Yamaha ฉลองครบรอบ 70 ปียกทัพยานยนต์สุดล้ำเข้าร่วมโชว์นวัตกรรมและเทคโนโลยีในงาน Japan Mobility Show 2025 จัดโดยสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Automobile Manufacturers Association, Inc.) ณ Tokyo Big Sight ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม - 9 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้ธีม “Feel. Move.” สัมผัส ทุกการเคลื่อนไหว นำพาหัวใจให้ตอบสนอง
บูธ “Feel. Move.” ของ Yamaha ตั้งอยู่ใน East Hall 5 ด้วยแนวคิด “สัมผัสอนาคตของการเดินทางระหว่างมนุษย์ และเครื่องจักร (Feel the Future of Human-Machine Mobility) โดยมีการจัดแสดงโมเดล 16 สุดล้ำของนวัตกรรมยานยนต์ พร้อมทั้งอวดโฉม 6 โมเดลครั้งแรกของโลก ด้วยรถยานยนต์ต้นแบบสุดล้ำ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและระบบไฮบริด, จักรยานไฟฟ้า (eBikes), และโมเดลแนวคิดสำหรับรถเข็นไฟฟ้าได้แก่ MOTOROiD:Λ (โมโตรอยด์ แลมบ์ดา) รถจักรยานยนต์ที่เรียนรู้และพัฒนาตนเองแบบอัตโนมัติ, TRICERA proto ยานยนต์ 3 ล้อต้นแบบ ที่ใช้ระบบเลี้ยวได้ทั้ง 3 ล้อ, PROTO BEV มอเตอร์ไซค์ EV SuperSport, H2 Buddy Porter Concept เครื่องยนต์ไฮโดรเจนที่ร่วมกันพัฒนากับโตโยต้าเพื่อพลังงานที่สะอาด, Y-00B จักรยานไฟฟ้าที่เรียบหรูและทันสมัย และ e-Axle for Automotive Drive Unit ชุดขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าที่ใช้โครงสร้างแบบผสานรวมกับมอเตอร์ อินเวอร์เตอร์ และชุดเกียร์เข้าด้วยกัน
...
นอกจากนี้ yamaha corporation ยังให้ความร่วมมือโดยมี ฮัตสึเนะ มิกุ ผู้มีชื่อเสียงจาก VOCALOID มาเป็นผู้ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์บูธ จัดแสดงเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ และทำการแสดงด้วยเครื่องดนตรีเหล่านั้น รวมถึงนำเสนอการแสดงบนเวทีที่เต็มไปด้วยพลังโดยใช้เทคโนโลยีอะคูสติก 3 มิติของ Yamaha
WORLD PREMIERE MODELS ทั้ง 6 รุ่น ที่ทำการเปิดตัวในครั้งนี้ได้เแก่
MOTOROiD:Λ
ΛMOTOROiD เป็นโครงการที่ Yamaha พัฒนาขึ้นมาภายใต้แนวคิด “ความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร” โดยได้เริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2017 ที่ Yamaha ได้เผยโฉม MOTOROiD รุ่นต้นแบบ (Proof of Concept) ที่สามารถยืนทรงตัว และโต้ตอบกับผู้ขี่ได้อย่างอิสระ จากนั้นในปี 2023 MOTOROiD2 พัฒนาไปอีกขั้น ด้วยความสามารถในการสื่อสาร ตอบสนองซึ่งกันและกันระหว่างผู้ขี่กับตัวรถ เสมือนกับเป็น “คู่หู” ที่เข้าใจกัน และในปี 2025 พัฒนา MOTOROiD อีกขั้นโดยมีชื่อว่า MOTOROiD:Λ (โมโตรอยด์ แลมบ์ดา) มาพร้อมกับระบบที่สามารถ “เรียนรู้และพัฒนาด้วยตัวเอง” ผ่านเทคโนโลยี Reinforcement Learning ที่รถจะทำการฝึกฝนในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง (Virtual Environment) และนำทักษะที่ได้มาใช้จริงด้วยเทคนิค Sim2Real เพื่อให้สามารถตัดสินใจ และตอบสนองได้ด้วยตนเอง
MOTOROiD:Λ (โมโตรอยด์ แลมบ์ดา) จึงเป็นอีกก้าวสำคัญของวิวัฒนาการ ที่เปิดโอกาสให้ “ยานยนต์สามารถเรียนรู้ไปพร้อมกับผู้ขี่ใช้งาน” การเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ และคล่องตัว จากการเรียนรู้ของระบบ AI รวมถึงโครงสร้างภายนอก (Exoskeleton) ที่เบา และมีความแข็งแรง รองรับการทดลอง และการพัฒนาซ้ำอย่างต่อเนื่องในกระบวนการเรียนรู้ด้วยการผสานโลกของ “การขับเคลื่อน” เข้ากับ “การเรียนรู้ของเครื่องจักร” MOTOROiD:Λ (โมโตรอยด์ แลมบ์ดา) มีเป้าหมายที่จะสร้างนิยามใหม่ให้กับโลกของยานยนต์สองล้อ และปูทางสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนรูปแบบใหม่
...
TRICERA proto (ไทรเซร่า โปรโต)
TRICERA proto คือรถยานยนต์ไฟฟ้าสามล้อแบบเปิดประทุนที่สะท้อนแนวคิด “ความสนุกในการขับขี่” ใช้งานได้จริง มาพร้อมระบบบังคับเลี้ยวสามล้อ (3WS – Three-Wheel Steering System) ให้ทั้งสมรรถนะการเข้าโค้งอันเร้าใจ และ “ประสบการณ์การควบคุมแบบใหม่”ทำให้การเรียนรู้วิธีขับขี่กลายเป็นความสนุกในตัวมันเอง ด้วยแรงบันดาลใจจากความรู้สึกตอบสนองที่รวดเร็วและการเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับกับตัวรถในขณะเข้าโค้ง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ (All-Wheel Steering), TRICERA proto ได้รับการปรับจูนระบบควบคุมการเลี้ยวให้ตอบโจทย์มุมมองด้าน “Human Research” เพื่อมอบความเพลิดเพลินสูงสุดและสร้างความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนกับเครื่องยนต์ในระดับใหม่ รถต้นแบบคันนี้ยังติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมเสียง αlive AD sound control ที่ปรับแต่งเสียงของมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีมิติและเร้าอารมณ์ยิ่งขึ้น เพิ่มความตื่นเต้นและดึงให้ผู้ขับ “มีส่วนร่วมกับประสบการณ์ขับขี่” อย่างเต็มที่ ในด้านการออกแบบดีไซน์ เน้นที่เส้นโค้งของเฟรมกลาง (Center Frame) ถูกออกแบบให้มีโครงสร้างสามล้อ การตัดกันระหว่าง “พื้นที่ของผู้ขับ” และ “พื้นที่ฟังก์ชันการทำงาน” ทำให้ความรู้สึกแตกต่างกันช่วยสร้างภาพลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นและล้ำยุค
...
PROTO BEV (โปรโต บีอีวี)
PROTO BEV รถต้นแบบที่สามารถใช้งานได้จริงคันนี้ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “ความสนุกที่มีได้เฉพาะในรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ความจุสูง” เพื่อยกระดับความสนุกในการขับขี่ให้ถึงขีดสุด และได้ประสบการณ์ขับขี่ที่สนุก ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบรถซูเปอร์สปอร์ต Yamaha ให้ความสำคัญในการดีไซน์ “ความเบา และขนาดที่กะทัดรัด” ส่งผลให้เกิดเป็นรถ EV Supersport ที่ขี่ง่าย คล่องตัว ควบคุมได้อย่างง่ายดาย จากรถเครื่องยนต์สันดาปรุ่นต่างๆ เข้ากับ “ความเรียบลื่น และความแรงเร่งอันทรงพลัง” ของมอเตอร์ไฟฟ้า ตอบสนองคันเร่งได้อย่างเป็นเส้นตรงและแม่นยำ นอกจากนี้ ระบบ Human–Machine Interface (HMI) ยังถูกออกแบบให้ช่วยให้ผู้ขับ “โฟกัสกับการขี่ในสนามได้อย่างเต็มที่” ด้วยปุ่มควบคุมที่จัดวางให้อยู่ในตำแหน่งใช้งานสะดวกที่ปลายนิ้ว พร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ Visualizer และระบบเสียงที่สื่อสารสถานะของรถทั้งในรูปแบบภาพและเสียง PROTO BEV จึงเป็นการผสานเทคโนโลยีไฟฟ้าเข้ากับจิตวิญญาณแห่งความเร้าใจ
...
H2 Buddy Porter Concept (เอชทู บัดดี้พอร์ตเตอร์)
เครื่องยนต์ไฮโดรเจนที่เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Yamaha Motor และ Toyota Motor Corporation ร่วมกันสร้าง “ถังเก็บไฮโดรเจนแรงดันสูงแบบใหม่” ที่มีขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับรถจักรยานยนต์ และสกู๊ตเตอร์ และได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญในการมุ่งสู่ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)” โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาให้รถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ไฮโดรเจนสามารถใช้งานบนถนนสาธารณะได้ในอนาคต โดยยามาฮ่ารับหน้าที่หลักในการพัฒนาเครื่องยนต์ไฮโดรเจน โครงสร้างตัวถัง และชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆ ซึ่งทำให้เมื่อเติมเชื้อเพลิงเต็มถังแล้ว H2 Buddy Porter Concept จะสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตรต่อการเติมเชื้อเพลิงเต็มถังหนึ่งครั้ง ต้นแบบคันนี้ยังได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึง “ข้อกำหนดทางเทคนิคสำหรับการใช้งานบนถนนจริง” ตามมาตรฐานที่มีอยู่ในปัจจุบัน และผ่านการรับรองมาตรฐานมลพิษ Euro 5 รวมถึงข้อกำหนดด้าน NOx อย่างครบถ้วน
Y-00B:Base / Y-00B:Bricolage
Y-00B:Base (วายศูนย์ศูนย์บี เบส) คือคอนเซ็ปต์ eBike รูปแบบใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อให้เจ้าของสามารถ “แสดงตัวตนได้อย่างอิสระ” ดีไซน์เฟรมแบบ Dual Twin ที่บางเบา และมินิมอล ผสานแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อนขนาดกะทัดรัดไว้อย่างกลมกลืน ให้ภาพลักษณ์ที่เรียบหรูและทันสมัย ดโครงสร้างที่ออกแบบให้ยืดหยุ่นต่อการปรับแต่ง ขยายศักยภาพได้ในอนาคต” ทำให้ Y-00B:Base เติบโตไปพร้อมกับเจ้าของ ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ และรสนิยมของแต่ละคนได้อย่างอิสระ กลายเป็น “คู่หู” ที่เชื่อถือได้ในทุกเส้นทาง นอกจากนี้ ยังมาพร้อม USB-PD Converter สำหรับชาร์จอุปกรณ์ได้ทุกที่ระหว่างการเดินทาง และแบตเตอรี่ทรงเพรียวที่ช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากยิ่งขึ้น
Y-00B:Bricolage (วายศูนย์ศูนย์บี บริโคลาจ)
เวอร์ชันคัสตอมสุดพิเศษของ Y-00B:Base ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปีของ Yamaha Motor โดยได้รับแรงบันดาลใจจากผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์รุ่นแรกของยามาฮ่าอย่าง YA-1 (ปี 1955) ผสานสุนทรียศาสตร์การออกแบบ ให้เข้ากับ เทคโนโลยีสมัยใหม่ อย่างลงตัว สร้างสรรค์รูปลักษณ์ และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง
e-Axle for Automotive Drive Unit (อีแอคเซิล ออโตโมทีฟไดร์ฟ)
ชุดขับเคลื่อนไฟฟ้า (Electric Drive Unit) ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการส่งมอบให้กับผู้ผลิตรถยนต์ในอนาคต ด้วยโครงสร้างแบบพิเศษ 3-in-1 ที่ผสานมอเตอร์ อินเวอร์เตอร์ และระบบเกียร์เข้าไว้ในชุดเดียวกัน ทำให้สามารถให้กำลังขับที่สูง ในขณะที่ตัวของเครื่องยนต์มีน้ำหนักเบา และมีขนาดที่กะทัดรัด โดยระบบ e-Axle นี้ออกแบบให้รองรับการใช้งานได้กับรถยนต์หลายประเภท โดยสามารถทำงานกับแรงดันไฟตั้งแต่ 350V ถึง 800V และให้กำลังขับได้สูงสุดถึง 450 kW เทคโนโลยีนี้สะท้อนถึงความสามารถของวิศวกร Yamaha ในการพัฒนานวัตกรรมด้านการขับเคลื่อน เพื่อรองรับโลกยานยนต์ยุคไฟฟ้าในอนาคต
PROTO HEV (โปรโต เอชอีวี)
รถต้นแบบไฮบริด Series–Parallel Hybrid (SPHEV) การสลับระหว่างโหมดการขับขี่เป็นสองรูปแบบอย่างอิสระได้แก่ “Serene” และ “Spirited” ใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาปภายใน รวมเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ผสานโหมดการขับขี่ที่หลายกหลายได้อย่างลงตัว ให้ความเงียบ และนุ่มนวลในการขับขี่ในเมือง พร้อมมอบสมรรถนะที่ทรงพลังและมั่นใจในขณะขับขี่นอกเมือง ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยระบบ power and energy management technology ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่า 35%* เมื่อเทียบกับรถจักรยานยนต์ในระดับเดียวกัน อ้างอิงจากการทดสอบภายในองค์กร ภายใต้โหมด WMTC2-2
PROTO PHEV (โปรโต พีเอชอีวี)
รถต้นแบบเพื่อการวิจัย และพัฒนา (R&D) ที่ผสานรวมกับเสน่ห์ของเครื่องยนต์สันดาปภายในให้เข้ากับเทคโนโลยีไฟฟ้า (EV) เพื่อขยายขอบเขตแห่งความสนุกในการขับขี่รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ความสามารถในการสลับการทำงานระหว่าง เครื่องยนต์ (Engine Mode) และระบบไฟฟ้า (Electric Drive Mode) ผู้ขี่สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งแบบ EV เต็มรูปแบบ หรือ Hybrid Mode ได้ตามสถานการณ์ PROTO PHEV ยังคงรักษาด้านสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับ “ความสนุกในการขับขี่สไตล์สปอร์ต” ที่เป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า เชื่อมโยงศักยภาพของเครื่องยนต์สันดาปเข้ากับอนาคตแห่งการขับเคลื่อน
NACTUS VS TRE-X
NACTUS VS TRE-X คือต้นแบบรถวีลแชร์สามล้อที่ ร่วมมือกับ Nissin Medical Industries มาพร้อมกับชุดขับเคลื่อนแบบเสริมกำลังด้วยไฟฟ้ารุ่น JWX-2 Electric Power-Assist Unit อออกแบบมาเพื่อมอบ “อิสระในการเคลื่อนไหว” รูปแบบใหม่ ยางขนาดใหญ่ 26 นิ้วแบบ Mountain Bike Off-Road ให้ความเสถียรอันเป็นเอกลักษณ์ของรถวีลแชร์สามล้อ ให้การเดินทางสะดวกสบายแม้บนเส้นทางขรุขระและเส้นทางที่ไม่ได้ลาดยางที่รถวีลแชรทั่วไปมักจะประสบปัญหา นอกจากโครงสร้างที่จัดวางคานกลางที่ผสมผสานความแข็งแกร่งแล้ว NACTUS VS TRE-X ยังมาพร้อมคุณสมบัติที่ใช้งานได้จริงมากมาย เช่น แร็คสำหรับติดตั้งอุปกรณ์ใส่สัมภาระด้านหน้า กล่องใส่แบตเตอรี่กันน้ำ และที่วางเท้าที่กว้างขวาง
ONE-MAX Urban / Historical
รถเข็นไฟฟ้าทั้งสองรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อความสมบูรณ์แบบในการเดินทาง และมีเอกลักษณ์” โดยติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า JWG-1 Wheelchair Electric Power Unit ที่ให้ทั้งความคล่องตัวและความมั่นใจในทุกเส้นทาง ด้วยระบบยึดติด (Attachment System) ที่ยืดหยุ่น ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปลักษณ์และฟังก์ชันของรถเข็นให้เหมาะกับจุดหมายปลายทางหรือสไตล์การใช้งานของตนเองได้อย่างอิสระ ONE-MAX Urban เหมาะสำหรับการเดินทางระยะใกล้ ด้วยโครงสร้างขนาดกะทัดรัด และเบาะนั่งแบบตาข่ายที่ช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีกล่องเก็บของขนาดเล็กและอุปกรณ์เสริมสำหรับติดตั้งสมาร์ทโฟน ส่วนรุ่น ONE-MAX Historical เป็นรุ่นทางเลือกที่โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหรา ให้ความรู้สึกเหมือน “กระเป๋าเดินทางที่สรรสร้างขึ้นอย่างประณีต” ตัวถังช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างมั่นคงและราบรื่น การข้ามทางม้าลาย รวมถึงการเดินทางบนถนนฟุตบาทที่ปูด้วยหินหรือคอนกรีตตัวหนอน ในขณะที่เบาะนั่งหุ้มหนังและรายละเอียดอื่นๆ แสดงให้เห็นความประณีตในทุกมิติ
ตัวถังถูกออกแบบให้มั่นคงบนพื้นผิวไม่เรียบ เช่น พื้นศาลเจ้า วัด หรือถนนหินโบราณ ขณะที่เบาะหนังเทียมและรายละเอียดงานออกแบบเผยให้เห็นความประณีตในทุกมิติ ONE-MAX Urban และ ONE-MAX Historical เป็นความร่วมมือระหว่างยามาฮ่าและ Matsunaga Manufactory Co., Ltd.
ภายในบูธ “Feel. Move.” ยังมีพื้นที่ที่ Yamaha Motor ร่วมมือกับ Yamaha Corporation จัดแสดงด้วย Sound xR เป็นโซลูชั่นที่จะให้ความดื่มด่ำไปกับการสร้างสภาพแวดล้อมทางเสียงที่สมจริง และดึงดูดใจอย่างลึกซึ้ง ทั้งในพื้นที่จริงและพื้นที่เสมือนจริง เพื่อปรับแต่งเสียงก้อง (reverberation) ของพื้นที่ และใช้ AFC Image เพื่อควบคุมการกำหนดตำแหน่งภาพเสียง (sound image localization) ได้อย่างอิสระ ระบบทั้งสองนี้ทำงานร่วมกันเพื่อตอบสนองความต้องการของการผลิตเสียงที่ซับซ้อนในการใช้งานที่หลากหลาย เช่น ละครเวที, โอเปร่า และคอนเสิร์ต รวมถึงมอบประสบการณ์การฟังที่สมจริง และนำอุปกรณ์ทางดนตรีมาร่วมจัดแสดงได้แก่
FGDP-30 / FGDP-50
drum pads ที่สามารถเล่นด้วยนิ้วมือ ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเพลิดเพลินไปกับการตีกลองที่ให้ความรู้สึกเสมือนจริงได้อย่างง่ายดาย โดยใช้เพียงแค่นิ้วสร้างจังหวะ เพื่อประสบการณ์การตีกลองด้วยนิ้วที่ง่าย และสนุก
N3X AvantGrand เปียโนไฮบริด เรือธงของยามาฮ่า ที่ให้ความรู้สึกในการเล่นเหมือนกับการเล่นแกรนด์เปียโน แต่มาพร้อมความสะดวกสบายที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ พร้อมกับกลไกคีย์นำเสนอเสียงแกรนด์เปียโนระดับโลกถึงสองรุ่นไว้ในเครื่องเดียวให้ผู้ที่เล่นได้เพลิดเพลินกับเสียงของแกรนด์เปียนโน ระดับโลกของ YAMAHA คือรุ่น CFX และ Bösendorfer Imperial ที่มีชื่อเสียงด้านโทนเสียงที่ทุ้มลึก และอบอุ่นอันเป็นเอกลักษณ์จากกรุงเวียนนา.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/