Bangkok International Motor Show 2025 ใกล้จบลงโดยวันสุดท้ายก็คือวันนี้ 6 เมษายน 2568 หากใครคิดจะจับจองรถคันใหม่เข้าบ้าน วันสุดท้ายเป็นวันยกพลขึ้นบกซึ่งบางค่ายจะลดแลกแจกแถมกันสุดขั้วเพื่อสร้างยอดปิดงานให้สมภาคภูมิ แต่ในภาพรวมเมื่อดูจากผลงานเมื่อปลายปี และเทียบกับต้นปี 2024 จะเห็นแนวโน้มของแต่ละค่ายที่แม้จะไม่ได้ฟันธงชะตา 100% แต่พอสามารถเห็นแนวโน้มได้ว่าค่ายเหล่านี้จะก้าวเข้าสู่ท้ายปีด้วยสภาพไหน

...

กว่าบทความนี้ออกอากาศ งานมหกรรมยานยนต์ต้นปีก็คงมาถึงวันสุดท้ายแล้ว แม้ว่าสัญญาณชีพทางเศรษฐกิจจะยังดูไม่ค่อยดีนักจากการที่ยอดผลิตรถในประเทศรวมถึงยอดส่งออก มาถึงจุดที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เราอยู่ในสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการขายรถจริงๆครับช่วงนี้ ค่ายไหนที่ยอดพุ่ง นับว่าเยี่ยม ค่ายไหนที่ประคองตัวอยู่ได้ อาจเป็นเพราะรากที่ฝังลงดินนั้นแน่นแข็งจริง ผมลองเทียบยอดจอง 7 วัน ย้อนหลังกับงาน Motor Expo 2024 และย้อนไปถึงงาน BIMS2024 แล้วพิจารณาประกอบกับสิ่งต่างๆที่เกิดก็พอจะนึกได้ว่าปลายปีจะมีชะตาอย่างไรกันต่อ

...

...

สำหรับ Toyota ยักษ์นัมเบอร์วัน ในช่วงนี้พยายามเน้นโปรโมทแคมเปญบริการหลังการขายอย่าง Trusted Services ที่ครอบคลุมทั่วประเทศและสร้างความมั่นใจอะไหล่มีกี่ล้านชิ้นไม่บอกหรอกแต่เบิกแล้วได้เร็วแล้วกัน แนวโน้มยอดจองของงานนี้ก็น่าจะปิดยอดได้ดีกว่างานปลายปีราว 20-25% อนาคตของพวกเขาจึงมั่นคงว่าอยู่นานๆ แถมช่วงกลางปียังมีแนวโน้มว่ารถเล็กของค่ายอย่าง Yaris ATIV Hybrid จะตามมาเปิดตัว รถรุ่นนี้กับ Yaris Cross เป็นวัวนมให้ Toyota รีดกินแบบไม่พร่องมันเนยไปได้อีกนาน ใครบอกว่า Toyota จะตาย ผมว่าผมตายก่อนครับ

...

แต่ฝั่งญี่ปุ่นตัวเอ้ ที่เคยผงาดในบ้านเรามาหลายทศวรรษอย่าง Honda กับ Isuzu ตอนนี้ถือว่าน่าห่วง ไม่ใช่น่าห่วงเพราะบริษัทจะเจ๊งนะครับ เขาไม่เจ๊งง่ายๆหรอก เพราะเขาเอาตัวมัดกับต้นไทร ถ้าพายุไม่แรงเท่าไหร่ยังไงก็ไม่ล้ม แต่ก็ดูจะลำบากทั้งคู่ Honda นั้นมีแต่ตลาดเก๋ง และในงานนี้ก็มีรถใหม่แค่รถไฟฟ้า e:N1 ที่ราคาเกินประสิทธิภาพถ้าวัดกับรถจีน (อย่าเพิ่งด่า เอาสเป็คมากางดูก่อน ส่วนเรื่องขับดีหรือชื่อเสียงดี แล้วแต่คุณจะเชื่อ) เชื่อว่าความเป็น Honda ยังไงก็ขายได้เพราะความน่าเชื่อถือเหมือนเพื่อนบ้านที่อยู่กันมานานแม้จะทะเลาะกันบ้างก็ตาม ยอดจองของเขาในงานนี้ก็ดูท่าจะไม่ต่างจากงานก่อนๆมากนัก ถือว่ายังทรงตัวได้อยู่

ฝั่ง Isuzu นี่สิครับ ความน่าสงสารของเขาก็คือเป็นเจ้าที่ขายรถให้คนแทบจะ 20% ของประเทศ ซึ่งฐานะไม่ได้ร่ำรวย เมื่อตลาดกลุ่มนี้ออกรถไม่ได้เพราะสินเชื่อไม่อนุมัติ Isuzu ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังให้คนกลุ่มนี้มาตลอดก็เหนื่อยไปด้วย รถที่ยังช่วยพยุงยอดได้คือ MU-X ที่เพิ่งได้รับพลัง 2.2 ลิตรใหม่ไป และการคิดค้นเอารถรุ่นใหม่มาขายเพื่อเสริมตลาดตัวเองก็คงเกิดขึ้นได้ยาก ไม่ใช่ว่า Isuzu บริหารหรือบริการไม่เป็นหรอกครับ แต่เป็นอุดมการณ์ที่เขาจะอยู่ข้างลูกค้าของเขาไม่ว่าจะชีวิตขาขึ้นหรือลง แม้แต่ในงานก็ยังเอา Faster Z มังกรทองรุ่นพ่อ มา Restomod ใหม่กลายเป็น DragonMax ซึ่งวิธีคิดของ Isuzu ทุกแบบ ปรัชญาการทำธุรกิจของเขา มันสะท้อนเป็นเงาอยู่ในรถคันนี้ ก็คืออยู่มานาน พยายามที่จะทันสมัยตามโลก แต่ก็จะยังยืนยันใช้แรงงานไทย ใช้คนไทย และพาร์ทของแต่งที่ทำโดนคนไทยให้ได้มากที่สุด

ส่วน Mazda อะไรที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น ยอดจองเทียบกับงานสองครั้งก่อนหน้านี้ลดลง ซึ่งก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะรถ EV ตัวใหม่ก็ยังไม่พร้อมลงขาย และรถรุ่นอื่นที่มีอยู่ก็อายุมากเต็มที ต้องบอกว่าที่ขายได้ตอนนี้คือความสามารถของเซลส์ซะเยอะ ส่วนตัวรถนั้น ก็ยังแปลกใจว่า Mazda 2 อัปเดตใหม่เกิดอะไรขึ้น ผมดูรายการอุปกรณ์ที่เข้ามากับที่ตัดออก กับราคายังรู้สึกว่า ลูกค้าจะเอาหรือแบบนี้ แต่ก็เอาใจช่วยครับ

ในขณะที่ Nissan นั้น ยอดจองในงานล่าสุด ดีขึ้นกว่างานก่อนๆราว 40-45% เลยทีเดียว ซึ่งที่น่าตกใจก็คือรถอย่าง Serena C28 e-Power ใหม่ก็ฟันยอดจองไปไม่น้อย ลบคำสบประมาท และทำให้เราได้รู้ว่าแม้คุณจะซื้อ EV MPV จีนได้ในราคานี้ แต่ยังมีคนอีกเยอะที่เชื่อมั่นใน Nissan เพียงแต่ว่าที่ผ่านมา Nissan ไม่ขายรถที่เขาต้องการ เครดิตส่วนหนึ่งก็ต้องยกให้ทีมดาบของ Nissan ที่พยายามเจรจาตบราคาลงมาจากที่คาดกันว่า 1.9 ล้าน ลงมาเหลือ 1.69 ล้านบาท เมื่อทำดี ก็ได้ดีครับงานนี้

Mitsubishi ได้ความสดใสวัยรุ่นจากการเปิดตัวของ XForce ใหม่ ที่ตอนแรกหลายคนบอกว่าราคาแพง แต่ถ้ามองข้ามเรื่องวัสดุในห้องโดยสารไปและมองจากมุมที่ว่าตัวรถจริงๆแล้วถูกส่งมาให้เป็นคู่แข่ง HR-V มากกว่ารถระดับ Yaris Cross ก็จะกลายเป็นรถที่ราคาไม่แพง..เรียกได้ว่าสอดกึ่งกลางระหว่างสองกลุ่มนี้ ในขณะที่อุปกรณ์ให้มาจบครบกว่า Xpander HEV แบบที่ลองเล่นแล้วก็หายสงสัยว่าทำไมราคามันแพงกว่ากัน เขาแพงเพราะเขาให้ของจริงครับ และ XForce น่าจะเป็นตัวช่วยพยุง Mitsubishi ไปได้แบบยาวๆ พร้อมกันกับที่กระแสของ Mitsubishi Triton เริ่มดีขึ้นตามลำดับด้วย ในงานนี้ แนวโน้มน่าจะปิดยอดได้มากกว่างานปลายปีที่แล้วราว 20-25%

ส่วนค่ายอินดี้แบบ Suzuki ปลายปีที่แล้วยอดหดมากเพราะมีกระแสการเลิกประกอบรถในไทย ทำเอาคนกลัวว่า Suzuki จะเลิกกิจการ แต่เวลาผ่านไป ความเชื่อมั่นก็กลับมา เพราะ Suzuki มีความชัดเจนว่าจะก้าวอย่างไรต่อไป แนวโน้มปิดยอดงานนี้น่าจะดีกว่างานปลายปีได้ 60-65% ครับ ก็คือกลับไปเท่าสมัยก่อนประกาศเลิกประกอบรถในไทยนั่นเอง

ถ้าผมมองว่าใครน่าห่วง Ford น่าเป็นห่วงกว่าครับเพราะ 3 งานที่ผ่านมา ยอดจองดูจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ถ้าให้เดาก็คาดว่า Ford ขาดรถใหม่สด ตอนนี้น่าจะต้องเล่นมุกแปลงร่างเสริมของปรับชุดแต่งกับ Ranger และ Everest ไปจนกว่าจะใกล้รัฐบาลใหม่ และแม้ Ford จะมี Ranger XLS ที่ราคาพิเศษ 799,000 บาท แต่ก็ดูเหมือนว่ากลุ่มกระบะราคาถูกจะยังมั่นใจเจ้าตลาดมากกว่าอยู่ดี

มาทางค่ายจีน ต้องบอกว่ามังกรไชโยมาก ถ้าคุณลองเทียบกับเมื่อสัก 2-3 ปีก่อน รถจีนมีไม่กี่บูธ แต่ตอนนี้ เรียกได้ว่าครึ่งงานถูกครองโดยรถจีน ส่วนมากเป็นรถไฟฟ้าหรือพลังงานทางเลือกเสียด้วยครับ ที่ดูจะรุ่งมากที่สุด ของคงเป็นค่าย GAC AION ซึ่งเดิมตอนเปิดตัว Y Plus ก็ดูจะสะดุดๆเหมือนแผ่นเสียงตกร่องกับการตั้งราคา แต่ในรุ่นหลังๆมาเริ่มนิ่งขึ้น ดูจะไม่หลงเล่นสงครามราคาบ้าเลือดมากๆเหมือนช่วงปีก่อน รถอย่าง AION V ก็ปรับราคาลงไม่กี่หมื่นบาทก็ยังไม่ค่อยมีใครด่า แต่สิ่งที่ดึงยอดมากๆ น่าจะเป็น UT รถน้องเล็กตัวใหม่ที่มีข่าวออกไปว่ารุ่นถูกสุดราคาจะไม่ข้ามห้าแสนบาท ตรงนี้คือจุดที่เรียกความสนใจได้มาก หน้าตารถถูกจริตวัยรุ่น ราคาก็ไม่ต้องล้มวัวล้มควายไปซื้อ เอาเป็นว่ายอดจอง ณ ขณะนี้ดีกว่างานเมื่อปลายปี 158% คุณคิดว่าพวกเขาจะจบที่เท่าไหร่ล่ะครับ

เช่นเดียวกับ DEEPAL ซึ่งได้อานิสงส์จากการเปิดตัวและเปิดราคารุ่น S05 มาในแบบที่คนไทยเห็นแล้วรู้สึกว่ารถถูกเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ คนแน่นเต็มบูธ คิวทดลองขับยาวจนแทบจะอยากบินไปซื้อรถค่ายอื่น มีโอกาสปิดยอดจองในงานนี้ได้มากกว่าปีที่แล้ว 200% บวกๆด้วยครับ ก็สมกับที่ลงทุนลงแรงตั้งโรงงานประกอบ S05 ในไทย

อีกค่ายหนึ่งที่ป๊อปมากด้วยการสวนกระแสสุดๆคือ GWM ซึ่งเปิดตัวรถเหลี่ยมย้อนยุคอย่าง TANK 300 ซึ่งตอนเป็นรุ่นไฮบริดนั้นยอดขายไปเอื่อยๆตรงข้ามกับพลังของรถ แต่พอเปิดตัวรุ่นดีเซล 2.4 ลิตร แล้วทำราคามาน่ารัก ชนิดที่ว่าบางคนซึ่งเคยมองรถ B-SUV ของญี่ปุ่น เจอราคา TANK 300 ตัวเปิดต่ำล้านเข้าไป มีซวนเซกันเป็นแถบ บอกว่าราคาพิเศษแค่ 800 คัน ไอ้ 800 คันนั้นก็หมดไปตั้งแต่ครึ่งแรกของงาน นับว่าทำดีได้ดีสำหรับค่ายนี้ เมื่อรู้ว่าคนไทยชอบดีเซล ก็ทำรุ่นดีเซล ประกันเครื่อง 8 ปี/1,000,000 กิโลเมตรอีกต่างหาก ค่ายนี้ ปีที่แล้วมีคนบอกแต่ว่าจะกลับบ้านจีนเมื่อไหร่ ตอนนี้ พอจะมีแนวโน้มที่จะปิดยอดจองงานนี้ได้มากกว่าปีก่อน 150-160% ก็ถือว่าพี่ๆใน GWM หายใจกันคล่องคอแล้วล่ะครับ

ค่ายอื่นอย่าง MG ก็ไม่ใช่ย่อยนะครับ ตัวเลขยอดจอง 7 วันแรกดีกว่างานปลายปีถึงเท่าตัว อยากจะเชื่อว่าเป็นผลงานของ S5 EV รุ่นใหม่ แต่ถ้าให้ผมเดา ไม่น่าจะไปดีขนาดนั้นครับ คุณไปเดินดูเองแล้วกันว่าจำนวนคนเทียบกับบูธ DEEPAL ต่างกันขนาดไหน แต่ไม่ใช่รถเขาไม่ดีนะครับ สำหรับสายเน้นใช้เน้นขับหรือเน้นแรง S5 EV ตัวท้อปก็ไม่เลว เพียงแต่รถยังไม่จับจริตกระแสหลัก ยอดจองที่พุ่งอยู่นั้น น่าจะเป็นแรงบุญของ MG4 D และ D Long Range รุ่นย่อยใหม่วิ่งไกลราคาดี ที่ทำให้ MG สามารถมีโอกาสปิดยอดได้มากกว่างานปลายปี 80-90%

เรียกว่าค่ายมังกรเกือบทั้งหมด..อยู่ในขาขึ้นเลยดีกว่าครับ แม้แต่หน้าใหม่อย่าง GEELY หรือค่ายที่มีรถแค่สองรุ่นอย่าง XPENG ก็ทำยอดไต่ขึ้น แต่ถ้ามังกรไหนดูจะอยู่ในขาลง ก็คงจะมีแต่ NETA ซึ่งในสองงานก่อนหน้านี้ยังทำตัวเลขได้ดี แต่ในงานนี้เทียบกับงานปลายปี ยอดจองหล่นไป 65% แต่ก็คือไม่แย่นะครับ เทียบกับสิ่งที่คนกำลังมองค่ายนี้อยู่ ณ ขณะนี้ แม้ทางค่ายจะดิ้นรนพยายามหาเงินทุนเพื่ออยู่รอด และพยายามโน้มน้าวให้เห็นทางรอด แต่สายอนุรักษ์นิยม คงขอดูกันจนกว่าจะสิ้นปีการเงินปีนี้ว่าแนวโน้มจะไปทางไหน

และนี่ก็คือ สรุปรวมว่าใครรุ่ง ใครร่วง ใครรักษา Momentum ได้ดี เราลองมาลุ้นกันในอีกไม่กี่วันครับ ว่าใครจะเป็นแชมป์พัฒนายอดจองได้ดีที่สุด สำหรับงาน Bangkok International Motor Show 2025 นี้


Pan Paitoonpong