ย้อนไปในเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะมีพระอิสริยยศเป็นร้อยเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร ประจำการอยู่ที่หน่วยทหารจังหวัดพิษณุโลก ทรงทราบว่าที่หมู่บ้านหมากแข้ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาไม่ห่างจากภูหินร่องกล้า เป็นหมู่บ้านเดียวในขณะนั้นที่ไม่เข้าร่วมกับกลุ่มคอมมิวนิสต์ จึงถูกโจมตีอย่างหนัก ทำให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านเสียชีวิตจำนวนมาก เฮลิคอปเตอร์ที่มารับส่งทหารก็ถูกยิงตกทับบ้านเรือนราษฎร ชาวบ้านเสียขวัญต้องอพยพหนี จึงมีรับสั่งกับ พล.ท. สมศักดิ์ ปัญจมานนท์ แม่ทัพภาคที่ 3 ว่า
“จะต้องไปแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นให้ได้”


...

แม้ว่า แม่ทัพภาคที่ 3 จะกราบบังคมทูลทัดทาน เนื่องจากสถานการณ์ขณะนั้นไม่น่าไว้วางใจ แต่พระองค์ก็ทรงยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “ชักช้าไม่ได้ ต้องไปแก้ไขให้ได้ในวันนี้ และเดี๋ยวนี้” จากนั้นเวลา 15.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 มีรับสั่งให้นักบินนำเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง มุ่งไปยังฐานบ้านหมากแข้งทันที
แต่ขณะที่เฮลิคอปเตอร์กำลังจะร่อนลง ยังไม่ทันที่จะแตะพื้น ฝ่ายผู้ก่อการร้ายได้ระดมยิงมายัง ฮ. จนไม่สามารถลงจอดได้ วินาทีนั้น ร้อยเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ทรงกระโดดลงมาจากความสูงประมาณ 2 เมตร แล้ววิ่งฝ่ากระสุนหลบเข้าที่กำบังอย่างกล้าหาญ



...

เมื่อทรงถึงที่มั่น พระองค์ก็ได้ทรงบัญชาการรบทันที รับสั่งให้ทหารตามเสด็จ ยิงโต้ตอบผู้ก่อการร้าย และยังมีคำสั่งให้วิทยุไปยังหน่วยทหารปืนใหญ่จากฐานบ้านห้วยมุ่น ยิงถล่มพิกัดของผู้ก่อการร้ายที่ซุ่มซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก


...



...
เวลา 16.00 น. ร้อยเอก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงบัญชาการหน่วยทหารให้ชุดปฏิบัติการออกลาดตระเวน โดยทรงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดด้วยพระองค์เอง แม้แม่ทัพภาคที่ 3 ได้กราบบังคมทูลทัดทานด้วยเกรงว่าจะทรงได้รับอันตราย แต่พระองค์มีรับสั่งว่า “ฉันต้องไปเพราะว่าเป็นหน้าที่ของทหาร” ทรงนำหน้าทหารบุกตะลุยไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยอันตราย ท่ามกลางเสียงปืนดังไม่ขาดสาย แต่พระองค์ไม่ได้ทรงหวั่นเกรงแต่ประการใด ในที่สุดผู้ก่อการร้ายก็ต้องล่าถอยไป




จากนั้นทรงฝ่าดงกับระเบิดไปจนถึงหมู่บ้านหมากแข้ง เสด็จไปยังบริเวณที่เฮลิคอปเตอร์ถูกยิงตก ทรงตรวจสภาพเฮลิคอปเตอร์ แล้วทรงปลอบขวัญราษฎร ทรงขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าทหารจะคุ้มครองความปลอดภัยให้อย่างเต็มที่ และได้เสด็จไปโรงเรียนบ้านหมากแข้งที่เคยถูกผู้ก่อการร้ายปิดล้อมและยึดไว้ แต่ฝ่ายรัฐยึดกลับคืนมาได้ เพื่อพระราชทานกำลังใจแก่ครูและนักเรียน


คืนนั้น ในหลวง รัชกาลที่ 10 ในขณะที่กำลังปฏิบัติการรบเคียงบ่าเคียงไหล่ทหารผู้ใต้บังคับบัญชา ทรงประทับแรมร่วมกับทหารที่ฐานปฏิบัติการ โดยทรงบรรทมในหลุมเพลาะบุคคล ซึ่งมีความลึกประมาณ 2 ฟุต หลังคามุงด้วยหญ้าคา ทรงใช้เป้ทหารหนุนพระเศียร และบรรทมในชุดเครื่องแบบสนามที่ทรงนำไปชุดเดียว โดยไม่มีเครื่องกันหนาวหรือผ้าห่มแม้แต่ผืนเดียว
นายอินตา สิงขรณ์ ผู้ใหญ่บ้านหมากแข้ง ยังคงจำเหตุการณ์การครั้งนั้นได้ดี เล่าว่า "พระองค์ท่านทรงปฏิบัติเหมือนทหาร ตื่นตั้งแต่ตี 5 นอนตอนกลางคืนไม่มีผ้าห่มพระวรกาย ยังไม่ได้สรงพระพักตร์ก็ออกลาดตระเวนกับหน่วยทหาร เสวยข้าวจี่ ทาไข่กับปลาร้า ครั้งนั้น ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นเยอะ รู้สึกว่ารอดจากภัยคอมมิวนิสต์ รอดจากความตายแล้ว ก็พากันดีใจและภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง"




นี่คือที่มาของ “อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง” ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ซึ่งเป็นบทบาทหนึ่งของวีรกษัตริย์ รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี และอาจเป็นกษัตริย์พระองค์แรกหลังจากรัชกาลที่ 2 เป็นต้นมา ซึ่งทรงมีโอกาสได้เข้าสู่สมรภูมิรบด้วยพระองค์เอง เพื่อปกป้องประชาชนและประเทศชาติ
อ้างอิง : https://www.thaipbs.or.th/news/content/258339
อ้างอิง : https://www.nationtv.tv/news/378805431
อ้างอิง : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000077287
อ้างอิง : http://www.thealami.com/main/content.php?page=sub...
เรวัช กลิ่นเกษร แฟนคลับ