ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว และความไม่แน่นอนส่งผลกระทบต่อรายได้ ถ้าผ่อนรถไม่ไหว ทำอย่างไรดี ควรคืนรถได้ไหม หรือจะปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการขอลดค่างวด

ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์มีคำตอบสำหรับคนที่ต้องการหาทางออก ผ่อนรถยนต์มาครึ่งทางแล้วแต่เกิดสถานการณ์ทางการเงินไม่คล่องตัวเหมือนแต่ก่อนควรทำอย่างไร ไปหาคำตอบกัน

ผ่อนรถไม่ไหวทำอย่างไรดี

1. สำรวจดูความสามารถในการผ่อนว่า ณ ขณะนี้เราจะสามารถผ่อนรถได้นานแค่ไหน และจะตกอยู่ในภาวะเงินฝืดไปอีกนานเท่าไร

2. เตรียมข้อมูลผลกระทบที่ได้รับ และหลักฐานประกอบ เช่น หลักฐานแสดงรายได้ ค่าใช้จ่ายก่อน และหลังได้รับผลกระทบ ดูว่ามูลค่ารถยนต์ที่เป็นหลักประกันมีราคาสูง หรือต่ำกว่าภาระหนี้แค่ไหน เช่น รถกระบะยี่ห้อเอ ราคา ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 300,000 บาท ยอดหนี้คงค้างกับไฟแนนซ์ คือ 250,000 บาท

3. รีบติดต่อสถาบันการเงิน หรือไฟแนนซ์ เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ โดยส่วนใหญ่ ไฟแนนซ์มีแนวทางในการช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น

- การปรับลดค่างวด

- ยืดเวลาการผ่อนออกไป

...

- เสนอการผ่อนชำระแบบขั้นบันได เช่น ผ่อนจำนวนน้อยๆ ในช่วงที่มีปัญหา และค่อยๆ ปรับเพิ่มสูงขึ้นเมื่อปัญหาเบาลง เพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อน

อย่างไรก็ตาม การขยายระยะการผ่อนออกไปจะส่งผลให้ภาระจำนวนดอกเบี้ยมีจำนวนสูงมากขึ้นด้วย ส่วนค่างวดจะปรับลดลงได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับมูลค่าของรถยนต์ และความสามารถในการผ่อนเป็นสำคัญ

ผ่อนรถไม่ไหว คืนรถได้ไหม

ถ้าถามว่าคืนรถให้ไฟแนนซ์ได้หรือไม่ถ้าผ่อนไม่ไหว คำตอบก็คือ ได้ แต่ทุกอย่างมีเงื่อนไข โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. กรณีที่มูลค่าของรถยนต์สูงกว่าหนี้ เช่น ราคาตลาดอยู่ที่ 500,000 บาท แต่เราเป็นหนี้ไฟแนนซ์อยู่ที่ 250,000 บาท ก็ควรพิจารณาตัดใจลดภาระด้วยการขายรถยนต์คันดังกล่าว โดยใช้วิธีขายเต็นท์ หรือขายดาวน์ เพื่อให้ผู้ซื้อรายใหม่มารับโอนสัญญาเช่าซื้อไปผ่อนต่อ

ทั้งนี้ ข้อดีจากการโอนสัญญาเช่าซื้อคือ ไม่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มซ้ำซ้อน เนื่องจากค่างวดเดิมมีการคิดภาษีมูลค่าเพิ่มรวมอยู่แล้ว แน่นอนว่าดีกว่าการปิดบัญชีเดิม และไปกู้ใหม่ เนื่องจากจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตอนปิดบัญชีหนึ่งครั้ง และเมื่อกู้ใหม่ก็จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอีกหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นการรักษาประวัติเครดิตของผู้กู้ได้อีกทางหนึ่งด้วย

2. กรณีที่รถยนต์มีมูลค่าต่ำกว่าราคาตลาด เช่น ราคาตลาดอยู่ที่ 200,000 บาท แต่มูลค่าหนี้อยู่ที่ 400,000 บาท ลูกหนี้ควรพิจารณาตัดใจลดภาระด้วยการขายแบบขาดทุน หรือคืนรถให้แก่ไฟแนนซ์ เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้ต่ำที่สุด ซึ่งการชะลอการส่งมอบรถคืนจะทำให้ไฟแนนซ์ขาดทุนจากการขายทอดตลาด เพราะราคาที่ตกต่ำลงตามอายุของรถ ซึ่งลักษณะแบบนี้จะส่งผลให้ลูกหนี้ต้องแบกรับภาระค่าเสียหายที่สูงขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม การส่งมอบรถคืนไฟแนนซ์ ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่า ลูกหนี้มีความตั้งใจในการร่วมแก้ไขปัญหาหนี้ ซึ่งลูกหนี้อาจใช้ในการเจรจาเพื่อขอความเห็นใจในการขอผ่อนชำระค่าเสียหายที่ลดลง หรือขอส่วนลดให้มากขึ้นเพื่อบรรเทาภาระหนี้

ผ่อนรถไม่ไหว ปรับโครงสร้างหนี้ได้หรือไม่

กรณีที่เราไม่สามารถจ่ายชำระค่างวด ควรรีบติดต่อไฟแนนซ์ หรือ ธนาคาร เพื่อขอพักชำระหนี้ หรือลดการจ่ายค่างวดชั่วคราว โดยเราต้องแจ้งให้ลิสซิ่ง หรือไฟแนนซ์ ทราบก่อนว่า เราได้รับผลกระทบด้านรายได้อย่างไร เช่น ตกงานกระทันหัน หรือ เงินหมุนไม่ทัน ซึ่งทางทีดีต้องมีหลักฐาน หรือ เอกสารประกอบการขอลดค่างวด หรือพักชำระค่างวดด้วย

...

อย่างไรก็ตาม เราควรศึกษามาตรการช่วยเหลือของไฟแนนซ์มาก่อน เพื่อให้การเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น ในกรณีที่มีผู้ค้ำประกัน ก็ควรจะแจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบ

หลังจากการปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระค่างวด หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่แล้ว เราควรควรปฏิบัติตามเงื่อนไขใหม่ที่ตกลงไว้ โดยเฉพาะการรักษาสภาพรถ ไม่นำไปจำนำต่อ หรือไม่ส่งคืนรถโดยไม่รับรู้ทั้งสองฝ่าย และไม่ก่อหนี้เพิ่มเติม

หากหนี้รถกลายเป็น NPL แล้วจะทำยังไงดี

ในกรณีนี้ ไฟแนนซ์จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ และใช้สิทธิ์เข้าครอบครอง หรือเรียกง่ายๆ ว่า ยึดรถ แน่นอนว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการยึด

ที่สำคัญจะทำให้การเจรจาเรื่องค่าเสียหายเป็นไปได้ยากขึ้น เนื่องจากการเราไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาหนี้

อย่างไรก็ตามหากไฟแนนซ์ ไม่สามารถติดตามนำรถกลับมาได้ ก็จะทำการฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อเรียกรถคืน เมื่อศาลพิพากษาแล้ว สถาบันการเงินจะทำการสืบทรัพย์อื่นใดที่ลูกหนี้มี

จากนั้นจะมีการร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์นั้นมาจำหน่าย เพื่อนำเงินมาชดเชยหนี้ตามคำพิพากษาต่อไป

แน่นอนว่า นอกจากประวัติข้อมูลเครดิต และจำนวนความเสียหายที่สูงขึ้นแล้ว ยังมีโอกาสสูญเสียทรัพย์อื่นๆ ของทั้งตัวลูกหนี้เอง และผู้ค้ำประกันอีกด้วย

รับจำนำรถติดไฟแนนซ์ ไปขายต่อ ผิดกฎหมายเจอโทษอะไรบ้าง

รู้หรือไม่ หากรับจำนำรถติดไฟแนนซ์ หรือผ่อนยังไม่หมด ไปขายต่อ ผิดกฎหมายเจอโทษทั้งปรับ ทั้งติดคุก ฐานยักยอกทรัพย์ รับของโจร

ผู้เช่าซื้อ หรือผู้ที่นำรถไปจำนำ : เมื่อทำสัญญาเช่าซื้อรถ และยังผ่อนอยู่ มีสิทธิครอบครอง และใช้ประโยชน์เท่านั้น ไม่มีสิทธินำรถไปจำนำ หรือไปขาย เพราะไฟแนนซ์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถ

...

ผู้รับจำนำ หรือผู้ที่นำรถไปขายต่อ : หากใครรับจำนำรถจากผู้จำนำยังผ่อนอยู่ เมื่อผู้จำนำไม่ชำระหนี้ ไถ่ถอนจำนำภายในเวลาที่กำหนด ผู้รับจำนำจะนำรถไปขายโดยพลการไม่ได้ ต้องส่งหนังสือบอกกล่าวให้ผู้จำนำชำระหนี้ หรือไถ่ถอน ถ้าไม่ไถ่ถอน ต้องบังคับหนี้ด้วยวิธีนำรถออกขายทอดตลาดเท่านั้น ถ้าขายด้วยวิธีอื่นเป็นการขายโดยทุจริต

หากไฟแนนซ์เจ้าของกรรมสิทธิ์รถ ติดตามรถคืน แต่ผู้เช่าซื้อ/ผู้จำนำ นำรถมาคืนไม่ได้ มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

บุคคลภายนอก หรือผู้ที่รับซื้อรถหลุดจำนำ : คนที่รับซื้อรถหลุดจำนำ โดยรู้ หรือควรจะรู้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากทำความผิด ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ หรือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ เช่น ราคาถูกกว่าท้องตลาด รถไม่มีเล่มทะเบียน รถยังผ่อนอยู่ ผู้ขายไม่มีกรรมสิทธิ์

หากไฟแนนซ์เจ้าของกรรมสิทธิ์รถ ติดตามรถคืน แต่ผู้เช่าซื้อ/ผู้จำนำ นำรถมาคืนไม่ได้ มีความผิดฐานรับของโจร จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขอบคุณข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานกิจการยุติธรรม