปแล้ว ก็ซ่อนให้มิดด้วยการจับรถที่มาดเป็นลุงใจดีแบบสุดๆ ไปเลยแล้วกัน น้อยคนในโลกนี้จะมองรถอย่าง LS400 เป็น Performance Car ซึ่งอันที่จริงมันก็ไม่ใช่ แต่มันคือทางสู่เครื่องยนต์ V8 ที่มีโอกาสกินเงินในบัญชีคุณน้อยกว่าการเล่น BMW 740iL หรือ S-Class S 500 เพราะหัวใจของ LS400 นั้น คือเครื่องยนต์ 1UZ-FE 4.0 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ Toyota ตั้งใจทำมาแบบ Over-spec เกือบจะทุกส่วน โดยเฉพาะในเรื่องของความทนทาน และการเก็บความสั่นสะเทือน การเก็บเสียง มันคือการทำแบบสุดฝีมือของ Toyota ยุคนั้นที่ตั้งใจสร้างเพื่อฆ่ารถฝรั่งบนแดนของฝรั่ง LS400 มีขายสามโฉม สองโฉมแรก ราคาไม่เกินสองแสนก็เยอะ แต่ผมจะแนะนำให้คุณยอมจ่ายเพิ่มเพื่อเอา LS400 โฉมท้ายสุด ปี 97-01 ซึ่งแม้บนสเปกจะเป็น 4.0 ลิตรเหมือนกัน แต่ขับจริงอัตราเร่งต่างกันมาก รถรุ่นเครื่องมีแคมชาฟต์แปรผัน VVT-I จะมีแรงม้า 280-290 แรงม้า (เพิ่มจากรุ่นก่อน 20-30 แรงม้า) และได้เกียร์อัตโนมัติ เพิ่มจาก 4 เป็น 5 จังหวะ ซึ่งโดยรวมทำให้อัตราเร่ง 0-100 ของรถมาดลุงคันนี้ สามารถไล่ Hot Hatch อย่าง Golf GTi เดิมๆ ได้ และยินดีที่จะพุ่งปร๊าดไปยิ้มอยู่แถวๆ 200 เมื่อคุณต้องการ
แต่ LS400 ไม่ได้สร้างมาเพื่อความตื่นเต้น ตัวมันเองคือรถระดับสูงของค่าย วัสดุต่างๆ ที่ใช้ รวมถึงการเก็บเสียงจึงเป็นคนละเกรดกับรถอย่าง Camry/Accord ส่วนช่วงล่างเดิมๆ ในรุ่นที่เป็นสปริงเหล็กนั้น จัดว่านุ่มนวลแบบรถใหญ่ วิ่งความเร็วสูงไม่ได้นิ่งเท่าพวกรถเยอรมัน แต่ในความเร็วต่ำจะไวคล่องมือกว่า ทั้งเบรก เกียร์และพวงมาลัย สบาย เงียบ เรียบ หรู แรง คือ LS400 ซึ่งถ้าคุณอยากทำลายความเงียบ ก็ขอหม้อพักสปอร์ตสักชุด เสียง V8 ก็จะคำรามลั่นสมใจอยาก คุณจะใช้มันแบบเดิมๆ รักษาสภาพ หรือแต่งแนว VIP ก็ได้ทั้งคู่
ราคามือสองของรถรุ่น LS400 VVT-I นี้อาจทะลุสามแสนบาท ถือว่าแพงสุดในหมู่รถที่เรานำมาคุยกันวันนี้ แต่ถ้าไม่ซวยจริง คุณจะไม่เจอ LS ที่จุกจิกมากปัญหา เพราะตัวรถหลักๆ นั้นพัฒนาต่อเนื่องมาหลายปีจนขจัดปัญหาในรุ่นแรกออกไปหมด จะมีแต่พวกอุปกรณ์ไฟฟ้าที่พังตามอายุ เครื่องเสียงจอพัง ช่วงล่างเสื่อมตามกิโลที่วิ่งไป อะไหล่ใหม่ถ้าเบิกห้างแพงหูฉีกจริง แต่ถ้าไปหาคนที่สั่งอะไหล่เป็น พาร์ตบางชิ้นจะเหมือนกับ Toyota แต่พอตีตรา Toyota กลับขายถูกกว่า พวกนี้เขาจะรู้วิธีหาอะไหล่ให้ราคาไม่โหดเกิน แต่ในภาพรวม ถ้าคุณผ่าน BMW ยุค 90s มาสักสองสามคัน LS 400 ก็เรื่องเล็กครับ ที่ราคารถมันถูก ไม่ใช่ว่ารถไม่ดี หรือจุกจิก แต่แค่มันหน้าตาแก่ และไม่ใช่รถวัยรุ่นนิยมนำไปทำซิ่ง แค่นั้น
****SAAB 9-5****
ถึงแม้ว่าปัจจุบันแบรนด์ Saab จะถือว่าเป็นแบรนด์ที่ตายไปแล้ว แต่คนที่ใช้ Saab ทั่วโลกยัง “ส่งต่อคบเพลิง” นี้กันต่อไป โดยรวมกลุ่มกันเป็นคลับแล้วช่วยกันหา แบ่งหรือแย่งอะไหล่กันใช้ อันที่จริงอะไหล่ Saab ในปัจจุบันนั้นหาง่ายกว่า Nissan รุ่นหายากๆ บางรุ่นด้วยซ้ำ และในไทยยังมีคนที่เล่นหรือช่างซ่อมที่พึ่งพากันได้อยู่ถ้าเป็นในเขตกรุงเทพฯ/ปริมณฑล เสน่ห์ของ Saab โดยเฉพาะในรุ่น 9-5 นี่คือ ภายนอกที่ดูอย่างไรก็ทรงลุงชัดเจน บางคนอาจจะบอกว่าดีไซน์พิลึกไม่เหมือนชาวบ้านด้วยซ้ำ แต่นั่นคือเอกลักษณ์ของค่าย รวมถึงการออกแบบภายใน ซึ่งพยายามนำความรู้ด้านการผลิตเครื่องบิน มาใช้ในรถ ส่งผลถึงการพยายามออกแบบสวิตช์ต่างๆ การติดตั้งอุปกรณ์ในตำแหน่งต่างๆ ที่ดูเหมือนจะงง แต่ใช้จริงแล้วคล่องมือ รูเสียบกุญแจสตาร์ต อยู่ตรงข้างๆ เบรกมือ และที่สำคัญคือเรื่องความปลอดภัยในการชน ซึ่ง Saab ชูจุดขายนี้แข่งกับ Volvo มาโดยตลอด
แต่หัวใจที่ทำให้ Saab ได้มาอยู่ในคอลัมน์วันอาทิตย์นี้ คือเครื่องยนต์เทอร์โบ ซึ่งในสมัยที่มันเปิดตัวใหม่ๆ บริษัทออโต้เทคนิคจัดสเปกมาจนบางคนงงมาก รุ่น 2.0t มี 150 แรงม้า รุ่น 2.3t มี 185 แรงม้า นี่คือสเปกบนโบรชัวร์ แต่ทางไทยนี่ล่ะไปสั่งจูนเพิ่มกำลัง สมัยเปิดตัว ตรงท้ายเอกสารที่ส่งให้สื่อมวลชนจะมีหมายเหตุบอกว่ารุ่น 2.0t เพิ่มพลังไป 60 ม้า และรุ่น 2.3t เพิ่มไป 35 ม้า นั่นก็ทำให้แรงม้าจริงๆของทั้งสองรุ่นไปอยู่ที่ 210 และ 220 แรงม้า แต่รุ่น 2.3t แรงบิดโหดกว่า คือ 340 นิวตันเมตร ในภายหลัง มีรุ่น 2.3T (เป็น T ตัวอักษรใหญ่) เข้ามาอีก ใช้เทอร์โบลูกโตกว่า แต่ไม่ได้จูนอัปเพิ่มพลัง แรงม้าจึงเท่ากับ 2.3t เล็ก ที่ไทยขายอยู่แล้ว แถมแรงบิดน้อยกว่า (310 นิวตันเมตร) ซึ่งพอเอาไปวิ่งจริง ก็พบว่า 2.3t เล็ก ซึ่งราคาถูกกว่าอยู่ 60,000 บาท กดดีดพุ่งดีกว่า แต่จริงๆ แล้วรุ่น 2.3T ใหญ่นั้น มีเทอร์โบที่สร้างแรงม้าได้เยอะ ถ้านำมาจูนเหมือนกันก็พร้อมสร้างพลัง 280 แรงม้าได้ แต่ถ้าสั่งจูนมาเลยจากสวีเดน ราคารถจะโดนสรรพสามิตอีกขั้น ทำให้โดยรวมแพงขึ้นเป็นล้าน
เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าของรถก็จูนแต่งกันไปตามใจชอบ เครื่องเทอร์โบ Saab นั้นไส้ในทน กล่องสมองกลทันสมัยกว่ารถค่ายอื่นยุคนั้นจนเป็นค่ายแรกที่จูนแบบรีแมปได้ตั้งแต่ยุค 90s เทอร์โบเล็ก กลาง ใหญ่ เดิมหรือของแต่ง มีหมด คุณเจอ Saab 9-5 วิ่งอยู่บนถนน คุณไม่มีทางรู้ว่ามันคือรถ 210 หรือ 420 แรงม้า รถขับหน้า แรงเยอะ ออกตัวทีหน้าสะบัด ไม่ได้เป็นรถสไตล์วิ่งสนาม หรือเน้นโค้ง แต่พอทางตรงๆโล่งๆ Saab นี่ผมเจอมาแล้ว บอกเลยว่าตีนปลายน่ากลัวเป็นบ้า ความน่าเกรงขามในพลัง รวมกับความปลอดภัย แบรนด์ที่มีเรื่องราวน่าติดตาม ดีไซน์น่าสนใจ ทั้งหมดนี้ คุณหารถมือสองได้ ไม่เกินสามแสนบาทครับ
****Subaru Legacy Turbo****
ถ้า Impreza ยังราคาตึงเกินไปสำหรับคุณ ก็ลองหา Legacy ดู อันที่จริง Subaru ในไทยยุคกำแพงภาษีทลายนั้น บริษัทผู้แทนจำหน่ายเอา Legacy รุ่นนี้มาขายก่อน Impreza ประมาณเกือบปี โดยมีรุ่น Turbo เกียร์ธรรมดาเป็นตัวท็อปราคาเฉียดล้านมาเป็นตัวชูโรง เน้นจุดขายคล้ายกับที่คุณจะเห็นคนบ้าซูบารุเขาท่องให้คุณฟังในวันนี้ หนึ่ง เครื่อง Boxer นอนยัน จุดศูนย์ถ่วงต่ำ สอง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา และสาม เทอร์โบชาร์จเจอร์ คุณอาจจะเห็นว่า Impreza WRX คือฮีโร่ขวัญใจทั้งเด็กและคนแก่มาตลอด อันที่จริง ความสำเร็จของ WRX ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะเทคโนโลยีหลายอย่างรวมถึงเครื่องยนต์ EJ20T ถูกนำมาทดสอบอย่างหนักหน่วงใน Legacy ก่อน ทั้งในเวทีแรลลี่โลก เป็นคู่แข่งกับ Mitsubishi Galant VR-4 และในด้านการสร้างสถิติโลก ด้วยการเอา Legacy RS Turbo 3 คัน วิ่งวนรอบสนาม Arizona Test Center ด้วยความเร็วเฉลี่ย 223 กม./ชม. หยุดรถเพื่อเติมน้ำมันกับเซอร์วิสทั่วไปเท่านั้น วิ่งทั้งกลางวัน กลางคืนและฝนตก อยู่ 19 วัน จนได้ระยะทาง 100,000 กม. เป็นสถิติโลกการวิ่งความเร็วสูงแบบ Endurance
พูดในฐานะที่เคยเป็นเจ้าของรถรุ่นนี้ Legacy เป็นรถญี่ปุ่นก็จริง แต่การดูแลไม่ได้ง่ายเหมือน Honda นะครับ ยิ่งถ้าเจอคันที่หมกระบบสายไฟมายุ่งเหยิงจะแก้จบยาก แต่ในเมื่อราคารถทุกวันนี้ แสนบาทบวกลบ คุณเหลือเงินอีกบานเอาไว้ซ่อม และคุณจบได้แน่นอนถ้าได้ช่างที่ทำ Subaru เก่งๆ ช่วงล่าง เบรก เครื่องยนต์ และเกียร์ ใช้ร่วมกับ Impreza WRX ได้เกือบทุกชิ้น เครื่องยนต์เดิม เป็นเครื่อง 2.0 ลิตรเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์น้ำ ซึ่งน่าจะลาตายไปนานแล้ว คุณก็สามารถเอาเครื่องยนต์ EJ20 เทอร์โบลงได้ แต่ถ้าเป็นพวกเครื่องจาก WRX เจเนอเรชันแรกจะง่ายกว่าในเรื่องระบบไฟ คุณเลือกได้เลยว่าจะเอา 200 หรือ 280 แรงม้า เอาเกียร์ธรรมดาหรือออโต้ ถ้าคุณเงินหนาพอก็จะทำไปให้แตะ 400 แรงม้า เมืองไทยก็มีทำไปแล้วเยอะแยะ หรือจะทำเป็นรถฝึกขับแรลลี่ ยิ่งตรงสายที่มันเกิดมา
แต่อย่าถามหาความหรูหรานะครับ เวลานั่งขับแล้วมองไปรอบห้องโดยสาร บรรยากาศจะพอๆกับ Toyota Mighty-X ใส่พวงมาลัยสปอร์ต เรื่องความหรูนั้น น้อยและด้อยสุดในบรรดารถทุกคันที่ผมเขียนถึงในวันนี้ แต่อย่างน้อย ห้องโดยสารไม่แคบเท่า BMW E36 แล้วกัน มันอาจจะไม่ใช่รถดริฟต์กวาดท้าย แต่เพราะมันเป็นรถขับสี่ตลอดเวลา มันจึงเป็นรถที่เร็วและมั่น ในทุกสภาพอากาศ นักซิ่งมือใหม่ขับ โอกาสลงข้างทางจะยากกว่ารถขับหลัง ถ้าแรงม้าเท่ากัน
และทั้งหมดนี้ ก็คือรถทรงลุง ที่ดูเหมือนมีพุง แต่จริงๆ แล้วเท้าไฟไม่เบา คุณอยากจะเจียดเงินสักก้อน หารถสภาพดีๆ มาทำไว้ขับเล่นก็ได้ แต่โปรดเชื่อผมว่า นี่ควรจะเป็นรถคันที่สองหรือสาม ไม่ควรนำไปทำเป็นรถใช้งานหลักเพียงคันเดียว เพราะอายุที่เยอะ มีความเสี่ยงบ้างในการพัง ชำรุด หรือต้องจอดรถอะไหล่ที่สั่งจากเมืองนอก แต่ถ้าคุณบ้ารถ และอยากสัมผัสไอเบนซินรถสันดาปที่ขับดี มีสตอรี่ มีความสนุกให้คุณ โดยไม่จ่ายเกินสี่แสนบาท รวมค่าซ่อมระยะ 2 ปีแรก ผมว่าหนึ่งในรถเหล่านี้ น่าจะตอบโจทย์คุณได้ครับ.
Pan Paitoonpong