หลังจากโตโยต้าได้เปิดตัว HILUX TRAVO หรือ ไฮลักซ์ ทราโว่ ไปเมื่อเดือนพ.ย. 2568 ที่ผ่านมา นอกจากจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคแล้วด้วยยอดจองเป็นจำนวนมากแล้ว อีกหนึ่งความน่าภาคภูมิใจอีกอย่างก็คือ รถกระบะ HILUX TRAVO นี้ผลิตและพัฒนาโดยคนไทยส่งออกไปไกลทั่วโลกอีกด้วย
นอกจากนี้ชื่อของ "อัญญารัตน์ สุทธิเบญจกุล" หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด กำลังได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก เพราะผู้หญิงไทยตัวเล็กๆ คนนี้ เธอเป็นหัวหน้าทีมพัฒนารถกระบะภายใต้โปรเจกต์ IMV ( Innovative International Multi-purpose Vehicle) ระดับโลกนั่นเอง
ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยกับ พี่เอ๋ อัญญารัตน์ ของน้องๆ เกี่ยวกับแนวคิดในการทำงานและการพัฒนาโปรเจกต์ IMV จนกลายเป็น HILUX TRAVO ในวันนี้
พี่เอ๋ อัญญารัตน์ เริ่มต้นเล่าให้ฟังว่า เราเข้ามาอยู่กับโตโยต้าตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการเปิดตัวและขาย Toyota Hilux Vigo เป็นปีแรก และขายในประเทศไทยด้วย จะว่าไปก็เหมือนโชคชะตาของเรา พอเข้ามาทำงานที่ Toyota เราก็ได้ทำงานเกี่ยวกับงานเกี่ยวกับการดูแลคุณภาพของการออกแบบและการวิจัย ซึ่งตอนนั้นเราก็รับผิดชอบตัวโครงการ IMV หรือ Innovative International Multi-purpose Vehicle รถที่เราดูหลักๆ ก็จะเป็น Hilux , Fortuner และ Innova ไปจนถึง Z Edition
นับตั้งแต่ปี 2004 ส่วนใหญ่งานที่รับผิดชอบหลักๆ เลยคือการ Audit Quality ดูแลเรื่องคุณภาพตัวการออกแบบ การทดสอบวิ่งทางไกลเป็นต้น แต่จุดเปลี่ยนสำคัญจริงๆ จะเริ่มในปี 2010 คือ มีการพูดคุยกับหัวหน้าเรื่องการประเมินผลงานประจำปี ซึ่งที่โตโยต้าจะมีทุกปีในช่วงประมาณเดือน ต.ค. ถึง พ.ย.
...
โดยจุดเปลี่ยนที่สำคัญเลย ก็คือ รองประธานบริษัทโตโยต้า ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นถามว่า เรามองตัวเองในอนาคต 5 ปี 10 ปี ข้างหน้าคิดว่าเราจะไปอยู่ตรงไหนแล้วเราอยากจะทำอะไร
"เราก็บอกว่าตอนนี้เราทำเรื่องการดูแลคุณภาพ หรือ Quality Audit มาพอสมควร ตั้งแต่ 2004 ถึง 2011 ก็ร่วม 6-7 ปี ความใฝ่ฝันสูงสุดของเรา ถ้าเรายังอยู่ในรั้วโตโยต้า เราอยากทำรถยนต์ แต่ตอนนั้นคำตอบที่เราตอบ เราอาจจะมองแคบกว่านี้ คือ เราอยากทำรถยนต์ที่เป็นโมเดลสำหรับคนไทย หรือเป็นรถยนต์ที่สำหรับโมเดลเอเชีย เราไม่ได้มองถึงว่าจะต้องทำ Globle แล้วนี่ก็เป็นเหตุที่หัวหน้าย้ายแผนกให้เราเลยในเดือนธันวาคม ให้มาอยู่ที่แผนกวางแผนผลิตภัณฑ์ ก็คือ แผนกปัจจุบันที่ทำอยู่ตั้งแต่ 2011 จนถึงทุกวันนี้ก็ร่วม 15- 16 ปีแล้ว ก็ทำรถและพัฒนารถอยู่คันเดียวเลยก็คือ Hilux"
การพัฒนา HILUX ต้องคำนึงถึงความหลากหลายในการใช้งาน
สำหรับกระบะ HILUX TRAVO ด้วยความที่ต้องส่งขายออกไปทั่วโลก การใช้งานของลูกค้าค่อนข้างหลากหลาย และอยู่บนความคาดหวังของลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มลูกค้าที่ใช้งานเชิงพาณิชย์ ที่ต้องการรถกระบะในราคาที่จับต้องได้ ไม่เน้นความสะดวกสบาย ไม่เน้นเรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัยมากนัก แต่เน้นการใช้งานหนัก และความคงทน ที่สำคัญต้องซ่อมง่าย
กลุ่มที่ 2 คือการใช้งานเชิงผสม ที่ในหนึ่งครอบครัวสามารถซื้อรถได้แค่หนึ่งคัน ฉะนั้นรถกระบะที่มีนอกจากใช้งานได้แล้วยังต้องใช้ส่วนตัวได้ด้วย เช่น รับส่งลูกไปโรงเรียนได้
กลุ่มที่ 3 ใช้เพื่อการส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในการเดินทาง หรือการออกไซต์ไปทำงานเล็กน้อย รวมไปถึงใช้ในงานสันทนาการ เช่น บางคนก็จะเอาไปติดเต็นท์ บางคนก็จะเอารถไปโมเพื่อไปขับออฟโรดเล่นกับเพื่อน เป็นต้น
ด้วยความหลากหลายของการใช้งานของรถหนึ่งคัน โดยมีโจทย์คือเรื่องราคาที่ไม่แพง ฟังก์ชันก็ต้องดี adaptability คือการที่เราสามารถนำรถไปปรับใช้เพื่อการใช้งานได้ด้วย ถือว่าเป็นความท้าทายที่สุด
...
"ตอนที่เราจะต้องมารับผิดชอบโปรเจกต์นี้ที่มีความคาดหวังจากลูกค้าทั่วโลกค่อนข้างมีความกดดัน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันค่อนข้างสนุก ทำให้เราพยายามมากขึ้น เพราะเราจะต้องรู้จักตลาด และรู้จักลูกค้าให้มากขึ้น เลยทำให้เราพยายามวิจัย เราไปหาสถานที่ที่ลูกค้าอยู่จริงและทำงานจริง อย่างเช่นในกลุ่มของการใช้งานเชิงพาณิชย์ เราก็ต้องไปเหมืองของลูกค้าเป็นต้น"
อย่างเช่นตอนไปเหมืองที่ชิลี ซึ่งเป็นเขาเรียกว่า High-Altitude พื้นที่ราบสูงที่สูงจากระดับน้ำทะเล สิ่งที่เขาจะตรวจสอบอันแรก คือระดับออกซิเจนกับปริมาณฮีโมโกลบินในเลือด ก็คือไม่ใช่ที่ที่มนุษย์ปกติไปได้ก็คือจะต้องเป็นมนุษย์ที่แข็งแรงถึงจะไปได้
แต่ตัวเราเองสอบตกในเรื่องนี้ ครั้งแรกเลยก็คือไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล แล้วก็ผลออกมาไม่ผ่านแล้วต้องกินยา กินยาเสริมเลือดหลายตัว ยาบำรุงแล้วก็ต้องกลับไปหาหมอใหม่ เพื่อที่จะพัฒนาให้เลือดกับออกซิเจนในเลือดให้เราสามารถเข้าเหมืองได้ เพื่อจะได้เห็นกับตาว่าลูกค้าใช้งานยังไง ใช้งานที่ไหน สภาวะถนนเป็นอย่างไร อากาศเป็นอย่างไรในทุกๆ พื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ที่เราไปก็จะไปดูด้วยตัวเอง
"ถ้าให้พูดจากใจเราอยากให้ Hilux Travo เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกค้า คิดจะทำอะไรก็คิดถึง Hilux Travo อยากให้เป็นเพื่อนร่วมทางที่ลูกค้าไว้วางใจในการใช้งาน ไม่ว่าจะในเมืองหรือในพื้นที่ทุรกันดาร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้า"
...
มองอนาคตรถกระบะไทยในอีก 5–10 ปี
อัญญารัตน์ มองว่า เครื่องยนต์สันดาปยังคงอยู่ เนื่องจากเศรษฐกิจและการเป็นส่วนสำคัญของต้นทุนการใช้ชีวิตและธุรกิจเกษตรกร และอีกใน 10 ปีข้างหน้ารถยนต์ไฟฟ้า หรือเครื่องยนต์ทางเลือกจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ตามการพัฒนาของกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้โตโยต้าจะเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ไม่ใช่การแทนที่ โดยเรายังคงคำนึงถึงราคาที่จับต้องได้และใช้งานได้จริง
ความอดทน มองบวก ไม่ยอมแพ้ คือหลักในการทำงาน
อัญญารัตน์ กล่าวอีกว่า จริงๆ แล้วเราภูมิใจในวิศวกรคนไทยทุกคน ซึ่งในทีมของวิศวกรของโตโยต้ามีความคิดสร้างสรรค์ กล้าแสดงออก อดทน และมีวินัย พวกเขาคือผู้ที่เอาชนะความท้าทายในโจทย์ที่ได้รับ และทำให้ผลิตภัณฑ์ดีขึ้นสำหรับลูกค้า
"ตอนนี้ภูมิใจที่เป็นคนไทยและเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เป็นหัวหน้าทีมวิศวกรระดับนี้ที่โตโยต้า เป็นการพิสูจน์ว่าวิศวกรไทยมีความสามารถในการทำผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ระดับโลก ซึ่งเราใช้ความเป็นหญิงไทยที่มีความอดทนสูง มองโลกในแง่ดี ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคมาใช้ในการทำงาน แต่ยังต้องยึดหลักความประนีประนอม และทำงานเป็นทีมด้วยความใจเย็นเพื่อให้ทีมของเราเดินหน้าต่อไปได้"
...